-THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>  (อ่าน 707415 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #960 เมื่อ18-10-2015 15:34:47 »

แอร๊ยยยยย เขินหนัก หมายถึงคนอ่านนะ

ออฟไลน์ gessuriyong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #961 เมื่อ18-10-2015 17:20:59 »

คนอ่านตายคาที่จิมๆ  :-[ :-[

หมอแบบเนียนมาก แล้วแบบ...... อร๊ายยยยยยยยยยยยยย

ขอบคุณคนเขียนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :pig4:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #962 เมื่อ20-10-2015 00:41:47 »


ตาย ตาย ตาย...
อ่านแล้วตายไปเลย
มันดีงาม มันจิกหมอน มันนอนกลิ้งไปมาตอนที่เขาอรั๊ยใส่กัน!!

รออ่านเลยว่ายิ้มหวานจะทำยังไงที่หมอทำตามใจตัวเองแบบนี้
(จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!... เฮ่ย!! ไม่ใช่งานแต่ง!!!)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
   

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #963 เมื่อ20-10-2015 01:34:36 »

หวานระเบิดไปเลยตอนนี้

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #964 เมื่อ20-10-2015 01:44:56 »

คือเค้าพากันเดินมาถึงจุดนี้แล้ว โอ๊ยฟินร่างระเบิด

ออฟไลน์ 123shark

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • twitter
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #965 เมื่อ20-10-2015 15:38:29 »

แอร๊ยยยยยยยย นี่มันนิยายอะไร !!!!!!!!!
ฟินตั้งแต่ตอนแรกที่อ่านจนต้องรีบมาเม้น คืออ่านไปยิ้มไป นึกภาพออกเป็นฉากๆ
เขินนนนน :impress2: :-[ :o8:

อิหมออ้อยมากกก นี่น้องยิ้มหวานไม่รู้เลยสิว่าแกอ้อยอ่ะ แหม่
คนบ้าไรเขียนไอดีไลน์ตัวเองไว้ที่ชีทฟะะ น้องยิ้มหวานรู้แล้วว่าจีบชัวร์ๆ :laugh:

ปล. สะดุดตาเรื่องนี้หลายรอบและ แต่ไม่ได้กดเข้ามาอ่าน คิดว่าจะเป้นเรื่องหมอๆ คนไข้ไรงี๊ ไม่ค่อยชอบ
แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ลองอ่านละแบบ ว๊ายยยตายแล้ววววว :o8: นั่งทำหน้ากลั้นฟินเหมือนอิหมออ้อยเลยค่ะ

ออฟไลน์ ดาวพฤหัส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #966 เมื่อ20-10-2015 15:54:50 »

ตายคาที่  :jul1:
น่ารักมากกกกกกกกกก  :katai2-1:

ออฟไลน์ 123shark

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • twitter
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #967 เมื่อ20-10-2015 16:19:37 »

 อ่านตอนสองจบแล้ว แอ๊!!!!!!!! :ling1: เอาอิชั้นไปแอดมิทกับอิหมอจอมอ้อยด่วนเลยข่าาาา
เราว่าไม่ต้องบอกชื่อละครหรอกค่ะ อ่านแบบนี้รู้สึกมันมีเสน่ห์ดี โอ๊ยชอบอ่ะะะ ปกติเราไม่ค่อยได้อ่านนิยายนะ
หาเรื่องถูกใจค่อนข้างยาก แต่เรื่องนี้น่ารักจริงๆ ละมุนละไมมุ้งมิ้ง ไว้ปั่นนิยายตัวเองเสร็จจะมาอ่านต่อ :katai4:

ออฟไลน์ smilepengy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [15] <13.10.15> page 30
«ตอบ #968 เมื่อ21-10-2015 19:15:45 »

ตอนนี้โคตรน่ารักอะ ถือป้ายไฟเชียร์น้องหมอ

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #969 เมื่อ21-10-2015 22:05:03 »

 :กอด1:

รอเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
« ตอบ #969 เมื่อ: 21-10-2015 22:05:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #970 เมื่อ21-10-2015 22:14:30 »

รอค่ะ

ออฟไลน์ DZiik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #971 เมื่อ21-10-2015 22:18:40 »

รอด้วยคน  :-[

ออฟไลน์ mickymod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #972 เมื่อ21-10-2015 22:21:40 »

กด refresh รัวๆ  :hao6:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #973 เมื่อ21-10-2015 22:25:53 »

มารอค่ะะะะ  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #974 เมื่อ21-10-2015 22:33:35 »


กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ


- 16 -




วันต่อมา ผมออกจากคอนโดยิ้มหวานตั้งแต่เช้าเพื่อหนีรถติด
ก่อนจะออกจากห้องมา เจ้าของห้องเขาก็บอกลากันได้น่าประทับโคตรๆ

“บ๊ายบาย เราว่าหมอเดินเข้าบ้านไปต้องโดนแม่ถามว่ามาหาใคร แน่ๆ"
-_-

ผมนั่งอยู่บนแทกซี่ที่กำลังเคลื่อนตัวไปตามถนน ระหว่างนั้นในใจก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
แล้วพบว่าตัวเองกำลังนั่งยิ้มเป็นบ้า เหมือนลูกหมาเมายากันยุง

เมื่อวานนี้ หลังจากที่ขโมยหอมแก้มเขาไปเรียบร้อยแล้ว พอผลผละออกมา สิ่งแรกเห็นคือยิ้มหวานกำลังทำหน้าบึ้ง
มันไม่ใช่หน้ามุ่ยแบบขัดใจเล็กๆ แต่เป็นท่าทางเอาเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาได้ทันที

เห็นอย่างนั้นผมเองก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาแล้วว่า ตอนขากลับผมจะได้ลงลิฟต์กลับไป
... หรือจะโดนเขาจับทุ่มทิ้งดิ่งลงมาจากระเบียงคอนโดกันแน่

รถพยาบาลของที่ไหนขับเร็วที่สุด?
ผมควรโทรเรียกไว้ก่อนเลยไหม?

ให้มันรู้ไปสิวะ ว่าจะคนเรามันจะโดนซัดตายเพราะดันไปขโมยหอมแก้มคนที่ชอบ -_-

ผมมองหน้าเขาแล้วไม่สามารถเดาได้ ว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าขัดใจอยู่นั้นคืออะไร
สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจถามออกไปอยู่ดี

“โกรธเหรอ?”

“ไม่อ่ะ"

“อ้าว?! แล้วทำไมหน้าบึ้ง"

“เพราะเราไม่ได้โกรธหมอ...พอรู้ตัวว่าไม่โกรธ เราก็เลยรู้สึกหมั่นไส้แบบสุดๆขึ้นมาแทน ขอต่อยหน้าทีนึงได้ปะ?"

ในระหว่างที่กำลังฟังเขาพูดอยู่นั้น ไอ้'หน้ากลั้นฟิน' ของผมมันก็กลับมาอีกครั้ง 

พอยิ้มหวานพูดจบปุ๊บผมก็หลุดยิ้ม แล้วก้มตัวลงไปยื่นแก้มให้เขาใกล้ๆ พร้อมกับพูดออกมาเบาๆ

"อ่ะ ต่อยเลย"

อย่าคิดว่าเขาไม่กล้าทำนะ
เพราะไม่ทันไร ฝ่ามือของเขาก็ตีลงมาบนแก้มผมเต็มๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดต่อ

“ไม่ต่อยหรอก เจ็บมือเปล่าๆ"

เจ็บนิดเดียวเองครับ...
เพราะนาทีนี้ ต่อให้โดนรถถังทับนิ้วโป้งส้นตีน ผมก็คงรู้สึกแค่เหมือนโดนมดคันไฟกัดเบาๆ

เขาตีแก้มผม ส่วนผมก็ยกมือขึ้นกลับไปหยิกแก้มเขาเล่นเบาๆ แล้วพูดออกมา

“น่ารักว่ะ"

“ตรงไหนวะ?”

ผมยิ้ม แต่ไม่ตอบเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายก็แค่ทำเป็นถามย้อนกลับมาเพื่อแก้เขิน

ยิ่งผมเงียบเขาก็ยิ่งเขินจัดจนต้องยกมือขึ้นมาผลักอกไล่ให้ผมหลีกทาง แล้วเดินออกจากห้องไป
ทิ้งผมให้ยืนมองแล้วหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้

หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับเขาอีก แถมยังเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

แต่พอตื่นนอนขึ้นมาอีกทีก็เห็นว่าเจ้าของห้องเขาเลิกทำงาน ปิดคอมเรียบร้อย แล้วก็มานอนอยู่ตรงบีนแบ๊กที่วางอยู่ไม่ไกลจากโซฟา

เขานอนหลับสนิทโดยที่มีผ้านวมผืนใหญ่ห่มตัวเอาไว้
พอเห็นอย่างนั้น ... ผมก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็มีผ้าอีกผืนนึงห่มตัวอยู่เหมือนกัน
กลิ่นหอมเหมือนแป้งเด็กที่ติดมากับผ้าทำให้ผมต้องยกยิ้ม พร้อมกับนึกของคุณอีกฝ่ายในใจ และหลับลงไปอีกครั้ง



- - - -



วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้สัมผัสกับบรรยากาศของการปิดเทอม...

กิจกรรมสำหรับการปิดเทอมอันน้อยนิดของนึกศึกษาแพทย์จะมีอะไรนอกจากการก็กินๆนอนๆ ฆ่าเวลาด้วยการกดรีโมทเปลี่ยนช่องหาอะไรดูไปเรื่อยๆ แล้วก็หลับไปในตอนบ่าย

ก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งโดนเพราะไอ้โคนันมันโทรมาชวนไปเล่นบาส และนั่นก็ทำให้ผมต้องออกมาที่มหาลัยที่แทบจะเป็นบ้านหลังที่ 2 ไปแล้วอย่างไม่มีทางเลือก

มาถึงก็เห็นว่ามีคนใช้สนามอยู่ก่อนแล้วครับ ผมเข้าไปแจมในทีมเดียวกับไอ้โคนันแล้วก็เล่นกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งห้าโมงกว่า เพราะพี่ยามเดินมาบอกว่า ช่วงปิดเทอมสนามจะปิดตอนหกโมงตรง

หลังจากเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อย พวกผมก็พากันออกมานั่งพักอยู่ตรงเก้าอี้ด้านนอก ก่อนจะนั่งคุยเล่นกันตามปกติ

ก่อนที่ความสนใจของผมจะถูกดึงออกไปจากบทสนทนาตรงหน้าเพราะสายตาดันไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง
และไอ้อะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็คือมินิคูเปอร์สีดำที่กำลังเลี้ยวเข้าประตูมา ก่อนจะขับผ่านหน้าพวกผมไปอย่างรวดเร็ว

พวกเพื่อนๆที่กำลังนั่งคุยกันเรื่องฟุตบอลแมชเมื่อคืนถึงกับหันมามองแล้วทำหน้างงใส่
เพราะอยู่ดีๆผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองตามรถคันที่ว่านั่นไปจนสุดสายตา

...เชี่ย รถยิ้มหวาน!

เห็นอย่างนั้นผมก็รวบของทั้งหมดมาถือไว้แล้วยัดลงไปในกระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่อย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มนั้นมีหลายคนดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไร...แต่ไม่ใช่ไอ้โคนันแน่ๆ

เพราะตอนนี้มันกำลังมองตรงมาทางนี้ด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจ พร้อมกับยกมือขึ้นมาดันกรอบแว่นขึ้น
แต่เสือกไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที
...กูต้องพากษ์เสียงให้มึงล่ะ ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

“กูไปละ ไว้เจอกัน"

ผมยกมือขึ้นไปตบหัวไอ้แว่นทีนึง ก่อนจะบอกลาคนอื่น แล้วเริ่มต้นวิ่งทันที...

ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำไมกูต้องวิ่งวะ? แต่ขามันก็ถีบตัวออกไปเองแล้วครับ
ที่สำคัญคือ สนามบาสกับคณะเขานี่ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ใกล้กันเลย

กว่าจะมาถึง...ไอ้หมาเมายากันยุงตัวเมื่อเช้า มันก็กลายเป็นหมาหอบแดดไปแล้วในตอนเย็น
เพื่อจะพบว่า... ยิ้มหวานหายไปไหนก็ไม่รู้

ตรงหน้าคณะสถาปัตย์มีแค่มินิคูเปอร์สีเข้มที่จอดเทียบทางเท้าทาสีขาวแดงอย่างกล้าหาญ -_-
ผมมองรถเค้าอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจยืนหันหลังพิงมันซะ แล้วหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเพื่อพิมพ์ข้อความส่งไปให้อีกคน


*อยู่คณะใช่ปะ?


พิมพ์เสร็จก็รอครับ รอจนพบว่าอีกฝ่าย...ไม่อ่านและไม่ตอบ -_-

ระหว่างนั้นในใจผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือจะเป็นรถคนอื่นวะ?
ทั้งมหาลัยก็ใช่ว่าจะมีมินิแค่คันเดียว แถมสีดำนี่ก็ยังเห็นคนขับอยู่เยอะเหมือนกัน
คิดได้อย่างนั้นผมก็เดินไปดูทะเบียนรถ แล้วก็โล่งใจขึ้นมาทันทีเพราะนี่คือรถของเขาไม่ผิดแน่ๆ

เห็นอย่างนั้นผมก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้อง แล้วรูปหน้ารถของเขาเอาไว้ ก่อนจะส่งไปให้อีกฝ่ายทางไลน์ แล้วพิมพ์ข้อความตามไป


*จะขโมยรถแล้วนะ


ส่งไปปุ๊บก็ได้คำตอบทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายไม่อ่านและไม่ตอบข้อความ

แสงสว่างจากหน้าจอที่ส่องออกมาจากในรถบอกชัดเลยว่า ...เขาทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ในนั้น
แสดงว่า นอกจากรอต่อไปเงียบๆ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้อีก

ผมยืนพิงรถเขาแล้วเล่นมือถือไปเรื่อยๆอยู่เกือบ 15 นาที ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ
พอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นว่าคนที่รออยู่กำลังเดินตรงมาทางนี้ พร้อมรอยยิ้มสดใส ถึงแม้หน้าตาจะยังดูอ่อนเพลียอยู่ไม่น้อยก็ตาม

“มาล็อคล้อเหรอครับ?”

ดูทักกันดิ...
ผมยักคิ้วแทนคำตอบ ก่อนจะพูดไปอีกเรื่องนึง

“เราเล่นบาสเสร็จพอดี แล้วเห็นมินิหน้าตาคุ้นๆขับผ่านสนามไปเลยเดินมาดูให้ เผื่อโดนขโมย"

ผมพูดแล้วพยายามยิ้มจริงใจสุดๆ
อะไรวะ? เชื่อไม่ได้เหรอ? 

“ต้องเชื่อปะเนี่ย?”

“เชื่อเหอะ...”

อีกฝ่ายไม่ตอบรับ แต่ทำปากคว่ำกลับมาให้แทน จนผมต้องถามต่อ

“แล้วทำไมยังไม่กลับ? นึกว่านอนอยู่ห้องแล้วซะอีก อุตส่าห์ปล่อยให้นอนเงียบๆไม่กวน"

“ก็...เราเอางานมาส่ง แล้วรถอาจารย์ดันมีปัญหานิดหน่อย คนขับรถเค้าขับไปชนระหว่างทางอ่ะ เลยมารับไม่ได้ เราก็เลยขับรถเอางานไปส่งที่บริษัทกับอาจารย์มา ส่งงานเสร็จอาจารย์ก็เลี้ยงข้าวอีก เลยเพิ่งกลับมาเนี่ย"

เท่าที่ฟังดู ผมว่าวันนี้คงเป็นอีกวันที่วุ่นวายสุดๆสำหรับเขา...

“แล้วงานเสร็จยัง?”

“เรียบร้อยแล้ว"

“งั้นก็ปิดเทอมแล้วอ่ะดิ?”

ผมถาม ระหว่างที่อีกฝ่ายก็ขยับมายืนพิงรถอยู่ข้างๆกัน แล้วหันมายิ้มให้จนความสดใสนั้นกระแทกอัดหน้าผมเต็มๆ
ตาพร่าแล้วครับ ปั๊มหัวใจด่วน...

“ใช่แล้ว!”

“ถ้าไม่อยู่ในสภาพนี้ก็อยากพาไปเลี้ยงข้าวอยู่นะเนี่ย"

เพราะตอนนี้ผมอยู่ในชุดเล่นบาสตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมเหงื่อยังเปียกไปทั้งตัวอีก
ทางเลือกเดียวที่มีก็น่าจะเป็นการกลับบ้านไปอาบน้ำนอน

“ไม่ทันแล้ว เรายังอิ่มอยู่เลย"

“งั้นไอ้จู๋หอยเม่นที่บ่นอยากกินอยู่นี่ ก็ไม่อยากกินแล้วดิ"

“อีกละ...”

“หื้ม?”

“หมอเลิกเรียกอูนิว่าจู๋หอยเม่นได้แล้ว น่าเกลียดว่ะ!"

“ก็มันเรื่องจริง"   

“ก็เรียกภาษาญี่ปุ่นดิ ทะลึ่งว่ะ~"

เคยเห็นคนโวยวายไปพลางขำไปพลางไหมครับ?
ข้างๆผมมีอยู่คนนึง

“จู๋ก็คือจู๋ป่ะวะ? จู๋แพงโคตร"

“หยุดเลย! เราจะเลิกกินเพราะหมอพูดนี่แหละ”

เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับฟาดมือลงบนต้นแขนผมเต็มแรง เป็นอันว่าจบบทสนทนาครับ

สาระอัพเดพ...
หลังจากยืมกางเกงใน -- ตอนนี้ผมพัฒนาไปสู่การเป็นคนที่พูดเรื่องจู๋กับคนที่ชอบแล้วนะครับ
ถึงจะเป็นจู๋หอยเมนก็เหอะ -_-

เรื่องมันต่อเนื่องมาจากวันก่อนที่ยิ้มหวานขับรถผมกลับบ้าน
เพราะไม่มีอะไรจะคุยกัน ระหว่างทางผมเลยถามขึ้นมาว่า ปกติเวลาเขาไปเที่ยวญี่ปุ่น จะชอบไปที่ไหน ไปทำอะไรบ้าง แล้วพอเล่ามาถึงเรื่องของกินปุ๊บ ไอ้จู๋หอยเม่นนี่ก็เลยกลายมาเป็นหัวข้อหลักในทันที

เจ้าตัวเขาบอกว่ามันอร่อยมาก ชอบกินมาก อยากกินสุดๆ ก่อนจะทำหน้ามุ่ยทันทีที่ผมถามกลับไปว่า  มันคือรังไข่ของหอยแม่นไม่ใช่เหรอ? เถียงกันไปเถียงกันมาเรื่องหอยเม่นได้สักพัก บทสนทนาทั้งหมดก็จบลงที่ ผมกับเขาเราจะไปกินซูชิกันทันทีที่ยิ้มหวานส่งงานเสร็จเรียบร้อย


“งั้น...จะฉลองปิดเทอมกันยังไงดี?”

ได้ยินคำถามปุ๊บ คนข้างตัวผมก็ยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วเงียบไปสักพัก ก่อนจะบ่นออกมาลอยๆเหมือนกำลังพูดอยู่กับตัวเอง

“อยากไปทะเล...”

พูดจบเจ้าตัวก็หันมาและสบตากับผมเข้าเต็มๆ เขาปั้นหน้ามุ่ยนิดๆก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดต่อ

“....แต่ใครเค้าจะไปทะเลกันตอน  6 โมงเย็น จริงปะ?"

“...”

“รู้ละ! รอพวกนั้นกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วค่อยไปด้วยกันดีกว่า...ไปหัวหินมั้ยใกล้ดี? ชวนเพื่อนหมอไปด้วย ไปกันเยอะๆ จะได้สนุก”

“ไปดิ"

“อือ จะไปวันไหนเดี๋ยวเราบอกแล้วกัน”

“...ไปกันวันนี้นี่แหละ"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมาทำตาโตใส่ผมเหมือนกำลังไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะรีบตอบกลับมา

“ตลกละ! นี่มันหกโมงกว่าแล้วนะ"

ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีที่ได้ยินเขาพูด ก่อนจะเริ่มคิดวางแผนคร่าวๆในใจ และปล่อยให้อีกฝ่ายยืนมองกันอยู่เงียบๆ

“ถ้าเรารีบกลับบ้านไปเก็บของ แล้วออกจากที่นี่ประมาณ 2 ทุ่ม ก็อาจจะถึงประมาณสี่ห้าทุ่ม ดีไม่ดีไปเดินตลาดโต้รุ่งทันด้วยซ้ำ"

“หมอ...”

“เห้ยนี่พูดจริง เรายังเคยขับรถไปพัทยากับไอ้พวกนั้นตอนสี่ทุ่มเลย ไปถึงก็กินเหล้าจนเช้า เปิดโรงแรมนอนแล้วบ่ายๆเย็นๆก็กลับ"

“บ้าพลังไปปะ?”

“แล้วอยากไปมั้ยล่ะ?”

พอผมถามอีกครั้ง และเขาก็ตอบกลับมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
จนผมต้องพูดซ้ำพร้อมกับยื่นมือไปให่้เขาตรงหน้า

“หัวหินอยู่ตรงหน้าแล้วเนี่ย ไปไม่ไป?”

คราวนี้จากหน้ายู่ๆก็เริ่มยกระดับไปเป็นการกัดปากแล้วขมวดคิ้วเข้าจนยุ่งครับ
ผมปล่อยให้อีกฝ่ายใช้ความคิดอยู่สักพัก จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้วพูดออกมา

“โอ้ย ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย?"

คำพูดของเขาทำให้ผมต้องมองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
เพราะไม่รู้ว่าที่บ่นออกมานั้น เขาหมายถึงผมหรือกำลังพูดกับตัวเอง

ก่อนสีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลจะค่อยๆคลายลงแล้วเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้ม
แถมยังเป็นรอยยิ้มของพวกตัวแสบซะด้วย...

“ไป! ไปหัวหินกัน!”

น้ำเสียงสดใสของเขาตอบกลับมา ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นมาตรงหน้า รอให้ผมเป็นฝ่ายแทคฝ่ามือของตัวเองกลับไป แล้วพูดต่อ

“ก็แค่เนี้ย~ งั้นก็รีบแยกย้าย เดี๋ยว 2 ทุ่มเจอกัน"

“โอเค!”
 
พูดจบเขาเลิกพิงรถ พร้อมกดปลดล็อคแล้วเปิดประตู ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว
เห็นอย่างนั้นผมก็เดินอ้อมรถไปตรงที่ว่างอีกฝั่งนึง ก่อนที่อีกฝ่ายถามขึ้นมา พร้อมกับออกรถไปด้วย

“หมอจะให้เราไปส่งที่ไหน เอารถมาหรือขึ้นบีทีเอสกลับ"

“เอารถมา วนกลับไปส่งที่สนามบาสก็ได้"

“ได้เลยครับท่าน”

เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทะเล้น ก่อนที่ผมจะถามต่อ

“แล้วจะให้เราเอารถไป หรือจะขับมินิไป?”

“รถเราก็ได้"

“งั้นเจอกัน 2 ทุ่ม เดี๋ยวไปหาที่คอนโด โอเคนะครับ?”

“โอเคมากๆเลยครับคุณหมอ"

ท่าทางของคนตรงหน้าทำเอาผมต้องแอบจดโน้ตเอาไว้ในใจ
ว่ายิ้มหวานที่กำลังจะได้ไปเที่ยว คือยิ้มหวานที่แจกความสดใสถึงขั้นสุด


- - -


2 ทุ่มตรง พวกผมก็อยู่กันบนรถเรียบร้อยแล้วครับ

หลังจากเถียงกันอยู่พักนึงว่าใครจะขับรถ สุดท้ายวิธีตัดสินที่ยุติธรรมที่สุดในโลกอย่างเป่ายิงฉุบก็ถูกยกขึ้นมาใช้
และผลออกมาว่า ผมชนะ...

ขับรถออกไปได้สักพัก คนที่นั่งอยู่ข้างๆกันก็เริ่มชวนผมคุย เหมือนเขาจะคุยเก่งขึ้นเรื่อยๆนะ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะเราสนิทกันมากขึ้นด้วยล่ะมั้ง

"เออใช่ แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนอ่ะ?”

ผมหลุดยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถาม ก่อนจะตอบกลับไป

“ริมทะเลไง"

“ฮะ?”

“ริมทะเล...”

พอเหลือบสายตาไปมองแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้างง ผมก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง
ที่เค้าพูดกันว่า 'เด็กผู้ชายมักจะแกล้งคนที่ชอบ' ผมว่าโคตรจริง...

“มัน...นอนได้จริงๆเหรอ?”

“ได้ดิ มันเป็นชายหาดสาธารณะ"

"แล้วยุงจะไม่กัดเหรอ?”

“กัดดิ กินอิ่มเมื่อไหร่เดี๋ยวมันก็ไป"

อีกฝ่ายเงียบไปแล้วครับ...
พอแอบเหลือบสายตาไปอีกทีก็เห็นว่าเขากำลังหรี่ตามองมาทางนี้ด้วยสายตาจับผิด
รู้แล้วแน่ๆว่าโดนแกล้ง...

ทันทีที่เห็นว่าผมยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ยิ้มหวานก็หันกลับไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะก้มหน้ากดมือพร้อมกับบ่นลอยๆ

“เราว่าเราหาที่พักดีกว่า หมอจะนอนริมทะเลก็นอนไปคนเดียวเหอะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ละมือข้างนึงจากพวงมาลัยรถ แล้วยื่นไปวางแหมะเอาไว้บนหัวของเขาก่อนจะโยกเล่นไปมาสองสามทีพร้อมกับพูดไปด้วย

“หันไปเปิดช่องเล็กหน้าเป้ แล้วหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาให้หน่อยดิ"

“ทำเราเวียนหัวแล้วยังใช้กันเนี่ยนะ?"

เขาหันมามองหน้าผมแล้วบ่นใส่กัน แต่ก็หันไปหยิบของให้ตามที่ผมบอกอยู่ดี

จนถึงตอนนี้ผมก็ยังใช้กระเป๋าใบเดียวกันกับวันที่กระเป๋าตังค์เราสลับกัน ส่วนอีกคนน่าจะเปลี่ยนไปสองสามใบแล้วมั้ง
สักพักเขาก็หันกลับมาพร้อมกระเป๋าสีดำที่อยู่ในมือ แล้วถามต่อ

“หมอจะเอาอะไรอ่ะ"

“ในนั้นมีกระดาษสีฟ้าพับครึ่งอยู่ หยิบออกมาดูดิ แม่เราให้มา"

เขาทำตามที่บอก ก่อนจะนั่งอ่านกระดาษแผ่นนั้นไปเงียบๆ
มันคือบัตรของขวัญที่พักฟรีของรีสอร์ทของเพื่อนแม่ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีครับ อ่านจบเขาก็หันมาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ

“งั้นหมอก็ไปนอนชายหาดนะ เราจะนอนที่นี่คนเดียว"

บอกเลย....ว่านี่คือการกวนตีนที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยเจอมาในชีวิตนี้ -_- 

“เดี๋ยวจะโดน"

“ทำไม? โดนอะไร?”

โหมดเถียงเก่งกลับมาอีกแล้วเว้ย!

ผมใช้ความเงียบสู้กับเขา พร้อมยกมุมปากขึ้นแล้วหรี่ตามองกันด้วยสีหน้าไม่น่าไว้ใจเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้ากันอยู่ และไอ้รอยยิ้มนั่นก็ทำให้ฝ่ามือหนักๆของเขาฟาดลงมาบนต้นแขนผมเต็มๆ

“ไม่คุยแล้ว!"

“เฮ้ย คุยต่อดิ กำลังสนุกเลย"

“เงียบแล้วตั้งใจขับรถไปเลย ไม่งั้นเราไล่ลงกลางทางให้เดินกลับเองแน่"

เขาบ่นออกมาในแบบที่ดูยังไงก็ยังรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าเอ็นดูมากกว่าที่จะเอาเรื่องกันจริงจัง

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาน่ารักมากไป
...ก็อาจจะเป็นประสาทการรับรู้ของผมที่เป็นปัญหา






[มีต่อนะคะ]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2015 00:17:12 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #975 เมื่อ21-10-2015 22:35:04 »




ก่อนหน้านี้คนข้างๆผมเขายังนั่งกดเครื่องเสียงรถยนต์เล่นไปเรื่อยๆเหมือนคนพยายามหาอะไรทำอยู่เลย
แต่พอหันไปมองอีกที อีกฝ่ายก็หลับไปซะอย่างนั้น

ผมแอบมองเขาอยู่สักพัก พอเห็นว่าไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมาง่ายๆ ก็อาศัยจังหวะช่วงที่รถติดนานๆปล่อยมือจากพวงมาลัย แล้วเอื้อมมือไปปรับเบาะให้มันเอนลงไปจนสุด

พอเก้าอี้ที่นั่งอยู่ขยับ คนที่นอนอยู่เลยตื่นขึ้นมา
เขาลืมตาขึ้นแล้วกระพริบตาซ้ำๆสองสามที ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองสบเข้ากับผม

วินาทีนั้นเองที่ผมเพิ่งจะรู้ว่าระยะห่างระหว่างเรา 2 คนมันโคตรจะอันตรายเลย เพราะการหันหน้าไปหาเขาแค่เพียงนิดเดียวมันก็ทำให้ปลายจมูกของผมเฉียดผ่านไฝเม็ดเล็กๆที่ข้างแก้มของคนตรงหน้าแบบที่ชวนให้หยุดหายใจ

เพิ่งรู้ว่าการปรับเบาะรถมันทำให้คนใจสั่นได้ก็วันนี้นี่แหละวะ

แล้วปัญหามันก็เกิดขึ้นตอนที่เราสองคนเอาแต่มองสบตากันอยู่อย่างนั้นเหมือนเวลาโดนหยุด 

ผมรู้สึกเหมือนโดนสะกดให้นิ่งค้างอยู่ตรงนั้น อยู่ในช่วงเวลาที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้ามากกว่าแอร์เย็นๆที่เป่าอัดสีข้างกันอยู่ตอนนี้

ยิ้มหวานตาสวยมาก มันกลมโตแล้วก็เป็นสีดำแต่กลับให้ความรู้สึกสดใสเพราะถูกล้อมรอบไว้ด้วยขนตาที่ยาวเรียงตัวเป็นแพ
...ไม่ว่าเจ้าตัวจะกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ทั้งหมดนั้นจะถูกแสดงออกมาที่ดวงตาคู่นี้

โชคดีที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรวบรวมสติกลับมาได้ก่อนผม เขาขยับปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีเสียงใดๆหลุดออกมา

และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในวิกฤตอย่างแท้จริง

...ผมอยากจูบเขา

มันเป็นห้วงเวลาสั้นๆที่เหมือนจะมีอะไรบางอย่างต่อสู้กันอยู่ในใจ

สติบอกกับร่างกายว่าผมต้องผละออกมา การจูบเขาตอนนี้ไม่ใช่ความคิดที่ดี
แต่แววตาคู่นั้นที่มองมาก็รั้งเอาไว้ไม่ให้ผมออกห่างไปไหนได้เลย

และทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ

....ก่อนที่เสียงเตือนจากโทรศัพท์จะดังขึ้นมาหยุดทุกอย่างไว้

แม่ง...ไม่เคยซึ้งใจในเน็ตสี่จีกากๆของไทยมาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้

เสียงที่ดังขึ้นมาเหมือนเป็นแรงกระชากหนักๆที่คอเสื้อดึงให้ผมกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิม โดยที่สายตาก็เอาแต่มองจ้องไปยังสัญญาณไฟจราจรที่นับถอยหลังจากสิบไปเป็นเก้า

ผมนับตามตัวเลขสีแดงที่อยู่ไกลออกไปเพื่อรวมสติ  ก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างๆกดรับสายโทรศัพท์ พร้อมๆกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว

“ง....ไงมึง?”

ปลายสายตาของผมเห็นว่าเขายกมือขึ้นมาโบกนิดหน่อย   
เลยเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพื่อนที่ญี่ปุ่นวีดีโอคอลมาอีกแล้ว

“เป็นไรวะ ท่าทางแปลกๆ

“แปลกอะไร? เปล่า...กูนอนอยู่ เพิ่งตื่น"

“นอนตั้งแต่สามทุ่มเนี่ยนะ? เดี๋ยวก่อน...นั่นไม่ใช่ห้องมึงนี่ อยู่ไหนวะ?”

“อืม...อยู่บนรถ"

“เดี๋ยวนะคะ สามทุ่มกว่าแล้วคุณหนูยังอยู่บนรถ? ไปไหนมาเนี่ย? ไม่ขับรถเองด้วย? ไหนๆกูขอดูหน้าคนขับรถหน่อย มุมนี้เห็นแต่แขนอ่ะ ไม่ชัดด้วยมันมืด"

“เสือก...”

“เห็นแค่แขนกูยังรู้เลยว่าเป็นไอ้หมอชัวร์"

ได้ยินเสียงเพื่อนเขาพูดมาแบบนั้นผมก็หลุดยิ้ม

บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนยิ้มหวานเป็นแม่มดรึเปล่า?
ดูแต่ละอย่างที่ถามดิ ยังไม่รวมเรื่องเวลาที่โทรมาได้โคตรจะถูกจังหวะอย่างน่ากลัว

“อืม ทำไม? มีปัญหา?”

“เปล๊า! ใครเค้าจะกล้ายุ่งกับคุณหมอของมึงคะ"

"บ้านมึงดิ มีใครมาเป็นของกูตั้งแต่เมื่อไหร่?"

"สักพักอ่ะ ตัวติดกันขนาดนี้ กูว่าไม่นานเดี๋ยวก็ของมึงละ ไหนๆความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงไหนแล้ว อัพเดทให้พี่ฟังหน่อยซิหนูยิ้ม"

“เชี่ย!”

เชี่ยจริงครับ...
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกร้อนๆหนาวๆเหมือนเด็กทำผิดแล้วโดนแม่จับได้

“เชี่ยคืออะไร กูไม่เข้าใจ"

“เชี่ยคือ...ไม่มีอะไรเว่ย! อัพเดทอะไรมึงอ่ะ เปลี่ยนเรื่องเลย ถ้ายังพูดเรื่องนี้อยู่กูวางแล้วปิดเครื่องหนีแน่"

"โอโห้ โคตรโหด! โอเคๆ เปลี่ยนเรื่อง วันนี้มึงส่งงานไม่ใช่เหรอ เสร็จงานแล้วทำไมไม่กลับบ้านนอน ไปไหนกับไอ้หมอมา?"

“ไม่บอกเว้ย!"

บทสนทนาที่ดังอยู่ข้างๆทำเอาผมต้องส่ายหน้าเหนื่อยใจ
เพราะเท่าที่ฟังดูมันไม่เห็นจะเปลี่ยนเรื่องไปไหนอย่างที่คนปลายสายพูดอยู่เลยสักนิด

“เออ...ไม่บอกกูสืบเองก็ได้ แล้วเรื่องงานเป็นไงวะ?”

“ก็โอเคมั้งมึง กูส่งไปแล้วอ่ะ ที่เหลือก็แค่รอฟังผล"

“ดีแล้วๆ ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”

“ไม่มีหรอก พวกมึงเที่ยวให้สนุกเหอะ กูโอเค"

“อืมๆ งั้นไม่ห่วงมึงละ ไหนๆกูคุยกับหมอหน่อยดิ๊"

“อยากคุยกับหมอมึงก็โทรหาหมอดิ โทรหากูทำไม?"

“นี่คือกวนตีนเหรอหวงฮะ?"

“กวนตีน!"

พูดจบเขาก็กดสลับมาเป็นกล้องหลักแล้วหันโทรศัพท์มาทางผม พร้อมกับเสียงทักทายจากหลายๆคนที่ดังมาให้ได้ยิน
ตอนแรกก็คิดว่าคุยอยู่คนเดียวครับ

ที่ไหนได้ นั่งกันครบแก๊งแต่ให้หัวหน้าใหญ่เป็นตัวแทนสอบปากคำคนหนีเที่ยวนี่เอง

“หวัดดีหมอ"

“อือๆ หวัดดี"

ผมตอบกลับไปโดยที่หันไปมองเขานิดหน่อยก่อนจะกลับมาขับรถต่อ

“ขอสืบอะไรหน่อยดิ"

"สืบอะไร?"

"พาเพื่อนเราไปไหนมา ทำไมป่านนี้ยังไม่ถึงบ้าน?”

ได้ยินคำถามปุ๊บผมก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วตอบกลับไป

“ขอใช้สิทธิ์ไม่ตอบได้มั้ย”

“อีกคนละ ความลับเยอะไปปะ!”

“ไม่ใช่ความลับ เราไม่ตอบก็เพราะเจ้าของรถเค้าไม่อยากให้บอกว่ะ"
 
“มันไม่ยอมบอก แกก็บอกมาดิ ถ้าตอบตั้งแต่แรกก็จบแล้วเนี่ย"

“ไม่เอา...ไม่อยากขัดใจ"

พูดจบผมก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากอีกฝ่ายครับ เดาเอาจากเสียงที่ขาดหายเป็นช่วงๆว่าน่าจะกำลังโดนแซว
ก่อนที่เพื่อนๆของเขาจะกลับไปคุยกับยิ้มหวานเหมือนเดิม

“โอ๊ย อิจฉา กูอยู่ญี่ปุ่นแต่ชีวิตดี๊ดีไม่ถึงครึ่งของมึงอ่ะ"

“ดีบ้าอะไรอ่ะ กูเพิ่งได้ปิดเทอมเนี่ย"

"ก็มึงมีคนคอยดูแลอ่ะ"

"เพ้อเจ้อละ วางไปเลยไป เปลืองไวไฟโรงแรมโคตร"

"ค่ะๆๆ บาย~" 

"อือๆ บายนะพวกมึง หลงทางอะไรเรียกกูได้ตลอดแหละ จะรีบตอบ"

ถึงแม้จะเถียงกันไปเถียงกันมาตลอดเวลา
แต่ยิ้มหวานก็คือยิ้มหวานครับ...เขายังคงเป็นคนที่เอาใจใส่แล้วก็เป็นห่วงเพื่อนๆที่สุดอยู่เหมือนเดิม
น่ารักโคตร!

หลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันไปหยิบหมอนกับเสื้อกันหนาวของตัวเองที่วางอยู่ตรงเบาะหลัง แล้วเอาหมอนใบนั้นมาหนุนนอนพร้อมกับใช้เสื้อแทนผ้าห่ม แถมยังเอาฮู้ดขึ้นมาปิดหน้าตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกไปเรียบร้อยแล้ว 

ผมเหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเขานอนหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง
พูดให้เจ็บกว่าเดิมก็คือเขาหันหลังให้ผม -_-

วินาทีแรกที่เห็น ใจผมแม่งหล่นวูบลงไปอยู่ใต้ท้องรถเป็นที่เรียบร้อย และมันคงจะโดนล้อหลังมินิคูเปอร์ทับจนเละไม่มีชิ้นดี ถ้าผมไม่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังออกมาเบาๆ เพราะคนพูดยังคงมุดตัวอยู่ในเสื้อ

“เราขอนอนแป้บนึง ถ้าหมอเหนื่อยเมื่อไหร่ก็ปลุกให้เรามาขับแทนนะ"

กลายเป็นว่าหัวใจของไอ้นศพ.ที่หล่นตุบออกไปนอกรถมันดันรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
และเด้งตัวกลับเข้ามาอยู่ในรถมินิคูเปอร์แอร์เย็บเฉียบได้โดยสวัสดิภาพ


,



ประมาณสี่ทุ่มปลายๆ พวกผมก็มาถึงที่พัก
รีสอร์ตของเพื่อนแม่อยู่ห่างจากตัวเมืองออกมานิดหน่อยแต่ก็ยังติดทะเล

ผมแวะเอากุญแจและขับรถต่อมายังบ้านที่พวกผมต้องพักในคืนนี้
มาถึงก็จอดรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปปลุกคนข้างๆที่หลับสนิทข้ามจังหวัด

จากใจเลย ผมโคตรจะไม่กล้าโน้มตัวข้ามฝั่งไปเบาะที่นั่งข้างคนขับอีกแล้ว
ไม่ใช่อะไร – ผมไม่ไว้ใจตัวเอง

“ถึงไหนแล้วอ่ะ?”

คนหน้าตางัวเงียถามออกมาทั้งๆที่ยังลืมตาขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว
เห็นท่าทางอย่างนั้นผมก็ตอบกลับไป

“หลับตา ตั้งใจฟังเสียงให้ดี หายใจเข้าลึกๆด้วย"

อีกฝ่ายทำตามที่ผมบอกโดยไม่สงสัย และทันทีที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน 
เขาก็ดูเหมือนจะตื่นนอนได้เต็มที่ในเวลาเสี้ยววินาที แล้วตอบกลับมา พร้อมกับมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ทะเลนี่!"

“ถูกต้อง เราหยิบกระเป๋ามาให้แล้ว ลงมาจากรถเร็ว"

พอลงมายืนข้างกันปุ๊บ สิ่งแรกที่คนตรงหน้าทำเหยียดแขนคือบิดขี้เกียจ ก่อนจะยื่นมือมาดึงกระเป๋าเป้ของเขาที่ผมสะพายเอาไว้บนไหล่ แต่ผมกลับโยกตัวหลบ พร้อมกับกดรีโมทล็อครถ...พร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจ

เหมือนผมไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้ายังไงก็ไม่รู้
...บอกไม่ถูกว่ะ

“ถ้าชอบถือของเยอะๆวันหลังหมอขนกระเป๋ามาคนเดียวสิบใบเลยนะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันไปยิ้มมุมปากให้เขาแล้วรีบหันกลับมา โดยไม่เถียงอะไรกลับไป ก่อนจะแตะคีย์การ์ดปลดล็อคประตู

ระหว่างที่ผมกำลังเอาของไปวางไว้บนโซฟาพร้อมกับกดรีโมทเปิดแอร์ คนที่เดินตามมาก็พุ่งตัวลงไปบนเตียง ก่อนจะขยับตัวยุกยิกมุดลงไปในผ้าห่ม 

เห็นอย่างนั้นผมก็เดินลงไปนั่งบนเตียงของตัวเอง แต่หันหน้าไปทางอีกคนที่อยู่ในโหมดพร้อมนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“จะออกไปตลาดโต้รุ่งอีกมั้ย?”

อีกฝ่ายเหมือนจะเพิ่งนึกออกครับ ว่าตอนเย็นเราเคยพูดกันว่าถ้ามาถึงเร็วอาจจะไปตลาดโต้รุ่งทัน
เขาทำตาโตเหมือนจะเพิ่งนึกออก

“ไปได้นะ เราก็ง่วงแหละ แต่กินกาแฟเข้าไปสักแก้วก็เที่ยวต่อได้แล้ว"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วเข้า ก่อนจะตอบกลับไป

“มาเที่ยวนะ ง่วงก็นอนไปเลยไม่ต้องฝืน"   

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาทำสัญลักษณ์ 'โอเค' แทนคำตอบ

ผมยืนมองท่าทางสบายใจสุดๆของคนที่ซุกใบหน้าเอาไว้กับหมอนใบใหญ่ แล้วก็นึกอยากแกล้งดึงแก้มนุ่มๆนั่นเล่นอย่างอดไม่ได้

คิดได้อย่างนั้นผมก็ยื่นมือออกไป เตรียมจะหยิกแก้มเขาเล่นเหมือนทุกที
แต่พอเผลอไปมองสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น มือมันก็ดันชะงักไปโดยอัตโนมัติ แบบที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ

ไม่ใช่แค่ผมที่แปลกใจครับ เพราะคนที่นอนอยู่ก็ทำสีหน้างงๆส่งมาให้อีกทาง
เห็นอย่างนั้นผมก็ยกมือขึ้นมาโบกให้เขาด้วยท่าทางที่ดูโง่เง่าเต็มที

“ฝันดีนะ เราออกไปนั่งเล่นแล้วกัน"

พูดจบผมก็รีบเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ชายหาดที่วางอยู่ตรงนั้น แล้วพูดกับตัวเองในใจ
ค่อยๆนะมึง ใจเย็นๆไว้ก่อน...

ตอนที่กำลังจะจับแก้มเขาเมื่อกี้ ตอนนั้นเองที่ผมเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าไอ้ความรู้สึกแปลกๆที่กวนใจนี่อยู่มันคืออะไร

....ผมลบภาพดวงตาของเขาที่กระพริบช้าๆ ลมหายใจอุ่นๆ
และความรู้สึกในวินาทีที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกันออกไปจากใจไม่ได้

“เชี่ย....”

แล้วสุดท้ายก็ได้แต่ด่าตัวเอง พร้อมกับใช้สันมือเคาะขมับดึงสติที่มันกระจัดกระจายไปให้มันกลับเข้าที

ไอ้เชี่ยหมอ...มึงกำลังตามจีบเขาอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งให้ความหวังมึงมาแบบสดร้อนๆ
แต่มึงก็ห้ามทำลายความไว้ใจที่เค้าอุตส่าห์ให้มาดิวะ!

นึกไปนึกมาก็อยากด่าว่าหมาตัวไหนวะ ที่มันทำเป็นใจกล้า ชวนยิ้มหวานไปเที่ยวทะเลทั้งๆที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ก่อน 
คิดไปคิดมา ไอ้หมาตัวนั้นก็กูนี่แหละครับ -_-

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งจ้องหน้าจอไอโฟนที่มืดสนิท และถามตัวเองเป็นรอบที่ร้อยว่าควรไลน์ไปปรึกษาไอ้เบอร์ 1 ดีไหม หรือกรณีนี้กูควรจะไปถามไอ้เบอร์ 2 ที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วดีวะ แต่ไอ้โคนันแม่งต้องไม่ช่วยกูแน่ๆ

ยังไม่ทันได้คำตอบ
อยู่ดีๆ ประตูทางเข้าที่อยู่ข้างหลังผมก็เปิดออก

ไม่เคยคิดเลยครับว่าวันแบบนี้มันจะมาถึง
...วันที่ผมไม่อยากให้ยิ้มหวานโผล่มาให้เห็นหน้าเลยให้ตายเหอะ!

ฟ้าดินเป็นพยาน...
กูยังไม่พร้อมจะมองหน้าเขา

ออกมาปุ๊บเขาก็นั่งลงบนเตียงชายหาดอีกตัวที่ยังว่าง แล้วยื่นกระป๋องเบียร์ที่อยู่ในมือมาให้ผม พร้อมกับส่งยิ้มให้กัน

“กินปะ?”

ผมส่ายหน้า แล้วรีบหลบตาเขา แต่ไม่ยอมตอบอะไรกลับไป
ตั้งแต่เกิดมาแม่งไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเห่ยเท่านี้มาก่อนเลยพูดจริง

สัดเอ้ย!
ไอ้หน้าหมอ!
ไอ้อ่อน!
-_-


“เราก็ไม่กินอ่ะ ไม่อร่อย"

เขาพูดแล้วทำหน้ายู่ เหมือนจะยืนยันว่าไม่อร่อยจริงๆ
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง...

ผมกับเขากำลังนั่งฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งไปเรื่อยๆ...

ถ้าบอกกันแค่นี้ก็ดูเหมือนจะเป็นบรรยากาศที่โรแมนติคดีอยู่หรอก
แล้วความจริงคืออะไร?
สาเหตุที่ผมเอาแต่นั่งเงียบๆและทอดสายตาออกไปในทะเลสีดำยามค่ำคืนอยู่อย่างนี้  มันเป็นเพราะผมไม่กล้ามองหน้าเขา

ถ้าหันไปสิ่งที่ผมจะได้เห็นแน่นอนก็คือดวงตาของเขา แล้วถ้าผมเกิดบังเอิญมองเลื่อนลงมายังริมฝีปากคู่นั้น
ผมเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น...โคตรกาก

“เฮ้ย!”

แล้วไอ้คนกากที่ว่าก็ต้องร้องออกมาดังลั่น เพราะอยู่ๆคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็เอากระป๋องเบียร์เย็นๆมาแนบเข้าที่แก้มมันเต็มๆ
มันไม่ใช่การแตะเบาๆให้ผมตกใจแบบที่ดูน่ารัก แต่เขากดแนบกระป๋องใบนั้นลงมาที่หน้าผมทั้งอันเลย...เย็นเชี่ยๆ

“เย็น~~”

หน้าชาแล้วเว้ย -_-
พอได้ยินผมบ่นเขาก็ผละมือออกไป พร้อมกับยิ้มถูกใจ

“เย็นมากปะ?”

“โคตรๆ"

“กี่องศาอะ?”

“ไม่รู้"

“ไม่รู้ว่ากี่องศาแล้วรู้ได้ไงว่ามันเย็น"

เชี่ย.... งง!

“ถามจริง...กวนตีนปะเนี่ย?”

“เราดูเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่เลย...”

ผมพูดแล้วทำหน้านิ่งแบบที่ดูยังไงก็ไม่ได้หมายความตามนั้นสักนิด...
รู้อีกทีคนตรงหน้าก็หันมาหาผมทั้งตัว แล้วยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทีเหมือนกำลังสอบปากคำผมอยู่

"หมอเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมท่าทางดูอึนๆอ่ะ"

งานเข้าแล้วเชี่ยหมอมึง -_-

ผมถอนหายใจรับก่อนเป็นอันดับแรก
ถามจริง ถ้าผมโกหกด้วยมุกโง่ๆว่าปวดหัวปวดท้อง คิดว่าเขาจะจับไม่ได้เหรอ?
ไม่มีทาง...

ผมมองหน้าเขาและสบตา พร้อมกับพยายามคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดาคนนึง 
...ไม่ใช่ยิ้มหวาน คนที่ผมแพ้ทางโดยสิ้นเชิง
จนกระทั่งเห็นว่าเขาแอบหลบสายตา ตอนที่ผมมองลึกลงไปในแววตาคู่นั้น
นั่นทำให้ผมรู้ว่า... บางทีการตอบคำถามของเขา มันอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิด

"อยากให้เราตอบจริงๆเหรอว่าเป็นอะไร?"

"งั้น...ไม่ดีกว่า"

เขาดูเหมือนจะเขินจนทำอะไรไม่ถูกไปสักพัก และนั่นทำให้บรรยากาศรอบตัวผมกับเขามีแค่ลมที่พัดเบาๆกับเสียงน้ำทะเลที่ซัดเข้าฝั่งอีกครั้ง

ผมอยากจะบอกให้เขาเข้าไปพักผ่อน และหวังว่าพรุ่งนี้เช้าตัวเองจะตื่นขึ้นมาด้วยสติที่ครบถ้วนกว่านี้
เอาให้ไม่หน้ามืด เห็นภาพขนตาของเขากระพริบปริบๆกับริมฝีปากวาวๆวูบขึ้นมาในหัวตลอดเวลาก็น่าจะพอแล้ว

แต่พอส่งสายตามองไปยังคนข้างๆอีกครั้ง ก็เห็นว่าเขากำลังหันหน้าไปยังอีกฝั่งนึง เหมือนกำลังตั้งใจดูอะไรบางอย่างอยู่

ไม่ทันที่จะได้ถามออกมาว่าตรงนั้นมีอะไรอยู่ คนตรงหน้าก็เป็นฝ่ายเรียกผมก่อน โดยไม่หันกลับมามองหน้ากัน

"หมอ..."

"หืม? ดูอะไรอยู่อ่ะ?"

อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ แต่หันหน้ากลับมาหากันทันที...และสิ่งที่เห็นทำเอาผมตกใจไปพักนึง

"แบร่~"

ใบหน้าน่ารักๆของเขาที่ตามมากวนใจผมจนสติรวนไปหมดมันเปลี่ยนไป เพราะเจ้าของกำลังใช้นิ้วดันปลายจมูกมนๆให้เชิดขึ้นจนสุดเป็นจมูกหมู แถมตาดำทั้งสองข้างก็เหล่มารวมกันอยู่ตรงกลาง ยัง.... ยังไม่จบแค่นั้น แลบลิ้นด้วย

ผมมองภาพตรงหน้านิ่งๆแบบทำอะไรต่อไม่ถูกอยู่สักพัก จนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดทำร้ายตัวเอง แล้วพูดต่อ

"คราวนี้เลิกมีปัญหากับหน้าเราได้ยัง?"

"ฮึ?"

"ก็เห็นหมอมองหน้าเราท่าทางแปลกๆตลอดเลย เจอหน้าเมื่อกี้เข้าไป ตกใจกว่าเดิมอีกปะ?"

เชื่อเค้าเลย...
พูดจริงๆตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอใครที่เป็นแบบนี้
ทำไมเขาน่ารักจังวะ?

ในที่สุดผมก็กลับมายกยิ้มอย่างวางใจได้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องทะเลาะกับตัวเองในโลกส่วนตัวอยู่พักใหญ่

"เออดิ นึกว่าเจอผีหมูทะเลซะแล้ว"

"หมูอะไร? ใครหมู?"

"นี่ไง พอทำแบบนี้แล้วจมูกจะเหมือนหมู..."

ผมพูดแล้วใช้นิ้วดันจมูกตัวเองขึ้นบ้าง ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียนแบบเขา
จนคนฟังมองหน้าผมแล้วทำหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที

"น่าเกลียดว่ะ เมื่อกี้หน้าเราก็เป็นแบบนี้เหรอ?"

"ยิ่งกว่าอีก ตาเหล่ด้วย เราทำไม่ได้"

"ดีละ..."

"...."

"แล้วก็จำหน้าแบบเมื่อกี้ของเราเอาไว้นะ มองหน้าเราเมื่อไหร่ก็ให้นึกถึงหน้าผีหมูทะเลเอาไว้ จะได้เลิกทำหน้าเหมือนปวดท้องเวลามองกันสักที"

ผมขมวดคิ้ว... กำลังงอยู่ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไง
ระหว่างนั้นเขาก็ยังพูดต่อไป

"หรือว่าเราต้องเอาสก๊อตเทปติดจมูกเอาไว้ให้เป็นหมูตลอดเวลา?"

เขาพูดออกมาพร้อมกับเอานิ้วดันปลายจมูกให้ยกขึ้นไปด้วย
ได้ยินอย่างนั้นผมก็หลุดขำ ยกมือขึ้นขยี้ผมเขาเล่นด้วยความเอ็นดู

"โอเคๆ เอามือออกได้แล้ว เดี๋ยวจมูกก็เชิดอยู่อย่างนั้นจนเอาลงไม่ได้หรอก"

พอผมพูดจบอีกฝ่ายก็ยอมเอามือออก แล้วลูบจมูกปลายจมูกแดงๆของตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

"งั้น...เราไปนอนละนะ"

"อืมๆ ฝันดี"

เขาพยักหน้ารับนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าห้องไป แต่ยังไม่วายโผล่หน้ามาพูดทิ้งท้าย

"หมอก็มานอนได้แล้ว ขับรถมาตั้งไกลแล้วยังมาทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีนั่งใจลอยมองทะเลอีก ไม่เท่ว่ะ"

คำพูดของเขาทำให้ผมหลุดยิ้ม แล้วตอบกลับไป

"ครับผม เดี๋ยวตามไป"

"โอเค"

อีกฝ่ายพูดรับคำสั้นๆ แล้วตามมาด้วยเสียงประตูที่ปิดสนิท

ผมนั่งอยู่ที่เดิมแล้วก็พบว่าตัวเองกำลังยิ้มออกมาบางๆตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
พอหันไปเห็นกระป๋องเบียร์ที่อีกคนเอาออกมาเล่นแล้วไม่ยอมเก็บกลับไปด้วย ผมก็เลยเอื้อมมือไปหยิบมันมาถือเอาไว้ แล้วมองกระป๋องเบียร์ธรรมดาๆราวกับว่ามันเป็นอะไรที่แสนพิเศษ

อยู่ๆผมก็นึกอยากเดินไปหาเขา แล้วบอกกันว่าขอบคุณ
แต่พอคิดดูอีกที ถ้าทำผมอย่างนั้น อีกฝ่ายก็น่าจะทำหน้างงกลับมา 
แล้วถามต่อว่า หมอขอบคุณเราเรื่องอะไร?

และความคิดนั้นทำให้ผมต้องยกยิ้มขึ้นมามากกว่าเดิม



tbc.



- - -


น้องหมอลูกแม่ ไปตรวจสุขภาพประจำปีเมื่อไหร่อย่าลืมตรวจปอดนะคับ
แหกแล้วแน่นอน : P



ขอบคุณนะคะ : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2015 00:42:20 โดย kipuuu »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #976 เมื่อ21-10-2015 22:46:38 »

เขาหอมแก้มกันล้าวววววววว
เขาไปเที่ยวฉองต่อฉองกันล้าววววววว

แอร๊ยยยยยย!!!

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #977 เมื่อ21-10-2015 22:48:58 »

อยากไปทะเลกับยิ้มด้วยจัง แต่สงสัยจะโดนหมอ  :z6: แน่ๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #978 เมื่อ21-10-2015 22:49:09 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #979 เมื่อ21-10-2015 22:50:05 »

ยิ้มหวานน่ารัก หมอก็ขี้แกล้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
« ตอบ #979 เมื่อ: 21-10-2015 22:50:05 »





ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #980 เมื่อ21-10-2015 22:51:11 »

 :impress2:

 อยากให้ถึงหัวหินไวไว

เขินอ่ะ

โอ๊ยไม่รู้จะอิจฉาใครดี

  o13

 รอตอนต่อไปนะคะ

  :L2:

ออฟไลน์ kochitown

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #981 เมื่อ21-10-2015 22:59:58 »

 :กอด1: น่ารักมากก

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #982 เมื่อ21-10-2015 23:04:02 »

มะ...หมดแล้ว  แง้ววววว อยากอ่านอีกอ้าาาา

ออฟไลน์ Panehove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #983 เมื่อ21-10-2015 23:07:57 »

 :-[ เค้าจะไปหวานกันที่หัวหินอ่ะ อยากจะตามไปแอบส่องจริงๆเลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #984 เมื่อ21-10-2015 23:13:55 »

ได้กันไดกัน
อ้าวไม่ใช่
เป็นแฟนกัน

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #985 เมื่อ21-10-2015 23:17:58 »

หมอ เนอะหมอ แหกจริงๆด้วยค่าาา
ปอดอ่าาา

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #986 เมื่อ21-10-2015 23:31:42 »

บอกไปเลยหมอ ว่าอยากจูบ !!!

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #987 เมื่อ21-10-2015 23:48:35 »

หมออ่อนว่ะ แต่น่ารักอะ โอ๊ยย
คือหมอก็น่ารัก น่าเอ็นดูมาก กพหแแ
แต่ยิ้มหวานนี่น่ารักกว่าาาาาาาาาา
ขอเอากลับบ้านได้ไหมคะ T//////T

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #988 เมื่อ21-10-2015 23:52:27 »

เราชอบบรยากาศระหว่างสองคนนี้จัง ไม่ต้อมีฉาก NC อะไร แค่มองตากัน จมูกชนกันเราก็ฟินแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [16] <21.10.15> page 33
«ตอบ #989 เมื่อ21-10-2015 23:54:23 »

ฮึ้ยยยยยยยย จะน่ารักเกินไปแล้วคู่นี้~ :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด