รอพิเศษ
อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป
เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ ปรือขึ้นก่อนกะพริบถี่ ขยับกายซุกคนที่นอนอยู่ข้างกันเพื่อหาความอบอุ่นด้วยความเคยชิน เมื่อได้สติกลับมาผมก็นิ่งไป สายตาปะทะเข้ากับแผงอกกว้างที่เปลือยเปล่าพอดี แค่นี้ก็หน้าร้อนแล้ว อ่อนชะมัด! เงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดผมอยู่ตอนนี้ เด็กดัมโบ้ยังคงหลับตาพริ้ม หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ผมระบายยิ้มบาง ยกหน้าขึ้นไปจูบที่ปลายคางคนหลับเบา ๆ แล้วไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าสมบูรณ์แบบ...
“ซนแต่เช้าเลย..” ผมนิ่ง ชะงักนิ้วค้างเอาไว้ก่อนจะจิ้มแก้มคนพูดแรง ๆ ดัมโบ้กระชับอ้อมแขนกอดผมแน่นขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บแล้วไม่นานเขาก็คลายออก แพขนตาหนากะพริบถี่ ๆ แล้วลืมขึ้น ดัมโบ้ยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ผมก่อนจะจุมพิตรับอรุณ...
ไม่ดีเลย.. หน้าผมร้อนผ่าวอีกแล้ว
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“อืม... ตอนไหนดีน้า ตอนที่โดนจูบคางหรือเปล่า”
ผมหน้าบึ้ง โว้ยยย! น่าอายอีกแล้ว! สาบานเลยว่าเด็กนี่ต้องตื่นนานแล้วแน่ ๆ
“ฮ่าฮ่า อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ” เขาลูบแก้มผม “ดีจังเลย ตื่นมาแล้วเห็นชุบคนแรก” ดัมโบ้ยกยิ้มกว้าง โน้มมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เม้มปากตัวเองด้วยความเขิน
ให้ตาย อยู่กับเด็กนี่แล้วหัวใจผมทำงานหนักชะมัด
“เพ้อแต่เช้าเลย”
“ฮะฮะ ง่วงจังเลยครับ”
“นอนต่อสิ จะไปอาบน้ำแล้ว ปล่อยแขนด้วย”
“นอนด้วยกันนะ” ดัมโบ้พูดด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ ผมถอนหายใจแล้วยกมือดีดหน้าคนอายุน้อยกว่าไปหนึ่งที ยังมีหน้ามายิ้มอีก ชอบทำให้หมั่นไส้
ทว่า.. แม้จะบอกว่าไม่ ผมก็ไม่ได้ลุกจากเตียงอยู่ดี เอาเถอะ ยังไงวันนี้ก็หยุด ตื่นสายสักวันจะเป็นอะไรไป อีกอย่างร่างกายผมก็ค่อนข้างเพลียด้วย เมื่อคิดอย่างนั้นผมก็หลับตาลงอีกครั้ง...
“ชุบ ลูกชุบครับ”
“หือ.. อือ..”
“เก้าโมงครึ่งแล้วครับ”
“หิว...” ผมว่าเสียงเบา เด็กดัมโบ้หัวเราะ ผมยกแขนหนาออกจากเอวแล้วกลิ้งไปอีกฟากของเตียง เบ้หน้านิดหน่อยเพราะความเจ็บเสียดที่ได้รับ เฮ้อออ นึกถึงมันแล้วทั้งหงุดหงิดทั้งเขิน
“ไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมไปหาอะไรไว้รอ”
“อือ”
ผมเดินลงบันไดมาที่ครัวชั้นล่างหลังจากอาบน้ำเสร็จ ดัมโบ้กำลังยืนทำอาหารอยู่หน้าเตา
“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวทำต่อเอง”
“ครับ” เขาหอมแก้มผมก่อนจะรีบวิ่งออกไป เพราะผมง้างมือขึ้นเตรียมจะตบ
ไอ้เด็กนี่...
“กับข้าวหอมจังเลยยย ฟอดดดด” กับข้าวหอมก็ไปหอมกับข้าว ไม่ใช่มาหอมแก้มฉันไอ้เด็กเปรต!
“อย่ามากอด” ผมบอกเสียงขุ่น
“หวา... ยังเจ็บอยู่เหรอครับ?”
“กรีซ!!!” เด็กตัวสูงหัวเราะ ละมือออกจากสะโพกผมพร้อมกับถอยออกไปราวสามก้าว
“ฮ่าฮ่า เขินรุนแรงจัง”
“เดี๋ยวจะเอาทัพพีตีหน้า ไปนั่งที่โต๊ะนู่น”
“ครับผม ครับ ๆ”
กวนตีน...
ผมยกชามข้าวต้มกุ้งไปวางไว้ตรงหน้าเด็กดัมโบ้หนึ่งชามและสำหรับตัวเองหนึ่งชาม
“วันหยุดยาวอาทิตย์หน้าไปบ้านผมกันนะครับ”
“หือ?”
“แม่ผมอยากเจอลูกชุบ ไปนะ นะครับ”
“อ่า...”
“ไปนะครับ ถ้าห่วงคุณแม่ ก็ชวนท่านไปด้วยกันนะครับ” ผมนิ่งคิด แม้จะเคยเจอครอบครัวของเด็กนี่แล้ว แต่ผมก็ไม่ชินหรอกนะ เอายังไงดี... แพ้ลูกอ้อนไอ้เด็กน่ารำคาญนี่ซะด้วยสิ
“ห่วงบ้าน”
“ให้คุณป้าข้างบ้านช่วยดูให้ก็ได้หนิครับ”
“เฮ้อ...”
“นะครับ ไปเถอะนะ ถือว่าไปเที่ยว พักผ่อน ๆ นะครับ น้าาาา”
“คิดดูก่อน”
“ไม่ต้องคิดหรอกครับ น้าาาา ไปหาครอบครัวผมด้วยกันเถอะนะครับ ลูบชุบครับ~” แค่เสียงผมก็ใจอ่อนแล้วยังจะมาส่งสายตาออดอ้อนมาอีก ให้ตาย...
“ก็ได้ ๆ”
“เย้!” ไม่เห็นต้องทำเสียงดีใจเป็นเด็กแบบนั้นเลย ฮึ่ย!!
สุดท้ายผมก็ต่อต้านเด็กนี่ไม่ไหวอยู่ดี ยอมรับว่าห่วงบ้านจริง ๆ และก็ห่วงแม่ด้วย แต่พาแม่ไปเที่ยวแบบที่ดัมโบ้ว่าก็น่าจะดีเหมือนกัน... อ่า... ตอนนี้แม่ผมไม่อยู่ครับ ไปวัดต่างจังหวัดกับเพื่อนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันนี่แหละครับ ไปกันรถทัวร์คันใหญ่เลย อีกสองวันถึงจะกลับ
“ลูกชุบอยากไปไหนไหมครับวันนี้?”
“ไม่ล่ะ แล้วอยากไปไหนหรือเปล่า?”
ดัมโบ้ส่ายหน้า “ไม่ครับ อยากนอนเฉย ๆ ให้หมดวันไป”
“เป็นตัวสล็อตหรือไง”
“ก็อยากเป็นอยู่นะครับ แต่มีอยากหนึ่งที่อยากเป็นมากกว่า”
ผมเลิกคิ้วขึ้น
“อยากเป็นคนที่ลูกชุบรัก” พูดจบก็ส่งยิ้มพิฆาตมาให้ ผมกัดปากก่อนจะก้มหน้าลงมองชามข้าวต้ม ผมยิ่งอายมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายหัวเราะพลางยื่นมือมาลูบแก้ม ให้ทายว่าตอนนี้หน้าผมมันต้องขึ้นสีแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศแน่
“น่ารัก”
“เงียบไปเลย!!” ผมแสร้งโมโหกลบเกลื่อน
“จะด่าก็มองหน้าด้วยสิครับ” ผมถลึงตาใส่ไอ้เด็กพูดมาก “อย่าทำหน้าน่ารักใส่ผมสิ”
“กรีซ!!!”
“ชอบจัง เวลาลูกชุบเรียกชื่อผมแบบนี้”
“ไอ้เด็กบ้า!! กินข้าวเข้าไปเลยนะ!! เลิกยิ้มสักทีได้ไหม!!” เขินจะตายอยู่แล้วนะ...
ทานอาหารกันเสร็จเด็กดัมโบ้ก็เป็นคนเก็บล้าง ส่วนผมนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ไม่นานเด็กเปรต เอ๊ย เด็กตัวสูงก็เข้ามาคลอเคลีย คิดว่าเป็นแมวหรือไง
ผมบีบจมูกโด่งด้วยความหมั่นเขี้ยว กันติชาระบายยิ้ม มือหนาจับมือผมไว้ก่อนจะคลึงเบา ๆ แล้วจากนั้นก็ทำให้ผมอายอีกครั้งด้วยการไล่จูบไปตามปลายนิ้วผม...
“ทำบ้าอะไร”
“เติมพลัง” เด็กนั่นยิ้มหวาน “เหนื่อยมากเลยครับ...”
“อีกเทอมเดียวก็จบแล้วนี่ อดทนหน่อยสิ”
“ถึงได้เติมพลังอยู่นี่ไงครับ” กรีซยิ้มอีกครั้ง “ผมขอนอนหน่อยนะครับ” ว่าก่อนจะเอนตัวหนุนตักผมและหลับตาลง
คงจะเหนื่อยมากสิเนี่ย ทั้งเรื่องเรียน แล้วยังมีเรื่องผมอีก ไอ้เด็กบ้า... ทำไมถึงทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้ก็ไม่รู้...
“พี่ลูกชุบบบบบบบบบบบบ!!” หันไปตามเสียงเรียกก่อนร่างจะเซเพราะแรงกอดจากคนมาใหม่ เพลิงฟ้ารัดแขนกอดผมแน่น แถมยังหอมแก้มผมไปอีกฟอดใหญ่ ตั้งตัวไม่ทันเลย...
“ไอ้เพลิงฟ้า!!!” เสียงดัมโบ้กับเจ้าตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน เพลิงฟ้าหัวเราะลั่น หอมแก้มผมอีกฟอดแล้ววิ่งหนีไป เพราะดัมโบ้ยกขาจะถีบซะแล้วน่ะสิ...
“ยืนให้มันหอมอยู่ได้” พูดพร้อมกับทำหน้างอ เช็ดแก้มผมข้างที่ถูกหอมไปก็บ่นไป
ไอ้บ้า...
“เพลิงฟ้าน่ารัก”
“เหอะ!”
“หว่ายยยยยยยยย พี่ชุบรักกูมากกว่ามึงอีกไม่รู้เหรอ?” เพลิงฟ้าตะโกนเข้ามาเสียงดัง แลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียน
ผมส่ายหน้าเมื่อโดนเด็กดัมโบ้จ้อง แล้วนั่นทำให้เขาระบายยิ้มออกมา
วันนี้คือวันที่จะออกเดินทางไปบ้านเกิดของนายกันติชาผู้น่ารำคาญ... ผู้ร่วมทริปมีทั้งหมด 4 คนครับ มีผม แม่ของผม กรีซ และเพลิงฟ้า ส่วนแฟนของเพลิงฟ้าไม่ไปด้วยเพราะมีงานต้องทำ วันนี้แค่มาส่งเฉย ๆ อ่า... แถมยังใจดีให้ยืมรถคันใหญ่จากที่บ้านมาด้วยแหนะ เป็นรถ 3 ล็อค 7 ที่นั่ง สบายเลยสิครับ ใส่ของได้เยอะด้วย
“อย่าดื้อนะมึง”
“เคยดื้อเหรอออออ”
“ไม่เคยเล้ยยยยยย” ผมยิ้มบาง ๆ เมื่อมองเพลิงฟ้ากับเจ้างุ้งงิ้งกันอยู่ จึงลากแขนดัมโบ้เข้าไปในบ้าน
“อันนี้เสร็จแล้วใช่ไหมครับ?” ดัมโบ้ถาม พลางชี้ไปที่กล่องอะไรสักอย่าง
“จ้า” แม่ผมตอบ ดัมโบ้เลยยกกล่องนั้นไปใส่รถไว้ ผมเข้าไปกอดก่อนจะหอมแม่ “อ้อนอะไรล่ะเนี่ย หืม?”
“เปล่าครับ”
“เรานี่นะ ไปช่วยน้องขนของสิ แล้วไม่ลืมอะไรใช่ไหม?”
“ไม่ลืมครับผม เช็กดีแล้วครับ” ก็ดัมโบ้นั่นแหละทำ... ตั้งแต่ได้หมอนั่นเป็น เอ่อ... เป็นแฟน ผมก็กลายเป็นคนขี้เกียจไปเลยเพราะเด็กดัมโบ้จะชอบเสนอตัวทำให้แทบจะทุกอย่าง ผมนิสัยเสียก็โทษเด็กนั่นเลยครับ!!
“แล้วจะออกกี่โมงล่ะ?”
“รอแม่นี่แหละ”
“ตายจริง! ไป ๆ ขนออกไปเลย แล้วก็ไม่บอก” แกล้งคนแก่นี่สนุกดีนะครัง ฮ่าฮ่า
ใช้เวลาในการเดินทางประมาณสามชั่วโมงก็มาถึงจุดหมาย ดัมโบ้แวะส่งเพลิงฟ้าที่ไร่วนิดา เข้าไปทักทายพ่อแม่ และคุณปู่ของเพลิงฟ้าสักพักก็ไปที่บ้านของเด็กดัมโบ้...
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาแต่ผมก็อดตื่นเต้นไม่ได้...
“แม่~~~ สวัสดีคร้าบบบบบ” ดัมโบ้วิ่งเข้าไปกอดแม่เหมือนเด็ก ๆ ผมยกมือไหว้ ท่านเองก็ยิ้มรับเพราะลูกชายยังไม่ผละอ้อมกอด
“สวัสดีค่า เป็นยังไงบ้างคะเนี่ย” คุณแม่ของเด็กดัมโบ้เข้ามากอดผม ก่อนจะเดินไปคุยกับแม่ของผม
“สบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะคะ?”
“เรื่อย ๆ น่ะค่ะ เข้าบ้านดีกว่าค่ะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ”
“อากรีซซซซซซ”
“น้องเกรซ! มาให้อากอดหน่อยครับ” กันติชาย่อตัวนั่งคุกเข่า อ้าแขนออกกว้างเพื่อรับเด็กตัวน้อยเข้าสู่อ้อมกอด
น้องเกรซ.. ลูกสาวของพี่ชายคนโตของกรีซ
“ฟอดดดด สวัสดีพี่ชุบกับคุณยายสิครับ” ดัมโบ้บอกหลาน
เจ้าตัวน้อยยิ้มกว้าง พนมมือก้มหัวไหว้อย่างน่าเอ็นดู “ฉะหวัดดีค่ะ”
“น่ารักน่าชังเชียว อายุเท่าไหร่แล้วหืม?”
“ฉองขวบ” น้องเกรซตอบคำถามแม่ผม พร้อมชูสองนิ้วอย่างน่ารัก เด็กอะไร น่าฟัดที่สุด!!
“อยากมีลูกเหรอครับ มองใหญ่เลย ให้ผมช่วยไหม?”
“ทะลึ่ง!!”
“ฮะฮ่า” ยังจะมาหัวเราะอีก “แล้วคนอื่น ๆ ไปไหนเหรอครับแม่”
“พ่อแกอยู่โรงพยาบาลนู่น กริชกับซีอยู่ที่รีสอร์ต พี่สาวเราก็นู่น ไปขลุกอยู่ไร่วนิดาแต่เช้าแล้ว”
คุณพ่อของดัมโบ้เป็นหมอ ส่วนครอบครัวเขาก็มีกิจการรีสอร์ตที่พี่ชายกับพี่สาว รวมทั้งพี่สะใภ้ดูแล คุณแม่นั้นทุกคนไม่อยากให้ทำอะไร ให้อยู่บ้านเฉย ๆ แต่ท่านไม่ยอม จึงไปช่วยคุณน้าตะวันพราว คุณแม่ของเพลิงที่ไร่วนิดาเป็นครั้งคราว กันติชาบอกมางี้...
“อ่าฮ่ะ ผมขอพาลูกชุบไปพักก่อนนะครับ คุณแม่ตามสบายเลยนะครับ” ดับโบ้บอกกับแม่เขาและแม่ผม ก่อนจะดึงมือผมขึ้นไปที่ชั้นสอง โดยมีน้องเกรซนั่งมองตาปริบ ๆ ผมยังอยากเล่นกับน้องเกรซนะ ไอ้เด็กเอาแต่ใจนี่!
ผมยืนสูดอากาศอยู่ที่ระเบียงห้องนอนของดัมโบ้ สายลมเย็นพัดผ่านกระทบผิวหน้าทำให้สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะวิวธรรมชาติสีเขียวสบายตายิ่งทำให้รู้สึกสงบ และแล้วตัวทำลายความสงบของผมก็มาก่อกวน... เด็กดัมโบ้กดริมฝีปากแนบกับท้ายทอยผมแล้วผละออก เกยคางบนไหล่แคบจากนั้นจึงใช้แขนแกร่งกอดเอวผมจากข้างหลัง
“ปล่อยเลย เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก”
“ไม่มีหรอกครับ ฟอดดด”
“ดัมโบ้!!”
“ชอบไหมครับ?”
“อะไร?”
“บ้านผมไง ชอบไหมครับ?”
เปลี่ยนเรื่องซะงั้น ให้ตายสิ...
“ชอบ อากาศดี”
“มาอยู่ด้วยกันไหมครับ?” ผมนิ่ง ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน “พูดเป็นเล่น”
“ผมพูดจริงนะ มาอยู่ด้วยกันที่นี่ไหมครับ?”
“....... เรียน เรียนจบแล้วจะกลับมาอยู่ที่นี่หรอ?”
จากหัวใจที่เต้นแรงเมื่อสักครู่ก็ค่อย ๆ ลดจังหวะลงจนรู้สึกปวดหนึบ..
ดัมโบ้ดึงผมให้หันหน้าเข้าหา แขนแกร่งคล้องเอวผมไว้หลวม ๆ
“อืม ผมกะจะเปิดคลินิกที่นี่ คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ลูกชุบอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ ตอบคำถามผมหน่อย”
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไม?”
“บ้านฉันไม่ได้อยู่นี่ จะมาอยู่กับนายได้ยังไง แม่ฉันก็อยู่นู่นด้วย”
“ก็... ให้คุณแม่มาด้วยก็ได้หนิครับ”
“อย่าเอาแต่ใจน่า”
“ผมอยากอยู่กับลูกชุบนี่”
“ขนาดนายยังอยากกลับมาอยู่บ้านเลย แล้วไม่คิดว่าฉันอยากอยู่บ้านบ้างเหรอ?”
“แล้วไม่อยากอยู่กับผมเหรอครับ?” ผมเม้มปาก สบตากับคนอายุน้อยกว่า “ผมสร้างบ้านของเราดีกว่า ไปขอซื้อที่จากแม่แล้วบอกเพลิงฟ้าออกแบบให้เลย”
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ” คว้าแขนเด็กดัมโบ้ที่ทำท่าจะออกไปคุยกับแม่จริง ๆ อยากจะหัวเราะกับใบหน้างอแงของเด็กนี่จริง ๆ ลืมจังหวะหัวใจที่เต้นตึกตักเพราะคำว่า
บ้านของเรา จิ้มนิ้วลงระหว่างคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากัน “มันไม่ง่ายเหมือนต่อเลโก้นะ”
“เลโก้ก็ไม่ง่าย” ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นไหมเล่า! “ผมไปคุยกับแม่เลยดีกว่า”
“ใจเย็นสิ” ประคองมือโอบแก้มเด็กหน้ามุ่ย “ทำไมถึงชวนให้มาอยู่ด้วย”
“เพราะถ้าผมเรียนจบ ผมก็ต้องย้ายกลับมาที่นี่ ต้องอยู่ไกลจากลูกชุบ.. ผมก็ต้องคิดถึงจนแทบบ้าแน่ ๆ”
ไอ้เด็กบ้า...
“กว่าจะเรียบจน อีกเทอมหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
“เวลาผ่านไปไวจะตาย ขนาดเราเป็นแฟนกันยังผ่านมาสามสี่ปีแล้วเลย”
“เด็กบ้า”
“เพราะใครล่ะครับ นะนะ มาอยู่ด้วยกันนะ”
“ดื้อ”
“สงสัยติดเพลิงฟ้ามาแน่เลย” ดัมโบ้หัวเราะ ผมจึงหยิกแก้มเขาไปหนึ่งที “หรือลูกชุบกลัวอะไร?”
อ่านใจคนได้หรือไงไอ้เด็กนี่...
กลัวเหรอ? คงงั้นมั้ง ตอนที่ได้ยินเด็กดัมโบ้เอ่ยชวน วินาทีแรกผมยอมรับว่าดีใจ.. แต่ไม่นานก็กลายเป็นความกลัว... แน่นอนอยู่แล้วว่าผมอยากอยู่กับเขา ถ้าหากผมตกลงเราจะได้อยู่ด้วยกัน แต่หากเวลาผ่านไปแล้วความรู้สึกของเรามันไม่เหมือนเดิม... หากเราต้อง.. เลิกกัน... ผมจะทำยังไงล่ะ?
สิ่งที่ผมกลัวมีอยู่อย่างเดียวคือกลัวว่าสักวันหนึ่งเราต้องเลิกกัน แน่นอนว่าผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคู่รัก แต่หากมันเกิดขึ้นกับผมจริง ๆ ผมก็คงทำใจไม่ได้ ถึงเขาจะบอกรักผมอยู่ทุกวัน แต่มันต้องมีสักวันสิที่ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป.. สักวันที่เขาเลิกรักผม เขายังเด็กนะครับ ยังต้องเจออะไรอีกเยอะเลย ได้มีโอกาสพบปะผู้คนมากมาย ได้มีโอกาสเจอคนที่ดีกว่าผม...
ให้ตาย... ผมรู้ว่าเราควรจะอยู่ที่ปัจจุบัน แล้วผมก็เกลียดตัวเองที่ชอบคิดไปเองแบบนี้มาก ๆ ด้วย
“ลูกชุบครับ”
“หือ?”
“ถ้ากลัวเรื่องนั้นไม่ต้องไปคิดมันเลยนะครับ คิดเองก็นอยด์เอง ผมแย่นะครับ”
ผมว่าเขาต้องอ่านใจผมได้แน่เลย..
ผมยกยิ้ม สอดมือเข้าไปใต้กลุ่มผมนุ่มสีดำสนิทแล้วสางเล่น
“ไม่รู้สิ.. ก็แค่คิด”
“ผมรักลูกชุบจะตาย ถ้าชุบไม่อยู่ด้วย ผมต้องตายแน่เลย”
“เว่อร์!”
“เพราะลูกชุบนั่นแหละครับ ทำไมต้องทำให้ผมรักมากแบบนี้ด้วย ถ้าลูกชุบกลัวเรื่องนั้น ผมเองก็กลัว กลัวว่าถ้าเราต้องไกลกันแล้วลูกชุบจะลืมผม กลัวว่าระยาทางจะทำให้เราห่างเหินกัน กลัวว่าความรู้สึกที่มีจะค่อย ๆ หายไป กลัวว่าลูกชุบจะทิ้งผมไปเพราะเราไม่ค่อยได้เจอกัน... ถ้าลูกชุบเจอคนที่ดีกว่าผม ผมก็แย่น่ะสิ... รู้ไว้เลยนะครับ ไม่ได้มีแค่ลูกชุบที่กลัว ผมเองก็กลัวเหมือนกัน กลัวมากด้วย ถึงได้ชวนมาอยู่ด้วยกันไงครับ”
“กรีซ...” ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่น
“แต่ผมเชื่อใจลูกชุบนะ ถ้าไม่อยากมาผมจะไม่บังคับ” เด็กดัมโบ้ยิ้มละมุน
“ขอเวลาหน่อยนะ.. ฉันเองก็อยากอยู่กับนาย”
“พูดแบบนี้ใจอ่อนมากกว่าครึ่งแล้วแน่ ๆ ถ้าผมอ้อนอีกหน่อยจะตกลงหรือเปล่าครับ ไปคุยกับแม่เรื่องที่เลยดีกว่า” ดัมโบ้พูดรัว ๆ ผมจึงตีแขนไปทีหนึ่งจนร้องโอ๊ย สมน้ำหน้า! เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงเชียว
“ฮึ! นายคิดว่าแม่ฉันจะยอมเหรอ?”
“ยอมสิ! ถ้าลูกชุบยอม”
“แม่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ นะ”
“ทำขนมหรืออาหารที่ห้องอาหารของรีสอร์ตก็ได้หนิครับ อ๊า! ถ้าลูกชุบไม่อยากช่วยผมที่คลินิกก็ช่วยงานที่รีสอร์ตก็ได้ แค่นี้เอง”
“จนได้สิน่า..”
“น้าาาา ย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะนะครับ”
“ถ้ายอมรับข้อเสนอจะได้?”
“อ่า... หากยอมรับข้อเสนอวันที่ ท่านจะได้รับของสมนาคุณคือแฟนแสนดีให้นอนกอดทั้งคืน ก่อนหลับท่านจะได้เห็นหน้าแฟนของท่านเป็นคนสุดท้าย และตื่นมาเจอหน้าแฟนของท่านคนแรกในตอนเช้า บอกรักทุกครั้งตอนตื่นและก่อนนอน แถมด้วยจูบที่แสนละมุน
อ๊ะ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะครับ หากท่านไม่สบายใจสามารถซบอกกว้าง ๆ ของกระผมได้ อืม... อะไรอีกนะ อันนี้ได้เหรอเปล่า.. แถมบรรยากาศแสนสงบสุขท่ามกลางธรรมชาติ ไร่องุ่นวนิดาที่ท่านสามารถไปได้ทุกเมื่อ และกินองุ่นฟรีแบบอันลิมิต หากท่านสนใจการย้ายมาอยู่ด้วยกัน กรุณาจูบที่ริมฝีปากของผม หรือหากท่านตกลงก็เพียงแค่จูบผมเท่านั้น... โปรโมชั่นนี้พิเศษสำหรับชนกานต์คนเดียวครับ”
“ไอ้เด็กบ้า!”
ผมห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะระบายยิ้มกว้าง เลิกเรียนทันตะแล้วไปขายตรงดีกว่าไหม... เด็กดัมโบ้ยักคิ้วและยิ้มจนตาเรียวนั่นหายไป ผมหลับตาหลบสายตาพราวระยับแก้เขิน วางมือบนไหล่กว้างเป็นหลักยึดก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นไปเพื่อแนบริมฝีปากกับปากหยักของเขา... วงแขนแกร่งโอบรัดเอวบางของผม ร่างสูงเอียงใบหน้าเพื่อมองจูบหวานล้ำให้
กันติชาขบริมฝีปากผมเบา ๆ ก่อนจะไล้ลิ้นบนกลีบปากบาง ผมเผยอริมฝีปากเล็กน้อยเป็นการอนุญาตให้อีกฝ่ายสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามาควานหาความหวานในโพรงปาก เรียวลิ้นชื้นเกี่ยวพันลิ้นผมอย่างหยอกล้อ เขาผละไปเลียเช็ดหยาดน้ำที่ข้างแก้มผมออกก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง กรีซกดจูบย้ำ ๆ หนักสลับเบา
เราจูบกันอยู่นานจนผมรู้สึกหายใจไม่ทัน อีกฝ่ายจึงผละออกอย่างเชื่องช้า ผมก้มหน้าต่ำ ซบหน้าผากกับอกกว้าง คนอายุน้อยกว่ารวบกอดผมไว้ทั้งตัว กดจูบที่ขมับ แล้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู
เป็นคำที่ได้ฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ
เป็นคำที่ทำให้ผมใจเต้นแรงได้ทุกเมื่อที่ได้ยินมันออกมาจากริมฝีปากหยักของเขา
และเป็นคำที่ผมชอบฟังเอามาก ๆ
“รักนะครับ” “....”
“ผมรักคุณ รัก.. ได้ยินหรือเปล่าว่าผมรักคุณ.. รักลูกชุบ” “อือ”
“ถ้ารู้สึกเหมือนกัน บอกผมหน่อยได้ไหมครับ...”
เงยหน้าสบตากับเจ้าคนที่มองสายตาอ่อนโยนให้ผมเสมอ ผมยื่นมือไปลูบแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา
“รัก”
“รักดัมโบ้ รักเด็กหูกาง รักมาก ๆ รักกันติชา รัก... กรีซ” FIN.----------------------------
เฮลโหลลลลลลลล สวัสดีจ้าาาาาา คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงง
ตอนพิเศษคราวนี้เป็นของนายกรีซและลูกชุบคนดี หวังว่าจะชอบนะคะ

เขียนตอนนี้แล้วจั๊กจี้มาก ยิ่งต้องอ่านซ้ำหลายรอบด้วย ฮ่อยยยย ไม่โอเค
อยากมีกันติชาเป็นของตัวเอง5555555555555555
แต่เกลียดตอนขายตรงมาก บับ... กลอกตาซ้ายขวา ถ้าไม่หล่อจะบอกว่า เสียใจด้วยค่ะ น้องไม่ใช่เดอะเฟซ #ผิด
พล่ามอะไรเนี่ย เม้นต์นิยายตัวเองทำมายยยยยยยยยย
ไปแล้วจ้าาาาาา ไว้อาจจะเจอกันอีก จุ้บ ๆ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ รักคนอ่าน /ปาหัวใจใส่
