-THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>  (อ่าน 707342 ครั้ง)

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #540 เมื่อ30-06-2015 23:47:21 »

ขอบคุณคนเขียนค่า ดีใจๆที่เห็นว่ากลับมาต่อแล้วววว  :pig4:
เรารักเรื่องนี้มากๆ :mew1:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #541 เมื่อ01-07-2015 00:50:25 »

คนถ่อยยิ้มหวานนน
อยากได้ไปเลี้ยงที่บ้าน คงดุ๊กดิ๊กๆน่าดู :katai5: (เดี๋ยวๆ)

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #542 เมื่อ01-07-2015 02:27:24 »

ค.ถ ~~~ แหม หมอก็หยอดยิ่งกว่าขายขนมครกโนะ ยิ้มหวานเค้าก็เขินแต่ดูภูมิต้านทานจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะจีบตลอด ฮาาาา
ชอบตอนหันมามองกันตอนซื้อของไปให้ที่คณะ ฮิ้วๆ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ kangteuk1995

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #543 เมื่อ01-07-2015 04:19:03 »

 :m25: เขิน :heaven ฟินเวอร์
น่าร๊ากกกก :-[
ครบทุกอารมณ์ :กอด1:

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #544 เมื่อ01-07-2015 08:08:00 »

คิดถึง มั้ยยิ้มหวานพี่คิดได้คำเดียวถ้วนค่ะ 55555 ยังคงความน่ารักทั้งคู่เลยอ่ะ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #545 เมื่อ01-07-2015 13:39:26 »

เพื่อนหาว่าเราบ้าอ่ะ ยิ้มอยู่คนเดียว แต่เห้ย ต้องมาอ่านอ่ะ ยงกะถูกหมอจีบ เขิลแทนยิ้มหวานตลอด 55555 พูดเลอว่าชอบมาก!!!!

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #546 เมื่อ01-07-2015 14:00:58 »

คถ.มากๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #547 เมื่อ01-07-2015 14:16:02 »

ฟินสิจ้ะ พี่หมอน่ารัก

ออฟไลน์ KMprince

  • kyumin QingYu
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #548 เมื่อ01-07-2015 19:14:10 »

ไม่ได้เจอหน้าดวงใจ ค.ถ.ล้านคำยังน้อยไปใช่ไหมหมอ

ออฟไลน์ biibbmnt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #549 เมื่อ01-07-2015 19:46:54 »

อ่านรอบที่สองแล้วอ่ะ ก็ยังเขินคงเส้นคงวา
เหมือนโดนหมอจีบซะเอง ฮอลลล
ชอบที่หมอเรียกยิ้มหวานว่า "เธอ" ดูเรียลมาก
เอาจริงในชีวิตแฟนกันก็เรียกว่าเธออ่ะเนอะ
อินไปอีกกกก มาต่อเร็วๆ น้าาา
จุ๊บๆ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
« ตอบ #549 เมื่อ: 01-07-2015 19:46:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ฝัullล้วlv

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #550 เมื่อ02-07-2015 16:06:05 »

มะโนตัวเองเป็นยิ้มหวานแปป >///<

อร๊ายยย~ คนถ่อยนะ

ออฟไลน์ mini_saiparn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #551 เมื่อ05-07-2015 23:16:13 »

คิดถึงยิ้มหวานของหมอจัง

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ biibbmnt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #552 เมื่อ07-07-2015 11:33:55 »

แงงงง
รอน้องยิ้มหวานกะหมอน้าาาา
คิดถึงงง
 :katai2-1:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #553 เมื่อ08-07-2015 11:23:58 »

น่ารัก 

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #554 เมื่อ08-07-2015 16:00:24 »

มึ้งมิ้งตลอดดดดดด แม่ยกฟืนกระจัดกระจายยยย

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #555 เมื่อ08-07-2015 20:58:31 »

ตามอ่านมาจนจบรู้สึกนะยังไม่รู้ชื่อพระนายเลยอ่ะ

แบบว่าเพื่อนก็เรียกหมอ อีกคนก็ถูกเรียกว่ายิ้มหวาน

ตกลงมีใครสงสัยชื่อตัวละครกันมั้งป่ะเนี่ยยยยยย

หรือมีแค่เราที่สงสัยอ่ะ?

แต่ว่าก็หวานมากกก แต่มะไรจะได้เป็นแฟนล่ะเนี่ยจีบกันจนลูกจะเต็มบ้านและ 555 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ continued

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #556 เมื่อ08-07-2015 22:39:38 »

เรื่องนี้พระเอกเหมือนจะชื่อ เต้ย ป่ะคะ
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเพื่อนเรียก ถ้าพลาดไปก็ขออภัยด้วยค่ะ
แต่ยิ้มหวานของเรานี่สิ ยังไม่รู้ชื่อเลย  :hao5:

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [10] <29.06.15> page 17
«ตอบ #557 เมื่อ08-07-2015 22:41:01 »

 เข้ามารอยิ้มหวานกับหมอ :กอด1:

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <29.06.15> page 19
«ตอบ #558 เมื่อ10-07-2015 12:26:41 »


ถ้ากรี้ดกร้าดในทวิต ฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ ด้วยน้า จะเข้าไปส่อง : )
ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor





- 11 -



รู้จัก dream catcher ไหมครับ?

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟในพารากอน ตรงหน้ามีพลางติกเป็นห่วงรูปวงกลม เชือกหนัง ขนนก ลูกปัด ไหมพรม คนที่เพิ่งหันไปคุยกับเพื่อนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะบอกกับผมว่า ของพวกนี้สามารถนำมาประกอบกัน ได้เป็น dream catcher

ยิ้มหวานบอกผมตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน หลังจากเจ้าตัวกลับมาจากเขาใหญ่แล้วครับ ว่าวันพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ ที่หน้าคณะของเขาจะมีตลาดนัดขายของแฮนเมด ซึ่งเป็นงานที่จัดร่วมกันระหว่างเด็กสถาปัตย์กับศิลปกรรม

พอรู้ข่าวว่าจะมีงาน พวกเพื่อนๆของเขาก็เกิดนึกอยากทำของขายกันขึ้นมา เลยไปจองบู้ทเอาไว้ แล้วก็ตกลงกันได้ว่าจะทำ Dream Catcher มาขายกัน ยิ้มหวานบอกกับผมว่า dream catcher ที่จะเอาไปวางขายที่งานนั้น มีทั้งแบบที่ประดิษฐ์เป็นชิ้นออกมาให้เรียบร้อยแล้ว กับแบบที่คนซื้อจะได้อุปกรณ์ไปเป็นชิ้นๆเพื่อจะเอาไปทำด้วยตัวเองที่บ้าน

วันนี้พวกเขาก็เลยพากันมานั่งเตรียมอุปกรณ์ที่พอจะเตรียมได้กันไว้ก่อน  ส่วนผมที่เพิ่งออกจากฟิตเนสพอดีก็เลยถือโอกาสแวะมาหากัน แล้วก็ต้องมาทำความรู้จักกันตั้งแต่เริ่ม ว่าไอ้เจ้า dream catcher ที่พอจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้วนั้น มันคืออะไร เอาไว้ทำอะไรกันแน่

“มึงอ่ะอธิบายให้หมอมันฟังเลย" 

เสียงของเพื่อนยิ้มหวานดังข้ามโต๊ะมา ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมต้องทำหน้ามุ่ย เขาสบตาผมเงียบๆ แต่หรี่ตาย่นจมูกใส่กัน ดูน่าเอ็นดูไม่เบา ก่อนจะเริ่มอธิบายให้ผมฟังตามที่โดนสั่งมา 

“ก็ Dream Catcher เนี่ย มันเป็นเครืี่องรางของเผ่าอินเดียแดง หน้าตาแบบนี้" พูดจบเค้าก็หยิบไอ้ห่วงกลมๆที่มีของห้อยลงมาเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วชูขึ้นมาให้ผมดู

"ความเชื่อก็คือ ถ้าเอาเครื่องรางอันนี้ไปแขวนเอาไว้บนที่นอน จะทำให้ฝันดีอยู่กับตัว และฝันร้ายจะหายไป"

“อ๋อ...” ผมฟังความรู้ใหม่แล้วพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนที่เขาจะอธิบายต่อ

“ลายของเชือกที่ถักอยู่ตรงกลางอ่ะ เค้าเอามาจากลายของใยแมงมุม ที่คอยดักจับแมลงเอามาเป็นอาหาร เชื่อกันว่าเจ้าเส้นใยที่ถักกันอยู่ตรงนี้นี่แหละ เป็นสิ่งที่คอยดักจับฝันร้ายของเราเอาไว้"

ผมพยักหน้ารับคำพูดของเขาไปด้วย พร้อมกับความคิดที่ปรากฎขึ้นมาในใจ
...หน้าตาเวลาเจ้าตัวตั้งใจอธิบายอะไรให้คนอื่นฟังนี่ น่ามองชะมัด

ดวงตากลมๆของเขาจะโตขึ้นนิดหน่อย...
ส่วนริมฝีปากที่ดูนุ่มนิ่มก็ขยับบอกเล่าเรื่องราวไปพร้อมๆกับรอยยิ้ม

พูดจบหนึ่งเรื่อง เขาก็จะหยุด มองสบตากับผมแล้วถามทางสายตาว่า เข้าใจใช่ไหม? นึกออกรึเปล่า? พอผมพยักหน้ารับเบาๆ เขาก็เริ่มอธิบายต่อ

“ซึ่งในความเป็นจริงอ่ะ เจ้าเครื่องรางอันเนี้ยเป็นเครื่องรางสำหรับเด็ก ต่อให้เราเอามาแขวนที่เตียงผู้ใหญ่ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก เหตุผลเพราะว่า จิตใจของผู้ใหญ่ไม่บริสุทธิ์เหมือนของเด็ก แต่คนก็ยังนิยมเอามาใช้เป็นเครื่องประดับกันอยู่ดี เพื่อนเราบอกว่าที่ฮิตกันมากๆก็เพราะมันอยู่ในซีรี่ย์เกาหลีมั้ง คือเราก็ไม่เคยดูเหมือนกัน ประมาณนี้แหละ"

พูดจบเขาก็ยกยิ้มให้ผมจนตาเป็นขีดสระอิ ก่อนจะพูดต่อสั้นๆ

“ฟังจบแล้วซื้อด้วย!”

อันนี้ไม่เรียกขายแล้วครับ เรียกยัดใส่มือแล้วบังคับให้จ่ายตังค์มากกว่า
แต่ผมก็ยังตอบรับไปด้วยความเต็มใจ

“เอาดิ"

ได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยิ้มถูกใจ ก่อนจะหันไปบอกเพื่อน

“มึงๆ หมอซื้อแล้วอันนึง เอามาเร็ว  -- หมอเอาสีอะไร?”

“สีอะไรก็ได้ -- แต่จะเอาอันที่พ่อค้าคนนี้เป็นคนทำให้"

พูดจบผมส่งสายตาไปให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วยักคิ้ว พร้อมกับได้ยินเสียงโห่แซวดังมาจากเพื่อนๆของเขา
ก่อนที่กล่องพลาสติกขนาดไม่ใหญ่มากจะถูกส่งต่อเรื่อยๆมาตรงหน้าเราสองคน

“อ่ะ...เอากล่องอุปกรณ์ไป เดี๋ยวกูให้สิบบาทแล้วมึงไปนั่งจีบกันตรงโน้นนะ"

เพื่อนผู้ชายคนนึงในกลุ่มของเขาพูดติดตลก แต่ก็ทำให้ยิ้มหวานหันไปค้อนเข้าวงโต พร้อมด่าเบาๆผ่านริมฝีปากว่า 'เสือก' ก่อนที่เขาจะหันกลับมา แล้วหยิบมัดเชือกหนังขึ้นมาโยนใส่ผมเต็มๆ

ผมโยกหัวหลบมัดเชือกอันนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นมารับไว้ได้อย่างหวุดหวิด แล้วตอบสั้นๆ

“ทำร้ายลูกค้าว่ะ"

“สม!” เขาตอบผมแล้วยักไหล่ ก่อนจะถามต่อ "เอาแบบไหน สีอะไร? เลือกมาเร็ว”

เจ้าตัวพูดพลางยื่นกระดาษแข็งที่มีรูป dream catcher แปะอยู่หลายแบบมาให้ผมเลือก

“ไงก็ได้ ตามใจเลย"

“ดี -- เราจะได้ใส่พร็อพเยอะๆ จะได้แพงๆ"

เขาพูดพลางยิ้มกริ่ม ก่อนจะเริ่มเอาเชือกพันรอบวงกลมพลาสติกขนาดประมาณฝ่ามืออย่างช้าๆ
ผมมองฝ่ามือที่ดูนุ่มนิ่มกับนิ้วมือเรียวขนาดกะทัดรัดของเขาแล้วลอบยิ้มออกมา
มือน่ารักว่ะ...

รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง เครื่องรางดักฝันที่ยิ้มหวานทำอยู่ก็เสร็จเรียบร้อย เขายื่นมันมาให้ผมดู แล้วบอกกันว่า

“หมอถ่ายรูปแล้วอัพไอจีโปรโมทร้านให้เราด้วย วันจริงคนจะได้มาซื้อเยอะๆ"

ผมมองคนที่มีแววว่าจะเห่อเล่นขายของอย่างหนัก ก่อนจะวางของที่เพิ่งได้มาลงไปบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางหงายอยู่ แล้วส่งไปให้เขาทั้งคู่

“อ่ะ ถ่ายเองอัพเองเลย"

“โอเค"

เขารับคำสั้นๆ หยิบโทรศัพม์มือถือของผมไปปลดล็อค และกำลังจะถ่ายรูป

ในตอนที่ยิ้มหวานเงยหน้าขึ้นมาหามุมที่วิวสวยๆเพื่อจัดมุมถ่ายรูป เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเพื่อนๆทุกคนกำลังจับตาดูตัวเองอยู่เป็นตาเดียว

ผมสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ตอนที่ยื่นมือถือไปให้
แต่เขาก็ดูจะความรู้สึกช้าซะเหลือเกิน...

“มองไร?”

ใบหน้าน่ารักของเขาส่งสายตามองไปทางเพื่อนๆ ก่อนจะทำปากยื่นอย่างเอาเรื่อง ในขณะเดียวกัน ผิวแก้มขาวๆก็เรื่อสีชมพูขึ้นมาให้เห็น

ผมว่าเขาคงพอจะเดาได้ว่าที่โดนจับตามองอยู่นั้น ก็เพราะเจ้าตัวเอาโทรศัพท์มือถือของผมไปเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“สนิทกันดีเนอะ"

ยังคงเป็นเพื่อนสาวตัวแสบคนเดิมที่พูดออกมา ริมฝีเคลือบลิปสติกสีส้มเบะคว่ำลงนิดหน่อย ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไปทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยิ้มหวานดึงสายตากลับมาจากทุกคน ก่อนจะมองตรงมายังผมที่นั่งอยู่ตรงข้าม

ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากยิ้มมุมปากไปให้นิดหน่อย แล้วยักไหล่เหมือนคนไม่ได้ทำอะไรผิด

พอเห็นท่าทางของผม คนตรงหน้าก็ทำท่าจะโยนไอโฟนในมือเขามาใส่กัน จนผมต้องรีบยกมือขึ้นห้ามอย่างรวดเร็ว

พอเห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็หลุดขำ แล้วก็กลับไปถ่ายรูปของเขาไปเงียบๆ ก่อนจะอัพรูปโปรโมทให้ตัวเองเรียบร้อย

เย็นวันนั้นผมกลับบ้านไปโดยทีี่มี Dream Catcher อยู่ในมือ 1 อัน
จำได้ว่าตอนที่ยิ้มหวานเล่าเรื่องของเจ้าเครื่องรางอันนี้ให้ฟัง
เขาบอกผมว่า -- ในความเป็นจริงแล้วมันจะช่วยดักจับฝันร้ายได้เฉพาะในเด็กทารก

ผมยกห่วงกลมๆที่มีเชือกถักล้อมรอบและประดับด้วยขนนกขึ้นมาดูตอนที่ยืนอยู่กลางรถไฟฟ้าบีทีเอส แล้วยิ้มออกมา

ถึงแม้ตอนนี้ผมจะอายุเลยวัยของการเป็นเด็กทารกมาหลายปีแล้ว
แต่เครื่องรางอันนี้มันก็น่าจะยังช่วยสร้างฝันดีให้กับผมได้อยู่แหละ
เพราะคนที่ทำมันขึ้นมา ....เป็นยิ่งกว่าฝันดีของผมซะอีก


-   -   -


วันต่อมา หลังจากเรียนเสร็จตอนเกือบๆ 5 โมง ผมกับเพื่อนๆรวมแล้วประมาณสิบกว่าคนก็พากันมาที่หน้าคณะสถาปัตกรรมศาสตร์

มาถึงปุ๊บผมก็ไปเดินเล่นรอบงานกับพวกมันก่อนรอบนึงครับ เพราะผมเห็นแล้วว่าร้านของยิ้มหวานคนรุมเยอะสุดๆ จะเบียดเข้าไปก็คงจะยุ่งวุ่นวายน่าดู

พอเดินกลับมาอีกรอบแล้วพบว่าคนไม่แน่นหน้าร้านเขาเท่ากับตอนที่เพิ่งมาถึง ผมก็เลยขอแยกตัวจากทุกคนมา พร้อมกับฝ่ามือของเพื่อนๆที่รุมโบกกบาลผมตามหลังมาเต็มๆ

มาถึงโต๊ะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดปานกลางdream catcher วางขายอยู่เต็มไปหมด ผมก็ยกมือขึ้นโบกทักทายทุกคน แล้วถามออกไปแบบไม่เจาะจง

“ขายดีป่ะ?”

“ดีดิ พ่อค้าแซ่บขนาดนี้"

เพื่อนสาวตัวแสบตอบกลับมา  ก่อนจะชี้นิ้วหัวแม่มือไปทางคนที่กำลังเอาของใส่ถุงให้ลูกค้าอยู่

วันนี้เขาใส่หมวกแก็บสีอ่อนแบบที่หันปีกหมวกไปด้านหลัง นั่นทำให้ใบหน้าได้รูปและเครื่องหน้าอันลงตัวของเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกกว่าเดิม ยิ้มทีนึงนี่ โน่นครับ – สว่างไปถึงประตูทางออก

เขาคงหันมาแล้วเห็นว่าผมกำลังยกยิ้มอยู่พอดี เจ้าตัวถึงได้ขมวดคิ้วเข้า แล้วถามผมสั้นๆ

“ขำอะไรหมอ?”

“หัวเหม่ง!”

ผมพูดสั้นๆแล้วยื่นมือไปดีดหน้าผากเขาเบาๆ ก่อนจะโดนแก๊งเพื่อนเขาโห่แซวมาอีกยก
ผมยิ้มแล้วยักคิ้วไม่สะทกสะท้านกับคำแซว ก่อนจะเดินหน้าถามยิ้มหวานต่อไป

“จะกินไรมั้ย? เดี๋ยวไปซื้อให้"

“ยังไม่หิวเลย"

คนที่นั่งขายของอยู่เงยหน้ามาสบตาผม ก่อนจะส่ายหน้าให้พร้อมรอยยิ้มแล้วตอบ
พอดีกับที่มีคนเดินเข้ามาซื้อของ เขาก็เลยผละไปคุยกับลูกค้า

ผมมองเลยมายังกลุ่มเพื่อนๆของยิ้มหวานที่คุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเห็น 1 ในนั้น ชี้ไปที่ถุงกระดาษมากมายที่วางอยู่ด้านหลัง

ผมมองแล้วขมวดคิ้ว ก่อนจะถามออกมา
“อะไรวะ?”

“ของที่คนเค้าซื้อมาให้ไอ้นี่อ่ะดิ" 

ผู้หญิงตัวเล็กๆตาชั้นเดียวบอกเชื้อชาติ พูดพลางส่งสายตาไปให้คนที่กำลังขายของอย่างจริงจังจนไม่สนใจว่าจะมีใครนินทา

ผมมองไปยังถุงกระดาษของคาเฟ่เจ้าดังหลายร้าน รวมไปถึงคอฟฟี่ช็อปและร้านอาหาร ที่วางอยู่ข้างหลังแล้วอดไม่ได้ที่จะสอบถอนหายใจ...

นึกถึงประโยคที่ไอ้เบอร์ 1 ชอบพูดเวลาที่มันเห็นสาวน่ารักถูกสเป็คเดินมาคู่กันกับแฟนขึ้นมาทันที

จีบคนโสด คู่แข่งเป็นแสน
จีบคนมีแฟน คู่แข่งแค่คนเดียเองนะเว้ย!


เข้าถึงคำว่า 'คู่แข่งเป็นแสน' ในวาทะเด็ดของไอ้เพื่อนเวรแม่งก็วันนี้

ผมส่งสายตาไปยังถุงกระดาษที่วางเรียงอยู่อย่างมากมาย อย่างน้อยก็มากกว่า 10 ใบแน่ๆอ่ะ ถ้ามาจากพวกแฟนคลับเด็กๆของเขานี่ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ

แต่พวกที่มาเนียนจีบนี่สิ... เห็นถุงแต่ละใบแล้วรู้สึกหมั่นไส้อยากหอบมาเผาทิ้งแม่งให้หมด 
คิดไปคิดมาผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะสุดท้ายตัวเองก็ยังอยู่ในสถานะเดียวกันกับคนเหล่านั้นอยู่ดี

ที่มากันเยอะขนาดนี้เพราะเจ้าตัวอัพเดทลงอินสตาแกรมไปเมื่อคืนด้วยล่ะครับ ว่าวันนี้จะมาขายของที่นี่ และน่าจะอยู่ที่งานทั้งวัน พอเห็นแบบนั้น คนที่แอบปลื้มเขาอยู่คงตั้งใจจะมาเจอเจ้าตัวจริงๆ

สักพักผมก็ได้ยินเพื่อนของเขาพูดออกมา หลังจากที่ยิ้มหวานขายส่งของให้ลูกค้าคนล่าสุดเสร็จเรียบร้อย

“มึงไปพักก่อนมั้ย พ่อมารับแล้วเนี่ย"

“พ่อบ้านมึงสิ! เดี๋ยวรอไอ้สองคนนั้นกลับมาก่อน"

ผมฟังบทสนทนาของเขากับเพื่อนแล้วแอบขำอยู่ในใจ

ตอนอยู่กับเพื่อนเขาก็พูดจาไม่ต่างจากกลุ่มผมเวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่หรอก
แต่นิสัยที่ชอบหันไปทำหน้าดุแยกเขี้ยวใส่เพื่อนเวลาโดนแซวเรื่องผมนี่สิ - น่ารักดี

เพราะยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังบังหน้าร้านเค้าอีก ผมเลยบอกเขาว่าจะไปรออยู่ตรงด้านข้างของตึกที่อยู่เยื้องกับมุมที่เขาขายของอยู่ไปทางด้านหลังแล้วก็แยกจากเขามา เพราะบังเอิญมองไปแล้วเจอคนรู้จักยืนอยู่ตรงมุมสำหรับสูบบุหรี่พอดี

ผมเดินไปหาเพื่อนต่างคณะที่รู้จักกันช่วงแข่งบาสมหาลัย ทักมัน แล้วก็นั่งยองๆคุยกับไอ้คนที่กำลังอัดนิโคตินเข้าปอดอย่างไม่กลัวตาย แถมยังหันมาเสนอตัวแบ่งเชื้อมะเร็งให้ผมอย่างใจดี ก่อนจะเก็บกลับไป เมื่อผมเอ่ยปฏิเสธ

ผมคุยกับมันไปเรื่อยเปื่อยเรื่องการซ้อมบาสที่ส่วนใหญ่จะชอบนัดกันช่วงปิดเทอม เพราะเปิดเทอมได้ไม่นานการแข่งบาสของมหาลัยก็จะเริ่มต้นขึ้น

ผมฟังไอ้คนข้างๆบ่นเรื่องการหาสปอนเซอร์ให้ทีม โดยที่สายตายังคงมองคนที่เชียร์ให้ลูกค้าซื้อของพร้อมกับยกยิ้มสดใสอย่างไม่รู้จักเหนื่อย

ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับผู้ชายคนนึงที่เดินผ่านผมไปพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ทั้งคนที่เดินมาและดอกกุหลาบที่เจ้าตัวถืออยู่นั้นเด่นสะดุดตามาก จนคนที่เดินอยู่รอบๆยังต้องหยุดแล้วมองเจ้าตัวเป็นตาเดียว

ไม่ทันได้ถามอะไรออกมา ไอ้คนที่อยู่ข้างๆกันก็บ่นออกมาเบาๆ พร้อมปล่อยควันบุหรี่ออกมาทางลมหายใจ

“เล่นใหญ่ว่ะเฮ้ย"

“ใครวะ?”

“คุณชายคณะกูเอง เด็กปีหนึ่งว่ะ"

เด็กวิดวะนี่เอง...
ผมคิดพลางมองตามไอ้คนตัวสูงๆกับดอกกุหลาบของมันไปเรื่อยๆ ก่อนจะเริ่มรู้สึกตงิดๆขึ้นมาตอนที่ไอ้หมอนั่นไปหยุดอยู่หน้าร้านที่ผมเพิ่งเดินผละออกมา

ก่อนที่ผมจะได้คาดเดาอะไร ไอ้เด็กนั่นก็ยื่นดอกกุหลาบช่อใหญ่ตรงไปให้คนที่ผมตามจีบอยู่เช่นกัน ภาพตรงหน้าทำเอาผมตัวเกร็งขึ้นมาทันทีทันใด ก่อนจะจิ๊ปากออกมาด้วยความขัดใจ
แม่งเอ้ย! กูว่าแล้วไง!

ผมมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว รู้สึกอยากแย่งบุหรี่ที่ปล่อยควันสีขุ่นอยู่ระหว่างข้อนิ้วไอ้คนข้างๆมาอัดเข้าปอดขึ้นมาทันที

แว้บนึงผมเห็นว่ายิ้มหวานเหลือบมองมาทางนี้ ก่อนจะดึงสายตากลับไป

จากมุมที่ผมมองอยู่ คนที่มีสีหน้าหลากหลายอยู่เสมอกำลังปั้นหน้านิ่ง ใบหน้าที่มักจะประดับไปด้วยรอยยิ้มสดใส ยกยิ้มบางๆที่มุมปาก ก่อนจะฟังในสิ่งที่คนตรงหน้าพูดนิ่งๆ

พอมองเลยมาก็เห็นว่าคนที่อยู่รอบๆกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายทั้งรูปทั้งคลิปจากทุกมุม

ส่วนผม – ยอมรับเลยว่าความรู้สึกที่มีในใจตอนนี้คือ 'หวง'

ผมหวงคนที่นั่งห่างออกไปมากจนกระทั่งอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
แต่ที่ยังนิ่งอยู่ในตอนนี้ก็เพราะผมรู้สถานะตัวเองดี --  มันยังไม่ถึงเวลา

ก็เคยคิดอยู่หรอกครับว่าเขาน่าจะมีเข้าหาไม่น้อยอยู่แล้ว
แต่พอได้มาเห็นกับตาแบบนี้ พูดตรงๆเลยว่าภาพตรงหน้ามันสั่นคลอนความรู้สึกผมได้จริงๆ

ยิ้มหวานยังคงนิ่งฟังใครคนนั้นพูดอะไรก็ไม่รู้ ผมเองก็อยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียง
ในขณะเดียวกัน คนก็เริ่มเข้ามามุงมากขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องยืนขึ้น

“เสือกว่ะหมอ"

คำพูดของคนที่ยังเอาแต่สูบบุหรี่ไม่สนใจโลกทำเอาผมต้องยิ้มรับด้วยมุมปากแทนคำตอบ

ผมอาศัยความสูงที่มากกว่า แถมยังยืนอยู่บนพื้นที่ยกขึ้นมาเล็กน้อย มองฝ่าผู้คนเข้าไป ก่อนจะทันเห็นยิ้มหวานส่ายหน้าน้อยๆ แล้วดันช่อดอกไม้ที่ยื่นเข้ามา ให้ห่างออกจากตัวไป

พอเขาทำท่าทีอย่างนั้น คนที่มาด้วยความหวังเต็มเปี่ยมก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เด็กชะมัด...

ดูจากท่าทางแล้ว เดาว่าไอ้คนที่มาพร้อมช่อดอกไม้แดงๆนั่นกำลังคะยั้นคะยอให้ยิ้มหวานรับดอกไม้ในมือตัวเองไปให้ได้
ในขณะที่คนรับก็ยังคงยืนยันที่จะปฏิเสธ

ผมเดาเอาว่าน่าจะต้องมีอะไรมากกว่าดอกไม้แน่ๆ สถานการณ์มันถึงได้น่าอึดอัดขนาดนี้ ปกติยิ้มหวานใจดีมากเหอะ เวลาคนมาขอถ่ายรูปนี่ จะขอกอดขอจับมืออะไรเจ้าตัวก็ไม่มีปัญหา ไปโอบไหล่เขาก่อนยังมีเลย

ยื้อกันอยู่สักพัก  ในที่สุดเรื่องมันก็จบลงที่ดอกไม้ช่อใหญ่นั่นถูกเขวี้ยงลงที่พื้นหน้าโต๊ะขายของ

และทันทีที่กุหลาบแดงช่อใหญ่กระแทกลงกับพื้น เพื่อนสาวตัวแสบที่สุดของยิ้มหวานก็กระโดดเข้ามาร่วมวง แล้วเรียกไอ้หมอนั่นให้มาเก็บดอกไม้กลับไป เดาไม่ยากเลยว่าเขาต้องยอมแพ้ เดินกลับมาเก็บกุหลาบเยินๆช่อนั้นแล้วเดินคอตกกลับไป 

ผมมองความวุ่นวายที่ไม่ต่างกับฉากหนึ่งในละครตรงหน้าแล้วถอนหายใจ
ขนาดมาจีบผู้ชายแม่งยังมีผู้ชายมาเป็นคู่แข่งอีกเหรอวะเนี่ย?
แล้วแม่งก็ออกตัวแรงมากไง....

ตอนนี้สายตาของผมเอาแต่จับจ้องไปยังคนที่มีสีหน้าอึดอัดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน หลังจากความวุ่นวายจบลง เขาหันไปขอโทษเพื่อนๆทุกคน ก่อนที่เพื่อนๆของเขาจะมารุมปลอบเขาแทน

เห็นอย่่างนั้นผมก็ย่อตัวนั่งลงข้างๆไอ้คนที่ยังคงเอาแต่สูบบุหรี่ไม่สนใจโลก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความไปหาเขาสั้นๆ

*โอเคมั้ย? [/i]

เหมือนเพื่อนๆของยิ้มหวานจะบอกให้เขาออกมาพักหาอะไรกิน เจ้าตัวเลยลุกขึ้น พร้อมกับที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีข้อความเข้าใหม่ เขากดอ่าน ก่อนจะหันมายังทิศที่ผมนั่งอยู่ เห็นผมปุ๊บเขาก็เดินตรงมาทางนี้และหยุดลงตรงหน้า

“กินข้าวกัน หิวว่ะ"

ระหว่างนั้นผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาจากคนข้างๆ
ผมเองก็มองกลับ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มกวนตีนปรากฎขึ้นใบหน้าของมัน

“กูไปดีกว่า ปิดเทอมเล่นบาสกันเว้ย!"

พูดจบมันก็ลุกขึ้น ยื่นมือมาตบไหล่ผมหนักๆ ก่อนจะโบกมือลา พร้อมกับที่ผมโบกกลับไป

ยิ้มหวานยังคงยืนอยู่ตรงหน้า ดูจากสีหน้าแล้วเขากำลังสงสัยว่าทำไมผมไม่ยอมลุกขึ้นสักที
ในขณะเดียวกัน ปมขมวดยุ่งๆตรงหัวคิ้วก็เหมือนเป็นสัญญานเตือนว่าผมยังไม่ควรถามถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในตอนนี้

“หมอ ลุกดิ~”

“เมื่อยว่ะ"

“ขาชาเหรอ?”

“เปล่า...” ผมตอบพลางยื่นมือไปให้เขา แล้วพูดต่อสั้น "ขอจับมือได้ไหม?”

เราเคยเดินจูงมือกันไปแล้ว แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ที่มีคนเดินผ่านไปมาพลุกพล่านอย่างในตอนนี้
วันนั้นมันมืดมาก และตรงทางที่เราเดินกันไปนั้น ก็มีแค่ผมกับเขาอยู่ด้วยกันสองคน

“ฮี?”

“จับมือกัน จะได้ไม่หลงไง"

เหตุผลของผมทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาจนได้

“หลงบ้าอะไรล่ะ นี่คณะเราเว่ย!”

“งั้นจูงมือเรา แล้วพาเดินเที่ยวงานหน่อยดิ นศพ.ไม่รู้ทางครับ"

“มันก็แค่เดินตรงไปตามทางเท้าไม่ใช่รึไง?”

เจ้าตัวยังคงกลั้นขำ แล้วต่อล้อต่อเถียงกับผมต่อ

ยอมรับว่าที่ถ่วงเวลาอยู่อย่างนี้เพราะอยากให้คนตรงหน้าปรับความรู้สึกด้วยส่วนนึง
อารมณ์ขุ่นๆมาแล้วไปเดินเบียดกับคนในงานอีกนี่ไม่สนุกแน่ๆ 

“เหอะน่า...”

“...”

คนตรงหน้ายังคงนิ่ง แต่แววสดใสเริ่มกลับมาสู่นัยน์ตาของเจ้าตัวทีละนิด เพราะเห็นผมนั่งยองๆเงยหน้าขึ้นมองเขา ใช้สายตาแทนคำขอร้องเหมือนคนไม่มีที่ไปอยู่ตรงนี้

“นะ...”

“....”

“นะครับ...”

ผมเห็นเขาถอนหายใจออกมานิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วยื่นนิ้วชี้ออกมาให้ผมเพียงเท่านั้น

“ให้นิ้วนึง"

"....”

"เร็วๆหิวจะแย่แล้วเนี่ย! นับหนึ่งถึงสามไม่ลุกขึ้นมาเราไม่รอแล้วนะ!"

เขาพูดจบปุ๊บ ผมก็ยื่นมือออกมาแล้วเกี่ยวนิ้วมือเข้ากับปลายนิ้วเขาในทันที ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปข้างๆกัน
ไหล่ของเรากระทบกัน ตอนที่ผมกระซิบบอกกับเขาแผ่วเบา

“ขอบคุณครับ"




,

[มีต่อข้างล่างนะคะ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2015 13:04:03 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #559 เมื่อ10-07-2015 12:28:30 »

-


ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าที่ยิ้มหวานกำลังทำอยู่คือการช็อปกระจาย หรือการลงทุนโฆษณาร้าน

คนที่ปลายนิ้วมือเกี่ยวกันอยู่แบบหลวมๆกำลังลากผมไปแวะทางโน้นทีทางนี้ที
พอถูกใจอะไรก็ซื้อ ถ้าไม่ถูกใจก็หันมาถามผมว่า หมอซื้่อมั้ย? แล้วก็สั่งกำชับกับทุกคนก่อนเดินออกมาจากหน้าร้านว่า
'อย่าลืมไปซื้อดรีมแคชเชอร์ที่ร้านกูนะ! เดี๋ยวลดให้!'

ผมได้แต่มองพ่อค้ามือใหม่ที่แอบไปโฆษณาร้านตัวเองไว้กับทุกคนแล้วก็กลั้นขำมาตลอดทาง

“หมอไม่ซื้ออะไรเหรอ? เดี๋ยวจะถึงโซนของกินแล้วนะ"

“ยังไม่เจออะไรที่ถูกใจเลย"
ผมพูดพลางมองไปรอบๆอีกครั้ง  ก่อนจะรู้สึกว่ามือที่เกาะเกี่ยวกันอยู่นั้นกระตุกเบาๆ ก่อนที่ยิ้มหวานจะพูดออกมา

“อ๋อ! เพื่อนเราขายจิวด้วยนะ ป่ะ! ไปดูกัน”

พูดจบปุ๊บเจ้าตัวก็ลากผมให้เดินตามไป จนกระทั่งถึงร้านนึงที่มีคนเลือกของอยู่ก่อนแล้งสองสามคน พอเห็นว่าใครเป็นคนขายผมก็เอ่ยทักทันที

“อ้าว! หวัดดี"

คนที่ผมทักคือผู้หญิงผมยาวตรงสีดำสนิทที่เก็บผมข้างซ้ายขึ้นไปด้วยเปียแน่นๆ เพื่อโชวว์ต่างหูที่เจาะเรียงกันเป็นแนวยาว

ผมก็จำไม่ได้หรอกครับว่าเขาชื่ออะไร รู้แค่ว่าเรียนอยู่ศิลปกรรมศาสตร์ แล้วก็เคยเจอกันตอนไปกินเหล้า เพราะเขานั่งอยู่วงเดียวกับเฮีย

“รู้จักกันด้วยเหรอ?”

ยิ้มหวานดูงงๆที่ผมกับเขาทักทายกันอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ถามอะไรออกมา ปล่อยให้ผมดูทั้งจิวหูแล้วก็ต่างหูแบบแปลกๆที่วางอยู่เรียงราย

ดูไปเรื่อยๆผมก็ไปสะดุดตาเข้ากับอันนึง เป็นแบบห่วงเรียบๆธรรมดาแต่เป็นสีดำด้าน คือผมหาแบบนี้มาสักพักแล้วครับ แต่ขนาดมันไม่ค่อยพอดีเลยยังไม่ถูกใจ แล้วอันนี้ก็ดูเหมือนจะใกล้เคียงแบบที่ผมหาไว้ซะด้วย

หลังจากจับมันพลิกไปพลิกมาเพื่อสำรวจอยู่สักพัก ผมก็ตัดสินใจซื้อในที่สุด

“เอาอันนี้ เท่าไหร่วะ?”

“เอาข้างเดียวใช่ป่ะ? 350”

“ลดหน่อยดิ!”

ผมยังไม่ทันหยิบเงินเลยครับ แค่กำลังคลายนิ้วมือที่เกี่ยวกันอยู่ออก เพื่อจะหยิบกระเป๋าตังค์ พ่อค้ามือใหม่ข้างๆผมที่ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังเห่อการเล่นขายของก็รีบต่อราคาขึ้นมาทันที
ปฏิกริยาของเขาทำเอาผมแทบจะหลุดขำออกมาอีกครั้ง

“ลดหน่อยดิ"

“มึงซื้อรึไง? จะไปต่อให้คนอื่นทำไม?”

“ก็เพื่อนกูอ่ะ กูต่อให้เพื่อนไม่ได้ไง?”

พอฝั่งโน้นทำเสียงกวนตีนมา
ฝั่งนี้ก็ดูพยายามจะกวนกลับซะด้วย

ผมว่ายิ้มหวานเป็นคนน่าแกล้งนะ
ผมเจอเพื่อนเขากี่คนๆ ก็ดูเหมือนจะมีงานอดิเรกคือการแกล้งแซวให้เขาหน้ามุ่ยซะเป็นส่วนใหญ่

“แค่เพื่อนกูลด 5 บาท แต่ถ้าเป็นแฟนกูลด 50“

พอดีกับที่ผมหยิบแบงค์ห้าร้อยมาถือเอาไว้ในมือ และเก็บกระเป๋าตังค์ลงกางเกงไปเรียบร้อยแล้ว
ผมเงยหน้าขึ้นมา...พร้อมกับเลื่อนปลายนิ้วกลับไปเกี่ยวเกาะอยู่กับนิ้วมือของคนข้างๆเหมือนเดิม ก่อนจะยกมือขึ้นทันที

“แบบนี้ลดเท่าไหร่?”

ทันทีที่มือของผมกับเขาที่ยึดติดกันอยู่แบบหลวมๆถูกยกขึ้นมาอวดให้คนตรงหน้าเห็น ยิ้มหวานก็ทำเป็นขยับมือยุกยิกพยายามจะดึงนิ้วออกทันที

เขาหนีจากมือของผมได้สำเร็จพอดี ตอนที่คนตรงหน้าตอบกลับมา

“โห! หมั่นไส้ 300 ก็ได้วะ"​

ได้ยินอย่างนั้นยิ้มหวานก็หน้ามุ่ยกว่าเก่า ผมยื่นแบงค์ 500 ให้คนตรงหน้าไป
ก่อนจะรู้สึกได้ว่าคนข้างๆยกเท้าขึ้นมาเตะที่หน้าขาผมเบาๆ

“ล้อเล่น จริงๆคือกูตามจีบอยู่ว่ะ ยังไม่ติดเลยเนี่ย คิด 330 พอ เดี๋ยวเป็นแฟนกันเมื่อไหร่ค่อยตามไปซื้อในไอจีอีกอัน ตอนนั้นค่อยลด 50 บาทแล้วกัน"

คนที่กำลังจะทอนเงินให้ผมได้ยินเข้าก็หลุดขำ ก่อนจะยื่นธนบัตรสีแดงให้ผมมา 2 ใบ ก่อนจะหันไปพูดกับยิ้มหวาน

“อ่าว นึกว่าคบกันแล้วซะอีก – อะไรวะ คิ้วท์แล้วกั๊กเหรอ?”

ได้ยินอย่างนั้นปุ๊บ เจ้าตัวเถียงกลับไปทันทีครับ
“กั๊กบ้านมึงดิ!"
แต่คนฟังกลับไม่สนใจ เขาโบกมือใส่ยิ้มหวาน ก่อนจะหันมาคุยกับผมต่อ

“300 นั่นแหละ ถ้าจีบไม่ติดก็เอาตังค์มาคืน 20 ส่วนอีกสิบบาทสมทบค่าน้ำแข็งเผื่อหมอไปเมาย้อมใจ”

“ตั้ง10 บาท สงสัยต้องจีบให้ติดแล้วว่ะ"

ผมพูดพลางเหลือบไปมองคนข้างๆที่ยังคงตีหน้ายุ่ง แล้วยักคิ้วให้

“เราก็ว่างั้นแหละ – ดูหน้ามันดิหมอ งอแงแล้วว่ะ สงสัยน้ำตาลเกิน รีบลากมันออกไปเร็วๆ เดี๋ยวมันยกโต๊ะทุ่ม”

ผมหลุดขำ พอเห็นว่าคนพูดยกมือขึ้นแล้วหันฝ่ามือมาทางนี้ ผมก็แทคมือกลับไปเบาๆ

ก่อนจะรู้สึกสงสารปนเอ็นดูคนข้างๆที่ยังคงทำหน้าเอาเรื่องพร้อมจะแยกเขี้ยวงับเพื่อนที่นั่งไขว่ห้างสบายใจอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าผิวหน้าของเขาจะจับสีแดงระเรื่อ แบบที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหรือเพราะโดนแซวเข้าไปเต็มๆกันแน่

ผมเอื้อมมือไปหยิบนามบัตรที่วางอยู่มาใส่กระเป๋า เกี่ยวนิ้วมือเข้าด้วยกันกับยิ้มหวานแบบเดิม แล้วจูงมือเขาเดินออกมา ก่อนจะบอกทิ้งท้าย

“ไปละ ขอบคุณมาก เดี่ยวใส่ละถ่ายรูปแทกให้"

เดินออกมาได้สองสามก้าว คนที่กลับมาหน้าตาสดใสแบบที่ลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้โดนเพื่อนแกล้งก็หันมาหาผมแล้วเอ่ยถามทันที

“รู้จักกันด้วยเหรอ?”

“เคยเจอตอนไปกินเหล้ากับเฮีย"

“เมาตลอด~” เขาบ่นออกมาไม่จริงจังนัก

“มีแฟนเมื่อไหร่จะลดละเลิกเลยครับ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆจะโทรรายงานตัวทุกชั่วโมงแทนดีมั้ย?"

ผมพูดพลางก้มตัวลงให้ใบหน้าของเราเสมอกัน แล้วมองสบตากับเขาตรงๆ ก่อนจะรีบผละออกมา ตอนที่ผ่ามือของเขายกขึ้น แล้วตีลงมาบนไหล่ผมแรงๆ
ถ้ายังยืนท่าเมื่อกี้อยู่แล้วมือเขาเลยมาฟาดลงบนหน้าผมนี่จะไม่แปลกใจเลย -_-

“บอกทำไม?”

คนที่ไม่ยอมมองสบตากันทำเป็นถามขึ้นมาลอยๆแล้วเดินนำหน้าไป ส่วนผมก็ตอบกลับไปแบบไม่มีความหมายอะไร พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ขยี้เส้นผมนุ่มมือของเขาเบาๆ

“นั่นสินะ...”


- - -



หนึ่งในนิสัยเสียน่าตีของยิ้มหวานคือการที่เขาไม่ชอบกินข้าวครับ -_-
คือเจ้าตัวไม่ชอบกินอาหารหลักเป็นมื้่อๆไป เป็นแต่กลับรักการกินขนมของว่างจุกจิกวันเป็นชีวิตจิตใจ

อย่างในตอนนี้ที่เขามีทาโกยากิ เฟรนช์ฟรายด์ ไอศกรีม และน้ำปั่น วางอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด
ผมก็ได้แต่มองแล้วขมวดคิ้วเข้า เพราะยังไม่เห็นอะไรที่ดูเหมือนจะเป็น 'มื้อเย็น' ได้สักอย่าง
นี่มันของกินเล่นทั้งนั้นเลยไม่ใช่รึไง? -_-

“กินแต่ขนม..."

ผมพูดออกมาพร้อมกับเท้าคางมองคนที่ยังคงตักไอศกรีมใส่ปากอย่างมีความสุข

“ไม่อยากกินข้าวนี่"

เขาตอบแล้วคาบช้อนไอติมเอาไว้ ส่วนผมได้แต่ขมวดคิ้วส่งไปให้ จนคนโดนมองต้องรีบแก้ตัว
 
“เดี๋ยวขายของเสร็จเราอาจจะโดนลากไปกินอะไรกับพวกนั้นอีกรอบก็ได้ ตอนนี้กินรองท้องไปก่อนไง"

ได้ยินคำว่า 'อาจจะ' เหมือนกันใช่ไหมครับ? -_-

สุดท้ายแล้วผมก็ได้แต่สายหน้าเบาๆ มองคนที่ดื้อตาใสแจ๋วใส่กันแล้วก็ยอมแพ้
หันกลับมากินข้าวหน้าหมูทอดของตัวเองไปเงียบๆ

สักพักผมก็กินข้าวหมด เลยนั่งมองคนข้างๆจิ้มทาโกยากิใส่ปาก พร้อมกับนั่งดูอะไรไม่รู้อยู่ในอินสตาแกรมจนผมต้องขยับเข้าไปดูด้วยแล้วเอ่ยถาม

 “ดูอะไรอ่ะ?”

เขาหันหน้ามามองผมแล้วตอบยิ้มๆ

“เช็คเรทติ้งร้าน" พูดจบก็ดันถาดทาโกยากิมาให้ตรงหน้า แล้วส่งสายตามาบอกกันว่า กินดิๆ

“เป็นไงมั่ง?”

“ดูสิ - ถ่ายรูปสวยกันมากเลยเนอะ"     

เขาพูดพลางเปิดรูปที่แทกมาในอินสตาแกรมของร้านให้ผมดูไปเรื่อยๆ
เจ้าตัวน่ะนั่งดูรูปอยู่ครับ แต่ผมเนี่ยเอาแต่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างของเขา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเจ้าตัวไปด้วย

“เมื่อกี้เราคุยกับเพื่อนเล่นๆด้วยอ่ะ ว่าจะลองขายของต่อในไอจีดีไหม ไหนๆก็เปิดแอคเค้าน์ไว้แล้ว มีคนถามมาในข้อความเยอะด้วยแหละว่าจะเปิดขายไหม หมอว่าดีป่ะ?”

เขาถามออกมาทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้ามามองผม

“อืม...ก็น่าสนนะ แต่จะมีเวลาทำไหม จะสอบไฟนอลแล้วด้วย”

“นั่นสินะ"
เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะหันมามองกันแล้วทำหน้ามุ่ยลงไป จนผมต้องพูดต่อ

“เฮ้ย! ที่พูดนี่ไม่ได้ห้ามนะ แต่ให้ลองคิดดู ก็ถ้าจะทำต่อแต่ไฟนอลก็ใกล้เข้ามาเหมือนกัน คงไม่มีเวลามานั่งทำของขายอยู่แน่ๆ ก็คิดดูดิว่าจะแก้ปัญหายังไง จะขายแต่แบบที่ให้คนซื้อต้องเอาไปทำเองก่อนไหม หรือจะหยุดขายไปก่อน แล้วก็โฆษณาว่าจะมีของอีกเมื่อไหร่..."

“อะฮะ" เขารับคำแค่นั้นแล้วก็เงียบไป โดยที่ดวงตากลมๆของเขายังคงมองตรงมาที่ผม "พูดต่อดิ"

ผมงงไปนิดหน่อย ก่อนจะลองนึกต่อไปว่าถ้ายิ้มหวานเปิดร้านขายย dream catcher ขึ้นมาจริงๆจะต้องทำอะไรอีกบ้าง

“อ๋อ แล้วก็เรื่องเพื่อน รอบนี้ทำกันหลายคนใช่มั้ย ก็ลองไปคุยกันก่อนว่าจะทำต่อทุกคนไหม แล้วก็เรื่องเงินของงานนี้เคลียร์ให้จบไปก่อน แล้วค่อยขึ้นเรื่องอินสตาแกรม -ประมาณนี้แหละมั้ง"

“จริงๆเรียนบริหาร แล้วมาโม้ว่่าเรียนหมอป่ะเนี่ย"

ได้ยินเขาพูดแล้วผมก็หัวเราะรับ ก่อนตอบ
“โดนจับได้ซะงั้น"
 
“บ้าดิ ถ้าเราโดนหลอก follower แสนกว่าคนในไอจีหมอก็โดนหลอกไปพร้อมกับเรานั่นแหละ"

“ฮึ? แอบมาดูไอจีคนอื่นเค้าอีก"

“ไม่ใช่ เราไปเช็คคอมเม้นต์รูปที่เราลงไว้เหอะ หมอนั่นแหละ แอบส่องเราแน่ๆ เรารู้!"

“ก็ต้องส่องดิ จีบอยู่ก็ต้องคอยจับตาดูเผื่อจะมีคู่แข่งเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดวันนี้อยู่ดีๆยังโผล่มาจากไหนไม่รู้ ตัวเบอเริ่มเลย"

ยิ้มหวานหันมาย่นจมูกใส่ผม แต่ไม่ช่วยเถียงแก้ตัวอะไรแสดงว่าคงไม่ถูกชะตาไอ้หมอนั่นอยู่พอตัวล่ะมั้ง
ผมเองก็เงียบไปเช่นกัน แล้วปล่อยให้ความเงียบบางเบาก็เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน 

เสียงที่ดังผ่านเรายังคงเป็นเสียงพูดคุยของคนรอบตัวประกอบกับเสียงตะโกนโหวกเหวกขายของของเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่

ก่อนที่ผมจะเป็นคนทำลายความเงียบนั้น

“นี่...”

คำพูดของผมทำให้คนที่คนที่มองไปยังร้านค้ามากมายต้องดึงสายตากลับมามามองกัน เขาเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไร?

“มีอะไรจะพูดอีกนิดนึง ช่วยฟังกันหน่อยได้ปะ"

“โอเค”

เขาตอบรับแล้วหันมามองผมเต็มตา สีหน้าเจือความสงสัย แล้วก็ดูตื่นเต้นนิดหน่อยอยู่ในที

“เมื่อกี้อ่ะ โคตรหวงเลยรู้มั้ย?"

“...” คนฟังได้ยินอย่างนั้นก็ทำตาโตใส่กัน จนผมต้องพูดต่อ

“ตกใจอะไร? -- คือเราก็รู้นะเว่ยว่าไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะหวงได้ แต่ก็หวงไปแล้วไง ไม่ชอบให้ใครมาจีบเลย"

“....”

“แค่มาแอบชอบยังเคืองว่ะบอกเลย"

คำพูดของผมทำให้เขาหลุดยิ้มขำๆออกมานิดหน่อย และถ้าไม่ได้คิดไปเอง ผมว่าผมเห็นท่าทีเขินๆของเขาซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น

คนตรงหน้าผมเงียบไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะยกร้อยยิ้มบาง แล้วพูดออกมาสั้นๆ

“ช่วยไม่ได้ว่ะ แล้วก็....”

“...”

“ขอบคุณนะหมอ – ขอบคุณที่ช่วยคิดเรื่องของเราแบบโคตรจะจริงจัง แล้วก็ขอบคุณมากๆเลยที่ไม่พุ่งเข้ามาอีกคนตอนที่อะไรๆมันกำลังวุ่นวาย"

ในตอนแรกผมยังงงๆอยู่ แต่ก็มาเข้าใจในคำขอบคุณของเขาทันทีที่เจ้าตัวพูดต่อเพื่อขยายความ ระหว่างที่เขายกแก้วน้ำขึ้นมาแล้วดูดน้ำปั่นในเข้าไปเพื่อจะช่วยลดอาการประหม่า ผมก็เป็นฝ่ายพูดต่อ

“อืม ที่ไม่ไปยุ่งเพราะคิดๆดูแล้วว่า ถ้าผู้ชายสองคนจะมาทะเลาะกันเรื่องผู้ชายเนี่ย เราว่าคนกลางคงไม่สนุกเท่าไหร่หรอกมั้ง – เลยไม่ได้โชว์แมนเลยว่ะ"

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังห้ามตัวเองไม่ให้ออกไปยุ่งกับเหตุการณ์วุ่นวายที่อยู่ตรงหน้า

ผมคิดถึงความรู้สึกของเขา – ผมรู้ว่าถ้าตัวเองเดินเข้าไปร่วมวงอีกคน คนกลางอย่างยิ้มหวานจะต้องรู้สึกไม่ดี และนั่นทำให้ผมตัดสินใจรับบทผู้ชมต่อไปจนจบ

“ขอบคุณมากเลย"

เขาตอบผมกลับมาด้วยคำพูดเดิมอีกครั้ง แต่ทว่าในคราวนี้ ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
...ท่าไม้ตายที่ยังคงเล่นงานผมให้กลายเป็นฝ่ายน็อคเอ้าท์ได้เหมือนทุกที

“เล่าให้ฟังหน่อยได้ปะ ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

คนที่ยังคงเอาหลอดจิ้มลงไปในซ้ำๆในแก้วน้ำแข็งทำสีหน้าเหมือนกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ ก่อนจะค่อยๆเล่าออกมาอย่างช้าๆ

“ก็คนๆนั้นอ่ะ เค้าเอาดอกไม้มาให้เรา บอกว่ามันแทนความรู้สึกของเขา ให้เรารับเอาไว้ -- ซึ่งเรายังรับไว้ไม่ได้ไง ต่อให้เขาอยากให้เราเฉยๆ นาทีนั้นเราก็รับไว้ไม่ได้อยู่ดี เพราะคนมุงเยอะมากอ่ะ ถ้าเรารับไว้อาจจะมีข่าวลือแปลกๆก็ได้"

“รู้จักกันมาก่อนเหรอ?”

คนฟังส่ายหน้า ก่อนจะอธิบายต่อ

“ไม่อ่ะ แต่ก่อนหน้านี้มีถุงของแบรนด์เนมมาวางอยู่ที่หน้ารถเรา เราก็คิดว่าคนอื่นน่าจะลืมไว้มั้ง เลยเอาไปฝากพี่ยาม พออีกอาทิตย์นึงได้มั้ง ก็มีมาวางอีก เราก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็เอาไปฝากพี่ยามไว้เหมือนเดิม บอกว่าน่าจะมีคนลืมเอาไว้แล้วก็ลืมๆไป"

"....”

"เราคิดน้อยไปด้วยมั้ง เพราะชอบไปเจอช่วงก่อนกลับบ้าน คือเราเหนื่อยๆง่วงๆด้วยไง เลยไม่ค่อยอยากใส่ใจ กลับบ้านปุ๊บเราก็รีบเข้านอน บางวันไลน์หมอเรายังไม่ได้ตอบเลยใช่มั้ยล่ะ พอวันต่อมาเราก็เลิกใส่ใจไปละ เพิ่งรู้เมื่อกี้ตอนเจ้าตัวพูดออกมานี่แหละ ว่าเป็นของเขา"

“ก็คิดน้อยไปจริงๆนั่นแหละ ไม่ระวังตัวเลยว่ะ"

“หมอ...อย่าว่าดิ ก็เราเพลียไง อยากกลับบ้านเร็วๆจะแย่ ใครจะไปคิดว่าจะเป็นของที่คนตั้งใจเอามาวางไว้เล่า"

ผมมองคนที่เถียงผมหน้ายุ่งแล้วหลุดยิ้มกับความคิดของตัวเอง
จะว่าไปยิ้มหวานก็เป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้จริงๆนั่นแหละ ขนาดตอนที่ผมแกล้งลืมชีทไว้ เขายังไม่คิดอะไรมากมายไปมากกว่าการจะเอาชีทมาคืนเจ้าของเลย...

คิดได้อย่างนั้นผมก็หันไปเอาปลายนิ้วจิ้มแก้มเขาเบาๆแล้วพูดต่อ

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร"

“ลองว่าดิ นี่ถิ่นเรานะเว้ย"

“ครับผม – แค่กำลังคิดอยู่ว่าคู่แข่งเยอะว่ะ จีบเปิดเผยขนาดนี้ยังกล้า สงสัยต้องเฝ้าแบบเช้าถึงเย็นถึงทุกวันแล้วมั้ง มากางเต็นท์นอนหน้าตึกถาปัตย์เลยดีป่ะวะ"

พูดจบผมก็เหลือบสายตาไปมองเขา พอเราสบตากันเข้า เขาก็แกล้งทำเป็นเมินไปทางอื่น

ความจริงแล้ว คนก็เริ่มรู้มากขึ้นแล้วนะ ว่าผมตามจีบเขาอยู่ อย่างน้อยในคณะเขานี่ก็น่าจะรู้กันเยอะพอตัว เพราะผมก็มานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนเขาที่ใต้ตึกคณะบ่อย บางทีก็แวะเอาโน่นเอานี่มาส่งให้ประจำ

“เว่อร์! มามหาลัยเนี่ยมาเรียนหนังสือนะ ไม่ได้มาเป็นพี่ยาม"

“ล้อเล่นน่า แต่ต้องระวังตัวมากขึ้นรู้มั้ย เวลาใครเอาอะไรมาให้ก็อย่าไปรับ ถ้าเอามาวางไว้มั่วๆก็ทิ้งไว้ที่เดิมเลยก็ได้"

ผมฉวยโอกาสสั่งเขาไปในตัว ก่อนจะต้องขมวดคิ้วเข้าเพราะคำตอบที่ได้ยิน

“โอเคครับ – เวลามีนักศึกษาแพทย์เอาเสบียงมาหย่อนหน้าตึกผมก็จะไม่รับเลยสักอัน พอใจยังครับคุณหมอ?"

“ยิ้มหวาน..."

ผมพยายามกดเสียงให้ต่ำ ก่อนจะเรียกเขาเบาๆเหมือนจะขู่
แต่คนโดนขู่กลับหันมามอง แล้วแลบลิ้นใส่ผมซะงั้น   

สุดท้ายผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ดึงถาดกระดาษแข็งที่เคยมีสารพัดขนมที่เจ้าตัวกินเข้าไปหมดแล้วมารวมกับส่วนของผม ก่อนจะลุกขึ้น

“รู้สึกดีขึ้นรึยัง? อยากกลับไปขายของมั้ย?"

“อืม กลับกันเหอะ"

เขารับคำ ก่อนจะรวบหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ของผมมาถือไว้ให้ แล้วลุกขึ้นยืน พอผมเดินกลับมา เจ้าตัวก็ยื่นของของผมที่ถือไว้กลับมาให้ พร้อมกับเอามืออีกข้างที่ซ่อนไว้ทางด้านหลังออกมา

“นี่! ทิ้งแล้วใช่มั้ย?”

มันคือจิวอันที่ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อกี้แล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ซึ่งน่าจะหล่นออกมาจากกระเป๋าตอนผมนั่งอยู่แล้วก็ลุกขึ้นเมื่อกี้ล่ะมั้ง

“อ้าว หล่นเมื่อไหร่เนี่ย?"

“ไม่รู้อ่ะ ดีนะเราเห็นก่อนว่ามันตกอยู่"

เขายื่นของที่อยู่ในมือคืนมาให้ผม จิวหูสีดำอันเล็กๆยังคงอยู่ในถุงซิปล็อคขนาดเท่าฝ่ามือเหมือนกับตอนที่ผมได้รับมันมา ผมยกมือขึ้นจับติ่งหูตัวเอง ก่อนจะพบว่ายังมีรอยที่ผมเจาะเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ใส่อะไรลงไปเหลืออยู่พอดี รู้อย่างนั้นผมก็พูดออกมาสั้นๆ

“ใส่ให้หน่อยดิ"

พูดจบผมก็ก้าวไปประชิดเข้ามากขึ้น ก่อนจะยืนกางขาให้ตัวเตี้ยลงนิดหน่อย แล้วแบมือยื่นของที่อยู่ในนั้นไปให้คนที่ยังคงทำหน้ายุ่งๆ


ผมมองสบตาเขา แล้วก็เห็นว่ายิ้มหวานหรี่ตามองมาที่ผมอย่างไม่ไว้ใจ จนต้องพูดย้ำ

“มองไม่เห็น ช่วยหน่อยดิ ใส่กระเป๋าไว้เดี๋ยวก็ตกหายอีก ใส่ไว้ที่หูปลอดภัยกว่าน่า"

“...”

“อุตส่าห์ต่อราคาให้เราจนโดนแซวซะขนาดนั้น ถ้าหายไปไม่เสียดายเหรอ?”

เขาฟังคำพูดของผมแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับเปิดถุงซิปล็อคออก เทของที่อยู่ข้างในออกมา พร้อมกับบ่น 

“เจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆแล้วนะนศพ.”

พูดจบเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ผมอีกหน่อยแล้วยกมือขึ้นมาใส่จิวให้ผมอย่างเบามือ
ระยะห่างระหว่างเรามันชวนให้ใจเต้น ถึงแม้ว่ายิ้มหวานจะพยายามเอนตัวหนีผมไปข้างหลัง แถมยังเหยียดสุดแขนตอนที่ใส่จิวให้กัน

แต่อย่างไรก็ตามสัมผัสเบาๆจากปลายนิ้วของเขาก็ทำเอาผมแทบลืมหายใจอยู่ดี
สายตาของผมมองใบหน้าคนที่เม้มปากเข้าจนเป็นเส้นตรงแล้วได้แต่กลั้นยิ้ม จนกระทั่งเขาผละออกไป ผมก็เอ่ยขอบคุณเบาๆ

“ขอบคุณครับ"

“เราก็ขอบคุณหมอสำหรับวันนี้เหมือนกัน"

“รอบที่สามแล้ว เหรอว่าสี่?”

“จะไปรู้เหรอ เราไม่ได้นับ แต่ยังไงก็ขอบคุณอยู่ดีแหละ"

ผมพยักหน้ารับคำพูดของเขา ก่อนจะเลื่อนมือเข้าไปใกล้ แล้วเกี่ยวปลายนิ้วของเราเอาไว้ด้วยกันไม่ต่างจากตอนที่เดินมา ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่บีบปลายจมูกของเขาแล้วบิดไปมาอย่างมันเขี้ยวจนเจ้าตัวร้องออกมา ผมถึงยอมปล่อยก่อนจะพูดต่อ

“ไม่ต้องขอบคุณเรามากขนาดนี้ก็ได้"

“....”

“เพราะทุกอย่างที่เราทำลงไปอะ เราหวังผลทั้งนั้นแหละ"



tbc. 


- - - - -


รู้ว่าคนจีบเยอะก็รีบๆขอเป็นแฟนไหมล่ะนังหมอ
ว่าไงฮึ?

อย่างที่เราเคยบอกไปแล้วว่า
ตอนแรกเราตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้แป็นเรื่องสั้นตอนเดียวจบค่ะ
เขียนไปเขียนมาก็แอบรุ้สึกว่าคนอ่านจะเบื่อเหมือนกันนะเนี่ย
นอกจากเจ้าสองคนนี้จีบกันไปจีบกันมา ก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ *แหะๆๆ*
เราอยากให้เขาใกล้กันมากขึ้นทีละนิดทีละหน่อย
อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า หมอยังไม่เบื่อที่จะหยอดยัยนิ้มเลย

ขอบคุณนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2015 12:56:37 โดย kipuuu »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
« ตอบ #559 เมื่อ: 10-07-2015 12:28:30 »





ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #560 เมื่อ10-07-2015 12:39:38 »

 :katai2-1: :katai5:

ออฟไลน์ pungpondppp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #561 เมื่อ10-07-2015 12:45:32 »

โอ้ยหมอออออ  :katai1: ยิ้มหวานก็น่ารักกกก  :hao7:

ออฟไลน์ pannuna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #562 เมื่อ10-07-2015 13:14:11 »

โอ้ยยยยยยยยย เป็นเรื่องที่แบบจีบกันไปมาแต่ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลยยยยย
น่ารักมาก อ่านไปยิ้มไป  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #563 เมื่อ10-07-2015 13:14:45 »

หวานละมุน กลมกล่อม  :o8:  ฟีลลิ่งนี้เลย

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #564 เมื่อ10-07-2015 13:20:50 »

บ้าๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆ หมอขี้หวงเล่นซะเขินตามยิ้มหวานเลยเนี่ย
ก็เขาน่ารัก คนตามจีบก็ต้องเยอะเป็นธรรมดานะคุณหมอ กิกิ
รอๆๆๆๆๆ อยากอ่านตอนที่เขาเป็นแฟนกันแล้วเนี่ยกีปู

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #565 เมื่อ10-07-2015 13:21:52 »

งื่ออออ น่ารักที่สุดเลยๆๆๆๆ

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ไม่เบื่อค้าาาา

ออฟไลน์ fangiily

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +741/-12
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #566 เมื่อ10-07-2015 13:23:59 »

โอ๊ยยย ดีนะกินข้าวเสร็จไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงกินอะไรไม่ลงเพราะความหวานของคู่นี้ค้ำคอจนกลืนไม่ลง (แปลกๆ เนอะว่าไหม)

สงสัยหมอต้องประกาศมากกว่านี้แล้วละ อัพรูปบอกรักลงไอจีแท็กหายิ้มหวานเลอ เปิดตัวๆๆๆ 555555555

รอตอนต่อไปนะคะ ^^

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #567 เมื่อ10-07-2015 13:31:05 »

ยิ่งอ่านยิ่งหลงพี่หมอ

ออฟไลน์ PAnppyJunJii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #568 เมื่อ10-07-2015 13:33:21 »

ไม่เบื่อเลยค่ะพี่กีปูว์  ยิ่งอ่านยิ่งชอบ  นศพ. ขี้อ่อย  :hao3:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #569 เมื่อ10-07-2015 13:51:39 »

ชีวิตจริงก็แบบเนี้ยแหละเนอะ แบบว่าค่อยๆจีบ ค่อยๆดูกันไป มันน่ารักมากกกกก :o8:
รอให้มั่นใจในกันและกันอีกหน่อย คนเชียร์อย่างเราไม่รีบ อยากให้ยิ้มหวานโดนหมอจีบนานๆ อิอิ :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด