-THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>  (อ่าน 707420 ครั้ง)

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #240 เมื่อ21-05-2015 06:53:29 »

เ่านตอนแรกก็ฟินย้้มเพลินเลย น่ารักมากว่าแต่พระเอกนี่เป็นหมอหรือวิศวะคะคริคริ

ออฟไลน์ pedchara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #241 เมื่อ21-05-2015 08:53:00 »

จิ้นว่าหมอเป็นหมอแมนนะเนี่ย ยิ้มหวานก็น่าเอ็นดูเชียว
หมอนิอ่อยแบบมืออาชีพมาเอง
 :impress2:

ออฟไลน์ BaZkon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #242 เมื่อ21-05-2015 10:49:20 »

น่ารักโคตรรรรร ว่าแต่ทำไมถึงไม่เรียกชื่อกันล่ะคะ ไม่เห็นถามชื่อกันเลย เราสงสัย :confuse:

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #243 เมื่อ21-05-2015 12:47:02 »

ตอนสองแล้ว ต่างคนต่างอ่อยรึเปล่านะอิอิอ่านไปยิ้มไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #244 เมื่อ21-05-2015 15:18:38 »

น่ารักเกินไปแล้วนะ
ทั้งคู่เลย :katai2-1:

ออฟไลน์ baseballPB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #245 เมื่อ21-05-2015 17:21:15 »

ตอนเดียวก็ฟินนนนนนนนนนนนนนนนน   :-[

ออฟไลน์ Mekaming

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #246 เมื่อ21-05-2015 19:19:57 »

โอ้ยหมอละมุนหน้านิ่ง :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #247 เมื่อ21-05-2015 21:57:09 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #248 เมื่อ21-05-2015 22:26:55 »

เรื่องน่ารักมากกกกก
อ่านไปยิ้มไป
 :mew3:

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #249 เมื่อ21-05-2015 23:21:13 »

อ่านไปก็รู้สึกเขินแรงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :laugh: :-[ :impress2: :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
« ตอบ #249 เมื่อ: 21-05-2015 23:21:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #250 เมื่อ22-05-2015 12:10:58 »

ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าที่9 ยิ้มตลอด สุดยอดอ่าา มันละมุน ชอบมากๆเลย ขอบคุณคนเขียนนะคะ ยิ้มขำ ยิ้มอ่อน ยิ้มหวาน ยิ้มฟิน สุดยอดดด รักนะ จุ๊บ

ออฟไลน์ เด็กหญิง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #251 เมื่อ22-05-2015 12:32:17 »

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เคยติดตามผลงานคุณกีปูตอนแต่งฟิคว่าชอบแล้วนะ แต่งนิยายธรรมดาชอบมากกว่าอีกอ่ะ
เรารู้สึกเขินตัวเองมาก อ่านไปเขินไป หยุดยิ้มไม่ได้เลย ฮือออ
ยิ่งเห็นอิมเมจในทวิตคุณกีปูยิ่งเขิน แบบแยกแยะไม่ออกแล้วว่าไหนนิยาย ไหนชีวิตจริง 5555555555

ป.ล.เรื่องนี้ขอยาวๆเลยนะคะ  ฮือ อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลย

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #252 เมื่อ22-05-2015 15:11:49 »

เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #253 เมื่อ22-05-2015 19:51:24 »


กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ
ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor






- 6 -


 
นาทีนี้ผมใกล้หลับเต็มที...
เมื่อบทเรียนยากๆถูกถ่ายทอดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเนิบนาบของอาจารย์ผู้จริงจังและเคร่งเครียดกับทุกๆเรื่อง
 
ตัวช่วยแรกที่จะช่วยให้ผมผ่านคาบนี้ไปโดยไม่หลับคาโต๊ะไปซะก่อนคือจูปาจุ๊บ
ซึ่งผมใช้ตัวช่วยที่ว่านั่นไปเรียบร้อยแล้ว
และพบว่ามันแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าอาจารย์ยังจะสอนด้วยสปีดหอยทากอยู่แบบนี้
 
งั้นก็ต้องพึ่งตัวช่วยถัดไป...
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือที่ปิดเสียงเงียบขึ้นมาปลดล็อค
ก่อนจะเข้าไปในแอพพลิเคชั่นสีเขียว ที่ช่วงนี้ดูเหมือนจะมีผลต่อชีวิตของผมเหลือเกิน
 
กดเลือกรายชื่อของคนที่ผมคิดถึงอยู่ แล้วก็พิมพ์ข้อความลงไปสั้นๆ
 
*รถอะไรทับหมาร้อง?
 
ข้อความที่ว่านั่นขึ้นตัวหนังสือว่าถูกอ่านเรียบร้อยแล้วหลังจากที่ผมพิมพ์ไปไม่นาน
ก่อนจะมีข้อความตอบกลับปรากฎขึ้นมา
 
*ห้ะ??
*อะไรอ่ะ?
*ใครขับรถทับหมา?
*แล้วมันเป็นอะไรมากมั้ย พาไปหาหมอยัง?

 
มาเป็นชุดครับ -_-
 
ผมมองคนที่ตอบกลับข้อความของผมมาด้วยความตกใจ
ก่อนจะรู้สึกว่า ผมต้องรีบอธิบายทุกอย่างให้มันถูกต้อง
 
*ทายคำถามเหอะ
*ใจเย็นๆ อย่าตกใจดิ

 
*อ่าวว
*ตกใจไปแล้วเนี่ย
*นึกว่าขับรถทับหมา
*ยิ่งขับเร็วๆอยู่
 
*โอ๋ครับโอ๋
*ล้อเล่นเหอะ ใจเย็นๆ
*ทายคำถามก่อน
*รถอะไรทับหมาร้อง?

 
คราวนี้เขาเงียบไปเลยครับ อ่านแล้วเงียบไปพักใหญ่
ก่อนจะกลับมาตอบกันว่า
 
*ไม่รู้อ่ะ
*ยอม...

 
และตามมาด้วยสติ๊กเกอร์โคนี่ 1 ตัว
 
*รถเอ๋ง
* -_-

 
*เดี๋ยวนะ
*เล่นมุกแบบนี้เป็นด้วยเหรอ
 
*เออ ไอ้พวกนี้มันเล่นกันเมื่อเช้า
*ทั้งขำ ทั้งเพลีย

 
*โอ๊ย เราอยู่กับเพื่อนอ่ะ
*เลยถามเพื่อนด้วย
*พอเฉลย
*เพื่อนด่าเลยอ่ะ
*5555555
 
*มีต่ออีกๆ
*รถอะไรทับไก่ร้อง?

 
เขาอ่านข้อความของผม แล้วเงียบไปอีกสักพักเลย ก่อนจะมาตอบ
 
*รถกุ๊กกุ๊ก
*^ ^
*ถูกป่ะ?
 
*ถูก!
*เก่งว่ะ!

 
ผมพิมพ์ไปยิ้มไป
อย่าหมั่นไส้กันนะ ถ้าผมจะบอกว่าไอ้มุกแป้กพวกนี้มันดูน่าสนุกขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเป็นเขา
...ยิ้มหวานของผม
 
*แล้วนี่ไม่มีเรียนเหรอ?
 
*มี นั่งอยู่ในห้องเรียนเลย

 
ตอบเขาเสร็จผมก็ถ่ายรูปห้องเรียนส่งไปด้วย
กลัวไม่เชื่อ -_-
 
 
*แอบเล่นมือถือตอนเรียนอีกกกก
 
*ไม่เคยทำรึไง?
 
*เคยว่ะ
*^ ^
 
*แล้วนี่อยู่ไหน

 
 
ปล่อยให้ผมสุขสบายใจได้ไม่นาน
เสียงพูดเบาๆของไอ้เบอร์ 2 ก็ดังขึ้นมากวนประสาทผมอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน
 
 
เดี๋ยวนี้ติดมือถือนะมึง...”
 
 
ผมไม่ตอบ แต่ยักคิ้วให้มันไปทีนึง แล้วก้มหน้าลงอ่านข้อความที่กำลังเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ
 
*พารากอน
*เพื่อนม.ปลายมาถ่ายงานอ่ะ
*เลยมาหาเพื่อน
*เพื่อนเรียนฟิล์มอยู่ม.กรุงเทพ
*เมื่อกี้ได้ช่วยถือไฟด้วยนะ

 
ผมอ่านข้อความที่ถูกส่งมา แล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีก -- อวดกันเป็นเด็กๆ
จนกระทั่งมีเสียงไอ้ตัวมารดังขึ้นมาจากที่นั่งอีกฝั่งเป็นครั้งที่ 2 ครับ
 
“นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า – มนุษย์ที่ติดมือถือสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ประเภทที่ 1 คืออะไรครับคุณโคนันยอดนักเสือกแห่งเทือกเขาอัลไต”
 
ไอ้เบอร์ 1 มึงเล่นกูอีกแล้ว -_-
 
“ประเภทที่ติดมือถือจริงๆ"
 
“ส่วนอีกประเภทล่ะครับ"
 
“ประเภทที่ติดคนในมือถือสิครับมึง~~"
 
พูดจบแม่งก็หัวเราะถูกใจกันใหญ่
รู้ตัวอีกที อาจารย์ที่สอนอยู่ก็มองตรงมาที่พวกผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
“ถ้าไม่มีสติพอที่จะเรียนก็ออกไปครับ รบกวนคนอื่นเปล่าๆ"[/i]
 
 
เงียบกริบทันตาเห็นครับคราวนี้...
 
ผมรีบหยิบจูปาจุ๊บที่อมอยู่ออกมาถือไว้
รอดูจนกระทั่งอาจารย์แกกลับไปสอนต่อถึงได้ยกขึ้นมากินอีกครั้ง
ว่าแล้วก็พิมพ์ไลน์บอกยิ้มหวานซะหน่อย
 
 
*โดนด่าว่ะ
*ไอ้พวกนี้มันคุยเสียงดัง

 
 
เขาอ่านสักพักก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์บราวน์หันหน้าเข้าข้างฝามาให้ผม
แล้วพิมพ์ข้อความตามมา
 
 
*สมน้ำหน้า
*เลิกเล่นมือถือตอนเรียนได้แล้ว
*ห้ามตอบไลน์เรานะ เรียนเสร็จแล้วค่อยตอบ
*ถ้าตอบจะบล๊อคสองวัน!
*จริงๆนะ!!

 
 
มีขู่ด้วย -_-
ผมอ่านข้อความที่เขาพิมพ์มาแล้วหลุดยิ้ม
ก่อนจะยอมยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเพ่งสมาธิกลับมาสนใจสิ่งที่อยู่หน้าห้อง
 
พอหยุดคุยกับยิ้มหวานก็กลับง่วงอีก เออ...
-_-
 
.
.
.
 
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังชนะ ที่สุดท้ายแล้วผมก็นั่งเรียนไปจนหมดคาบได้โดยไม่หลับ
 
พวกผมรอจนอาจารย์ออกจากห้อง ถึงได้ก็เริ่มคุยกันครับ ว่าจะไปไหนต่อ
ไอ้พวกนี้มันจะไปกินหมูกระทะกัน
 
ส่วนผม?
จะไปไหนได้? นอกจากพารากอน
 
เห้ย -- ผมไม่ได้ตามยิ้มหวานไปนะ แต่นัดเทรนเนอร์ไว้เลยต้องไปเล่นฟิตเนสวันนี้พอดี
 
ไอ้พวกนี้ก็เหมือนจะรู้กันอยู่แล้ว ว่าวันพุธผมต้องไปฟิตเนสตลอด มันเลยไม่เซ้าซี้มาก
ผมรอพวกมันตกลงร้านที่จะไปกันให้เสร็จ ก่อนจะต้องแยกย้ายกันไปตามเรื่องตามราว
 
แต่ตอนแยกกันที่ลานจอดรถพวกมันยังไม่ยอมแพ้ ตะโกนขู่ผมทิ้งท้าย
 
“อย่าให้เห็นยิ้มหวานอัพไอจีแบบที่พวกกูเดาได้ว่าไปกับมึงนะไอ้สัดหมอ"
 
“ทำไม ถ้าเค้าอัพแล้วมึงจะทำไม?”
 
“พวกกูจะตามไปร่วมแชร์โต๊ะอาหารกับมึงถึงที่แม่งเลย"
 
“บอกก็ดี กูจะได้ให้เค้าอัพตอนออกจากร้านแล้ว"
 
ตอบพวกมันพร้อมยักคิ้วกวนตีนให้ไปสองที ได้ยินเสียงด่าตามหลังมาทั้งสวนสัตว์เลยครับ -_-
พอขึ้นรถปุ๊บ ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาตอบไลน์
 
*เรียนเสร็จแล้วครับผม
 
พร้อมส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์เอาเท้าเหยียบโขดหินไปตัวนึง
 
อย่าคิดว่าผมจะนั่งจ้องมือถือรอจนกว่าเขาจะอ่านแล้วตอบเหอะ
แบบนั้นก็ดูจะเซ้าซี้ไป
 
หลังจากพิมพ์ข้อความส่งไปเสร็จผมก็ออกจากลานจอดรถหน้าตึก แล้วตรงไปพารากอนทันที
แล้วค่อยหยิบมือถือมาดูในระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง
ไฟแดงแรกยังไม่ตอบครับ ยังไม่อ่านด้วย
จนถึงไฟแดงที่ 2ถึงจะเห็นว่าอีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบร้อยแล้ว
 
*เก่งมาก!
* ^ ^
 
*เดี๋ยวไปฟิตเนสนะ

 
ผมพิมพ์ทิ้งไว้แล้วก็กลับมาขับรถต่อเหมือนเดิม
หลังจากนั้น กว่าจะได้หยิบมือถืออีกทีก็คือตอนที่มาถึงที่ห้างเรียบร้อยแล้ว
 
 
*ถ่ายงานเสร็จเราคงไปกินข้าวกับเพื่อนอ่ะ
* ^ ^

 
ผมอ่านแล้วส่งสติ๊กเกอร์ OK! ไปแค่นั้น
ก่อนจะเข้าไปในหน้าไลน์กรุ๊ปของครอบครัว
แล้วบอกว่าวันนี้ผมมาพารากอน พร้อมกับถามว่ามีใครที่บ้านจะฝากซื้ออะไรไหม?
จัดการธุระในไลน์เสร็จเรียบร้อยผมก็เก็บมือถือใส่ล็อคเกอร์ หยิบไอพอดออกมา
แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายไป
 
สำหรับผม เวลาแบบนี้จะผ่านไปเร็วมาก
...ถ้าเทียบกับ 3 ชั่วโมงอันยาวนานในห้องเรียน
 
อย่าคิดว่าพวกนักศึกษาแพทย์จะขยันเรียนทุกคนนะครับ
ผมคนนึงแหละ ที่มีมุมขี้เกียจ -_-
 
เล่นฟิตเนสเสร็จล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย
พอมาเช็คมือถือดูก็พบว่า นอกจากไลน์กรุ๊ปของพวกเพื่อนเวรที่คุยกันแบบจะเป็นจะตาย ทั้งๆที่ได้ข่าวว่าพวกมึงอยู่ด้วยกัน ก็มีออเดอร์พวกนมขนมคอร์นเฟลคชุดใหญ่จากแม่ กับชูครีมและเค้กจากยัยน้องสาว
 
นอกจากนี้ยังมี 1 ข้อความใหม่มาจากเขา
 
ผมกดเข้าไปดู ก่อนจะเห็นสติ๊กเกอร์โคนี่ลั้ลลาถูกส่งมา
ผมเลยพิมพ์กลับไป
 
*กินข้าวอยู่ป่ะ?
 
*กินเสร็จแล้ว
*ตอนนี้อยู่นี่~~~

 
สักพักรูปฮันนี่โทสต์ก็ถูกส่งตามมา
เห็นรูปปั๊บผมก็เดาได้ไม่ยากเลย ว่าตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่ไหน
 
*อาฟเตอร์ยูอีกละ
*ไม่เบื่อ?

 
*เปลี่ยนเมนูที่กินตลอด
*จะเบื่อได้ไง?

 
ยอมแพ้ครับ – เถียงเค้าไม่ได้จริงๆ -_-
 
*ยอม
*ไม่เถียง

 
*5555555555
*เล่นฟิตเนสเสร็จแล้ว?
*กลับเลยป่ะ?
 
*ยังก่อนๆ
*แวะซื้อของให้แม่กับน้องสาวก่อน

 
*โอเคคค
 
*อือๆ



พอลองทบทวนของที่ต้องซื้อดูแล้ว ก็เอาเป็นว่า ไปที่ๆคุ้นเคยก่อนก็แล้วกัน
ผมเดินลงไปร้านเบเกอร์รี่ญี่ปุ่น และระหว่างที่กำลังเลือกเค้กกับขนมที่น้องสาวชอบอยู่
ในใจผมนี่ก็เริ่มคิดวางแผนครับ...
 
เอาเหอะ! อยากเจอเว้ย!
 
ปกติแล้ว เวลายิ้มหวานมาที่นี่ ที่ๆจะต้องไปตลอดเลยคือโซนที่ขายเครื่องเขียนครับ
คือถ้าถามไปว่าอยู่ไหน แล้วตอบพารากอนนี่ สุดท้ายจะต้องไปจบที่ตรงนั้นทุกที
 
วันนี้ก็น่าจะเหมือนเดิมมั้ง...
 
คิดแล้วก็รีบพิมพ์ไลน์หาเจ้าตัวทันที
 
*เดี๋ยวไปซื้อปากกาป่ะ?
 
*ไม่~~ ไม่ซื้อปากกา
*แต่จะไปซื้อสี ^ ^
*เพิ่งแยกกับเพื่อนเมื่อกี้
*กำลังเดินไปบีเทรนด์เลย
*รู้ได้ไงอ่ะ
 
*เก่งไง

 
พอผมพิมพ์ไปแบบนั้น เค้าก็ส่งสติ๊กเกอร์โคนี่ทำหน้าตกใจมา
 
*อยู่คนเดียวด้วยอ่ะดิ
 
*เห้ยยย
*ทำไมรู้อ่ะ
*อยู่แถวนี้ก็เดินมาทักเราดิ~~~~~

 
อ่านข้อความที่เขาส่งมาแล้วผมนึกออกเลย
ว่าเจ้าตัวต้องกำลังมองซ้ายมองขวาแล้วกลั้นยิ้มมองหาผมอยู่แน่ๆ
แค่นึกถึงท่าทางของเขาผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว
 
*เปล่า
*มาซื้อเค้กให้น้อง
*ก็เมื่อกี้บอกว่าแยกกับเพื่อนแล้วก็ต้องอยู่คนเดียวดิ
*กำลังเดินผ่านฟู้ดคอร์ท
*เดี๋ยวขึ้นไปหา

 
*โอเคคค

 
เดินเข้ามาไม่นานผมก็หาเค้าเจอครับ บอกแล้วว่าคนๆนี้หาไม่ยาก
เขากำลังยืนจ้องสีอยู่อย่างจริงจังมาก
เห็นอย่างนั้นผมเลยเดินไปข้างๆ แล้วแกล้งเอาข้อศอกวางพาดไหล่เบาๆ
 
“อ้าว หวัดดี"
 
พอรู้ว่าผมมาถึง เขาก็หันมายิ้มให้ โบกมือทักกันนิดหน่อย จนผมต้องโบกมือกลับไป
 
โอ้ยย –น่ารักอีกแล้วว่ะ!
 
“ดูอะไรอยู่อ่ะ?”
 
“สีอะคริลิค กำลังคิดอยู่ว่าที่ห้องมีสีอะไรบ้าง แล้วงานที่จะทำต้องใช้สีอะไรอีก"
 
ผมเองก็ไม่รู้ว่า เวลาที่คนอื่นๆเค้าชอบใครเข้าสักคน เค้าจะมีรู้สึกแบบเดียวกับผมไหม?
ไอ้ความรู้สึกแบบ – ไม่ว่าคนที่เราชอบจะทำอะไรก็ตาม ท่าทางเหล่านั้นมันช่างน่าดูไปหมดทุกอย่าง
 
การเคลื่อนไหวธรรมดาๆที่เขาทำ
ไม่รู้ทำไม มันถึงได้ดูพิเศษไปหมด
 
ผมมองคนที่หันมายิ้มให้กันจนตาโค้งเป็นสระอิอีกครั้ง แล้วหันกลับไปยื่นมือหยิบสี -- สีอะไรวะ เขียวๆฟ้าๆอ่อนๆ
เออ! เรียกไม่ถูกเหมือนกัน -_-
 
แต่เขาก็หยิบสีขึ้นมาดู ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเพิ่มอีกหลอดนึงด้วยมือข้างเดียวกัน
 
เห็นอย่างนั้นผมก็เลยเอื้อมไปจับสมุดวาดภาพเล่มใหญ่ที่เขาอุ้มถือเอาไว้ด้วยมืออีกข้างนึง แล้วพูดเบาๆ
 
“ถือให้"
 
“ไม่เอา ถือได้!"
 
เขาพูดแล้วขยับตัวหนีนิดหน่อย แต่มือของผมก็ยังไม่หลุดออกจากสมุดเล่มนั้นอยู่ดี
 
“เหอะน่า"
 
“ไม่เอา เราไม่อยากกวน"
 
หน้ามุ่ยด้วย น่ารักว่ะ
หัวใจแม่งจะระเบิดแล้วเนี่ย!
 
“อะไรที่คนอื่นเค้าทำให้ด้วยความเต็มใจ เค้าเรียกว่ารบกวนได้เหรอ?"
 
ผมพูดแล้วขมวดคิ้วให้เขาไปทีนึง
แต่อีกฝ่ายดันเห็นหน้ายุ่งๆของผมแล้วยิ้มขำออกมา แถมยังไม่ยอมตอบอะไร
 
“ปล่อยเร็ว!"
 
ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ มือที่ยึดสมุดเล่มใหญ่เอาไว้ยอมคลายออก ให้ผมดึงมันออกมาถือไว้เอง
ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงพู่กันอันเล็กๆสามสี่อันที่เขาหนีบเอาไว้ด้วยนิ้วมือมาถือไว้เองด้วย
 
“เห็นป่ะ พอว่าง 2 มือแล้วสบายขึ้นเยอะเหอะ”
 
“ยอมๆ ยังไงก็ ขอบคุณนะ" ^ ^
 
รอบที่สามแล้ว – หันมายิ้มให้กันเต็มๆแบบนี้สามรอบติดแล้ว
รู้ตัวมั้ยเนี่ย?
 
แล้วเขาหันกลับไปเลือกสีต่อครับ หยิบอันโน้นอันนี้มาเทียบกัน
สักพักก็หันมาทำหน้าเครียดใส่ผม แล้วพูดเหมือนจะบ่นกับตัวเอง
 
“ถ้าให้ช่วยเลือกต้องเลือกไม่ได้แน่ๆเลย"
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำอยู่ในคอ ก่อนจะพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ
 
“คิดถูกแล้ว”
 
สักพักเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น พิมพ์ไลน์หาเพื่อนอยู่สักพัก ก่อนจะได้บทสรุป แล้วหยิบอันที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อขึ้นมา
ก่อนจะหันมาคุยกับผมอีกรอบ พร้อมๆกับเดินไปจ่ายเงินที่เค้าน์เตอร์
 
“จะซื้ออะไรเปล่า?”
 
“ไม่นะ"
 
“มาแล้วไม่ซื้ออะไร มาทำไมเนี่ย?”
 
เขาพูดพลางยิ้มออกมาเรื่อยๆครับ
ส่วนผมที่ได้ยินคำถามแบบนั้นของเขาก็ได้แต่ยิ้มมุมปาก
 
 
“ถามทำไม รู้คำตอบอยู่แล้วนี่”
 
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมามองหน้าผม ยู่ปากเข้านิดหน่อย
แล้วพูดออกมาเหมือนจะบ่นใส่กัน ก่อนจะหันหน้าหนีผมไปอีกทาง
 
“ยังจะทำหน้ากวนโอ๊ยอีก”
 
ผมมองท่าทางน่ารักๆของเขาแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่หันกลับมา
 
เขายืนหันหน้าหนีผมอยู่นิ่งๆแบบนั้น แล้วก็ไม่เปลี่ยนท่ายืนอีกแล้วครับ เหมือนจะมองๆอะไรสักอย่างอยู่
 
จนผมต้องยกมือขึ้นสะกิดต้นแขนเขาเบาๆ
 
"เห้ย—"
 
ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนที่อยู่ตรงหน้าดันขยับตัวหลบ แล้วถามพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ผมทีนึง
 
“อะไร?”
 
ยิ่งเห็นหน้าจริงจังของเขาผมก็ยิ่งขำ จนเจ้าตัวต้องหน้ายุ่งมากกว่าเดิม
 
“สะกิดกันแล้วไม่พูด อะไรอ่ะ?”
 
“ถึงคิวแล้ว จ่ายเงินเร็ว คนข้างหลังจะเอาหนังสือทุ่มแล้ว"
 
ได้ยินที่ผมพูดเขาก็ทำหน้าตกใจ หันไปส่งยิ้มขอโทษให้คิวถัดไป
ก่อนจะรีบก้าวไปประชิดเค้าน์เตอร์เพื่อ
จ่ายเงิน
 
จ่ายเสร็จเจ้าตัวเขาก็รีบคว้าถุงไปถือเลย หันมาขอโทษคนที่ต่อคิวอยู่ถัดไปอีกรอบ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกอดถุงก็อบแก็บใบใหญ่ที่ใส่เครื่องเขียนเอาไว้อย่างแน่น – สงสัยกลัวโดนแย่งถืออีก
 
“อายเค้าอ่ะ~~~~"
 
ออกมาปุ๊บเขาก็ร้องออกมาทันที...
หน้าเจื่อนๆของเขาทำเอาผมหลุดขำออกมาอีก
ขนาดเขาทำหน้างอผมยังรู้สึกถึงความสดใสของเจ้าตัวเลยอ่ะ
 
“ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษแล้วนี่"
 
“นี่ก็ไม่เตือนกันเลย เงียบอยู่ได้"
 
คือตอนนี้ผมกำลังโดนบ่น แต่แทนที่จะเซ็ง ผมดันหัวเราะออกมามากกว่าเดิม
แถวนี้อาจจะมีคนป่วย -_-
 
“ขอโทษๆ ไม่เป็นไรหรอก คนข้างหลังเขาก็ดูไม่โกรธเท่าไหร่"
 
ผมพูดพลางยื่นมือออกไปแตะหน้าผากเขาเบาๆ แล้วขยี้ผมหน้าม้าสั้นๆสองสามที
ก่อนที่เขาจะตอบออกมา แล้วจัดผมยุ่งเหยิงให้เข้าที
 
“ช่างเหอะ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ เราเหม่อเองแหละ นอนไม่พอแล้วเป็นอย่างงี้ประจำเลยอ่ะ"
 
“อืมๆ ส่งงานแล้วก็นอนพักเยอะๆ”
 
“อือฮึ"
 
แล้วเรา 2 คนก็เริ่มเดินต่อ ระหว่างที่ลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ผมก็ถามเขาออกมา
 
“รีบกลับป่ะ?”
 
“ไม่อ่ะ"
 
“งั้น....ไปเป็นซุปเปอร์เป็นเพื่อนหน่อยดิ"
 
“ได้ๆ จะซื้ออะไรเดี๋ยวเราไปซื้อขนมด้วยก็ได้ จะได้ไม่ต้องแวะเซเว่น"
 
“ขนมอีกละ?”
 
“อืม!" ^ ^
 
ผมเคยบอกไปรึยังว่ายิ้มหวานติดขนมครับ
ด้วยคณะที่เขาเรียน เลยต้องนั่งทำงานข้ามวันข้ามคืนตลอด
แล้วพอดึกๆผมไลน์ไปหาทีไร คำตอบของเขาจะต้องมีเรื่องขนมติดมาด้วยทุกรอบ
 
ก็เข้าใจนะว่าทำงานดึกๆดื่นๆมันก็หิว
แต่ก็เป็นห่วงอยู่ดีว่ะ...
 
ผมหันไปมองคนที่ส่งยิ้มตรงมาทางผมอีกครั้ง
และรอยยิ้มนั้นทำให้คำพูดที่จะห้ามเขาเรื่องกินขนม เป็นอันต้องลอยหายไปไหนก็ไม่รู้
 
แบบนี้เค้าเรียกว่าแพ้ทางใช่ไหมวะ? -_-
 
“แล้วตกลงจะไปซื้ออะไรที่กูร์เม่ต์อ่ะ?”
 
“แม่ฝากซื้อของอ่ะดิ เยอะแยะเลย"
 
“อ๋อ...”
 
เขารับคำแค่นั้น ก่อนที่เราจะเดินด้วยกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
ผมเดินนำไปหยิบตะกร้า ก่อนจะหาโทรศัพท์ เพราะว่ารายการของที่ต้องซื้อทั้งหมดอยู่ในนั้น
 
ว่าแต่ -- ตั้งแต่เจอคนตรงหน้านี่ ก็ยังไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเลยนี่หว่า...
 
“อยู่ไหนวะ?”
 
ผมพูดพลางใช้มือข้างที่ว่างตบลงไปตรงกระเป๋ากางเกง
แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีโทรศัพท์อยู่ในนั้น อีกข้างก็เหมือนกัน
 
มองกลับมาอีกทีก็เห็นคนตรงหน้าส่งสายตามองมาที่ผม แล้วถามออกมา
 
“หาอะไร?”
 
"มือถือ ของที่จะซื้ออยู่ในไลน์"
 
คนตรงหน้ายืนมองผมหาของทั้งในกระเป๋ากางเกง กับกระเป๋าที่สะพายข้างอยู่สักพัก
ก่อนจะถามออกมาอีก
 
“ไม่เจอเหรอ?”
 
“ไม่เจอเลย ลืมไว้ไหนป่ะวะ?”
 
ผมพูดพลางทำหน้าครุ่นคิดเหมือนพยายามจะนึกให้ออกว่าโทรศัพท์มันไปอยู่ที่ไหน
ก่อนจะเห็นว่าคนตรงหน้าหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเดียวกันกับของผมขึ้นมา แล้วปลดล็อค
 
“เอาเบอร์มา เดี๋ยวเราโทรเข้าให้"
 
ผมมองคนที่ปั้นหน้าจริงจังพูดกับผม ทั้งๆที่แก้มใสๆเรื่อสีชมพูขึ้นมานิดหน่อย
เขิน? เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะแกล้งต่อจริงๆ
“ขอเบอร์เหรอ?”
 
“ยังจะมีอารมณ์เล่น เร็วๆ เอาเบอร์มา ถ้าโดยขโมยไปนี่ โจรไปเปิดเบอร์ใหม่เสร็จไปแล้วมั้ง~"
 
ผมมองคนตรงหน้าที่กลั้นยิ้มแล้วพูดออกมายาวๆ ก่อนจะบอกเบอร์โทรศัพท์ตัวเองให้เขาไป
เขากดโทรออกแล้วเอาโทรศัพท์แนบข้างแก้มเอาไว้สักพัก
 
ก่อนที่เสียงสั่นครืดๆของโทรศัพท์ที่ผมปิดเสียงไว้ จะดังมาจากถุงขนมของยัยน้องสาวครับ
 
“เจอละๆ"
 
ผมพูดพลางหยิบโทรศัพท์ออกมา
 
“ดีนะไม่หาย - ถ้าหายล่ะยุ่งเลย”
 
สีหน้ายิ้มหวานของพูดคำนี้ออกมาดูโล่งใจมากจริงๆ
กังวลอย่างกับว่าเป็นโทรศัพท์ของเขาที่หายไป
น่ารักปะล่ะ?
 
ผมมองสบตาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะโบกโทรศัพท์มือถือในมือไปมา แล้วพูดสั้นๆ
 
“เมมเบอร์นะ"
 
เขาฟังแล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย ก่อนจะหรี่ตามองผม
สีหน้านั้นบอกว่า ตอนนี้คนที่โดนมองอยู่กำลังโดนคาดโทษว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์อยู่อย่างแน่นอน...
 
“อืม เมมดิ”
 
ผมหลุดหัวเราะเบาๆ ตอนที่ได้ยินคำตอบของเขา
ก่อนจะกดบันทึกเบอร์โทรเข้าล่าสุดลงไปในเครื่อง
 
“เราเมมด้วยนะ"
 
คำพูดของเขาทำให้ผมที่กำลังกดบันทึกเบอร์โทรศัพท์อยู่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
 
และ -- ผมเห็นคนที่ได้แต่แอบมองมาตลอดระยะในเวลาหลายเดือนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้า
เขาไม่ได้มองกลับมา แต่กำลังก้มหน้าลง
เพื่อจะบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของผมลงไปในมือถือของเขา
 
ตอนนั้นเองที่นิ้วมือของผมกดเปิดกล้อง และถ่ายภาพตรงหน้าเอาไว้
พร้อมกับความรู้สึกอุ่นๆเคลือบหวานเบาๆที่เพิ่มขึ้นมาจนเต็มหัวใจ
 
อย่าคิดว่าผมจะเป็นพวกขี้อวดอัพรูปนี้ลงอินสตาแกรมให้ใครๆได้เห็นเหอะ
จะเก็บไว้ดูคนเดียว...
 
ผมหยิบตะกร้าที่วางลงไปบนพื้นข้างตัวขึ้นมา
ก่อนจะเดินกลับมายืนข้างๆคนที่ยังคงจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ
เหมือนจะกำลังตอบไลน์อีกแล้ว
 
“เมมเบอร์ว่าอะไรอ่ะ?”
 
ผมถามขึ้นมา คำถามนั้นทำให้เขาหันมามองผม ก่อนจะพลิกโทรศัพท์ในมือให้คว่ำลงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าที่ผมคุ้นเคยยกยิ้มส่งมาให้
 
“ไม่บอก – แล้วเบอร์เราอ่ะ เมมว่าไง?"
 
เขาตอบสั้นๆ และถามต่อระหว่างที่เราสองคนเริ่มเดินเข้าไปข้างใน
 
“ไม่บอก -- แลกกันดิ"
 
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ทำหน้ามุ่ย แล้วก้มหน้าลงไปจดจ่อกับโทรศัพท์อีกครั้งระหว่างที่กำลังเดินไปด้วย
พอผมหันไปมอง เขาก็รีบหันจอมือถือหลบกันซะอย่างนั้น
 
“ไม่ได้จะดูเลย เดินดีๆ เดี๋ยวก็หัวทิ่มลงตู้หรอก"
 
ผมพูดพลางดึงแขนเสื้อให้เขาขยับเข้ามาใกล้ๆ
เมื่อกี้เกือบโดนเด็กวิ่งชนไปแล้วแต่ก็ยังไม่รู้ตัวเหอะ
 
“ไม่หรอกน่า ไปๆ ไปซื้อของเลย"
 
ผมมองคนที่ท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินไปหยิบนมพร่องมันเนยสองขวดใส่ในตะกร้าตามที่แม่สั่งมาในไลน์
 
ระหว่างนั้นก็แอบส่งสายตามองกลับมายังอีกคนเรื่อยๆครับ
หน้าตาเขามุ่งมั่นจนผมเริ่มจะตลก
 
พอเดินกลับมา เขาก็เงยหน้าขึ้นจากจอ แล้วบอกผมพร้อมรอยยิ้ม
 
“เอามาดูเลยว่าเมมชื่อเราไว้ว่าไง" ^^
 
ได้ยินแบบนั้นผมยิ่งเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
ที่จริงจังอยู่เมื่อกี้คือเรื่องเมมชื่อเนี่ยนะ?
 
เขาพูดพลางกดเข้าไปในหน้าของรายการโทรออกล่าสุด แล้วเลือกโทรออกเบอร์ที่เขาเพิ่งโทรไปอีกครั้ง
ตอนนั้นเองที่หน้าจอโทรศัพท์ของเขาสว่างขึ้นมาเพื่อบอกว่า เจ้าของเครื่องกำลังโทรออกหาคนที่ชื่อ....
 
- เ จ้ า ข อ ง ชี ท -
 
ผมมองตัวหนังสือที่สว่างวาบอยู่ตรงหน้าแล้วได้แต่หัวเราะ
ก่อนโทรศัพท์มือถือในกางเกงของผมจะสั่นเตือนว่ามีคนโทรเข้า
ผมหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะชูให้คนตรงหน้าเห็น ว่าชื่อที่ผมจะใช้แทนตัวเขาตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปคือ
 
 
- ยิ้ ม ห ว า น -
 
 
แล้วผมก็ได้เห็น 'ยิ้มหวาน' อีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวได้เห็นชื่อตัวเอง
คนตรงผมหน้ายิ้มเขินๆ ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะคิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมา
 
“นั่นชื่อเราเหรอ?”
 
อยู่ดีๆก็รู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาซะอย่างงั้นว่ะ
 
“ก็ใช่อ่ะดิ"
 
ผมตอบเขาสั้นๆก่อนจะเดินไปยังตู้แช่อีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อโยเกิร์ตอีกอย่าง
 
ระหว่างที่กำลังกวาดสายตาหาโยเกิร์ตแบบที่แม่ซื้ออยู่ประจำ
ผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินมาหยุดอยู่ข้างกัน
เขาหันมาส่งยิ้มให้ผมก่อน แต่รอยยิ้มนั้นดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่หรอก พูดตรงๆ
 
“นี่ -- เราถามจริง...”
 
“หือ?”
 
“ที่หามือถือไม่เจอเมื่อกี้นี่เนียนใช่มั้ย?”
 
พูดจบเจ้าตัวก็หรี่ตา ส่งสีหน้าจับผิดมาให้
ซึ่งผมดูๆไปแล้ว มันก็ไม่ได้จะร้ายกาจอะไรมากมายสักเท่าไหร่หรอก
 
“ไม่ได้เนียน หาไม่เจอจริงๆ"
 
ผมหันไปตอบเขา พร้อมกับยกมือขึ้นแล้วชูสามนิ้วยืนยัน
 
“ด้วยเกียรติของลูกเสือเลย ไม่ได้เนียนจริงๆครับผม"
 
“แน่ใจ?”
 
“มากๆ บอกว่าด้วยเกียรติของลูกเสือไง~"
 
“โอเค~ โอเค~"
 
พอเห็นว่าผมยืนยันถึงสองครั้งติดด้วยสีหน้าจริงจังเขาก็ไม่เซ้าซี้ต่อ
แต่รับคำด้วยคำพูดเฉื่อยๆ
 
“เราไปหยิบน้ำทับทิมแป้บนึงนะ"
 
พูดจบเจ้าตัวก็เดินผละจากผมไป แล้วไปหยุดอยู่หน้าตู้แช่อีกฝั่ง
 
ผมมองตามเขา และหยุดสายตาเอาไว้ที่แผ่นหลังใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีเข้มพับขึ้นมาเล็กน้อยเผยให้เห็นข้อเท้า และ รองเท้ารุ่นเดียวกับที่ผมมี
 
ก่อนจะต้องหลุดยิ้มออกมากับความคิดของตัวเอง
 
โรงเรียนอินเตอร์เค้าไม่เรียนลูกเสือกันนะยิ้มหวาน
ไม่รู้อ่ะดิ?
 
 
Tbc.
 

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [05] p.7 <19.05.15>
«ตอบ #254 เมื่อ22-05-2015 19:52:05 »




-7-
 

 
 
นานๆทีแก้งผมจะอยู่กับครบนอกห้องเรียนครับ (เอาจริงๆในห้องเรียนแม่งก็ไม่ค่อยครบหรอก -_- )
คือปกติแล้วมันจะต้องขาดสักคนล่ะวะ  ไม่คนใดก็คนนึง
แต่วันนี้มากันแบบครบทีม ผม ไอ้เบอร์1 ไอ้เบอร์ 2 และ ไอ้คุณโคนัน
 
พวกเรามาดูฟาสฯ7 กัน  และ กลับออกมาในสภาพที่ไอ้เบอร์ 2 มัน...ตาแดงเป็นเด็ก 5 ขวบ
มันร้องไห้เพราะจะได้ดูหนังของไอดอลของมันเป็นเรื่องสุดท้าย
ถามว่าผมเศร้ามั้ย ก็เศร้านะครับ ผมไปดูฟาสท์ฯ กับไอ้พวกนี้กี่ภาคแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ดูด้วยกันตลอด
แต่ความเศร้าของผมแม่งโดนได้เบอร์ 2 ปาดหน้าไป ตอนนี้ผมเลยต้องมาขำมันแทน
 
มันบอกว่ามันมาดูกับแฟนไปแล้วรอบนึงแต่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้
พอมาดูกับพวกผมเลยร้องออกมาจริงจังมากด้วยความอัดอั้นครับ
ร้องจนพวกผมเกือบไม่อินกับหนัง  แล้วมาอินกับการรุมหัวเราะเยาะมันแทน -_- 
 
ระหว่างที่กำลังหัวเราะไอ้เบอร์ 2 ที่เดินเบะปากออกมาจากโรงหนังในสภาพน่าสมเพชมาก
สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงกลุ่มนึง ผมมองอยู่สักพักก็แน่ใจว่านั่นแก้งเพื่อนยิ้มหวานนี่หว่า
 
ว่าแต่ -- เจ้าตัวหายไปไหน?
 
มองๆอยู่ไม่นาน ฝั่งโน้นเค้าก็เหมือนจะรู้ตัวเหมือนกัน เลยมองกลับมาครับ
ผมยิ้มมุมปากส่งไปให้แล้วยักคิ้วทัก พร้อมกับได้ยินเสียงไอ้เบอร์ 1 พูดออกมา
 
“เจ้าชู้นะไอ้สัด กูฟ้องยิ้มหวานแน่"
 
“เจ้าชู้เหี้ยไรล่ะ นั่นเพื่อนเค้า ทั้งแก้งเลย"
 
“อ่าว แล้วยิ้มหวานอ่ะ ไม่มาเหรอวะ?”
 
“ไม่รู้ดิ ตอนเย็นบอกกูว่าทำงานอยู่ที่ตึกคณะ"
 
“อ๋อ กูนึกออกละ กลุ่มที่เจอตอนไปกินเหล้าวันนั้นนี่หว่า"
 
“เออ ควายนะมึง แค่นี้ลืม”
 
พวกเราเริ่มคุ้นหน้ากันครับ เพราะวันก่อนผมกับเพื่อนๆเจอกลุ่มนี้ที่ร้านเหล้าพอดี ผมเลยได้คุยกับเพื่อนเขานิดหน่อยด้วย
เรื่องที่คุยก็ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องของคนที่ไปเที่ยวกับครอบครัวเลยไม่ได้มากับเพื่อนๆเค้านี่แหละ
 
พอมองมาเห็นพวกผมปุ้บ เพื่อนคนเดียวกับที่ลากเขามาปล่อยทิ้งไว้ที่โต๊ะผมวันที่อ่านหนังสือก็เดินตรงมาเลยครับ
รองเท้าสูงมาก ท่าเดินก็โคตรจะดุ
 
“หวัดดีหมอ"
 
“อืม หวัดดี เพื่อนไปไหนอ่ะ?”
 
รีบถามเลยครับ -- ออกตัวว่าจะจีบเพื่อนเค้าแล้ว ไม่มีเก็บอาการแล้วนาทีนี้ -_-
 
“อ่าว มันไม่ได้ไปกับหมอเหรอ?” 
 
“ไม่ดิ เพิ่งดูหนังเพิ่งเสร็จเนี่ย"
 
“อ่าว!"
 
นาทีแรกผมงงครับ ว่าจะตกใจอะไร เห็นเขาขมวดคิ้วแล้วทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาอ่านไลน์ เห็นอย่างนั้นผมเลยถาม
 
“มีอะไรเปล่า?”
 
“แป้บนึงๆ"
 
เขาตอบผมระหว่างที่กำลังพิมพ์ไลน์ไปด้วย สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาตอบ
 
“ตอนแรกมันจะมากินข้าวกับพวกเรานี่แหละ เพิ่งออกจากตึกคณะกันเนี่ย แต่รถมันดันจอดอยู่อีกตึก เลยแยกไปเอารถ พวกเราจะไปเป็นเพื่อน มันก็บอกว่าไม่เป็นไร คือมันจอดที่นั่นประจำไง"
 
“แล้ว?”
 
“สักพักแม่งก็ไลน์มาบอกว่าไปไม่ได้แล้ว เราก็แซวดิ คิดว่าไปกินข้าวกับหมอ คือมันก็ตอบมาว่าใช่ แต่หมออยู่นี่ แล้วมันอ่ะ?"
 
อ่าว... อึ้งครับ
ไม่ใช่แค่ผม ทั้งเพื่อนผมเพื่อนเขานิ่งไปหมด
คือก่อนหน้าที่คุยกันผมก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
เพราะเห็นว่าเขาอยู่กับเพื่อน แถมยังทำงานอยู่เลยไม่อยากกวน
 
“แป้บๆ เราโทรหามันแป้บ"
 
คือผมก็อยากจะไลน์ถามโทรหานะ แต่รู้สึกเหมือนนาทีนี้มันยังเป็นหน้าที่ของเพื่อนเขาอยู่
เลยได้แต่รอ
 
“ไม่รับว่ะ เมื่อกี้ไลน์มันบอกว่าไปกินข้าวกับหมอแถวสาธร"
 
“อ่าว...” ผมพูดเบาๆเหมือนกำลังคุยกับตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ 
 
"คือ...ไลน์ถามบ้างได้มั้ยวะ? จะดูยุ่งเรื่องส่วนตัวมากไปป่ะ?”
 
อืม... – คือผมค่อนข้างแคร์เขานะ
ถึงจะบอกออกไปตรงๆแล้วว่าผมจีบเขา แต่ก็ยังไม่อยากจะกดดันจนเขารู้สึกอึดอัด
อยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆแบบที่เราทั้งคู่รู้สึกสบายใจกับมันมากกว่า...
 
“เอาดิ ถามเลย"
 
“เออ กูว่าไลน์ถามเหอะ"
 
โดนยุจากทั้งสองฝั่งครับ
คือตอนนี้บรรยากาศแม่งดูอึดอัดกันมาก
 
ไม่รู้ดิ -- ในสายตาผม ยิ้มหวานดูไม่ใช่คนชอบโกหก
 
“เออ เป็นห่วงว่ะ"
 
ผมพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความไป
 
*ทำงานเสร็จยัง?
 
เขาตอบมาทันทีอ่ะครับ
เร็วมาก!
 
*เสร็จแล้ว
*กำลังกลับบ้านอ่ะ
 
*อือๆ

 
 
“บอกว่ากำลังกลับบ้าน"
 
ผมตอบออกไปตามข้อความที่อ่านมา
 ก่อนเพื่อนยิ้มหวานจะหน้าเครียดมากกว่าเดิม แล้วหันไปมองหน้ากันเองในกลุ่มแบบงงๆ
 
“แม่งแปลกๆ – คือปกติมันไม่ค่อยโกหกนะเว่ย แทบไม่โกหกเลย หมอแกใจเย็นนะ"
 
เขาพูดเหมือนพยายามจะปลอบให้ผมดูใจเย็นลง  ตอนนั้นเองครับที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังขมวดคิ้วมากขนาดนี้
 
คือตอนนี้ในใจกำลังมีความคิดสองอย่างที่ต่อสู้กันครับ
อันแรกดูแย่หน่อย – เขาอาจจะไปกับใครนอกจากผม ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์โกรธหรอก
ทำได้แค่หึง หวง ห่วง เอออะไรประมาณนั้นแหละวะ -_-
อีกความคิดคือ เขาอาจจะกำลังอยู่ในอันตราย โดนลักพาตัวป่ะ? – อันนี้ก็นิยายเกิน
 
แต่โลกของยิ้มหวานก็ดูเหมือนจะมีแค่ เรียน ปั่นงาน นอน กินขนม เดินเล่น
ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
 
“คือไม่ได้โกรธ แต่เป็นห่วง ไปไหนวะเนี่ย?"
 
ผมพูดพลางรู้สึกว่ารอไม่ได้แล้วครับ เลื่อนมือถือไปจะกดโทรหาละ แต่เพื่อนเขาดันมาห้ามไว้ก่อน
 
“เอ้ยๆ เดี๋ยวโทรให้ เผื่อมันไปกับกิ๊กหมอจะได้ไม่เงิบ"
ยังจะหัวเราะร้ายใส่กันอีก -_-
 
ถ้าเขาไปกับคนอื่นจริง ผมก็คงเฟลอ่ะ แต่ที่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตอนนี้เพราะกลัวจะไปทำอะไรอันตรายมากกว่า
ไปไหนเนี่ย ดื้อเอ้ย!
 
เพื่อนเขาต้องโทรจิกอยู่ประมาณสามสี่รอบครับ กว่าอีกคนจะยอมรับสาย
พอรับปุ๊บ ผู้หญิงตรงหน้าผมก็ทำเสียงดุพูดลงไปทันที
 
“มึง – อยู่ - ไหน"
 
โหห -- ยิ่งกว่าแม่
 
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาโกหกกูเลย ไอ้หมออยู่ตรงหน้ากูเนี่ย"
 
“ว่าไง ตกลงมึงอยู่ไหน?”
 
“ไม่บอกความจริงกู ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมามองหน้ากันเลยนะ เลิกคบ!”
 
หลังจากนั้นเขาก็เงียบไปสักพักครับ ทั้งผม เพื่อนผม เพื่อนเขาคนอื่นๆ กำลังยืนมองผู้หญิงคนนึง เอาโทรศัพท์แนบหู พร้อมกับปรับสีหน้าให้เครียดขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนดูลุ้นมากว่ะ
 
“ห้ะ?"
 
"แล้วทำไมไม่โทรบอกพวกกู?”
 
“ให้มันได้อย่างนี้สิ มึงห่วงพวกกูแล้วตัวมึงอ่ะ มึงอายุเท่าไหร่วะ มึงคิดได้แค่นี้ใช่มั้ย?"
 
ผมยืนมองเงียบๆครับ แต่เหมือนเพื่อนเขาจะโกรธขึ้นเรื่อยๆ
โหดชะมัด...
 
ปกติผมติดจะไม่ชอบพวกผู้หญิงบีบเสียงเล็กๆ แล้วร้องกรี้ดๆ
แต่คนตรงหน้านี่ไม่ใช่เลยครับ ยิ่งโกรธเสียงเสียงยิ่งเย็น เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
 
ลึกๆก็รู้สึกวางใจ เพราะยิ้มหวานใจดีอ่ะ ดีกับคนไปทั่ว
มีเพื่อนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน....
 
“....ไม่! ทำไมกูต้องไม่โกรธมึง คุยกับไอ้หมอไป"
 
พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมซะดื้อๆ
 
"จัดการมันเลย แม่งรถเสียแล้วกลัวเพื่อนเป็นห่วง เลยนั่งรอช่างอยู่คนเดียวเนี่ย แล้วตรงนั้นก็โคตรมืด"
 
ได้ยินอย่างนั้นปั๊บผมก็ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา สามทุ่มกว่าแล้ว
แล้วยังนั่งอยู่คนเดียวเนี่ยนะ?!
 
ผมรับโทรศัพท์มาแล้วรีบพูดลงไปอย่างรีบร้อน
แม่ง – น่าตีว่ะ!
 
“อยู่ไหน?”
 
“หมอ...เรา...”
 
“อยู่ไหน?” [/b]
 
เสียงพูดผมห้วนกว่าเดิม
เป็นห่วงนี่ โทษที
 
คือผมไม่ได้โกรธอะไรเขามากมายนะ แต่รู้สึกโมโหนิดๆเหมือนเวลาโดนยัยน้องสาวดื้อใส่ว่ะ
ประมาณนั้นมากกว่า....
 
“อาคารจอดรถอ่ะ"
 
“เดี๋ยวไปหา"
 
“ไม่เป็นไร ช่างจะมาแล้ว"
 
“จะให้โกรธจริงๆใช่มั้ย รออยู่ตรงนั้นเลย เดี๋ยวโทรหา แค่นี้นะ"
 
พูดจบผมก็วางสายแล้วคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของไป เพื่อนเขารับโทรศัพท์คืนไป พร้อมกับถามสั้นๆ
 
“จะไปเอง?”
 
เพื่อนยิ้มหวานถามผมแบบนั้น ก่อนจะมองด้วยความไม่มั่นใจ
 
“อืม เห็นบอกว่าช่างจะมาแล้ว เดี๋ยวคงไปรอเป็นเพื่อนแหละ ผู้หญิงหลายๆคนอย่าไปเลย อันตรายว่ะ ตรงนั้นโคตรมืด"
 
“ไว้ใจแกได้ใช่ป่ะ?”
 
“มากโคตร สาบานเลย! เอาบัตรประชาชนไปเก็บไว้ก่อนเลยมั้ย?”
 
ผมพูดแล้วยิ้มมุมปากนิดนึงพร้อมยักคิ้ว แล้วทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกง พอเพื่อนเขาเห็นอย่างนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาห้ามกัน
 
“พอๆ ตลกละหมอ รีบไปหามันเหอะไป" 
 
ผมรับคำ แล้วหันไปมองพวกเพื่อนๆที่มันแยกกันไปยืนรุมเยาะเย้ยไอ้เบอร์ 2 ต่อ ตอนที่ได้คำตอบแล้วว่าคนก่อเรื่องอยู่ที่ไหน
ผมบอกลาเพื่อนๆของเขา ก่อนจะแยกมาคุยกับพวกมันแบบที่เร็วที่สุด
 
เรื่องของเรื่องคือวันนี้ผมไม่เอารถมา โหนบีทีเอสแบบง่วงๆมาเรียนตั้งแต่เช้า
แล้วก็วางแผนไว้แล้วว่า จากที่นี่ไปคณะของคนที่รออยู่ นั่งวินมอ'ไซไปน่าจะเร็วที่สุด
เอารถยนต์ไปก็ติดเปล่าๆ  บอกลาพวกมันพร้อมขอบคุณสั้นๆเสร็จก็แทบจะวิ่งออกจากตรงนั้น
 
ผมเดินไปหน้าลิฟต์โดยเร็วที่สุด แต่ก็กดโทรศัพท์ต่อสายอีกคนไปด้วย รอไม่นานเขาก็รับ
เสียงหงอได้อีก
 
“ฮัลโหล...”
 
“อยู่คนเดียวใช่มั้ย?”
 
ผมกำลังลงลิฟต์แล้วครับ ไม่นานน่าจะถึง
 
“อืม...”
 
“แล้วรถเป็นอะไร"
 
“มันสตาร์ทไม่ติดอ่ะ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน"
 
“อืม อย่าวางสายนะ กำลังรีบไป"
 
“อืม...”
 
ผมถือโทรศัพท์ที่ต่อสายเอาไว้ตลอด แล้วก็ถามเป็นระยะๆว่ายังอยู่ไหม
ก่อนจะวิ่งไปขึ้นมอ'ไซบอกว่าจะไปไหน แถมยังกำชับว่าขอแบบเร็วที่สุด
 
ขอบคุณพี่วินมอไซ – แทบพากูบินข้ามสี่แยกครับ
 
แป้บเดียวก็เข้ามาถึงที่ๆยิ้มหวานอยู่ แต่ยังต้องวิ่งจากประตูเข้าไปตรงที่จอดรถอีก
เหงื่อท่วมแล้วตอนนี้...
 
ยิ่งมาเห็นที่เขานั่งอยู่ก็ยิ่งโมโหครับ
ตรงนี้มืดมาก และรถเขาก็ไม่ได้เปิดไฟหน้าเอาไว้ด้วยซ้ำ
 
ฝ่ายนั้นเหมือนจะสังเกตเห็นผมก่อน เลยลงจากรถที่เปิดประตูทิ้งไว้แล้วยืนรอผมอยู่
พร้อมกับโบกมือให้มาแต่ไกลกับหน้าหงอยๆ
 
“เรา...เราขอโทษ"
 
คือผมก็อยากจะยิ้มแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ
แต่อีกส่วนก็ยังรู้สึกแบบ – ถ้ามีปัญหาแล้วจะไม่บอกใคร ทิ้งให้ตัวเองอยู่คนเดียวแบบนี้
จะมีผมไว้ทำไมวะ?
 
“อืมๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"
 
“อื้อ-- ไม่โกรธดิ”
 
“ไม่โกรธแล้วจริงๆ"
 
“แต่หน้ากับเสียงไม่ใช่เลย"
 
เหมือนเขายังจับน้ำเสียงได้ ว่าตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ตรงนี้มืดมาก แต่ยังดีที่ไฟถนนที่ส่องเข้ามาก็ช่วยได้มาก
นึกขอบคุณที่มหาลัยอยู่กลางเมืองก็วันนี้...
 
“ขอโทษจริงๆ ทำให้วุ่นวายกันไปหมดเลย รู้สึกผิดว่ะ"
 
“ก็อย่าทำอีก"
 
“หายโกรธเราได้แล้วนะ -- นะะะ”
 
พูดจบเขาก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วเลื่อนมือมาจับมือผมไปกุมเอาไว้แบบที่นิ้วทั้ง 5 ของเราประสานกัน
แล้วก็กระตุกแขนผมซ้ำๆ
 
ถามจริง เจอแบบนี้ใครจะยังโกรธต่อไหวอีกวะ?
 
“ใจเย็นๆ เราโอเคแล้ว เราไม่เป็นอะไร อย่าทำหน้างี้ดิ"
 
“ไม่ได้โกรธ – แค่ไม่ชอบที่ห่่วงคนอื่นจนไม่ห่วงตัวเองแบบนี้"
 
“อืม... ก็เพื่อนเราเป็นผู้หญิงหมดเลย ถ้าบอกพวกมัน มันก็ต้องมานั่งรอมืดๆแบบเรา อันตรายดิ"
 
“แต่ถ้าเพื่อนมา อย่างน้อยก็ยังเปิดไฟหน้ารถส่องให้ได้ อยู่หลายคนยังไงก็ปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียวมั้ย?”
 
“...”
 
“แล้วเราอ่ะ? มีไว้ทำไม ทำไมไม่โทรบอก?”
 
เขาหน้ามุ่ยครับ คราวนี้เถียงไม่ออก...
ผมมองหน้าหงอยๆของเขาแล้วในที่สุดก็ใจอ่อน...ยกมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ขึ้นไปขยี้ผมเขาเบาๆสองสามที ก่อนจะพูดต่อ
 
“โอเคๆ ไม่ดุละ ไปนั่งรอที่รถกัน"
 
ตอบรับผมเสร็จเขาก็ทำท่าจะปล่อยมือที่จับมือผมอยู่ -- แต่ใครจะยอมวะ?
 
แทนทีจะปล่อยให้นิ้วมือของเขาคลายออก ผมกลับจับมือแน่นเข้า
จนเจ้าของมือที่ผมกุมมือต้องหันมาหรี่ตาใส่ แต่ก็ยอมให้ผมจูงมือเดินไปหยุดพิงรถเขาเอาไว้
พอได้ที่ยืนเรียบร้อย เขาก็ยกมือถือขึ้นมาให้ผมดู
 
“ดูเพื่อนเราไลน์มาดิ"
 
*หมอมันฆ่าแกแน่
*ท่าทางมันโกรธมากว่ะ
*แผ่ออร่าดาร์คทำลายล้างสุดๆ
*เรียกรถพยาบาลเลยมึง
*ไม่ทันมีผัวก็จะโดนซ้อมซะละ
*เฮ้อออออ

 
ผมหลุดขำออกมานิดหน่อยกับสิ่งที่เพื่อนเขาส่งมา
ก่อนจะได้ยินเขาพูดขึ้น
 
“...ซะที"
 
“หื้อ?”
 
“ทำหน้าเหมือนเดิมสักที"
 
เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยรู้หรอกครับว่ากำลังทำหน้ายังไง
คือรู้สึกยังไงก็แสดงออกไปแบบนั้นป่ะวะ?
 
“แล้วเมื่อกี้หน้ายังไง?”
 
“หน้าแบดอ่ะ"
 
พูดถึงสีหน้าของผมแล้วขำนี่มันดีป่ะวะ?
 
“แบด? บี-เอ-ดี อ่ะนะ?”
 
“เปล่า -- หน้าเหมือนแบดแบดมารุอ่ะ ตัวสีดำๆที่บนหัวมีสามเหลี่ยมสามสี่อัน รู้จักป่ะ?"
 
ไอ้หัวแหลมๆที่ตาบนเป็นขีดตรงเนี่ยนะ?
คือผมก็มีน้องสาวที่ชอบซื้อของพวกนี้เป็นชีวิตจิตใจ โดนลากไปช่วยเลือกก็บ่อยอยู่เลยพอรู้จักบ้าง
จำได้ว่าไอ้ตัวนี้มันหน้าตากวนตีนผิดกับตัวอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดครับ พอได้ยินชื่อก็นึกภาพขึ้นมาได้ทันที...
 
ระหว่างที่ผมกำลังขมวดคิ้วเข้ากับคำตอบที่ได้ยิน
เขาก็ส่งยิ้มมาให้ผมเจือเสียงหัวเราะ เห็นแค่นั้นผมก็ยอมแพ้
เอาวะ – ยอม...
 
“ปล่อยมือเราด้วย ไม่เนียน!”
 
พูดจบเขาก็ฉวยโอกาสดึงมือตัวเองออก ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มขำ
ทำไมน่ารักนักวะ?
 
เขาดึงชายเสื้อให้ผมขยับห่างออกมาจากรถ แล้วเปิดประตูออก
 
“เข้าไปนั่งดิ จะได้ไม่ต้องยืน เมื่อย~”
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ แล้วก็รู้สึกว่าไอ้รถสวยๆยี่ห้อนี้แม่งเล็กชะมัด
เข่าจะชนอยู่แล้ว -_-
 
ก่อนอีกคนจะเดินอ้อมรถไปนั่งตรงที่นั่งอีกฝั่ง
 
“สักพักเดี๋ยวช่างก็มาแล้วมั้ง"
 
เขาพูดพลางยกมือถือขึ้นมา เหมือนจะไลน์บอกเพื่อนๆว่าผมถึงแล้ว
ก่อนจะหันมายิ้มให้กัน
 
“ร้อนอ่ะดิ เมื่อกี้วิ่งมาด้วย เหงื่อออกเต็มเลย"
 
พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมาพัดใส่ผม ก่อนจะขยับตัวไปหาอะไรก็ไม่รู้จากหลังเบาะ
แล้วหันกลับมากับน้ำขวดเล็กๆพร้อมทิชชู่เปียกที่เจ้าตัวเคยแนะนำให้ผมรู้จัก
 
“อ่ะ กินน้ำ เช็ดหน้า"
 
ถึงแม้เราจะเปิดประตูรถเอาไว้ทั้งสองฝั่ง แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดีแหละครับ
ผมทั้งดื่มน้ำ เช็ดหน้าจนรู้สึกสดชื่นขึ้นนแล้วจริงๆ ก็หันมาหาคนข้างๆที่นั่งมองผมแล้วยิ้มขำๆ
 
เห็นหน้ายิ้มๆของคนที่ทำเอาคนอื่นเค้าห่วงกันไปหมด แล้วก็นึกอยากจะดุขึ้นมาอีก
 
“พูดจริงๆนะ แบบวันนี้ไม่เอาอีกแล้วนะ ยิ้มหวาน"
 
“อ...อื้อ รู้แล้ว ไม่ทำแล้วจริงๆ"
 
พูดจบก็ยิ้มอ้อนผมอีกยก
จะเล่นงานกันจนกว่าผมจะหมดทางสู้จริงๆสินะ
 
“วันที่ไปส่งกลับบ้านวันแรกบอกอะไรไว้จำได้ป่ะ?”
 
เขาเหมือนจะกำลังนึกอยู่นิดหน่อย แล้วก็หันมาพยักหน้าใส่ผม พร้อมเม้มปากเขินๆ
ผมบอกว่ากำลังจีบเค้าอยู่
 
“เวลาจีบคนอื่นอ่ะ ใครๆเค้าก็อยากโชว์แมนใช่มั้ย? -- เปิดโอกาสให้โชว์มั่งดิ"
 
“...”  ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมามองผม ยิ้มให้ ก่อนจะหยักหน้ารับ
 
“ถ้าอย่างนั้น วันหลังมีอะไรต้องรีบบอกนะ บอกคนแรกได้ยิ่งดี โอเคปะ?”
 
“โอเคครับ" ^ ^
 
“...”
 
“เรื่องวันนี้ขอบคุณนะ"
 
“อืม – เต็มใจว่ะ"
 
“ก็รู้ว่าเต็มใจ อยากขอบคุณไม่ได้รึไง?”
 
“โอเค"
 
วันนี้จะไม่ยอมให้ผมชนะสักเรื่องเลยสินะ?
 
 
,
 
 
สักพักช่างก็มาถึงครับ  ดูๆเช็คๆไม่นานแล้วก็พบว่าปัญหาน่าจะเป็นที่แบตเตอร์รี่ เขาเลยจัดการให้มันใช้ได้ชั่วคราวไปก่อน แล้วพรุ่งนี้จะไปรับรถจากที่คอนโดมาเช็คดูอีกที
 
เอาจริงๆ เรื่องแบบนี้โคตรเกินความสามารถผมเลย
ถ้ารถผมเสียเหมือนกันก็คงต้องนั่งรอช่างแบบเขานี่แหละ -- สงสัยต้องไปหัดซ่อมรถบ้างแล้วว่ะ
 
ผมยืนดูพี่ช่าง 2 คน ช่วยกันทำโน่นทำนี่อยู่ไม่นาน ในที่สุดมินิคันจิ๋วของเขาก็กลับมามีชีวิตเหมือนเดิม
 
คนข้างๆผมขอบคุณพี่ช่างซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งพี่เขาขับรถออกไป
ก่อนที่เขาจะได้หันกลับไปขึ้นรถ ผมก็ยื่นมือออกไปตรงหน้าเขาแล้วกระดิกนิ้วนิดหน่อย
 
เห็นอย่างนั้นเขาก็หันมามองหน้าผม แล้วขมวดคิ้วให้เหมือนจะถามว่า อะไร?
 
“เอากุญแจมา เดี๋ยวขับให้"
 
แว้บแรกที่เขาได้ยินผมพูดอย่างนั้น เจ้าตัวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ จนผมต้องพูดซ้ำ
 
“เหอะน่า นั่งรถที่เราขับกี่รอบแล้ว? เชื่อมือดิ!"
 
“ไม่ได้ไม่เชื่อ แต่รถเราเราขับเองก็ได้"
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันไปสบตากับเขา แล้วย้ำอีกครั้ง
 
“ก็อยากขับให้ -- อยากขับมินิสักครั้งในชีวิตมาตั้งแต่เด็กๆแล้วเนี่ย นะ...”
 
เขามองสีหน้าผม แล้วย่นจมูกใส่ ก่อนจะยอมยื่นกุญแจให้กันในที่สุด พร้อมกับบ่นออกมา
“ทำเป็นอ้อน"
 
ทนไม่ไหวว่ะ – ผมแอบทำท่าดีใจนิดนึง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถบ้าง เพื่อจะพบว่า รู้สึกเหมือนเข่าจะชนพวงมาลัยยังไงไม่รู้
 
พอผมขึ้นมาเขาก็อธิบายคราวๆว่าอะไรอยู่ตรงไหน ก่อนที่ผมจะขับรถออกมาช้าๆ
พร้อมกับได้ยินเสียงคนข้างๆพูดขึ้นมาลอยๆ
 
“ถ้ารถดับกลางทางเราจะขึ้นแทกซี่กลับแล้วปล่อยให้คนขับเข็นรถต่อจนกว่าจะถึงคอนโดเรานะ"
 
ได้ยินที่เขาพูดแล้วผมก็หลุดขำออกมา ก่อนจะตอบกลับไป
 
“คนแถวนี้ไม่ใจร้ายหรอกน่า"
 
“ใครบอก? เราใจร้ายจะตาย"
 
ผมเหลือบมองเขานิดหน่อย ก่อนจะเห็นว่าเล่นโทรศัพท์อีกแล้ว จนต้องทัก
 
“ติดมือถือนะเราน่ะ"
 
“อือ แม่เราก็บ่น แต่เพื่อนเราไลน์กันทั้งวันอ่ะ บางทีก็แค่เข้าไปตามอ่านเฉยๆ ไม่ได้พิมพ์อะไรหรอก – คนแถวนี้ก็ติดพอกันเหอะ"
 
“ไม่เถียงครับ"
 
พอเขาพูดออกมาแบบนี้ผมถึงได้นึกออก
 
"เออใช่! ฝากตอบไลน์หน่อยดิ ไอ้พวกนั้นมันบอกว่าจัดการเรื่องรถเรียบร้อยแล้วให้รายงานด้วย มือถืออยู่ในกระเป๋ามั้ง"
 
จำได้ว่าหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วหย่อนลงไปในกระเป๋าถือนะ
 
“ได้ๆ งั้นเราขอเปิดกระเป๋านะ"
 
"เอาดิ รื้อก็ได้ ไม่หวง"
 
"ใครจะไปรื้อเล่า"
พูดจบเขาก็เปิดกระเป๋าผมแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะหันมาทำหน้ามุ่ยใส่
"มันล็อคอ่ะ"
 
“พาสเวิร์ด 2512ไลน์ก็เหมือนกัน”
 
“โอเค" 
 
แล้วเขาก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะถามออกมาอีก
 
“เราต้องตอบกรุ๊ปไหนเนี่ย?”
 
คำถามของเขาทำให้ผมหลุดขำ ก่อนจะตอบชื่อกรุ๊ปออกไป อายปากเหี้ยๆครับบอกเลย
 
"กรุ๊ป หล่อสัดรัสเซีย"
 
“อันนี้อ่ะนะ...เจอละ"
 
“อืม ฝากบอกหน่อยว่าช่างมาทำรถเรียบร้อยแล้ว กำลังกลับละ"
 
“โอเค...”
 
เขาเงียบไปสักพักครับ ผมเองก็ไม่ได้มองเขาเลย
เพราะไม่คุ้นมือกับรถคันที่ขับอยู่เท่าไหร่ เลยต้องตั้งใจขับเป็นพิเศษ
 
“เพื่อนตอบมาละ ว่าอย่างนี้ – เออดีละ กลับบ้านดีๆนะมึง ดูแลยิ้มหวานของกูด้วย"
 
พอเขาอ่านมาถึงนี่ผมนี่หลุดปาก สัด! ออกมาเบาๆ จนเขายังขำตาม
 
“มีอีกๆอย่างนี้ – เดี๋ยวนี้คำพูดคำจามุ้งมิ้งนะไอ้เหี้ย อยู่กับคนน่ารักก็ต้องทำเป็นเปิดโหมดอ่อนโยน ตอแหลไอ้ห่า ผีเข้ามึงใช่มั้ยไอ้หล่อ"
 
เชื่อมั้ยครับ – สารพัดคำหยาบที่พวกผมพิมพ์กันในไลน์นี่
พอถูกคนข้างๆผมอ่านออกเสียง ทุกอย่างก็ดูเลวน้อยลงเกินครึ่ง
 
“หมดละ"
 
“ตอบดิ"
 
“ให้เราตอบว่าไงอ่ะ?”
 
“อะไรก็ได้ ตามใจ ตอบไปเลย"
 
“แน่ใจอ่ะ?”
 
“อืม...ตอบเลย!"
 
เขาเงียบไปอีกรอบครับ น่าจะตอบไลน์อยู่
จนผมต้องชวนคุยต่อ
 
“ยังไม่ได้กินข้าวเย็นอ่ะดิ?”
 
“เจอหน้าเราทีไรก็ชวนกินตลอดอ่ะ"
 
“ก็ไม่รู้จะถามอะไร วันหลังอยากให้ถามอะไรล่ะ?”
 
“นั่นดิ ก็ไม่รู้เหมือนกัน"
 
“หวัดดี วันนี้อุณหภูมิกี่องศาวะ โคตรร้อนเลย เปิดแอพดูให้หน่อย – พรุ่งนี้เอาแบบนี้ดีมั้ย?”
 
“บ้าดิ" เขาพูดพลางหัวเราะออกมา แล้วเลื่อนศอกมาจิ้มต้นแขนผม
 
"แต่ก็หิวจริงๆนั่นแหละ...”
 
เขาพูดออกมาสั้นๆ แล้วทำหน้ายู่ จนผมต้องหลุดขำก่อนจะถามต่อ
 
“อยากกินอะไรอ่ะ?”
 
“ไม่รู้ หิวนะ แต่ก็ดึกแล้ว"
 
“หิวก็กินดิ"
 
“ก็อยากกินอยู่ แต่วันก่อนใครแซวอ่ะ ว่าในรูปเราพุงป่อง"
 
ผมเองแหละครับ --  จะใครซะอีก -_-
ก็เขาไปออกงานมา แล้วใส่สูทแบบติดกระดุมคู่ แล้วเสื้อมันก็ป่องออกมานิดหน่อย
น่ารักดิ ผมเลยแซว จริงๆเพราะเห็นว่าเขาติดนิสัยกินขนมด้วยแหละ
 
ผมหัวเราะคำพูดของเขา ก่อนจะสรุปให้เสร็จสรรพ
 
“แยกหน้ามีโจ๊กร้านนึงอร่อยมาก เดี๋ยวแวะกินกัน"
 
“โอเค ถ้าได้ยินใครบ่นว่าเราอ้วนเราจะตี"
 
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำ แล้วปล่อยมือจากพวงมาลัยข้างนึง แล้วยื่นมาตรงหน้าเขา
 
“อ่ะ ตีเลย"
 
เขาตีมาจริงๆครับ หนึ่งทีเบาๆ
แปลกดีที่ผมโดนตีแต่กลับหัวเราะออกมาซะอย่างนั้น
 
,
 
 
ห้าทุ่มกว่าแล้วแต่ลูกค้าที่ร้านโจ๊กยังนั่งกันอยู่เยอะพอตัวเลยครับ ผมจอดรถเทียบฟุตบาทหน้าร้านแล้วเดินเข้าไปในร้านกับคนข้างๆ
 
สั่งโจ๊กเรียบร้อยเราก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะตัวนึงที่ว่างอยู่
ตอนนั้นเองที่คนตรงหน้าส่งโทรศัพท์คืนมาให้ พร้อมกับพูดออกมา
 
“ไม่หวงมือถือเลยเนอะ"
 
“หวงกับบางคน – ไม่หวงก็กับบางคน"
 
“แหวะ"
 
เขาพูดออกมาทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับแลบลิ้นนิดหน่อย
น่ารักอยู่ดีนั่นแหละ
 
“แหวะอะไร เดี๋ยวเฮียแกก็เอากระบวยตักโจ๊กมาฟาดหรอก"
"เราไม่ได้แหวะโจ๊ก -- เราแหวะหมอนั่นแหละ ถ้าเฮียมองมา เราจะชี้หมอเลย"
"ครับๆ"
 
ผมไม่เถียงต่อ แล้วปลดล็อคมือถือ ตั้งใจจะเข้าไปดูในไลน์กรุ๊ปว่าคุยกันไปถึงไหน
เลื่อนย้อนขึ้นไปนิดหน่อย ผมก็เห็นสิ่งที่เขาพิมพ์ตอบที่เพื่อนๆผมพิมพ์มา
 
*เดี๋ยวนี้คำพูดคำจามุ้งมิ้งนะไอ้เหี้ย
*อยู่กับคนน่ารักก็ต้องทำเป็นเปิดโหมดอ่อนโยน
*ตอแหลไอ้ห่า
*ผีเข้ามึงใช่มั้ยไอ้หล่อ
 
*นี่ไม่ใช่หมอ
*นี่โจรขโมยไอโฟนหมอครับ
* ^ ^

 
*โอ๊ย  อิจฉาแม่ง
*ขนาดไลน์มึงยังไม่ตอบเองนะเดี๋ยวนี้

 
และคำด่าอื่นๆตามมาอีกมากมาย...
 
ผมมองคนที่นั่งยิ้มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงหน้า
แล้วหรี่สายตามองคาดโทษ
 
แสบนักนะยิ้มหวาน
 


 
tbc.
 


 
❤ ❤ ❤


talk
พอบอกว่าจะลงให้ได้วันละตอนก็ไม่ได้ลงซะงั้น
ช่วงนีชีวิตเราตะกุกตะกักนิดหน่อยค่ะ คือน้องแมคบุ๊คเราป่วย
นางเปิดไม่ติดไปซะอย่างนั้น เธอไปไม่ลาสักคำ...ไม่ทันได้เตรียมใจ -_-
จริงๆดับหลายวันแล้ว ที่ร้านบอกคีย์บอร์ดตายค่ะ รอของมาส่งอยู่ โถ่ถัง
เราเลยต้องขโมยคอมน้องลง อาจจะหายแว้บๆ เป็นระยะน้า

อีกเรื่อง มีคนถามเรื่องชื่อตัวละครกันมาเยอะมากเลย : )
ตอนแรกว่าจะไม่บอก ให้เดากันไปเรื่อยๆว่าจะมีชื่อตัวละครมั้ย
เรื่องของเรื่องคืน เราเริ่มเขียนเรื่องนี้ ด้วยความตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องสั้นตอนเดียวจบค่ะ
เขียนไปเขียนมาติดใจ เลยเขียนต่อเรื่อยๆ (ตอนนี้สิบตอนแล้วค้าบบบ)
แต่เราก็ไม่อยากเปลี่ยน concept ที่เราคิดไว้ตอนแรก ว่าตัวละครจะไม่มีชื่อค่ะ
เรื่องมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งเราว่ามันก็นา่รักดีนะ  : )
รึเปล่า?
แล้วก็ ในเนื้อเรื่องบอกเอาไว้แล้วด้วยค่ะ
ว่าทั้งสองคนได้ผ่านการ 'ส่อง' กันและกันมาก่อนหน้าที่จะเจอได้คุยกันแล้ว
แสดงว่าก็ต้องรู้จักชื่อกันอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะะะ

ดังนั้น ด้วยเกียรติของเนตรนารีขอสัญญาว่า
เด็กสองคนนี้จะไม่มีชื่อไปจนจบเรื่องค่ะ : )


ขอบคุณที่รักเจ้าสองคนนี้มากๆเลยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2015 20:24:45 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ pimBNY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #255 เมื่อ22-05-2015 20:55:17 »

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #256 เมื่อ22-05-2015 21:12:23 »

ชื่อมีไม่มีไม่สำคัญอย่างนี้ก็น่ารักดีแล้ว หุบยิ้มไม่ลงอ่ะ :-[
ปล.เราจิ้นเป็นหมอแมนกับพี่อินไปละ  :laugh:

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #257 เมื่อ22-05-2015 21:27:04 »

แอร๊ยยยยรออ่านทั้งในเด็กดีและในเล้าเป็ดนะคับ

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #258 เมื่อ22-05-2015 21:36:23 »

อิหมอ อิตอแหล คนเจ้าเล่ห์
ยิ้มหวานน่าจะเมมว่า
คนเจ้าเล่ห์ เนาะ
น่าจะเหมาะกับอิหมอมันดี
 :m26:

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #259 เมื่อ22-05-2015 21:37:20 »

คือยิ้มไม่หุบเลยอ่ะ

น่ารักกันมากๆๆๆ :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
« ตอบ #259 เมื่อ: 22-05-2015 21:37:20 »





ออฟไลน์ pajajahaha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #260 เมื่อ22-05-2015 21:54:04 »

น่ารักกกก รักกันเบาๆ o13 :laugh:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #261 เมื่อ22-05-2015 22:05:54 »

โอ๊ยมันน่ารักมุ้งมิ้ง ไม่มีตอนไหนที่อ่านแล้วไม่ยิ้มอ่ะ
ไปหารูปน้องอินมาประกอบการจิ้นยิ้มหวาน ฟินสุด

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #262 เมื่อ22-05-2015 22:08:23 »

โอ้ยน่ารัก ยิ้ทหวานน่ารักโคตรรรรร

ออฟไลน์ brave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #263 เมื่อ22-05-2015 22:13:52 »

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :hao7:

ออฟไลน์ Chrysan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #264 เมื่อ22-05-2015 22:17:23 »

ไม่ต้องมีชื่อ
มีแค่'ยิ้มหวาน'กับ'หมอ'ก็พอแล้ว
        :impress2:
ยิ้มหวานเป็นโจรขโมยมือถือที่น่ารักที่สุดในโลก

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #265 เมื่อ22-05-2015 22:18:39 »

โอ้ย! คือน่ารักมากอ่ะคู่นี้ งื้อ~ >o<

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #266 เมื่อ22-05-2015 22:20:47 »

นับวัน "ยิ้มหวาน" ยิ่งน่ารักขึ้นทู้กวัน  :-[

ออฟไลน์ mickymod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #267 เมื่อ22-05-2015 22:34:46 »

 :-[ :-[ :-[ อ่านไปยิ้มไป ปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว

น่ารัก มุ้งมิ้งมากๆ ฟินไปแปดตลบ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #268 เมื่อ22-05-2015 22:41:22 »

ชื่อไม่ใช่ปัญหาละตอนนี้  น่ารักฟรุ้งฟริ้งขนาดนี้ น้ำตาลขึ้นสูงมาก อนาคตอาจจะเป็นเบาหวานได้   :laugh:   :-[

ออฟไลน์ ao16

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +253/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [06-07] <22.05.15> page9
«ตอบ #269 เมื่อ22-05-2015 22:53:44 »

 :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด