-THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>  (อ่าน 707477 ครั้ง)

ออฟไลน์ pollapat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #660 เมื่อ06-08-2015 18:01:53 »

คิดถึงยิ้มหวานจุง

ออฟไลน์ spsygk

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #661 เมื่อ06-08-2015 22:59:55 »

น่ารักกกกกกก

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #662 เมื่อ09-08-2015 23:47:13 »

ทนไม่ไหวแล้วววววว  ฟินมาก  กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม  โอยยยยยยชอบแรง :-[

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #663 เมื่อ10-08-2015 00:08:35 »

TT  หายไปเลยยยยยยยย ย ยย

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #664 เมื่อ10-08-2015 09:22:32 »

โอ้ยยยย น๊อออ คิดฮอดน๊อออ  มาถ๊ออ ออ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #665 เมื่อ10-08-2015 12:29:22 »

หมอกับยิ้มหวานหายไปไหนค้าา

ออฟไลน์ dewspecial

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #666 เมื่อ10-08-2015 12:59:08 »

ไม่เบื่อเลยค่ะ
ชอบฟีลเรื่องนี้ อ่านแล้วละมุนมาก 55555
ทั้งหมอ ทั้งยิ้มหวานน่ารักกันทั้งคู่กัน
 :-[ :-[

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #667 เมื่อ10-08-2015 13:11:26 »

ครบเดือนแล้ว สงสัย หมอ กับ ยิ้มหวานจะเรียนหนัก ถึงได้หายไปเลย!!

ออฟไลน์ biibbmnt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #668 เมื่อ10-08-2015 14:46:15 »

คิดถึงหมอกับยิ้มหวานน้าาา

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #669 เมื่อ10-08-2015 14:56:42 »

มารอ~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
« ตอบ #669 เมื่อ: 10-08-2015 14:56:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #670 เมื่อ12-08-2015 13:53:03 »

มาต่อเหอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :ling1: :katai1:

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #671 เมื่อ14-08-2015 23:41:31 »


ถ้ากรี้ดกร้าดในทวิต ฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ ด้วยน้า จะเข้าไปส่อง : )
ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor




- 12 -




เช้าวันอาทิตย์...
ผมตื่นนอนตั้งแต่หกโมงด้วยสภาพไม่ต่างจากซอมบี้
ยังไม่ทันลืมตาก็ใช้มือตบสะเปะสะปะไปบนเตียง ก่อนจะเจอสิ่งที่ตามหาอยู่ ... โทรศัพท์มือถือ

ผมคลำไปกดปุ่มให้จอมันสว่างวาบขึ้นมา ก่อนจะพบว่ามันเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง แสงสว่างจากหน้าจอทำเอาผมต้องหลับตาลงอีกครั้ง รอจนม่านตาปรับสภาพถึงได้ลืมตาขึ้นมา ปลดล็อคแล้วกดหาเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง เพื่อจะกดโทรออก ก่อนจะกดเปิดลำโพง โดยที่ยังคงฟุบหน้าอยู่กับหมอนหนุน

ผมนอนฟังเสียงเรียกโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ พอสายนั้นตัดไป ก็ต้องกดโทรออกซ้ำอีกครั้ง ทำอย่างนี้อยู่สามครั้ง ในที่สุดก็มีคนรับสาย

“อืม....”

“ซอมบี้นศพ. เรียกซอมบี้สถาปนิกครับ"

“อืออ~~ ตื่นแล้วๆ ขอบคุณนะหมอ"

“ครับผม"

การสนทนาด้วยเสียงงัวเงียที่ฟังไม่ค่อยจะได้ใจความจบลง...
เมื่อฝ่ายนั้นกดตัดสายเรียบร้อย ส่วนผมก็หลับต่อไปอย่างรวดเร็ว

นี่แหละครับ สาเหตุที่ผมต้องขุดตัวเองขึ้นมาในเวลาหกโมงเช้าของวันหยุด
....เมื่อคืนยิ้มหวานบอกว่าให้ผมช่วยโทรปลุก

ก่อนหน้านี้เจ้าตัวบ่นกับผมว่า งานที่ต้องส่งวันจันทร์ถูกเลื่อนให้มาส่งวันอาทิตย์
อ่านไลน์ที่เขาส่งมาจบปุ๊บ ผมก็ซึ้งขึ้นมาทันทีเลยว่า สถาปัตย์ไม่ใช่เรื่องตลก
วันอาทิตย์ทั้งที คนปกติที่ไหนเค้าตื่นมาพรีเซนต์งานกันวะ?

เพราะทั้งเขาและเพื่อนต่างก็อยู่ในสภาพซอมบี้เดินได้ไม่ต่างกัน
เขาเลยขอร้องให้ผมช่วยโทรปลุกอีกแรง เพราะกลัวว่าจะหลับเป็นตายกันหมดทั้งแก๊งค์จนลืมตื่นมาส่งงาน

เอาจริงๆป่ะ - มันเป็นคำของ่ายที่ทำให้ผมโคตรจะรู้สึกดีเลย

,


ผมตื่นนอนอีกครั้งตอน 8 โมงตรง เพราะนัดกับไอ้เบอร์ 1 ไว้ว่าจะไปฟิตเนสกัน หลังจากที่เมื่อคืนมันไลน์มาบ่นเรื่องขี้เกียจอ่านหนังสือ แล้วก็จบลงตรงประเด็นที่ว่าเดือนนี้ทั้งผมและมันเข้าใช้ฟิตเนสได้ไม่คุ้มค่ารายเดือนที่จ่ายไปได้ยังไงก็ไม่รู้

ผมกับมันมาถึงพารากอนตอน 9 โมงกว่า ขึ้นไปชั้นฟิตเนสแล้วก็แยกกันไปออกกำลังกายแบบไม่สนใจกัน ผ่านไปได้ 2 ชั่วโมง ก็หยุดครับ ไอ้เบอร์ 1 กลับบ้านไปอ่านหนังสือของมันต่อ ส่วนผมกะว่าจะลงไปซื้อของที่กูร์เม่ต์มาร์เก็ตด้านล่างแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะกลับบ้านหรือไปหาที่นั่งอ่านหนังสือสบายๆดี

ในความคิดของผม พารากอนช่วงที่เพิ่งเปิดใหม่ๆน่าเดินกว่าช่วงเย็นๆไปจนถึงหัวค่ำอย่างเห็นได้ชัด ทางเดินที่ปกติมีคนเดินสวนกันไปมาตลอด ตอนนี้กลับโล่งจนรู้สึกเหมือนกับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้กว้างขึ้นกว่าทุกวัน

ระหว่างที่กำลังมองบรรยากาศโดยรอบแบบไม่คิดอะไร อยู่ดีๆสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งในเสื้อนักศึกษาสีขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าไปในซุปเปอร์ฯ

...มองจากมุมที่ผมยืนอยู่ มีความเป็นไปได้สูงเลยว่านั่นจะเป็นกลุ่มของยิ้มหวานกับเพื่อนๆของเขา
ผมเดินเข้าไปใกล้จนแน่ใจว่าสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ไม่ผิด - ยิ้มหวานจริงๆด้วย...

เท่าที่ฟังเขาเล่าผมคิดเอาเองว่าน่าจะพรีเซนต์งานเสร็จกันตอนเที่ยงไปจนถึงเกือบบ่ายโมงครับ ระหว่างนั้นเลยไม่ได้ทักไปเพราะรู้ว่าเขาวุ่นวายเรื่องเรียนอยู่ ผมก็ไม่อยากไลน์ไปกวนเหมือนกัน แต่นี่มันเพิ่ง 11 โมงกว่าเอง...

ก่อนจะได้ทักทาย เพื่อนคนนึงในกลุ่มก็สังเกตเห็นผมเข้าพอดี ถึงได้ยกมือขึ้นโบกแล้วก็เรียกกัน ผมยกมือขึ้นโบกกลับ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหากลุ่มตรงหน้า พอไปถึงก็เอ่ยทักแล้วถามออกมาสั้นๆ

“หวัดดี...มาทำไรอะไรกัน?”

คำถามที่ถามนี่ จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เจาะจงเลยนะ ว่ากำลังถามใคร แต่ก็ต้องหลุดขำ ตอนที่เพื่อนยิ้มหวานยกแขนขึ้น ก่อนจะเอาข้อศอกจิ้มที่ตัวเขาแรงๆแล้วพูดขึ้นมา

“หมอถามมึงอ่ะ"

คนที่ยืนตาปรือแวะทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อนก่อนนิดนึง ถึงจะหันมามองผมแล้วตอบ

“ซื้อของ จะต้มมาม่ากิน"
พูดจบก็หาววอดเลยครับ ใกล้กำหนดส่งงานเมื่อไหร่ ยิ้มหวานในโหมดนี้ก็จะแวะมาทักทายกันตลอด
น่ารักดี...

“อ๋อ...”

ผมรับคำเบาๆ พร้อมกับนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเขาก็เล่าเรื่องที่เพื่อนๆอยากกินมาม่าตอนตี 2 มาทางไลน์
ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป เพื่อนอีกคนนึงช่วยอธิบายเพิ่มมาอีก

“หมอรู้จักมาม่าเจ๊โอวมั้ย? ที่ใส่เครื่องเยอะๆอ่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับถึงแม้จะไม่ได้รู้จักร้านที่เค้าบอกมาสักเท่าไหร่ แต่ฟังๆดูแล้วก็พอเดาได้อยู่ว่าร้านที่ว่านั่นจะเป็นเจ้าที่ขายมาม่าที่ใส่หมูหมึกกุ้งมาเยอะๆกับไข่สองสามฟอง เพราะเคยได้ยินเพื่อนในคณะพูดถึงอยู่บ้าง

"เมื่อวานนั่งทำงานใช่มั้ย ละเราแบบโคตรอยากกินอ่ะ แต่จะทิ้งงานไปกินก็ไม่ได้ไง ไฟลนตูด วันนี้พรีเซนต์เสร็จเลยจะทำกินกันเองที่คอนโดของคุณหนูเค้าแหละ ร้านมันขายตั้งห้าทุ่ม ขี้เกียจรอ"

ผมฟังเพื่อนเขาพูดพร้อมกับกลั้นขำไปด้วย เพราะมีคนกำลังทำหน้ายุ่งแล้วส่งสายตามองตรงมาเหมือนจะขู่ให้ผมรูดซิบปากให้สนิทเอาไว้เลย!

สีหน้าของเขาตอนทำเป็นดุน่ารักพอจะทำให้ผมไม่พูดออกมา ว่ามีคนเล่าเรื่องพวกนี้ให้ผมฟังไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืน
สงสารคนขี้เซา ถ้าพูดออกไปก็คงจะโดนล้ออีกตามเคย

วันหยุดที่ผ่านมา ยิ้มหวานกับเพื่อนอีกห้าคนหมกตัวอยู่ที่คอนโดของเขาตั้งแต่คืนวันศุกร์ เพื่อปั่นงาน
นั่นทำให้เมื่อวานนี้เราสองคนไม่ได้มานั่งด้วยกันที่ร้านกาแฟเหมือนทุกที...

ผมยังคงออกมาส่งน้องสาวไปเรียนพิเศษไม่ต่างไปจากทุกๆเสาร์ที่ผ่านมา ในมือยังคงถือหนังสือติดมาด้วย 1 เล่มเพื่ออ่านฆ่าเวลา
ทั้งๆที่โดยปกติแล้วผมเป็นประเภทที่สามารถไปไหนมาไหนคนเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องยอมรับว่าการนั่งอ่านหนังสือคนเดียวในที่ๆปกติแล้วจะมีเขานั่งอยู่ตรงข้ามมันก็ทำให้รู้สึกเหงาขึ้นมาได้นิดหน่อยอยู่เหมือนกัน

“หมอไปกินด้วยกันป่ะละ?”

ผมยิ้มมุมปากรับคำถามจากเพื่อนสาวตัวแสบ ก่อนจะมองตรงไปยังเจ้าของห้อง แล้วเอ่ยถามขึ้นมาแบบไม่เจาะจง ถึงแม้สายตาที่มองอยู่จะล๊อคเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการให้ใครตอบ

“ก็อยู่ที่ว่าเจ้าของห้องเค้าจะโอเครึเปล่า"

คำพูดของผมทำให้ทุกคนหลุดยิ้ม... ยกเว้นคนที่ถูกพาดพิง

ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ใครสักคนก็พูดออกมาลอยๆว่าจะไปเอารถเข็น ก่อนที่เพื่อนๆทุกคนจะสามัคคีกันแยกตัวออกไป และทิ้งผมกับยิ้มหวานเอาไว้ที่เดิมแค่ 2 คน

"เมื่อเช้า....ขอบคุณนะ"

ผมยิ้มรับคำพูดของเขา ก่อนจะตอบกลับไปด้วยคำถามสั้นๆ

“พรีเซนต์งานเป็นไงบ้าง?”

แทนที่จะพูดเรื่องไปกินมาม่าอะไรนั่น ผมกลับถามเรื่องงานของเขาขึ้นมาก่อน เพราะเมื่อวานเจ้าตัวเอาแต่บ่นซ้ำๆด้วยความกังวลว่างานจะออกมาไม่ดี แถมวันนี้หน้าตาก็บึ้งตึงซะจนน่าเป็นห่วง

สามวันที่ผ่านมาได้นอนมั่งมั้ยเนี่ย?

“ก็ดีมั้ง...”
เขาตอบผมแค่นั้น ก่อนจะเดินตามเพื่อนๆที่เข็นรถเข็นนำหน้าไปไม่ไกล แล้วปล่อยให้ผมเดินตาม

ก็ดี  แล้วทำไมหน้างอแบบนี้?”
คนฟังถอนหายใจยาวๆ แล้วตอบกลับมาด้วยคำตอบที่เกินความคาดเดาของผม

“ไอ้พวกนั้นมันกวนตีนเรา"

เห็นหน้ายุ่งๆเลยเป็นห่วง ที่ไหนได้  -- งอนเพื่อน

“กวนตีนอะไร?”

“กวนตีนก็คือกวนตีนไง~"

ผมได้ยินคำตอบแล้วหลุดขำ ก่อนจะยกมือขึ้นวางลงไปบนเส้นผมนุ่มๆของเขา ขยี้เบาๆ แล้วผละมือออกมา พร้อมกับดึงประเด็นกลับมาที่เรื่องเดิม
 
“ตกลงเราไปด้วยได้ใช่มั้ย?”

ได้ยินที่ผมพูดปุ๊บ คนที่เดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยก็หันมามองกันแล้วหรี่ตานิดๆ
ทำไม – ผมเปลี่ยนเรื่องเร็วไปเหรอ?

“แล้วเราบอกตอนไหนว่าไม่ได้?”

เขาถามกลับ แล้วขมวดคิ้วเข้าจนยุ่ง
ผมมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาตรงหน้าแล้วก็คิดขึ้นมาว่า...วันนี้อารมณ์ไม่ดีจริงๆนั่นแหละ
ก่อนจะตอบกลับไป

“ต่อให้บอกว่าไม่ให้ไป เราก็คงบังเอิญหลงทางไปแถวนั้นอยู่ดีนั่นแหละ"

เคยเล่นกับเด็กๆแล้วต้องแกล้งแพ้เพื่อให้เขาดีใจไหมครับ?
ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอย่างนั้นอยู่

ได้ยินปุ๊บ ยิ้มหวานก็หันมาทำหน้าเหมือนอยากจะจับผมทุ่มเต็มที ก่อนจะหันหน้าหนีแล้วรีบเดินก้าวยาวๆไปให้ทันเพื่อนที่เลี้ยวรถเข็นเข้าไปตรงส่วนของชั้นวางอาหารแห้งเรียบร้อยแล้ว

เดินวนไปวนมาอยู่ในนั้นเกือบชั่วโมง พอหันมามองอีกทีในรถเข็นก็แทบจะไม่มีที่วางเหลือ
ผมก้มหน้าลงไปมองสารพัดสิ่งของที่กองรวมกันอยู่ระหว่างรอให้พนักงานคิดเงินแล้วนึกถึงตอนที่โดนชวนให้มากับแก๊งนี้ ยิ้มหวานบอกว่าจะต้มมาม่ากินกัน...

ถึงอย่างนั้นก็เหอะ - แค่ต้มมาม่านี่มันต้องซื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ?

ตอนนี้ในรถเข็นตรงหน้าผมนี่แทบขนมาทั้งมหาสมุทรและปศุสัตว์ครับ กว่าจะเดินมาถึงเค้าน์เตอร์จ่ายเงินได้นี่เถียงกันไปแล้วรอบนึงเพราะเพื่อนเขาอยากซื้อแซลม่อนมาใส่ในมาม่าด้วย

“มึงซื้อเยอะขนาดนี้ ทิ้งรถเข็นไว้แล้วเดินไปเอ็มเคมั้ย อยู่ตรงนี้เอง"

เป็นยิ้มหวานที่ยืนมองของในรถเข็นด้วยสีหน้าเพลียๆอยู่สักพักแล้วถามออกมา
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดยิ้ม...ตัวแสบเอ้ย

“คุณหนูยิ้มคะ มึงพูดอีกคำเดียว กูเดินกลับไปหยิบแซลม่อนแน่"
ต้องยอมเขาไหมล่ะครับ...

ระหว่างที่กำลังเดินไปที่ลานจอดรถ ผมก็ยกมือขึ้นมาสะกิดแขนคนข้างๆแล้วยื่นมือไปตรงหน้าเขาพร้อมกระดิกนิ้วเหมือนกำลังขออะไรสักอย่าง จนกระทั่งเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่เข้าใจในภาษามือของผมง่ายๆถึงได้พูดออกไป

“กุญแจรถ"

คนฟังทำหน้ามุ่ยนิดหน่อย แต่ก็หยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงมาวางให้ผมบนฝ่ามือ โดยที่ไม่ตอบอะไรกลับมา

ตอนแรกผมก็สงสัยอยู่หรอกว่าผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 4 คนพร้อมของเต็มรถเข็นอีก 1 คันจะยัดเข้าไปในมินิคันจิ๋ว ได้ยังไง แต่ก็เข้าใจได้ทันทีที่ ตอนที่เห็นว่าเพื่อนผู้ชายอีกคนนึงเดินแยกไปยังโตโยต้าแคมรี่สีขาวที่จอดอยู่ไม่ไกล

สรุปว่า ผม ยิ้มหวาน กับเพื่อนของเขาอีก 2 คนเป็นทีมมินิคูเปอร์
ส่วนอีก 3 คนพร้อมของที่ซื้่อมาทั้งหมดอยู่ทีมแคมรี่ครับ
หลังจากช่วยกันจัดของลงหลังรถเรียบร้อย ทั้ง2 ทีมก็แยกย้ายกันไปแบบรถใครรถมัน

,

ผมแกล้งทำเป็นไม่รับรู้ท่าทีที่เพื่อนของยิ้มหวานแสดงออกมาตอนที่เห็นว่าผมกดปลดล็อคประตูรถมินิคันเก่งด้วยรีโมทที่อยู่ในมือ ก่อนจะขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งฝั่งคนขับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเห็นว่าเล่นงานผมไม่สำเร็จ ผลกรรมทั้งหมดก็เลยไปตกอยู่ที่ผู้ร่วมก่อคดีของผม

ท่าทีล้อๆกับแววตาที่ส่งมาทำเอาคนที่เพิ่งได้นั่งลงตรงที่นั่งข้างๆผมต้องหันไปมอง ก่อนจะโวยวายออกมาเสียงดัง

“ก็กูง่วงนอนอ่ะ!"

ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมกลั้นยิ้มไม่อยู่
...เพราะน่ารักแบบนี้ไงเพื่อนก็เลยอยากแกล้ง

ที่เจ้าตัวบอกว่าง่วงนอนนี่ท่าทางจะไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะหลังจากที่ผมขับรถออกไปสู่ถนนใหญ่ได้ไม่นาน คนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างคนขับก็หลับสนิทไปจริงๆ

ผมหันไปมองเขาตอนรถติด ก่อนจะลอบยิ้มเพราะเห็นว่าเจ้าตัวถอดคาดิแกนที่พาดไหล่อยู่ในตอนแรกมาสวมเข้าไปแค่ส่วนแขนแบบกลับหน้ากลับหลัง แล้วพิงเบาะหลับไปทั้งอย่างนั้น – จะเมื่อยคอมั้ยเนี่ย?

ดูเหมือนจะมีแค่ยิ้มหวานที่หลับครับ เพราะเมื่อมองผ่านกระจกมองหลังไป ผมก็เห็นว่าอีกสองคนกำลังนั่งดูอะไรบางอย่างในจอโทรศัพท์มือถือกันอยู่ และเหมือนว่า 2 สาวเค้าจะรู้ด้วยว่าโดนมอง เพราะทันทีที่ผมละสายตาจากพวกเขามามองสัญญานไฟจราจรที่ยังคงเป็นสีแดง คำถามที่ 1 ก็ถูกส่งตรงมาทันที

“เออเราว่าจะถามอยู่ ตอนแรกหมอจะไปไหนอ่ะ ไม่มีนัดเหรอ อยู่ดีๆก็โดนพวกเราลากมาเฉย"

“เรามาเล่นฟิตเนสที่ชั้นบนตั้งแต่เช้า พอเล่นเสร็จก็กะว่าจะลงมาซื้อของ แล้วก็หาที่นั่งอ่านหนังสือ"

“...ชีวิตหมอดูว่างเนอะ เรานึกว่าเรียนแพทย์เค้าจะเรียนหนักกันกว่านี้ซะอีก"

ผมยิ้มรับ เพราะคำถามแนวนี้เป็นอะไรที่ผมโดนถามบ่อยมาก
“จริงๆมันก็หนักแหละ แต่เวลาอ่านหนังสือเราก็เงียบๆไปไง ไม่ค่อยมีใครเห็น อีกอย่างเราแกล้งชิวเก่งมั้ง"

“อะฮะ แล้ว...จีบเพื่อนเราใกล้ติดยัง?"

คำถามทำเอาผมหลุดขำ ก่อนจะส่งสายตามองไปยังคนข้างๆที่ยังคงหลับสนิท
...ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่ผมว่ายิ้มหวานน่าจะตื่นตั้งแต่ตอนที่ที่พวกผมเริ่มคุยกันแล้ว

“ไม่รู้เหมือนกัน ว่างๆก็สืบให้หน่อยดิ"

แล้วบทสนทนาก็เงียบไปเพราะสัญญานไฟจราจรที่เปลี่ยนมาเป็นสีเขียวอีกครั้ง
ก่อนออกรถผมแอบแวะสายตาไปมองคนที่ยังคงนอนหลับ แล้วก็ได้เห็นว่าดวงตากลมๆคู่นั้นกำลังมองตรงมาทางนี้ เขาหรี่ตาทำสีหน้าเอาเรื่องใส่ผมตอนที่เราสบตากัน

เห็นไหม -  ตื่นแล้วจริงๆด้วย


- - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2015 01:04:33 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #672 เมื่อ14-08-2015 23:42:16 »

ความรู้สึกตื่นเต้นจู่โจมผมทันทีที่ก้าวเท้าไปตามทางเดินยาวๆของคอนโด ที่ได้ขับรถมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยจะได้เดินผ่านประตูด้านหน้าเข้ามาสักที 

จากวันที่ผมขับรถมาส่งยิ้มหวานที่นี่เป็นครั้งแรกหลังอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟเสร็จ เวลาก็ผ่านไปประมาณสี่เดือนกว่าๆแล้วครับ - เพิ่งจะได้เดินเข้ามาเห็นบรรยากาศข้างในนี้เป็นครั้งแรก ก็วันนี้นี่แหละ

ผมหันไปมองคนที่พยายามจะหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าผ้าที่สะพายอยู่บนไหล่ ท่าทางลำบากน่าดูจนต้องยื่นมือไปช่วยดึงถุงก๊อบแก๊บที่เขาถืออยู่มาถือเอาไว้เอง เขาดึงสายตาขึ้นมามองผม ส่งยิ้มให้กันนิดๆก่อนตอบ

“ขอบใจ"

ผมพยักหน้ารับ ไม่ตอบอะไรกลับไป แล้วก็ปล่อยให้เจ้าของห้องเดินผ่านทุกคนไปรูดคีย์การ์ดปลดล็อคประตู

คอนโดยิ้มหวานเป็นห้องกว้าง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งส่วนใหญ่เป็นโทนสีขาวดำเทา เข้ามาข้างในแล้วจะเจอห้องนั่งเล่นก่อนเป็นอันดับแรก ทุกอย่างดูเป็นระเบียบและถูกจัดเอาไว้อย่างเรียบร้อย ยกเว้นมุมหน้าโทรทัศน์

นอกจากโซฟากับโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่ห้องทั่วๆไปมีกัน ที่พรมหน้าทีวียังมีสิ่งของกองอยู่อย่างระเกะระกะ เดาได้ไม่ยากว่าตรงนั้นน่าจะเป็นมุมที่ทุกคนรวมตัวกันทำงาน

ผมเดินตามเพื่อนๆของเขา เลี้ยวไปยังโซนของห้องครัว ก่อนจะวางของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะกลางห้อง พอหมดหน้าที่แล้ว ผู้ชายสามคนก็ถูกไล่ให้ออกมานั่งรอที่ห้องนั่งเล่น

ตอนที่ผมกำลังจะนั่งลงไปบนโซฟา สายตาก็เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้เจ้าของห้องกำลังเดินเลยไปยังอีกมุมหนึ่ง ยิ้มหวานเปิดประตูสีดำแล้วเข้าไปในห้องที่ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นห้องนอน

หันมาหาคนที่นั่งอยู่ข้างกันอีกทีก็เห็นว่าฝ่ายนั้นยื่นรีโมทมาให้ผมแล้วบอกกันสั้นๆ

“อยากดูทีวีก็เปิดนะหมอ กูนอนแป้บ"

ทันทีที่ผมรับรีโมทมา ฝ่ายนั้นก็ไม่รอฟังคำตอบ แต่ฟุบตัวลงไปบนพนักโซฟาแล้วก็ดูเหมือนจะตัดตัวเองออกจากทุกอย่าง ก่อนจะหลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งผมไว้กับห้องโล่งๆและความเงียบ

จริงๆมันก็ไม่ได้เงียบอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพราะเสียงพูดของสี่สาวในห้องครัวก็ดังลอดมาถึงตรงนี้แบบเบาๆ แต่ในความรู้สึกของผม ยังไงมันก็เงียบจริงๆ

จะเปิดทีวีดูแก้เก้อก็ดันเกรงใจไอ้คนที่หลับไปอย่างกับถูกปิดสวิตซ์....
รู้ตัวอีกทีผมก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งหลังตรงอยู่บนโซฟา มือทั้ง 2 ข้างวางอยู่บนหัวเขาที่หุบชิดกัน ส่วนเท้าก็วางราบไปกับพื้นจนน่าขำ มาประกวดมารยาทเหรอกูเนี่ย?

พอรู้สึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในท่าไหน ผมถึงกับตกใจตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วเปลี่ยนไปเอนตัวพิงเบาะด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ถึงแม้ว่าในหัวใจจะยังคงไม่สงบเป็นปกติ

จะหาว่าผมป็อดก็ยอมแล้วครับนาทีนี้ - ใครจะไม่ประหม่ามั่งวะ? ถ้าได้เข้ามาในบ้านคนที่ตัวเองชอบเป็นครั้งแรก

นี่ขนาดมากันหลายคนผมยังตื่นเต้นโคตรๆ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าไม่มีคนอื่นมาด้วยผมจะทำตัวไม่ถูกขนาดไหน เริ่มเข้าใจพวกฉากเดินชนประตูชนหน้าต่างในละครขึ้นมาก็ตอนนี้แหละวะ

“อ้าวหมอ! ดูทีวีดิ เสียบปลั๊กยัง"

เสียงพูดของเพื่อนยิ้มหวานที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวทำเอาผมหลุดจากห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนจะรีบเอ่ยปากห้ามตอนที่ฝ่ายนั้นจะกดเปิดโทรทัศน์ให้

“ไม่เป็นไร เราไม่ดู"

“ไม่ดูเหรอ? ไม่ต้องเกรงใจ ดูได้นะ เสียงดังยังไงเราก็หลับได้อยู่แล้ว"
พูดจบเขาก็หาวออกมา 1 ชุดใหญ่ ระหว่างที่ผมเอ่ยคำถามออกไป

“แล้วในครัวเป็นไงบ้าง"

“ปล่อยพวกมันไปเหอะ กู๊ดเดย์กู๊ดไนท์นะหมอ อีกชั่วโมงเจอกัน"

คนตรงหน้าผมหาวยาวๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเบาะที่วางอยู่ที่พื้ นก่อนจะคว้าหมอนอิงที่วางอยู่ใกล้ๆกันมาใช้แทนหมอนหนุน แล้วทิ้งตัวนอนลงไปอย่างรวดเร็ว – แล้วก็เหมือนเดิมครับ หลับเหมือนโดนกดสวิตซ์ไปอีกคน

ระหว่างที่ผมกำลังพยายามทำความเข้าในวิถีชีวิตของชาวถาปัตย์อยู่นั้น อยู่ๆก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงกำลังสั่น พอหยิบขึ้นมาดูเลยเห็นว่ามีคนส่งข้อความเข้ามาในไลน์กรุ๊ป 'หล่อสัดรัสเซีย' 

พวกมันจะนัดกันออกไปนั่งอ่านหนังสือโต้รุ่งกันที่ร้านกาแฟอีกแล้วครับ
เห็นอย่างนั้นผมก็ตอบตกลงไป ก่อนจะบอกไอ้โคนันว่าวันนี้คงไม่ได้ไปแวะรับมันเหมือนทุกทีเพราะไม่มีรถ

เล่นมือถืออยู่ไม่นาน เจ้าของห้องที่หายไปก็กลับออกมาในชุดอยู่บ้าน ยิ้มหวานใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นประมาณเข่า เดินออกมาจากห้องพร้อมหมอน 1 ใบ ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าบีนแบ๊กอันใหญ่ที่วางอยู่เยื้องๆกับโซฟา แล้วทิ้งตัวนอนลงบนนั้น

ผมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วมองไปที่ยิ้มหวาน ก่อนที่เจ้าตัวเขาจะก็มองกลับมาแล้วบอกกันเบาๆ

“นอนนะ"

นอนอีกแล้ว....
ผมพยักหน้ารับสองสามที ก่อนที่เขาจะพลิกตัวหันหลังให้ และคงนอนหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน

ว้าเหว่โคตรเลยครับนาทีนี้ แถมยังรู้สึกแปลกๆที่กำลังนั่งตาสว่างอยู่กลางห้องโดยมีคนนอนหลับล้อมรอบจากสามมุม

ก่อนผมจะพบทางรอด เมื่ออยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่านอกจากชีทที่ผมหยิบติดมาแล้วนั้น ในกระเป๋าของผมยังมีการ์ตูนที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไม่ได้อ่านอยู่

คิดได้อย่างนั้นผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบโคนันเล่มล่าสุดออกมา ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นข้างๆบีนแบ๊กที่ยิ้มหวานนอนหลับอยู่

พอได้มองคนที่หลับเป็นเด็กๆแล้วผมก็หลุดยิ้ม อยากแกล้งเอามือไปเขี่ยแก้มเล่ม แต่ติดที่ว่ามันจะทำให้คนที่กำลังหลับสบายตื่นขึ้นมาซะก่อน นั่งมองอยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงเพื่อนของเขาลอยมาจากโซฟา

“อย่าแอบจูบเพื่อนกูนะ"

เสียงที่ดังขึ้นมาทำลายความเงียบทำให้ผมต้องเงยหน้าไปมองคนบนโซฟาที่ตื่นยังไม่เต็มที่ และกำลังพยายามลืมตามองมาทางนี้ ท่าทางจะเพิ่งตื่นแล้วดันมาเห็นผมนั่งมองหน้ายิ้มหวานเพลินๆอยู่พอดี

ถ้าคิดว่าแซวนิดแซวหน่อยแล้วจะทำให้ผมมีอาการได้เหมือนอีกคนแล้วล่ะก็
ไม่ใช่แน่นอน....

“กูไม่ทำหรอก คนเยอะ"
ผมยิ้มมุมปากแล้วเงยหน้าขึ้นไปตอบ พร้อมกับที่ฝ่ายนั้นยังคงถามกลับมา

“ถ้าคนน้อย...”

ผมยกไหล่แทนคำตอบ ก่อนจะเอนหลังพิงพื้นที่ว่างที่เหลือของบีนแบ๊กอันใหญ่ แล้วยกหนังสือการ์ตูนขึ้นมาเตรียมจะอ่าน...ถ้าไม่ได้ยินคำพูดเจือเสียงหัวเราะที่ดังตามมา

“พวกสาวๆแม่งบอกว่ามึงไว้ใจได้ -- ได้ตรงไหนวะ"

ผมยิ้มนิดๆรับคำพูดของอีกคน โดยใช้ความเงียบเป็นคำตอบอยู่เหมือนเดิม แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุด

“เออ วันนี้มันไปฟ้องอะไรปะ?”

ถามจบเขาก็หาวออกมาเต็มที่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลับต่อง่ายๆ
เหมือนกำลังตั้งหลักจะคุยกับผมแบบจริงจังทั้งที่ยังตาปรือ

การได้มาอยู่กับยิ้มหวานแหละเพื่อนๆทำเอาผมรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ โลกที่ใครๆก็ง่วงนอนกันทั้งนั้น
ที่นี่เค้าสะลืมสะลือกันจนเป็นแฟชั่น...

ผมนิ่งไปสักพัก ก่อนจะนึกถึงตอนที่ยิ้มหวานบอกผมว่า 'โดนกวนตีน' ขึ้นมาได้ แล้วตอบกลับไป

“อืมๆ มาฟ้องอยู่ว่าโดนกวนตีน ใครทำอะไรวะ?”

“กูนี่แหละกวนตีนมัน ก็วันงานขายของที่หน้าคณะ กูเห็นว่าหมอกับมันเดินจับมือกัน กูเลยถามว่าเป็นแฟนกันแล้วเหรอ ถึงได้เดินจูงมือกันเดินแบบนั้น แต่มันบอกว่าเปล่า ไม่ได้จับ...”

"อ๋อ...”

"แต่กูเห็นจริงๆไง เลยแกล้งเถียงต่อปากต่อคำกับมันเล่นแก้ง่วงตอนรอกลุ่มอื่นพรีเซนต์งาน"

“...” พอเห็นว่าผมยังไม่ตอบอะไรกลับไป เขาเลยถามต่อ

“เออ ไหนๆมึงก็นั่งอยู่นี่ละ ตกลงจับไม่จับ กูจะเอาคำพูดจากเจ้าตัวนี่แหละไปเถียงมัน"

“ไม่ได้จับว่ะ"

พอผมตอบไปปุ๊บอีกฝ่ายก็เถียงกลับมาทันที
“ไม่จับเหี้ยไร กูเห็นกับตา"

“ไม่ได้จับจริงๆ...กูสาบานก็ได้อ่ะ!"
พูดแล้วยกสามนิ้วขึ้นมาสาบานด้วยครับ

“แล้วที่กูเห็นคืออะไร ?"

“ไม่บอกว่ะ – บางเรื่องอ่ะ รู้กันแค่สองคนก็พอ"
 
พูดจบปุ๊บผมรู้สึกว่ามีอะไรลอยข้ามหัวไป ก่อนจะเห็นว่าคนที่นอนอยู่ลุกขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย เขาเพิ่งคว้าหมอนอีกใบที่วางอยู่ไม่ไกลมาเขวี้ยงใส่เพื่อนไปเต็มๆ แล้วบ่นออกมา

“พูดมาก! กูจะนอน!"

เพื่อนเขาไม่ตอบอะไร แต่หยิบหมอนใบเดิมเขวี้ยงกลับมา แต่ผมที่นั่งอยู่ระหว่าง 2 คนนั้นดันเอื้อมมือไปคว้าเอาไว้ได้ ก่อนจะวางหมอนลงข้างๆตัว

พอหันกลับไปทางด้านหลังก็เห็นว่าเขากำลังมองมา...

ยิ้มหวานหรี่ตามองหน้าผมด้วยสายตาแบบที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นเพราะเพิ่งตื่นหรือว่ากำลังหาเรื่องผมอยู่กันแน่ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มมุมปาก ยักคิ้วให้เขาไป 2 ที ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงบนบีนแบ๊คนุ่มๆ แล้วก็หลับไปอีกรอบ

ผมอ่านโคนันจบได้ไม่นาน สามสาวในครัวเขาก็ออกมาเรียกทุกคนแล้วบอกว่ามาม่าเสร็จแล้ว

มาม่าเจ๊โอวที่เพื่อนยิ้มหวานโฆษณาไว้อลังการสมคำร่ำลือจริงๆครับ  กุ้งหอยปูปลาที่ใส่มาในหม้อนี่ยิ่งกว่าต้มยำน้ำข้นบางร้านซะอีก พอเอาเครื่องปรุงมาม่าไปใส่กับเครื่องเทศต้มยำ แล้วเติมนมข้นจืดเข้าไปก็อร่อยเข้มข้นดีไปอีกแบบ

1 นักศึกษาแพทย์กับอีก 6 เด็กถาปัตย์นั่งล้อมวงกันกินมาม่าไฮโซอยู่ไม่นาน ก่อนที่ทุกคนจะต้องรีบแยกย้ายกลับบ้านตัวเอง ตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นก้อนเมฆที่รวมตัวกันจนครึ้ม  เดาได้ไม่ยากเลยว่าหลังจากนี้ไม่นานฝนคงจะตกหนักแน่ๆ

ฝนตก รถติด ต้องนั่งกร่อยอยู่บนถนนเป็นชั่วโมงแทนที่จะได้เอาเวลาไปปั่นงาน งานไม่เสร็จ ไม่ได้นอน นั่งทำงานโต้รุ่ง นรกอยู่ตรงหน้าจริงๆ -- ทันทีที่มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มาม่าทะเลเดือดตรงหน้าก็ไม่น่าอร่อยอีกต่อไป...

ผมสะพายกระเป๋าฟิตเนสใบใหญ่ไว้บนบ่าก่อนจะลงมาพร้อมกับทุกคนที่คิดขึ้นมาได้ว่าต้องรีบกลับบ้าน
รอจนเพื่อนๆของเขาแยกย้ายกลับบ้านกันไปตามทางของตัวเอง พอหันมาหายิ้มหวาน ก็เห็นว่าอีกฝ่ายยืนจ้องหน้าอยู่ก่อนแล้ว

เขาเลิกคิ้วมองหน้าผมเหมือนจะถามว่า รออะไรอยู่?
เห็นอย่างนั้นผมยกยิ้มมุมปากมองสบตากลับไป ...​ก่อนจะร้องเพลงออกมา

“มองไปก็มีแต่ฝนโปรยปราย ในหัวใจก็มีแต่ความเหน็บหนาว"

วินาทีแรกคนฟังขมวดคิ้ว ทำหน้าเหมือนเห็นตัวประหลาดมายืนแปลงร่างให้ดู
แต่พอเข้าใจทุกอย่าง เขาก็พูดออกมาช้าๆ

“อยู่ต่อเลยได้ไหม?”

“อือฮึ - เธอก็รู้ทั้งหัวใจฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้"

ได้ยินปุ๊บ คนตรงหน้าผมก็กลอกตา ก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมเลยพูดต่อ

“จานยังไม่ได้ล้างเลย มีคนช่วยล้างจานไม่ดีรึไง?”

เหตุผลคงฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ เขาถึงได้ทำหน้าเพลียอยู่ไม่เลิก จนผมต้องอธิบายเพิ่ม

“เดี๋ยวเราต้องออกไปอ่านหนังสือกับพวกนั้นตอนค่ำๆ ไม่อยากนั่งรถไปๆมาๆ นะ... นะครับ...

ยิ้มหวานมองหน้าผม สีหน้าของเขายังคงเป็นเหมือนเดิม แต่แววตาคู่นั้นมีสัญญาณบอกว่าผมกำลังจะได้ยินอะไรดีๆ

“'งั้นก็ เดี๋ยวเดินไปซื้อกาแฟเป็นเพื่อนเราก่อนดิ"

ผมรู้ว่านัยนะของคำพูดนั้นคือการตอบตกลง ถึงได้ยิ้มรับ แล้วก็เดินไปข้างๆเขา แล้วก็หลุดหัวเราะเพราะคำพูดต่อมา

“แล้วหมอจะมาทำเป็นหิ้วกระเป๋าลงมาด้วยทำไมเนี่ย? ใบเบ้อเริ่ม"

“ก็เผื่อเจ้าของห้องเค้าไม่ให้อยู่ เราจะได้เดินคอตกไปขึ้นแทกซี่กลับบ้าน"

“เชื่อเลย...”

เขาทำหน้าอึ้งรับคำตอบที่ได้รับ ก่อนจะพูดต่อ...

“ตอนแรกเราคิดว่าหมอจะเล่นมุกลืมของ แต่พอเห็นว่าหยิบของลงมาครบทุกอย่างเลยนึกว่าจะรอดแล้วเชียว"

“เล่นมุกเดิมซ้ำๆมันไม่เท่...”

“เราว่าร้องเพลงแบบเมื่อกี้มันก็ไม่ได้เท่เลยนะ"

เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม น้ำเสียงที่พูดเจือเสียงหัวเราะจนผมต้องขำตามไปด้วย

“ไม่เท่ แต่ก็สำเร็จ เราถือว่าโอเค"

“ถามเรายังว่าโอเคปะ?”

“แล้วโอเคมั้ย?”

“ไม่ค่อยอ่ะ – ห่วงคนไข้ในอนาคต กลัวหมอเอาไอดีไลน์ไปทิ้งไว้ในกระเพาะเค้า"

ผมหัวเราะรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเดินเข้ามาในร้านกาแฟพอดี

หลังจากได้อเมริกาโน่เย็นติดมือกันมาคนละแก้ว ผมกับเขาก็เดินกลับมาที่คอนโด แล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด

ผมเดินตามยิ้มหวานเข้าไปในห้อง ก่อนจะต้องไปยืนหมุนซ้ายหมุนขวาทำตัวไม่ถูกอยู่ในห้องครัวเพราะอยากช่วยเขาล้างจาน แต่ซิงค์ที่มีดันเป็นซิงค์เดี่ยว แน่นอนว่ายิ้มหวานยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวก็ไม่มีที่ให้ผมแล้ว

พอรู้ว่าอยู่ตรงนั้นผมก็ไม่มีประโยชน์อะไร คนที่ใส่ถุงมือยางสองข้างเตรียมพร้อมจะล้างจานเต็มที่เลยหันมาบอกให้ผมไปนั่งรอที่โซฟา

ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนเดินไปรื้อชีทในกระเป๋าขึ้นมาอ่านไปพลาง

นั่งอยู่ไม่นานยิ้มหวานก็เดินออกมาจากห้องครัว เขามาหยุดลงตรงหน้าผม ยืนจ้องกันแบบไม่พูดไม่จา ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วสะบัดน้ำที่เปียกอยู่บนฝ่ามือให้กระเด็นมาใส่ผมเป็นละออง

โดนเข้าไปอย่างนั้นผมเลยเงยหน้าจากชีทที่อ่านอยู่ ยกมือขึ้นชี้นิ้วขู่ ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายหัวเราะคิกไม่ใส่ใจ แล้วผละเดินไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง

 ยิ้มหวานหายไปไม่นานแล้วกลับออกมาพร้อมกับแมคแอร์เครื่องเก่งพร้อมอแดปเตอร์ เขาวางมันเอาไว้บนโต๊ะเตี้ยๆกลางห้อง แล้วเดินหายไปอีกครั้งที่มุมเดิม คราวนี้กลับออกมากับโมเดลบ้านที่เพิ่งทำไปได้เพียงเล็กน้อย ผมมองเขาเดินเข้าเดินออกอยู่อย่างนั้นสี่ห้ารอบ ก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงบนเบาะนุ่มที่วางอยู่บนพื้นในที่สุด

“ทำงานเหรอ?”
ผมเอ่ยปากถามเบาๆ ก่อนจะได้ยินฝ่ายนั้นตอบกลับมา

“อืม..."

แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมอ่านหนังสือของผมไปเรื่อยๆ และพยายามไม่เงยหน้าขึ้นไปสนใจคนที่นั่งทำงานอยู่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรที่ทำให้สมาธิของผมไขว้เขวเอาง่ายๆ  จนกระทั่งเนื้อหาในส่วนที่ผมกำลังอ่านอยู่จบลง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง ภาพที่เห็นก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกตา พร้อมกับความคิดที่ปรากฎขึ้นมาในชั่ววินาที

ยิ้มหวานหล่อ...

โดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่ชอบแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า....
ถ้าไม่ยิ้มหวานๆจนตาโค้งเป็นสระอิ ก็เลิกคิ้วทำตาโต พอโดนแกล้งหรือว่าบ่นเรื่องที่ไม่ชอบใจเข้าหน่อย เขาก็จะย่นจมูกทำหน้ามุ่ยอย่างน่ารัก

แต่ในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา และกำลังจดจ่อสมาธิอยู่กับการทำงานอย่างตอนนี้ จุดเด่นบนใบหน้าของเขามันเปลี่ยนจากริมฝีปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอยู่เสมอ ไปเป็นคิ้วเข้มๆที่พาดอยู่เหนือดวงตา นั่นทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใสของเจ้าตัวดูหล่อแบบขรึมๆขึ้นมาในทันที

ผมมองเขาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเจ้าตัวเขาละสายตาออกมาจากหน้าจอที่ส่องสว่าง ปลายจมูกโด่งที่โค้งมนได้รูปยกขึ้นเป็นรอยย่นน้อยๆพร้อมกับส่งสายตามาทางผม

“มองหน้าเราขนาดนี้เดินเข้ามาต่อยกันเลยไหมล่ะ?”

ผมหัวเราะรับ แล้วลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหา ใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือบีบปลายจมูกของเขาแล้วโยกไปมา จนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นมาตีกลับเข้าให้ที่แขน ผมถึงยอมปล่อย

“เจ็บ...”
เขาบ่นเบาๆ พร้อมยกนิ้วขึ้นมาถูที่ปลายจมูก ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมหลุดยิ้ม

“หมั่นเขี้ยว ชอบทำหน้าดื้อๆใส่กันดีนัก"

“ก็มองหน้าเราอยู่ได้อ่ะ"

“หล่อไง เลยมอง"

ได้ยินผมพูดปุ๊บเจ้าตัวก็ตกใจ ทำหน้างงๆตาโตๆแล้วถามกลับมาทันที

“ไม่สบายป่ะเนี่ย? แพ้กุ้งเหรอ?”

เขาพูดอย่างนั้นแล้วยื่นมือมาเหมือนจะแตะหน้าผากผม แต่ก็ยังเว้นระยะเอาไว้ กลายเป็นผมเองที่ก้มหน้าลงไปเอาหน้าผากแตะกับหลังมือของเขา ก่อนเจ้าตัวจะเก็บมือกลับไป

“หล่อก็ชมอ่ะ ชมไม่ได้เหรอ?”

“ชมก็ดี เราหล่ออยู่แล้ว หมอเพิ่งรู้รึไง"

เขาพูดออกมาทั้งๆที่ยังมีท่าทีเขินๆอยู่นิดหน่อย แล้วหันกลับไปสนใจหน้าจอแม๊คบุ๊คของเขาต่อ บุคลิกความสดใสของที่เจ้าตัวแสดงออกกลบท่าทีเคร่งขรึมเมื่อครู่ไปจนหมด ยิ้มหวานคนหล่อหายไปแล้ว...

ผมปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่สักพัก ก่อนจะถามออกมาเบาๆ

“หล่อแล้วทำไมถึงยังไม่มีใครสักที?”

คนที่เพิ่งดึงสายตากลับไปยังหน้าจอมองกลับมาที่ผม สีหน้าเขามีแววความสงสัยเจืออยู่นิดหน่อย แล้วถามออกมา

“นี่ถามจริงจังหรือแค่กวนเราเล่นๆ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ยกแขนขึ้นวางข้อศอกลงกับโต๊ะตัวเตี้ยที่เขาใช้วางของ แล้วใช้มือเท้าคางก่อนตอบ

“จริงๆ"

"อืม...." เขารับคำถามของผมไปด้วยท่าที่ครุ่นคิด แล้วก็ค่อยๆตอบออกมา "ที่ยังไม่อยากคบใครเพราะยังไม่รู้สึกว่าจำเป็นด้วยมั้ง เราอยู่กับเพื่อนก็สนุกดี ยังไม่เหงา แล้วก็ยังไม่เจอใครที่ชอบมากจนรู้สึกอยากจะเริ่มด้วย"

ผมพยักหน้ารับระหว่างที่ฟังเขาพูด แล้วถามต่อ

"ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอย่างนั้นอยู่?"

"อะฮะ"

"เห็นแววอกหักมาแต่ไกลเลยว่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นยิ้มหวานก็หัวเราะรับ แต่ไม่ตอบอะไร จนผมต้องพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว

"ก็ยังดี ที่ตอนนี้ยังไม่มีแววว่าจะอยากไปคบใครที่ไม่ใช่เรา"

"หมอรู้ได้ไง?"

"หา? ยังมีคนอื่นอีกเหรอ"

คนฟังยิ้มรับ เลียนแบบท่าทางที่ผมชอบทำ ยิ้มมุมปากยักคิ้วแต่ไม่ตอบ

"ตอบกันก่อนเลย นอกจากเราแล้วยังคุยกับใครแบบนี้อีกมั้ย"

"คุยดิ!"

เหมือนหัวใจของผมหล่นวูบ แล้วหายไปในหลุมมืดๆเลยครับ....
ผมหันไปมองคนที่ยังคงส่งสายตามาที่ผม ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นบางๆ เหมือนกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรลงไป

ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...ที่พูดเรื่องทำร้ายจิตใจผมออกมาด้วยสีหน้ายิ้มๆสบายๆ – ใจร้ายโคตร

"โห.... หน้าจ๋อยไปเลยอ่ะ"

ยิ้มหวานพูดพลางทำตาโตแล้วขยับตัวมามองผมใกล้ๆ แววความสนุกสนานยังมีอยู่บนใบหน้าของเขา
ส่วนผมนี่เซไปแล้วอ่ะ ถ้ายืนอยู่คงแทบทรุด

มันไม่ได้ทรุดเพราะรู้ว่าเขาคุยกับคนอื่น แต่มันก็เจ็บหนึบๆอยู่ในใจ เพราะเขาพูดเรื่องที่ทำร้ายจิตใจผมได้ด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
เอาเหอะ – อย่างน้อยก็ยังดีที่เค้าพูดออกมาตรงๆ

เอาจริงๆผมไม่สามารถรู้ได้เลยครับว่าวันนึงยิ้มหวานคุยกับใครบ้าง เราอาจจะดูเหมือนคุยกันบ่อย แต่มันไม่ใช่ตลอดเวลา เขาอาจจะตอบไลน์คนอื่นจนครบแล้วค่อยมาตอบผม หรือจะตอบผมก่อนแล้วค่อยไปตอบคนอื่นก็ได้

... มันไม่ผิด ในเมื่อระหว่างเรายังไม่มีสถานะที่จะหึงหวงกัน

ใครๆก็ต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้ตัวเองทั้งนั้น
จะซื้อรถยังมีให้ทดลองขับเลย จะคบใครยังไงก็ต้องทดลองคุยจริงมั้ย?

ระหว่างที่ความคิดของผมกำลังฟุ้งซ่านไปถึงไหนต่อไหนอยู่นั้น เสียงหัวเราะเบาๆที่ดังมาจากคนข้างตัวก็ทำเอาผมต้องดึงความคิดตัวเองให้กลับมา

ยิ้มหวานมองหน้าผมแล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น ยิ่งเห็นผมทำหน้างงเขาก็ยิ่งอารมณ์ดี

“หมั่นไส้หมอว่ะ"  คนใจร้ายพูดออกมาแล้วหลุดหัวเราะ เว้นวรรคไปนิดหน่อย แล้วก็พูดต่อ

"เลยแกล้งเล่น...”

“หา? แกล้งอะไร?” 
เอาจริงๆ ผมอึนจนตามไม่ทันแล้วตอนนี้ อะไรวะ งง...

“เราไม่คุยกับใครทีละหลายๆคนหรอก – ขี้เกียจ"

คำตอบของเขาทำเอาผมหลุดอุทานในใจ พร้อมกับการผ่อนลมหายใจออกมายาวๆอย่างโล่งใจ

ผมไม่ได้คิดไปเอง... ตอนนี้รู้สึกเหมือนที่หน้ามันตึงๆครับ ต้องแก้ด้วยการยิ้มออกมากว้างๆ แต่ยิ้มเท่าไหร่ก็ไม่พอ ในใจมันยังอยากยิ้มมากกว่านี้ จนต้องยื่นมือทั้ง 2 ข้างไปจับแก้มคนตรงหน้าแล้วดึงให้อีกฝ่ายช่วยกันยิ้ม

โดนดึงแก้มปุ้บเขาก็โวยวาย ยกมือขึ้นมาตีแขนผมแรงๆ จนต้องยอมปล่อยมือ

“เนี่ย! ก็หมอชอบจีบกันหน้าตาเฉย แถมยังรุกเราแบบไม่ทันตั้งตัวอีก เราก็หมั่นไส้ดิ!"

เขาพูดออกมาเหมือนกับบ่นคนเดียว จนผมได้ยินแล้วขำไม่หยุด

พอเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ผมก็ยื่นมือไปคว้าต้นแขนของเขาไว้ แล้วดึงให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้จนไหล่ของเขามาพิงอยู่กับช่วงอกของผม ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้จนปลายจมูกเฉียดผ่านผิวแก้มนุ่มๆ แล้วกระซิบเบาๆ


“เราไม่เห็นรู้ตัวเลย ว่าเคยทำอย่างนั้น”



TBC.



 - - - - - - - -




ยังคงจีบกันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ~

อยากจะบอกว่าขอโทษ เราไม่อยากดองนิยายเลยค่ะ
แต่ก่อนหน้านี้ยุ่งๆ พอจะเริ่มเขียนก็ตัน

พอได้ดองเท่านั้นแหละ ก็ดองเลย ถถถถถถถถถ.

มีของมาฝากด้วย เรียกว่าอะไรดีอ่ะ?
ตอนพิเศษเล็กๆมั้งคะ : ) เราดูเทรลเลอร์ "ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" แล้วอินไปหน่อย
เลยทำออกมาเล่นๆ แทนคำขอโทษละกันเนอะ

ดูตัวอย่าง ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (Official Trailer)ก่อนนะคะ อันนี้คือลิ้งที่เค้าแชร์ให้กัน
จิ้ม <>


ถ้ารูปเล็กไป จิ้มอีก >> <>

: 3
ขอบคุณนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2015 12:17:26 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ โรสมาลี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [11] <10.07.15> page 19
«ตอบ #673 เมื่อ15-08-2015 00:03:16 »

ยิ้มหวานนนน
ยิ้มหวานนนนนนนนนนนนนนนน

กรีดร้องด้วยความคิดถึง
และช่วยลุ้นกับเน็ตของคุณกีและมูมู 555

หมอเอาอีกกก เนียนอีก เนียนเข้าไปอีกใกล้ๆ
เผื่อยิ้มหวานจะเนียนกลับคืนมาไวๆ
ต้องรีบช่วงชิงความได้เปรียบช่วงกำลังมึนๆนะ ถถถถถ

คอถอ คนถ่อยมากๆค่าาา
อยากกลับไทยไปหาคนยิ้มหวานแล้วว

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #674 เมื่อ15-08-2015 00:31:23 »

 :-[ :-[

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #675 เมื่อ15-08-2015 00:45:50 »

หมอไม่รุกค่ะ ไม่รุกเลยยย
ยิ้มหวานนนน คถ ยิ้มหวานนน

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #676 เมื่อ15-08-2015 00:50:29 »

หมอได้มาห้องยิ้มหวานแล้ว
จีบกันแบบกวนๆ  น่ารักดี

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #677 เมื่อ15-08-2015 01:11:17 »

โอ่ยยย...หมอสู้นะ ยิ้มอ่ะแกล้งหมอแบบนี้ไม

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #678 เมื่อ15-08-2015 01:27:10 »

อ่านแล้วก็เขิลแทน หมอเนียนมากกกก แต่เราก็เข้าใจหมอนะ ยิ้มหวานน่ารักมากกกขนาดนี้
หมอคงอดใจไม่ไหว ก็ไม่ต้องอดนะ จัดการเลยยย หอมแก้มๆๆๆ :-[

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #679 เมื่อ15-08-2015 01:30:00 »

โอ๊ยนึกว่าตาฝาดคิดถึงยิ้มหวานกับหมอมากกกกกดด
ยิ่งตอนพิเศษยิ่งน่ารัก ไม่อยากโสดแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
« ตอบ #679 เมื่อ: 15-08-2015 01:30:00 »





ออฟไลน์ fancat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #680 เมื่อ15-08-2015 01:32:50 »

รอคอยมานาน ในที่สุดก็มาแล้ว คิดถึงยิ้มหวานนนนนนนน ตอนนี้ก็ยังหยอดไม่หยุด แต่เริ่มมีการพัฒนาไปอีกขึ้น จากพูดหยอด กลายเป็นสัมผัสหยอดแล้ว 555

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #681 เมื่อ15-08-2015 01:37:10 »

แกล้งหมอได้ลงคอ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #682 เมื่อ15-08-2015 01:45:12 »

หมอกับยิ้มหวานมาแล้ววววว

มาอัพต่อบ่อยๆนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #683 เมื่อ15-08-2015 01:53:12 »

โอ๊ยยยยยยยยย :-[ :-[ :-[มุขเพลงอยู่ต่อเลยได้ไหมนี่ขอซื้อออออออ   น่ารักมากกกกก

ออฟไลน์ khunkun91

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #684 เมื่อ15-08-2015 02:50:08 »

ยิ้มหวานแกล้งหมอได้เกือบเซเลยนย
น่ารักกกกกกกกกกกกก  จีบกันไปเรื่อยๆนะ
ช่วงอารมณ์จีบกันมันเป็นอะไรที่ดีมากๆ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #685 เมื่อ15-08-2015 03:13:17 »

งื้ออออ ยิ้มหวาน
คิดถึงแบบสุดๆ
ยิ้มหวานขี้แกล้งเนอะ
ปล่อยให้หมอใจแป้วเลย

ชอบไลน์ๆ หมอว่ามีได้แล้วว่ะ
5555555

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #686 เมื่อ15-08-2015 03:19:09 »

จีบกันน่ารักอีกแล้ว มุขอยู่ต่อเลยได้ไหมนี่หมอคิดได้ไงเนี่ย  o13

ยิ้มหวานนี่แกล้งซะหมอใจแป้วเลย

ปล. ชอบไลน์ที่คุยกันมาก :m3: :m3:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #687 เมื่อ15-08-2015 07:08:47 »

ยิ้มหวานอะะะะะะ แกล้งหมอได้ลงคอ หงอยไปเลย
ดีใจทีกลับมาต่อ รอตอนต่อไปเนาะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #688 เมื่อ15-08-2015 09:22:54 »

ยิ้มหวานแกล้งหมออ่ะ น่ารักดี ^^

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [12] <14.08.15> page 23
«ตอบ #689 เมื่อ15-08-2015 09:43:27 »

ปกติเรากรี๊ดยิ้มหวานนะ ยิ้มหวานน่ารัก
แต่ตอนนี้ให้หมอไปเหอะนะ ร้องเพลงขออยู่ต่องี้ ใจเสียหน้าง่อยงี้
ยิ้มหวานใจแข็งล่ะเกิน หรือใจอ่อนแล้วแต่ปากแข็ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด