✿✿ธุรกิจนี้มีรัก✿✿
CHAPTER 15 ❋ ซุบซิบดาราเกย์
ชีวิตสำคัญที่การเลือก
ทิศทางสำคัญกว่าความเร็ว
วิธีคิดสำคัญกว่าวิธีการ
ความรู้สึกสำคัญกว่าความรู้
ทิศทางผิด ความพยายามก็สูญเปล่า
- อ. เหวิน
--- <+> -- <+> --- <+> -- <+> --- <+> -- <+> ---
ตั้งแต่ซื้อบ้านอยู่ที่นี่ มีน้อยครั้งมากที่เล็กจะพาตัวเองมาตรงนี้ แต่วันนี้เกิดนึกครึ้มอยากพาใครบางคนมาเปลี่ยนบรรยากาศ จะได้ไม่เบื่อ
เท้าสองคู่เดินมาตามถนนในหมู่บ้านอย่างสบายอารมณ์ เวลาล่วงเลยมาเกือบค่อนคืนจึงค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงนุ่มๆ สองเสียงที่ดังไปตามทางที่เดิน
"ผมมีนิทานเล่าให้คุณเจฟังเรื่องหนึ่ง" เล็กเปรยเรียกความสนใจ
"เอาสิครับ ผมชอบฟังนิทาน" เจหันไปบอก
"เรื่องก็มีอยู่ว่า สองตาหลานจะเอาลาที่เลี้ยงไว้ตัวหนึ่งไปขายในเมือง ตาก็เลยชวนหลานชายเดินจูงลาเดินทางไปด้วยกัน สักพักก็มีชาวบ้านเดินผ่านมาเห็น ตาบังเอิญได้ยินชาวบ้านกลุ่มนั้นนินทาตัวเองว่า โง่จังเลย มีลาก็ไม่รู้จักขี่ ตาได้ฟังแล้วก็ให้หลานขึ้นไปขี่ลา พอผ่านไปอีกหมู่บ้าน ก็มีชาวบ้านนินทาอีกว่า ทำไมเด็กคนนี้เห็นแก่ตัวจัง ตัวเองนั่งลาสบาย ปล่อยให้คนแก่เดิน พอหลานได้ฟังก็เลยลงจากหลังลา ให้ตาขึ้นไปนั่งแทน พอผ่านไปอีกหมู่บ้านก็มีคนนินทาอีกว่า ดูตาแก่คนนี้สิ ทำไมปล่อยให้หลานเดิน ตัวเองนั่งสบายอยู่คนเดียว แย่จริงๆ คราวนี้สองตาหลานเลยขึ้นไปนั่งบนหลังลาทั้งคู่ พอผ่านไปถึงอีกหมู่บ้านก็มีคนนินทาอีกว่า ทำไมทรมานสัตว์อย่างนี้ น่ารังเกียจจริงๆ คราวนี้สองตาหลานก็เลยลงจากหลังลา เอาลาผูกกับท่อนไม้ไว้ แล้วก็พากันหามลาเดินไป ตรงนั้นมีสะพานข้ามแม่น้ำพอดี ชาวบ้านผ่านมาเห็นก็หัวเราะขบขันกันใหญ่ หาว่าสองตาหลานบ้า ลาได้ยินเสียงคนหัวเราะก็ตกใจ มันดิ้นใหญ่เลย ดิ้นไปดิ้นมาก็หลุดตกลงไปในแม่น้ำ สองตาหลานก็ได้แต่ยืนเศร้า รายได้ก็หายไป"
เล็กทำเสียงสูงๆ ต่ำๆ ตอนเล่าไปด้วย คนฟังจึงขำเป็นระยะๆ
"แล้วนิทานเรื่องนี้สอนอะไรครับ" เจถาม
"ก็เหมือนชีวิตผมไงครับ กลัวแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น คุณเจก็รู้ เป็นดาราน่ะมันไม่ง่ายหรอก ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ตลอด แต่สุดท้ายผมก็ได้เรียนรู้ว่า ถ้าเราอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร คนก็วิพากษ์วิจารณ์อยู่ดี ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เราเลือกได้ดีเท่ากับตัวเราหรอก จริงไหมครับ" เล็กหันมามอง เจพยักหน้าเห็นด้วย
เล็กพาเจเดินมาถึงทะเลสาบเทียมในหมู่บ้านพอดี ตรงที่มาถึงมีสะพานทอดยาวยื่นออกไปกลางทะเลสาบ สองหนุ่มเดินตามสะพานไปจนสุด ตรงนั้นเป็นแท่นคอนกรีต เหมาะสำหรับนั่งคุยกันตอนอากาศดีๆ
แสงจันทร์นวลผ่องในคืนนี้สะท้อนผืนน้ำจนดูราวกับภาพฝัน ไม่น่าเชื่อว่าในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมีที่สวยงามแบบนี้ด้วย เล็กกับเจนั่งลงในท่าขัดตะหมาด หันหน้าเข้าหากัน จากนั้นก็คุยกันต่อ
"คุณเจกลัวหรือเปล่าครับ" เล็กเป็นฝ่ายถาม
"กลัวอะไรเหรอครับ" เจทำหน้าฉงน
"ก็...ถ้าเราสองคนคบกัน คุณเจไม่กลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์เหมือนผมเหรอครับ ใครจะไปรู้ เผลอๆ พรุ่งนี้รูปผมกับคุณเจก็อาจจะไปอยู่ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก หรือหนังสืออะไรสักอย่าง แชร์กันไปทั่ว รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง" เล็กอธิบาย
"ผมดังแน่คราวนี้" เจสัพยอก ก่อนทำท่าครุ่นคิด "แหม...ถ้าผมจะบอกว่าไม่กลัวก็คงโกหก กลัวเหมือนกันครับ แต่ผมเชื่อว่าผมจัดการได้ ช่วงแรกๆ เราต้องให้เวลากันหน่อย เพราะเราต้องปรับตัวกันเยอะ อาจจะอึดอัดบ้าง ท้อบ้าง มีปัญหาบ้าง ผมว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดานะ ทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นก็เป็นแบบนี้แหละครับ ดีนะ...ที่ผมเจอแบบนี้มาก่อนในยัวร์เวย์ ผมก็เลยไม่ค่อยกลัวมาก ถึงกลัว...ผมก็รู้ว่าเดี๋ยวมันก็ดีเอง คนถามล่ะ...กลัวหรือเปล่า" เจถามกลับ
เล็กหัวเราะเบาๆ "นิดหน่อยครับ ผมก็เจออะไรแบบนี้ในวงการเยอะ เหมือนจะชินแต่ก็ไม่ชิน ช่างเถอะครับ เดี๋ยวมันก็ดีเองอย่างที่คุณเจว่า"
สองหนุ่มมองหน้ากัน ยิ้มบางๆ ให้กันอย่างมีความหมาย
"ถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่อยากเชื่อนะครับว่า...เราจะใจตรงกัน ผมกลัวมากเลยว่าคุณเจจะรับไม่ได้ ว่าแต่...ทำไมคุณเจชอบผมล่ะครับ ผมเล่าของผมแล้ว อยากฟังคุณเจบ้างครับ" เล็กชวนเปลี่ยนเรื่อง
"คุณเล็กน่ารักไง" เจหัวเราะเขินๆ "จริงๆ นะ ผมรู้สึกว่าคุณเล็กน่ารักตั้งแต่เจอกันสองสามครั้งแรกเลย ที่ผมชอบ...คงเป็นเพราะคุยด้วยแล้วสบายใจ ผมน่ะ...อยากมีคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจแบบนี้มานานแล้ว ไม่ใช่คุยกันไป ทะเลาะกันไป อีกอย่าง...ผมนับถือน้ำใจคุณเล็ก ผมทำปัญหายุ่งๆ ให้ตั้งหลายอย่าง แต่คุณเล็กก็ให้อภัยผม อ้อ น่าจะมีความสงสารด้วย ตอนนั้นผมสงสารคุณเล็กน่ะครับ เคยได้ยินไหมครับ ความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรัก"
"รักแล้วเหรอครับ" เล็กสัพยอก
"ความรักก็เริ่มจากความชอบไม่ใช่เหรอครับ" เจย้อนถาม เล็กพยักหน้ายอมรับ จากนั้นเจก็พูดสืบไป "ตอนนี้เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน อาจจะชอบกันไปก่อน ดูใจกันพักหนึ่ง อีกไม่นานก็คงรู้ผลว่าจะรักกันได้หรือเปล่า"
"หวังว่า...สุดท้ายมันจะกลายเป็นความรักนะครับ ผมน่ะ...อยากมีคนดีๆ อย่างคุณเจอยู่ใกล้ๆ ดูแลกัน ไม่รู้จะเป็นไปได้หรือเปล่านะครับ ขอมโนไปเองก่อน" เล็กบอกเขินๆ
เจรู้สึกสะดุดใจอย่างบอกไม่ถูก เล็กดูเหมือนคนโหยหาความรัก ไม่รู้ว่ามีอะไรฝังใจหรือเปล่า
"ผมก็อยากมีใครสักคนที่ยอมรับผม พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง พร้อมจะเข้าใจกันแบบคุณเล็กนี่แหละครับ เชื่อผมสิ ถ้าเราผูกพันกันไปอีกสักหน่อย เราสองคน...รักกันได้แน่ๆ ครับ"
"อย่าจ้องผมแบบนี้ดิ เขินแล้ว" เล็กออกปากเพราะทนเขินไม่ไหว เจจึงหันหน้าไปมองรอบๆ แทน พอหายเขินเล็กก็ถาม "คุณเจว่าเราสองคนเป็นเกย์ไหมครับ"
เจหันกลับมามองและทำท่าครุ่นคิด แต่ก็ไม่คิดนานนัก "ไม่รู้สิครับ ผู้ชายกับผู้ชายชอบกัน จำเป็นต้องเป็นเกย์ด้วยเหรอครับ"
ช่างเป็นคำถามที่น่าคิด เพราะคนทั่วไปเข้าใจอย่างนี้ เล็กพยักหน้าคล้อยตาม
"สำหรับผมนะ บางอย่างเราไม่จำเป็นต้องนิยามมันหรอกครับว่ามันคืออะไร ทำตามหัวใจและความรู้สึกของเราดีกว่า ในยัวร์เวย์เราพูดเรื่องนี้กันเยอะ ผมถูกหล่อหลอมให้คิดแบบนี้ไปแล้ว ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง อยากได้ชีวิตแบบไหนเราต้องเป็นคนเลือกอย่างที่เราอยากได้ แล้วค่อยหาวิธีการ ไม่ว่อกแว่กกับความคิดเห็นของใคร ถ้าเราสองคนเกิดรักกันจริงๆ เราก็ต้องซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองสิครับ แล้วค่อยมาดูว่าจะไปยังไงต่อ ถ้าเจอสิ่งที่ใช่แล้ว วิธีการมันจะมาเอง ใช่ไหมครับ" เจทำตาเล็กตาน้อย
"อัปไลน์ผมเก่งจัง พูดจาอะไรก็น่าฟังไปหมด" เล็กชมซึ่งหน้า
คนถูกชมหัวเราะ ยิ่งคุยกันเจก็ยิ่งรู้สึกว่าเล็กเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่อง ไม่ชวนทะเลาะ ไม่ประชดประชัน ถ้าเป็นน้ำฝน ป่านนี้ทะเลาะกันไปแล้ว ไม่ว่าเจจะพูดอะไรก็เป็นปัญหาไปหมด
"คุณเล็กเคยอ่านหนังสือ 7 habits ไหมครับ" เจเกริ่น
เล็กส่ายหน้า "ยังครับ แต่เคยได้ยินชื่ออยู่เหมือนกัน เห็นเขาว่าดี"
"ใช่ครับ ดีมากๆ เลย มีอยู่ข้อหนึ่ง ผมว่าเราน่าจะลองเอามาใช้ดูดีไหมครับ" เจหยั่งความสนใจ
"อะไรเหรอครับ"
"มันเป็นนิสัยข้อที่หนึ่งเลย เขาบอกว่าเราต้อง Begin with the end in mind หมายถึงว่า...ก่อนจะทำอะไร เราต้องเลือกปลายทางก่อน ปลายทางไม่ใช่อาชีพนะครับ เพราะอาชีพอยู่กับเราไม่นาน หมดแรงก็ทำไม่ได้แล้ว ปลายทางของเรา ต้องเป็นชีวิตที่เราอยากได้ครับ"
"อ๋อ...แล้ว...คุณเจจะให้เราเอาข้อนี้มาทำอะไรเหรอครับ" เล็กไม่แน่ใจ
"อ๋อ..." เจลากเสียงยาวก่อนยิ้มเขิน "ผมก็อยากชวนคุณเล็กมาเลือกปลายทางของเราด้วนกันไงครับ เผื่อเราคิดตรงกันอีก"
ดูเหมือนเล็กยังไม่กระจ่าง เพราะสีหน้ายังคงฉงนอยู่ "ผมยังไม่เข้าใจครับ เลือกปลายทางของเรายังไงเหรอครับ ผมขอตัวอย่างหน่อย"
"ผมเมื่อยหลังน่ะ เรานั่งพิงหลังกันดีไหมครับ" เจยังไม่ตอบคำถาม แต่ชวนอีกฝ่ายเปลี่ยนท่านั่ง
เล็กพยักหน้าตกลง จากนั้นเปลี่ยนท่านั่งตามที่เจร้องขอ พอหลังได้สัมผัสกัน การเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งมากขึ้นของคนสองคนก็เริ่มทำงาน สัมผัสระหว่างมนุษย์สองคนมีพลังพิเศษเสมอ โดยเฉพาะพลังบวกอย่างพลังความรัก
"ต่อนะครับ" เจเอี้ยวตัวไปบอก ก่อนตอบคำถามที่ค้างไว้ "ผมว่าเรามาสร้างภาพฝันกันดีกว่า ทั้งในวงการบันเทิง แล้วก็ในยัวร์เวย์ เอาวงการบันเทิงก่อนนะครับ ผมเห็นภาพคุณเล็กเป็นคนกล้าหาญ กล้าเปิดเผยตัวตนของตัวเอง มั่นใจในสิ่งที่เลือกและเป็น ประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง เป็นแรงบันดาลใจให้ดาราคนอื่นๆ กล้าคิดกล้าทำ คุณเล็กจะเป็นตัวอย่างคนกล้า เป็นตัวอย่างของดาราคุณภาพและเป็นมืออาชีพ"
เล็กคิดตาม พยักหน้ารับรู้ช้าๆ ตามไปด้วย เริ่มเข้าใจแล้วว่าเจต้องการสื่ออะไร
"ก็จริงของคุณเจนะครับ ถ้าผมหลบๆ ซ่อนๆ ไม่มีความสุขเหมือนดาราบางคนที่ผมรู้จัก คงไม่ดีแน่ อีกอย่าง ปิดยังไงก็ปิดไม่มิดหรอก นักข่าวเก่งจะตาย ถ้าเราไม่พูดตรงๆ เขาก็จะเขียนซุบซิบนินทา ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าผมเปิดตัวว่าผม...มีแฟนเป็นผู้ชาย คนจะว่ายังไง อ้อ คุณเจกำลังจะบอกผมว่า...เราต้องใช้ชีวิตให้เป็นตัวอย่างของคนอื่นใช่ไหมครับ" เล็กหันไปถาม แต่ไม่เห็นหน้ากันเพราะนั่งหันหลังให้กัน
เจพยักหน้า ก่อนพูดระคนขำ "ใช่ครับ รู้ใจกันแบบนี้ ความน่าจะเป็นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นนะครับ"
เล็กขำเบาๆ "แล้วคุณเจล่ะครับ มองภาพในยัวร์เวย์ของเรายังไง"
"คุณเล็กลองจินตนาการดูสิครับ" เจชวนคิด
เล็กก็ช่างรู้ใจ อัปไลน์โยนอะไรมาให้ เล็กจะทำทันที ไม่มีอิดออดโอดครวญว่าทำไม่ได้ "อืม...ผมว่าอย่างนี้ดีไหมครับ ในยัวร์เวย์ ส่วนมากมีแต่คู่ธุรกิจหญิงชาย ไม่ใช่ส่วนมากหรอก ทั้งหมดเลย" เล็กหัวเราะขึ้นจมูก "ผมว่าเราลองเป็นคู่ธุรกิจชาย-ชายคู่แรกกันดีไหมครับ ลองคิดดูสิครับ ผมว่ามันจะต้องเป็นแรงบันดาลใจใหม่ที่คนไม่เคยสัมผัสมาก่อนแน่ๆ เรามาช่วยกันทำให้คนเห็นไหมครับว่า...คู่ชาย-ชายก็สำเร็จได้ แล้วเราก็เอาประสบการณ์ของเราไปสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น ไปทั่วโลกเลยก็ดีนะครับคุณเจ เป็นคู่ธุรกิจชาย-ชายในประเทศไทย แล้วก็ทั่วโลกด้วย คนยัวร์เวย์ทั่วโลกจะรู้จักเราสองคน เพราะเราแตกต่างจากคนอื่น แต่เราก็ทำได้เหมือนกัน โห...แค่คิดก็น่าสนใจแล้วนะครับคุณเจ คุณเจคิดเหมือนผมไหมครับ" เล็กถามอย่างตื่นเต้น แววตาเป็นประกายชวนฝัน
"ก็น่าสนใจนะครับ" เจหันไปบอก ท่าทางสนใจไม่น้อย
"ผมก็ว่าอย่างนั้น ถ้าเราจับมือกันไปจนถึงจุดนั้นได้ เราจะมีชีวิตที่มีความสุขมากเลยนะครับ เงินก็คงได้อยู่แล้ว แต่ชีวิตมันมีความหมายกับคนอื่นด้วย ดีกว่ามาคิดว่าจะเป็นหมอ เป็นดารา หรือเป็นวิศวกร ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ความฝันข้อที่หนึ่งตามที่ อ. เหวิน สอนก็คือ...ชีวิตที่มีคุณค่า ผมโชคดีนะครับเนี่ยที่ได้มาเรียนรู้เรื่องแบบนี้ ต้องขอบคุณคุณเจที่ชวนผมเข้ามา"
"คุณเล็กอยากมีชีวิตแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหมครับ" เจถามย้ำ
"ครับ ผมว่ามันดีนะ ในวงการบันเทิงเราก็เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ ในยัวร์เวย์...เราก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก แค่คิดก็สนุกแล้ว"
"คนที่จะจับมือคุณเล็กไปถึงจุดนั้น...คุณเล็กมีอยู่ในใจแล้วใช่ไหมครับ" เจถามเข้าประเด็น
เล็กอึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็ยิ้ม "อ๋อ...ก็คุณเจนั่นแหละ จับมือสัญญากับผมไว้แล้วนะครับวันนั้น ผมจำได้"
ทั้งคู่หัวเราะเบาๆ พร้อมกัน จากนั้นก็เปลี่ยนท่านั่งเป็นหันหน้าเข้าหากันเหมือนเดิม เพราะอยากมองหน้ากันให้เต็มๆ ตา
เจเอื้อมมือไปจับไหล่สองข้างของเล็กไว้ "ไม่ลืมหรอกครับ เอาเป็นว่า...ข้อเสนอของคุณเล็กน่าสนใจมาก ผมจะรับไว้พิจารณาครับ"
เล็กยิ้มดีใจ ไม่นานก็น้ำตาซึม
"อ้าว...เป็นไรเหรอครับ" เจถามอย่างเป็นห่วง สีหน้าสงสัย
"ผมดีใจน่ะครับ ไม่คิดว่า...ความรู้สึกแบบนี้จะกลับมาหาผมอีก มันหายไปนานมาก นานจนผมคิดว่าจะไม่มีอีกแล้ว แต่มันก็กลับมาจนได้ คราวนี้...มีอะไรแตกต่างเยอะเลย"
"แล้วมันดีหรือแย่กว่าเดิมล่ะครับ" เจสงสัย
"ก็ต้องดีกว่าเดิมสิครับ" เล็กหัวเราะ แต่พลันหยุดชะงักเมื่อได้ยินเจพูดประโยคต่อมา
"ผมขอจูบคุณเล็กได้ไหมครับ!"
แม้มีเพียงแสงจันทร์และแสงไฟสลัวๆ หน้าของเล็กก็แดงจัดจนสังเกตเห็นได้ เจ้าตัวถึงกับอึ้งไป
"ยังไม่พร้อมเหรอครับ" เจสงสัยเพราะเล็กไม่ยอมตอบ "โธ่ รู้ไหมว่าผมน่ะ...ชอบมองดูปากคุณเล็กมาก จะเผลอจูบตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรครับ" เจเอามือลงจากไหล่ของเล็ก แม้เสียดายแต่ก็ยิ้ม
"อ้าว" เล็กหน้าเหวอ ยังไม่ทันพูดอะไร เจก็สรุปเองหมด
"เดี๋ยวผมว่าผมจะกลับแล้ว โห...นี่เที่ยงคืนพอดีเลย" เจยกนาฬิกามาดู เห็นเวลาก็ตาโต
"อ๋อ มิน่าล่ะถึงรู้สึกง่วงๆ ดึกแล้วนี่เอง ทำไงดีครับ บ้านคุณเจก็อยู่ไกลด้วย" เล็กแสร้งถาม
"นั่นสิครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ยังไม่ดึกมากสำหรับผมหรอก" เจแอบยิ้ม ดูออกว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
"เหรอครับ อืม...ก่อนกลับ คุณเจจะกินโปรตีนหน่อยไหมครับ เดี๋ยวผมชงให้ จะได้สดชื่นเวลาขับรถกลับบ้าน"
เจพยักหน้าตกลง จากนั้นสองหนุ่มก็ลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนพาเท้าสองคู่เดินกลับมายังบ้านของเล็ก มาถึงเล็กก็วิ่งเข้าครัวไป บอกให้เจนั่งรอตรงโซฟาสักครู่ ไม่นานจึงออกมาพร้อมกับโปรตีนเช็คผสมผงผลไม้สกัดเข้มข้น
เล็กเอามาส่งให้ถึงมือ เจรับไปดื่มจนหมดแก้ว "อร่อยมากครับ ขอบคุณนะครับคุณเล็ก เดี๋ยวผมต้องไปแล้ว รบกวนเวลาคุณเล็กแย่เลย"
เจส่งแก้วโปรตีนให้เล็กถือไว้ แอบยิ้มที่เห็นคนตรงหน้าหน้าเจื่อน
"ไม่รบกวนหรอกครับคุณเจ เดี๋ยวผมไปส่งที่รถนะครับ" เล็กยิ้มเฝื่อนๆ ด้วยความเสียดาย
เจพยักหน้า สักพักก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ "อ้อ เห็นคุณเล็กบอกว่าอยากให้ผมช่วยสอนการสปอนเซอร์ให้ไม่ใช่เหรอครับ เอ...แต่คุณเล็กคงง่วงแย่แล้ว งั้น...เอาไว้วันหลังละกันนะครับคุณเล็ก"
"ครับคุณเจ" เล็กพูดเสียงเศร้า เจเล่นพูดเองเออเองหมดเลย เล็กจึงไม่มีทางเลือก
"โอเค งั้นผมกลับแล้วนะครับ" เจบอก จากนั้นก็เดินออกไปนอกบ้าน ตรงไปยังรถที่จอดไว้ เล็กเดินต้อยๆ ตามมาส่งด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ยังไม่ทันจะเปิดประตูรถ ใครบางคนก็สอดมือเข้ามากอดทางด้านหลังไว้เสียก่อน ไม่นานใบหน้าก็ตามลงมาซบบนไหล่
"คุณเจ อยู่เป็นเพื่อนผมคืนนี้ได้หรือเปล่าครับ"
เจหยุดชะงัก แอบยิ้มอีกตามเคย คนที่กอดอยู่ตอนนี้คงเป็นใครไปไม่ได้ ต้องให้ได้อย่างนี้สิ เจชอบคนกล้าแบบนี้แหละ
"อ้าว ก็คุณเล็กอยากให้ผมกลับไม่ใช่เหรอ" เจแกล้งถาม
"ใครบอกล่ะครับ คุณเจพูดเองหมดเลย ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ" เล็กตัดพ้อ
เจหมุนตัวกลับมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นระบายบนใบหน้า "ผมรู้แล้ว แกล้งเล่นเฉยๆ"
"อีกแล้วนะครับคุณเจ เดี๋ยววันหลังผมจะแกล้งคุณเจมั่ง" เล็กยิ้มเขินเพราะเสียรู้ เจหัวเราะชอบใจใหญ่
"ให้ผมอยู่ด้วยตอนนี้ คุณเล็กไม่กลัวเหรอครับ"
เล็กย่นคิ้ว "กลัวอะไรเหรอครับ"
"ก็...กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณเล็กไง" เจยิ้มมีเลศนัย
เล็กหน้าเหวอ ไม่รู้ว่าเจพูดเล่นหรือพูดจริง แต่มันก็น่าคิดไม่น้อย วันหนึ่งเป็นแฟนกันก็คงต้องมีเรื่องนี้จนได้
"ผมล้อเล่น" เจหัวเราะอีก มีความสุขที่ได้แกล้งอีกฝ่าย "ผมทำเป็นที่ไหน ยังไม่เคยกับผู้ชายเลยครับ"
"ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะให้คุณเจทำอย่างนั้นซะหน่อย แค่ให้อยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ" เล็กทำปากขมุบขมิบ
"อ๋อ" เจลากเสียงยาว "เข้าใจแล้วครับ งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนอย่างเดียวก็ได้ เอ...แต่ว่า" เจทำท่านึก "ถึงผมยังทำอย่างนั้นไม่เป็น แต่ก็ยังจูบเป็นนะครับ"
เล็กหน้าเหวออีกคำรบ "คุณเจจะแกล้งอะไรผมอีกเนี่ย"
"ไม่แกล้งแล้วครับ คราวนี้จูบจริงครับ ไม่ใช้มุมกล้อง ไม่ใช้สแตนด์อิน" เจเขยิบเข้ามาใกล้ จังหวะที่เล็กยังไม่ทันตั้งตัว เจก็ประกบริมฝีปากลงไป
อายุป่านนี้แล้ว เล็กคงไม่สงสัยว่าอีกคนกำลังทำอะไรกับตัวเองอยู่ ถึงจะไม่ทันตั้งตัว แต่เล็กก็พร้อมจะตั้งใจและร่วมมือกับจูบครั้งนี้
มือของเจจับท้ายทอยของเล็กไว้ ตอนแรกริมฝีปากเพียงบดบี้กันไปมา แต่พอหายเกร็ง อารมณ์ร่วมก็เกิดขึ้น ไม่นานก็เปิดปากและสอดลิ้นเข้าหากัน เจวนลิ้นเป็นวงกลมรอบๆ ลิ้นของเล็ก พาให้เสียวซ่านจนเล็กต้องกอดเจแน่นขึ้น จากนั้นก็ผลัดกันดันลิ้นไปมา
จูบแรกยุติลงในเวลาไม่นานนัก ตอนนี้เจแค่อยากรู้ว่าตัวเองจูบผู้ชายได้หรือเปล่าเท่านั้น น่าจะได้คำตอบที่พอใจแล้ว ก้าวข้ามไปอีกหนึ่งขั้น ในอนาคตค่อยหาทางเขยิบไปขั้นต่อไป
เล็กหน้าแดงเขินอาย แม้ไม่ใช่อายม้วนต้วนอย่างผู้หญิง แต่ก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลไม่น้อย จูบแรกผ่านไปด้วยดีทีเดียว จะว่าไปมันก็ไม่เลวเลย ริมฝีปากหยักสวยน่าจูบกว่าที่คิดไว้เสียอีก เจยิ้มพอใจให้กับคนตรงหน้า จากนั้นจึงปิดท้ายจูบนี้ด้วยประโยคเด็ด
"ในละคร คุณเล็กอาจจะจูบจริงก็ได้ ผมไม่ว่าหรอก แต่ในชีวิตจริง ผมต้องเป็นเจ้าของจูบตัวจริงของคุณเล็กนะครับ"
น้ำฝนนั่งเล่นไอแพ็ดเพลินๆ ที่บ้านเธอเองในเช้าวันหยุดวันหนึ่ง เล่นไปเล่นมา ก็บังเอิญเห็นลิงค์ยูทูปซีรี่ส์เรื่อง "รักไม่ได้หรือไม่ได้รัก" ของ Club Saturday ในหน้าแฟนเพจของเล็ก น่าจะเป็นตัวอย่างสั้นๆ ให้ดูเรียกน้ำย่อย
น้ำฝนรีบคลิกเข้าไปดูทันที มีฉากที่เล็กจูบจริงกับผู้ชายด้วย น้ำฝนเห็นแล้วเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน คิดไม่ถึงว่าเล็กจะกล้าเล่น แถมยังมีฉากกอดกับพระเอกอีกหลายฉาก แม้จะทำใจมาก่อน แต่พอเห็นของจริงก็ตกใจไม่น้อย
ด้านล่างคลิปมีคอมเมนต์บ้างแล้ว บ้างก็ว่าเล็กกำลังจะแกรนด์โอเพนนิ่ง บ้างก็ว่าเล็กคงเป็นเกย์นานแล้วแต่ปิดบังเอาไว้ บ้างก็ว่าเป็นแค่การแสดง บ้างก็ชมว่าเล่นดี และอีกสารพัดความคิดเห็นทั้งบวกและลบ ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอย่างไหนมากกว่ากัน
อ่านไปเรื่อยๆ น้ำฝนก็เจอลิงค์หนึ่งที่มีคนมาแปะไว้ เขียนเกริ่นนำด้วยว่า "พระเอกเล็กเป็นเกย์ทั้งในจอและนอกจอ ไม่เชื่อก็ตามมาดู"
น้ำฝนคลิกลิงค์นั้นทันที พลันก็ต้องตกใจจนไอแพ็ดแทบหลุดมือ ในหน้าเว็บนั้นมีภาพอยู่สองสามภาพ ทั้งหมดเป็นภาพแฟนเก่าของเธอกับเล็กนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันที่ไหนสักแห่ง ยิ่งอ่านคำบรรยายประกอบก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
"หลังขึ้นปกนิตยสารเกย์อวดหุ่นเซ็กซี่แก่บรรดาเก้งกวางบ่างชะนี แถมยังรับเล่นซีรี่ส์เกย์ที่ต้องจูบจริงไปแล้ว ล่าสุด หนุ่มเล็กแอบไปกินข้าวสวีทหวานแหววกับหนุ่มนอกวงการที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดหรูและโรแมนติกแถวย่านสุขุมวิท นางคงจะบอกเป็นนัยๆ ว่าจะแกรนด์โอเพนนิ่งให้ช็อคกันเล่นๆ เผื่อจะดังเปรี้ยงปร้างเหมือนเอ๊กกี้ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้วบ้าง..."
น้ำฝนอ่านไม่จบก็ควันออกหู "เอาอีกแล้วนะพี่ขนม"
ไม่รู้ว่าเจจะสร้างปัญหาให้กับเล็กอีกกี่เรื่องกี่ครั้งถึงจะพอใจ ที่ผ่านมาก็หนักพอแล้ว น่าจะเลิกแล้วต่อกัน ทำไมจะต้องสร้างปัญหาขึ้นมาอีกไม่จบไม่สิ้น
น้ำฝนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนกดโทรหาแฟนเก่าทันที ทั้งที่ไม่ได้คิดจะโทรหาอีกแล้วตั้งแต่บอกเลิกเจไปคราวนั้น
"สวัสดีครับฝน" เจทักมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
"สวัสดีค่ะ ฝนคิดว่าพี่ขนมคงไม่รู้เรื่องอีกตามเคย" น้ำฝนอดค่อนขอดไม่ได้ เธอเซ็งเจเพราะเจเป็นแบบนี้นี่แหละ "เอาอย่างนี้ละกันค่ะ น้ำฝนจะอ่านอะไรบางอย่างให้พี่ขนมฟัง ฟังดีๆ นะคะ"
ว่าแล้วน้ำฝนก็อ่านข้อความในเว็บไซต์นั้นให้เจฟังจนจบ อ่านจบเธอก็เล่นงานเจทันที
"ทำไมคะพี่ขนม ทำไมพี่ขนมต้องหาเรื่องให้พี่เล็กเดือดร้อนอีกแล้ว"
เจไม่ตอบ คงเป็นเพราะไม่รู้จะตอบไปทำไม
"เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะคะพี่ขนม แล้วนี่จะทำยังไงคะ ป่านนี้ไม่รู้ว่าเขาแชร์กันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว น้ำฝนไม่คิดเลยว่าพี่ขนมจะร้ายกาจขนาดนี้"
"ครับ" เจรับคำสั้นๆ
"พี่ขนมจะพูดแค่นี้ได้ยังไงคะ พี่ขนมต้องรับผิดชอบนะคะ"
"รับผิดชอบยังไงครับ พี่ไม่ใช่สื่อ พี่จะทำอะไรได้ล่ะครับ" เจเถียงบ้าง หลังปล่อยให้น้ำฝนพูดคนเดียวอยู่นาน
"แล้วไปทำอย่างนั้นทำไมล่ะคะ จะแกล้งพี่เล็กอีกเหรอ ที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอคะ"
เจเงียบไปอีก น้ำฝนจึงฟึดฟัดอย่างหัวเสีย "พี่ขนมก็รู้ว่าพี่เล็กเขาเป็นดารา ไปไหนมาไหนก็ต้องระวังสิคะ ยิ่งช่วงนี้พี่เล็กยิ่งถูกเพ่งเล็งเรื่องนี้อยู่ด้วย"
"ครับ"
"ครับอะไรคะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคะพี่ขนม ผู้ใหญ่ช่องสิบเขาเป็นคนหัวเก่า เขาไม่ชอบเรื่องพวกนี้ เดี๋ยวพี่เล็กก็จะเดือดร้อนอีกหรอก"
น้ำฝนดูจะเป็นห่วงแต่เล็กจริงๆ ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะหัวใจของเจมีที่รองรับแล้ว เจคงเจ็บปวดหัวใจน่าดทีู่ได้ยินอย่างนี้
"น้ำฝน ฟังพี่ดีๆ นะ" เจเกริ่น
"คะ"
"ข่าวซุบซิบนั่นน่ะ เขาไม่ได้เข้าใจผิดหรอก เขาเข้าใจถูกแล้ว"
"หมายความว่าไงคะ" น้ำฝนเริ่มหน้าเสีย
"พี่กับคุณเล็ก...กำลังคบกันอยู่!"TBC