Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก END สั่งนิยายได้ที่ สนพ Rev. มาแจ้งจ้าา
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก END สั่งนิยายได้ที่ สนพ Rev. มาแจ้งจ้าา  (อ่าน 63665 ครั้ง)

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #30 เมื่อ20-05-2015 19:20:52 »




“น่าโมโหจริงๆ ยัยพวกนั่นนี่! มาว่าคุณหนูของฉัน!”

คำสบถถูกพ่นออกมาจากปากของหญิงรับใช้อย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงการต่อปากต่อคำเมื่อสักครู่ บังอาจนักมามาคุณหนูผู้บริสุทธิ์ทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องสักอย่าง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคุณหนูของเธอเป็นเช่นไรเพราะเธอเลี้ยงของเธอมาตั้งแต่ยังเด็กๆ จากเด็กดีมีรอยยิ้มน่ารักแต่วันนึงก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แน่นอน! สาเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนที่ได้ชื่อว่า ‘พ่อ’

ก็อก ก็อก ก็อก

“คุณหนูคะ เย็นเอาข้าวมาให้คะ”

“.....”

“คุณเรย์”

ก็อก ก็อก ก็อก

“คุณเรย์”

ก็อก ก็อก ก็อก

เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกยังคงดังต่อเนื่องแต่ไม่มีท่าทีจะตอบรับจากอีกฝ่ายจนทำให้เธอรู้สึกใจไม่ดีเพราะเมื่อตอนที่กลับออกมาจากโรงพยาบาลคุณหนูของเธอได้มีปากเสียงกับบิดาจนลั่นบ้าน ด้วยความเป็นห่วงในชีวิตเจ้านายทำให้เธอร้อนรน โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อกไม่อย่างนั้นเธอจะต้องเสียเวลาลงไปเอากุญแจสำรองข้างล่างเป็นแน่

ปัง!

“คุณเรย์!”

สาวใช้วิ่งไปทั่วทุกมุมห้องแต่กลับไม่มีร่องรอยคนอยู่เลยสักคนยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงเข้าไปใหญ่ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างกลัวรับรู้ถึงอาการสั่นของมือตัวเองจนห้ามให้หยุดไม่ได้ ตอนนี้สมองของเธอคิดเพียงแค่อย่างเดียว กลัวว่าอีกคนจะคิดสั้น กลัวว่าคุณหนูอาจจากไปโดยที่ไม่มีวันกลับ

“คุณเรย์! คุณเรย์อยู่ไหนคะ”

ผู้เป็นดั่งดวงใจของเธอไปไหนเธอไม่อาจรู้ รู้แต่ว่าต้องออกตามหาให้เจอ น้ำสีใสถูกหลั่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างจนห้ามไม่ได้ เธอรู้สึกกลัว.....กลัวจริงๆ

ปรื้น ปรื้น

ท้องถนนแม้จะเป็นยามค่ำคืนแต่ก็เต็มไปด้วยรถและกลุ่มควันมลพิษ ดวงตาที่หวาดระแวงทั้งสองข้างสอดส่องไปทั่วหมุนซ้ายหมุนขวาแล้ววิ่งตามหาอย่างไม่ลดละ เพียงไม่นานก็คลี่ยิ้มกว้างบนใบหน้าก่อนที่จะวิ่งเข้าหาคนตัวเล็กที่กำลังร้องไห้เหมือนขาดใจ

“คุณเรย์!”
.
.
.
ผมร้องไห้อีกแล้ว.....ร้องไห้เหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ผมวิ่งหนีไคออกมาไม่อยากให้เขารู้สึกสมเพชไปมากกว่านี้แต่ผมที่ไม่มีทั้งเงินและเสื้อผ้าทำให้ไปไหนไม่รอดต้องกลับมาบ้านที่ผมหนีออกมาอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะไม่อยากกลับแต่ผมก็ไม่รู้จะไปไหน ทำให้ตัวเองต้องเดินกลับมาทางเดิม เสียงเรียกที่ดังเข้าโสตประสาททำให้ผมต้องเงยหน้ามองด้วยน้ำตา ถึงจะมองไม่เห็นแต่ผมก็รู้ว่าเป็นใคร?

“ยะ เย็น ฮือ ฮือ”

เย็นเข้ามากอดผมอย่างเต็มรัก ผมรับรู้ถึงอาการสั่นสะท้านของเธอ ใบหน้าที่ผมเห็นมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์นองไปด้วยน้ำตามันทำให้ผมใจหลุนวูบ

“คุณเรย์ ฮือ ฮือ เย็นเป็นห่วง อย่าหายไปอีกนะคะ”

“ขอโทษนะ ฮึก”

“ไม่เป็นไรคะ”

บ้านที่ไม่มีใครต้องการอย่างน้อยผมก็มีเย็นที่คอยผมอยู่ ถ้าหากผมหนีไปคนเดียวก็เท่ากับทิ้งเย็นเอาไว้ผมคงทำไม่ได้เพราะเป็นคนเดียวที่อยู่กับผมอยู่เคียงข้างผมในวันที่ผมไม่มีใคร

ทุกอย่างกลับไปเป็นปกติ ผมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสีหน้าเย่อหยิ่งฉายชัดบนใบหน้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยทอดมองไปยังสาวใช้ที่นินทาผมเมื่อวานอย่างหาเรื่องจนเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งก้มหน้าต่ำมองพื้นไม่กล้าหันขึ้นมาสบตา สองมือที่ประสานกันสั่นระริกจนผมสังเกตุได้

“คราวหลังหัดหุบปากบ้างนะ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีงานทำแบบไม่รู้ตัว”

ผมขู่.....ได้แค่ขู่เท่านั้นไม่คิดจะทำจริงๆ สองคนนั่นก็ยังคงก้มหน้าอยู่ ผมมองเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะเดินออกมา
มือของผมถือกระเป๋าสะพายแล้วกำมันจนแน่นก่อนที่จะหันไปมองบ้านหลังใหญ่ที่ผมอยู่มาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่จำความได้พ่อไม่เคยรักผมเลย ผมเคยสงสัยนะว่าผมเป็นลูกของพ่อหรือเปล่าเหมือนกับอย่างในละครที่พ่อไม่รักเพราะเป็นลูกของคนอื่น ทำให้ผมอยากพิสูตรเลยลองเอา DNA ไปตรวจแต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่ผมคิด ผมเป็นลูกพ่อร้อยเปอร์เซ็น เป็นลูกแม่เต็มตัว แต่ทำไมพ่อไม่รักผมเลย.....
ทำไม? ไม่รักผมเหมือนกับที่รักหนึ่ง

“.....เรย์.....เรย์.....เรย์!”

“หะ ห๋า ว่าไง”

“อะไรของนายเนี่ย มัวแต่นั่งเหม่ออยู่ได้”

“เอ่อ โทษทีนะอัลฟา”

“โห่ ฉันชวนนายมาสนุกนะ ไม่ได้ชวนมานั่งเหม่อ ไปเต้นกันเถอะ”

“นายไปเถอะ ฉันอยากนั่งมากกว่า”

“ตามใจ”

อัลฟาเพื่อนร่วมชั้นเรียนเอ่ยขึ้นก่อนจะทิ้งผมให้นั่งอยู่คนเดียวแล้วออกไปเต้นกลางลานพร้อมกับเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันกับเขาสองสามคน เสียงดนตรีที่ดังเข้าหูแต่มันกลับไม่เข้าสมองผมเลยสักนิด กลิ่นหล้าแรงๆ มันก็ไม่ได้ทำให้ผมอยากที่จะแตะต้องเลยได้แต่ปล่อยแก้ววางอยู่แบบนั้นจนน้ำแข็งละลาย

ผมเบื่อไม่อยากกลับบ้านเลยมาตามคำชวนของอัลฟาที่เป็นเพื่อนร่วมห้อง คิดว่าอย่างน้อยเสียงดนตรีก็คงทำให้ผมคลายความเศร้าลงได้บ้างแต่มันก็เท่านั้นเพราะไม่ว่ายังไงผมก็ยังคงนึกถึงแต่ผู้ชายคนนั้นอยู่ดี ไม่รู้ทำไมถึงชอบทำให้ตัวเองเจ็บ ในเมื่อเขาไม่รักแล้วจะคิดถึงทำไมก็ไม่รู้

“ขอโทษครับ ขอนั่งด้วยได้ไหม?”

ผมมองไปยังอีกคนที่เข้ามานั่งข้างผมอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าหล่อเหลากระตุกยิ้มมาให้ถ้าผมเป็นคนอื่นก็คงจะหลงรอยยิ้มนั้นง่ายๆ แต่ผมไม่โง่พอที่จะลดตัวลงไปทำแบบนั้น ขึ้นชื่อว่า ‘ผับ’ ก็ต้องย่อมมีคนหลายประเภทที่เข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่รักสนุกมากกว่า พอเมื่อเจอคนที่ถูกใจก็เข้ามาทักแล้วก็จบลงเพียงชั่วข้ามคืนบนเตียงในคอนโดหรูหรือไม่ก็คงเป็นโรงแรมม่านรูดสักแห่งแถวนี้

“ขอโทษครับ แต่ผมอยากนั่งคนเดียว”

“ผมชื่อดนัย แล้วคุณชื่ออะไรเหรอครับ”

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดสักนิดยังพยายามที่จะสานสัมพันธ์ต่อทั้งๆ ที่ผมปฏิเสธไปอย่างโจ่งแจ้ง ผมยิ้มเล็กน้อยให้เขาก่อนที่จะตอบออกไปอย่างที่ใจคิดตั้งแต่แรก ให้มันรู้ไปสิว่าพูดขนาดนี้แล้วยังจะหน้าด้านอยู่อีกไหม!

“คงไม่จำเป็นต้องบอกหรอกนะครับ อีกเดี๋ยวคุณก็ไปแล้ว”

สีหน้าเขาเจื้อนลงเล็กน้อยแล้วเดินออกไปทันทีโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ ผมเองก็เบื่อที่จะอยู่ในนี้เลยลุกออกไปข้างนอกเพื่อที่จะสูดอากาศที่บริสุทธิ์แต่ช่วงจังหวะที่ผมกำลังลุกด้วยความซุ่มซ่ามของตัวเองไปชนแก้วที่มีน้ำสีเหลืองอำพันเข้าทำให้มันหกรดกางเกงอย่างจัง

ตึง!

“ว้า ซุ่มซ่ามจังเลยเรา”

ด้วยกลิ่นและความเปียกชื้นของเนื้อผ้าทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่ดีจนต้องเปลี่ยนใจกลับบ้าน มองดูนาฬิกาข้อมือก็เกือบเที่ยงคืนแล้วป่านนี้ก็คงเข้านอนกันจนหมด

แอ๊ดดดด

ผมเปิดประตูบ้านด้วยเสียงที่เบาทำตัวเหมือนกับแมวขโมยแต่ยังไม่ได้ไปไหนเพียงไม่นานบ้านที่น่าจะมืดกลับกลายเป็นสว่างในชั่วพริบตา

พรึ๊บ!

“แกไปไหนมา!”

เสียงประกาศกร้าวเอ่ยดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูก็รู้ว่ากำลังโกรธจัด นี่เขายังไม่นอนอีกเหรอ?

“ฉันถามว่าแกไปไหนมา!”

“ไปเที่ยว”

“ทำไมแกถึงทำให้ฉันปวดหัวอยู่เรื่อย ห่ะ! กลิ่นเหล้าก็เหม็นหึ่งเชียว แกกำลังอยู่ในวัยเรียนควรที่จะเรียนหนังสือ ไม่ใช่วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นทำตัวไร้สาระ”

“ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ผมขอตัว”

พูดจบผมก็รีบเดินขึ้นห้องทันที ที่ผมไม่อยากกลับบ้านก็เพราะว่ามีเขาเป็นคนต้นเรื่อง นอกจากจ้องแต่จะหาเรื่องด่าผมไปวันๆ ก็ไม่เห็นจะมาสนใจผมสักนิดหรือต่อให้ผมไม่ได้ทำอะไรเขาก็มักจะมีเรื่องด่าผมอยู่แล้ว กับเรื่องที่เข้าใจผิดคิดว่าผมกินเหล้ามันก็แค่เรื่องจิ๊บๆ ผมพยายามไม่ใส่ใจล้มตัวนอนบนที่นอนอย่างเหนื่อยล้าแล้วข่มตาให้หลับลง

เฮ้อ.....เก็บแรงเอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า
.
.
เช้า

“เอาละคะนักเรียนทุกคน วันนี้อาจารย์มีข่าวดีมาบอก ห้องของเราได้รับเลือกให้หานักแสดงมาแสดงดนตรีในงานที่จะจัดขึ้น แล้วรู้ไหม? ว่าใครได้รับเลือกเล่นเป็นตัวเด่น”

เสียงอาจารย์ประจำชั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มร่าให้กับเด็กนักเรียนของตน แต่สิ่งนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจสักนิดเพราะสายตาของผมมักจะเหลือบมองไปยังอีกโต๊ะที่มีลูกคนละแม่ผมนั่งอยู่ ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆ ที่ดูสนิทสนม ผิดกับผมที่นั่งอยู่หลังห้องตัวคนเดียว

“เฮ้ย หนึ่ง! ฉันว่าต้องเป็นนายแน่เลย”

“ไม่หรอก จะเป็นฉันได้ยังไง? คนอื่นมีตั้งเยาะแยะ”

“เป็นเธอนั่นแหละหนึ่ง อาจารย์ดีใจด้วยนะ”

เสียงสนธนาสิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงปรบมือดังลั่นห้อง หนึ่งทำท่าเขิลอายอย่างเก้ๆ กังๆ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ผมเบ้หน้าไปอีกทางอย่างนึกหมั่นไส้แล้วก็เป็นหนึ่งอีกจนได้ที่ได้ทุกอย่างไป ผมมันเป็นแค่คนขี้อิจฉา.....ผมอิจฉาหนึ่งที่ได้รับความรักจากทุกคนไป ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ อาจารย์หรือแม้แต่กระทั่งครอบครัวตัวเอง

ถ้าหากว่าผมเป็นเด็กดีจะมีคนรักผมเหมือนกับที่รักหนึ่งหรือเปล่านะ?....

ความคิดที่มันมักจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ในใจของผมแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะทำมัน ผมกลัว.....กลัวว่าถ้าหากว่าผมทำมันลงไปจะไม่มีใครสนใจผมเหมือนกับวันนั้น

ครั้งที่ผมยังเป็นเด็กตอนอายุ 14 ผมได้รับเลือกให้ไปแสดงไวโอลิน ตอนนั้นผมยังจำได้ดีว่าผมดีใจมากที่ได้รับเลือก เป็นครั้งแรกที่มีคนไว้ใจผมจนทำให้ผมอดที่จะขยันซ้อมไม่ได้ ผมซ้อมไวโอลีนทุกวันเมื่อยามที่ผมว่างเพราะอยากทุ่มเทให้มันดีที่สุดแต่แล้วความหวังของผมก็พังไม่เป็นท่าเมื่อผมซุ่มซ่ามเพราะมัวแต่ดีใจที่ถึงวันที่ผมจะต้องแสดงจริงๆ ทำให้ผมไม่ระวังตัวเดินตกบันไดทำให้ข้อมือเคล็ดจนไม่สามารถที่จะเล่นไวโอลีนได้

‘ผมจะแสดง! ผมทนได้ครับอาจารย์’

‘อย่าเลยเรย์ อาจารย์รู้ว่ามือเธอเจ็บและคงแสดงไม่ไหว’

‘ผมทำได้.....ผมทำได้จริงๆ อาจารย์ให้ผมแสดงเถอะนะ’

‘เธอไม่ต้องฝืนตัวเองหรอกเรย์ อาจารย์ให้หนึ่งเล่นเปียโนแสดงแทนแล้วละ’

ความหวังผมทลายลงในพริบตาพร้อมกับเสียงเปียโนที่ดังเข้ามาในโสตประสาทจากอีกทาง ไม่นานนักก็หยุดลงพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังสนั่น น้ำตาผมร่วงลงมาทันทีโดยที่ไร้เสียงสะอื้น ความพยายามที่ผมซ้อมมาตลอดมันไม่มีค่าเลยสักนิดเหมือนเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ที่หลอกให้ผมตายใจ ถ้าจะให้โทษใครก็คงโทษไม่ได้ต้องโทษที่ตัวผมที่ทำตัวเองทั้งนั้น แล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ถูกเลือกให้แสดงอะไรอีกเลยเพราะหนึ่งได้รับเลือกแทนผมมาโดยตลอด
.
.
.


ปล่อยมือยอมหากเธอนั้นคิดจะไป เมื่อเธอยืนยันว่าในหัวใจ เธอต้องการอย่างนั้น.....
บอกกับเธอให้เธอรักเขานานๆ เมื่อเธอเจอคนที่เธอต้องการ ฉันพร้อมจะเข้าใจ.....
อยากจะยินดีที่มองดูเธอและเขา ได้รักสุขใจ แต่ไม่เคยจะทำได้สักที.....
ความรักจริงๆ มันคืออะไร ใครนิยาม ที่บอกว่ารักจะสุขใจแม้สุดท้ายเธอรักใคร.....
แต่แล้วความจริงมันคืออะไร ยอมให้เธอจากไปแล้วทำไมช้ำอย่างนี้.....


หลังของผมพิงพนักตึกสีขาวด้วยความอ่อนล้า เสียงเปียโนถูกเล่นขึ้นจากคนที่ถูกเลือก ผมที่หลบอยู่อีกมุมได้ยินมันชัดเจน ไม่เข้าใจว่าทำไม? ต้องมาแอบดูทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าจะทำให้ตัวเองเจ็บหรือว่าผมเป็นพวกชอบทรมานตัวเองกันนะ

แปะ แปะ แปะ

“เก่งจังเลยหนึ่ง”

“ขอบใจนะกัณฑ์ แต่เรายังไม่เก่งหรอก”ลูกคนละแม่ของผมพูดขึ้นแค่ฟังจากเสียงโดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าก็พอรู้แล้วว่าเจ้าตัวกำลังทำหน้าแบบไหน?

“ใครว่ายังไม่เก่ง แค่นี้หนึ่งก็เก่งแล้ว”

“ใช่.....แค่นี้หนึ่งก็เก่งแล้ว”

“ตะวัน! ไค! มาได้ไง”

“ได้ข่าวว่าได้รับเลือกให้แสดงเปียโนเลยกะว่าจะมาดูซ้อมสักหน่อย”

“ตะวันมันก็เลยลากฉัน มาหานายไงหนึ่ง”

เสียงสนธนายังคงดังขึ้นเป็นระยะๆ น้ำเสียงที่หัวเราะต่อกระซิกมันทำให้ผมทรมาน ความอิจฉาที่มันเกิดขึ้นภายในใจอย่างลุกโชน ผมไม่ได้อยากคิดอย่างนั้นแต่มันห้ามไม่ได้จริงๆ ผมหลับตาลงก่อนที่จะลุกเดินหนีออกมาจากที่ตรงนั้น.....มันไม่ใช่ที่ที่ผมควรไปอยู่สักนิดแม้กระทั่งที่บ้านเองก็เหมือนกัน

“ได้ข่าวว่าลูกชายพ่อได้ถูกรับเลือกให้แสดงเปียโน”

“ครับคุณพ่อ”

“เก่งจริงๆ เลยลูกพ่อ แล้วเมื่อไหร่ละพ่อจะได้ไปดู”

“อาทิตย์หน้าครับ”

ความอบอุ่นที่พ่อมีให้กับลูกถ้าผมเป็นคนอื่นก็คงมองว่ามันน่ารักช่างเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ แต่สำหรับผมกลับมองภาพเหล่านั้นด้วยม่านน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาเรื่อยๆ

วันรุ่งขึ้นผมมาเรียนปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือผู้คนรอบข้างที่กำลังทำท่าหาของบางอย่างอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ผมเดินเข้าห้องด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะถามออกไป ถึงผมจะนั่งหลังห้องแต่โชคดีที่ผมนั่งติดหน้าต่างมันก็เลยทำให้ผมสามารถมองวิวทิวทัศน์โดยรอบได้สบาย

“เรย์! นายใช่ไหมที่เป็นคนเอาโน๊ตซ้อมเพลงของหนึ่งไป”

ผมหันมองหน้ากัณฑ์เพื่อนสนิทของหนึ่งอย่างงุนงงไม่เข้าใจสักนิดว่าเขาต้องการอะไรจากผม โน๊ตอะไร? ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักนิด

“โน๊ตอะไร?”

“อย่ามาทำไขสือ เมื่อวานหนึ่งเขาลืมโน๊ตเพลงเอาไว้แล้วนายเป็นคนเอาไปใช่ไหม”

“อย่ามากล่าวหากันพล่อยๆ ถ้าไม่มีหลักฐาน”ผมเชิดหน้าตอบสบตาอย่างไม่ลดละ จนทำให้เจ้าตัวถึงกับเดือดพล่านเมื่อถูกปฏิเสธ

“หลักฐานฉันไม่มีหรอกแต่เมื่อวานฉันเห็นนายด้อมๆ มองๆ ตรงที่หนึ่งซ้อมเปียโน”คำกล่าวหาที่บอกว่าผมเป็นคนผิดถูกเอ่ยขึ้นมาทันที ผมเค้นยิ้มร้ายบนใบหน้าทั้งไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ

“กัณฑ์! ไม่เอาน่า เรย์ไม่ได้เอาไปหรอก อย่ามีเรื่องกันเลย”

“หยุดเลยหนึ่ง! นายจะไปปกป้องมันทำไม? ในเมื่อนายเองก็รู้ว่าเรย์เขาร้ายกาจขนาดไหน”

ผมเก็บความเจ็บช้ำไว้ในใจ ไม่มีใครมองว่าผมเป็นคนดีเลยสักนิด ไม่ได้ทำก็หาว่าทำแล้วถ้าหากผมแก้ตัวไปก็คงคิดว่าผมโกหก ความเจ็บปวดมันเกาะกินใจผมขึ้นเรื่อยๆ จนต้องหาทางปิดบังเอาหน้ากากมาสวมทับ หน้ากากของนางมารร้ายแล้วซ่อนน้ำตาไว้เบื้องหลัง

“หึ ป่านนี้มันคงไหม้เป็นจุนไปแล้วมั้ง ช่วยไม่ได้ใครอยากให้แกลืมเองละ”

“เห็นไหมหนึ่ง! มันเอาของนายไปจริงๆ ด้วย”กัณฑ์ชี้หน้าแล้วแผดเสียงใส่ผมด้วยความโมโหแทนเพื่อน ส่วนคนข้างตัวก็มีสีหน้าเศร้าสลดลงเห็นได้ชัด ผมเองก็ยังทำท่าทำทางแบบสะใจต่อไปแล้วเดินกระแทกไหล่ของกัณฑ์ออกมาโดยที่ไม่คิดจะหันไปขอโทษ
ผมไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วทำไมพวกเขาต้องมากล่าวหาผมด้วย ผมผิดเหรอ? ที่มีท่าทีแบบนี้เพียงแค่เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้อ่อนแอก็เท่านั้น ยังมีเวลากว่าอาจารย์จะเข้าห้องเรียนผมเลยเลือกที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อลดความฟุ้งซ่านที่มีอยู่ในหัวสมองพยายามไม่คิดอะไรมากในช่วงเช้าแต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้อยู่ดี

“ไง”

คำทักทายที่ดังขึ้นระหว่างทางไปเข้าห้องน้ำมันถึงกับทำให้เบ้หน้าอย่างนึกหัวเสีย ทำไมต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจออีกนะ ผมเชิดหน้าทำเป็นไม่ใส่ใจเดินหนีแต่กลับถูกดักทางเอาไว้หลายต่อหลายครั้งจนหมดความอดทน

“หลีกไป!”

“ฉันไม่หลีก”

“อย่ามากวนประสาทฉันนะไค!”

“เหอะ ทำอย่างกับฉันอยากเจอนายนักนี่”

“ถ้าไม่อยากเจอก็ถอยออกไป!”

“ฉันไม่ถอย”

ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกวนประสาท จะอะไรกันนักกันหนาตั้งแต่เช้าเนี่ย!

“นายใช่ไหมที่เป็นคนเอาโน๊ตของหนึ่งไป”

คำกล่าวหาถูกพ่นออกมาจากใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้งมันทำให้ผมถึงกับหันขวับมองสบตาอย่างไม่ลดละ เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่มีแต่คนมาโทษผม ทั้งๆ ผมไม่ได้เอาไปสักหน่อย

“ก็แล้วแต่จะคิด”

ผมหมดแรงแล้วที่ตอบโต้ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างนั้นก่อนที่จะเดินหนีไปอีกทางอย่างไม่คิดที่จะสนใจ ถ้าอยากจะคิดว่าผมผิดก็ปล่อยให้เขาคิดไปผมจะไม่ห้ามอะไรทั้งนั้น แล้ววันนั้นทั้งวันคนรอบข้างต่างก็มองว่าผมผิดแม้ว่าหนึ่งเขาจะหาโน๊ตอีกฉบับมาได้ก็ตาม

“โห นายนี่เจ๋งดีนะเรย์ กล้าที่จะแกล้งหนึ่งด้วย”

อัลฟาพูดขึ้นอย่างสนุกปากแล้วมองไปยังลูกคนละแม่ของผมที่อยู่อีกทาง ไม่มีใครเชื่อผมสักคนหรือแม้แต่กระทั่งถามความจริงสักคำก็ไม่มีว่าผมได้เอาไปหรือเปล่า

“เรย์! นั่นนายจะไปไหนนะ ใกล้เรียนช่วงบ่ายแล้วนะ”

“.....”ผมเงียบไม่คิดที่จะตอบ ที่ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นเพราะสายตาที่มองว่าผมผิดจากเพื่อนร่วมห้องบางคนส่วนใหญ่มักจะมาจากเพื่อนสนิทของหนึ่งทั้งนั้น ส่วนคนอื่นๆ ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของตัวเองจึงทำเป็นไม่สนใจก็มีแต่ผมทนไม่ได้มากกว่า มันอึดอันเหมือนจะหายใจไม่ออกจนต้องเดินหนี

“อะไรของเขานะ ถามก็ไม่ตอบ”

อัลฟาพูดด้วยความงุนงงแต่ผมก็ไม่ได้หันไปสนใจ ผมยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทางเดินที่เชื่อมยาวไปข้างหน้า ผมไม่รู้จะไปที่ไหนพอรู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงห้องซ้อมดนตรีซะแล้ว แล้วก็ไม่รู้อะไรมาดลใจทำให้ผมเปิดเข้าไปในห้องนั้น ผมมองเปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องเรียน มือของผมค่อยๆ สัมผัสมันอย่างแผ่วเบาแล้วก็ลงนั่งที่เก้าอี้สำหรับนั่งเล่นเปียโน ผมชอบดนตรีทุกประเภทแต่ดนตรีที่ผมชอบที่สุดก็คงจะเป็นเปียโนกับไวโอลินเพราะมันทำให้จิตใจของผมสงบนิ่งแต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นผมก็ไม่เคยแตะต้องเครื่องดนตรีชนิดไหนอีกเลย ความทุ่มเทที่ผมฝึกซ้อมด้วยความหวังมันกลับทลายพังไม่เป็นท่าจนหัวใจของผมปฏิเสธที่จะเล่น

โด.....เร.....มี.....ฟา.....ซอล.....ลา.....ซี.....โด้

นิ้วของผมกดไปตามคอร์ดเพลงตามขั้นพื้นฐานอย่างช้าๆ ค่อยๆ จิ้มทีละตัวอย่างไม่เร่งรีบ เสียงเปียโนที่ดังเข้าหูมันทำให้ใจของผมสั่นระรัวจนอยากที่จะลองเล่นมันอีกครั้ง แค่คิดมือของผมก็ไปเร็วกว่าสมองด้วยความคุ้นชินแล้วเริ่มกดนิ้วลงบนคอร์ดอย่างลืมตัว

โด.....เร.....มี.....ฟา.....ซอล.....ลา.....ซี.....โด้

สามปีที่ผมไม่เคยแตะต้องเปียโนแต่พอได้มาสัมผัสอีกครั้งมันเหมือนกับมีแรงจูงใจทำให้ผมเผลอที่จะเล่น ผมหลับตาลงอย่างช้าๆ คิดถึงเสียงเปียโนตอนเด็กๆ ที่แม่มักจะสอนให้ผมเล่นเป็นประจำ ตัวโน๊ตทุกตัวค่อยๆ ผ่านเข้ามาในหัวสมองพร้อมกับมือของผมที่เล่นไปตามจังหวะ

Moonlight Sonata ของ บีโทเฟ่น

ผมชอบเพลงนี้ถึงแม้ว่ามันจะเล่นยากแต่พอได้เล่นมันก็ทำให้จิตใจที่ขุ่นมัวของผมคลายลงแล้วเริ่มคล้อยตามไปกับบทเพลง นิ้วของผมยังคงกดตามดอร์ดไปเรื่อยๆ โดยที่ผมยังไม่ได้ลืมตาแต่อย่างใด ดนตรีคือความสุขเดียวที่ผมมีแต่ทำไมผมถึงลืมมันไปได้นะ ทั้งๆ ที่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่แม่เหลือทิ้งไว้ให้แล้วทำไม? ผมถึงทิ้งมันไปได้เพียงเพราะความอ่อนแอในใจของผมที่ไม่กล้ายอมรับความจริง

ขอโทษครับแม่ที่ผมมันอ่อนแอ.....


Take

ขอบคุณทุกเม้นมากครับ

จริงๆ เรื่องนี้เทคตั้งใจจะแต่งให้มีน้ำตาทุกตอน แต่ไปๆ มาๆ ไม่ได้จริงๆ พระเอก...เทคเตรียมไว้แล้ว หนึ่งในสองคนนั่นแหละ ไม่บอกหรอกว่าใคร ลองเดากันดู...ตอนแรกๆ พระเอกยังไม่ออกเท่าไหร่นะ จะออกจริงๆ จัง หลังจากที่.................


ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #31 เมื่อ20-05-2015 19:39:25 »

ตาไคนี่แปลกๆนะ ไม่ได้คิดว่าเป็นพระเอกหรอกแต่มาแต่ละทีมันบังเอิญไป เหมือนจะหาเรื่องแต่ก็ปล่อยไปง่ายๆ
แสดงว่าไคคงน่าจะรู้ตัวตนของเรย์จริงๆว่าเป็นคนยังไง ส่วนหนึ่งเราว่าเรามองคนไม่ผิดนะนายหนึ่ง  :interest:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #32 เมื่อ20-05-2015 20:01:39 »

สงสารเรย์จังเลย กลายเป็นเป้ารับผิดตลอด สงสัยอย่างแรงใครเอาโน๊ตไป คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือ คนแต่ง ฮ่าๆๆๆๆๆ
ตอนต่อไปขอพระเอกชัดๆๆๆๆเตอะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #33 เมื่อ20-05-2015 20:07:43 »

ตะวัน รึเปล่า
น่าสงสารเรย์นะ แต่ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้(ในทางที่ถูก)ก็จะไม่ชนะนะ อย่ามัวแต่โหยหาความรักจากคนอื่นเลย รักตัวเองให้มากๆจะดีกว่า
ถ้ารักตัวเอง ก็จะต้องพยายามทำตัวให้สมภาคภูมินะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #34 เมื่อ20-05-2015 20:18:07 »

น้องเรย์อย่าร้องลูก โอยสงสาร ตาไคนี่ยังไงมายุ่งตลอด อยากให้มีใครสักคนรักเรย์ห่วงเรย์ นอกจากเย็นนางไม่มีใครเลยฮือ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #35 เมื่อ20-05-2015 20:32:10 »

เจ็บดีค่ะชอบแล้วก็เห็นด้วยกับรีพลายที่ 23 ของคุณ frejaจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #36 เมื่อ20-05-2015 20:44:58 »

หลังจากที่... หลังจากที่อะไรล่ะค้าาาาา  :ling1:
ไม่จำเป็นต้องแต่งให้มีฉากเรียกน้ำตาทุกตอนก็ได้ค่ะ แค่เทคสามารถเขียนให้คนอ่านรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวละครที่ต้องการจะสื่อได้เนื้อเรื่องก็ดูมีสเน่ห์ขึ้นมาแล้วค่ะ หากมีฉากแบบนี้ให้ร้องไห้กันทุกตอน เรื่องจะดูจืดชืดไป เมื่อคิดว่าต้องมาเห็นนายเอกโดนทำร้ายจิตใจกันบ่อยๆแบบนี้ ก็จิตตกเอาการเหมือนกัน อยากให้มีตอนเบาๆให้คนอ่านได้ชื่นใจว่า นายเอกของเรายังคงมีความสุขเล็กๆน้อยๆกับเขาบ้าง เข้าใจว่าเป็นนิยายดราม่า แต่ถ้าพอถึงจุดพีคของเรื่องที่วางเอาไว้ มันจะดูซอฟต์ลงถนัดเลยค่ะ นี่เป็นคห.โดยส่วนตัวนะคะ เราพิมพ์ตามที่รู้สึก ตามที่คิด แต่เรื่องของคุณ เทค น่าสนใจมากจริงๆ ยังคงติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ตัวโตๆ นะคะ

ปล.หากรีนี้ทำให้ใครไม่พอใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #37 เมื่อ20-05-2015 20:58:52 »

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:ยังรัดทดไม่พออีกหรือ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #38 เมื่อ20-05-2015 21:11:36 »

พระเอกขอเดาว่าเป็น ตะวันค่ะ เพราะยังไม่ค่อยมีบทพูดเลย
บทตอนแรกตะวันออกมาก็ดีนะคะ เหมือนคอยเตือนนายเอกไม่ให้ทำตัวไม่ดี แต่นายเอกของเรากลับทำตัวเป็นนายร้ายนี่สิ
แต่ไคนี่ไม่น่าเป็นพระเอก ดูร้ายๆ หาเรื่อง น่ารำคาญ
เรื่องนี้นายเอกร้ายแล้ว ขอพระเอกแสนดีและเข้าใจนายเอกมากๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ mynamejnkf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #39 เมื่อ20-05-2015 21:13:04 »

ทำไมถึงใจร้ายกับลูกเรย์ของเจ้อย่างงี้ เอาใจช่วยนะคะน้องเรย์ หนูต้องผ่านมันไปให้ได้นะคะ อย่าคิดสั้นนะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
« ตอบ #39 เมื่อ: 20-05-2015 21:13:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #40 เมื่อ20-05-2015 21:28:53 »

แอบหวังให้ตะวันเป็นพระเอก อิๆ :z1: ส่วนคุณพ่อนี่ไม่ไหวเลย ไม่รู้สิ เป็นผมนะ ไม่อยู่ด้วยแล้ว
ไม่รู้ว่ารักลูกแบบไหน ต่อให้มีอะไรในอดีตก็เถอะ ลูกไม่ใช่เหยื่อของอดีตที่พ่อกับแม่สร้างไว้
เขาไม่รู้เรื่องอะไร เป็นพ่อคนแม่คนแล้ว โตแล้ว ต้องรู้จักแยกแยะ
555 ขอโทษทีที่แรงไป ผมมีปมฝังใจบางอย่างกับพ่อ

Gambarimasu!!!

 :L2: :3123: :L1:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #41 เมื่อ20-05-2015 21:48:36 »

อยากเป็นใครสักคนในนิยายเรื่องนี้จังเลย อยากจะเข้าไปกอดเรย์แน่นๆแล้วบอกว่าไม่เป็นไรนะเรย์ อยากร้องไห้ก็ร้องไป ร้องไห้พอแล้วก็เลิกร้องเพราะว่ามันเปลี่ยนอะไรไม่ได้  เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้  เรย์จะเป็นไงเราก็จะไม่ปล่อยเรย์ไว้คนเดียวแค่นี้มั๊งที่เรย์อยากฟัง    ตอนนี้เราว่าหนึ่งอาจจะแอ๊บเป็นคนดี โน๊ตหายไปก็อาจจะเป็นนางแหละ  หนึ่งก็น่าจะมีปมด้อยอยู่เหมือนกันตรงที่เป็นลูกเมียน้อย 

น่าจะมีใครสักคนมองเห็นตัวตนข้างในของเรย์นะ ใครสักคนที่สอนให้เรย์รักตัวเอง  เลิกประชด เรย์ประชดพ่อแต่เรย์ก็ไม่ได้มีความสุขพ่อก็ไม่ได้เดือดร้อนมากมายเพราะว่าพ่อโทษว่าเรย์เป็นตัวปัญหา ไม่ได้มองว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไร เรย์ควรตั้งใจเรียนเพื่อที่จะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้ ไปเรียนที่ไกลๆ ชีวิตไม่ต้องเริ่ดอะไร ขอแต่ให้หลุดพ้นเท่านั้นเอง    ขอบคุณมากค่ะที่มาอัพ   แต่ขอร้องนะคะอย่ารังแกเรย์จนเกินไปค่ะ  คนอ่านใจจะสลายแล้ว

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน3 20/5/15
«ตอบ #42 เมื่อ21-05-2015 20:31:02 »

รอคะชอบเรื่องนี้

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #43 เมื่อ25-05-2015 19:26:45 »



แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือที่ดังขึ้นทันทีที่หลังจากที่เล่นเพลงจบ ผู้คนมากมายต่างชื่นชมในฝีมือของการบรรเลงรวมทั้งเขาคนนั้นที่กำลังยิ้มอย่างสุขใจ ใบหน้าเปื้อยรอยยิ้มกว้างจนทำเอาผมหลงใหลและอยากได้ แต่มันติดตรงที่ว่าเขาไม่ได้ยิ้มให้กับผม
ถ้าหากว่าผมได้ขึ้นแสดงเปียโนเขาจะชื่นชมเหมือนกับที่ชื่นชมลูกรักของเขาไหมนะ?

ผมไม่ได้อยากคิดน้อยใจแต่มันอดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้ ยอมรับว่าผมเป็นเด็กขาดความอบอุ่นเลยแสดงออกมาให้ตัวเองเป็นคนที่ดูแข็งกร้าวทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วผมแทบอยากจะกรีดร้องด้วยความทรมาน ผมเป็นคน เป็นลูกของพ่อเหมือนกันแล้วก็เจ็บเป็นเหมือนกันแต่พ่อทำไมถึงไม่รักผม

“หนึ่งเก่งจังเลย”

“สุดยอดเลยหนึ่ง”

“เก่งขนาดนี้เป็นนักดนตรีมืออาชีพได้เลยนะเนี่ย”

“ไม่หรอก หนึ่งไม่ได้เก่งขนาดนั้น”

“ใครว่า.....หนึ่งนะ เก่งออก”

“ใช่ๆ เก่งมากจริงๆ”

เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินอยู่หรือเปล่า คนอีกคนที่ได้รับความสนใจจากคนรอบข้างแต่กับอีกคนที่ยืนมองเพียงข้างหลังอยู่คนเดียว ต้องทำยังไงนะผมถึงจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเสียงหัวเราะนั้น ต้องทำตัวยังไงทุกคนถึงจะมองว่าผมไม่ได้ร้ายอย่างที่เขาคิด

“เหอะ น่าเบื่อจริงๆ พวกนี้นี่กะอีแค่เล่นเปียโนได้หน่อยทำเป็นชื่นชมไม่เห็นจะมีอะไรน่าปลื้มปิติสักนิด”อัลฟาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงหมั่นไส้ ดูท่าว่าเขาจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไร่ที่คนอื่นๆ ให้ความสนใจกับหนึ่งเป็นพิเศษ ด้วยความที่เริ่มรู้สึกเบื่อผมเดินเลี่ยงเดินออกมาจากมัลดีฟแล้วไปอีกทางแต่ผมกลับเจอคนที่ไม่อยากเจอเท่าไร่เดินมาทางผมพอดี หนึ่งที่กำลังทำหน้ายิ้มแป้นหุบลงแล้วก้มหน้าต่ำมองพื้นส่วนกัณฑ์ก็จ้องหน้าผมอย่างไม่ลดละตามประสาเพื่อนที่แสนดีที่คอยปกป้องเพื่อนจากภัยอันตราย

“เป็นอะไร? ดูทำหน้าเข้าเหมือนกับคนที่กำลังผิดหวัง อ้อ ลืมไปนายคงผิดหวังซินะที่แผนตัวเองล่มไม่เป็นท่า”
เอาอีกแล้ว นี่ต้องการอะไรกับผมกันนักนะ ขนาดผมแค่เดินมาเฉยๆ ก็ยังถูกกัณฑ์พูดแขวะใส่ มันจะอะไรกันนักกันหนา!

“แผนอะไร พูดให้มันดีๆ นะกัณฑ์”

“แผนอะไร? อย่ามาทำซื่อหน่อยเลยต่อให้นายจะแกล้งหนึ่งอีกกี่ครั้ง ยังไงคนดีๆ ก็ต้องได้ดีอยู่วันยังค่ำ”กัณฑ์ยิ้มเยาะแล้วมองมาทางผม น้ำเสียงที่เอ่ยดังของเขาเจตนาทำให้ผมได้ยินแล้วสิ่งที่เขาพูดมันก็เป็นเรื่องเดิมๆ ผมถูกกล่าวหาโดยที่ไม่มีมูลความจริงเลยสักนิด

“ต้องการจะพูดอะไรก็พูดออกมาเลยดีกว่า”ผมเชิดหน้าตอบด้วยท่าทีหยิ่งผยองอย่างไม่ยอมแพ้ ในเมื่อผมถูกใส่ร้ายก็ช่างมันเถอะ ถ้าใครอยากมองว่าผมผิดก็ไม่เป็นไร ทำไงได้ก็สำหรับพวกเขาผมเป็นนางร้ายนี่นา

“เหอะ ฉันแค่จะบอกว่าต่อให้นายขโมยโน๊ตของหนึ่งไปอีกสักกี่ครั้งมันก็ไม่จำเป็นเลยสักนิด เพราะหนึ่งเขาเก่งอยู่แล้วต่อให้ไม่มีโน๊ตเขาก็เล่นได้”

“หึ น่าเสียดายนะ ฉันน่าจะทำให้มันแรงกว่านี้ เอาแบบเล่นเปียโนไม่ได้เลย”ใจของผมสั่นระรัวแต่ก็พยายามปั้นหน้าร้ายเข้าใส่ จนกัณฑ์เริ่มที่จะหมดความอดทน แต่ก็ถูกมือสั่นๆ ของหนึ่งดึงไว้ซะก่อน

“พอได้แล้วกัณฑ์”

“หนึ่ง! มาห้ามฉันทำไม”

“อย่ามีเรื่องกันเลยนะ”

ลูกรักของพ่อร้องห้ามเพื่อนข้างตัว แววตาสั่นระริกทอดมองมายังผมก่อนที่จะหลุบต่ำลงพื้น เพราะท่าทีแบบนี้หรือเปล่านะที่ทำให้คนอื่นๆ อยากปกป้องถ้าผมทำตัวแบบหนึ่งทุกคนจะหันมามองผมไหม?

“อ้าว หนึ่งอยู่นี่เอง”

“ครูเมย์”

ในช่วงจังหวะที่ทุกคนต่างเงียบเสียงอาจารย์สอนดนตรีก็เอ่ยดังขึ้น ครูเมย์เป็นอาจารย์แนะแนวของพวกชมรมดนตรีแล้วก็เป็นที่ปรึกษาให้หนึ่งในการแสดงเปียโนครั้งนี้ด้วย แต่ดูเหมือนว่าช่วงสามสี่วันครูเมย์จะเป็นหวัดเลยทำให้ไม่ได้มาโรงเรียน

“เมื่อกี้เห็นว่าคุยเรื่องโน๊ตกัน อ้าว นี่จ๊ะ”

ครูเมย์พูดจบก็ยื่นแผ่นโน๊ตให้กับหนึ่ง ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะเป็นโน๊ตที่หายไป กัณฑ์ทำหน้าตาเลิกลักคงจะตกใจนิดๆ ที่จู่ๆ โน๊ตที่คิดว่าผมเอาไปอยู่กับครูเมย์ได้

“เอ่อ มันอยู่กับอาจารย์เหรอครับ”กัณฑ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แล้วเหลือบมองมาทางผมนิดหน่อย

“ใช่จ๊ะ พอดีวันนั้นครูเห็นที่มันวางเอาไว้ที่ห้องซ้อมเปียโน ว่าจะเอามาคืนในวันรุ่งขึ้นแต่ดันเป็นหวัดซะก่อนเลยไม่ได้คืนเลย ทำไมเหรอ?”

“เอ่อ ปะ ปล่าวครับ”ทั้งกัณฑ์และหนึ่งต่างก็มองหน้ากันนิดหน่อยแล้วก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก

ผมได้แต่ยิ้มเยาะให้กับตัวเองเบาๆ นี่พวกเขาลืมอะไรไปหรือเปล่านะ ผมถูกกล่าวหาในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำแต่พวกเขากลับลืมที่จะขอโทษผม คงไม่ใช่หรอกพวกเขาไม่ได้ลืมพูดแต่ไม่คิดที่จะพูดต่างหากเพราะสำหรับคนอย่างผมคำว่า ‘ขอโทษ’ มันเอ่ยยากกว่าคำด่าเสียอีก

หลังจากที่จัดงานโรงเรียนเสร็จทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่มีการแสดง ไม่มีการแนะแนวโรงเรียน ผมก็เรียนตามปกติ ความทรงจำของทุกคนถูกเอ่ยขึ้นอย่างสนุกสนานพร้อมกับรูปถ่ายที่ถูกถ่ายขึ้นแล้วเอามาแบ่งกันชม รูปที่หนึ่งเล่นเปียโนก็ถูกเอามาแปะที่บอร์ดของโรงเรียนเพื่อเป็นการชื่นชมที่การแสดงจบลงไปด้วยดี ผมเองก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมมุมหลังห้องริมหน้าต่าง ไม่คิดที่จะสนใจเข้าไปร่วมวงสนธนาเพราะทุกเรื่องที่พูดถึงมันไม่มีผมรวมอยู่ด้วย

กริ๊งงงงง

เสียงกริ่งที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเลิกเรียนทุกคนต่างก็ทยอยกันกลับบ้านแต่ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแล้วก็ไม่คิดที่จะขยับ เสียงฝีเท้ากับเสียงคุยเจื้อยแจ้วดังมาให้ได้ยินแต่ผมก็ไม่คิดที่จะใส่ใจเลยสักนิดจนกระทั่งไม่นานทุกอย่างก็เงียบลง ภายในห้องเรียนกว้างเหลือแต่ผมเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่มันเงียบเหงาจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง ผมทรุดนอนลงกับโต๊ะอย่างรู้สึกเหนื่อยอ่อนไม่รู้จะอยู่ทำไม? แต่ผมยังไม่อยากกลับบ้านเท่านั้น ผมนอนฟังเสียงหัวใจตัวเองไปเรื่อยๆ มันดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอจนในที่สุดผมก็นอนหลับไปจริงๆ

ฟี้ ฟี้ ฟี้.....

ตุบ ตุบ ตุบ

เสียงฝีเท้าที่ทอดเดินเข้ามาใกล้ร่างบางที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้องนิทรา ใบหน้าคมมองคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้น ท่านอนที่เหมือนกับคนอมทุกข์ ใบหน้าหวานที่มักจะยุ่งเหยิงตลอดเวลาแต่กลับมีแววตาที่เศร้าสร้อยจนเหมือนคนร้องไห้ ภายนอกที่ดูรุนแรงแต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความเศร้าหมองจนอยากจะปกป้องด้วยสองมือตัวเอง จะผิดไหม? ถ้าหากว่าอยากเห็นรอยยิ้มที่มาจากใจไม่ใช่การเสแสร้ง จะผิดไหม? ที่อยากเห็นตอนหัวเราะมากกว่าน้ำตาซ่อนใน

“ฮึก”

เสียงครางถูกเปล่งออกมาจากลำคอกับน้ำสีใสที่ซึมออกมาจากหางตาเล็กๆ แค่ดูก็รู้ว่าคนที่หลับกำลังฝันร้าย ชายหนุ่มใจกระตุกวูบทันทีจากนั้นก็นำมือหนายื่นเข้าไปเกลี่ยน้ำตาหวังเช็ดให้แห้ง เขารู้สึกไม่เข้าใจตัวเองนักทำไมถึงต้องทำแบบนี้รู้แค่ว่าร่างกายมันไปเร็วกว่าสมองสั่ง

เรื่องแผ่นโน๊ตก็เหมือนกันเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมร่างบางถึงไม่ปฏิเสธแต่กลับพูดและทำท่าทางเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนเอาไป ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่สักนิด

ใช่! ทำไมเขาจะไม่รู้เพราะเขามองอยู่ตลอดเวลาได้ยินและรู้ทุกอย่างที่คนรอบข้างเอ่ยขึ้น คำกล่าวโทษ คำว่าร้าย ถูกสาดส่งเข้ามาแต่เจ้าตัวก็ยังทนแบกรับความเจ็บปวดตกเป็นจำเลยรับความผิดทันที

ชายหนุ่มครุ่นคิดหนักมองร่างบางที่ตอนนี้หลับเหมือนเด็กน้อยอย่างไม่วางตา ยิ่งเช็ดน้ำตาของเจ้าตัวก็ยิ่งไหลมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทำยังไงก็ไม่แห้งสักทีจนสุดปัญหาที่จะห้าม ร่างสูงขมวดคิ้วเป็นปมเชิงใช้ความคิดแล้วก็ไม่รู้อะไรมาดลใจจนต้องก้มลงไปสัมผัสที่หางตาเบาๆ ความหอมหวานจากร่างกายที่ได้กลิ่นทำให้ร่างสูงรู้สึกอยากที่จะทำมากกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้ มีแต่ต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้เตลิดก่อนที่จะผละตัวออกมาอย่างเร็วด้วยกลัวว่าจะทำให้คนหลับตื่น มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ส่งให้โดยที่อีกฝ่ายไม่เห็นพร้อมกับน้ำนิ้วมือหนาไปแตะที่แก้มนวลอีกครั้งเพื่อเช็ดน้ำตาครั้งสุดท้าย

อย่าร้องไห้เลยนะคนดี เงียบเถอะนะ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของคุณ.....
.
.

เฮือก!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเล็กๆ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองกำลังเต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกถึงริมฝีปากที่สัมผัสกับใบหน้าและความอ่อนโยนที่ได้รับ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่นะในขณะที่ผมกำลังหลับ เหมือนกับว่ามีใครสักคนเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ทำอะไรสักอย่างแต่มันอ่อนโยนจนทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ นานเท่าไร่แล้วนะที่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้
ความฝัน.....ใช่! ทุกอย่างที่ผมรู้สึกอาจจะเป็นความฝันก็ได้คงไม่มีใครคิดที่จะมาอ่อนโยนกับผมหรอก ก็เพราะว่าผมนะ ร้ายจะตายไป

“เฮ้อ กลับบ้านดีกว่า”

ผมพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดออกแล้วเก็บกระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน ถึงแม้ว่าจะป็นช่วงเย็นของเวลาหลังเลิกเรียนแต่บางคนที่ยังไม่กลับก็มี ถึงจะมีนักเรียนอยู่แต่ก็ไม่มากเหมือนเหมือนตอนกลางวันแล้ววันนี้ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

ตุบ

“อ่ะ ขอโทษครับ”

ในช่วงจังหวะที่ผมก้มหน้าก้มตามเดินโดยที่ไม่ได้สนใจคนรอบข้างผมก็เดินชนเข้ากับคนๆ นึงอย่างจัง แต่พอรู้ว่าเป็นใครแค่นั้นแหละถึงกับทำเอาผมเบ้หน้าขึ้นมาทันที

“จะไปไหน?”

“ฉันจะไปมันก็เรื่องของฉัน มันไม่เกี่ยวกับนายนะไค”

“เย็นแล้วทำไมไม่กลับบ้าน”

“นั่นมันก็เรื่องของฉันอีกเหมือนกัน หลีกไป!”

ให้ตายสิ! ทำไมผู้ชายคนนี้ชอบยุ่งวุ่นวายกับผมจังนะ ไม่ได้อยากเจอหน้าเลย

“เฮ้ย! ปล่อยฉันนะ”ผมที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่กลับถูกมือหนาของไคจับไว้ซะก่อน เขาจับแขนผมไว้แน่นก่อนที่จะพาผมไปอีกทาง ผมทั้งตกใจแล้วก็ดิ้นหนีแต่ไคไม่ยอมฟังผมสักนิด

“ไค! นายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่”

ไคพาผมมาที่รถแล้วจับผมใส่เข้าไปด้านใน ด้วยแรงที่มากกว่าทำให้ผมต้องเจ็บตัวไม่น้อย ผมหันมองสบตาร่างสูงด้วยความเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ คนอะไรแรงเยอะชะมัด!

“นายจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”ผมร้องโวยวายแล้วพยายามจะวิ่งออกมาจากตัวรถ แต่ไคก็ไม่ยอมปล่อยผมอีกตามเคย

“หยุด! นั่งไปเฉยๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”

“ไม่หยุด!”

“ไม่หยุดใช่ไหม ได้.....งั้นฉันจูบ”ไม่พูดเปล่า ร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนทำเอาผมต้องเอนหลังหนีเพื่อให้หลุดพ้นจากใบหน้าหล่อเหลา จนแผ่นหลังบางของผมชิดกับเกียร์รถ

“เออๆ หยุดแล้ว”

“ก็แค่เนี่ย แล้วนั่งอยู่เฉยๆ นะ ถ้าคิดหนีเมื่อไร่ ฉันจับนายจูบกลางโรงเรียนแน่ๆ อ้อ แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่กล้า ฉันพูดจริงทำจริง”

ไคยอมผละออกจากตัวผมง่ายๆ แต่ก็ยังคงพูดขู่ผมอยู่ ผมไม่ได้กลัวเขานะแต่ห่วงสวัสดิภาพของตัวเองมากกว่าจึงได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร่

“หึ”เสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหนา ก่อนที่ประตูฝั่งด้านผมจะถูกปิดลงแล้วไคก็เดินอ้อมมาทางด้านฝั่งคนขับ

ผมไม่รู้ว่าไคทำแบบนี้เพื่ออะไร? ทำไมวันนี้เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตผมจังทั้งๆ ที่ปกติไม่เห็นแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ ตัวรถที่ถูกขับเคลื่อนออกจากรั้วโรงเรียนเอกชนตลอดระยะทางผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับไคทั้งนั้น ความเงียบจึงเกิดขึ้นจนผมได้ยินถึงเสียงของแอร์รถที่ดังตลอดระยะทาง ดูจากเส้นทางที่วิ่งผมก็พอเดาออกว่าเขากำลังไปส่งผมที่บ้านมันทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้ มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ ไม่อย่างนั้นไคไม่ไปส่งผมหรอก

“ทำไมนายไม่แก้ตัว”

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยดังขึ้นแต่ผมก็ไม่คิดที่จะใส่ใจ ไม่ถามกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูด แค่ดูจากประโยคที่เอ่ยถามผมก็รู้แล้วว่าหมายถึงอะไร

“นี่! ฉันถามไม่ได้ยินหรือยังไง”

“.....”

“เรย์!”

“ได้ยิน! แต่ไม่คิดที่จะตอบ”ผมสวนกลับทันทีแล้วหันไปมองร่างสูงที่กำลังขับรถอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดยังไงยังงั้นเพราะดูจากการที่ไคกำพวงมาลัยไว้แน่นจนแทบหัก

“เอาละ ฉันจะไม่พูดเรื่องอื่น แค่นายตอบคำถามฉันมา”

“เหอะ ทำไมฉันต้องเชื่อนาย”

“เรย์! อย่ามายอกย้อน นายก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนใจเย็น”ไคพูดกับผมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็น จนทำเอาผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา นี่ถ้าหากว่าผมขัดใจเขามีหวังได้ถูกฆ่าหมกป่าแน่!!!

“มีอะไรก็พูดมา!”ผมกระชากเสียงอย่างรู้สึกไม่พอใจ เอะอะก็ขู่ เอะอะก็ใช้กำลัง นี่เขาเห็นผมเป็นกระสอบทรายหรือไงนะ

“ทำไมนายถึงไม่แก้ตัวเรื่องโน๊ต”

“ที่นายจะพูดก็มีแค่นี้ใช่ไหม?”

“ใช่ หนึ่งเขารู้สึกผิดที่เพื่อนของเขากล่าวหาว่านายเอาไป”

“ทำไม! สำนึกแล้วอยากจะขอโทษงั้นเหรอ? เลยให้นายมาพูดแทนเนี่ยนะ ขอบอกไว้เลยฉันไม่รับ!”

ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังนิดๆ หันมองไปยังคนขับที่ตอนนี้ก็กำลังเหลือบสายตามามองผมเหมือนกันก่อนที่จะหันไปขับรถต่อแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง จะให้ผมยกโทษให้เหรอ? มันก็ง่ายมากแต่สิ่งที่ทำให้ผมโกรธไม่ใช่เพราะเรื่องที่เข้าใจผิด แต่เป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่มาพูดกับผมโดยตรงต่างหาก

“หนึ่งเขาไม่ได้มาขอร้องฉันแต่ฉันมาเอง หนึ่งเขาเสียใจมากนะที่เข้าใจนายผิด”

“ก็แล้วยังไง? ก็บอกแล้วว่าฉันไม่รับคำขอโทษจากมัน!”

“เรย์! พูดให้มันดีๆ หน่อย แล้วตอนนั้นทำไมนายไม่แก้ตัวว่านายไม่ได้เอาไป”

นี่เขากำลังมองว่าผมผิดสินะ.....ต่อให้ผมไม่ผิด ไม่ได้เอาไปตั้งแต่ต้นแต่ก็ยังมีข้อกล่าวหามาให้ผมอีกจนได้ ผมทำอะไรก็คงผิดในสายตาพวกเขาตลอด ไม่มีใครจะมองว่าผมดีสักนิดแล้วที่มาพูดปาวๆ แบบนี้ก็เพื่อปกป้องหนึ่งไม่ใช่เพราะอยากจะมาพูดขอโทษผมสักหน่อย

“ถ้าเป็นนาย.....”

“.....”

“นายจะทำยังไงเหรอไค คนรอบตัวนายมองว่านายเป็นคนผิดโดยที่ไม่ได้ถามสักนิดว่าเอาไปหรือเปล่า แต่พอบอกว่าไม่ได้เอาไปก็หาว่าแก้ตัวแล้วโยนความผิดให้คนอื่น ทั้งๆ ที่คนที่กล่าวหาไม่ได้รู้อะไรเลย”

ผมหยุดนิ่งพยายามระงับเสียงไม่ให้มันสั่นออกมารวมทั้งน้ำตาที่มันกำลังจะไหล ผมเบนสายตามองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เห็น เขาจะรู้ไม่ได้ว่าผมกำลังอ่อนแอ

“แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะพูดแก้ตัวยังไงซะ คนไม่ผิดก็คือไม่ผิด”

“ใช่! สำหรับนายและคนอื่นๆ ก็พูดแบบนั้นได้นี่เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ผิดสักนิด แต่กับฉันละที่ถูกมองว่าผิดตั้งแต่ต้นเคยจะมีใครบ้างไหมที่จะถามออกมาว่าฉันเอาไปหรือเปล่า มีแต่จะคอยซ้ำเติมและต่อว่าแล้วจะให้ฉันพูดแก้ตัวไปเพื่ออะไร ยังไงซะคนผิดก็คือฉันอยู่ดี”

ผมพูดโดยที่ไม่มองหน้าไค ความอัดอั้นที่มีมันทำให้ผมถึงขีดสุดจนต้องปล่อยน้ำตาออกมา ผมเช็ดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก ไคเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนกันจนกระทั่งมาส่งผมถึงหน้าบ้าน ไม่มีการร่ำราหรือการพูดจาหวานๆ ใส่กัน พอไคมาส่งผมถึงที่ผมก็รีบออกจากตัวรถทันทีแล้ววิ่งเข้าบ้านอย่างเร็ว

ให้ตายสิ! น่าอายชะมัดที่ดันมาร้องไห้ให้คนอื่นเห็น



“คุณเรย์กลับมาแล้วเหรอคะ”


ทันทีที่ผมเข้ามาในบ้าน เย็นก็ออกมาต้อนรับแล้วเอาน้ำมาให้ผมเพื่อคลายร้อน เย็นเขาดีกับผมมากคอยดูแลและเอาใจใส่ผมทุกอย่าง จนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากว่าวันนึงผมกับเย็นต้องจากกันผมจะเป็นยังไง? จะอยู่ได้หรือเปล่านะ

“เหนื่อยไหมคะ ให้เย็นนวดให้ไหม?”

“ไม่ต้องหรอกเย็น เย็นทำงานเหนื่อยแล้วไปพักผ่อนเถอะ”

“คะ”

“เอ่อ เดี๋ยวเย็น”

“ต้องการอะไรเพิ่งอีกเหรอคะ คุณเรย์”

เย็นที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องหยุดลงแล้วหันมาทางผมอีกครั้ง ผมลังเลเล็กน้อยไม่รู้ว่าสมควรที่จะถามไปดีไหม เพราะว่าตั้งแต่เข้าบ้านมาผมก็ยังไม่เห็นใครสักคนซึ่งปกติผมจะต้องเจอภาพบาดตาบาดใจซะก่อนที่จะเดินขึ้นห้อง แต่ด้วยความอยากรู้จนแล้วจนรอดผมก็ถามออกไปจนได้

“เขาไปไหน?”

“เอ่อ”

“พูดมาเถอะ”

“ไปทานข้าวกับ.....”

“กับลูกกับเมียเขาใช่ไหม”

เย็นพยักหน้าเบาๆ ให้กับผมเป็นคำตอบ แค่นี้ก็รู้แล้วละว่าหมายถึงอะไร เนี่ยเหรอ? คนที่บอกว่าสำนึกผิดแทนเพื่อน แต่กลับระริกระรี้ออกไปทานข้าวอย่างหน้าตาเฉย เหอะ นี่ผมสมควรจะดีใจไหมนะ

“เย็นออกไปเถอะ ผมอยากพักผ่อน”

“คะ”

ปัง

เสียงประตูถูกปิดลงผมก็ล้มตัวลงนอนทันที บ้านหลังใหญ่ที่ผู้คนไฝ่ฝันอยากมาอยู่ เงินทองมากมายที่ใช้เท่าไร่ก็ไม่หมดแต่ทำไมผมถึงใช้เงินเหล่านั้นซื้อความสุขไม่ได้กันนะ จู่ๆ ภาพสามคนพ่อแม่ลูกกำลังนั่งทานข้าวด้วยรอยยิ้มผุดขึ้นมาในสมอง ผมจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าหากว่าคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้นมันเป็นผมไม่ใช่หนึ่งลูกรักของพ่อ แต่มันก็เท่านั้นในเมื่อทุกอย่างมันก็ฟ้องมาตั้งแต่แรกว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝันที่ผมมโนภาพขึ้นเอาเอง

ผมหลับตาลงช้าๆ คิดถึงสัมผัสที่อบอุ่น ภายในห้องเรียนกว้างที่มีผมนอนอยู่ ถ้าหากว่าผมไม่ได้ฝันไปก็คงจะดีไม่น้อย เหมือนกับผมได้รับความสำคัญเป็นที่รักของคนในความฝัน เขาดูอบอุ่นและอ่อนโยนจนผมอยากโอบกอดเอาไว้แน่นๆ

คุณจะมีตัวตนอยู่จริงๆ ไหมนะ ชายในฝันของผม.....
.
.
.

อีกด้านหนึ่ง

เสียงเจาะแจะจากผู้คนรอบข้างดังขึ้นด้วยความสุขสม ภาพครอบครัวที่อบอุ่นกำลังนั่งทานข้าวด้วยรอยยิ้มกว้าง มีทั้งคุณพ่อและคุณแม่ที่ใจดีกับลูกชายที่น่ารักกำลังคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ในสายตาของผู้คนรอบข้างก็คงคิดว่ามันดูอบอุ่นไม่น้อย แต่ไม่ใช่สำหรับเขาที่เริ่มมองเห็นช่องว่างระหว่างครอบครัว

คนหนึ่งคนที่ได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยมจากพ่อแม่ดูมีความสุขดีอย่างน่าอิจฉาแต่กับอีกคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังไม่มีใครสักคนที่จะหันไปมอง สายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตามองพวกเขาด้วยความเว้าวอนแกมขอร้อง

อย่าทิ้งผมเอาไว้คนเดียว.....

ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ จะร้องไห้หรือเปล่า? หรือว่ากำลังทุกข์อยู่ ชายหนุ่มได้แต่ค่อนคิดในใจด้วยความเป็นห่วง ทำไมเขาถึงมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ ทำไมถึงมองข้าคนๆ นึงได้นานขนาดนี้ทั้งๆ ที่เสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดมันดังอยู่ตลอดเวลาแต่กลับไม่มีใครได้ยินสักคน

หนึ่งคนที่กำลังทานข้าวด้วยความสุขแต่อีกคนกำลังนั่งทานข้าวคนเดียวด้วยน้ำตา.....

แค่คิดมันก็ทำให้ใจของเขาปวดร้าวจนอยากจะเข้าไปปลอบประโลมด้วยซ้ำ ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะที่ดูมีความสุขมากเท่าไร่ เขาก็ยิ่งคิดถึงคนถูกทิ้งไว้เบื้องหลังแต่สิ่งที่ทำได้คือแค่ทนและรอคอยทำให้มันจบๆ ไปเร็วๆ

“ไค! ตะวัน! เป็นอะไรเงียบเชียว”

“เอ่อ เปล่าไม่มีอะไร”ไคเอ่ยยิ้มๆ แล้วเริ่มลงมือทานอาหารที่อยู่ในจานอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ ทำไมกันนะ? เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมต้องนึกถึงอีกคนด้วย

“ตะวันละ คิดอะไรอยู่”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดอะไรนิดหน่อย”ตะวันยิ้มบางให้กับคนตัวเล็กตรงหน้าก่อนที่จะทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะให้บอกได้ยังไงว่ากำลังคิดถึงใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

“อะไรของพวกนายเนี่ย”

ร่างเล็กครุ่นคิดกับท่าทีที่ไม่ปกติของชายหนุ่มทั้งสองแต่ก็ไม่ใส่ใจแล้วเริ่มทานอาหารตรงหน้าต่อ ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากจะพูดก็ไม่คิดที่จะบังคับเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

เสียงหัวเราะเกิดขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความสนุกสนานของคนในครอบครัวแต่ภายในใจของชายหนุ่มกลับว่างเปล่า ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายด้วยสักนิดเพราะตอนนี้ใจของเขากลับโบยบินไปหาร่างบางอีกคนที่คิดว่าตอนนี้คงกำลังร้องไห้อยู่เป็นแน่

อย่าร้องไห้เลยนะคนดี เงียบเถอะนะ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของคุณ.....



Take

ใครกันนะพระเอก...ทนอ่านไปเกือบๆ สิบตอนน้าาา น้องเรย์จะทุกข์อีกประมาณ 10 ตอน ใจร่มๆ น้าาา อย่าเพิ่งเอารองเท้าปาเทคเน้อ

ออฟไลน์ Satang_P

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #44 เมื่อ25-05-2015 19:37:08 »

อ่านแล้วร้องไห้ทุกที  :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #45 เมื่อ25-05-2015 19:53:15 »

ยากละทั้งตะวันกับไคเริ่มเห็นใจเรย์แล้วสิ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #46 เมื่อ25-05-2015 20:29:09 »

ทีมตะวันดีไหมนะ?  :ling1: เป็นกำลังใจให้เสมอ อย่างอนเม้นของเราเมื่อตอนที่แล้วน้า มันอินเกินไป มันมาม่าเกินไป และสุดท้าย :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #47 เมื่อ25-05-2015 20:33:22 »

ตะวันกับไคเป็นคู่แข่งกันแน่ๆ
พอไคเริ่มเห็นใจเรย์ ก็รู้สึกอยากเชียร์ไคให้เป็นพระเอกด้วย555

แต่เชียร์ตะวันมากกว่า555 แต่ทำไมตะวันไม่เปิดเผย ไม่เข้าไปใกล้ชิดเรย์บ่อยๆ
ระวังสู้ไคไม่ได้นะ ยิ่งทั้งนางเอกนายเอกส่วนใหญ่ไม่ชอบผู้ชายที่ดีเกินไป แต่ชอบผู้ชายตบจูบแบบไคด้วย555

แล้วใครกันที่เป็นชายในฝันของเรย์ อยากรู้แล้วค่ะ เรย์รักใครก็ว่าจะเชียร์คนนั้น555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #48 เมื่อ25-05-2015 21:22:31 »

ร้ายใส่เขามาเยอะเพิ่งจะเห็นเรอะ

ออฟไลน์ keepout

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #49 เมื่อ25-05-2015 21:34:04 »

#ทีมตะวัน
ยิ่งอ่านยิ่งสงสาร ทำไมพ่อไม่คิดถึงเรย์บ้าง?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
« ตอบ #49 เมื่อ: 25-05-2015 21:34:04 »





ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #50 เมื่อ25-05-2015 21:44:05 »

 :hao5: :hao5:
น้ำตานองหน้าสงสารเรย์จัง

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #51 เมื่อ25-05-2015 21:54:20 »

สงสารเรย์มากกกกกกก อีก 10 ตอน เท่านั้น รอออออ พระเอก จะมากกกกก
เชียร์ใครดีเนี่ยยยย ศึกชิงนายเอก ที่รอ อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #52 เมื่อ25-05-2015 22:20:38 »

เชียรืใครดี อิอิ

ออฟไลน์ tararatart

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #53 เมื่อ25-05-2015 22:30:55 »

อ่านเรื่องนี้แล้วพรากกกกกเลย   แต่ชอบโรคจิตจัดมาหนักๆ  เรื่องนี้เกลียดอิพ่อสุดแล้ว ใครจะเป็นพระเอกก็ช่าง  แต่ #ทีมตะวัน

ออฟไลน์ Take

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #54 เมื่อ25-05-2015 22:39:29 »

ทีมตะวันดีไหมนะ?  :ling1: เป็นกำลังใจให้เสมอ อย่างอนเม้นของเราเมื่อตอนที่แล้วน้า มันอินเกินไป มันมาม่าเกินไป และสุดท้าย :pig4: :pig4:


ไม่งอนครับ ไม่งอน..ไม่โกรธเลย แต่ดีใจซะอีกที่อินมากขนาดนั้น เทคยิ้มได้เลยละ ขอบคุณมากๆ ครับที่ชอบ ><

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #55 เมื่อ25-05-2015 22:50:58 »

สงสารตะวันเข้าเส้น อ่านไป น้ำตาจะไหล  :hao5: :hao5:
 :katai2-1: :katai2-1:  :beat: :beat:ตอนนี้ แอบเชียร์ ให้ คนที่เป็นพ่อ หลุดมาเห็นตะวันในมุมที่ไม่ได้โหดร้ายแล้วชดเชยความผิดตัวเองบ้างคงดี

ออฟไลน์ mimasopu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #56 เมื่อ25-05-2015 22:54:23 »

น้ำตาจะไหล ชีวิตหนูเรย์นี่น่าสงสารจริงๆ
ถ้ามุดลงคอมไปได้จะไปตีหัวตัวพ่อ คนเป็นพ่อเขาทำกันแบบนี้หรอ
ส่วนพระเอกของเรื่องอยากเชียร์ไคนะ แต่ก็ยังให้คะแนนน้อยอยู่ทำกับเขาไว้เยอะเหมือนกันนิ
ชีวิตน้องเรย์จะทุกระทมเป็นดาวพระศุกร์อีก10ตอนหรอเนี่ย อ่านมา4ตอนปาก็หน่วงจิตแล้ว
จะมีหน่วงกว่านี้ไหม  จะรออ่านนะ

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #57 เมื่อ26-05-2015 01:29:53 »

จิตตกมากค่ะ อ่านแล้วมืดมนกับชีวิตของเรย์มากๆ
คือก็เข้าใจเรย์นะ เด็กน้อยใจ ขาดความรักจากคนที่สมควรจะให้มากที่สุดแบบนี้
แต่แอบสงสัย ทำไมเย็นถึงไม่ปลอบหรือแนะนำเรย์ในทางที่ถูกที่ควรกว่านี้
เช่นชวนทำนู่นทำนี่ให้หายหมกมุ่นฟุ้งซ่านอะไรประมาณนี้เพราะดูเรย์จะไว้ใจและเชื่อฟังได้เยอะอยู่

หนักใจเลย. เลือกพระเอกไม่ถูก ฮ่าๆ

ออฟไลน์ AuyAaiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #58 เมื่อ26-05-2015 12:32:28 »

ไม่รุว่าชอบใครนะเรื่องนี้
เเต่รู้ในจิตสำนึกกมลสันดานเลยล่ะว่าเกลียดใคร หึ!

ออฟไลน์ mynamejnkf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Drama นาง(นาย)ร้าย ที่รัก ตอน4 25/5/15
«ตอบ #59 เมื่อ26-05-2015 15:33:18 »

ไม่ว่าพระเอกจะเป็นใครก็ตาม ขอแค่ช่วยทำให้น้องเรย์มีความสุข ยิ่มออกมา หัวเราะออกมา ด้วยใจก็พอแล้ว

อินมากเลย อ่านแล้วน้ำตาไหล โอ้ย ..ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ความสุขก็ซื้อไม่ได้จริงๆ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด