[ 9 ]
แล้ววันนี้มันก็จบลงแบบที่ผมเดาเอาไว้ไม่มีผิด....
แค่เห็นหน้าเฮีย ผมก็แทบไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยครับ ว่าหลังจากคอนเสิร์ตของชมรมโฟล์คซองจบลงเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจะ
'ไปต่อ' กันที่ไหน
...และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในร้านเหล้าบรรยากาศสบายๆใกล้กับมหาลัย เพื่อร่วมยินดีกับประธานชมรมโฟล์คซองคนใหม่ที่ผมเองก็เพิ่งรู้จัก และเลี้ยงอำลาพี่ชายคนสนิทของผม จากตำแหน่งประธานคนก่อนอีกด้วย
คือ... พวกรุ่นพี่รุ่นน้องชมรมโฟล์คซองที่เขามากันเต็มร้านนี่ ผมวุ่ไม่แปลกเท่าไหร่ แต่ผมกับเพื่อนอีกสองคน รวมไปถึงยิ้มหวานกับเพื่อนซี้ของเขาที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมที่ดันนั่งอยู่จนจบคอนเสิร์ตนี่สิ อยู่ดีๆก็โดนเขาลากมาด้วยซะอย่างนั้น
ตอนแรกผมเองก็ประหม่าอยู่หรอกครับ
แต่มิตรภาพมันพัฒนาได้รวดเร็วเสมอ
เมื่อมีแอลกอฮอล์เป็นตัวเร่งปฏิกริยา
เชื่อหมอดิ! ดังนั้น พอเหล้าเข้าปากไปสักแก้วสองแก้ว ประกอบกับโดนแซวเรื่องที่ร้องเพลงจีบสาว(?)บนเวทีบ่อยๆเข้า เท่านั้นแหละครับ ผมก็สนิทกับคนทั้งชมรมไปโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ผมนั่งคุยอยู่กับพี่ประธานชมรมคนใหม่ที่เดินเข้ามาตบไหล่ผมแรงๆสองสามทีหลังจากโดนเหล้ากรอกปากไปเกือบชุดใหญ่ ท่าทางน่าจะยังไม่เมาหรอกครับ คงจะแค่มึนๆ พี่แกพูดกับผมห้วนๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นมาชน
"มึงแม่งของจริงว่ะ"
"อะไรวะพี่?” ผมถามต่อ
"ตอนแรกกูได้ยินคนพูดถึงมึงเยอะโคตรว่ะ ว่ามึงอย่างนั้น มึงอย่างนี้พวกเด็กปี 1 คณะกูนี่ก็เอาแต่พูดเรื่องมึง พูดตรงๆเลย ตอนแรกกูคิดว่ามึงก็แม่งขี้เก็กคนนึง แต่พอกูมาเจอตัวจริงมึงนะ --
มึงแม่งก็ขี้เก็กอย่าที่กูคิดเอาไว้จริงๆ"
"อ่าว...."
"แต่มึงแม่งเจ๋งงงง กูว่ามึงแม่งไม่ธรรมดา ต่อไปนี้ มึงกับกูเพื่อนกัน อ่ะ ชนๆๆ หมดแก้วนะมึง!"
ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้รุ่นพี่คนนี้คิดว่าผมไม่ธรรมดา แต่ผมก็ชนแก้วกับเขาแล้วดื่มจนหมด
พอหันมาอีกทางนึงผมก็เห็นว่ายิ้มหวานกำลังมองมาทางนี้พอดี แล้วก็หลุดยิ้มขำๆออกมา เห็นอย่างนั้นผมเลยต้องขยับปากถามแบบไม่มีเสียงว่า
'ขำอะไร?' ทั้งๆที่เรานั่งอยู่ตรงข้ามกันโดยมีโต๊ะตัวไม่ใหญ่มากคั่นกลาง
เขาไม่ตอบผม แต่กลับยักไหล่กลับมาแล้วหันไปชวนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆกันคุยแทน ผมยังคงส่งยิ้มให้คนที่มองไปทางอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะกลับมาคุยกับรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆตัวอีกครั้ง เรื่องกีต้าร์ตัวที่เขาใช้เล่นตอนขึ้นไปร้องเพลงบนเวที
พี่เขามีกีต้าร์รุ่นที่ผมชอบเลยครับ ถามดูแล้วเลยรู้ว่าพี่แกประมูลลูกชายสุดที่รักมาจากญี่ปุ่น พ่อให้เก็บเงินซื้อเองจนทำเอาพี่แกต้องกินขนมปังจิ้มนมแทนข้าวไปเป็นเดือน
"ถ้าอยากเล่นมึงก็แวะมาห้องชมรมดิ เดี๋ยวกูให้ลองเล่น ไปละ กูไปเตรียมตัวก่อนว่ะ เดี๋ยวแม่งต้องขึ้นเล่นดนตรีอีก "
ผมมองตามหลังพี่แกที่กำลังเดินเข้าไปทางหลังร้านแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า
สถานที่แบบนี้มันไม่ได้มีแต่โทษหรอก มันอยู่ที่เราเลือกเรียนรู้สิ่งดีๆจากมันบ้างรึเปล่า
ปรัชญาวงเหล้าว่ะ!
คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อน พอหันกลับมาผมก็เห็นเขา... คนที่ดึงดูดสายตาของผมอยู่เสมอ
เขาคนที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนสนิทคนเดิม และรุ่นพี่ผู้หญิงจากคณะเดียวกัน
สักพักรุ่นพี่คนนั้นก็ขอตัว แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปที่หลังเวทีอีกคน เพราะต้องไปเตรียมตัวขึ้นร้องเพลง พร้อมกับที่เพื่อนของยิ้มหวานก็ลุกขึ้นแล้วชวนเขาไปห้องน้ำ
ได้ยินที่เพื่อนพูดปุ้บ เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยแล้วรีบตอบทันที
"ไอ้บ้า กูเข้าไปกับมึงได้ที่ไหนล่ะ!"
คนฟังหัวเราะรับ ดูๆแล้วก็น่าจะจงใจแกล้งนั่นแหละครับ ก่อนที่เพื่อนเขาจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังมุมหนึ่งของร้าน
สายตาของผมไม่ได้ติดตามเพื่อนของเขาไปเหมือนเจ้าตัว แต่ยังคงถูกล็อคเอาไว้กับคนตรงหน้า พอเห็นว่าที่นั่งข้างๆเขาว่างทั้ง 2 ฝั่ง ผมก็ยิ้มออกมาเพราะความคิดในใจ
อย่าพยายามเดาว่าผมจะทำอะไรครับ
เพราะมันจะถูก....หลังจากเพื่อนของยิ้มหวานลุกไปเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดเช็คตามความเคยชิน นั่นทำให้เขาตัดขาดจากสิ่งรอบตัวเป็นที่เรียบร้อย
ผมมองเขาจนรู้ตัว และทำให้ดวงตาสดใสคู่นั้นเงยขึ้นมามองผม แล้วเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่า
มีอะไร?ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะจับแก้วของตัวเองเอาไว้แล้วลุกขึ้นเดินอ้อมโซฟาที่ไอ้เบอร์ 2 นั่งก้มหน้าก้มตาตอนไลน์แฟนมันอยู่ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆยิ้มหวาน พร้อมกับถามขึ้นมาเบาๆ
"เมื่อกี้ขำอะไร?"
เขาหันมามองหน้าผมแล้วขมวดคิ้วใส่ แถมยังไม่ยอมตอบคำถามกันอีก
สายตาของเขากลับไปอยู่ที่โทรศัพท์อีกครั้งพร้อมกับที่ผมชะโงกหน้าไปดูหน้าจอของเขาอีกคน แล้วเห็นว่ายิ้มหวานกำลังเช็คว่ามีใครแทครูปอะไรมาบ้าง
เห็นเป็นคนสบายๆอย่างนี้แต่เจ้าตัวเขาหวงลุคโคตรๆนะบอกเลย
จะอัพรูปทีนี่เลือกแล้วเลือกอีก เล็งแล้วเล็งอีก แถมยังตั้งใจแต่งสีรูปสุดๆ
"ไอจีอ่ะ -- มาไงเนี่ย?"
"เดินอ้อมโซฟามา"
ผมตอบ คือไม่ได้จะกวนตีนเลยนะ ก็ผมเดินอ้อมโซฟามาจริงๆ เขาก็เห็นอยู่
"เหรอ เรานึกว่าหมอบินข้ามโต๊ะมา"
เขาพูดพลางย่นจมูกเซี้ยวๆ ดูน่ารักกว่าทุกวันเพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้แก้มเขาจับสีแดงระเรื่อ
เห็นแล้วอยากหยิกแก้มโคตรว่ะ
"บินได้ไง นี่คน ไม่ใช่ม้าโพนี่"
ไอ้ม้าโพนี่ นี่ไอเท็มล่าสุดน้องสาวผมเลยนะ เป็นม้าอะไรไม่รู้ รู้แค่สีสันแม่งสดใสโคตรครับ ผมเห็นยัยตัวแสบเอามาห้อยกระเป๋าเป้เป็นฝูง -_-
ยิ้มหวานได้ยินอย่างนั้นเข้าก็หลุดขำทันที จนผมต้องถามต่อ
"ยิ้มอะไร ชอบม้าโพนี่อ่ะดิ"
"บ้า! ชอบเองแล้วยังมาว่าคนอื่นอีก"
ผมได้ยินเขาพูดแล้วต้องยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกเครื่องดื่มในมือขึ้นแล้วขอชนแก้วกับเขา
ยิ้มหวานทำตาโตใส่ผมนิดๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นเมื่อเข้าใจในท่าทีของผม
เราชนแก้วกันเบาๆ แต่เสียงกิ๊ง~เบาบางนั้นก็สะเทือนไปถึงหัวใจของผมอยู่ดี
เราต่างดื่มเครื่องดื่มในแก้วของตัวเอง ก่อนที่ผมจะลดแก้วลง แล้วพูดออกมาให้เขาได้ยินแค่คนเดียว
"ถ้าเธอเป็นม้าโพนี่ เราก็คงชอบม้าโพนี่นั่นแหละ"
ผมพูดพลางยักคิ้วข้างเดียวให้เขาทีนึง ก่อนจะเห็นว่ายิ้มหวานกำลังทำปากคว่ำแล้วกลอกตาใส่ผม
ก่อนที่มือของเขาจะวางโทรศัพท์ที่ถืออยู่ลงบนตัก แล้วเอาหลังมือฟาดลงมาบนต้นแขนผมแรงๆ พร้อมกับที่ริมฝีปากคู่นั้นขยับบ่นกับหน้าบึ้งๆ
"มาธงมาเธออะไรล่ะ..."
ผมยิ้มรับไม่สะทกสะท้าน
ก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มต่อแบบไม่ใส่ใจ
พอหันมาอีกทางนึงถึงได้เห็นว่า เจ้าของที่นั่งที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้เดินกลับมาที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว และนั่งลงไปบนนั่งเดิมของผมที่อยู่ข้างๆไอ้โคนัน
พอผมสบตากับเพื่อนของยิ้มหวานเข้า มือที่ประดับด้วยปลายเล็บสีอ่อนก็ยกแก้วขึ้น แล้วยื่นมาทางผม เราชนแก้วกันก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงของเขาพูดออกมา
"ลูกค้าก็เยอะ ทำไมเขาไม่ฉีดยาไล่มดก็ไม่รู้ว่ะหมอ"
ผมยิ้มมุมปากรับคำ ก่อนจะเห็นว่าไอ้เบอร์1ก็ยกแก้วขึ้นดื่มบ้าง ก่อนจะพูดกับผม พร้อมทำสีหน้ากวนตีนหนักๆตามสไตล์มัน
"อ๋อที่คันส้นตีนอยากถีบเพื่อนนี่ไม่ใช่เพราะกูหมั่นไส้มึงสินะ -- มดกัดส้นตีนกูนี่เอง"
เข้าขากันโคตร -_-
ผมมองเพื่อนสนิทของยิ้มหวานที่หันไปแทคมือกับไอ้เบอร์1ข้ามหน้าไอ้โคนัน แล้วได้แต่ทำหน้า
นิ่งรอรับการโจมตีจากทุกคนต่อไป
พอหันมามองคนข้างๆ ก็เห็นว่าเขาเองก็หันมาทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม เหมือนกับว่าเรื่องที่สองคนตรงหน้ากำลังพูดถึงอยู่นี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด
"ทำหน้ามึนใส่กันทำไม?"
ผมถามพลางยกมือขึ้นแล้วหยิกแก้มเขา จนเจ้าตัวร้องโวยวายออกมา พร้อมหน้ายุ่งๆ
ทนไม่ไหวจนได้ -_-
- - -
สักพักก็เริ่มมีเสียงซาวด์เช็คของเครื่องดนตรีดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงจากเครื่องเสียงที่ร้านกำลังเปิดอยู่ และทันทีที่เพลงๆนั้นจบลง เสียงทักทายจากคนที่เพิ่งนั่งคุยกับผมอยู่เมื่อครู่ก็ดังขึ้นครับ
ประธานคนใหม่ของชมรมโฟล์คซองรับหน้าที่เป็นนักร้องนำในเพลงแรก...
ทำนองสนุกๆที่เป็นเอกลักษณ์ของเพลงดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงพูดคุยที่ดังอยู่อย่างสม่ำเสมอในร้าน ได้ยินทำนองแค่นั้นผมก็รู้ทันทีว่า เพลงแรกที่ผมจะได้ฟังในคืนนี้คือ อยู่ต่อเลยได้ไหม ของ สิงโต นำโชค
ท่อนฮุคแรกยังไม่ทันจบ ผมก็รู้สึกว่ากำลังโดนสะกิดที่แขนเบาๆ จนต้องละสายตาจากเวที เพื่อจะเห็นว่าไอ้เบอร์ 1 มันยื่นมือมาทางผม และระหว่างข้อนิ้วของมันนั้นมีบุหรี่สีขาวทั้งมวนที่ยังไม่ได้จุดอยู่
อย่ามองผมอย่างนั้นนะ -_-
ปกติผมไม่สูบบุหรี่เหอะ จะสูบเฉพาะเวลาที่ออกมาดื่มกับเพื่อนๆ แล้วก็สูบแค่มวนสองมวนเท่านั้น
พอไอ้เบอร์ 1 ขยับมือเหมือนจะเร่งให้ผมรับบุหรี่สักที ผมก็เลยยื่นมือไปรับบุหรี่มาถือเอาไว้ ก่อนจะสะกิดคนข้างๆ ที่นั่งดูวงดนตรีบนเวทีโดยไม่ได้หันมาทางผม
ยิ้มหวานหันมา ก่อนจะเลิกคิ้วให้ผม เหมือนกำลังรอให้ผมบอกสาเหตุที่เรียกเขา ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะเหลือบไปมองบุหรี่ที่ผมคีบเอาไว้ด้วยปลายนิ้ว
เขายิ้มให้ ก่อนตอบสั้นๆ
"ไม่ๆ เราไม่สูบ"
โถ่เอ้ย.... -_-
"ใช่ที่ไหนเล่า -- ที่เรียกนี่ จะถามว่าสูบได้ไหม?"
เขาหัวเราะรับตอนที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น ก่อนจะพยักหน้ารับทันที
"อ๋อ เอาดิ เราโอเค" ^ ^
ผมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มมุมปากให้เขา ก่อนจะยื่นมือไปรับไฟแช็คจากไอ้เบอร์1 มาจุดแล้วสูดกลิ่นมิ้นต์กับความรู้สึกเย็นๆเข้าไปในร่างกาย ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางเพื่อพ่นควันออกมา
และเมื่อผมมองกลับมาทางเดิมอีกครั้ง ก็เห็นว่ายิ้มหวานมองผมมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว
ผมเลิกคิ้วแล้วส่งเสียง
หืม... ในลำคอเพื่อจะถามเขาว่ามองกันทำไม?
"เปล่า"
"หื้ม? แน่ใจว่าเปล่า?"
"อืม ตอนแรกจะบอกว่าอย่าสูบเยอะนะ บุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ"
เขาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่หายไปจากใบหน้า ส่วนผมก็ต้องก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆเขา เพื่อจะฟังให้ชัด เพราะเสียงเพลงจากวงดนตรีที่เล่นอยู่ดังจนแทบจะกลบเสียงยิ้มหวานอยู่แล้ว
"แต่บางคนเค้าก็เรียนหมออยู่ เรื่องพื้นฐานแบบนี้ ก็น่าจะรู้อยู่แล้วมั้ง"
คนตรงหน้าผมพูดยิ้มๆ พลางหันหน้าหนีไปอีกทาง แล้วทิ้งให้ผมนั่งยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น
พร้อมกับที่เพลงๆใหม่ดังขึ้น....
เพลงคลั่ง ของวง 7thScene ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะดีใจ
หรือจะมองมันในแง่ร้าย
ที่คนอย่างเธอเดินเข้ามาพูดคุยสบตา ทำดีจนใจหาย
ไม่รู้ว่าฉันเข้าข้างตัวเอง
ที่จริงเธอทำอย่างนี้กับคนทั่วไป
หรือฉันนั้นโชคดี ก็อดคิดอย่างนี้ไม่ไหว เพลงโปรดของผมอีกแล้ว...
"ชอบเพลงนี้"
ผมกระซิบบอกคนที่นั่งอยู่ใกล้กันเบาๆพร้อมกับที่ท่อนฮุคมาถึงพอดี...
รู้บ้างไหมว่าเธอนั้นทำอะไรลงไป
รู้ไหมว่า ฉันคิดมากขนาดไหน
ได้โปรดเถอะ เธออย่าทำให้ฉันคลั่งไคล้
ถ้าฉันเป็นคนธรรมดาที่เธอไม่คิดอะไร
ในใจฉันตอนนี้นั้นคิดไกลไปถึงไหน
กลัวตัวเองไม่ห้ามใจ หยุดได้ไหม
ไม่อยากต้องมาเสียใจ
ถ้าเธอไม่คิดอะไรเลย ... ผมมองคนที่ยังคงเอาแต่มองขึ้นไปบนเวทีแล้วก็ขยับริมฝีปากร้องตามเพลงไปเรื่อยๆ
ถ้าผมเป็นคนร้องเพลงๆนี้
คนที่ผมจะร้องบอกเนื้อร้องและท่วงทำนองเหล่านี้ให้ ก็ต้องเป็นเขา...
คิดได้อย่างนั้นผมก็ขยี้บุหรี่ลงกับถาดเซรามิคตรงหน้าเพื่อให้มันดับ แล้วปล่อยบุหรี่ที่เพิ่งทำหน้าที่ของมันมาได้ไม่ถึงครึ่งทางเอาไว้อย่างนั้นแบบไม่เสียดายสักนิด ก่อนดึงสายตากลับมามองคนข้างๆ พร้อมกับยกยิ้ม
ผมค่อยๆทาบมือลงไปบนหลังมือของเขาที่วางอยู่บนเบาะท่ามกลางความมืดอย่างแผ่วเบา ในตอนแรกเขายังไม่รู้ตัว จนกระทั่งนิ้วมือของผมสอดประสานกับนิ้วมือของเขาทั้งหมด คนที่ตั้งใจฟังเพลงอยู่ถึงได้หันมามอง พร้อมกับเสียงเพลงที่ยังคงดังคลออยู่ตลอด
ถ้าจะคิดอะไรมากมาย อย่างที่ฉันเป็น
ก็ช่วยทำอะไรลงไปให้มันชัดเจน
อย่าให้คิดไปเองอยู่อย่างนี้ ตอนนั่นเองที่ผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วขยับริมฝีปากตามเนื้อร้องในท่อนที่ช้าลงกว่าท่อนอื่นๆในเพลง...
"รู้บ้างไหมว่าเธอนั้นทำอะไรลงไป
รู้ไหมว่า ฉันคิดมากขนาดไหน" ได้โปรดเถอะ เธออย่าทำให้ฉันคลั่งไคล้
ถ้าฉันเป็นคนธรรมดาที่เธอไม่คิดอะไร
ในใจฉันตอนนี้นั้นคิดไกลไปถึงไหน
กลัวตัวเองไม่ห้ามใจ หยุดได้ไหม
ไม่อยากต้องมาเสียใจ
ถ้าเธอไม่คิดอะไรเลย... คนที่โดนจีบซึ่งๆหน้าอมยิ้มมาให้ผม ก่อนจะขยับฝ่ามือยุกยิกจนกระทั่งผมยอมปล่อยมือของเขาออก
ยิ้มหวานดึงมือตัวเองกลับไปกุมเอาไว้กับมืออีกข้างที่ยังว่าง ก่อนจะส่งสายตามาทางผม แล้วพูดด้วยสีหน้าดุๆไม่จริงจัง เหมือนจะคาดโทษกันหน่อยๆ
"จีบเราอีกแล้วนะ!" เขาพูดเหมือนขู่
แต่สิ่งที่ผมรู้สึกอยู่ตอนนี้กลับตรงข้ามกับความกลัวอย่างเห็นได้ชัด
มันคงเป็นความรัก...คนละเพลงแล้วเว่ย!
.
.
หลังจากวงโฟล์คซองขึ้นมาได้ไม่นาน ตอนนี้เวทีที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยของที่ร้านก็โดนพวกผมยึดครองเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เพราะต่างคนก็ต่างสลับกันขึ้นไปร้องเพลงบนนั้นเหมือนอยู่ในห้องชมรม
เฮียบอกผมว่าเจ้าของร้านนี้ก็เป็นอดีตสมาชิกชมรมโฟล์คซอง ปกติเวลาจะฉลองอะไรกันก็จะมาที่นี่ตลอดอยู่แล้ว
"หมอ กูอยากฟังมึงร้องเพลงของสครับ"
เสียงพูดที่ดังผ่านไมค์มา ทำเอาผมที่นั่งพิงเก้าอี้ไขว้ห้างเอาข้อศอกพาดพนักพิงโซฟาอยู่ถึงกับตกใจ
ผมมองเฮียก่อนจะชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
พอเห็นว่าเฮียพยักหน้ารับ แล้วพูดออกไมค์ว่า
"เออ มึงนั่นแหละ ลุกไอ้สัด"
โดนบังคับด้วยว่ะ -_-
ผมลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนเวที
ส่วนเฮียก็ขยับตำแหน่งไปนั่งตีคาฮอง
พอนั่งลงตรงที่นั่งกลางเวทีปุ้บ ผมก็หันไปคุยกับวงว่าจะร้องเพลงอะไรดี ก่อนจะสรุปได้ว่า ผมจะร้องเพลงเข้ากันดี ของ scrubb
บรรยากาศมืดๆของร้านเหล้ากับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปช่วยลดความประหม่าของผมได้ไม่น้อยเลย นั่นทำให้ตอนนี้ผมร้องเพลงออกมาด้วยความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าตอนเย็นอย่างเห็นได้ชัด
ในสายตาผมแทบจะมองแทบจะไม่เห็นคนดูที่นั่งกันอยู่เต็มร้าน
แต่เนื้อร้องทุกๆท่อนที่ผมร้องออกมา มันทำให้ผมเห็นภาพคนๆนึงในความคิดได้อย่างชัดเจน
ผมร้องเพลงพร้อมๆกับมองลงไปที่นั่งด้านล่างแล้วเห็นเขายิ้มบางๆมาให้ท่ามกลางความมืด แค่นั้นหัวใจมันก็ดันสะดุดผิดจังหวะขึ้นมาทันที
ร้องเพลงจบผมก็กลับมานั่งลงข้างยิ้มหวานเหมือนเดิม ก่อนจะเห็นว่าเขาหน้าแดงขึ้นมากกว่าเดิม
แสดงว่าเป็นพวกกินเหล้าแล้วแก้มแดงสินะ
ผมคงมองเขานานไปล่ะมั้ง คนโดนมองเลยหันมาหาผม แล้วขยับปากถามกันแบบไม่มีเสียงว่า
มองอีกแล้ว!ผมไม่ตอบ แต่ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือเช็ดลงไปบนแก้มแดงๆ ที่ร้อนกว่าปกติขอบเขา ก่อนจะถาม
"เมารึยังเนี่ย?"
"หึ ไม่นะ"
"โอเคใช่ป่ะ?"
"โอเคมาก เป็นอะไรกับแก้มเราเนี่ย เมื่อกี้ก็ดึง"
"มันแดงกว่าปกติอ่ะดิ"
"ก็เหล้ากินเหล้าเข้าไปนี่" ^ ^
เขาตอบผมพลางหันมายิ้มให้กันเพื่อย้ำให้ผมมั่นใจ จนผมต้องตอบรับคำสั้นๆ แล้วยกมือขึ้นไปจัดทรงผมด้านหน้าของเขาที่ยุ่งขึ้นเพราะเจ้าตัวเอามือไปเสย ให้มันเข้าที่ พร้อมกับตอบรับคำเขาสั้น
"ครับๆ"
ไม่ทันไร เสียงจากที่นั่งตรงข้ามกันก็เรียกให้ผมหันไปมอง
"หมอ..."
ผู้หญิงสวยๆตรงหน้านี่ น่าจะเรียกเตือนเพราะผมแตะตัวเพื่อนเขามากไปแล้วมั้ง
อันนี้เดาเอาแบบร้อนตัวนิดหน่อย -_-
ก่อนที่ผมจะตอบรับเพื่อนสนิทของยิ้มหวานไปด้วยคำถามสั้นๆ
"มีอะไร?"
"ขยันจีบเพื่อนเราไปป่ะ?"
ยิ้มหวานได้ยินอย่างนั้นก็รีบส่งสายตาไปทางเพื่อนตัวเอง แล้วทำหน้าดุใส่ทันทีครับ
ส่วนผมไม่ตอบอะไร ได้แต่ยักคิ้วกลับไปพร้อมยกยิ้มมุมปากนิดนึง
"ขยันจีบขนาดเนี้ย - ฉันว่าแกซิ่วไปเรียนนาฏศิลป์เลยดีกว่าไป"
ได้ยินครั้งแรกผมหลุดขำเลยครับ ส่วนเพื่อนยิ้มหวานนี่หันไปยกแก้วเหล้าชนกับพวกเพื่อนๆของผมด้วยสีหน้าสนุกสุดๆ
ผมครุ่นคิดอยู่ไม่เกินห้าวิ ก่อนจะเหลือบมองคนข้างๆที่ตอนนี้หน้ามุ่ยไปใหญ่ แล้วตอบออกมา
"ซิ่วได้นะเว่ย แต่สงสัยต้องให้คนนี้ซิ่วไปด้วยกันว่ะ"
ผมพูดพลางยกมือขึ้น แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือชี้ไปที่คนข้างตัว ก่อนจะได้ยินคำตอบดังตามมาทันที
"อะไร? เราไม่ไป หมอจะซิ่วก็ซิ่วไปคนเดียวเลย"
"ไม่ได้ดิ -- ถ้าไม่ซิ่วไปด้วยกัน เราก็ไม่ได้เจอคนที่ทำให้รู้สึกอยากจีบ"
"..."
ยิ้มหวานหันมาทำหน้ายุ่งใส่ผม...
"ให้ไปจีบคนอื่น...จีบไม่เป็นว่ะ"
โดนโห่ดังมากเลยว่ะ -_-
แถมไอ้เบอร์2 ยังเอื้อมมือมาตบหัวผมอีก
อะไรวะ?
เอาล่ะครับ
ผมจะปล่อยให้ไปพักอ้วก 15 นาที
- - - -
พวกผมออกจากร้าน และแยกย้ายกันตอนประมาณตีหนึ่งกว่าๆเพราะร้านจะปิดตอนตีสอง
เฮียกับเพื่อนๆ กลับกันไปแบบรถใครรถมัน
ไอ้โคนัน กับ ไอ้เบอร์2 ตัดสินใจไปนอนกองรวมกันที่บ้านไอ้เบอร์ 1
เพื่อนสนิทของยิ้มหวาน โทรเรียกแฟนให้มารับตั้งแต่ตี 1 แล้วแฟนก็มาจอดรถรออยู่สักพักแล้ว
ส่วนผมนี่ รีบอาสารับหน้าที่ขับรถพายิ้มหวานไปส่งที่คอนโด ก่อนจะขึ้นแทกซี่กลับบ้านตัวเอง
ร่ำลากันนิดๆหน่อยๆ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ
วันนี้เมากันแบบซอฟต์ๆครับ อาจจะเพราะอยู่กันที่ร้านนั่งชิลด้วยล่ะมั้ง
ผมว่าร้านแบบนี้จะเมายากกว่าไปผับนะ ในผับนี่ทั้งเมาเหล้าเมาเสียงเมาแสง
รู้ตัวอีกทีก็เมาเป็นหมาไปแล้ว -_-
ระหว่างที่ผมกับยิ้มหวานกำลังเดินข้างๆกันไปยังมินิคูเปอร์ของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล ผมก็ยกมือขึ้นมายื่นไปขวางหน้าเขา แล้วพูดสั้นๆ
"กุญแจรถล่ะครับคุณหนู"
เขาหันมาย่นจมูกใส่ผม ก่อนที่ผมจะเห็นว่าผิวแก้มของเขาที่เคยแดงระเรื่อมากกว่านี้เริ่มกลับสู่สภาพปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
"อยากขับมินิอีกแล้วเหรอ?"
ยิ้มหวานถามผมกลับแบบยิ้มๆ ก่อนจะหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งมาให้ผม
พอถึงรถ เราต่างคนก็ต่างขึ้นไปนั่งประจำที่
ผมสตาร์ทรถ แล้วหันมามองคนที่กำลังเก็บของที่วางอยู่ไปไว้ตรงเบาะหลัง
ก่อนที่ผมจะเอ่ยถามขึ้นมา
"ไม่เมาใช่ไหม?"
คนฟังได้ยินอย่างนั้นก็หันมามองผม ก่อนจะยิ้มให้แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ
"แค่กึ่มๆน่า ยังไม่เมาเลย หมอเหอะ ขับรถได้นะ?"
"อืม แค่นี้สบายมากครับ"
"แน่นะ นี่กี่นิ้ว?"
เขาพูดพลางชู 2 นิ้วขึ้นมาตรงหน้าผม
"2 นิ้ว"
"ผิด 3 นิ้วว่ะ!"
"ฮึ?"
"เราหมายถึงนิ้วที่พับอยู่ต่างหากล่ะ?" ^ ^
ยิ้มหวานพูดพลางยักคิ้วมาให้ผมสองที
ดูภูมิใจมากที่กวนผมได้
"กวนนักนะ!"
ผมพูดพลางยื่นมือไปขยี้ผมเขาเล่น ก่อนจะออกรถ
เพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว เราสองคนเลยใช้เวลาไม่นาน ที่จะมาถึงคอนโดของเขา
หลังจากถอยรถเข้าตรงช่องจอดรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็พูดขึ้นมาเบาๆ
"เรา...มีอะไรจะถามว่ะ"
คำพูดนั้นทำให้คนที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถต้องหยุดชะงัก แล้วหันมาตอบผม
"ถาม?"
"..."
"ทำไมทำหน้าตาจริงจังงั้นอ่ะ?"
"รู้สึก...โอเคกับสิ่งที่เราทำวันนี้ใช่ไหม?"
ยิ้มหวานดูจะงงกับสิ่งที่ผมถามออกมา
เขาทำตาโต แล้วทำหน้าเหมือนจะขอฟังคำถามอีกครั้ง
"หมายความว่าไง? หรือว่ามีคนมาพูดอะไรไม่ดีใส่เหรอ?"
ผมยิ้มรับความห่วงใยในน้ำเสียงของเขา
ก่อนจะถามคำถามใหม่อีกครั้งให้ชัดเจน
"ที่เราร้องเพลงให้ ที่เราเดินจูงมือ ที่เราแสดงออกกับทุกคนว่าจีบ -- ประมาณนั้นแหละ โอเคไม่มั้ย ไม่อึดอัดใช่มั้ย?"
เขามองผมด้วยสายตาเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังถามอยู่
ก่อนจะตอบกลับมาด้วยคำถามเช่นเดียวกัน
"ดราม่าเหรอ?"
เขาถามแล้วขำออกมานิดหน่อย
ก่อนที่ผมจะหันไปตอบด้วยรอยยิ้มมุมปาก
"มั้ง อาจจะเพราะเรากินเหล้าไป แถมยังอยู่กับเพื่อนเยอะๆ เราเลยไม่ค่อยระวังตัวแล้วก็สนุกมากไปหน่อย -- ตกลงว่าอึดอัดกับสิ่งที่เราทำมั่งป่ะ?"
"ถ้าเราบอกว่าอึดอัดล่ะ?"
"ก็จะถอยออกมา -- นิดนึง"
"แล้วถ้าไม่อึดอัดล่ะ?"
"ลุยต่อดิ"
ผมพูดแล้วยักคิ้วให้เขา
คนตรงหน้าผมขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
"ถ้า...อึดอัดเมื่อไหร่เราจะบอกแล้วกัน"
คำตอบของเขาทำให้ผมนั่งยิ้มอยู่กับพวงมาลัยรถเหมือนคนบ้า...
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ยิ้มหวานลงจากรถไปแล้ว และกำลังยืนเอาแขนคำประตูรถพร้อมกับเรียกผมอยู่
"หมออออ!"
".....หื้อ?"
"จะนั่งยิ้มให้พวงมาลัยรถเราไปจนเช้าเลยมั้ย? เราไปก่อนนะ"
"เฮ้ยย!"
ผมรีบลงจากรถ ล็อครถให้เรียบร้อย ก่อนจะวิ่งไปหาคนที่ยืนส่งยิ้มให้ผมมาแต่ไกล
พอไปถึงตัวเขา ผมก็ยกมือขึ้นพาดไหล่ แล้วแกล้งทิ้งน้ำหนักตัวลงไป
"หนัก~~"
ผมหัวเราะรับ แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร แถมยังไม่ยอมเอาแขนออก จนไปถึงหน้าประตูทางเข้าคอนโด
ผมหยุดอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสั้นๆแต่นุ่มมือของเขา ก่อนจะพูดออกมา
"ดึกแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้วไป -- อ้อ อย่าฝันถึงคนอื่นล่ะ คืนนี้เราจอง"
คนที่เอาตัวออกจากแขนผมไปได้หันมามองกันด้วยหน้ามุ่ยๆ แล้วบ่นสั้นๆ
"หมอนี่น่าจะซิ่วไปเรียนนาฏศิลป์อย่างที่เพื่อนเราบอกจริงๆนั่นแหละ"
ผมยิ้มให้เขาอยู่พักนึง ก่อนตอบ
"ก็บอกไปแล้วว่าต้องซิ่วไปด้วยกันไง"
เขาได้ยินคำพูดของผมแล้ว... หาวออกมา
ผมมองใบหน้าอันสมบูรณ์แบบของเขา ที่ดูจะง่วงๆเลยปรือตาลงกว่าปกติหลังจากการหาวแล้วพบว่าเขาช่างน่ารักซะจริงๆ จนผมต้องยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าด้านข้างของเขา พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือไล้สัมผัสผิวแก้มนุ่ม แล้วก้มหน้าลงไปพูดเบาๆ
"ขึ้นห้องอาบน้ำนอนได้แล้ว ถ้ายังอยู่ตรงนี้ต่ออีกแค่นาทีเดียวจะโดนขโมยหอมแก้มแล้วนะ"
คำพูดของผมทำให้เขาตาสว่างขึ้นมากะทันหัน
ยิ้มหวานยกมือขึ้น ตีที่ไหล่ผมทีนึง ก่อนจะถอยออกไป 1 ก้าว
"งั้นเรารีบไปดีกว่า - หมอก็กลับได้แล้ว ถึงบ้านแล้วรายงานด้วย อย่าไปนอนอยู่ตามพงหญ้าล่ะ" ^ ^
"ครับๆ"
ผมโบกมือลาส่งเขาจนเจ้าตัวเขาไปในลิฟต์ แล้วก็หลุดขำเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่
อย่าไปนอนอยู่ตามพงหญ้า? นี่เห็นผมเป็นตัวอะไรเนี่ย? -___-
tbc.
- - - -
มีการดองตอน 10 อ่อน... ; - ;