-THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>  (อ่าน 707382 ครั้ง)

ออฟไลน์ BIRD

  • บี เบิ๊ด นก ^___^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #810 เมื่อ10-09-2015 19:54:36 »

มารอยิ้มหวานนนนนนน

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #811 เมื่อ15-09-2015 00:44:33 »

หลงหมอแล้วอ่ะดิ้
ชอบหมอแล้วอ่ะดิ้  :hao7:

ออฟไลน์ gessuriyong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #812 เมื่อ21-09-2015 08:55:07 »

คิดถึงหมอกับยิ้มหวานแล้วสิ   เง่อออออออออ

ออฟไลน์ ที่เดิมในหัวใจสาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #813 เมื่อ22-09-2015 00:22:53 »

คิดถึงหมอกับยิ้มหวาน  :m1:

ออฟไลน์ letterdream

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #814 เมื่อ28-09-2015 22:31:34 »

คิดถึงนะ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #815 เมื่อ28-09-2015 22:55:19 »

คิดถึงจุง

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #816 เมื่อ29-09-2015 23:06:04 »


กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ




14




เจ็ดโมงกว่า...กลางบีทีเอส ผมยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียด พร้อมกับถือโทรศัพท์แล้วเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาทางไลน์ ก่อนจะเห็นว่าตอนตีสี่ปลายๆ  ยิ้มหวานมาพิมพ์ข้อความทิ้งไว้นิดหน่อย


*สอบใช่ปะ? สู้ๆ
*เรานอนละ


ผมอ่านตัวหนังสือเล็กๆตรงหน้าแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว ตีสี่แล้วยังไม่นอนเนี่ยนะ?
ได้ข่าวว่างานที่อีกฝ่ายทำอยู่ก็ต้องส่งบ่ายวันนี้เหมือนกัน จะไม่แปลกใจเลยถ้าส่งงานเสร็จแล้วจะมีคนนอนสลบแบบลืมวันลืมคืน

*ตื่นแล้วอย่าลืมหาอะไรกิน
*นอนเช้าทุกวัน จะป่วยมั้ย?



พิมพ์ตอบกลับไปโดยที่รู้ว่า กว่าอีกฝ่ายจะได้อ่านก็คงจะเกือบๆ 11 โมง

ผมเข้าห้องสอบตอนแปดโมงครึ่งแล้วก็เวียนหัวอยู่ในนั้นจนเที่ยง
ออกมาปุ๊บ พวกผมก็เดินตรงไปยังโรงอาหารด้วยสภาพเหมือนไปวิ่งฝ่ากับระเบิดกันมา

ผมอาสาเฝ้าโต๊ะ  แล้วฝากให้ไอ้โคนันซื้ออะไรก็ได้จากร้านเดียวกับมันมาให้ผมอีกจานนึง
ก่อนจะก็ใช้เวลาว่างระหว่างที่นั่งรอหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเปิดดู และเห็นว่ายิ้มหวานตอบกลับมาตั้งแต่สิบโมงครึ่ง

*กินแล้ว ^^

คำตอบของเขาตามมาด้วยรูปอาหารแช่แข็งที่อุ่นเรียบร้อยพร้อมทาน
กินของแบบนี้อีกแล้ว...

*อยู่ม.แล้วใช่มั้ย?
*เรื่องงาน
*ตั้งใจทำขนาดนั้น
*ยังไงมันก็ต้องออกมาดีอยู่แล้ว
*ไม่ต้องอวยพรละมั้ง


พอดีกับที่ไอ้พวกนั้นเดินกลับมา
ผมยื่นมือไปรับข้าวหมูกรอบจากไอ้โคนัน ก่อนจะนั่งกินข้าวกันไปเงียบๆเหมือนคนที่ยังคงหาสติไม่เจอ
สักพักโทรศัพท์ผมก็ดังแจ้งเตือน

*ไม่เอาอ่ะ
*อวยพรกันหน่อยดิ


ผมหลุดขำ รู้สึกได้ถึงความงอแงเล็กๆที่มากกว่าปกติ ที่เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นเพราะกำลังอยู่ในโหมดเพลียจัด

* A อยู่แล้ว

ตอบกลับไปปุ๊บก็ต้องแปลกใจเพราะอีกฝ่ายตอบกลับมาเร็วกว่าที่คิด

*ขอบคุณนะ

*ส่งงานบ่ายโมงไม่ใช่เหรอ
*ทำไมยังเล่นมือถืออยู่อีก?


*ดุอีกละ!
*ห้องยังไม่เปิดเลย
*หมอทำข้อสอบได้ป่ะ


*ไม่รู้ดิ
*ตอนนี้งงไปหมด
*เดี๋ยวไปหานะ


*ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่คุยมาก่อนหน้าเลย!

*ไม่เกี่ยวก็หลุดดิ

*ด่าได้ไหม?

*อย่าด่าเลย
*ส่งงานเสร็จรีบลงมานะ
*อยากเจอ


*เกลียด

*เกลียดเยอะๆ
*อีกสักพักเดี๋ยวก็ไม่ได้เกลียดแล้ว


*ไม่คุยแล้ว!

*อือ สู้ๆ
*อ่านหนังสือรอนะ


*ok



“ข้าวน่ะจะแดกมั้ย ถ้าไม่แดกกูจะเอาไปเทให้หมาอ้วนกิน"

คำพูดจากไอ้เบอร์ 1 ที่นั่งอยู่ตรงหน้าทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองมัน ทำหน้านิ่งใส่ แล้วด่าเบาๆ

“เสือก!"

“คุยกับใครวะ คุยไปยิ้มไปหน้าตาตอแหลเหมือนไม่ใช่มึง"

ชัดเจนเลยว่าไอ้คนตรงหน้ากำลังหลอกด่ากันแบบโจ่งแจ้ง ได้ยินแล้วผมก็ตอบกลับไปสั้นๆ

“ยิ้มหวานไง"

ได้ยินคำตอบของผมปุ๊บไอ้เบอร์ 2 ก็รับช่วงต่อทันที

“โว้วๆๆๆ พัฒนานะครับ แสดงว่าพวกกูใกล้จะได้มีเพื่อนสะใภ้เป็นคิ้วท์บอยแล้วใช่มะ?"

“ใภ้หน้ามึงดิ"

พูดจบผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าไอ้เบอร์ 1 มันเอื้อมมือไปหยิบหลอดน้ำเก็กฮวยของไอ้โคนันขึ้นมาจากแก้วพร้อมกับอุดปลายหลอดเอาไว้ให้น้ำหวานๆค้างอยู่ในนั้น ก่อนจะมาหยดน้ำเก็กฮวยลงบนข้าวหมูกรอบของผมจนทั่ว
...เล่นเหี้ยอะไรของมึง

“เติมความหวานว่ะ"

ไอ้แว่นที่นั่งดูทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่ยอมห้าม กำลังหัวเราะหึๆๆ แล้วพูดออกมาอย่างถูกใจ

“หวานๆ จะได้จีบคิวท์บอยติดเร็วๆ"

ไอ้พวกเหี้ยบก....
ผมส่ายหน้าแล้วลองเขี่ยๆข้าวหมูกรอบที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก่อนจะตัดสินใจลองตักขึ้นมาชิม รสชาติแปลกๆแต่ก็ไม่ได้แย่เกินจะกิน หรือไม่ก็เป็นเพราะสติผมยังคงไม่เป็นปกติดี

พอเห็นว่าผมตั้งท่าจะกินต่อ ไอ้เบอร์ 1 ต้นเรื่องก็รีบพูดออกมาทันที

“อร่อยอะดิ สูตรเยาวราชนะมึง อาหารฟิวชั่นตำรับจีน"

“จีนเตี๊ยะตรงปากมึงอ่ะ"

“ว้าวๆ ขอตีนเธอแลกเบอร์โทรครับหมออ"

“ฆวย!"

ผมปิดบทสนทนาใน 1 คำ พร้อมกับยกมือขึ้นชูนิ้วกลางไปให้ไอ้ตัวกวนตีน ก่อนจะกลับมากินข้าวต่อ

จัดการมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อย พวกผมก็ไปรวมตัวกันอยู่ในห้องสมุด จองห้องอ่านหนังสือกันอยู่ในนั้นแบบไม่ได้สนใจเวลา
ฟุบหลับบ้าง ออกไปกินขนมบ้าง 

จนกระทั่งห้าโมงกว่าถึงได้ตัดสินใจแยกย้ายกันแบบบ้านใครบ้านมัน

ผมขึ้นรถโดยสารของมหาลัยมาลงที่ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหิน ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาแล้วอ่านต่อไปเรื่อยๆโดยที่ใส่หูฟังเอาไว้ทั้ง  2ข้าง

ผมเคยคิดว่าการเตรียมสอบเข้ามาเรียนคณะนี้ คือการอ่านหนังสือที่หนักหนาที่สุด
ที่ไหนได้ -- มาเจอของจริงเข้าก็ตอนเข้ามาเรียนแล้วนี่แหละวะ

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่กว่าจะได้ละความสนใจจากตัวหนังสือภาษาอังกฤษยาวติดกันเป็นแพที่อยู่ตรงหน้าก็ตอนที่รู้สึกได้ว่าโคมไฟตามเสาที่อยู่ห่างกันเป็นระยะค่อยๆสว่างขึ้นมา เพราะท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลง

ผมเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วเอามือนวดขมับคลายความรู้สึกเวียนหัว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู นอกจากไลน์กรุ๊ปของรุ่นที่คุยกันเรื่องสอบแล้ว ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆอีก

เพราะผมกำลังใส่หูฟังอยู่ เลยไม่รู้ว่ามีฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ รู้ตัวอีกทีก็เหมือนจะโดนตีเบาๆที่ไหล่ด้วยม้วนกระดาษ หันไปปุ๊บก็เห็นพวกเพื่อนๆของยิ้มหวานยืนอยู่ตรงนั้น

“มาอ่านหนังสือไกลเนอะหมอ"

ผมยิ้มมุมปากแทนการตอบรับ ยักคิ้วทีนึง แล้วถามต่อสั้นๆ

“งานเสร็จแล้วเหรอ?”

“ของพวกเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไอ้ยิ้มอ่ะยัง"

“อ้าว?" 

“ของมันอาจารย์เรียกไปคุยต่อ เห็นเกริ่นๆในห้องว่าอยากให้มันลองเอาแบบไปส่งประกวด ไม่รู้ว่าไงเหมือนกันว่ะ แต่ท่าทางจะนานอยู่"

นอกจากรับคำสั้นๆแล้วผมก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก เลยปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อไปเรื่อยๆ

“ตอนแรกเราจะรอมัน แต่มันไม่ให้รอ แถมยังฝากเรามาบอกแกว่าให้กลับไปก่อนก็ได้ แต่เราว่าแกไม่กลับชัวร์ แล้วเราก็ไม่อยากให้เพื่อนกลับบ้านคนเดียวด้วย แกก็...หาข้อแก้ตัวเองนะ"

พูดจบคนตรงหน้าก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมซ้ำๆสองสามที ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกเบาๆ

“ไปละ ไอ้ยิ้มยังไม่ได้กินข้าวเย็นนะ บังคับมันกินข้าวด้วยด้วย"

“อือได้"

ผมเก็บหนังสือลงกระเป๋า ก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาอ่านชีทสรุปที่ส่งต่อกันในไลน์เพราะบรรยากาศรอบๆมืดเกินกว่าจะอ่านหนังสือได้

เวลาผ่านไปสักพัก สายตาของผมก็สะดุดเข้ากับคนที่กำลังเดินหอบของพะรุงพะรังเดินออกมาจากตึกคณะ เขาใส่เสื้อเชิ้ตปล่อยชาย กับกางเกงที่พับปลายขาขึ้นมาเล็กน้อยจนเห็นข้อเท้าเหนือสนีคเกอร์คู่เก่ง  ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าตากันอย่างชัดเจน ผมก็รู้ว่าเขาคนคนนั้นนคือใคร

ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ เขาก็เดินตรงเข้ามาใกล้ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยส่งมาให้กัน

ยิ้มหวานขมวดคิ้วเหมือนจะงงนิดๆว่าทำไมผมถึงยังอยู่ตรงนี้
สีหน้าอย่างนั้นเหมือนจะช่วยผ่อนคลายความรู้สึกเหนื่อยล้าของผมได้อย่างไม่มีเหตุผล

ผมรีบเก็บของลงกระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยุดลงตรงหน้าเขา พร้อมกับพยายามแย่งของในมือคนตรงหน้ามาถือ แต่อีกฝ่ายกลับก้าวถอยหลังไปนิดหน่อย บอกกันด้วยท่าทางว่าจะไม่ยอมให้ผมช่วย

“บอกให้กลับไปก่อนก็ไม่เชื่อกันนะ"

“ติดโรคดื้อมาจากคนแถวนี้มั้ง"

ปลายจมูกเล็กๆย่นเข้าทันทีที่ได้ยินคำตอบของผม ก่อนจะเถียงกลับมาทันที

“ไม่เคยเหอะ"

เขาพูดพลางยกเท้าขึ้นมาเตะหน้าขาผมเบาๆ พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่กัน

“หมอมารอตั้งแต่กี่โมง?"

“เย็นๆ"

“เย็นๆ นี่เย็นกี่โมง?"

“ถ้า 11 โมงแล้วยังอยู่ในห้องแอร์มันก็เย็น"

แล้วมันก็มีความเงียบที่ไม่มีความหมายเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน ยิ้มหวานกระพริบตาปริบๆเหมือนกำลังหาคำพูดไม่เจอ
ก่อนจะโวยออกมาเพราะผมยกมือขึ้นข้างนึงแล้วก็บีบแก้มเขาทั้งสองด้านซ้ำๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือ

“ไอ้หมอนี่!!”

ผมหัวเราะทันทีที่เขาทำท่าเหมือนอยากจะกระโดดกัดผมให้ตาย ก่อนผมจะยกแขนขึ้นกอดคอคนข้างๆไว้แล้วเดินต่อไป พร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วย

“เป็นอะไรทำไมซึมๆ” 

เสียงถอนหายใจคือคำตอบที่ผมได้รับเป็นอันดับแรก ก่อนคำพูดของเขาจะตามมา

“ก็เรื่องเรียนแหละ"

ผมหันไปมองหน้าเขานิ่งๆ เพื่อรอให้เจ้าตัวพูดต่อ ก่อนอีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาบังสายตาผมเอาไว้แล้วบ่นออกมาตามนิสัย

“จ้องหน้าทำไม~~”

ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ยกมือข้างที่เหลือไปจับข้อมือของเขา แล้วดึงให้ออกจากระดับสายตาก่อนตอบ

“รอฟังอยู่ว่าจะพูดอะไร"

“ก็หน้ามันใกล้ หมอขยับออกไปหน่อยดิ!”

เขาพูดแล้วพยายามเอาตัวออกจากแขนของผมที่วางพาดอยู่ กับหน้ามุ่ยๆ
ผมมองท่าทางคนตรงหน้าแล้วได้แต่หัวเราะขำ แกล้งล็อคตัวเขาอยู่สักพักก่อนจะยอมปล่อย แล้วถามซ้ำ

“ว่าไง ตกลงเครียดเรื่องอะไร"

“ค่อยเล่าบนรถได้ไหม ร้อนอ่ะ อยากโดนแอร์"

“ตามบัญชาครับเจ้าชาย"

ผมพูดพลางก้มหัวลงนิดๆแล้วผายมือ  ก่อนจะเดินข้างกันไปเงียบๆจนถึงรถ
น่ารักดีที่อีกฝ่ายยื่นกุญแจรถมาให้ทันทีแบบไม่ต้องขอ

ผมสตาร์ทรถ รอให้แอร์เย็น ก่อนจะส่งสายตามาให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน รอให้เค้าพูดเรื่องที่ผมรอฟังอยู่ออกมา พร้อมกับที่ผมถอยรถออกจากช่องที่จอดอยู่ไปด้วย

“ทำไมชอบจ้องหน้ากดดันจังเนี่ย~ ก็.... ที่เราลงมาช้าอ่ะ เพราะอาจารย์เรียกไปคุย ประมาณว่า งานของเราอ่ะมันดันออกมาตรงกับคอนเซ็ปของที่บริษัทนึงเค้าเปิดรับผลงานเข้าประกวดอยู่พอดี อาจารย์เลยถามเราว่าสนใจจะลองส่งไปดูไหม"

ผมพยักหน้ารับให้เขารู้ว่ากำลังฟังอยู่ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายพูดต่อไป

“คือเราก็เห็นมันแปะประกาศอยู่ใต้คณะแล้วนะ แต่ก็ได้แค่อ่านผ่านๆไง เพราะส่วนใหญ่จะพวกเป็นรุ่นพี่มากกว่าที่ส่งกันไป จนกระทั่งตอนคุยกับอาจารย์ เราถึงได้อ่านรายละเอียดจริงๆ แล้วก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจอ่ะ"

“.....”

“เราอยากลองส่งไป....แต่งานมันต้องปรับบางส่วน แล้วก็มีที่เราต้องเรียนรู้แล้วก็ทำเพิ่มด้วย ถ้าจะส่งเราก็คงไม่ได้ไปญี่ปุ่น"

"อ๋อ..."

“จริงๆเแค่การไปเที่ยวเนี่ย เราก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากหรอก แต่ที่รู้สึกไม่สบายใจอยู่...คือเรื่องเพื่อนๆอ่ะ"

"อ้าว...ทำไม?"

"ก็เรากับเพื่อน ตั้งใจจะไปกันทั้งกลุ่มไง เตรียมตัวกันจริงจังมาก เงินที่ได้จากตอนขายดรีมแคชเชอร์ก็ยังเก็บรวมกันไว้ กะว่าจะเอาไปใช้ด้วยกันตอนไปเที่ยวนี่แหละ แล้วถ้าเราไม่ได้ไปเพราะจะทำงานไปแข่งมันแบบ... เหมือนเราไม่ค่อยแคร์เพื่อนปะ? ประมาณว่า อยากได้รางวัลจนทิ้งเพื่อน ไม่รู้ดิ....บอกไม่ถูกอ่ะ”

ดีที่กรุงเทพของเรารถติดยิ่งกว่าอะไรดี ออกจากรั้วมหาลัยได้ไม่นาน มินิคันจิ๋วก็ต้องมาหยุดนิ่งอยู่กลางถนนเพราะสัญญาณไฟจราจร ผมหันไปมองคนที่ยังคงมีสีหน้ากังวลและส่งสายตามารอคำตอบจากทางนี้

สิ่งที่ผมทำคือส่ายหน้านิดๆ แล้วตอบกลับไป

“ไม่หรอก เราว่าพวกนั้นต้องเข้าใจ"

“นี่ไม่ได้แกล้งพูดให้ดีใจใช่ไหม?”

“เราดูเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?”

ยิ้มหวานหลุดยิ้มตอนที่ได้ยินคำถามของผม ก่อนจะตอบกลับมาอย่างชัดเจน

“ไม่เลย ตรงกว่าไม้บรรทัดก็นิสัยหมอนี่แหละ"

"นั่นชม?"

“คิดเองดิ..." รอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปเป็ยเสียงหัวเราะ ก่อนที่เจ้าตัวจะดึงประเด็นเดิมกลับมาอีกครั้ง

"กลับมาเรื่องเดิมเลย คือ เราก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะโกรธนะ ก็คงตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่จะเสียใจกันมั้ยอ่ะดิ เราไปโม้ไว้แล้วด้วยอ่ะ ว่าญี่ปุ่นนี่ถิ่นเราเลย เดี๋ยวพาเที่ยวเอง ไม่หลงแน่นอน คิดดู ไปอวดว่าสำหรับเรานี่ญี่ปุ่นเดินง่ายกว่าเซ็นทรัลเวิร์ลอีก สุดท้ายดันมาผิดคำพูดซะเอง เฮ้อ...”

ผมเห็นท่าทางกังวลของเขาแล้วก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไง
แต่เท่าที่สังเกตเห็นคือ พอเจ้าตัวได้พูดออกมาแบบนี้ ท่าทีไม่สบายใจก็ดูเหมือนจะลดน้่อยลงไปพอตัว

“อย่าคิดมากดิ ถามในมุมของเรานะ เลือกโอกาสที่เข้ามาไว้ก่อนเราว่าก็ดีแล้ว ญี่ปุ่นมันลอยน้ำรอให้เราไปหาอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งปี แต่โอกาสมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป"

"คือ...ปีหน้าเดี๋ยวมันก็มีอะไรแบบนี้อีกนะ แต่รอบนี้เราก็อยากลองส่งไปจริงๆ โอ๊ย! สับสนอ่ะ"

เขาพูดพลางดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเบาะนั่งของตัวเอง แล้วสุดท้ายก็กลับไปนั่งนิ่งๆเหมือนเดินก่อนจะถอนหายใจ

"มันก็จริงที่ปีหน้าเดี๋ยวเค้าก็จัดประกวดอีก หรือไม่เดี๋ยวบริษัทอื่นก็คงเปิดรับผลงานอีก แต่เราว่าครั้งนี้มันต่างตรงที่โอกาสมันวิ่งเข้ามาเอง ถ้าอาจารย์เรียกไปคุยขนาดนั้นเขาก็น่าจะเห็นอะไรดีๆในงานรึเปล่า...นี่เราก็พูดไปตามที่คิด เพราะก็ไม่รูเหมือนกันว่าสถาปัตย์เค้าเรียนกันยังไง"

 ยิ้มหวานฟังที่ผมพูดแล้วก็เหมือนจะกำลังคิดตามไปด้วยในทุกประโยค แต่สัญญาณไฟจราจรที่เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวก็บังคับให้ผมต้องจำใจละสายตามาจากเขาแล้วขับรถต่อไป ระหว่างที่ผมกำลังบังคับพวงมาลัยให้รถเลี้ยวไปทางขวา น้ำเสียงน่าฟังของเขาก็พูดออกมาเบาๆ

“ขอบคุณนะ"

ผมเหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นรอยยิ้มที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
ทั้งความรู้สึกของผม และความสัมพันธ์ของเราที่กำลังพัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ
ก่อนจะตอบกลับไป

“ขอบคุณทำไม อย่าลืมดิ เรา...."

“เราทำอะไรหวังผลทั้งนั้น ใช่มั้ย? ไม่ลืมหรอกน่า~” 

คำพูดของผมโดนขัดโดยคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พอได้ยินเขาตอบกลับมาแบบนั้น ผมก็ได้แต่ยิ้มตามแล้วพยักหน้ารับ

“ตามนั้นเลย"


- - -


สองวันถัดมาเป็นวันที่ผมมีสอบ และเป็นช่วงเวลาสองวันที่ผมไม่ได้เจอหน้ายิ้มหวาน เพราะเจ้าตัวกลับไปนอนที่บ้าน

นอกจากจะไลน์ไปหาตามปกติอย่างที่ทำอยู่แล้ว ช่วงนี้ผมโทรหาเขาบ่อยขึ้นเพราะรู้ว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกไม่สบายใจ     

ทุกครั้งที่ถาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน หรือเรื่องงาน เขาก็บอกมาตลอดว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างโอเคแล้ว

แต่พอถามว่า 'โอเคแล้ว' ที่บอกนี่หมายความว่ายังไง เจ้าตัวก็อ้างว่าขอติดไว้ก่อน เจอหน้ากันวันไหนจะมาเล่าให้ฟังทีเดียว
นั่นทำให้ผมตัดสินใจไม่เซ้าซี้ถามเขาอีก

จนกระทั่งตอนที่ผมออกจากห้องสอบแล้วเห็นว่าอยู่ดีๆเพื่อนของยิ้มหวานก็ทักไลน์มาทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันมาก่อน

*หมอแกว่างปะ
*ไปดูไอ้ยิ้มให้หน่อยดิ
*แม่งดื้อว่ะ
*พวกเราจะไปช่วยมันทำงาน มันก็ไม่ให้ไป
*บอกว่าให้อยู่บ้านเก็บของไปเที่ยวเหอะ
*น่าจะกลับมาคอนโดวันนี้แหละมั้ง


ผมอ่านข้อความแล้วก็รู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่ จำตอนที่ยิ้มหวานรถเสียแล้วไม่บอกใครได้ไหมครับ
...นั่นแหละ

ผมตอบตกลงกับเพื่อนเขาไป พร้อมกับรับปากว่าเดี๋ยวจะแวะไปหาอีกคนด้วยตัวเอง หลังจากวันนี้ผมยังมีวันหยุดอีกสามวันก่อนจะถึงวันสอบวันสุดท้าย ก็เลยพอจะมีเวลาไปเถลไถลได้นิดหน่อย

ผมขึ้นบีทีเอสแล้วต่อแทกซี่ไปลงหน้าคอนโดของเขา ระหว่างทางก็นั่งคิดไปว่าจะจัดการกับมนุษย์ดื้อยังไงดี 
ลงรถปุ๊บ ผมก็ปลดล็อคมือถือ ถ่ายรูปตัวเองตรงหน้าทางเข้า ก่อนจะส่งไปให้ยิ้มหวานทางไลน์ แล้วพิมพ์ข้อความปิดท้าย

*หลับบนแทกซี่
*ตื่นมาอีกทีก็อยู่ตรงนี้แล้ว
*ทำไงดีวะ 


รออยู่สักพักก่อนที่ีอีกฝ่ายจะอ่านไลน์ แต่ไม่ตอบกลับมา ปล่อยให้ผมรออยู่ตรงนั้นเกือบๆ 5 นาที จนรู้สึกได้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ๆ พอหันไปมอง ก็เห็นว่าคนที่ผมรออยู่กำลังเดินตรงมาทางนี้แล้ว

เขาใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น แต่ที่สะดุดตาผมมากกว่านั้นคือเส้นผมด้านหน้าที่ถูกมัดขึ้นเป็นจุก กับท่าทางงัวเงีย คนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วยักคิ้วแต่ไม่ยอมพูดอะไร จนผมต้องยื่นมือไปดึงผมเขาเล่น
 
“ไงไอ้เด็กจุก ได้ข่าวดื้อ"

ได้ยินที่ผมพูดปุ๊บเขาก็ทำหน้าตกใจ เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองรวบเก็บผมด้านหน้าเอาไว้ ก่อนจะยกมือขึ้นแกะยางรัดผมออกอย่างรวดเร็ว แล้วขยับปากพูดงึมงำๆเหมือนจะบ่นกับตัวเองเรื่องที่มัดผมเดินลงมาถึงนี่แต่ดันไม่รู้ตัว

ดวงตาคู่นั้นมองมาที่ผม ริมฝีปากสีสดยื่นนิดๆ ก่อนตอบ

“ไอ้พวกนั้นฟ้องอ่ะดิ"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวเท้าตามยิ้มหวานที่เดินออกไปข้างนอกโดยไม่บอกกันว่าจะไปไหน พอเห็นว่าอีกฝ่ายเลี้ยวไปทางซุปเปอร์มาร์เก็ตก็คิดได้ว่าน่าจะไม่ต้องถามอีก ผมกับเขาเดินเลือกซื้อของอยู่ในนั้นสักพัก ก่อนจะขึ้นไปบนคอนโด

วันนี้ห้องของยิ้มหวานเรียบร้อยกว่าทุกครั้งที่ผมมา บนโต๊ะที่เขาใช้ทำงานอยู่เสมอยังคงมีของวางระเกะระกะ แต่ดูจากสภาพแล้วเหมือนจะเพิ่งโดนยกมาไว้ตรงนี้ ผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ก่อนถาม

“เพิ่งกลับมาจากบ้านเหรอ?”

“อื้อ สะอาดใช่ปะล่ะ”

“ปกติก็ไม่ได้รกหรอกนะ แต่วันนี้เรียบร้อยกว่าทุกครั้ง "

“แน่อยู่ละ แม่บ้านเพิ่งแวะมาทำความสะอาดอ่ะ"

ผมนั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี แต่ได้ยินเสียงเจ้าของห้องทำอะไรสักอย่างก๊อกแก๊กๆอยู่ในครัวจนผมต้องเดินตามไปดู ก่อนจะเห็นกล่องใส่อาหารวางเรียงกันอยู่สี่ห้าอัน พอเข้าไปใกล้ๆถึงเห็นว่าในกล่องนั้นเต็มไปด้วยปลาหมึก กุ้ง แล้วก็พวกเนื้อสัตว์ต้มจนสุก ข้างๆกันเป็นขวดน้ำผลไม้ กับขนมอื่นๆอีกเต็มไปหมด

“ในกล่องคืออะไรเนี่ย?”

“เสบียงอ่ะ แม่เราต้มกุ้ง ปลาหมึกแล้วก็หมูสับมาให้จากที่บ้าน เผื่อเราไม่อยากออกจากห้องไปหาอะไรกินก็เอาพวกนี้มาปรุงนิดๆหน่อยๆก็กินได้แล้ว"

แค่นี้ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนตรงหน้าเป็นที่รักของคนรอบตัวมากขนาดไหน

 "แล้วเรื่องญี่ปุ่นเป็นไง?”

“ก็โอเคแล้วแหละ"

คำตอบนี้อีกแล้ว...
คนที่กำลังพับถุงผ้าแล้วเอาไปเก็บไว้ในตู้ตอบกลับ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มอีก
ตอนคุยโทรศัพท์กันก็ตอบงี้แหละครับ แต่ไม่ยอมบอกกันว่าโอเคนี่คือยังไง

“รู้แล้วว่าโอเค ที่ถามนี่คืออยากรู้ว่าจัดการยังไง ตั๋วต้องทิ้งเลยใช่ไหม?”

คนฟังหันมามองผม ทำตาโตใส่ แล้วพยักหน้ารับสองสามที

"อืม ทิ้งเลย"

“แล้วเพื่อนๆว่าไงบ้าง?”

“หมอถามเยอะอีกแล้ว"

เขาพูดแล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามกันพร้อมกับเท้าคางจ้องหน้าผม พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้ายุ่งผมก็ยื่นมือไปบิดปลายจมูกได้รูปเบาๆ

“นี่ไม่ได้เสือกนะคุณหนู คนเค้าใส่ใจโอเคไหมครับ"

“รู้แล้ว เราก็ไม่ได้ว่าซะหน่อย"

“รู้ว่าเป็นห่วงก็เล่าให้ฟังหน่อย ว่าไปดื้อเอาไว้ยังไงบ้าง เพื่อนถึงต้องมาฟ้องเราแบบนี้"

คนตรงหน้าได้ยินผมพูดแล้วก็เอาแต่ทำหน้ามุ่ย ก่อนจะตอบกลับมา

“ก็พวกนั้นบอกว่าจะมาช่วยเราทำงาน แต่เราไม่อยากให้มา ก็มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น อาทิตย์นึงเราทำทันอยู่แล้ว แถมตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้วด้วย เพื่อนๆเรากำลังจะไปเที่ยวกัน เราก็ไม่อยากให้มาเหนื่อยเพราะเรา แค่นี้เอง เข้าใจเราใช่มั้ย?"

“เข้าใจ..ก็ได้"

ผมก็เข้าใจเขานะ แต่ก็พอจะนึกออกว่าเพื่อนๆเขาที่อยากมาช่วยก็เพราะรู้สึกเป็นห่วงด้วยเหมือนกัน

“แล้วทำไมต้องก็ได้ด้วยอ่ะ"

“ก็เข้าใจนั่นแหละ บอกว่าเข้าใจก็คือเข้าใจครับผม ไม่กล้าขัดใจหรอกน่า"

เขาทำหน้าตัวแสบใส่ ตอนที่ผมบอกว่าไม่กล้าขัดใจ ก่อนจะพูดต่อ

“....แล้วนี่หมอไม่อ่านหนังสือรึไง"

”อ่านดิ เอาหนังสือมาด้วยเนี่ย"

“อ๋อ... มาเนียนใช้แอร์ห้องเราสินะ"

ผมยักคิ้วรับคำ แต่ไม่ตอบ จนเขาต้องพูดต่อ

"หมอจะกินอะไรก็หยิบได้นะ หาอะไรไม่เจอก็ถาม เราไปทำงานต่อละ"

“งั้นเดี๋ยวเราเอาหนังสือมานั่งอ่านตรงนี้แล้วกัน"

“ในครัวเนี่ยนะ?”

“อือ อยู่ห่างๆกันไว้ เดี๋ยวไม่มีสมาธิ"

คำตอบที่ได้รับคือการที่คนตรงหน้าแลบลิ้นแผล่บมาให้กัน ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป


- - -

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #817 เมื่อ29-09-2015 23:07:47 »



ผมละสายตาจากหนังสืออีกครั้งตอนหกโมงเย็น...

พอหันไปมองอีกมุมนึงของห้องแล้วเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ ในใจผมก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างที่อธิบายไม่ถูก
ไม่อยากกวนเขาตอนทำงานสักเท่าไหร่ แต่ก็อยากคุยด้วยสักนิดให้บรรยากาศไม่เงียบเกินไป

คิดได้อย่างนั้นผมก็ส่งเสียงเรียกเขาจากอีกฝั่งหนึ่ง

“ยิ้ม~~~”

ปกติเวลาผมแกล้งเรียกกันแบบนี้ อีกฝ่ายจะเถียงกลับมาตลอดว่าเจ้าตัวไม่ได้ชื่อยิ้มหรือไม่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถามผมว่ากำลังเรียกใคร แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป

“หื้อ?”

น่าแปลกดีที่คำสั้นๆคำเดียวมันส่งผลกระทบไปถึงความรู้สึกในจิตใจของผม
เสียงตอบรับง่วงๆของเขาดูน่ารักดี จนผมเอาแต่นั่งยิ้มกับเท็กซ์บุ๊กเหมือนคนเมายากันยุง ไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไป อีกฝ่ายก็ถามตามมาอีก

“ทำไมเรียกแล้วเงียบไปอ่ะ"

ผมหันไปมองและพบว่าเขาถามกลับมาโดยที่สายตายังไม่ได้ละจากงานที่ทำอยู่
เห็นอย่างนั้น ผมก็ตอบเขากลับไป

“...จะได้รู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว"

หลังจากที่ผมพูดประโยคนี้จบเขาก็เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่น้ำเสียงคุ้นหูจะลอยตอบกลับมาจากอีกฝั่งหนึ่ง

“รู้แล้ว...”

2 ชั่วโมงผ่านไป ผมยังคงนั่งอยู่ที่คอนโดของยิ้มหวานและรู้สึกว่าตัวเองควรจะพักสายตาสักครู่  ถึงได้ส่งเสียงเรียกใครอีกคน

“ยิ้ม~~”

“ไม่ได้ชื่อยิ้ม"

“อ้าว ก็เมื่อกี้ตอบ"

“ตัวปลอมแล้ว"

กวนกันใช่มั้ยเนี่ย?

“สองทุ่มแล้ว หาอะไรกินกัน"

โกหกคำโตเลยครับ -- ความจริงก็คือผมยังไม่หิวเลยสักนิด
แต่รู้สึกว่าอีกคนควรจะหาอะไรกินได้แล้ว ก็เลยแกล้งทำเป็นหิวไปงั้น
 
ผมหันไปมองยิ้มหวานและพบว่าเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นเร็วๆนี้ จนต้องเรียกซ้ำ

"ลุกขึ้นเร็ว"

พอโดนเร่งเขาก็หันมามองผม ก่อนจะส่งยิ้มตาหยีมาให้

“แป้บน้า5 นาที"

“จับเวลาแล้วกัน"

“หมอโหด!”

“เพิ่งรู้เหรอ?”

“แป้บดิ อย่าชวนคุย"

กลายเป็นว่าผมผิดไปซะงั้น -_- 

ผมกดตั้งเวลาในโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะฟุบหน้าลงงีบหลังกับโต๊ะ รอจนเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์บอกผมว่าเวลา 5 นาทีผ่านไปแล้ว ถึงได้ส่งเสียงเรียกยิ้มหวานอีกครั้ง และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือ

“ยิ้มครับ"

“อื้อ แป้บนึง"

 “วางมือ ลุก~”

“เดี๋ยวดิ...”

“ถ้ายังไม่ลุกจะอุ้มแล้วนะ"

พูดจบผมก็แกล้งเลื่อนเก้าอี้ให้มีเสียงครืดเบาๆแล้วลุกขึ้น 
แต่ยิ้มหวานก็ยังคงนิ่งแล้วก็วุ่นอยู่กับแม็คบุ๊คของเขาอยู่อย่างเดิม พร้อมกับกลับส่งเสียงมาต่อรอง

“แป้บนึง แป้บนึง~~”

“....”

“หมออ ไม่เอา ถ้าอุ้มเราถีบนะ!” 

ผมเดินมาหยุดข้างหลังเขา ก่อนจะมองคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้คล่องแคล่วเหมือนกับว่ามันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย
พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมวางมือลงง่ายๆ สุดท้ายผมก็ย่อตัวลง ใช้มือทั้ง 2 ข้างปิดตาเขาเอาไว้แล้วกดเสียงต่ำลง ก่อนจะพูดออกมา

“หยุดจ้องมันสัก 5 นาทีก่อนได้มั้ย"

ได้ผล... มือทั้ง 2 ข้างของเขาที่เคยขยับทำงานอย่างรวดเร็วหยุดลงทันที พร้อมกับที่เจ้าตัวร้องโวยวายออกมา

“อย่าปิดตาดิ!"

“ปล่อยแล้วจะยอมหยุดทำงานมั้ย?”

“หยุดก็ได้"

คนตรงหน้าผมรับคำงึมงำ แล้วยกมือขึ้นจับข้อมือผมเอาไว้ ก่อนพยายามจะแกะออกจนสำเร็จ
 ยิ้มหวานกลับมามองเห็นทุกอย่างอีกครั้ง หลังจากผมยอมปล่อยมือให้ขยับไปตามแรงดึงของเขาอย่างง่ายดาย

“กินอะไรที่มีในห้องแหละเนอะ ขี้เกียจลง”

ตลกดีที่พูดจบปุ๊บเขาก็หาวออกมาปั๊บ ก่อนผมที่กำลังพยักหน้าตอบรับคำพูดของเขาจะหาวออกมาเหมือนกัน

ในคลาสนึงที่เรียน อาจารย์ยกประเด็นเรื่องการหาวเป็นโรคติดต่อขึ้นมาพูด
โชคดีที่วันนั้นผมไม่หลับ ไม่โดด ไม่แชทไลน์ ไม่ลงไปนั่งกินขนมกับพื้น ก็เลยได้รู้ว่าการหาวเป็นโรคติดต่อ

จริงๆจะพูดว่าโรคติดต่อก็ไม่ถูกนัก... แต่ผลการศึกษาบอกว่า การหาวจะส่งต่อถึงกันได้มากกว่าในบุคคลที่มีความผูกพันหรือใกล้ชิดกัน

ผมมองคนที่กำลังหลุดขำออกมาเพราะผมหาวตามเขา ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังน้ำตาคลอ แล้วก็รู้สึกทนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นไปขยี้เส้นผมเขาเล่น ใบหน้ามุ่ยๆของคนที่โดนแกล้งทำเอาผมรู้สึกเอ็นดู แล้วก็หัวเราะออกมาบ้างอย่างง่ายดาย

ในความเป็นจริง...
สำหรับคนที่มีความรู้สึกผูกพันธ์กัน มันก็ไม่ได้มีแค่การหาวหรอกมั้งที่เป็นโรคติดต่อ
ทั้งความเครียด ความกังวล ความสุข หรือ ความทุกข์ ทุกๆความรู้สึกไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตามมันก็สามารถส่งจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งได้อยู่แล้ว

...ถ้าอีกฝ่าย เป็นคนที่เราเอาหัวใจเข้าไปผูกด้วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



tbc.


- - - - -


ถามว่าหายไปไหนมา งานเยอะค่ะ ไปสอบธีสิสมาด้วย / ทรุด
เดี๋ยวตอนหน้ามาเร็วแน่นอน
สัญญา~
ขอบคุณที่เอ็นดูเจ้าเด็กสองคนนี้ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2015 11:23:49 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ Akikojae

  • พี่ยุนรักน้องแจ ★彡
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1137/-17
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [13] <25.08.15> page 25
«ตอบ #818 เมื่อ29-09-2015 23:26:43 »

กีปูวววว รอนานมากกก 555
หมอน่ารักอ่ะ ให้กำลังใจยิ้มหวานตลอดเลย
สู้ๆนะยิ้มหวาน ไม่ได้เที่ยวไม่เป็นไร
เมื่อไหร่เขาจะหวานๆใส่กันบ้างง่ะ ?

ออฟไลน์ ที่เดิมในหัวใจสาววาย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #819 เมื่อ30-09-2015 00:59:50 »

หวานขึ้นทุกวันๆเลยนะคู่เนี่ย เมื่อไหร่หมอจะขอยิ้มหวานเป็นแฟนซะทีน้าา  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
« ตอบ #819 เมื่อ: 30-09-2015 00:59:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ duckduckk3

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #820 เมื่อ30-09-2015 01:36:05 »

หมอออออออออออออออออ
มาอ่านยิ้มหวานแล้วหายเครียดเลย
ยิ้มน่าร้ากกกก <3

ออฟไลน์ shijino

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #821 เมื่อ30-09-2015 01:40:48 »

 :-[ มาต่อแล้วววว เค้าจีบกันมุ้งมิ้งน่ารัก
ขอบคุณนะคะ รอยิ้มทุกวันเลย ระหว่างที่ยังไม่มาต่อก็อ่านตอนเดิมคอยไปก่อน ตอนนี้จะจำได้ทุกฉากล่ะ

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #822 เมื่อ30-09-2015 01:42:39 »

ไม่มีครั้งไหนเลยที่หมอจะไม่ทำตัวน่ารักแบบนี้
หื้ออออ หมอโคตรดีอะ

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #823 เมื่อ30-09-2015 01:43:28 »

คุณหมอกับยิ้มหวานเค้าน่ารักอ่ะตอนนี้
หมอดูแลเอาใจใส่ยิ้มหวานมากอ่ะ

ออฟไลน์ pannuna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #824 เมื่อ30-09-2015 02:20:43 »

โอ้ยยยยยถ้าเจอแบบนี้บอกเลยยิ้มหวานนี่แบบไม่หวั่นไหวเลยหรออออ ทำแต่งานนน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #825 เมื่อ30-09-2015 02:28:33 »

เห็นแต่ละคนตั้งใจกับการอ่านหนังสือและสอบ แล้วหันมามองตัวเอง   :mew5: ชาตินี้คงจะจบให้อยู่หรอกอ่านแต่นิยายเนี่ย
โทษทีที่มาบ่น อยากจะบอกว่าคิดถึงยิ้มหวานน่ะ เมื่อไรจะตกลงปลงใจเป็นแฟนกับหมอสักที

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #826 เมื่อ30-09-2015 04:01:01 »

โอยหมอออ หวานมาก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #827 เมื่อ30-09-2015 05:09:27 »

 o13

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #828 เมื่อ30-09-2015 06:35:26 »

ง่ววววววว เมื่อไหร่หมอกับยิ้มหวานจะเป็นแฟนกันนะ  :-[

ออฟไลน์ ao16

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +253/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #829 เมื่อ30-09-2015 07:12:52 »

 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
« ตอบ #829 เมื่อ: 30-09-2015 07:12:52 »





ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #830 เมื่อ30-09-2015 07:23:11 »

เริ่มคลืบคลานความรู้สึกไปทีละนิด
รู้ตัวอีกทีคงถอนตัวไม่ขึ้นล้วรึเปล่านะ
เรื่อยๆ แต่ก็น่ารัก นี่มันเป็นคำนิยามของเรื่องนี้เลยนะเนี้ย
รอตอนต่อไปค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #831 เมื่อ30-09-2015 07:24:34 »

น่ารักมากกกกกกกกกกกก :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #832 เมื่อ30-09-2015 07:55:31 »

หมอออกจะหวานขนาดนี้มะไรยิ้มหวานจะใจอ่อนให้หมอสักที

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #833 เมื่อ30-09-2015 08:56:43 »

อ่านแล้วยิ้มหวานทุกตอนเลย อิ่มอกอิ่มใจ^_^

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #834 เมื่อ30-09-2015 09:57:32 »

โลกสดใสสสสสสสส แต่ทำไมหมั่นไส่หมอเนี่ยยยย :laugh:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #835 เมื่อ30-09-2015 11:11:16 »

เหมือนไปแอบดูเขาสวีทกันเลย

ปล.ผูกพัน จ้ะ ไม่ใช่ ผูกพันธ์

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #836 เมื่อ30-09-2015 13:36:19 »

กว่าจะอ่านจบตอนนี่ยิ้มจนเมื่อยปาก น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #837 เมื่อ30-09-2015 13:39:21 »

จ้าๆ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #838 เมื่อ30-09-2015 14:00:36 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [14] <30.09.15> page 28
«ตอบ #839 เมื่อ30-09-2015 14:04:31 »

กรีสสสสสส  กรีดร้องงงงงงงง   มาแล้ววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด