-THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [แจ้งข่าวหน้า 56 ค่ะ] <14.03.16>  (อ่าน 707290 ครั้ง)

ออฟไลน์ gessuriyong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1140 เมื่อ20-11-2015 17:24:10 »

ไรต์งานเยอะแน่ๆเลย สู้น้าาาาาาาา   :L1:

ออฟไลน์ numin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1141 เมื่อ20-11-2015 18:34:40 »

น้องมารอพี่อยู่ ที่เล้าเป็ดทุกวัน เรารอยิ้มหวานของหมออยู่นะเออ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1142 เมื่อ20-11-2015 20:55:41 »

มารอหมอกับยิ้ม :mew1:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1143 เมื่อ21-11-2015 14:16:40 »

อ่านเรื่องนี้แล้วมันละมุนมากเลยอะ ได้ยิ้ม ได้เขินห่างๆอยู่ตลอด

รีบมาต่อนะ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1144 เมื่อ21-11-2015 18:52:13 »

ตามทันแล้ววววววววว
น่ารักมากเลย
รอตอนต่อไปนะ^^

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1145 เมื่อ23-11-2015 02:17:41 »


กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ




- 18 -



หลังกลับมาจากหัวหิน สิ่งที่รอผมอยู่ที่กรุงเทพคือไอ้พวกเพื่อนเวรทั้ง 3 ครับ พวกมันมาดักรอกันที่บ้านและลากผมออกไปกินเหล้าทันที ด้วยสาเหตุที่ว่าผมต้องรับโทษ ในความผิดข้อหาไปเที่ยวทะเลกับยิ้มแล้วไม่บอกใคร -_-

ถ้าถามว่ามันรู้ได้ไง ก็ต้องอธิบายเพิ่มว่า ตอนนี้กลุ่มเพื่อนของเรา 2 คนก็เริ่มจะสนิทสนมกัน อย่างน้อยเพื่อนสนิทของผมกับเขาก็กดฟอลโลวอินสตาแกรมกันเรียบร้อยแล้วทั้งกลุ่ม และนั่นทำให้พวกมันรู้ว่าเพื่อนๆของยิ้มหวานไปเที่ยวญี่ปุ่นกันทุกคน

ไอ้เบอร์หนึ่งเล่าด้วยความจริงจังว่า มันเห็นเขาอัพอินสตาแกรมรูปทะเล พร้อมกับที่ผมเงียบๆไป
มันเลยใช้พลังเจได คิดเอาเองว่าผมน่าจะไปเที่ยวทะเลกับยิ้มด้วย

วิธีการมันเหี้ยมาก มึงใช้พลังเจไดมาสรุปว่ากูแอบไปทะเล เหี้ยยิ่งกว่าตรงที่มันเสือกถูก!
แถมพวกเวรนี่ยังโทรเข้าบ้านผมแล้วถามเอาจากแม่ครับ ว่าผมจะกลับมาวันไหน
ตามติดชีวิตกูมากยัง  -_-


คืนนั้นพวกมันก็ดื่มกันอย่างที่ทำอยู่เป็นปกติ โดยมีไอ้เบอร์ 1 คนเดิม ลุกขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เปิดการก๊งเหล่าอย่างเป็นทางการเอาไว้อย่างน่าประทับใจว่า

"โบราณกล่าวไว้...ว่าไปสเม็ดจะเสร็จทุกราย
ส่วนกูขอกล่าวบ้าง ว่าถ้าไปหัวหิน ก็น่าจะฟินทุกคืน"


โคตรเหี้ย...
และแล้วการซักเรื่องระหว่างผมกับยิ้มหวานที่ทะเลจนหมดเปลือกอย่างเป็นทางการก็เริ่มต้นขึ้นในตอนนั้น ก่อนจะปิดพิธีลงด้วยการที่ผมโดนเอาเหล้าเพียวๆกรอกปากนาน 1 นาทีเต็มๆ หลังจากสารภาพออกมาว่าเราจูบกันไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้นแม่งก็มึนๆไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรอีก จำได้ว่ายกเท้าถีบใครไปสักคนตอนที่ได้ยินมันพูดว่า
'ถ้ามึงยังไม่ขอยิ้มเป็นแฟน เดี๋ยวกูขอแทนแม่งเลย'

ร้านเหล้าที่เรานั่งอยู่ปิดตอนตี 2 หลังจากนั้นพวกผมก็มาถอดเสื้อนอนเรียงกันอยู่ที่ระเบียงบ้านไอ้เบอร์สอง ด้วยสภาพที่เริ่มสร่างเมากันแล้ว และกำลังคุยกันไปเรื่อยเปื่อยแบบไม่มีประเด็นอะไรเป็นหลัก

“ถ้ากูจีบยิ้มติด แก๊งเราก็ต้้องแบ่งเป็นสองฝั่ง โสดสองคน ไม่โสดสองคนดิวะ"

ทันทีที่ผมพูดจบ ไอ้โคนันก็ตอบกลับมาทันที โดยมีอีก 2 คนหัวเราะรับ

“ควายครับเพื่อน ขอเค้าเป็นแฟนให้ได้ก่อนเหอะมึงอะ"

“ด่ากูเฉยเหี้ยนี่ กูก็แค่พูดเผื่อๆไว้" 

“เออแล้วมึงกับยิ้มเป็นไงมั่งวะ"

ผมเงียบไปแล้วคิดทบทวนอยู่สักพักว่าตอนนี้ระหว่างเราสองคนเป็นยังไง ก่อนจะตอบแบบสั้นๆให้พอเข้าใจ

“ตอนนี้ก็ดีนะ ทุกอย่างกำลังดี แต่หลังจากนี้ก็น่าจะไม่ได้เจอกันอีกสักพัก"

“อ้าว ทำไมวะ?”

“ก็ปิดเทอม อยากให้เค้าได้อยู่กับที่บ้านบ้าง"

"โห...คนดีสัด"

"อีกอย่าง...ไม่เจอกันบ้าน เขาจะได้คิดถึงกูไง"

พูดจบผมก็โดนถีบครับ ได้เบอร์หนึ่งกับเบอร์สอง  ยกเท้าขึ้นมาถีบผมเต็มๆทั้งๆที่ยังนอนอยู่ก่อนจะสบถด่าผมกันคนละคำ
และหลังจากนั้นอาทิตย์นึง ผมก็พบว่า... กูไม่น่าอยากทำตัวเป็นคนดีเลย -_-

ผมใช้สัปดาห์สุดท้ายของการปิดเทอมกับครอบครัว เลยไม่ได้เจอยิ้มหวานมาเกือบๆสิบวันแล้วแล้ว แต่เราก็ยังไลน์หากันโทรหากันอยู่เรื่อยๆ

ภาพในอินสตาแกรมที่เขาอัพโหลดอยู่เป็นระยะๆบอกผมว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากพักผ่อน และออกไปกินของอร่อยกับที่บ้านแทบทุกวัน

ถามว่าเหงามั้ย มันก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ
แค่รู้สึกเหมือนความสดใสที่เคยอยู่รอบตัวมันลดน้อยลงไปประมาณนั้น

รู้ตัวอีกที ผมก็ใช้เวลาช่วงบ่ายของวันไปกับการคิดวางแผนว่าจะชวนเขาไปทำอะไรที่ไหนดี เพื่อหาเรื่องเจอกัน

เพราะใครๆก็ชอบพูดกันตลอดว่าเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วเสมอ...
และปิดเทอมก็เช่นกัน -_-

รู้ตัวอีกทีอีก 2 วันผมก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบนักศึกษาแพทย์ต้องอดทน สิบล้อชนสิบล้อตายอีกแล้ว ส่วนอีกฝ่ายที่เป็นเด็กสถาปัตย์กลับเปิดเทอมพร้อมคณะอื่น ซึ่งช้ากว่าผมไปอีก 2 สัปดาห์ แต่ก็ยังมีงานที่ต้องส่งทันที่เปิดเทอมอยู่ดี

และผมจะไม่เริ่มเทอมใหม่ด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวเพราะไม่ได้รับพลังแจกความสดใสจากอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
แล้วก็เหมือนจะมีคนรู้ตัวว่ากำลังโดนคิดถึง...

*อยากไปอ่ะ

ผมกดเข้าไปอ่านตั้งแต่อีกฝ่ายส่งข้อความแรก พอเข้าไปดูก็เห็นอีกข้อความนึง ซึ่งเป็นลิ้งไปยังเว็บไซต์
พอเข้าไปดูก็เห็นรายละเอียดของงานที่ชื่อว่า Art Box ซึ่งเป็นตลาดนัดที่จัดโดยการนำตู้คอนเทนเนอร์มาวางเรียงกันแทนร้านค้า ดูเหมือนว่าแต่ละครั้งที่จัด ก็จะมีคอนเซ็ปที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับในรอบนี้งานจัดในธีม 'แอบรัก'


*อืม น่าสน
*จะไปเหรอ?


*ใช่แล้ว ^ ^

*ไปกับเพื่อน?

*เปล่า 
*ไปคนเดียว

*ชวนเราดิ 

*ไม่ชวน!!

*อยู่คอนโดแล้วใช่มั้ยเนี่ย


เมื่อวานนี้เขาบอกผมว่าวันนี้จะเข้ามาที่คอนโด เพราะไม่อยากทิ้งห้องไว้นานๆ และตั้งใจจะมาทำความสะอาดด้วย ตอนคุยกันนี่อีกฝ่ายบ่นอุบเลยว่าเวลาที่ไม่อยู่ห้อง เจ้าตัวก็ปิดประตูหน้าต่างเอาไว้อย่างดีตลอด แต่สุดท้ายแล้วทำยังไงมันก็ยังมีฝุ่นอยู่ดี

*อืม ^^
*เพิ่งถึงอ่ะ

*โอเค 
*เดี๋ยวถึงแล้วโทรหา 
*ตอนเย็นๆค่อยออกไปเดินเล่นกัน


*หมอ...
*ใครชวนวะ

*เราชวนตัวเอง
*ถามมันละเมื่อกี้
*ไอ้หมอบอกว่าอยากไปด้วย


*เชื่อเค้าเลย...

*เชื่อหน่อยดิ 
*เจอกัน


พิมพ์ข้อความหาเขาเสร็จผมก็ลุกขึ้นอย่างไว พร้อมกับตะโกนบอกแม่ที่อยู่ในครัว ว่าจะออกไปข้างนอก ได้ยินอย่างนั้นคุณคนสวยเขาก็ตอบกลับมาด้วยคำถามว่าจะออกไปไหน พอได้คำตอบว่าไปหาเพื่อน ผมก็เลยโดนเรียกให้เข้าไปหาก่อนแป๊บนึง

"เพื่อนชอบกินขนมมั้ย?"

ผมเลิกคิ้วมองคุณนายของบ้านซึ่งตอนนี้กำลังเห่อตำราทำขนมเล่มใหม่ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่น แล้วตอบกลับไป

"ชอบมาก คนนี้จอมกินขนมเลยแม่"

"งั้นเอาเลม่อนชีสเค้กกับคุ้กกี้ที่แม่เพิ่งทำเสร็จไปฝากเพื่ิอนด้วยแล้วกัน"

พูดจบแม่ผมก็หันไปหยิบของหวานทั้ง 2 อย่างตามที่พูดมาใส่ถุงแล้วยื่นมาให้
นั่นทำให้ผมออกจากบ้านมาพร้อมกับถุงกระดาษใบนึง...

แค่คิดถึงรอยยิ้มดีใจของใครอีกคนตอนที่เห็นว่าผมมีขนมติดมือมาด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาบ้าง


- - -


วันนี้ยิ้มหวานอยู่ในโหมดพ่อบ้าน...
เพราะคุณหนูคนเก่งเขาเอาเครื่องดูดฝุ่นออกมาทำความสะอาดห้องด้วยตัวเอง

มาถึงปุ๊บผมก็เอาของที่ติดมือมาไปแช่ตู้เย็น แล้วก็เดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเดิม พร้อมกับมองเจ้าของห้องเข็นเครื่องดูดฝุ่นเดินไปทั่วห้อง ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

"ต้องช่วยอะไรมั้ยเนี่ย"

คำพูดของผมทำให้เขาหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองกันพร้อมกับส่ายหน้า

"ไม่ต้องอ่ะ ดูจากท่าทางแล้ว เราว่าหมอนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟานั่นแหละดีที่สุด เปิดทีวีได้นะ ดูเปล่า?"

ผมหลุดขำกับคำพูดของเขา ก่อนจะตอบปฎิเสธกลับไปพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมานั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปสักพัก ผมก็รู้สึกได้ว่าโซฟาที่นั่งอยู่ยุบลงไปเพราะมีคนมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆกัน เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จนผมต้องหันไปมอง ไม่ทันได้ถามว่าเป็นอะไร เจ้าตัวเขาก็บ่นออกมาด้วยตัวเอง

"ทำงานบ้านนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันเนอะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็ได้แต่หัวเราะรับ จนดวงตาคู่นั้นมองมาทางนี้ แล้วถามต่อ

"หมอทำอะไรอ่ะ"

"ฟังเพลง"

ผมตอบพร้อมกับถอดหูฟังออกข้างนึง แล้วเอาไปใส่ให้อีกคนได้ฟังด้วยกัน
บังเอิญที่ตอนนั้นเพล์ยลิสต์ในเครื่องรันมาถึงเพลง "รอยยิ้ม" ของวง scrubb พอดี

เนื้อเพลงที่ได้ยินทำเอาผมหลุดยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับความรู้สึกจั๊กจี้นิดๆในหัวใจ


ฉันเพียงอยากขอเก็บรอยยิ้มนี้ก่อน
รู้ว่ามีความหมายบางอย่าง ขอแค่เราได้นึกถึงเวลานี้ 



พอเห็นว่าเขายังคงไม่ขยับไปไหน ผมเลยเอื้อมมือไปจับหัวคนที่นั่งอยู่ข้างๆกันไว้ ก่อนจะรั้งให้เอนตัวมาซบลงบนไหล่
แค่เพียงเพราะเขายอมนั่งอยู่ท่านี้ และไม่ขยับหนีไป
... ถามว่าตอนนี้รู้สึกดีแค่ไหน ผมก็อธิบายออกมาไม่ถูกเหมือนกัน

จนกระทั่งเพลงจบ ผมก็หันไปมองคนที่นั่งพิงกันอยู่ และเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังตาปรือจนขนตายาวๆจะนาบลงไปกับแก้มอยู่รอมร่อ เห็นอย่างนั้นผมก็แกล้งยกไหล่ขึ้นลงเบาๆพร้อมกับเอ่ยถาม

"หลับปะเนี่ย"

"เปล่า..."

"งั้นก็ลุกไปอาบน้ำไป จะได้ออกไปข้างนอก"

"อืม..."

น้ำเสียงที่ตอบฟังดูเกียจคร้านเต็มที จนผมต้องหันไปซุกปลายจมูกลงกับเส้นผมที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แล้วแตะริมฝีปากลงไปบนนั้น

"อื้อ..."

นั่นทำให้อีกฝ่ายร้องออกมาอย่างขัดใจ แล้วหันมาอ้าปากงับลงบนต้นแขนผมเต็มๆ
...ถามว่าเจ็บไหม โคตรมากครับ -_-
ทำร้ายร่างกายกันเรียบร้อยเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับพูดด้วยหน้ายุ่งๆ

"นิสัย~"

ผมได้แต่ยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองแล้วยักคิ้วรับท่าทางขัดใจที่มาพร้อมกับผิวแก้มสีแดงระเรื่อ
ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คนตรงหน้าก็ลุกขึ้นแล้วเดินผละเข้าห้องนอนไปทันที

ตลกดีที่อีกฝ่ายยังคงมองกลับมาทางนี้ ตอนที่ค่อยๆแง้มปิดประตูห้องนอนเข้า 
ผมมองใบหน้าโดดเด่นที่หายไปทันทีที่ประตูปิดลงแล้วได้แต่หลุดยิ้ม



- - - -



เรามาถึงงาน Art Box กันตอนทุ่มกว่าๆ
สิ่งแรกที่สะดุดตาผมคือไฟครับ ไฟที่เค้าใช้ประดับตกแต่งที่นี่สวยมากและทำให้พื้นที่บริเวณนี้โดดเด่นและมองเห็นได้จากระยะไกล

หลังจากได้ที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว ผมกับเขาก็ตัดสินใจเดินอ้อมมาทางด้านหน้าก่อนเป็นอันดับแรก

ตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าจากริมถนน หลังจากกวาดสายตามองมุมสำหรับถ่ายรูปที่ถูกจัดเอาไว้ ผมก็ต้องหลุดขำเพราะหันมาเห็นสีหน้าคนข้างๆ

ยิ้มหวานกำลังขมวดคิ้วมุ่นเเพราะดันเผลอไปอ่านคำคมแอบรักซึ่งถูกเขียนเอาไว้บนฝาผนังของตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกวางไว้แทนซุ้มประตู ไม่ทันไร ริมฝีปากสีสดก็ขยับพูดเบาๆเหมือนจะบ่นกับตัวเอง

"มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ?”

เห็นอย่างนั้นผมก็หลุดขำ ก่อนจะยกมือขึ้นจับข้อศอกของเขาเอาไว้ แล้วดึงให้หันหน้ามาอีกด้านนึง ผนังตู้คอนเทนเนอร์สีดำสนิทมีตัวหนังสือสั้นๆเขียนอยู่บนนั้น ข้อความนี้แทบจะสั้นกว่าทุกอันที่เท่าที่สังเกตเห็น แต่ก็สะดุดตาผมเข้าเต็มๆ

“ดูนั่นดิ"

ผมชี้ไปทางขวามือ ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองตาม แล้วอ่านข้อความอยู่ครู่นึง

'ไม่ได้ชอบแกล้ง แต่แกล้งเพราะชอบ'

“อี๋...”

เขาพูดแล้วใช้ข้อศอกจิ้มเข้าที่ตัวผม 1 ทีแรงๆ ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คนข้างๆผมก็ยกมือขึ้นชี้ไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ตรงกลางงาน ที่โดดเด่นกว่าใครเพราะถูกประดับด้วยไฟสีฟ้าเป็นเส้นยาวนับสิบอันทั่วทั้งต้น

แสงสว่างจากไฟเหล่านั้นแทบจะย้อมต้นไม่ใหญ่ให้เปลี่ยนไปเป็นสีฟ้าสดใส

“อยากไปดูอันนั้นใกล้ๆอ่ะ"

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่เราจะเดินไปหยุดลงตรงใจกลางของงาน และเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่ว่า พอมาอยู่ตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในฉากการ์ตูนแฟนตาซี ก่อนที่คนข้างๆผมจะพูดออกมา

“สวยเนาะ"

“อืม...ค่าไฟทั้งงานวันละเท่าไหร่เนี่ย?" 

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันมามองผม ก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่แล้วบ่น

“สงสัยอะไรแปลกๆอีกละ"

ผมยักคิ้วให้เขา แต่ไม่ตอบอะไรกลับไป 

ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนดูต้นไม้สีฟ้าสว่างจนพอใจ ก่อนจะเริ่มหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น
เราเริ่มต้นเดินจากฝั่งที่ใกล้เวทีที่สุด และพบว่า...ของกินทุกอย่างที่นี่น่ากินมาก

คนข้างๆผมนี่ตาวาววับแข่งกับไฟที่เขาติดเอาไว้รอบงานสุดๆ  และสิ่งแรกที่สะดุดตาเรา 2 คนเข้าอย่างจังก็คือเครื่องดื่มที่ใส่มาในถุงเลือด

พวกเราเดินตรงเข้าไปยังร้านที่จัดให้ดูเหมือนซุ้มรับบริจาคเลือด และฟังคนขายอธิบายวิธีดื่มน้ำจากหลอดยาวๆที่ต่อออกมาจากถุงใสๆกับลูกค้ากลุ่มใหญ่อยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะหันมาถามเขา

“เอาปะ?”

คนฟังขมวดคิ้ว ก่อนจะจับแขนผมพร้อมกับส่งยิ้มให้เจ้าของร้านไปทีนึง แล้วออกแรงดึงให้ผมตามเขาออกมา เดินเลยมาได้สองสามก้าวเขาก็หันมาแล้วเขย่งตัวขึ้นกระซิบให้ผมฟังใกล้ๆ

“ดูหน้าตาแล้ว เราว่าไม่อร่อยแน่เลยว่ะ"

คำพูดของอีกคนทำให้ผมหลุดขำ ก่อนจะแกล้งยกมือไปวางไว้บนหัวแล้วขยี้ผมเขาเล่น

“เดี๋ยวลุงแกก็ตามมาเอาเรื่องหรอก ร้านเค้าออกจะดัง"

เราเดินผ่านร้านขายอาหารมากมายหลายอย่าง ที่ต้องขอย้ำอีกครั้งว่ามันดูน่ากินไปหมดจริงๆ ไม่ทันที่ผมจะได้ถามเขาว่าอยากกินอะไร อีกฝ่ายก็หันมาทำหน้าเหมือนมีแผนการณ์อยู่ในใจก่อนจะพูดต่อ

“เราซื้อร้านละอย่างแล้วมาแบ่งกันกินมั้ย จะได้กินหลายๆร้าน"

พอมองคนที่ทำหน้าตาจริงจังรอคำตอบอยู่ ผมก็นึกถึงคำลงท่้ายที่พวกเพื่อนๆพูดกันไม่หยุดตอนออกไปเที่ยวเมื่อวันก่อน
ยิ้มไม่ได้มาเล่นๆ...

“ก็ได้ เอาดิ"

เราเดินกันไปทั่วโซนของกิน และตอนนี้ในมือผมมีหอยเชลล์ย่างเนย ต้มยำแห้ง และไส้กรอกเยอรมัน เสบียงเต็มไม้เต็มมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังไม่หยุด

ผมเพิ่งห้ามเขาจากการซื้อสายไหมอันใหญ่กว่าลูกบอลได้สำเร็จด้วยเหตุผลที่ว่านั่นมันน้ำตาลทั้งก้อน อีกฝ่ายเลยลากผมมาต่อแถวตรงร้านขายไก่ทอดจากไต้หวันที่มีคนรอซื้อเยอะที่สุดในงานนี้

ระหว่างที่รอไปเรื่อยๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองจ้องมาจากทางซ้ายมือ ด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักกันรึเปล่า เลยหันไปดู และพบว่า...ไม่รู้จักว่ะ

แปลกเข้าไปใหญ่ที่สองสาวทางฝั่งนั้นส่งยิ้มมาให้กันอย่างเป็นมิตร จนผมต้องเป็นคนหลบสายตา พร้อมกับลอบถอนหายใจ
ก็ดูดีอยู่หรอก แต่คงจะดึงความสนใจจากผมไม่ได้จริงๆ

หันกลับมาอีกที คนที่เคยยืนจ้องปลาหมึกทอดตัวใหญ่อย่างจริงจังจนเหมือนกำลังจะชวนมันคุยก็มองมาทางนี้อยู่แล้ว อีกฝ่ายใช้ดวงตากลมๆมองจ้องมาอย่างจับผิด จนกระทั่งเราสบตากัน

“เช็คเรทติ้งเหรอหมอ?”

พูดจบอีกฝ่ายก็ยักคิ้วตามมา จนผมต้องรีบตอบกลับ

“ไม่กล้าหรอกน่า ที่หันไปนี่นึกว่าจะเจอคนรู้จักไง"

“อ๋อเหรอ~”

เห็นสีหน้าเซี้ยวๆของเขาแล้วผมก็ทนไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นบีบปลายจมูกอีกฝ่ายไปทีนึงพร้อมกับพูดออกมาด้วย

“เราจะสนใจใครได้อีกล่ะฮึ~”

ยิ้มหวาน้ามุ่ย เขาดูเขินๆและหาทางออกด้วยการยกมือขึ้นจับปลายจมูกที่เพิ่งโดนผมบิดเล่นไปเต็มๆ แล้วพูดออกมาเหมือนจะหาเรื่องกัน

“...บีบจมูกกันอีกแล้ว ถ้าจมูกเราพังหายใจไม่ได้ขึ้นมาก็รับผิดชอบด้วยเหอะ"

“อืม รับหมดแหละ ทั้งตัวเลย"

อีกฝ่ายทำหน้ายุ่งตอนที่ผมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ ก่อนจะยกเท้าขึ้นมาเตะขาผมเต็มๆตอนที่ได้ยินคำพูดถัดไป

“หัวใจก็ด้วย"

“หมอ...”

“ครับ?"

“อ่ะ เอาไปสิบบาท... แล้วไปเล่นตรงโน้นไป"

ผมหัวเราะรับ แล้วยกแขนขึ้นมาวางพาดไหล่เขาแทนที่จะไปอยู่ไกลๆอย่างที่เจ้าตัวบอก แล้วทำเป็นพูดออกมาลอยๆ

“ไม่ไปหรอก ชอบอยู่ตรงนี้"






<มีต่อนะคะ>

ออฟไลน์ lssprdl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1146 เมื่อ23-11-2015 02:19:02 »

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ kipuuu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [17] <06.11.15> page 36
«ตอบ #1147 เมื่อ23-11-2015 02:41:56 »

,


สถานีต่อไปของเราคือร้านเบอร์เกอร์ที่มีโต๊ะและเก้าอี้จัดไว้ให้ หลังจากสั่งอาหารกันไปคนละจานและได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ผมก็วางของกินในมือทั้งหมดลง พอได้มองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“ถ้าจะกินเยอะขนาดนี้ ไปเยาวราชเลยดีกว่ามั้ย?"

ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็มุ่ยหน้าเข้า ก่อนจะจิ้มปลาหมึกทอดขึ้นมาแล้วยัดเข้าปากผมเต็มๆ

“อย่าพูดมาก!”

คำพูดของเขาทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นมอง ถามเขาด้วยสายตาว่า ใครกันแน่?
จนอีกฝ่ายต้องตอบกลับมาด้วยการย่นจมูกใส่กันทีนึง แล้วก็ลงมือจิ้มหอยเชลล์ขึ้นมากิน

สักพักเบอร์เกอร์ของเขากับสเต็กของผมก็มาเสิร์ฟ  เราก้มหน้าก้มตาจัดการของตรงหน้ากันอย่างจริงจังเหมือนจะไปแข่งกินเร็วในรายการทีวี หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง
...อย่าดูถูกความสามารถในการกินของเด็กผู้ชายวัยกำลังโตครับ

ถ้าถามว่าเวลาเราไปกินอะไรด้วยกัน ใครเป็นคนจ่าย คำตอบก็คือ เราแชร์กันซะเป็นส่วนใหญ่นะ
ถึงแม้ผมจะอยากเลี้ยงเขามากขนาดไหนก็ตาม แต่เพื่อความสบายใจของเราทั้งคู่ ส่วนใหญ่เราก็เลยจ่ายกันคนละครึ่ง
นอกจากจะมีโอกาสพิเศษเช่น ยิ้มหวานเพิ่งส่งโปรเจ็ค ผมก็อาจจะจะเลี้ยงเขา หรือผมเพิ่งสอบเสร็จเขาก็จะเลี้ยงผม เป็นอย่างนี้สลับกันไปมา

หลังจากกินเสร็จจ่ายตังค์เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็ไปเดินเล่นกัน

จำวันที่หน้าคณะยิ้มหวานมีตลาดนัดได้ไหมครับ?
ผมว่าของที่ขายที่นี่ตอนนี้ กับวันนั้นดูไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไหร่ เราเดินดูทุกอย่างด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย แต่ก็เพลินดีเพราะเสียงเพลงที่ดังมาจากฝั่งเวทีเป็นตัวช่วย

คือบรรยากาศโคตรจะเป็นใจครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าธีมของงานคือการแอบรักด้วยรึเปล่า เพลงที่นักร้องเลือกมาถึงได้ตรงใจผมซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเพลงไทยหรือเพลงฝรั่ง อย่างที่ร้องอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพลงชั่วโมงต้องมนต์ ของวง Friday

เราเดินกันไปเรื่อยๆเหมือนตั้งใจมาสัมผัสบรรยากาศของงานมากกว่าจะหาซื้ออะไรจริงจัง
ก่อนที่คนข้างๆผมจะถูกใจสร้อยข้อมือที่ร้านนึงขึ้นมา

“แวะแป้บนึงดิ"

เขาหันมาบอกผมแบบนั้นก่อนจะเดินไปหยุดลงตรงหน้าร้านที่มีสร้อยข้อมือหนังวางเรียงอยู่เต็มไปหมด เขาหยิบหลายๆแบบขึ้นมาเทียบกับข้อมือตัวเอง ก่อนจะหันมาถามผมอยู่ตลอดว่าอันไหนที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

เข้าใจความรู้สึกนี้ไหมครับ?
เหมือนกับว่า อยู่ดีๆหัวใจมันก็ถูกเติมจนเต็มขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเปิดโอกาสให้เรามีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกอะไรสักอย่าง

ผมเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาเขาหันมาถามกันว่าจะซื้อของชิ้นนั้นชิ้นนี้ดีหรือไม่ ไม่ว่าจะราคาถูกหรือแพง ไม่ว่าจะเป็นของกินง่ายๆไปจนถึงเสื้อผ้าที่เขาใส่ติดตัว มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้ทั้งนั้น

“เราว่าอันก่อนหน้าโอเคที่สุดแล้ว"

ผมตอบกลับไปทันทีที่อีกฝ่ายหันมาถามกันอีกครั้ง ได้ยินอย่างนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบสร้อยข้อมือแบบที่ผมพูดถึงซึ่งมีอยู่ 2 สีแล้วทาบสีดำลงบนข้อมือตัวเอง พร้อมกับยื่นมาให้ผมดู

“อันนี้อ่ะนะ?”

“อืมใช่ แต่เราว่าสีน้ำตาลดีกว่า"

“เหรอ?”

เขารับคำพลางสร้อยหนังเส้นสีดำที่ไขว้กันเป็นลวดลายออก แล้วยื่นมาให้ผมก่อนจะพูดต่อ

“งั้นเราฝากอันนี้ก่อน เอาแขนมาเร็ว"

ผมก็ยื่นแขนออกไปตามที่เขาขอ เพื่อให้อีกฝ่ายวางของที่อยู่ในมือลงมา ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไปทาบสร้อยหนังสีน้ำตาลลงบนข้อมือตัวเอง

เขามองมันอย่างพิจารณาอยู่สักพัก และจบลงด้วยการส่ายหน้านิดๆ พร้อมกับหยิบทั้ง 2 เส้นกลับไปวางไว้ที่เดิม เอ่ยขอบคุณกับเจ้าของร้านเบาๆ ก่อนจะเดินออกมา จนผมต้องถาม

“ไม่ซื้อเหรอ?”

“ก็...เราชอบสีดำ แต่หมอว่ามันไม่ค่อยโอเคใช่ปะ พอลองสีน้ำตาลก็ไม่ค่อยชอบ ค่อยซื้ออันที่ชอบทั้งแบบแล้วก็สีดีกว่า"

เขาพูดพลางทำปากยื่นหน่อยๆ ดูเหมือนจะกำลังเซ็งที่ไม่ได้ของถูกใจ แต่ก็หงอยอยู่ได้ไม่นาน
หลังจากเราเดินถัดไปอีก 2 ซอย คนข้างๆผมก็ถูกใจถุงผ้าขึ้นมาอีกแล้ว

ผมมองคนที่กำลังปั้นสีหน้าจริงจังเลือกถุงผ้าสีเรียบๆกับลายสกรีนเล็กน้อยที่แขวนอยู่ ก่อนเขาจะหันมายิ้มให้กันพร้อมกับชี้ไปยังใบสีขาวตรงหน้าแล้วเลิกคิ้วมาให้แทนคำถามว่าโอเคไหม?

ผมยิ้มรับ แล้วพยักหน้ากลับไปให้ พอเขาหันไปบอกคนขายว่าจะเอาใบนี้ พ่อค้าท่าทางติสท์ๆก็หันไปรื้อถุงพลาสติกใบใหญ่อยู่สักพัก แล้วกลับมาบอกเขาว่าของหมดแล้ว แต่ยังมีอีกส่วนอยู่ในรถ ให้อีกฝ่ายรออยู่ที่นี่สักครู่ แล้วจะไปหยิบลายที่ต้องการมาให้

ผมมองท่าทางและสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนตรงหน้าแล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
พอแน่ใจแล้วว่าจะทำอะไรผมก็ยื่นมือไปสะกิดเขาเบาๆ

“เดี๋ยวเรามา ขอไปห้องน้ำก่อน"

เขาหันมาทำตาโตใส่กัน ก่อนจะพูดต่อ

“ไปด้วยกันดิ รอแป้บนึง"

“ไม่ไหวแล้วว่ะ รอนี่นะ เดี๋ยวมา"

พูดจบผมก็ไม่รอให้เขาพูดต่อแล้ววิ่งออกมาด้วยความรีบร้อน
ถามว่าที่จริงแล้วตั้งใจไปห้องน้ำมั้ยน่ะเหรอ?
เปล่าเลย...

ผมวิ่งกลับมายังร้านขายสร้อยข้อมือหนังที่เราแวะกันก่อนหน้านี้
เขาบอกว่าชอบสีดำ แต่ไม่ยอมซื้่อเพราะว่าผมไม่ชอบ
แต่สำหรับผมนะ...ให้เขาใส่อะไรที่ตัวเองชอบก็น่าจะดีที่สุดอยู่แล้ว

คิดได้อย่างนั้นผมก็หยิบสร้อยข้อมือสีดำซึ่งเขาเคยเอามาพาดไว้ที่ข้อมือผมขึ้นมาแล้วยื่นให้คนขายที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับหยิบเงินออกมาจ่าย

ผมมาซื้อของ...จ่ายเงินครบเรียบร้อยทุกบาททุกสตางค์ แต่ท่าทางเหมือนโจรมาปล้นร้านเขาไม่มีผิด -_- เพราะเอาแต่หวาดระแวงหันไปมองที่ร้านขายถุงผ้าเป็นระยะๆ

ในระหว่างที่กำลังรอให้พี่เขาเอาสร้อยข้อมือใส่ลงไปในถุงกระดาษสีน้ำตาลดีไซน์สวยแล้วปิดให้เรียบร้อย
แล้วความซวยก็บังเกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง เพราะอยู่ดีๆยิ้มหวานก็เดินออกมาจากร้านกระเป๋ามาซะอย่างนั้น 
เหมือนเขาจะซื้อของเสร็จแล้วว่ะเฮ้ย! 
ทำไมไอ้พี่หนวดขายกระเป๋ามันกลับมาเร็วจังวะ!

เห็นอย่างนั้นผมก็หันกลับมามองพี่คนขายแล้วพูดออกมาด้วยความร้อนรน

“ใกล้เสร็จยังอ่ะพี่?”

“เกือบแล้ว รีบหรอ"

“นิดนึงอ่ะพี่ เอามาเลยได้ป่ะ?”

หนังชีวิตโคตรๆครับ เพราะดูจากท่าทางแล้วเหมือนเขาจะกำลังเดินมาทางนี้เหมือนกัน
 อย่าบอกนะว่าจะไปรอผมหน้าห้องน้ำอ่ะ!

เชี่ยแม่ง ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องเอาตัวยัดเข้าไปในห้องน้ำให้ได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะไปถึงดิวะ!

“โอเคๆ เสร็จละ"

พอพี่เขายื่นของให้ปุ๊บ ผมก็รีบคว้าไว้แล้ววิ่งเลาะผ่านผู้คนไปอีกทางเหมือนกำลังเลี้ยงลูกบาสบุกแดนคู่ต่อสู้จนมาถึงหน้าห้องน้ำ พอมองกลับมาแล้วไม่เห็นยิ้มหวานอยู่ในระยะใกล้ๆนี้อีกก็โล่งใจขึ้นมานิดหน่อย

ผมรีบจ่ายเงินให้พนักงานที่นั่งเฝ้าประตู แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อจะไปยืนหอบแดกอยู่หน้าอ่างล่างหน้า
... สุดตีนครับ รอดตายหวุดหวิด

แต่พอได้ก้มลงมองถุงกระดาษในมือที่พี่เขาห่อมาให้อย่างดี ก็พบว่าตอนนี้มันกลับยับยู่ยี่จนดูไม่ได้ไปซะแล้ว
ผมถอนหายใจ นึกอยากเอาหัวโขกก๊อกน้ำแรงๆสักสิบที
เอาให้เยินพอกันทั้งกูทั้งถุงเลยเนี่ย -_-

สิ่งแรกที่ผมทำคือการเอาน้ำเย็นๆลูบหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแบบที่มีโถ ปิดฝาลงและนั่งอยู่ในนั้นสักพัก ตั้งใจทิ้งช่วงเวลาให้เหมือนกับว่าผมมาเข้าห้องน้ำจริงๆ ก่อนเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์จะดังขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน

*เรารออยู่หน้าห้องน้ำนะ

ผมเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอและตัดสินใจไม่เปิดอ่าน เพราะกำลังจริงจังกับการรับบทคนเข้าห้องน้ำอยู่
รอจนเวลาผ่านไปประมาณ 3 นาทีผมก็ลุกขึ้น ยัดถุงใส่สร้อยข้อมือไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำอย่างสง่าผ่าเผย

...ผ่าเผยหน้ามึงสิ แม่งเอ้ย!

เดินออกจากประตูห้องน้ำมา ผมก็เห็นอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่ไม่ไกล เขาดูดีแล้วก็เด่นกว่าทุกคนรอบตัวจริงๆ  ตอนออกมาผมเห็นว่ามีคนเข้ามาขอถ่ายรูปและเพิ่งผละออกไปพอดี ทันทีที่เดินมาถึง อีกฝ่ายก็ถามด้วยสีหน้ากังวล

“หมอโอเคปะเนี่ย?”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนตอบ

“โอเคครับผม... ป่ะ เดินต่อ"

พูดจบผมกับเขาก็พากันเดินผ่านโซนเวที ที่มีคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งทำมาจากฟางที่มัดรวมกันเป็นทรงลูกบาศก์ สักพักเราก็กลับมาที่โซนขายของอีกครั้ง คนข้างๆผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ดูท่าทางแล้วเดาได้ไม่ยากว่าเขาน่าจะไม่สนใจอะไรในงานนี้อีกแล้ว ถึงได้หันมาถามผมด้วยรอยยิ้มบางๆ

“หมอจะเดินดูอะไรต่อปะ?”

“คิดว่าไม่"

ไม่แล้วจริงๆครับ
เพราะถ้าเดินผ่านร้านสร้อยข้อมืออีกรอบแล้วโดนพี่คนขายทักอะไรแปลกๆขึ้นมานี่ ซวยระเบิดแน่นอน

“งั้น..เราอยากขึ้นไปดูบนนั้นอ่ะ"

เขาพูดพลางส่งสายตาไปยังซุ้มทางเข้าที่เต็มไปด้วยคำคมคนแอบรักที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่อินด้วยอย่างสิ้นเชิง ซึ่งด้านบนออกแบบไว้ให้เป็นเหมือนระเบียงสำหรับขึ้นไปดูบรรยากาศโดยรวมของงานทั้งหมดและถ่ายรูป

ทันทีที่ขึ้นมาบนนี้ ผมก็พบว่ามันสบายกว่าข้างล่างอย่างเห็นได้ชัด นอกจากลมเย็นๆที่พัดมาเรื่อยๆแล้วนั้น มุมนี้ยังมองเห็นไฟสวยๆที่ตกแต่งอยู่รอบๆได้อย่างชัดเจน จนคนข้างๆผมต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

"รอบหน้าเอากล้องมาด้วยดีกว่า"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันหน้าไปหาเขา แล้วถามออกมา

"รับสมัครนายแบบป่ะ?"

คนฟังย่นจมูกเข้า ก่อนจะมองกลับมาแล้วยื่นมือถือจ่อหน้าผม พร้อมกับกดถ่ายรูปรัวๆ แกล้งกันเสร็จเขาก็หัวเราะถูกใจ พร้อมกับไล่ดูรูปที่ถ่ายได้ไปเรื่อยๆ ผมเอนตัวเข้าไปใกล้เขา แล้วก้มหน้าดูสภาพตัวเองที่โดนเก็บภาพในระยะประชิด ก่อนจะยื่นมือไปแย่งมือถือของอีกคนมาถือเอาไว้แล้วกดเปิดกล้อง

"พอแล้ว...ถ่ายรูปกัน"

เขาหันมามองผมแล้วขมวดคิ้วใส่กันอยู่สักพัก ก่อนจะหันกลับไปมองภาพที่ปรากฎอยู่ในหน้าจอพร้อมกับเบียดตัวใกล้เข้ามามากกว่าเดิม ถึงจะมืดไปสักหน่อยแต่ก็ยังดูออกว่าในรูปเป็นใบหน้าของผมกับเขาอยู่ใกล้กัน คนข้างๆผมกำลังยิ้มออกมานิดๆ ส่วนผมนี่หน้านิ่งสนิทจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยทัก

"ยิ้มหน่อยดิ"

ทันทีที่เขาพูดจบผมก็ยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มที่ว่านั่นก็ดูฝืนเต็มที
บอกตรงๆ โคตรเขินเลยว่ะ!

"หมอ...เอาฮาปะเนี่ย ยิ้มดีๆดิ"

อีกฝ่ายพูดออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ ก่อนจะยกมือขึ้นมาตีกันซ้ำๆ จนผมเองก็ต้องหลุดขำออกมาบ้าง พร้อมกับกดถ่ายรูปไปด้วย

"อย่าถ่ายตอนเผลอดิ เอาใหม่เลย"

เขาพูดแล้วกลับมามองกล้องอีกครั้ง ยิ้มหวานยังคงยิ้มเก่งไม่ต่างจากทุกครั้ง ส่วนผมเองก็อมยิ้มออกนิดๆ เพราะกำลังกลั้นหัวเราะอยู่ ถ่ายรูปนี้เสร็จเขาก็เก็บมือถือกลับไป ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งได้สนใจเพลงที่นักร้องกำลังร้องอยู่บนเวที


บอกตรงๆตั้งแต่วันที่ได้พบเธอ 
ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร
ใจข้างในก็ยอมแพ้ 
แม้เธอไม่เคยบอก ว่าเธอคิดกับฉันว่ายังไง



"เพลงนี้เพลงอะไรนะ?"

ผมหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่เขาจะหันกลับมาทำตาโตใส่กัน แล้วยืนตั้งใจฟังเพลงไปเงียบๆ


เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
เป็นครั้งแรกที่ไม่สนว่ามันจะถูกหรือผิด
แค่ได้รักเธอต่อไป เพราะทำอย่างไรก็ห้ามใจไว้ไม่ได้




"ไม่รู้ดิ"

"เออ เราก็นึกชื่อไม่ออก ร้องได้ด้วย"

"..."

"เป็นครั้งแรกที่มันรักใครไปโดยไม่ต้องคิด
ไม่สนว่าตอนสุดท้ายผลมันจะถูกหรือผิด
เธอไม่รู้ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ใจได้แสดงความจริงข้างในที่ฉันมีต่อเธอ"


สักพักคนตรงหน้าผมก็ยกมือขึ้นมาตีเข้าที่ต้นแขนผมแรงสุด ซ้ำรอยเดิมเต็มๆ

"จีบแรงไปปะ!"

ผมยิ้มมุมปาก แล้วยักคิ้วให้เขาโดยไม่ตอบอะไรกลับมา จนคนตรงหน้าต้องยัดโทรศัพท์ของตัวเองมาใส่มือผม แล้วพูดต่อ

"อยากรู้ว่าเพลงอะไรก็เสิร์ชกูเกิ้ลดิ"

ผมหาพิมพ์เนื้อเพลงเท่าที่จำได้ลงไป พอได้คำตอบก็หันมาบอกคนที่กำลังมองบรรยากาศรอบๆแล้วยิ้มออกมา

"ชื่อเพลงกะทันหัน"

เขาหันกลับมามองผม ทำหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนจะตอบกลับมา

"จริงอ่ะ เราไม่เคยรู้เลย"

“ไม่มีคำว่ากะทันหันในเนื้อเพลงเลยเนอะ"

“มั้ง....กะทันหันเหรอ?”

คนตรงหน้าผมถามออกมาลอยๆ และทำท่าเหมือนกำลังนึกว่าในเพลงมีคำนี้อยู่รึเปล่า
ผมมองท่าทางของเขาแล้วได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะตอบกลับ

"อืม...กะทันหันเหมือนตอนที่เราตัดสินใจวางชีททิ้งไว้ที่ร้านกาแฟอ่ะ"

คำพูดของผมทำให้คนตรงหน้าทำปากคว่ำใส่ แล้วตั้งท่าจะตีกัน โชคดีที่ผมยกมือขึ้นมารับฝ่ามือของเขาเอาไว้ได้ทัน ก่อน
ที่มันจะฟาดลงมาบนต้นแขนอีกที

"อย่าตีกันบ่อยดิ เจ็บ"

"..."

"เอามือมานี่เลย ยึดไว้ก่อน"

พูดจบผมก็เลื่อนมือไปกุมฝ่ามือของเขาเอาไว้ ก้มหน้ามองฝ่ามือของเราที่เกาะเกี่ยวปลายนิ้วกัน
พร้อมกับความคิดมากมายที่ผุดขึ้นมาในใจ จนไม่ทันได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดออกมา

รู้ตัวอีกทีผมก็เห็นว่าคนตรงหน้ากำลังยืนจ้องหน้ากันเหมือนจะรอคอยคำตอบ

“มีอะไร?”

“เราถามหมอว่าเบื่อยัง? ลงไปเดินต่อมั้ย?"

“อ๋อ...ไปดิ...”

คนฟังพยักหน้ารับ แล้วถามต่อ

"อยากไปตรงไหนอีกปะ?"

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะเห็นคนตรงหน้าทำหน้ามุ่ย

“งั้นกลับมั้ย เราว่ายุงมันกัดอ่ะ"

ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ ยอมปล่อยมือเขาที่ผมแอบยึดมากุมเอาไว้ ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายรีบเก็บมือตัวเองกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมาทำหน้าซนๆใส่กัน

“ปล่อยเองนะ ไม่ให้จับแล้วด้วย” 

“อย่าเผลออีกแล้วกัน"

ผมพูดแล้วแกล้งเอามือไปผลักหัวอีกฝ่ายเล่น ก่อนที่เราจะเดินลงบันไดไป

ลัดเลาะผ่านผู้คนอยู่ไม่นาน ในที่สุดผมกับเขาก็มาถึงมินิคูเปอร์คันเดิมจนได้
เพราะกุญแจรถอยู่กับผมตั้งแต่แรก นั่นทำให้หน้าที่ขับรถเลยตกมาเป็นของผมเหมือนทุกที

หลังขึ้นไปนั่งบนรถและสตาร์ทเครื่อง พร้อมกับที่อีกฝ่ายพูดออกมาและหันมายิ้มให้กัน

"สนุกดีเนอะ"

"อืม..."
 
ผมตอบกลับไปสั้นๆตามนิสัย ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองตรงมาทางนี้แล้วส่งยิ้มมา
ดวงตาคู่นั้นเป็นสีดำสนิทแต่มีประกายสดใส กรอบตาคู่โตโค้งลงยิ่งขึ้นตอนที่อีกฝ่ายยกรอยยิ้มให้กว้างขึ้นอีกตอนที่เราสบตากัน
ผมมองลึกลงไปในแววตาของเขา และรู้สึกเหมือนมีกำลังเข็มนาฬิกามาเดินนับถอยหลังอยู่ในหัวสมอง

ในขณะที่ความทรงจำต่างๆไหลย้อนกลับมา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาหลายวันที่เราไม่ได้เจอกัน ช่วงเวลาดีๆที่เราเพิ่งผ่านพ้นมันมา ตอนที่เขาไม่พอใจผมที่ทะเล ตอนที่คนตรงหน้าเอาต้องนั่งทำงานข้ามวันข้ามคืน ตอนที่มีคนมาชอบเขา ตอนที่เราสบตากันในระหว่างที่ผมกำลังร้องเพลง ตอนที่อีกฝ่ายโกหกทุกคนเพราะรถเสีย ตอนที่เขาทำชีทสรุปเนื้อหาให้ผม ตอนที่กระเป๋าตังค์เราสลับกัน ตอนที่ผมขอไปกินข้าวเที่ยงกับเขาเป็นมื้อแรก และตอนที่ผมวางชีททิ้งเอาไว้บนโต๊ะที่ร้านกาแฟ

ทุกๆอย่างยิ่งทำให้มั่นใจ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
...ผมจะปล่อยให้เขาหลุดมือไปไม่ได้

ระหว่างที่กำลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผมก็บอกกับตัวเอง
เอาวะ!

รู้สึกได้เลยว่ามือที่กำพวงมาลัยรถอยู่ตอนนี้กำลังร้อนจัดและชุ่มไปด้วยเหงื่อถึงแม้ว่ารถจะเปิดแอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง พูดกับตัวเองในใจก่อนจะผ่อนลมหายใจออก
อยากจะให้คำอธิษฐานนี้เป็นจริงอีกสักครั้ง



...ขอให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม



“คืองี้...ฟังเราแป้บนึงดิ"

คนที่มองหน้าผมอยู่ตั้งแต่แรกกระพริบตาปริบๆเหมือนไม่เข้าใจ แต่ก็ตอบกลับมาสั้นๆ

“อืม...”

“ตอนนี้เราอาจจะไม่มีดอกไม้ช่อใหญ่ๆ หรือถ้าไปเปิดท้ายรถดูก็คงไม่มีลูกโป่งกับป้ายที่เขียนคำอะไรเวอร์ๆลอยขึ้นมาหรอก"

ได้ยินอย่างนั้นเขาก็หันหน้าไปมองท้ายรถ แล้วกลับมาพยักหน้ารับกับผมสองสามที

“อะฮะ..."

“แต่เราก็ยังอยากจะถาม คือ...”

“....”

“เป็นแฟนเราไหม?”

คนตรงหน้าทำตาโตกว่าทุกครั้งทันทีที่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูด ท่าทางเขาเหมือนจะตกใจอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหันฝ่ามือให้เหมือนจะขอให้หยุดพูดก่อน

 จนกระทั่งอีกฝ่ายมั่นใจว่าผมจะไม่พูดต่อ เขาก็หันหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่าง แล้วยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมานวดแก้มตัวเองซ้ำๆ

ผมมองท่าทางตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ แต่ท่าทางที่อีกฝ่ายขอให้หยุดพูดก็ทำเอาหัวใจผมตกวูบลงไปเป็นที่เรียบร้อย

ปลายนิ้วของผมจิกหน้าขาตัวเองผ่านกางเกงยีนส์สีดำ และทันทีที่รู้ว่ากำลังทำอย่างนั้นอยู่ ผมก็รีบยกมือขึ้นและพบว่ามันแย่กว่าเดิมเข้าไปอีกเพราะไม่รู้ว่าจะเอามือไปวางเอาไว้ตรงไหนดี

สักพัก...ยิ้มหวานก็หันหน้ากลับมา
สิ่งแรกที่ผมเห็นคือแก้มทั้ง 2 ข้างของอีกฝ่ายจับสีแดงระเรื่อไปจนถึงใบหู เขาเม้มปากแน่น ก่อนจะคลายออกเป็นรอยยิ้มดูขัดเขินไปหมด

“จะได้อะไรอ่ะ?”

“ฮะ?”

“ถ้าเป็นแฟนหมอ...เราจะได้อะไรบ้าง? มัน...ดียังไงอ่ะ?”

เขาถามด้วยสีหน้าซุกซน ประกายวิบวับในแววตาคู่นั้นดึงเอาความมั่นใจทั้งหมดของผมกลับมา
ใช้เวลานึกอยู่ไม่นาน ผมก็ตอบกลับไป

“ได้...ตัวกับหัวใจผู้ชายคนนึง" ผมพูดออกมาแค่นั้นแล้วแกล้งยักคิ้วกวนๆไปให้ พอเห็นสีหน้าไม่ถูกใจกับข้อเสนอ ผมก็รีบพูดต่อ

"ที่...อาจจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย แต่ก็สัญญา ว่าจะเป็นแฟนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้นะ"

คำพูดของผมทำให้เขายิ้มเขิน ดวงตาคู่นั้นยังคงมองตรงมา ก่อนจะถามต่อ

“แล้วไงอีกอ่ะ?”

ชิบหายละทีนี้...ได้อะไรอีกวะ?
ผมใช้ความคิดอยู่สักพัก และพบว่าในหัวสมองไม่มีคำตอบดีๆที่จะใช้ขโมยหัวใจคนตรงหน้าได้เลย

“พอเราเรียนจบ ก็จะได้หมอเอาไว้ใกล้ๆตัว คอยดูแลสุขภาพ คอยรักษาเวลาไม่สบายไ

คนฟังแทบจะหลุดขำออกมากับคำตอบของผม เขาเม้มปากเข้าอีกครั้ง ก่อนตอบ

“แต่ที่บ้านเราซื้อประกันชีวิตไว้ให้แล้วนะ เราว่า...เราคงไม่อยากได้หมอเพิ่มแล้วแหละ"

อ้าวซวย...

พูดจบเขาก็หลบสายตามผมไปสักพัก ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และทันทีที่แววตาคู่นั้นมองกลับมา ผมก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างๆที่เคยทำให้ผมตกหลุมรัก และยังคงทำอย่างนั้นอยู่ซ้ำๆ ตลอดระยะเวลาที่เราได้รู้จักกัน

ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ที่จะดังก้องสะท้อนอยู่ในหัวใจของผมไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม


“แต่เรากำลังอยากมีแฟนดีๆสักคนนะ"

“...”

“ต้องเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้ด้วย"



โคตรจะรู้สึกเหมือนมีประกายปิ๊งๆๆอยู่ในใจเลยครับตอนนี้ แล้วไอ้ปิ๊งอะไรนั่นมันก็หายไปตอนที่ผมยกมือขึ้นมาทำท่าดีใจ จนข้อศอกไปกระแทกเข้ากับพวงมาลัยรถเข้าเต็มแรง ...และแล้วโคตรปิ๊งก็ได้กลายมาเป็นโคตรเจ็บเป็นที่เรียบร้อย

“หมอ...!”

เห็นอย่างนั้นเขาร้องออกมาพลางยื่นมือมาจับข้อมือผมแล้วดึงไปดูตรงรอยกระแทกที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีแววว่าจะกลายเป็นรอยช้ำเขียวได้ในวันพรุ่งนี้

ปลายนิ้วที่ยังคงเย็นเฉียบของอีกฝ่ายพลิกแขนผมแล้วใช้ปลายนิ้วลูบผ่านบริเวณที่ยังคงเจ็บอยู่อย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดออกมาเจือเสียงหัวเราะ

“โง่ปะเนี่ย?”

พูดจบเขาก็ปล่อยมือทันที แต่แทนที่จะดึงแขนกลับมาอย่างที่ควรจะทำ ผมกลับยื่นมือไปสัมผัสปลายนิ้วลงบนผิวแก้มนุ่มๆของคนที่ยังคงนั่งเอียงตัวมาทางนี้ ไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยถาม ผมก็กระซิบตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“โง่ก็ยอมแล้ว"

พูดจบผมก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้เบาๆบนแก้มของเขาซ้ำๆ พร้อมกับกดจูบลงไปบนริมฝีปากได้รูปตรงหน้าแล้วบดเบียดอย่างช้าๆ ละเลียดชิมรสจูบที่นุ่มละมุนชวนให้นึกถึงสายไหมที่อีกฝ่ายบ่นว่าอยากกินอยู่ก่อนหน้านี้

ผมผละริมฝีปากออกมาในช่วงเวลาหนึ่ง เลื่อนไปแต้มจูบเบาๆลงบนปลายจมูกโด่งได้รูป และย้ำริมฝีปากลงไปบนหน้าผากมน ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ

พอได้เห็นว่าริมฝีปากของคนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อเพราะถูกเม้มซ้ำๆแถมยังวาววับไม่ต่างกับเยลลี่ผมก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ไม่ทันไร กลีบปากคู่นั้นก็ขยับบ่นหงุงหงิง

"จะถอยรถได้ยัง"

มือข้างนึงของผมเลื่อนไปจับพวงมาลัยรถ ส่วนอีกข้างจับอยู่ที่เกียร์และคงจะถอยรถออกไปแล้ว ถ้าอยู่ดีๆไม่นึกขึ้นมาได้ว่าลืมอะไรบางอย่าง พอคิดได้อย่างนั้นผมก็หลุดยิ้มออกมา จนคนข้างๆยังต้องเอ่ยถาม

“มีอะไร?”

ผมไม่ตอบ แต่ตบมือลงไปที่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะสัมผัสได้ว่าสร้อยข้อมือที่วิ่งสู้ฟัดไปซื้อมาแทบตายยังคงอยู่ตรงนั้น ผมหยิบไอ้ของที่ว่านั่นออกมา ก่อนจะฉีกถุงกระดาษดีไซน์สวยๆออก แล้วหยิบสร้อยหนังสีดำยื่นไปให้คนตรงหน้า

“ซื้อมาให้ ตอนแรกกะว่าจะเซอร์ไพร์ส แต่มีเรื่องเซอไพร์สกว่าตัดหน้าไปซะแล้ว"

น่าแปลกที่อีกคนเอาแต่มองสร้อยข้อมือเส้นนั้นแล้วทำสีหน้าแปลกใจ จนผมต้องเอ่ยย้ำ

“ยื่นมือมาเร็ว"

“แป๊บนึงดิ"

เขาพูดออกมาพลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าใบที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ก่อนจะล้วงมือลงไป แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา

ของที่ว่านั่นคือถุงกระดาษหน้าตาเหมือนกับอันที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงผม เขาแกะมันออกตามขั้นตอนอย่างที่ควรจะทำก่อนจะจนกระทั่งผมเห็นของที่อยู่ในห่อนั้น

มันเป็นสร้อยข้อมือแบบเดียวกันกับที่ผมซื้อมา แต่เป็นสีน้ำตาล...

“อ้าว...ไปซื้อมาตอนไหนเนี่ย?”

ได้ยินคำถามของผม เขาก็ลอบยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบออกมา

“ตอนหมอไปเข้าห้องน้ำ ก็....ดูเหมือนจะชอบสีนี้ไม่่ใช่เหรอ เราเลยซื้อมาให้"

“ใจตรงกันซะงั้น"

“เลิกหยอดเราได้แล้ว"

คนฟังทำปากคว่ำใส่กัน แล้วยื่นมือมาดึงข้อมือของผมไปจับเอาไว้ ก่อนจะใส่สร้อยข้อมือเส้นนั้นให้กัน ก่อนที่ผมจะยื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายวางมือของตัวเองลงมา แล้วใส่สร้อยข้อมือสีดำให้เขา

“เอามาเทียบกันเร็วๆ"

ได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นผมก็ยื่นแขนออกไปเทียบกับข้อมือของอีกคนที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว

รู้สึกแปลกตาอยู่เหมือนกันที่เห็นคนตรงหน้าใส่สร้อยข้อมือหนังสีดำอย่างตอนนี้ และยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ที่ผมใส่สร้อยข้อมือสีน้ำตาลทั้งๆที่ปกติแล้วถ้าไม่ใช่เครื่องประดับสีดำ ผมก็จะใส่พวกเงินไปเลย

ในขณะเดียวกัน มันก็มีความรู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาดเกิดขึ้น ตอนที่คิดขึ้นมาได้ว่า
ผมกำลังใส่ของที่เหมาะกับเขา ส่วนเขาก็ใส่ของที่เข้ากับผม

“คราวนี้จะกลับบ้านได้ยัง?”

คำพูดของเขาทำให้ผมหลุดขำ ก่อนจะหันไปมองคนที่ขยันทำหน้ามุ่ยเหลือเกินแล้วตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม

“ครับแฟน~"


tbc.



- - -



หมอ : มีเรื่องสำคัญจะบอก ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้เปลี่ยนแฮชแทคของนิยายเรื่องนี้ไปเป็น #ยิ้มหวานแฟนหมอ ด้วยนะครับ
ยิ้ม : ทุกคนอย่าไปฟังหมอเยอะ ฟังที่เราจะพูดดีกว่า ^ ^ จริงๆแล้วในเพลงกะทันหันมีคำว่ากะทันหันนะ แต่เรานึกไม่ออกเอง ถ้าทำให้เข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะคับ
หมอ : แล้วก็อย่าลืมเปลี่ยนแฮชแทคไปเป็น #ยิ้มหวานแฟนหมอ ด้วยนะครับ
ยิ้ม : ใครเปลี่ยนเราโกรธนะ เค้าแทคกันมาดีๆตั้งหลายตอน หมออย่ามั่วดิ!
หมอ : โกรธเหรอ? ไหนมาหอมแก้มง้อทีนึงมา...
ยิ้ม : ไอ้หมอนี่!!!!
หมอ : #ยิ้มหวานแฟนหมอ อย่าลืม
ยิ้ม : #ยิ้มหวานของหมอ น้าาาาา
หมอ : ก็ใช่ไง ของเรา... โอ๊ย!
ยิ้ม : *งับไหล่หมอ*


หลังจากคำแนะนำจากหลายๆคนในทวิตทำให้เราตัดสินใจได้ว่า เราจะใช้อาร์ตบ๊อกซ์เป็นโลเคชั่นของตอนนี้
จะต้องเล่าย้อนก่อนมะ? คืองี้ค่ะ พล็อตเดิมเราตั้งใจจะให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นที่เจเจกรีน ซึ่งเป็นถิ่นเราเลย เดินบ่อยมาก~ แต่ทำไปทำมาอยู่ดีๆเราก็เบื่อเจเจกรีนซะงั้น เลยถามหลายๆคนทางทวิต และเลือกอาร์ตบ็อกซ์ เราเลยไปเดินอาร์ตบ็อกซ์มารอบนึง และพบว่า มันจะเฉยมากสำหรับขาช็อป แต่เป็นที่เดทที่ดีใช้ได้เลย
ตอนเราเดินคิดโน่นคิดนี่เรื่องหมอกับยิ้มอยู่ในงาน นักร้องก็ดันร้องเพลงนี้ขึ้นมาพอดี
จากที่เฉยๆก็กลายเป็นว่าชอบไปซะงั้น จิ้มลิ้งละไปฟังกันเลย
กะทันหัน - Project Love Pill 2


ปล่อยให้เด็กตีกันไปเนอะ ดึกแล้ว ฝันดีนะคะ
ขอบคุณค่ะ : )

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1148 เมื่อ23-11-2015 03:34:10 »

จะยิ้มยังไง  ก็เป็นของหมอแล้วนะ  <3

ออฟไลน์ Khan_htt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1149 เมื่อ23-11-2015 03:53:04 »

ในที่สุดเค้าก็เป็น #ยิ้มหวานแฟนหมอแล้วอ่ะ
มีกำลังใจอ่านหนังสือสอบละะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
« ตอบ #1149 เมื่อ: 23-11-2015 03:53:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คุณอัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1150 เมื่อ23-11-2015 04:06:21 »

แอร้ยยยย ไม่ใช่ยิ้มหวานของหมอแล้วว  .. เป็นยิ้มหวานคนเดิมเพิ่มเติมแฟนหมออ~


ดีใจจจจจังค่ะ 55555   
ตอนนี้ อ่านไปยิ้มไปจนฟันแห้งไม่รู้ตัวเลยค่ะ เขินจริงอะไรจริง

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1151 เมื่อ23-11-2015 05:18:06 »

เขินสุด #ยิ้มหวานของเราเป็นแฟนหมอแล้ว

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1152 เมื่อ23-11-2015 05:40:20 »

เป็นแฟนกันแล้ว ต้องจุดปะทัดฉลอง :mc4:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1153 เมื่อ23-11-2015 06:20:41 »

จุดพลุ!!!!!!!!!!!!!  :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: ไม่มีอะ เอาประทัดไปก่อนนะ
ยินดีด้วยนะหมออออออออออ อร๊ายยยยย :hao7:
กลับไปกินเลม่อนชีสเค้กฉลองกันปะ!!!!

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1154 เมื่อ23-11-2015 06:22:26 »

เค้าเป็นแฟนกันล้าววววววววว :heaven

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1155 เมื่อ23-11-2015 06:49:49 »

ยิ้มหวานกับหมอเค้าเป็นแฟนกันแล้ว :-[

ออฟไลน์ momapmu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1156 เมื่อ23-11-2015 07:22:11 »

เมื่อก่อน #ยิ้มหวานของหมอ
ปัจจุบัน #ยิ้มหวานแฟนหมอ
อนาคต #ยิ้มหวานเมียหมอ

มาอาทิตย์ล่ะครั้งได้ป่ะ มันอยากอ่านต่อล่ะอ่ะ :ling1: :katai5: :katai1:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1157 เมื่อ23-11-2015 07:27:15 »

#ยิ้มหวานแฟนหมอ ดิ้นไปสิๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ao16

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +253/-4
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1158 เมื่อ23-11-2015 07:30:30 »

 :mew1: :really2: :L1:

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1159 เมื่อ23-11-2015 08:05:17 »

เค้าเป็นแฟนกันแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
« ตอบ #1159 เมื่อ: 23-11-2015 08:05:17 »





ออฟไลน์ Ferin1A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1160 เมื่อ23-11-2015 08:05:39 »

โง้ย น่าร้าาาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกก :-[ :o8:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1161 เมื่อ23-11-2015 09:17:05 »

ในที่สุดหมอกับยิ้มหวานก็ได้เป็นแฟนกันแล้ว  :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1162 เมื่อ23-11-2015 10:06:51 »

น่ารักกกกกกกกก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1163 เมื่อ23-11-2015 10:25:54 »

น่ารักเหมาะสมกันมาก

ออฟไลน์ gessuriyong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1164 เมื่อ23-11-2015 10:35:27 »

หมอไม่ปอดแล้วววววววววววววววว งี้องครักษ์พิทักษ์ยิ้มก็หมดหน้าที่แล้วดิ

555555555 ย้ายฝั่งยิ้มจะเสียใจไหมน้าาาาาาาาาา  งานดีงานคู่ควรร

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1165 เมื่อ23-11-2015 10:42:25 »

ในที่สุดดดดด ยิ้มหวานเป็นแฟนหมอ แล้ววววว

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1166 เมื่อ23-11-2015 10:54:30 »

เค้าเป็นแฟนกันแล้ววววววว จะน่ารักไปไหนค่ะ^^

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1167 เมื่อ23-11-2015 11:04:33 »

เค้าเป็นแฟนกันล้วววววว
น่ารักจริ๊งง
#ยิ้มหวานแฟนหมอ
 :mew3:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1168 เมื่อ23-11-2015 11:13:34 »

ในที่สุด ก็เป็นแฟนกันล้าวววววววว

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: -THAT SMILE- #ยิ้มหวานของหมอ [18] <23.11.15> page 39
«ตอบ #1169 เมื่อ23-11-2015 11:21:10 »

เป็นแฟนกันแล้ว...เขาเป็นแฟนกันแล้ว  :o8: :-[ :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด