-รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -รักพัดหวน- ตอนพิเศษ [11/09/59]+ แจ้งข่าว หน้า14  (อ่าน 171365 ครั้ง)

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
 o13 :mew2: :mew1: ตอนพิเศษ น่าร้ากกก

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
ตอนพิเศษน่ารักกกก อยากอ่านตอนต่อไปไวๆแล้วค่ะ เพลงนะเพลงไปทำคุณสิงห์แบบนั้นซะได้ โธ่ ; - ;

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
รอต่อคร้าบ

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มารอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ตามอ่านมานานแล้ว เลยอยากให้กำลังใจครับ

สารภาพตามตรงว่าไม่รู้จะคอมเมนท์อะไรดี เพราะไม่รู้จะติอะไรครับ ทุกอย่างค่อนข้างมีความลงตัว เรื่องนี้ถือเป็นนิยายรักที่ผมชอบนะครับ เพราะในหลายๆมุมมองมีความพอดีที่ไม่มากไป และไม่น้อยไป

ตัวละครมีความเป็นเอกลักษณ์ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง(ในที่นี้คือมีที่มาที่ไป มีรายละเอียดพื้นเพครอบครัว มีเหตุผลรองรับนิสัยตัวละครครับ) มีมิติของคาแรกเตอร์ ทั้งสีหราช และคีตกาล ทั้งคู่ดูเป็นคาแรกเตอร์ที่มีน้ำหนักครับ คีตกาล...เราอาจจะยังไม่เห็นเรื่องครอบครัวเท่าไหร่ แต่สำหรับสีหราช เราเห็นเขาชัดในพาร์ทย้อนอดีต ซึ่งทำออกมาได้ดีมาก บรรยายความรู้สึกได้ดีครับ สร้างสัมผัสให้ดื่มด่ำกับความมีเหตุมีผลและรองรับกับพล็อตได้ดี ผมรู้สึกว่าทั้งสีหราชและคีตกาลเป็นตัวละครที่จับต้องได้ การกระทำของเขามีพื้นฐานจากนิสัย นิสัยของเขาเกิดจากการเลี้ยงดูหรือปมในช่วงวัยเด็ก ซึ่งตรงนี้เป็นพล็อตที่อธิบายออกมาจนสัมผัสได้ ส่งอารมณ์ได้ดีครับ

การบรรยายและดำเนินพล็อตก็ถือว่าดีครับ เข้าใจว่าอยากให้นิยายเป็นนิยายรักสนุกๆไม่หนักมาก จึงมีมุขน่ารักๆ (ความขี้หึงของทั้งคู่ ความรั่วนิดๆของคีตกาล และพล็อตสามคนของอิ่มเอม) เสริมมาเสมอเพื่อดึงโทนเรื่องไม่ให้จมไปกับโทนรัก หรือโทนดราม่ามากเกินไปนัก สำหรับผมมันถือว่าโอเคนะ แต่ว่าอยากให้คุมมุขพล็อตสามคนของอิ่มเอมนิดนึงครับ บางครั้งผมรู้สึกว่ามันดึงให้เรื่องดูไร้สาระไปนิดหน่อยจนไม่เรียล(ถ้าเทียบกับบรรยากาศของคู่สีหราช-คีตกาล) ภาษาก็ค่อนข้างสวย เขียนได้ถูกต้อง อาจมีคำผิดบ้างเล็กน้อย ก็อยากให้ตรวจสอบอักษรรอบสุดท้ายก่อนลงครับ

พล็อตหลักผมว่าผมไม่เห็นนะครับ ผมเห็นแต่ประเด็นหลักๆว่า 'สีหราชและคีตกาลจะกลับมารักและคบกันอีกเมื่อไหร่' แค่นี้ ซึ่งสำหรับผมแล้วมันโอเค เพราะเรารู้จุดมุ่งหมายแล้ว นอกนั้นเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมรายทางครับ ส่วนตัวที่ผมชอบคือผู้แต่งให้รายละเอียดเรื่องเก่าๆที่เคยคบกัน ความรู้สึกหวั่นไหว ผ่านทางเหตุการณ์ปัจจุบันได้ดี ถ้าจะมีให้แนะนำเพิ่มอีกนิด ก็คือทำให้รายละเอียดเพิ่มเติมนั้นดูมีน้ำหนักมากขึ้นครับ คุณอดิศร คุณเกียรติศักดิ์ รวมถึงพล็อตในอนาคต อยากให้สร้างพื้นเพและความสมเหตุสมผลของตัวละครกับเหตุการณ์ขึ้นอีกแบบคีตกาลหรือสีหราช มันจะทำให้แนวทางดำเนินเรื่องดูน่าสนใจขึ้นครับ

ปริมาณความยาวต่อตอนก็ถือว่าดีครับ ใช้สัญลักษณ์หรือตัวคั่นวรรคตอนก็เหมาะสม เรื่องระยะเวลาการแต่งหรือการลง สำหรับผมก็ไม่มีปัญหา แต่เห็นว่าคุณไซน์เขียนเรื่อง intoxication ไว้ด้วย ส่วนตัวแล้วก็อยากให้ทุ่มเทไปทีละเรื่องนะครับ เลยขอเป็นกำลังใจให้ สู้ๆครับ :)

ออฟไลน์ Arzumi

  • #เจ้าหนูจาไม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สู้ๆ คร้าบบบบ :katai5:

ออฟไลน์ ploysure

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบมากกกกกกก เพิ่งได้มาอ่าน พลาดดดจริงๆ

มาต่อเร็วๆนะคะรออยู่น้า :katai5: :katai4:

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3
-รักพัดหวน-
ยามเมื่อลมพัดยอดไม้ไหวเอน










“ฮาเซลนัทลาเต้แก้วหนึ่งครับ”  ครู่ใหญ่กาแฟสดพร้อมด้วยแซนวิชกล่องเล็กก็ถูกนำมาวางตรงหน้า  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“สิงห์  ขอบใจนะ!”

“อืม”  ร่างสูงเพียงพยักเพยิดให้อีกฝ่ายรีบกินก่อนที่กาแฟจะคลายความร้อน

“แล้วไม่มีเรียนหรือ?”  คีตกาลกัดแซนวิชคำโตกลืนลงท้องแล้วเอ่ยถาม

“อีกชั่วโมงหนึ่ง”

“อื้ม”

“ลำเอียงเป็นบ้า!”  สีหราชเหลือบสายตามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างคีตกาล  ชายชาญจ้องเขาตาแทบถลน  คีตกาลหัวเราะแล้วยื่นกล่องแซนวิชที่เหลืออีกชิ้นให้เพื่อน  “กาแฟล่ะ?”

“?”  สีหราชเอียงคอมอง  “ไม่มี”

“.....”  คนถามได้แต่อ้าปากค้าง  นึกอยากด่าน้ำใจอันน้อยนิดก็ด่าไม่ออก  จนเมื่อร่างใหญ่โตของอิ่มเอมเดินเข้ามานั่งตรงข้ามเขาพร้อมกาแฟ   ....แก้วละ10 บาท  วางตรงหน้าเขาและตัวเอง     แม้ไม่ค่อยพอใจหากชายชาญก็คว้ามาดูดทีเดียวเกือบหมดแก้ว  แล้วจึงบ่นว่ามันหวานจนเลี่ยน  หนำซ้ำกินแล้วยังไม่หายง่วงด้วย   อิ่มเอมมองคนบ่นพลางทำตาปริบๆ  ยื่นแก้วของตัวเองที่เหลือครึ่งแก้วไปให้คนตรงหน้า  ชายชาญเบ้ปากใส่  ก่อนจะเอาหลอดจากแก้วตัวเองเสียบลงไปแล้ว  ดูด....

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เวลาพักกลางวันของพวกเขา  ทั้งหมดจะมารวมตัวกันเพื่อทานอาหาร  พูดคุย  ทะเลาะ  เล่นหัว หรือแม้แต่นั่งเงียบๆด้วยกันเฉยๆแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติ

“เย็นนี้กลับยังไง?”  ชายชาญเงยหน้าจากหนังสือขึ้นถามเพื่อน   ทำให้สีหราชเงยหน้าขึ้นมองตาม

“ก็...รถเมล์มั้ง”

“รถไปไหน?”   สีหราชถามไม่ละสายตาจากแก้มใสของคีตกาล

“เสียน่ะ”

“งั้นตอนเย็นจะไปส่ง”

“หืม?”   ทั้งหมดส่งเสียงขึ้นพร้อมกัน  สีหราชกระแอมไอพลางก้มลงอ่านหนังสือในมือ

“วันนี้ไม่มีงานพิเศษ”   ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน  หากอิ่มเอมเหลือบสายตาขึ้นมองเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว   ช่วงนี้
สีหราชไม่ค่อยไปทำงานพิเศษหนักเหมือนช่วงก่อน  ยิ่งตอนนี้ใกล้สอบงานยิ่งเหลือน้อยลง

“มึงลาออกจากงานที่ร้านหมูกระทะเหรอวะ?”  ตามนิสัยของอิ่มเอมเขาอดทนเก็บความสงสัยไว้ได้ไม่นาน

“ก็  คนเขาพอแล้ว”  สีหราชตอบโดยไม่มองหน้า  อิ่มเอมทำท่าขยับปากจะถามหากแล้วก็เงียบลง

“ดีแล้ว  สิงห์จะได้พักบ้าง  ทำงานทุกวันเหนื่อยตายเลย  เทอมหน้าก็ปีสองแล้วค่อยทำใหม่ก็ได้เนอะ?”  คีตกาลยกยิ้ม  สีหราชเพียงยิ้มตอบไม่เอ่ยอะไร






หลังมรสุมการสอบผ่านพ้นไปก็เข้าช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่   คีตกาลใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับครอบครัวและการท่องเที่ยวในต่างประเทศ  ไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหน  เขามักหาซื้อของฝากแปลกๆติดตัวไว้อย่างน้อย 3 ชิ้น หนึ่งให้สีหราชและเพื่อนอีกสองคน  ยิ่งของหายากยิ่งยากเอามาให้สีหราชได้เห็นเร็วๆ   เขาเก็บของมากมายห่อกันกระแทกอย่างดีและแน่นหนาเพื่อไม่ให้แตกหักเสียหาย   อยากรู้ว่าสีหน้าของสีหราชจะเป็นแบบไหนยามเมื่อเห็นของเหล่านี้ก็ทำให้แทบอยากจะขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเร็วๆ

อิ่มเอมนั่งเท้าคางมองเพื่อนตัวสูงที่หยิบนู่นจับนี่มือเป็นระวิง  เขาเพิ่งกลับจากบ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน  ก่อนหน้านี้เขาขึ้นเหนือไปเที่ยวกับชายชาญแล้วจึงกลับบ้าน  จากนั้นก็นึกได้ว่าสีหราชจะไปเที่ยวไหน  เขาโทรศัพท์เข้าบ้านเด็กกำพร้าที่
สีหราชยังพักอาศัยอยู่จึงได้คำตอบ

‘สิงห์ออกไปทำงานค่ะ’  เป็นเสียงครูอ้อยที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี   ดังนั้นอิ่มเอมจึงขับรถไปยังห้างดังชื่อคุ้นหูแล้วตรงไปยังร้านกาแฟแบรนด์ดัง   เขาเห็นร่างสูงของสีหราชอยู่ในชุดเครื่องแบบของร้าน  อิ่มเอมถอนหายใจแล้วตรงไปยังเค้าท์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม

“อเมริกาโน่แก้วนึง”  สีหราชเหลือบสายตามองเพื่อนแล้วทวนรายการ
จนเมื่อไม่มีลูกค้าต่อแถวแล้วอิ่มเอมจึงกวักมือเรียกเพื่อนให้ออกมาหาที่โต๊ะ

“เย็นนี้ไปกินข้าวกัน”

“ไม่ได้”

“หืม?”

“ติดงานที่เซเว่น”

“...งั้นวันพรุ่งนี้”

“ไม่ได้”

“วันมะรืน”

“ไม่ได้  วันไหนก็ไม่ได้  แต่ถ้ามึงอยากกินข้าวด้วยจริงๆต้องรอหลังเที่ยงคืน”  สีหราชรีบเอ่ยต่อเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเพื่อน

“ไอ้สิงห์!”

“ก็...กูต้องทำงาน”

“แล้วไม่มีวันหยุดหรือไง?”  อิ่มเอมขมวดคิ้วฉับเมื่อสีหราชส่ายหน้า  นึกโมโหเพื่อนขึ้นมาครามครัน

“มึงก็รู้ว่ากูต้องใช้เงิน”

“แต่มึงเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักร!”

“กูรู้”

“นี่คือรู้แล้ว?”   อิ่มเอมจ้องหน้าเพื่อน  “กูเห็นมึงลดงานพิเศษที่มหาวิทยาลัยแล้ว  แต่ไหงพอปิดเทอมถึงมาตะบี้ตะบันอีก?”

“.......”

“มึงลดงานช่วงเปิดเทอมลงเพื่อที่จะได้มีเวลามากขึ้น  ใช่ไหม?” 

“อืม”

“ให้มีเวลามากขึ้นเพื่ออะไร?”

“.....”

“กูคงถามผิด  ต้องถามว่าเพื่อให้มีเวลามากขึ้นเพื่อใครต่างหาก  ถูกไหม?”  อิ่มเอมเดาะลิ้นอย่างไม่ชอบใจ  พลางนึกถึงพฤติกรรมของเพื่อนในช่วงที่ผ่านมา   สีหราชที่นอกจากเรียนก็มีเพียงงานพิเศษ  แต่แล้วจู่ๆวันหนึ่งก็มีบางอย่างเพิ่มขึ้นมา   คีตกาล    ช่วงเวลาของสีหราชมีคีตกาลเพิ่มเข้ามา  แทนที่งานพิเศษซึ่งถูกลดลง...

ช่วงเช้า  กาแฟร้อนหนึ่งแก้วพร้อมขนมหรือแซนวิชกล่องเล็ก  กลางวันทานข้าวด้วยกัน  ตอนเย็นบางวันก็โหนรถเมล์ไปส่งที่บ้าน...  ทุกช่วงเวลาของสีหราชจะมีเงาของคีตกาลแทรกอยู่เสมอ

“เป็นเพราะไอ้เพลง?”  สีหราชหันขวับจ้องหน้าเพื่อน

“.....”

“มึงชอบมัน?”

“เพื่อน”

“ห้ะ?”

“ก็เพื่อนกันทั้งนั้น”

“กูก็เพื่อนมึงแต่ไม่เห็นมึงทำอะไรให้เหมือนที่ทำให้ไอ้เพลง”

“มึงอิจฉา?  อยากให้กูเหมือนที่ทำกับเพลงเหรอ?”

“อย่า!”  อิ่มเอมยืดกายขึ้นตรงแล้วลูบแขนตัวเองอย่างนึกขยาด  แค่ลองนึกภาพผู้ชายตัวโตๆสองคนเดินหัวร่อต่อกระซิกพร้อมถือแก้วน้ำให้กันเขาก็ขนลุกแล้ว

“อ้าว  นึกว่าอยากให้ทำแบบนั้น?” 


สุดท้ายอิ่มเอมก็หาเวลากินข้าวกับเพื่อนไม่ได้เลยจนกระทั่งเปิดเทอม   ระหว่างนั้นความสนิทสนมกับชายชาญก็เพิ่มระดับขึ้นเนื่องจากทั้งคู่ชอบการท่องเที่ยวและการผจญภัยเหมือนๆกัน  แม้ชายชาญที่ร่างกายค่อนข้างเล็กไม่เอื้ออำนวยกับการโลดโผนนักแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค



สีหราชยกยิ้มเมื่อเห็นร่างโปร่งของคีตกาลเดินเข้ามาหา   คนตรงหน้าดูอวบขึ้นเล็กน้อย  ผิวก็คล้ำขึ้น  หากยังคงดูแข็งแรงดีเขาก็สบายใจ   กิจกรรมวันแรกของพวกเขายังคงเหมือนที่ผ่านมา   กินข้าวด้วยกันอ่านหนังสือด้วยกัน

“วันนี้แวะไปที่ห้องนายนะ?”  คีตกาลเอ่ยขึ้นหลังหมดคาบเรียนและสีหราชไม่มีงาน  ทั้งอิ่มเอมและชายชาญก็โดนคะยั้นคะยอให้ไปด้วย  โชคดีว่าตอนนี้อดีตเพื่อนร่วมห้องของสีหราชย้ายออกไปแล้ว   อิ่มเอมได้ทีจึงยื่นเรื่องขอย้ายชื่อมาอยู่กับสีหราชแทน

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“ฉันมีของฝากมาให้พวกนายเยอะแยะไปหมดเลย”

“....”

กองข้าวของมากมายที่สีหราชช่วยแบกมาจากรถถูกกองอยู่บนเตียงโดยกินพื้นที่ไปมากกว่าครึ่ง   ชายชาญโวยวายว่าทำไมของสีหราชจึงมากกว่าของคนอื่น  คีตกาลหัวเราะชอบใจพลางว่า

“ก็เวลาเห็นอะไรฉันนึกถึงสิงห์ก่อนนี่นา”   หัวใจของสีหราชเต้นแรงกับคำตอบนั้น   เขาดีใจมากเป็นเรื่องจริง  หากส่วนหนึ่งกลับเจ็บแปลบยามมองเห็นของราคาแพงตรงหน้า

“นายไม่ชอบของพวกนี้หรือ?”  รอยยิ้มแปลกแปร่งของร่างสูงทำให้คีตกาลเอ่ยปากถาม 

“เปล่า  ชอบมาก”

“แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้น?”

“...ของพวกนี้มีแต่ของแพงๆ”

“อืม”

“...คราวหน้าไม่ต้องสิ้นเปลืองแบบนี้อีกนะ”

“?”  ทั้งๆที่หวังว่าจะได้เห็นสีหน้าดีใจของอีกฝ่ายแต่ท่าทางเรียบเฉยของสีหราชก็ทำให้อดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาไม่ได้

“ฉันชอบมาก  อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิ”  สีหราชยกยิ้ม  พลางหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมา  “ชิ้นนี้มาจากไหนนะ?”  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมอง เห็นท่าทางสนใจของร่างสูงแล้วรีบกุลีกุจออธิบายถึงความเป็นมาและความแปลกของมันอย่างสนุกสนาน

ขอแค่เพียงรอยยิ้มดังดวงตะวันนี้ไม่จางหายไปเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่าง....




*********


“เอ่อ  เพลง  เราขอเวลาหน่อยได้ไหม?”  หญิงสาวหน้าสวยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาท่ามกลางสายตาทั้ง4คู่ของคนในกลุ่ม  สีหราชมองท่าทางของหล่อนแล้วให้ใจกระตุกวูบ  ดวงตาคมดุหรุบลงมองพื้นโต๊ะราวกับกำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้   คีตกาลเหลือบมองเพื่อนทั้งโต๊ะแล้วยิ้มอายๆ  เมื่อเห็นว่าไม่ใครทำท่าทางหยอกล้ออะไรจึงพยักหน้าแล้วลุกเดินตามหญิงสาวออกไป   ทั้งคู่หยุดยืนอยู่มุมหนึ่งของตึกซึ่งค่อนข้างห่างจากสายตาผู้คน

สีหราชเงยหน้าขึ้นมองภาพคนทั้งคู่  พลันหัวใจเจ็บแปลบยามเห็นรอยยิ้มสวยของคีตกาลดูเขินอาย  มือขาวยกขึ้นแตะหลังคอตัวเอง  เขาเหลือบมามองทางโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่  สีหราชรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง

“สงสัยมาขอไอ้เพลงเป็นแฟนแหง”

“หืม?”  อิ่มเอมละสายตาจากหนึ่งชายหนึ่งหญิงหันมามองชายชาญแล้วเหล่มองเพื่อนตัวเอง

“นายว่าเพลงจะตกลงไหม?”

“ไม่รู้ซิ  ขออย่าให้ตกลงแล้วกัน”

“ทำไมล่ะ?”  ชายชาญตวัดสายตามมองอิ่มเอม

“ก็ไม่อยากให้คบ”

“?”  คิ้วเรียวของชายชาญขมวดฉับกับคำตอบของอิ่มเอม   คนตัวเล็กหน้างอง้ำพลางส่งเสียงหึในคออย่างไม่ชอบใจ   อิ่มเอมมองอีกฝ่ายแล้วยิ้ม

“โกรธอะไร?”

“เปล่า!”

“เห็นๆอยู่ว่าโกรธ”

“ก็บอกว่าเปล่า!”  คนตัวเล็กเริ่มเสียงดัง  มือเล็กตบโต๊ะดังปัง   

“ฉันขอตัวก่อนนะ”

“มึงจะไปไหน?”  อิ่มเอมเงยหน้ามองเพื่อนซึ่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  สีหราชหันไปมองทางคีตกาลอีกครั้งแล้วยกยิ้มไม่ตอบคำก่อนจะลุกเดินออกไป   อิ่มเอมมองตามสายตานั้นแล้วถอนหายใจ

“เพลงจะมีแฟนนายเสียใจขนาดนั้นเลยหรือไง?”  ชายชาญตวาดแหว

“อะไรของนายเนี่ย?”  อิ่มเอมมองแก้มป่องๆของชายชาญแล้วหัวเราะชอบใจ  ไอ้ที่หนักอกคือเรื่องของเพื่อน  จะโวยวายแทนก็ดูไม่เข้าทีเลยได้แต่แสร้งเงียบ

“อ้าว  สิงห์ล่ะ?”  คีตกาลเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นร่างของใครอีกคนตอนกลับมาที่โต๊ะ

“ไปไหนแล้วไม่รู้  ว่าแต่  สาวคนนั้นมาทำไมน่ะ?”  ชายชาญเร่งถาม

“ก็...มา”

“อะไร  เร็วๆอย่าอมพะนำอยู่”

“ก็มาขอคบด้วย”  แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ

“แล้วนายตอบไปว่ายังไง?”

“ก็   ขอลองคบเพื่อศึกษาดูก่อน”

“เฮ้ย  นายใจง่ายไปไหมเนี่ย  ทำไมถึงยอมคบด้วยง่ายจัง”   อิ่มเอมโวยวายให้ชายชาญจ้องตาเขม็งอีกครั้ง

“...อันที่จริงแล้ว...เมื่ออาทิตย์ก่อนมีคนเข้าใจผิดน่ะ”

“หืม?”  อิ่มเอมส่งเสียงในลำคอ  ขณะที่ชายชาญซึ่งเพิ่งนึกออกถึงกับหัวเราะออกมา

“อ้อ  ข่าวลือนั่น”

“ข่าวลืออะไร?”

“มีคนลือว่าเพลงเป็นเกย์”

“?”

“บอกว่ากำลังคบอยู่กับนายสีหราชสุดหล่อแห่งคณะนิติศาสตร์”

“ฉันไม่เห็นเคยได้ยิน?”  อิ่มเอมขมวดคิ้ว

“นายอยู่กลุ่มนี้ใครเขาจะมาพูดให้ได้ยิน  อีกอย่างนอกจากภูเขาและโรงยิมนายเคยไปขลุกอยู่ที่อื่นด้วยหรือไง  ไม่ได้ยินก็ไม่เห็นแปลก”  ชายชาญลอยหน้าตอบ

“แล้วนายรู้ได้ไง?”

“รู้ซิ  เมื่อวานมีผู้ชายคนหนึ่งมาขอเพลงเป็นแฟน”

“ห้ะ?”

“สิงห์ก็อยู่ด้วยนะ  หมอนั่นเข้ามาขวางเลยโดนผู้ชายคนนั้นหาเรื่อง  บอกว่าเป็นแฟนก็บอกมาดีๆ”

“หมอนั่นไม่เห็นเล่าให้ฟัง”  อิ่มเอมยกมือแตะคางขมวดคิ้ว

“พอดีไม่ได้มีเรื่องน่ะ  สิงห์คงไม่อยากให้นายไม่สบายใจมั้ง”  คีตกาลยิ้มแหยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน  “แค่สิงห์ไม่รู้สึกแย่ที่เป็นข่าวลือกับฉันก็ดีแล้ว”

“?”  คนตัวโตเงยหน้าขึ้นมอง “มันจะไปรู้สึกแย่อะไรกับข่าวพวกนั้น”

“?”

“ช่างเถอะๆ”  อิ่มเอมโบกมือ  มองทางที่เพื่อนเดินจากไปแล้วได้แต่ถอนหายใจ




*********


“มึงจะแสดงพิรุธมากเกินไปแล้วมั้ง”

“!”  มือแกร่งชะงักการปาหินลงน้ำ   เขาเหลือบมองเพื่อนตัวโตพลางถอนหายใจแล้วปล่อยหินก้อนเล็กตกลงพื้น

“ยังไงมึงก็ไม่ควรหายหน้าหายตาไปแบบนี้  กูพลอยถูกมันเค้นคอถามแทบทุกวันจนจะบ้าตายอยู่แล้ว  นี่หมากระเป๋ายังดักเล่นงานแทบไม่ว่างเว้นแต่ละวัน”  ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาเลี่ยงได้ถือว่าเก่งมากแล้ว

“.....”

“ถึงจะฝากกาแฟฝากขนมไปให้ทุกเช้า  แต่เล่นไม่โผล่หน้าไปมันก็....  นี่ฟังกูอยู่หรือเปล่า!”  อิ่มเอมตะคอกเพื่อนอย่างเหลืออด  ทุกๆวันเขาต้องเจอคีตกาลและชายชาญกดดันถามหาสีหราชอยู่ตลอดมันเหนื่อยนะ!

“ฟัง”

“งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวกับพวกกู”

“มีงาน”

“ขอแลกกะซะ”

“....”

“ถ้าไม่งั้นกูจะบอกไอ้เพลงว่าที่มึงหายหน้าไปแบบนี้เพราะมึงทนไม่ได้ที่มันมีแฟ...”

“อย่า!”

“อย่าคิดว่ากูใจร้ายอะไรเลยนะ  ก็ให้เวลามึงตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อ  สู้หรือถอย  เลือกเอาเอง”

“....สู้อะไร?  ถอยอะไร?  เพื่อนกันทั้งนั้น”

“ไอ้การแสดงออกของมึงมันไม่ใช่แค่เพื่อนสักหน่อย”

“?”  สีหราชขมวดคิ้ว  เขาคิดว่าที่ตัวเองรู้สึกตลอดเวลาที่ผ่านมาเพราะคีตกาลเป็นเพื่อนคนแรก  เป็นคนที่อยู่ในความทรงจำ  เป็นสิ่งสวยงามซึ่งเขาไม่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น   อาจเป็นอาการหวงเพื่อน...

“ถ้ายังยืนยันว่าแค่เพื่อนก็ทำใจยอมรับแฟนไอ้เพลงซะ”  คล้ายรู้ความคิดของคนข้างๆอิ่มเอมจึงเอ่ยออกมา   สีหราชส่ายหน้า  ทำใจยอมรับคนรักของคีตกาลอย่างนั้นหรือ?  ถ้าทำได้ง่ายอย่างนั้นตอนนี้เขาจะมาอยู่ที่นี่ทำไม?

“ไม่ได้”

“....นอกจากพวกกูสามคนมึงมีเพื่อนคนอื่นอีกไหม?”  อิ่มเอมเอียงคอถามเพื่อน   สีหราชครุ่นคิด  หากบวกเพิ่มพี่ครามที่รักเหมือนพี่น้องเขาก็แทบไม่มีเพื่อนที่ไหนอีกเลย  สุดท้ายจึงได้แต่ส่ายหน้าตอบ

“ความรู้สึกที่มีต่อไอ้เพลง  แตกต่างจากกูกับหมากระเป๋าไหม?”   คราวนี้สีหราชพยักหน้ารับ    พลันกระจ่างแจ้งในใจ   คำว่าเพื่อนยามเมื่อเขาเอ่ยอ้างนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง   สีหราชไม่เคยนึกอยากจ้องมองรอยยิ้มของใครมากเท่ารอยยิ้มของคีตกาล  ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนกับใครเหมือนตอนได้ใกล้ชิดคีตกาล  ไม่เคยนึกอยากทำสิ่งดีๆให้ใครมากเท่ากับคีตกาลมาก่อน  แค่นึกถึงก็อุ่นอวลในใจ  แม้บางครั้งความสุขจะเจือความเจ็บปวดมาบ้าง  เขาก็ยังมีความสุขอยู่ดี

ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

หากวันนี้  ตอนนี้เขากลับได้คำตอบ...

ว่าสิ่งที่ตามหาอาจเป็นคีตกาลตั้งแต่แรก...










เย็นนั้นกลายเป็นคีตกาลที่พาแฟนสาวมาด้วยเป็นฝ่ายงอนให้สีหราชยกยิ้มอ่อนใจ  เขาขอโทษหญิงสาวแล้วลากแขนร่างโปร่งไปห้องน้ำด้วยกัน

“ขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร  นายทำอะไรผิดหรือไง?”  คีตกาลกอดอกถาม

“พอดีช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องงานพิเศษน่ะ”

“........”

“...คราวหลังจะไม่หายไปแบบนี้อีก”

“จริงนะ?”

“อืม”   แค่สีหราชพูดไม่กี่ประโยคคีตกาลก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง  ความรู้สึกขุ่นเคืองและไม่สบายใจก่อนหน้าพลันมลายหาย  เขายิ้มกว้างอย่างดีใจแล้วพากันกลับมาที่โต๊ะ   อิ่มเอมเหลือบตาขึ้นมองแล้วก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้ม  แกล้งตักนู้นหยิบนี่ใส่จานชายชาญสาวะวนไปหมด  จนคนตัวเล็กเอ็ดไปเสียหลายรอบ

คีตกาลแนะนำแฟนสาวให้สีหราชรู้จัก  เธอชื่อส้ม  หน้าสวยหมดจดเหมาะสมกับคนตรงหน้า   ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มให้หญิงสาว  แม้ความเจ็บแปลบในอกซ้ายจะตีกระหน่ำจนร้าวไปทั้งอกเขาก็ยังแสร้งยิ้ม   ชายหนุ่มทิ้งลงนั่งข้างเพื่อน  ฝ่ายนั้นตบบ่าเขาสอง-สามทีแล้วตักอาหารมาให้  สีหราชตักใส่ปากไปไม่กี่แล้ววางช้อน  อาหารน่าทานตรงหน้าเขากลับไม่รู้รสชาติเลยสักนิด ความฝาดเฝื่อนบาดลำคอให้กลืนไม่ลง

“จะกลับแล้วหรือ?”  คีตกาลถลันลุกขึ้นยืนเมื่อสีหราชยกผ้าขึ้นเช็ดปาก  ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน

“พอดีมีงานพิเศษต่อน่ะ”

“ถ้างั้น...ก็เลิกแค่นี้แล้วกัน”

“เอ๊ะ?”  ส้มเงยหน้าขึ้นมองคีตกาลแล้วหันมามองทางสีหราชอย่างไม่พอใจ

“พวกนายกินกันต่อเถอะ  ดูท่าส้มจะยังทานไม่อิ่มด้วย”

“....อืม”  สุดท้ายคีตกาลก็ต้องทิ้งตัวลงนั่งตามเดิมเมื่อเหลือบมองคนข้างตัว  ส้มยกยิ้มขอบคุณสีหราชที่เข้าใจเธอ

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยกินข้าวกลางวันด้วยกัน”  สุดท้ายเพราะทนเห็นสีหน้าเหงาหงอยของอีกฝ่ายไม่ไหว  สีหราชจึงเอ่ยปากนัดหมายออกมา  คีตกาลยกยิ้มพยักหน้ารับ  ใบหน้าซีดๆเมื่อครู่จึงค่อยมีสีสันขึ้นมา





.
.

“เอ้า  กาแฟกับขนมของมึง”  อิ่มเอมวางแก้วกระดาษทรงเตี้ยลงตรงหน้า  คีตกาลเหลียวซ้ายแลขวาทันที

“สิงห์ล่ะ?”

“โดนสโมฯเรียกตัวไปคุยงาน”

“เช้าขนาดนี้น่ะนะ?”

“อืม”  จะบอกได้อย่างไรว่าเพื่อนเขาต่างหากที่เป็นคนลากคอสโมฯไปคุยงานแต่เช้า “....กาแฟร้านนี้อร่อยหรือไง  เห็นกินมาเป็นปี”  อิ่มเอมเสเปลี่ยนเรื่อง

“ก็อร่อยดี  ไม่รู้ว่าร้านอื่นอร่อยไหมแต่สิงห์ซื้อร้านนี้ให้ตลอด”

“...แพงนะ”

“?”

“เปล๊า!”  คนตัวโตแสร้งทำเสียงสูงแล้วลุกขึ้นยืน “กูไปเรียนละ”

คีตกาลขมวดคิ้วมองแก้วกาแฟตรงหน้าที่เป็นของร้านตรงหน้ามหาวิทยาลัย  เพราะรสชาติค่อนข้างดี  ร้านก็น่านั่ง  นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเป็นลูกค้าที่นี่  หากเขาเพิ่งสังเกตและเอะใจ...

ตลอดเวลาที่ผ่านมา....คีตกาลจะได้กาแฟสดดูมีราคาพร้อมขนมรองท้อง  ส่วนสีหราชเองเล่า?  บางครั้งเพียงนั่งมองเขากิน  บางครั้งก็ดื่มกาแฟชงถูกๆตามร้านข้าวใต้คณะฯ  ถ้าอิ่มเอมไม่ถามเขาก็คงไม่นึกถึงมาก่อน

พักกลางวันคีตกาลเดินสวนกับส้ม  เธอกำลังจะชวนเขาออกไปทานข้าวข้างนอกหากชายหนุ่มกลับยกมือห้ามแล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออกโดยไม่สนใจท่าทีของเธอ

“สิงห์อยู่ไหนน่ะ  สโมฯ?  ฉันกำลังจะไป  อย่าให้เขาหนีหน้าฉันไปไหนอีกล่ะ”   อิ่มเอมที่อยู่ปลายสายรับปากอย่างไม่พอใจ

“เพลง?”

“อ้าว ส้ม?”

“เพลงไปไหนหรือ?  เราว่าจะมาชวนเพลงไปกินข้าวข้างนอก”

“โทษที  ตอนนี้ไม่ว่างแล้วน่ะ”  พูดจบก็เดินไปสั่งกาแฟชงกับข้าวกล่องมาอย่างละสอง

“เพลงจะไปไหน?”

“เอาข้าวไปส่งให้สิงห์น่ะ”

“สิงห์?”

“อืม”

“...เขาสำคัญขนาดนั้น?”  คิ้วเรียวสวยของหญิงขมวดฉับ  มองท่าทางของคนที่ได้ชื่อว่าแฟนแล้วไม่พอใจ

“ก็เพื่อนกัน”

“เพื่อนอะไรที่ทำให้ต้องทิ้งแฟนแล้วซื้อข้าวไปส่ง”

“.......”   คีตกาลละมือที่กำลังจะหยิบเงินจากระเป๋ามามองหญิงสาวตรงหน้า  “ถ้าจำไม่ผิดเราคุยกันว่า...จนกว่าจะตกลงเป็นแฟนก็ต่อเมื่อการทดลองคบกันในช่วง 4เดือนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี”

“เพลง  นี่มันบ้าบอสิ้นดี  มีทดลองคบเป็นแฟนด้วยหรือไง?”  หญิงสาวหัวเราะขำ

“......”

“คบก็คือคบ  วันนั้นที่เพลงตกลงว่าคบกับเราเราถือเพลงเป็นแฟนเรา  เราเป็นแฟนเพลงแล้วนะ”

“ส้ม....”

“....”  หญิงสาวขมวดคิ้วกับท่าทางอึกอึกของคนตรงหน้า  พลันข่าวลือก่อนหน้านี้จึงวาบเข้ามาในความคิด  “หรือที่จริงแล้วเพลงเป็นเกย์อย่างที่คนเขาว่าจริงๆ?”

“?”

“คบกับเราแต่ทำไมถึงทำท่าเหมือนคนอกหักตอนผู้ชายคนนั้นหายหน้าหายตาไป”

“.....”

“ตอนนี้ก็ซื้อข้าวซื้อน้ำยังกับจะไปง้อแฟน”

“เรา...  เรากับสิงห์เป็นเพื่อนกัน”

“.......  ถ้าอย่างนั้นเราจะไปด้วย”

“เอ๊ะ?”

“ซื้อข้าวกับกาแฟไปให้สิงห์ไม่ใช่หรือ?”

“อืม”

“ไปกันเถอะ” 

ส้มเดินควงแขนคีตกาลไปยังสโมสรนักศึกษา  ด้วยหน้าตาและดีกรีเดือนมหาลัยของคีตกาลทำให้สาวๆมองมาอย่างอิจฉา  หากคนโดนมองเพียงแต่ครุ่นคิดถึงประโยคของหญิงสาวเมื่อครู่ 

 ...เขาแสดงท่าทีต่อสีหราชผิดแผกจากคนเป็นเพื่อนควรแสดงต่อกันอย่างนั้นหรือ?

ถ้าอย่างนั้นสีหราชจะโดนมองไม่ดีไปด้วยหรือเปล่า?  คราวที่แล้วตอนมีข่าวลือแม้ฝ่ายนั้นไม่แสดงท่าทางเดือนร้อนแต่เขาก็รู้ว่าคนอื่นๆมองสีหราชไม่หมือนเดิม   ตอนนี้เขามีแฟนแล้วสีหราชคงไม่โดนคนอื่นจับคู่กับแล้วกระมัง?
พอถึงสโมสรนักศึกษาหญิงสาวที่คล้องแขนเขาก็ผละออก  คีตกาลเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ

“เพลงเข้าไปเถอะ  เราจะกลับแล้ว”

“เอ๊ะ?”

“ส้มมีเรียนบ่ายโมง  ไปก่อนนะ”  ไม่รอให้คีตกาลตอบรับเธอก็เดินออกไปทันที   เขายักไหล่แล้วมองหาคนที่ต้องการ   ร่างสูงของสีหราชกำลังเลือกหยิบข้าวกล่องที่สมาชิกชมรมซื้อมาให้

“สิงห์”

“?”  สีหราชเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นคีตกาลที่นี่  เขาเหลียวมองรอบๆว่าอีกฝ่ายมากับใคร  จึงเห็นเงาร่างของส้มยืนแอบอยู่ตรงหลังประตูทางเข้า

“พักแล้วใช่ไหม   งั้นมากินข้าวกัน”

“แล้วแฟนนายล่ะ”

“ส้มเหรอ?  กลับไปแล้ว”

“....”

“นี่  ข้าวพะแนงหมูของโปรดนาย  ส่วนนี่ข้ามมันไก่ของฉัน  ร้านใต้ตึกฟิสิกส์”

“......”  สีหราชเงยหน้ามองรอบด้านอีกครั้ง  เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงสาวแล้วเขาจึงยิ้มกว้างออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “อุตส่าห์จำได้ด้วยหรือว่าฉันชอบกินอะไร?”

“มีไม่กี่อย่างหรอกที่นายชอบกินน่ะ”

“อืม   ก็จริงแหะ”

“กาแฟร้านลุงช่วย”

“ขอบใจ”

“เพิ่งรู้ว่าลุงแกชงกาแฟอร่อย  คราวหลังนายก็ไม่ต้องซื้อร้านหน้ามอ.แล้วนะ”

“?”

“แพงเสียเปล่า  สู้ของลุงช่วยไม่ได้  ทั้งหวานทั้งมัน  อร่อยกว่ากันเยอะ”

“นายไม่ชอบกาแฟร้านที่ฉันซื้อให้หรือ?”

“เปล่า  ไม่ใช่อย่างนั้น  คือว่า  แค่...มีร้านอร่อยอยู่ใกล้แค่นี้จะไปซื้อทำไมที่อื่นต่างหาก”

“.......”

“หรือนายว่าไม่อร่อย  ก็เห็นนายกินทุกวันนี่นา”  ถามพลางดูดกาแฟในแก้วไปด้วยสีหน้าสงสัย  “อร่อยออก”   
สีหราชหัวเราะกับท่าทางนั้น  พลันในใจของคีตกาลจึงคล้ายมีลมพัดผ่านมา  ทั้งสดชื่นและอุ่นสบาย  ความรู้สึกหนักหน่วงในใจของช่วงเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาคล้ายค่อยคลายลงเพียงเพราะรอยยิ้มของสีหราช




*********

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3


คีตกาลไม่เคยสังเกต ...หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยเจอส้มอีกเลย...เวลาส่วนใหญ่วันไหนที่สีหราชว่างจากงานพิเศษทั้งหมดจะหมกตัวอยู่ที่ชมรม  และการเตรียมแผนงานไปสร้างห้องน้ำและสนามเด็กเล่นให้กับโรงเรียนต่างจังหวัด

“เพลง  นายเลิกกับส้มแล้วหรือ?”  ชายชาญเหมือนจะเพิ่งนึกออกเอ่ยปากถาม

“เอ๊ะ?”  คีตกาลหันมามองหน้าเพื่อนแล้วนิ่งไป    เขาลืมเลือนหญิงสาวคนนั้นไปแล้ว  ตอนนี้แม้แต่หน้าตาของเธอเป็นอย่างไรเขาก็นึกไม่ออก

“ตั้งแต่ตอนไหนน่ะ?”  คล้ายอยากได้คำตอบที่ชัดเจน  เพื่อนตัวเล็กจึงซักไซ้ไม่เลิก

“...ไม่รู้ซิ”

“...เฮ่อ  เราว่าคงตั้งแต่แรกนั่นแหละ”

“หืม?”

“ตั้งแต่แรกนายกับส้มก็ไม่ได้คบกันแล้ว  ใช่ไหม?  หรืออันที่จริงส้มคบนายฝ่ายเดียวต่างหาก”

“....”

“ต่อให้มีส้มอยู่ข้างๆ  นายก็เอาแต่อยู่กับสีหราชอยู่ดี”

“.....”  คิ้วเรียวของคีตกาลขมวด  ไม่ว่าจะนึกย้อนไปไกลแค่ไหน  ที่จดจำได้ก็มีเพียงร่างสูงของสีหราชยืนข้างๆจริงๆ “แค่เพื่อน...”

“ไม่หรอก  ไม่ใช่”  ชายชาญเอ่ยขัด  คนตัวเล็กจ้องหน้าเพื่อนแล้วเอ่ยต่อ  “นายไม่รู้ตัวหรือว่าเพราะมันกลายเป็นเรื่องปกติกันแน่?”

“....”  คีตกาลหรุบสายตาพลางนึกตามคำพูดของเพื่อน

“นายนึกภาพที่ไม่มีสีหราชยืนอยู่ข้างๆไม่ออกใช่ไหม?”   คนตรงหน้าพยักหน้ารับ  “แล้วถ้าเขาหายไปเหมือนอย่างตอนนั้นล่ะ?”  พลันมือขาวของคีตกาลยกขึ้นแตะอกซ้ายของตัวเอง  ความรู้สึกหน่วงหนักเกิดขึ้นวูบหนึ่งและยังคงกดทับอยู่อย่างนั้น

“สิงห์อาจคิดกับเราแค่เพื่อน....”  สายตาไม่มั่นใจของคีตกาลทำให้ชายชาญส่ายหน้า

“เรามั่นใจว่าไม่ใช่แค่นั้น”

“?”

“คอยดูเถอะ!”




  ปิดเทอมแล้ว  คีตกาลรวบรวมของที่พอจะเป็นประโยชน์กับเด็กๆเอาไว้มากมาย  สิ่งของทั้งหมดถูกขนใส่หลังรถ
โฟวิลของอิ่มเอม  ขบวนกิจกรรมครั้งนี้มีรถบัสใหญ่หนึ่งคัน  รถกระบะหนึ่งเพื่อขนสิ่งของและอีกหนึ่งคันของอิ่มเอม  คีตกาลอาสาเปลี่ยนกันขับกับอิ่มเอมเพื่อไม่ให้ภาระตกหนักกับใครเพียงคนเดียว  สีหราชนั้นขับรถไม่เป็น  ส่วนชายชาญส่วนสูงมีปัญหาความความใหญ่โตของรถทำให้มองไม่ค่อยเห็นเส้นทาง  ดังนั้นจึงมีหน้าที่คอยป้อนน้ำป้อนขนมให้อิ่มเอมและคีตกาลระหว่างขับรถแทน

เพราะขี้คร้านกางเต็นท์หลายหลังอิ่มเอมจึงเลือกเต๊นท์ใหญ่ซึ่งเตรียมมาจากบ้านกางนอนด้วยกันทั้งหมดสี่คน  เนื่องจากมาถึงจุดหมายค่อนข้างเย็น  หลังพวกผู้ใหญ่บ้านและครูใหญ่ที่ติดต่อกันตลอดทางออกมาต้อนรับพร้อมข้าวปลาอาหาร  พวกเขาจึงชวนเด็กๆให้ไปพักที่ลานบ้านผู้ใหญ่  แต่มีหรือเด็กที่มักชอบความตื่นเต้นจะยอม  พวกเขาเพียงแค่ยืมห้องน้ำก่อนหนึ่งคืนเท่านั้น

ห้องเรียนเล็กๆถูกจัดการให้เป็นห้องพักชั่วคราวกันลมกันฝนให้พวกผู้หญิง  ส่วนผู้ชายนั้นกางเต๊นท์นอนกันกลางสนาม  ผืนผ้าใบหนาหนักถูกตั้งกระโจมขึ้นเป็นห้องน้ำชั่วคราว  พวกลิงทะโทนอย่างผู้ชายนั้นไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่  จะอาบน้ำจะปล่อยทุกข์หนักทุกข์เบาล้วนมีสถานที่มากมายให้เลือกดังนั้นกระโจมนี้จึงเป็นสิทธิ์ขาดของบรรดาหญิงสาวทั้งหมด

เช้ามืด  คนตื่นก่อนมักเป็นคนที่ตื่นเช้าจนเคยชินอย่างสีหราช   เขาลืมตาจ้องมองเพื่อนร่วมเต๊นท์ท่ามกลางความสลัว   เขากับอิ่มเอมนอนริม  คีตกาลและชายชาญนอนตรงกลาง   พลขับทั้งสองหลับลึกด้วยความเหนื่อยอ่อนสีหราชจึงไม่ปลุกเพื่อน  เขาออกไปช่วยพวกผู้หญิงเตรียมอาหารเช้า  เสร็จแล้วจึงเดินสำรวจสถานที่พลางช่วยหัวหน้าชมรมกำหนดขอบเขตจะสร้างห้องน้ำตามที่ครูใหญ่ชี้แนะ

อากาศตอนเช้าค่อนเย็น  ร่างโปร่งของคีตกาลมุดออกมาจากเต๊นท์  เขาห่มผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกมายืนตาปรือผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้โด่ชี้เด่  สีหราชเดินเข้าไปหาแล้วยิ้มกับท่าทางนั้น

“ไปล้างหน้าแปรงฟันไป  ขี้ตาเกรอะกรังเชียว”   คีตกาลยกมือขึ้นตะปบหน้าตัวเองอย่างร้อนรน  ครั้นรู้ว่าโดนแกล้งจึงถลึงตามองสีหราชอยู่ครู่หนึ่งแล้วไปล้างหน้าล้างตา

งานแบกหาม  นอกจากพวกผู้หญิงที่ไปทาสียางรถยนต์ก็มีชายชาญซึ่งถูกไล่ให้ไปรวมกลุ่มกับทางนั้นแล้ว  ผู้ชายทั้งหมดก็เริ่มลงมือกับการสร้างห้องน้ำ  สีหราช  อิ่มเอมและอีกสอง-สามคนช่วยกันขุดบ่อพักสองบ่อขึ้นมา  เพราะร่วมแรงร่วมใจ  เพียงครึ่งวันก็ได้บ่อพักที่ลึกพอ  วงปูนซีเมนซ์ค่อยถูกหย่อนวางซ้อนแล้วฉาบทับระหว่างรอยต่อ  ผนังห้องน้ำก็ก่อเป็นรูปเป็นร่าง  หลังคาสังกะสีตีแปะแน่นหนาจนแน่ใจว่าจะไม่ปลิวไปตามลมทั้งหมดก็เสร็จสิ้นในช่วงเย็นย่ำด้วยจำนวนแรงงานคนที่มากมาย

ลุงผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านอีกหก-เจ็ดคนเอาอาหารมาส่ง  พลางนั่งทานข้าวด้วยกัน  จนค่ำจึงของตัวกลับเพื่อให้เด็กหนุ่มสาวได้พักผ่อน  หากกองไฟย่อมๆกลับเริ่มครื้นเครงเมื่อมีน้ำเมาเข้ามา  สีหราชหยิบกีตาร์โปร่งขึ้นมาวางบนตักตามคำเรียกร้องของเพื่อนร่วมชมรม  นิ้วเรียวกรีดไปตามสายลวดอย่างคล่องแคล่ว  หากคนร้องส่วนใหญ่กลับเป็นเพื่อนรอบวง

คีตกาลซึ่งดื่มไปสอง-สามแก้วเริ่มออกมาอาการมึน  เขาลุกขึ้นเมื่อปวดเบา  สีหราชทำท่าจะลุกออกมาด้วยหากเขายกมือห้ามด้วยไม่อยากให้เพื่อนๆหมดสนุกเพราะมือกีต้าร์ไม่อยู่    ครั้นกลับมาพื้นที่ข้างกายสีหราชซึ่งเคยเป็นที่นั่งของเขาก็มีหญิงสาวคนหนึ่งจับจองแทนที่  คีตกาลขมวดคิ้วหากไม่กล่าวอะไร  ชายชาญกวักมือเรียกให้เขาไปนั่งด้วย  ....ฝั่งตรงข้ามกับสีหราช

ไม่รู้ว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเปล่าจึงทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงมากขึ้น   ยามเมื่อมือขาวของผู้หญิงคนนั้นตีลงบนแขนของสีหราชอย่างเขินอาย  เธอกระซิบขอเพลงอะไรสักอย่างให้สีหราชเล่นแล้วเธอร้อง   คีตกาลฟังไม่เข้าหู  นึกอยากลุกหนีไปจากตรงนี้หากชายชาญกลับรั้งมือเขาไว้  เขาเบือนหน้าหนี  จนเมื่อจบเพลงชายชาญก็ตะโกนเสียงดัง

“ไหน  มือกีต้าร์ร้องสักเพลงซิ  ให้คนอื่นๆร้องมาตั้งหลายเพลงแล้ว”  รอบวงตบมือเสียงดังอย่างเห็นด้วย  สีหราชกระแอมไอ  เขาจ้องมองคนฝั่งตรงข้าม  หวังให้อีกฝ่ายมองเขาเสียที  กระนั้นคีตกาลก็ยังคงนิ่งเฉย

เสียงกีต้าร์หวาน เศร้า หากฟังสบายหู  เสียงทุ้มจึงเอ่ยเอื้อนคำร้อง  ประโยคนั้นทำให้คีตกาลนั่งนิ่งก่อนค่อยๆเบือนหน้ากลับมามองคนร้อง   ดวงตาคมดุจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว...






ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ฉันไม่รู้ว่าเธอจะว่าไง
ถ้าจะบอกรักไป กลัวเธอนั้นไม่คิดเหมือนกัน

ฉันกลัวเธอไม่คิดอะไร ฉันกลัวมันไม่เป็นอย่างเข้าใจ
ยิ่งสนิทเท่าไร ยิ่งไม่กล้าที่จะพูดไป

ได้แต่รอ ให้เธอพูดก่อน
ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องรออีกเมื่อไร

รอเธอบอกคำว่ารัก เพราะฉันไม่อยากจะเสียใจ
อีกนานไหม ที่ฉันต้องเก็บไว้ข้างใน
ยิ่งใกล้กัน ก็ยิ่งอึดอัดในใจ ต้องทำเป็นแค่เพื่อนกันต่อไป






ในอกซ้ายวูบไหว  แก้มสองข้างพลันร้อนผ่าว  ดวงตาคมดุคู่นั้นมองสบไม่หลบตา  ราวกับกำลังรอคำตอบจากเขาอย่างไรอย่างนั้น  คีตกาลอยากเบือนหน้าหนีหลบเพราะหัวใจเต้นแรงเสียจนอื้ออึงแทบไม่ได้ยินเสียงใคร  รู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อร่างสูงของสีหราชทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ   กีตาร์สีน้ำตาลถูกเปลี่ยนมือไปให้คนอื่นเล่น

ร่างสูงไม่พูดอะไร  คีตกาลก็เอาแต่เงียบ  ทั้งสองจ้องมองเพื่อนร่วมวงส่งเสียงหัวเราะเฮฮา  ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน  หญิงสาวที่เคยนั่งข้างสีหราชก่อนหน้านี้จึงมาหยุดยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่มอีกครั้ง  เธอยกมือเกลี่ยผมขึ้นทัดหูพร้อมท่าทางเขินอาย

“ขอเวลาเดี๋ยวเดียวได้ไหม?”  เธอเอ่ยกับสีหราช

“....ได้ซิ”  เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมชมรมเขาจึงไม่คิดอะไรมาก  ช่วงจังหวะที่ลุกขึ้นเพื่อเดินตามเธอออกไป  มือแกร่งกลับโดนรั้งไว้จากทางเบื้องหลัง

สีหราชก้มลงมองตัวเองแล้วให้ใจกระตุกวูบ   คีตกาลรั้งมือเขาเอาไว้  จับแน่นราวกับกลัวสีหราชจะหนีหาย  ดวงตาคู่สวยที่เหลือบขึ้นมองนั้นดูสั่นไหว

“อย่าไป”  ไม่รู้เพราะอะไรคีตกาลจึงรั้งอีกฝ่ายเอาไว้   

อาจเพราะกลัว...กลัวผู้หญิงคนนั้นแย่งสีหราชไปจากเขา

“......”   ร่างสูงยืนนิ่ง  จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างค้นหา

“นะ?”

“อืม”   สีหราชหันไปขอโทษหญิงสาวคนนั้นแล้วทรุดกายลงนั่งที่เดิม  คีตกาลยกยิ้มแล้วค่อยขยับกายให้ใกล้สีหราชเข้าไปอีกนิด   ความรู้สึกสั่นไหวรุนแรงเมื่อครู่พลันเบาบางลงจนแทบไม่รู้สึก

มือแกร่งยังคงถูกกอบกุมเอาไว้...

สีหราชหรุบสายตาลงมองเสี้ยวหน้าของคนด้านข้าง  นึกอยากกระซิบถาม...  ห้ามเขาทำไม?

“!”  ชายหนุ่มสะดุ้งกายเมื่อคีตกาลหันหน้ามา  เขาเลิกคิ้วกับหน้าตาบูดบึ้งของอีกฝ่าย

“ห้ามไป!”

“?”

“แค่คิดก็ห้าม!”

“แต่...”

“ถ้านายไปผู้หญิงคนนั้นต้องสารภาพรักกับนายแน่ๆ”

“....”

“นายน่ะ...”

“?”

“นายน่ะเป็นของฉันนะ!”

“!”  สีหราชเบิกตากว้างเมื่อได้ยินชัดหู  เขาผุดลุกขึ้นยืนแล้วฉุดให้คีตกาลลุกตามออกไปอย่างรวดเร็ว  ไม่สนใจเสียงโห่แซวของคนรอบข้าง  เขาไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นได้ยินประโยคเมื่อครู่ของคีตกาลหรือเปล่า  เขาไม่สนใจ

หัวใจที่เต้นระรัวในอกซ้ายของเขานี่ต่างหากที่เขารับรู้   สีหราชพาคีตกาลไปยังห้องน้ำซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จ  ผู้ชายตัวโตสองคนในห้องน้ำเล็กๆทำให้พื้นที่ดูแคบไปถนัดตา  แม้กระนั้นเขาก็ยินดีเบียดร่างร่วมหายใจกับคนตรงหน้า




“รู้ไหมว่าพูดอะไรออกมา?”  เสียงทุ้มกระซิบถาม  เสียงนั้นสั่นไหว

“....”

“เพลง?”

“....”

“เพลงครับ?”

“....รู้”  เจ้าของแก้มแดงกระซิบตอบเสียงเบา   “ฉันพูดอะไรบ้าๆออกไป...”

“ไม่  ไม่บ้า...” ร่างสูงก้มลง  ปลายจมูกโด่งจ่อชิด  คีตกาลก้มหน้าไม่กล้าเงยสบตา  “เพลงพูดถูกแล้ว”

“?”  ประโยคเมื่อครู่ทำให้คีตกาลเงยหน้าขึ้นในที่สุด    ลมหายใจอุ่นเป่ารดข้างแก้ม

“สิงห์เป็นของเพลง”

“!”  ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง  แก้มที่ร้อนราวกับกำลังจะไหม้  หัวใจเต้นแรงเสียจนแทบกระดอนออกมานอกอก

“ให้สิงห์เป็นของเพลงนะครับ”

“...สะ  สิงห์?”

“นะครับ?”  เสียงทุ้มกระซิบชิดริมหู  เว้าวอน

“....”  ร่างโปร่งใจสั่น  เขาจะตอบกลับอย่างไรดี  ตอนนี้ในหัวคิดสิ่งใดไม่ออกสักอย่าง

“เพลงประกาศต่อหน้าคนอื่นแล้ว  ว่าสิงห์เป็นของเพลง”

“....”

“เพราะฉะนั้นเพลงต้องรับผิดชอบ”

“รับผิดชอบ?”

“...เป็นแฟนกันนะ”

“!”

มือขาวถูกยกขึ้นจ่อริมฝีปากหยัก  จูบร้อนแตะลงบนปลายนิ้ว  แผ่วเบา  ราวกับสัมผัสของผีเสื้อที่แตะไล้  หากทิ้งความร้อนเร่าให้คงอยู่บนปลายนิ้วนั้น...นุ่มนวล  อ่อนหวาน..
.
.
.
.
.

















มันควรจะโรแมนติกกว่านี้...
ถ้าสีหราชไม่มาขอความรักในห้องน้ำ!














TBC.

























พูดคุย

สวัสดีค่ะ  หายไปนานจริงๆ  จากสาเหตุหลายๆอย่างเนอะ  ช่วงนี้คนที่ทำงานไม่พอค่ะ  อัดหนักหน่วงไปสักนิด หมดแรงและสมองไม่แล่น   อันที่จริงคงไม่มีปัญหาถ้าแต่งให้จบแล้วทยอยลงทีตอน....แต่...คนแต่งไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ค่ะ ฮา...  คือเป็นพวกแต่งไปลงไป  ค่อยๆเติบโตไปพร้อมตัวละครและคนอ่าน  ค่อยๆเดินไปพร้อมกับทีก้าวๆ มากกว่า  ให้แต่งจบแล้วเอามาลง  ไม่สามารถจริงๆค่ะ TT อยากทำอย่างนั้นนะคะ  เคยลองแล้ว  แต่งได้สัก2-3ตอนก็แต่งต่อไปไม่ออกแล้วค่ะ  โยนทิ้งไปเลย...เสียดายเหมือนกันTT
ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านและรอคอยกันนะคะ  (กอดดดดดด) เห็นยอดวิวในเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่าแปลกใจ  นั่นฝีมือคนแต่งเองค่ะ^^  ไม่ใช่อะไรหรอก  ช่วงที่ห่อเหี่ยว  หมดแรงและท้อ  หมดกำลังใจ  สิ่งที่ดีที่สุด...คือเม้นท์ของทุกๆคน....  เข้ามาอ่านแล้วก็ฮึดแต่ง...  เข้ามาอ่านให้กำลังใจตัวเองแล้ววางพล๊อตต่อ...  ขอบคุณที่มอบความสุขเล็กๆนี้ให้กันนะคะ  (กอดอีกรอบ)
ขอบคุณ Grey Twilight ด้วยนะคะที่ดึงคนแต่งเข้าฝั่ง  ฮา... คืออยากจะบอกว่า  ทุกคนสามารถคอมเม้นท์ได้ตรงๆเลยนะคะ แรงได้ไม่ว่ากัน   ไม่มีการขัดเคืองเด็ดขาด  ตรงกันข้าม  นั่นจะเป็นสิ่งที่บอกคนแต่งได้ดีว่ายังต้องเพิ่มอะไรบ้าง  ควรลดตรงไหน  ควรเติมอะไรจึงจะพอดีและสวยงาม  บางครั้งคนแต่งก็ออกทะเลไปอย่างไม่รู้ตัว เง้ออออ ช่วยดึงกันกลับมาทีนะคะ TT  บางสิ่งที่ใส่ไปเพราะอยากเพิ่มสีสัน  แต่บางครั้งมันก็ไม่จำป็นเนอะ  ฮา...  บอกกันได้ตรงๆเน้อ  คนแต่งชอบแบบนี้แหละค่ะ  ฮา.. (เค้าไม่ใช่มาโซฯน้า~~~ )

ขอบคุณทุกเม้นท์  ทุกกำลังใจ  คุณคือสิ่งๆที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ...
ด้วยรัก...




ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
พออ่านตอนนี้แล้วรู้สึกได้เลย ว่าตอนปัจจุบันเพลงเฮี้ยวขึ้นเยอะ
แต่ก่อนละมุนมาก เขินนนนนนนนนน


 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อดีตออกจะน่ารักหวานละมุน แต่มาเลิกกันเพราะไม่มีใครยอมใครซะงั้น 555
รอตอนต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่ง :L2:

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
 :mew1: o13 มาอัพแบ้วววว

ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอเรื่องนี้นานเหมือนกันนะค่ะ  ในที่สุดก็ได้รู้ความเป็นมาระหว่าง เพลง กับสิงหนาน ว่าเป็นยังไง

ถึงได้คบกัน   แต่หวานดีนะค่ะ

ออฟไลน์ lieu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เลือกสถานที่สารภาพรัก ได้ครีเอทมาก =_='
5555555555555
ใจแป้ว ตอนที่สาวเจ้ามาขอคบเพลง
ครั้งที่สอง ก็แม่ ญ ที่มาขอตัวสิงห์ไปคุยด้วย
คือถ้าจะแคร์อีกฝ่ายมากขนาดนี้ ทำไมไม่คบกันไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
ตอนที่สิงห์หายหน้าไป คือน่าสงสารมาก
เจียมตัว แต่..ตรอมใจมาก
ปากหนักด้วยกันทั้งคู่ ดีที่เพลงพูดขึ้นก่อน
เอาแต่ใจ แต่น่ารักกกแบบบนี้ >//<  สิงห์อย่าปล่อยให้หลุดมือนะ

เมื่อก่อนเพลงไม่ค่อยดื้อนะ แต่ปัจจุบันนี้ ทั้งดื้อทั้งรั้น แสบขึ้นด้วย = ='

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
โหยยยยยย ชอบสมัยอดีตมากเลยค่ะ! ไม่ใช่ว่าปัจจุบันไม่ชอบนะคะ 555555555 เพียงแต่พาร์ทสมัยก่อนเนี่ย
ทั้งคู่น่ารักกันมากๆจริงๆค่ะ >_____< .. เราเป็นคนที่ชอบโมเม้นแบบเพื่อน เพื่อนสนิท มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
เจอความใกล้ชิด ผูกพัน จนกลายมาเป็นความรักแบบนี้นี่ยิ่งชอบเลยค่ะ ไปไหนไม่รอดเลย 5555555
สำหรับเพลง .. คือน่ารักมากเลย ทำอะไรก็คิดถึงสิงห์เสมอ ตอนที่เปลี่ยนมากินกาแฟถูกๆเพราะไม่อยากให้สิงห์เปลืองนี่น่ารักมากเลยอ่ะ TT
คือเอาจริงๆขนาดเรา คงบอกให้อีกฝ่ายเลิกซื้อแล้วซื้อกินเองมากกว่าที่จะทำแบบนี้อ่ะค่ะ หรืออาจจะเพราะยังไม่มีคนที่แอบชอบก็ไม่รู้ ; ;
ส่วนสิงห์ก็น่ารักมากกกกก ดูทุ่มเทกับความรักดีนะคะ ชอบมากๆเลย ตอนที่เพลงห้ามไว้ว่าอย่าไปก็หยุดทันทีเลยอ่ะ ชอบ ; //// ;

คนเขียนสู้ๆนะคะ! เราอาจจะบรรยายไม่เก่งเท่าไหร่แต่อยากจะบอกให้รู้ว่าเราชอบเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ
จะติดตามแล้วก็เป็นกำลังใจให้เสมอเลยน้า สู้ๆนะคะ  :L2:
ส่วนเรื่องงานก็สู้ๆเช่นกันนะคะ ถ้าไม่ไหวหรือยังไงก็พักไปก่อนก็ได้ค่ะ คนอ่านเข้าใจ ไม่ว่ากันเน้อ <3 รักมากค่า ~

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ชอบพาร์ทอดีต
มันมุ้งมิ้งๆ  :o8:
แต่ก็อยากอ่านพาร์ทปัจจุบันแล้วว่าเป็นไงต่อ  :hao7:

รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อดีตที่ไม่สามรถหวนคืนได้ น่ารักเนอะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
น่ารักจริงๆคู่นี้
สมัยวัยละอ่อน
ชาญนิถ้าอ่านตอนนี้เเรกๆคงคิดว่าต้องได้กับอิ่มเอมเเน่ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ความหลังยอมละอ่อน มุ้งมิ้งน่าดู
กลับมาปัจจุบันที่คีย์แกล้งขัดขาสิงห์ตกน้ำแล้ว บรรยากาศยังอึมครึมไม่หาย

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
หงุยยย ทำไมอดีตช่างมุ้งมิ้งต่างจากปัจจุบันที่แสบกันทั้งคู่
ว่าแต่ทำไมต้องห้องน้ำคะนายสิงห์

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
นอนรอเลยค่ะ มาต่อเร็วๆนะค่ะ ช้าเร็วก็ขอให้ต่อนะจ๊ะ  :katai4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ก็แค่สองคนรักกัน
จะทำให้เรื่องมันยุ่งยาก
ทำไม? เน๊าะ

คบกันเป็นแฟน
ดีสุดๆ

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
หยุดยาวเลยไล่หานิยายอ่าน เปิดมาเจอเรื่องนี้พอดี ไม่รู้พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง ตามอ่านทันละตาแฉะเลยทีเดียว รอลุ้นให้สิงห์กับเพลงกลับมาคบกันเหมือนเดิม  (หนูเพลงก็ยอมๆ ให้สิงห์กดไปเถอะ รอเป็นฝ่ายกดถ้าจะยาก ฮ่าๆๆ) ส่วนคู่ 3p ร้อนแรง แซ่บเว่อร์มากกกก พี่ชอบ คิคิ

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
นอนรอเค้าคืนดีกัน :katai2-1:

ออฟไลน์ -Otto-

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
พึ่งเข้ามาอ่านสนุกมาก  :hao6:

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3


~ รักพัดหวน ~
 ลมพัดครั้งที่ 11











มือขาวชะงักอย่างลังเลเมื่อได้ยินเสียงไอโขลกจากด้านในห้อง   ครั้นเสียงนั้นหยุดลงเขาจึงสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมความกล้าแล้วเคาะลงบานประตูห้อง  ไม่หนักไม่เบา   เสียงในห้องหยุดการเคลื่อนไหว  เขาใจชื้นขึ้นเมื่อคิดว่าคนที่อยู่อีกฝากประตูกำลังตั้งใจฟัง

“สิงห์  ฉันขอโทษ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“.......”  เงียบ  ไม่มีกระทั่งสียงไออย่างตอนแรก

“ฉัน...ฉัน”

“.....”  ราวกับรอฟัง   หากคำพูดจากริมฝีปากบางยังไม่เอื้อนเอ่ย   คีตกาลกัดริมฝีปากแน่น  เขาจะแก้ตัวว่าอย่างไรดี?

“ฉันเสียใจ”   สุดท้ายเขาก็ได้แต่พูดเพียงแค่นี้   

ความเงียบคือคำตอบ

คีตกาลถอนหายใจ  เขาเหม่อมองประตูที่ปิดสนิทนิ่งนั้นเนิ่นนาน       หลังกลับมาจากรีสอร์ท
 สีหราชก็เข้าห้องแล้วไม่ออกมาอีกเลย  สายใจบอกว่าคุณสิงห์ของเธอไอตลอด  เหมือนจะเป็นหวัดด้วย  เขาที่รีบตามมาเพราะรู้สึกผิดหน้าซีดตอนได้ยินคำบอกเล่านั้น  อยากจะเปิดประตูเข้าไปพูดคุยกันให้รู้เรื่อง  หากสายใจรั้งเอาไว้  บอกว่าคุณสิงห์ต้องการอยู่คนเดียว  ขนาดป้าแช่มที่เอาข้าวต้มและยาไปให้ยังโดนไล่ตะเพิดออกจากห้องภายในสิบนาที  เขาจึงไม่กล้าดื้อแพ่งตามเข้าไปขอโทษ  จนค่ำเขาจึงรวบรวมความกล้ามาเคาะประตูขอโทษ  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังโกรธเคืองกันไม่หาย   และนั่นทำให้โพรงจมูกเขาแสบร้อน  กระบอกตาร้อนผ่าว  ก่อนจะเดินคอตกกลับไปห้องตัวเอง

.
.

“.....”   ร่างโปร่งลังเล  ยืนอยู่หน้าห้องที่เงียบกริบ  เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเพราะคิดหาวิธีง้อคนตัวโตข้างห้องจนไก่ขัน  หากคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก   ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน  สะดุ้งตื่นอีกทีก็สายโด่ง

ก๊อก  ก๊อก ก๊อก   มีแต่ความเงียบตอบกลับมา  คีตกาลขมวดคิ้ว  สีหราชไม่สบายวันนี้คงไม่ไปทำงานหรอกกระมัง?  เขายืนคิดนิ่ง  พลางเคาะประตูห้องทุกๆ ห้านาที

“คุณคีย์?”

“!”  เจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจ  เขาหันไปยิ้มแหยให้เด็กสายใจ

“มาหาคุณสิงห์หรือคะ?”

“ใช่  แต่เงียบมากเลย  สงสัยจะยังไม่ตื่น?”

“หืม?  คุณคีย์ไม่รู้หรือคะว่าคุณสิงห์ไม่อยู่?”

“อะไรนะ?”  คีตกาลเลิกคิ้วแปลกใจกับคำบอกนั้น   สายใจขมวดคิ้วตาม

“คุณสิงห์ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ”

“ไปไหน?”

“ไปต่างประเทศ”

“อะไรนะ?”  คีตกาลถามเสียงดังอย่างตกใจ  “ไปต่างประเทศ?”

“ค่ะ”  สายใจพยักหน้ารับยืนยันคำตอบ

“แต่..  หมอนั่นไม่สบาย”

“ค่ะ  กลับมาจากรีสอร์ทสภาพเปียกไปทั้งตัวขนาดนั้น   แถมยังไอไม่หยุดด้วย”

“แล้ว  แล้ว...แล้วจะไปต่างประเทศได้ยังไง”  นอกจากความกังขา  คีตกาลเอ่ยถามร้อนรนด้วยความเป็นห่วง  คิ้วเรียวขมวดฉับ

“ไม่ไปไม่ได้หรอกค่ะ  คุณสิงห์ต้องไปดูม้าที่จะซื้อเข้าฟาร์มค่ะ”

“ไปซื้อม้า?”

“ฟาร์มสีหกาลส่งออกม้าไปที่ต่างๆ  ดังนั้นจึงต้องเลือกม้าดีๆมาเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ค่ะ ”

“ฟาร์มสีหกาล?”

“อ้อ  คุณคีย์คงไม่รู้ชื่อฟาร์มซินะคะ”  สายใจยกนิ้วแตะคาง  ถ้าคีตกาลไม่รู้คงไม่แปลกเพราะคุณสิงห์ไม่ทำป้ายฟาร์ม  อีกอย่างคนงานหรือคนในเรือนก็ไม่ค่อยพูดชื่อนี้เพราะมันเรียกยากเลยเรียกแค่ ฟาร์มคุณสิงห์ เฉยๆ

คำตอบของเด็กสายใจทำให้สิ่งที่อยู่ในอกซ้ายของคีตกาลกระตุกวูบ  ฟาร์มสีหกาล  อย่างนั้นหรือ?

“....แล้วสายใจรู้ไหมว่าคุณสิงห์ของสายใจไปที่ไหน?”

“แหะ แหะ  ไม่รู้หรอกค่ะ  สายใจรู้แค่ว่าไปต่างประเทศเท่านั้นเอง  แล้วปีหนึ่งก็ไปคนละที่ค่ะ”  สายใจยิ้มแหย  “คุณคีย์มีอะไรกับคุณสิงห์หรือเปล่าคะ?”  เธอถามเพราะท่าทางร้อนรนของคนตรงหน้า  อีกอย่างเพราะสีหน้าของสีหราชเมื่อวานด้วย  ตอนที่ร่างสูงของสีหราชโผล่ขึ้นเรือนมา  สายใจและแม่อุทานตกใจกับสภาพของอีกฝ่าย   เธอไม่กล้าถามเพราะสีหน้าที่แลดูราวกับโลกทั้งใบจะแตกทำให้ไม่กล้าเอ่ยถาม  แม่แช่มเอาข้าวเอายาไปให้หวังเลียบเคียงถามก็โดนไล่ออกจากห้อง

คีตกาลยกมือขึ้นกอดอก  อีกข้างยกมือขึ้นขบเล็บพลางเดินกลับไป-กลับมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด  ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าสายใจแล้วแบมืออกตรงหน้าเด็กสาว

“ขอกุญแจห้องคุณสิงห์ให้ฉันหน่อย”

“?”

“ฉันอยากรู้ว่าคุณสิงห์ของสายใจไปประเทศอะไรน่ะ”

“อ๋อ  ค่ะ”  สายใจวิ่งไปเอากุญแจสำรองกับแม่แช่มยื่นให้คีตกาล  ร่างโปร่งยกยิ้มมุมปากแล้วบอกให้เด็กสาวไปทำงานของตัวเอง   สายใจจำใจพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปทั้งๆที่ในใจอยากจะเข้าไปกับคุณคีย์ใจแทบขาด

ทั่วทั้งห้องเงียบสงัด  ผ้าม่านผืนบางพลิ้วไหวตามแรงลม  คีตกาลกวาดตามองรอบห้อง  ในนี้ไม่มีโต๊ะทำงานเพราะมีห้องแยกต่างหากอยู่แล้ว  คราวก่อนที่ตีเนียนมานอนด้วยเนื่องจากอยากแกล้งอิ่มเอมเขาไม่ได้สำรวจอะไรมาก  เช้ามาก็เผ่นออกจากห้องอย่างว่องไว  คราวนี้เขาจึงสังเกตไปทั่วทุกมุม

มีแฟ้มหนึ่งวางอยู่บนหัวเตียงที่คงถูกหยิบมาอ่านก่อนนอนแล้วไม่ได้เก็บ  เขาเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียงแล้วหยิบแฟ้มนั้นขึ้นมาเปิด  มันเป็นผลสรุปผลงานในรอบปีที่ผ่านมา   เป็นผลงานเก่าว่าส่งออกไปที่ไหนบ้าง  แต่ละแห่งกี่ตัว  หากไม่มีบอกว่าตอนนี้สีหราชอยู่มุมใดของโลก   คีตกาลถอนหายใจ  เขาไม่มีความรู้เรื่องม้าเลย  ถึงแม้จะชอบขี่หากก็เพียงแค่ขี่แต่ไม่มีความรู้ลึกซึ้ง  จะไปศึกษาเรื่องพันธ์ม้านั้นเขาเพียงเคยเป็นผู้ฟังที่ดี...เมื่อสี่ปีก่อน 
จากนั้นก็ไม่ใส่ใจอีก

คีตกาลกวาดสายตารอบห้องอีกครั้ง  ขยับเท้าอย่างหงุดหงิด  พลันส้นเท้าก็ไปกระทบกับอะไรบางอย่าง  เขาก้มตัวลงมองใต้เตียงทันที  ... กล่องไม้สักใบเขื่อง...   อะไรบางอย่างสะกิดใจเขาให้ลากมันออกมา

รูปทรงเหมือนกล่องสมบัติในนิทาน   ฝากล่องเพียงคล้องกุญแจหากไม่ได้กดล็อก  มือขาวปลดกุญแจนั้นออกแล้วค่อยเปิด...

หุ่นยนต์ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่....

ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อหยิบสิ่งนั้นออกมา  หุ่นยนต์ตัวนี้...แม้จะเก่าหากยังคงสมบูรณ์ด้วยการดูแลอย่างดี   หุ่นยนต์ที่เขาเคยให้เพื่อนใหม่ตอนยังเด็ก  หุ่นยนต์ที่เขาเคยให้ใครบางคนที่บ้านเด็กกำพร้า...หุ่นยนต์ตัวที่ทำให้เขาและสีหราชรู้จักกัน...

คีตกาลสูดลมหายใจเข้าลึก  เขาวางหุ่นยนต์ลงบนเตียงนอนเบามือ  ทั้งของแปลกตาชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากหลายๆแห่ง  ของที่เขาเคยให้สีหราช  ทุกชิ้นยังคงสมบูรณ์ไม่แตกเสียหาย   ถูกเก็บดูแลอย่างดี  ก้นหีบมีอัลบั้มสีน้ำตาลอ่อนวางอยู่  มือขาวสั่นระริกเอื้อมหยิบมันขึ้นมา   คีตกาลนั่งลงบนส้นเท้า  วางอัลบั้มหนาหนักลงบนตักตัวเองแล้วค่อยๆเปิด...

ทั้งหมด...

ทั้งหมด...มีเพียงรูปของคีตกาล...

คีตกาลกัดริมฝีปาก  กลืนก้อนสะอื้นที่ตีขึ้นมากลางอก  ขอบตาร้อนผ่าว... หยาดน้ำอุ่นจวนเจียนจะหยด...  หากริมฝีปากสวยค่อยแย้มยิ้ม...ยกอัลบั้มรูปขึ้นกอดแนบอก

“สิงห์...สิงห์”

เสียงใสกระซิบร้องเรียก...
.
.













“เอม  ช่วยหน่อย”   คีตกาลเอ่ยขอร้องคนอีกฝั่ง  ก่อนจะยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทันเมื่อเขาอธิบายเรื่องราวให้คนตัวโตฟัง  อิ่มเอมขู่ตะคอกหนึ่งคำด่าเขาหนึ่งคำพร้อมบ่นอีกกระบุงโกย  หากตอนนี้คีตกาลยอมให้ด่าเพราะต้องการให้อีกฝ่ายช่วย  เขาไม่รู้วาสีหราชไปตามดูม้าที่ประเทศไหน  คนเดียวที่พอจะพึ่งได้เห็นเพียงอิ่มเอมซึ่งเข้ามาทำงานกับสีหราช   

รออยู่เกือบสามชั่วโมงกว่าอิ่มเอมจะกลับมาถึงฟาร์ม  อิ่มเอมมีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด  เพราะคีตกาลคงไปขัดช่วงเวลาอะไรของอิ่มเอมเข้าแน่ๆ  เนื่องจากเขาได้ยินเสียงชายชาญลอดเข้ามาในโทรศัพท์ตอนโทร.หาอีกฝ่าย

“มันหนีมึงไปแล้วมั้ง!”

“.....”  คีตกาลจ้องแผ่นหลังกว้างอย่างไม่พอใจหากไม่ตอบโต้   อิ่มเอมรื้อแฟ้มมากองบนโต๊ะทำงาน  เปิดหาอย่างรวดเร็วจนถึงหน้าหนึ่งจึงค่อยยืดตัวขึ้น  นิ้วยาวจิ้มลงไปบนหน้ากระดาษ

“ไพเบอร์  เวียนนา  ออสเตรีย”

“เวียนนา?”

“ที่นั่นมีม้าพันธุ์ดีอยู่  ไอ้สิงห์คงไปติดต่อขอซื้อมาเพาะพันธุ์น่ะ”

“แล้วพักที่ไหน?”

“....ไม่รู้”

“ห้ะ?”  คีตกาลเงยหน้ามองคนตัวสูง

“กูเพิ่งมาทำงานกับมันได้ปีเดียวนะโว้ย  รู้ว่ามันจะไปต่างประเทศปีละครั้งเพื่อซื้อม้า  แต่ไม่รู้หรอกว่ามันจะไปพักที่ไหน”  อิ่มเอมขมวดคิ้วเมื่อโดนจ้อง  คนตัวโตกระแอมไอหลังตอบไปตามความจริง

“แล้วจะทำยังไงดีอ่ะ?”

“....มึงจะไปทำไม  เดี๋ยวมันก็กลับมา”

“เดี๋ยวนี่กี่วัน?”  คีตกาลไม่คิดว่าง่ายขนาดนั้นนะ  ไหนจะเรื่องไปดูพันธุ์ม้า การตรวจสุขภาพ  คัดกรองโรค เอกสารประกอบที่ต้องมีติดตัวเพื่อนำม้าข้ามประเทศ กว่ากรมปศุสัตว์จะอนุญาตให้เข้าประเทศไม่ใช่เรื่องที่จัดการแค่วัน-สองวันก็เสร็จเสียเมื่อไหร่

“....ก็ไม่รู้ว่ะ”   คีตกาลค้อนขวับกับคำตอบนั้น

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?”  ประโยคคำถามเดิมเอ่ยออกมาอีกครั้ง  คิ้วเรียวขมวดไม่คลาย  อิ่มเอมเกาหัวแล้วถอนหายใจมองหน้าคีตกาลนิ่ง

“...มึงจะง้อมันจริงๆจังๆแล้วใช่ไหม?”

“....”  คีตกาลชะงัก  ก่อนจะค่อยๆพยักหน้า

“เอาเถอะ   จะช่วยเท่าที่ช่วยได้แล้วกัน”  เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีก

“ขอบใจ”

“เออๆ!”

“....”

“เอางี้  มึงก็ไปรอมันที่ฟาร์มม้าเลย”

“ฟาร์มม้า?”

“อือ  ที่ไพเบอร์มีโรงเรียนสอนขี่ม้าแล้วก็ฟาร์มม้านี้อยู่  น่าจะหาง่ายกว่าโรงแรมนะ”

“อืม!

“เดี๋ยวๆ!”  อิ่มเอมคว้าตัวอีกฝ่ายไม่ทัน  เพราะคีตกาลได้ฟังก็ผลุนผลันวิ่งออกไปทันที   เลยได้แต่ตะโกนเรียกรั้งเอาไว้ก่อน

“อะไร?”  คีตกางชักสีหน้าใส่   อิ่มเอมเห็นแล้วอยากเขกกะโหลกนัก

“โรงเรียนสอนขี่ม้ามีโชว์ขี่ม้าเฉพาะเสาร์-อาทิตย์  และถ้านายไม่มีตั๋วก็เข้าไปดูไม่ได้  ไม่งั้นนายต้องตามไปถึงฟาร์ม”

“ฉันไปตามสิงห์ไม่ได้ไปดูม้าเสียหน่อย”

“บ๊ะ! ไอ้นี่!  ไอ้สิงห์มันไปดูม้ามึงจะไปเจอมันได้ที่ไหนถ้าไม่ใช่ที่ที่มีม้า!”

“เออ   นั่นซิ”  คีตกาลยิ้มแหย  ถึงคราวอิ่มเอมกลอกตาใส่อีกฝ่ายคืนบ้าง

“มึงมานี่ก่อนเลย  หาตั๋วเผื่อไว้”  อิ่มเอมเท้าเอวเรียกร่างโปร่งให้กลับเข้าไปห้องทำงานอีกครั้ง

“แต่.... ถ้าซื้อตั๋วได้ก็ต้องเข้าดูใช่ไหม?”

“เออ!”

“....”

“หรือมึงจะซื้อตั๋วทิ้งเฉยๆ?”

“แล้วแน่ใจนะว่าสิงห์จะไปดูน่ะ?”

“ไม่แน่ใจ”

“อ้าว?”

“แต่มึงก็ต้องลองเสี่ยงป้ะ?”

“....”

“ถ้ามึงลองได้เข้าไปดูโชว์  ขี้คร้านจะวิ่งมาขอบใจกูไม่ทัน”

“เคยดูแล้วเหรอ?”

“เปล่า  ดูในยูทูปเอา”

“....เอ้า!  .....เอาไงเอากัน!” 

โชคดีที่คีตกาลเคยยื่นเรื่องขอทำวีซ่าเชงเก้นไว้เมื่อสองเดือนก่อนเพราะการติดต่อธุรกิจของบิดาจึงไม่มีอุปสรรคมากนัก   อิ่มเอมช่วยคีตกาลหาตั๋วเข้าชมโชว์ขี่ม้า  หากโชคร้ายเพราะตั๋วเต็มไปแล้วเรียบร้อย  สุดท้ายจึงได้แต่ตบบ่าว่าให้คีตกาลไปตายเอาดาบหน้าแทน   ก็ยังดีที่เส้นทางไปโรงเรียนสอนขี่ม้าและฟาร์มนั้นไปไม่ยากทำให้คีตกาลใจชื้นขึ้นเป็นกอง

คีตกาลโทรศัพท์หามารดาขอหยุดงานที่รีสอร์ทไว้ก่อนเนื่องจากติดต่อเกียรติศักดิ์ไม่ได้   ไม่อย่างนั้นเขาคงฝากให้เกียรติศักดิ์ดูแลงานแทน   คุณยุวดีถามบุตรชายว่าไปออสเตรียทำไม   คำตอบมีเพียงเสียงอึกอักๆ   คุณยุวดีไม่ซักไซ้ต่อเพียงพูดว่าขอแค่เดินทางปลอดภัย   โทรศัพท์หาเมื่อเดินทางถึงจุดหมายให้คลายห่วงก็พอใจแล้ว   คีตกาลเอ่ยขอโทษและขอบคุณเสียงเบาหวิวก่อนวางสายให้มารดาถอนหายใจแล้วกลับไปดูแลคุณพีรพลต่อ

อิ่มเอมขับรถมาส่งคีตกาลที่สนามบิน  ตั๋วและไฟท์บินเขาก็เป็นคนจัดการให้  เพราะฉุกละหุกมากเกินไปนิดจึงได้ที่นั่ง  Economy class มา  หากคีตกาลก็คิดเสียว่าดีกว่าไม่มีตั๋วละนะ   ส่วนแม็กกี้ขอติดรถมาลงกรุงเทพฯด้วยเนื่องจากไม่มีเพื่อนอยู่เธอเลยจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ





ระหว่างทางเขานั่งคิด...
เขาจะพูดอะไรกับสีหราชบ้าง  จะทันได้เอ่ยขอโทษก่อนฝ่ายนั้นจะเดินหนีไหม   สีหราชจะยอมให้อภัยเขาหรือเปล่า  หรือ...จะไม่สนใจไยดีเขาแล้วทิ้งให้ร่อนเร่อยู่กลางกรุงเวียนนาคนเดียว   ยิ่งคิดยิ่งหดหู่จนกำลังใจแทบหดหาย   คีตกาลส่ายหน้าแล้วตบแก้มตัวเองแรงๆเสียทีหนึ่งเพื่อเรียกกำลังใจ  ทำเอาคนนั่งข้างๆหันมามองอย่างตกใจ
เฮ้อ...ให้ได้เจอหน้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน...



***************


การเดินทางยุ่งยากแค่ช่วงตอนเดินหาโรงเรียนสอนขี่ม้าเนื่องจากเขาไม่ได้ศึกษาเส้นทางเอาไว้   เขาเปิดโรงแรมเอากระเป๋าไปเก็บ  สอบถามการเดินทางกับพนักงานโรงแรมก่อนเริ่มออกตามหาคนที่หลบหน้าหนีมา  กะว่าถ้าเจอตัวสีหราชเขาจะตามติดไปถึงโรงแรมที่ฝ่ายนั้นพักเลยทีเดียว 

ทั้งๆที่เหนื่อยอยากจะพักแต่ความร้อนใจมีมากกว่าคีตกาลจึงออกจากโรงแรม  เตร็ดเตร่อยู่หน้าอารีน่าพักใหญ่  มองผู้คนที่เดินกันขวักไขว่อย่างมีความหวัง  จนเมื่อถึงเวลาแสดงก็ไม่เห็นแม้เงาคุ้นเคยจึงถอนหายใจแล้วเข้าไปในอารีน่า    คีตกาลตรวจหมายเลขที่นั่งแล้วจับจองเก้าอี้  เขาเหลียวมองรอบกายเผื่อจะเจอสีหราชในนี้แต่ก็ไม่เห็น  ครู่หนึ่งแสงไฟสลัวลงเพื่อเริ่มการแสดงเขาจึงหันกลับมามองที่ลานสนาม

ม้าสีขาวปลอดสวยงามแปดตัวเยื้องย่างออกมาสองแถวอย่างเป็นระเบียบ  ....องอาจดูสง่างาม เสียงเพลงออเคสตร้าดังขึ้น  จากนั้นคนบนหลังม้าก็ควบคุมให้เจ้าม้าขยับไปตามจังหวะ   ทรวดทรงปราดเปรียวงดงาม  เยื้องย่าง  วิ่งเหยาะ  ก้าวย่ำ  ขยับกายไปตามท่วงทำนอง  การแสดงตรงหน้าทำให้คีตกาลแทบลืมหายใจ   คีตกาลคิดว่าเจ้าสีนิลกับสีหมอกของพี่ครามสวยแล้ว  แต่ที่เห็นตรงหน้านั้นสวยกว่ามากนัก!

เหยาะย่ำเท้าราวกับเต้นรำ  กระโดดเตะเท้าชวนทึ่ง  ย่างย่ำราวกับวิ่งเล่นบนปุยเมฆ  พวงหากสะบัดไหว  สีขาวสะท้อนให้จับจ้อง  ทุกจังหวะไม่อาจละสายตา  จนเมื่อเพลงใกล้จบแถวสีขาวสวยงามก็ขยับเรียงอีกครั้งเพื่อจบการแสดงชุดแรก  เขาปรบมือเสียงดังอย่างชื่นชม  แล้วชุดต่อไปก็เริ่มขึ้น

ตลอดเวลาคีตกาลมีความรู้สึกทั้งทึ่ง  ตื่นเต้น  มีความสุข  เขาปรบมือเสียงดังให้กับการแสดงทุกชุดที่ได้ชม  เพลิดเพลิน  แปลกตา  สนุกสนานและงดงามอย่างที่สุด

หลายสิบนาทีผ่านไป  การแสดงชุดแล้วชุดเล่าทำให้ไม่อาจละสายตา   จนทุกอย่างสิ้นสุดลงจึงได้แต่ทอดถอนใจ  เพลินเสียจนลืมความตั้งใจของตัวเองเกือบหมด   คีตกาลนึกอยากเขกหัวตัวเองนัก  ดูม้าจนลืมมองหาคน!  สุดท้ายจึงเดินออกมายืนด้านหน้า   หลบมุมอยู่ด้านหนึ่ง  กวาดสายตาดูคนซึ่งเดินออกมาจากโรงเรียน  จังหวะที่กำลังถอดใจพลันร่างคุ้นตาจึงปรากฏ

“สิงห์!”

“?”  ร่างสูงชะงักเท้า  เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วมองไปยังต้นเสียง  ดวงตาคมดุเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าใครร้องเรียก   คีตกาลยิ้มกว้างอย่างดีใจ  เขาวิ่งเข้าไปหาสีหราชด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินหนี  แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆเมื่อร่างสูงหันหลังเดินไม่รอ

“สิงห์!  รอก่อน”   คีตกาลวิ่งตามอย่างร้อนรน  หากคนหนีกลับไม่รั้งรอ    “โอ๊ย!”

“!”  ร่างสูงหยุดชะงักกับเสียงนั้น  เขาหันหลังกลับไปมอง   ร่างโปร่งทรุดลงกุมข้อเท้าตัวเอง  ใบหน้าขาวซีดเผือด  คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวด  สีหราชเร่งเท้าย้อนกลับไปหา

“สิงห์?”  อาจเพราะคิดว่าจะโดนทิ้งให้เจ็บปวดอยู่คนเดียว  น้ำตาจึงคลอหน่วย  คีตกาลเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ

“ยืนไหวไหม?”  เสียงทุ้มไม่ได้ยินมาหลายวันทำให้รู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก  คีตกาลพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะลุกขึ้นตามแรงพยุงจากมือใหญ่    สีหราชพลันหันหลังเดินออกไป  ร่างโปร่งพยายามกัดฟันกลั้นเสียงร้องยามเมื่อทิ้งน้ำหนักลงเดิน   เจ็บแปลบจนต้องหยุดพักแล้วอ้าปากหายใจ    คิ้วเรียวขมวดแน่น  ดวงตาคู่สวยจ้องมองแผ่นหลังกว้างของสีหราชที่เดินอยู่ด้านหน้า

“บ้าจริง!”  เสียงทุ้มสบถเบาๆ   แล้วหันกลับมา

“?”

“เจ็บก็บอกว่าเจ็บ!”  เสียงทุ้มเคร่งเครียด  สีหราชมองเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ซึมข้างขมับบนใบหน้าใส   ร่างสูงหมุนกายย่อตัวลง “ขึ้นมา”

“เอ๊ะ?”

“ขึ้นหลัง!”  สีหราชสั่งเสียงเข้ม

“แต่...”  คีตกาลเหลียวมองรอบกาย  ยังมีผู้คนมากมายตรงนี้

“อย่าดื้อ!”

“....”   สีหราชไม่เห็น  รอยยิ้มดีใจของคีตกาล...  ร่างโปร่งโน้มกายลงบนแผ่นหลังกว้าง   แขนขาวกอดกระหวัดลำคอแกร่ง  ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมาจากกลางอก

ร่างสูงก้าวไปด้วยจังหวะสม่ำเสมอไม่เร่งรีบ  บนแผ่นหลัง...รับรู้อัตราการเต้นของหัวใจของคนที่เขาแบกเอาไว้...  ใบหน้าเข้มคร้ามยกยิ้ม   สีหราชไม่ได้เอ่ยถามว่าคีตกาลพักอยู่โรงแรมไหนและอีกฝ่ายก็ไม่ได้บอก   ดังนั้นสีหราชจึงพาคีตกาลไปยังโรงแรมที่เขาพักอยู่   พนักงานแตกตื่นตกใจเข้ามาถามว่าจะให้ไปส่งโรงพยาบาลหรือไม่   ร่างสูงส่ายหน้า  เพียงเอ่ยขอน้ำแข็งและelasticสำหรับพันข้อเท้าเท่านั้น

สีหราชไขกุญแจเข้าห้อง  พาคนบนหลังเข้าไปยังส่วนห้องนอนแล้วย่อกายวางอีกฝ่ายลงบนเตียง  หรุบสายตาลงมองคนเจ็บซึ่งก้มหน้าจนคางชิดอก  เหลือบมองข้อเท้าขาวแล้วเดินออกไปหาผืนขนหนูผืนเล็กมาห่อนถุงน้ำแข็งที่พนักงานโรงแรมเอามาให้แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง  ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนพื้นแล้วคว้าข้อเท้าของคนบนเตียงขึ้นมาวางบนตักตัวเอง

“ดะ เดี๋ยว!”

“?”

“ฉันทำเอง”

“ดื้อ!”

“นี่!”

“นั่ง-เฉย-เฉย!”   ใบหน้าดุเงยขึ้นจ้อง  คีตกาลเม้มปากแน่น  เพราะมีความผิดติดตัวสุดท้ายจึงได้แต่นั่งเงียบตามคำสั่งไม่กล้าเถียงสักคำ  สีหราชยิ้มมุมปากไม่ให้อีกฝ่ายเห็นก่อนจะแนบห่อน้ำแข็งลงบนข้อเท้าขาวแผ่วเบา   ร่างโปร่งสะดุ้งพยามยามดึงข้อเท้าหนีโดยไม่รู้ตัว  มือใหญ่คว้าหมับตรงปลีน่องแล้วประคบต่อ  ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงสีหราชจึงใช้ elastic พันข้อเท้าเอาไว้ให้แน่น

“ขอบใจ”    เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วไม่เอ่ยตอบ  ร่างสูงเพียงยักไหล่แล้วเดินออกไปนอกห้อง  คีตกาลยืดตัวชะเง้อมองก่อนจะผลุบนั่งตำแหน่งเดิมเมื่อสีหราชยกเก้าอี้เข้ามาวางตรงหน้า

“เอาเท้าวางบนนี้”

“เอ๊ะ?”

“อย่าดื้อ!”   คีตกาลเม้มปากแน่น  เขาแค่สงสัยไม่ได้จะดื้อเสียหน่อย!

 ....ก็เถียงในใจอ่ะนะ...






ไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน  ลืมตาตื่นเมื่อมีแรงสะกิดตรงไหล่   คีตกาลหยีตาเหลียวมองสีหราชซึ่งยืนอยู่ข้างเตียง

“มากินข้าวก่อน”

“อื้อ~”  ร่างโปร่งพลิกตัวหนี

“....”   สีหราชถอนหายใจ  สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้คีตกาลหลับต่อก่อนเดินออกไปแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมถังน้ำแข็ง  ร่างสูงทรุดตัวลงนั่ง   เอื้อมคว้าขาขาวของคนหลับลึกขึ้นวางบนตักตัวเอง  ค่อยๆคลายผ้ายืดออกแล้วเอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบข้อเท้าข้างที่เจ็บ

“!”

“หลับต่อเถอะ  ฉันแค่จะประคบน้ำแข็งให้”  เสียงทุ้มเอ่ยอ่อนโยน  คีตกาลที่อ่อนเพลียจึงหลับไปอีกครั้ง

สีหราชมองใบหน้าขาวซึ่งดูซีดเซียวเพราะความอ่อนเพลียแล้วให้ยอกในอก  วันนั้น..ตอนที่เขาตกน้ำเพราะการขัดขาของคีตกาล  ยอมรับว่ารู้สึกตกใจ  น้อยใจและปวดแปลบในอกอย่างที่สุด  หากเพียงแค่สีหน้าตกใจของอีกฝ่ายกับหยาดน้ำตา...ก็ทำให้หัวใจเขาอ่อนยวบไปทั้งดวง   แต่ความน้อยใจทำให้เกิดทิฐิขึ้นเขาจึงหลบหน้า   เขาไม่เคยโกรธคีตกาลได้สักครั้งแต่ครั้งนี้...ถ้าเขาไม่ตัดสินใจทำอะไรเลยสักอย่างอีกฝ่ายคงไม่เดินก้าวข้ามเส้นในใจตัวเองออกมา

หากสิ่งที่คาดไม่ถึงคือการเห็นอีกฝ่ายอยู่ที่นี่...  คีตกาลที่ร้อนรนตามเขามาถึงออสเตรีย   เมื่อวานตอนรับโทรศัพท์จากอิ่มเอมเขายังแค่นยิ้มคิดว่าเพื่อนล้อเล่นดังนั้นจึงตกใจที่คนตรงหน้าตามเขามาจริงๆ
ชายหนุ่มพันผ้ายืดรอบข้อเท้าคีตกาลอีกครั้ง  จัดท่านอนให้อีกฝ่ายสุขสบายที่สุดแล้วจึงปิดไฟ





********

ออฟไลน์ sine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 321
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +129/-3




“!”  ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นนั่ง  เขาเหลียวมองรอบกายพลางนิ่งคิด   เขาอยู่ที่ไหน?  สีหราชล่ะ?

“ตื่นแล้วหรือ?  ไปอาบน้ำซิ  จะได้มากินข้าว”   ร่างสูงของสีหราชเปิดประตูเข้ามาพอดี  เขาเลิกคิ้วมองสภาพคนบนเตียงพลางพยักเพยิดไปทางห้องน้ำ   คีตกาลลำดับเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้ารับแล้วเขย่งเท้าเข้าห้องน้ำไปด้วยความมึนงง

“เอ๊ะ?”   กระเป๋าผ้าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?   อยากจะอ้าปากตะโกนถามคนด้านนอกแต่สุดท้ายเขาก็นิ่ง...

คีตกาลสดชื่นขึ้นมากหลังการอาบน้ำ  เขาเดินออกมาตรงส่วนห้องโถงเพราะไม่เห็นสีหราชอยู่ในห้องนอน  ร่างสูงจัดวางอาหารบนโต๊ะเหลียวมามองเขาจึงไปทรุดตัวลงนั่งตรงฝั่งที่อีกฝ่ายเลื่อนเก้าอี้ให้

“เดี๋ยวแช่น้ำอุ่นเสียหน่อย?  ยังปวดอยู่ไหม?”

“เอ๊ะ?”

“ข้อเท้าน่ะ”

“ก็ดีขึ้นแล้ว”

“?”  สีหราชหรี่ตามองเมื่อได้ยินคำตอบ  ดวงตาคมดุจ้องมองคนตรงหน้าอย่างจับผิดหากไม่ได้เอ่ยอะไร  ร่างสูงเดินไปยังห้องน้ำกลับออกมาพร้อมกะละมังใส่น้ำอุ่น   ชายหนุ่มทรุดตัวลงด้านข้างคีตกาลแล้วยกเท้าขาวขึ้น

“เดี๋ยว!”

“?”  สีหราชเงยหน้าขึ้นมองหากไม่ปล่อยให้คีตกาลดึงข้อเท้าหนี

“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้”  แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ  ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่สีหราชจับข้อเท้าของเขา  ทั้งประคบอย่างเบามือ  ทั้งพันผ้าอย่างอ่อนโยนราวกับกลัวข้อเท้าเขาหัก   ไม่รู้หรือว่าการกระทำนั้นทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักแค่ไหน!

“โชคดีที่ไม่ได้เจ็บหนัก”  สีหราชไม่ตอบโต้  เขายกเท้าขาวลงแช่ในกะละมังน้ำอุ่น  เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยจึงลุกเดินไปล้างมือแล้วกลับมานั่งฝั่งตรงข้ามคีตกาล

“อืม”

“กินข้าวเสีย  แล้ววันนี้ก็พัก  ไม่ต้องไปซนที่ไหน”

“ฮื่อ!”

ระหว่างมื้ออาหารที่เงียบกริบและการก้มหน้าก้มตาทานของสีหราชทำให้คีตกาลไม่สบายใจ  ร่างสูงไม่เงยหน้ามองเขาสักนิด  ชวนคุยก็ไม่ทำ!  ร่างโปร่งเม้มปากแน่นก่อนจะเขี่ยอาหารในจานไป-มา

“นี่  การแสดงม้าเมื่อวานสุดยอดไปเลยเนอะ”

“อือ”

“ม้าสวยมากเลย!  ฉลาดด้วย!”

“อืม”

“นายจะซื้อม้าพันธุ์นี้ไปไว้ที่ฟาร์มเหรอ?”

“อือ”

“สุดยอดไปเลย!”

“อืม”

“นี่!  ปล่อยให้ฉันคุยคนเดียวเลยนะ!”  คีตกาลตบโต๊ะด้วยท่าทางไม่พอใจ   สีหราชเงยหน้าขึ้นมองแล้วถอนหายใจ  ท่าทางนั้นทำเอาร่างโปร่งใจแป้วหดเล็กลงเหลือเทาเม็ดเกาลัดเลยทีเดียว

“วันนี้ก็พักที่นี่ไปแล้วกัน”  พูดจบก็รวบช้อนแล้วลุกขึ้นยืน

“นายจะไปไหน?”

“ไปฟาร์มม้า”

“ฉันไปด้วย!”

“....ข้อเท้าเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

“หายแล้ว!”

“หืม?”

“คือ   ..ดีขึ้นมากแล้ว”

“พักดีกว่า  เกิดอาการแย่ลงจะทำยังไง”

“ไม่เอา!  ฉันไปด้วยนะ   นะ  นะ”

“.....”

“สิงห์....”

ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะยอมให้คีตกาลตามไปด้วย  ร่างโปร่งยิ้มดีใจแล้วดึงเท้าขึ้นจากน้ำอุ่น  สะบัดๆแล้วก้าวเข้าห้องไปค้นเสื้อคลุมออกมาอย่างรวดเร็ว

“.....”  สีหราชมองท่าทางนั้นแล้วหันหลังออกเดินนำ

....คีตกาลไม่เห็น  ริมฝีปากหยักยกยิ้ม...  ดวงตาคมดุทอแววเอ็นดูอ่อนโยน




สีหราชพาคีตกาลนั่งรถไปยังฟาร์มไพเบอร์  ร่างสูงพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าให้เขาตามเข้าไป  คีตกาลเดาว่าอีกฝ่ายคงติดต่อมาก่อนหน้านั้นแล้ว  ทั้งท่าทางพูดคุยสนิทสนมดูท่าคงคุยกันมานานและหลายครั้ง 

ที่นี่เลี้ยงม้าในทุ่งโล่ง  ปล่อยให้พวกมันได้วิ่งอย่างอิสระเต็มที่  บางตัวมีสีเทา  ตัวที่เล็กลงมาสีจะเข้มขึ้น  ยิ่งเล็กสียิ่งดำ   คีตกาลมองอย่างไม่ใคร่เข้าใจนัก  เขาดึงแขนเสื้อคนข้างกายแล้วถาม

“นี่ใช่พันธุ์เดียวกับที่แสดงในโรงเรียนสอนขี่ม้าเมื่อวานหรือเปล่า?”

“ใช่  Lipizzaner น่ะ”

“ทำไมสีถึงไม่เหมือนกันล่ะ?”  เจ้าลูกม้าตัวหนึ่งสีดำไปคลอเคลียแม่ตัวเองซึ่งมีสีขาวปลอด

“ม้าพันธุ์นี้แปลกอย่างนี้เอง  เมื่อเล็กสีจะดำและค่อยๆขาวขึ้นเมื่อโต  กลายเป็นสีขาวปลอดตอนโตเต็มวัย”

“....พวกมันสวยจัง”  สีหราชยกยิ้ม  เขาผินหน้ามามองคนข้างกายซึ่งมองม้าในทุ่งโล่งด้วยดวงตาเป็นประกาย

“นี่น่ะคือ ‘สุดยอดความสวยงามสไตล์บาโรก’ เลยล่ะ!”  น้ำเสียงตื่นเต้นและรื่นเริงของร่างสูงทำให้คีตกาลหันไปมอง  ดวงตาคมดุจ้องมองม้าสีขาวตัวหนึ่งวิ่งโลดโผนด้วยท่วงท่างดงามสุดเปรียบปราน

“ต้องเอากลับไปให้ได้เลยนะ”

“แน่นอน!”  คีตกาลยิ้มกับคำตอบนั้น


จนผ่านไปครู่ใหญ่  เจ้าหน้าที่คนเดิมมาตามให้สีหราชเข้าไปด้านในโรงม้า  เจ้า Lipizzaner สีขาวปลอดตัวเขื่องงดงามอยู่ด้านใน  ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คนนั้น  เอกสารต่างๆยื่นให้ชายหนุ่มตรวจสอบ  คีตกาลไม่ได้เดินเข้าไปฟังด้วย  เขาหยุดยืนหน้าเจ้าม้าสีขาว

“ต้องรอเซ็นเอกสารอีกฉบับจากสัตวแพทย์”

“แล้วจะเอามันไปได้วันไหน?”

“น่าจะอีก 2 วัน”

“...นายตั้งชื่อให้มันหรือยัง?”

“?”  สีหราชเลิกคิ้วมองคนถาม

“....ฉันมีอยู่ชื่อหนึ่ง”

“?”

“สีหกาล  ชื่อเดียวกับฟาร์มของนายไง”

“......”  สีหราชยืนนิ่ง  ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์  ความเงียบเนิ่นนานทำให้คีตกาลเผลอกลั้นหายใจ

“เอ่อ  ถ้าอยากให้ชื่ออื่น...”

“ตามใจ”

“หืม?”

“ให้ชื่อสีหกาลก็ได้  ตามใจนาย!”

ไม่รู้ว่าคีตกาลตาฝาดไปเองหรือเปล่า  เขาจึงเห็นใบหูของสีหราชขึ้นสีแดง...
.
.
.

มีหลายครั้งที่คีตกาลอ้าปากจะถามแต่แล้วก็นิ่ง...เพราะไม่อยากให้บรรยากาศดีๆระหว่างเขาและ
สีหราชหายไป  อย่างเช่น  กระเป๋าเสื้อผ้าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ร่างสูงรู้ได้อย่างไรว่าเขาพักโรงแรมไหน หรือทำไมสีหราชจึงไม่เปิดห้องอีกห้องให้เขาพัก  เหตุใดจึงต้องพักห้องเดียวกัน  เตียงเดียวกัน?

หลังอาหารค่ำมื้อง่ายๆเจ้าของห้องก็อาบน้ำ  ชายหนุ่มเปิดทีวีไล่ตามช่องต่างๆเพื่อดูข่าวครู่เดียวก็ปีนขึ้นเตียงนอน   คีตกาลสะดุ้งเฮือก  เขาแช่เท้าในน้ำอุ่นที่สีหราชเอามาให้หลังอาบน้ำเสร็จ  ชะโงกหน้ามองคนบนเตียงอย่างกลัวๆกล้าๆ

“นี่...พรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนไหม?”

“....”

“ฉันอยากไปพระราชวังเชินบรุนน์”

“....”

“พระราชวังที่พระนางมารี  อองตัวเนตเคยประทับ  ที่ที่โมซาร์ทแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรก!”  ร่างโปร่งยิ้มแย้มทำท่าทางเพ้อฝัน  เขาทำวีซ่าเพื่อมาเที่ยวชมออเคสตร้าแต่เมื่อได้ใช้ในกรณีนี้แทนก็ขอเที่ยวชมอย่างอื่นแทนละกัน

“........”

“..นี่?”

“ปิดไฟแล้วก็นอนซะ!”

“ชิ!”

“ตื่นสายจะมีเวลาเที่ยวน้อย!”

“อื้ม!”  คีตกาลยิ้มกว้าง  เขาสะบัดน้ำออก  เช็ดเท้าให้แห้งแล้วกระโจนขึ้นเตียงว่องไว




ท่ามกลางความมืด   สีหราชถอนหายใจ
จะมีครั้งไหนไหมที่เขาไม่ใจอ่อนกับคีตกาล?
เฮ้อ~~



.
.
.





 ศิลปะโรโคโคสีเหลืองอ่อนตรงหนาดูสวยงาม   ร่างโปร่งยืนนิ่งคล้ายโดนมนต์สะกด  เขาจ้องมองพระราชวังเชินบรุนน์ตรงหน้า

“นี่ นี่  โมซาร์ทแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบต่อหน้าพระพักตร์ที่นี่แหละ!”  สีหราชพยักหน้ารับกับคีตกาลที่อธิบายประวัติความเป็นมาของพระราชวังนี้อย่างกระตือรือร้น   จนเมื่อพอใจแล้ว
สีหราชก็พาอีกฝ่ายเดินชมสวนแถวนั้นครู่หนึ่ง  ดอกไม้หลากหลายละลานตาสวยงามทำให้คีตกาลยกมือถือขึ้นถ่ายรูปไม่หยุด

“ไปทางนั้นกัน”  มือใหญ่แตะไหล่คนที่กำลังถ่ายรูปให้หันมามอง  แล้วเดินนำไปทางซุ้มโค้งสีเหลือง  คีตกาลเงยหน้าขึ้นมอง  ร่างสูงนำเดินผ่านเลยขึ้นไปยังเนินด้านหนึ่ง  ครู่ใหญ่จึงหยุดเท้า

“ว้าว~”  คีตกาลอุทานเสียงดัง  ภาพตรงหน้าทำให้เขายิ้มกว้าง   ภาพพระราชวังเชินบรุนน์ในมุมกว้างมีกรุงเวียนนาเป็นฉากหลัง... สวยงามจนหาคำอธิบายไม่ได้

สีหราชปล่อยให้ร่างโปร่งดื่มด่ำกับบรรยากาศนั้นเนิ่นนาน  เขาทำเพียง...แค่มอง...มองคีตกาลที่มีความสุข  แล้วก็ยิ้มตาม..

จากนั้นสีหราชพาคีตกาลเดินกลับลงมาขึ้นเมโทรไปยังจัตุรัสสเตฟาน  แวะทานขนมกับกาแฟเล็กน้อย  เลือกซื้อของฝากให้คนโน้นคนนี้ติดมือ  จนบ่ายคล้อย... พวกเขาเคียงคู่  บางครั้งพูดคุย  บางครั้งก็แค่เงียบแล้วเดินไป

“สวยจัง!”  วิหารสูงตรงหน้าทำให้คีตกาลเงยขึ้นมอง

“วิหารเซ็นต์สตีเฟ่น  เป็นวิหารที่สวยที่สุดในโลกเลยนะ”  สีหราชคุยโวบ้าง  สถานที่เมื่อเช้าคีตกาลอยากไป  หากตรงนี้คือที่เขาอยากมา  อยากให้คีตกาลได้เห็น  ร่างโปร่งยิ้มกว้าง  หันมามองไกด์จำเป็นแล้วเงยขึ้นมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง  กระเบื้องหลังคาหลากสีสวยงาม  ตัววิหารสีขาว  ภาพตรงหน้าทำให้เขาประทับใจมาก  จนใกล้ค่ำพวกเขาจึงกลับโรงแรม

คีตกาลยิ้มกว้าง  ความรู้สึกหนักหน่วงก่อนมามลายหายไปแทบหมด  เขาเหลือบมองร่างสูงของ
สีหราชแล้วยิ้มกับตัวเอง  ดูท่าอีกฝ่ายคงหายโกรธเขาแล้ว   ด้วยอารามดีใจเขาจึงกระโดดโหยงเหยงคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ

“หายเจ็บขาแล้วเหรอ?”   เสียงเย็นเอ่ยถามทำเอาคีตกาลชะงักยืนตัวแข็งทื่อ

“เอ่อ...”

“เดินเที่ยวได้ทั้งวัน  แถมตอนนี้ยังกระโดได้ด้วย?”

“คือ...มันดีขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ”

“.....”   สีหราชหรี่ตามองอย่างจับผิด

“โอ๊ะ  ตอนนี้เหมือนจะเจ็บขึ้นมาอีกแล้วแฮะ  สงสัยจะเดินมากไป”  ร่างโปร่งยกขาขึ้นแกล้งทรุดตัวลงนั่งบนเตียง

“โกหกซินะ?”

“เอ๊ะ?”

“แกล้งขาแพลง  แกล้งเจ็บใช่ไหม?”  เสียงทุ้มเย็นชา  ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงให้คนมองใจสั่น

“เอ่อ  คือ  ตอนนั้นขาฉันพลิกจริงๆนะ!”

“โกหกได้เนียนดี!”

“ไม่นะ  คือ…”

“สนุกมากไหม?”

“ไม่!  คือ  สิงห์...ฉัน...”

“นายอาจจะสนุกแต่ฉันไม่!”

“สิงห์!”  คีตกาลร้องเรียก  เขาผวาตามร่างสูงที่หันหลังเดินออกจากห้องไปด้วยความโกรธ

ทำยังไงดี?   สีหราชท่าทางโกรธมากขนาดนั้น   คีตกาลยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเองด้วยความร้อนรน  ตอนนั้นเขาข้อเท้าพลิกจริงแต่ไม่ถึงขนาดแพลง  พอส่งเสียงร้องด้วยความตกใจเขาเห็นสีหราชหยุดเท้ากลับมาดูเขาด้วยความเป็นห่วง  เขาดีใจมากที่อีกฝ่ายยังคงห่วงเขา  พอฝ่ายนั้นพาเขากลับมาที่โรงแรม  คอยดูแลคอยห่วงใยเขายิ่งปิดปากเงียบเพราะไม่อยากให้สิ่งเหล่านั้นหายไป  เขารู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัว...   

แต่จะให้ทำอย่างไร  ในเมื่อเขาต้องการความอ่อนโยนนั้น  ความอ่อนโยนเช่นเดียวกับในอดีต...เขาอยากได้ความรู้สึกนั้นของสีหราชกลับคืนมา   หากวันนี้เขาก็ทำมันพังด้วยความสุขอันมากล้นที่สีหราชหยิบยื่นให้...

เขาอยากอธิบายให้สีหราชเข้าใจ... 
ร่างโปร่งลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมตามออกไปอย่างเร่งร้อน   หากพอลงมาถึงหน้าโรงแรมเขากลับต้องยืนนิ่งเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปทางไหนจนต้องหันกลับไปถามเบลบอยว่าเห็นร่างสูงไปทางไหนแล้วค่อยเร่งฝีเท้าตามไป

ระหว่างที่สอดส่ายสายตาคีตกาลพลันชะงักนิ่งเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของใครบางคนเดินผ่านไป  คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะตัดสินใจตามอีกฝ่ายไปอย่างไม่ลังเล  เขาไม่คิดว่าจะเจออีกฝ่ายที่นี่  มาตั้งแต่เมื่อไหร่?  มาทำไม?

ร่างโปร่งนั้นเดินตรงไปยังตึกทรงสูงตึกหนึ่ง  เงยหน้ามองคล้ายจะเดินเข้าไปหากก็หันเดินไปอีกทางแล้วเลี้ยวเข้าซอยข้างตึก   คีตกาลก้าวตามพยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว  คราวแรกคิดจะร้องทักเพราะอยากให้อีกฝ่ายช่วยตามหาสีหราช  แต่ท่าทางเหมือนกลัวใครมาเห็นของฝ่ายนั้นทำให้เขาแปลกใจจนต้องแอบตามหลังมา

เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบและเสียงหัวเราะกังวานของคนที่เดินเข้าไปทำให้หัวใจของคีตกาลหดเกร็ง  เพราะทั้งสองเสียงเขาจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร

“นี่  ไม่คิดเลยนะว่าคีย์จะตามคุณมาถึงที่นี่จริงๆ”

“จริงไม่จริงแล้วทำไม?”  เสียงทุ้มตวัดถามดุดัน

“คุณดีใจล่ะซิ?”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ!”

“ใจร้ายจัง  ถ้าไม่ได้ฉันคุณคงต้องเสียเขาไปจริงๆนะ”

“อย่ามาทวงบุญคุณ!  ถึงไม่มีเธอมันก็ต้องเป็นอย่างทุกวันนี้อยู่แล้ว!”

“....นี่  มาเป็นแฟนฉันเหอะ”

“....”

“ฉันชอบคุณตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว”

“....”  ชายหนุ่มไม่ตอบโต้  เขาเพียงแต่มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา

“ขอรางวัลหน่อยไม่ได้หรือไง?”  ร่างสูงไม่ตอบ

“.....”

“จูบเดียวก็ได้นะ   นะ?”



คีตกาลตัวแข็ง  เขานิ่งฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกไหนแม้แต่ตัวเองก็ไม่สามารถบอกได้   ในหูอื้ออึง  สับสนระคนแปลกใจ  เขาเดินออกจากที่ซ่อน  อยากเห็นว่าทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่จึงเงียบเสียงไป  หากภาพตรงหน้ากลับทำให้เลือดในกายแทบกลายเป็นน้ำแข็ง  ความรู้สึกหนาวเย็นชาวาบจากปลายเท้าขึ้นสู่สมองอย่างรวดเร็ว

เสียงก้อนอิฐผุพลิกตัวเมื่อโดนเหยียบ  มือแกร่งผลักร่างที่โถมยกแขนขึ้นคล้องคอเขาออกอย่างแรง   ดวงตาคมดุมองเลยไปทางด้านหลังทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมอง

“โอ๊ะ!”   ร่างโปร่งของหญิงสาวผละห่างออกจากร่างสูง   ดวงตากลมใสเบิกกว้างอย่างตกใจด้วยไม่คิดว่าจะเจอคีตกาลที่นี่ตอนนี้   มีเพียงสีหราชเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าเฉยชาเอาไว้ดังเดิม

คีตกาลเม้มริมฝีปากแน่น  แก้มกร้านของสีหราชมีรอยลิปสติกแดงประดับไว้  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีปากของใครที่แนบรอยถ้าไม่ใช่ผู้หญิงตรงหน้านี้










“แม็กกี้?”






















แถมท้าย  By สายใจ






“คุณเอมไม่อยู่หนูละเง๊าเหงา”  เด็กสาวยกแขนวางลงบนโต๊ะ  ตาก็เหลือบมองละครในทีวีไปด้วย

“อะไรของเรา?”  อิ่มเอมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารมองเด็กสายใจ

“อ้าว  ก็ไม่มีคนเม้าท์ด้วยไงค่ะ  เนี่ยเมื่อวันก่อนนะคะ  คุณแพรวเธอมาพักที่นี่ด้วยค่ะ”

“?”

“คุณสิงห์นะเอาใจเธอยกใหญ่”

“ฮื่อ?”

“ไม่ฮื่อละค่ะ  หนูเห็นมากับตา  คุณคีย์ก็อีกคน   ทำตัวไปแย่งจีบคุณแพรวด้วย”

“ไอ้เพลงเนี่ยนะ?”

“ค่ะ   แล้วไม่รู้ไปทำอีท่าไหน  วันก่อนทะเลาะกันหรือยังไงเนี่ยแหละค่ะ  คุณสิงห์ตัวเปียกโชกกลับเรือน  ท่าทางโกรธมากด้วยค่ะ  คุณคียืมายืนง้อหน้าห้องทั้งคืนก็ไม่ยอมเปิดประตู  เช้ามาถึงรู้ว่าหนีไปต่างประเทศซะงั้น”

“....”

“คุณคีย์ไปตามคุณสิงห์ที่ต่างประเทศหรือคะ? คุณเอม?”

“อืม”

“กรี้ดดดด”  สายใจส่งเสียงวี้ดว้ายจนป้าแช่มและอิ่มเอมสะดุ้งตกใจ

“อะไรของเราน่ะ?”   คนตัวโตยกมือลูบอกเรียกขวัญตัวเอง

“เนี่ยๆ  คุณคีย์เหมือนนางเอกเรื่องนี้เลนค่ะ”  เด็กสาวชี้ไปยังทีวีตรงหน้า  อิ่มเอมอ้าปากเหวอ  คีตกาลเหมือนน้องมิวเนี่ยนะ?

“นางเอก?”

“ค่ะ  นางเอก  ‘ตามรักคืนใจ’ ไงคะ!  อันนี้เขาไปตามพ่อ  ส่วนคุณคีย์ของหนูไปตามคุณสิงห์!”

“........”   อิ่มเอมถึงขนาดหมดคำพูดเลยทีเดียว











โปรดติดตามตอนต่อไป





สวัสดีค่ะ  หายหัวไปนานมากกกกกกกสำหรับตอนหลัก   ขอโทษนะคะ^^
อันที่จริงตอนนี้ทรายอยากจะให้หวานๆ  แต่...ไหงกลายเป็นการท่องเที่ยวและเล็กเชอร์เรื่องม้าไปเสียแล้ว???
ฮา..
หวังว่าจะมีความสุขทุกครั้งที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกัน
ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กัน
ขอบคุณที่รอค่ะ


ด้วยรักและคิดถึง

ปล.ฝากดูคำผิดด้วยนะคะ
ปลล.มีข้อผิดพลาดตรงไหนบอกได้เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ^^
ปลลล. คลิปการแสดงน้อง้มาที่เพลงไปดูค่ะ   https://youtu.be/Pn6Jmqs9IHQ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2015 02:21:57 โดย sine »

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
Re: -รักพัดหวน- ตอนที่11 [21 ธ.ค.58]หน้า7
«ตอบ #209 เมื่อ21-12-2015 09:01:23 »

โกรธกันอีกแน่ๆ ทำไงละทีนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด