✿✿ อัปไลน์ที่รัก ✿✿CHAPTER 29 ❋ วันที่ป๊ากับม๊าเปิดใจ บนเรือสำราญล่องแม่น้ำหลีเจียง เมืองกุ้ยหลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ทริปลูกกตัญญูของบริษัทยัวเวย์ที่จัดให้นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคราวนี้เต็มไปด้วยบรรดาพ่อๆ แม่ๆ และลูกๆ ทั้งหลายที่นั่งรายล้อมอยู่ทั่วบริเวณห้องอาหารภายในเรือ เรือลำนี้ถูกเช่าเหมาทั้งลำเพื่อจัดงานต้อนรับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกว่าสองร้อยรหัสในปีบัญชีที่ผ่านมา รวมบรรดาพ่อแม่ด้วยแล้วทั้งลำเรือก็มีคนไม่ต่ำกว่าหกร้อยคน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทขึ้นกล่าวต้อนรับนักธุรกิจเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะมีการแสดงประกอบขณะที่นักธุรกิจกำลังทานอาหาร เสียงคุยกันเซ็งแซ่ไปทั้งลำเรือ บางคนก็นั่งดูโชว์ บางคนก็เดินไปคุยกับโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ บางคนก็เดินไปชมวิวตรงขอบเรือและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักธุรกิจสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ตามอัธยาศัย
วันนี้เจทำหน้าที่เป็นช่างถ่ายภาพให้ป๊า ม๊าและพี่สาวอย่างเต็มที่ นี่คือทริปแรกที่ครอบครัวยอมมากับเจด้วยหลังจากที่เจเคยไปมาหลายทริปแล้ว เจต้องใช้วิธีทำสปาเท้าให้ป๊ากับม๊า ขอบคุณท่านทั้งสองที่ช่วยเลี้ยงดูและเป็นแบบอย่างที่ดีให้เจเสมอมา ทริปครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนป๊ากับม๊าที่เจอยากมอบให้ นั่นแหละถึงทำให้ป๊ากับม๊ายอมปิดร้านและมาด้วยจนได้
ได้เห็นป๊ากับม๊ายิ้มและหัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุขและไม่ต้องเคร่งเครียดกับการทำงานแล้วเจก็มีความสุขมากทีเดียว นี่แหละคือสิ่งที่เจอยากเห็น พี่สาวของเจเรียกเจให้ไปถ่ายรูปกับพ่อแม่บ้าง บางทีก็ให้นักธุรกิจที่รู้จักกันช่วยถ่ายรูปครอบครัวให้ ไปถ่ายรูปกับครอบครัวคนอื่นๆ ด้วย แถมยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสนุกสนาน ป๊ากับม๊าของเจยิ่งมีความสุขไปกันใหญ่ที่ต่างก็ได้อวดความสำเร็จของลูกๆ ให้พ่อแม่คนอื่นๆ ฟังกัน
เจพาครอบครัวกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วก็พากันไปเลือกอาหารมากินกัน อาหารทุกอย่างล้วนแต่คัดสรรมาอย่างดี ที่สำคัญกินได้ไม่อั้น เจคอยบริการพ่อกับแม่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าท่านทั้งสองอยากได้อะไร อยากไปตรงไหนเจก็ไม่เคยขัด ก่อนจะลงเรือก็แวะไปเที่ยวและซื้อของฝากญาติๆ กันมาหลายที่ ถูกอกถูกใจกันยิ่งนัก
ทั้งทริปนี้เจจ่ายเองทั้งหมด แถมยังมีเงินช็อปปิ้งให้กับป๊าและม๊าอีกคนละสองหมื่นบาท บริษัทยัวร์เวย์สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้เจและคนในครอบครัวอีกหนึ่งคนทั้งหมด ที่เหลืออีกสองคนเจเป็นคนจ่ายเพิ่ม รวมๆ แล้วก็หลักแสน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเงินโบนัสที่เจได้มาจากการเป็นมรกตก็เยอะพอสมควร จ่ายค่าทริปแล้วก็ยังเหลือเก็บอีกต่างหาก
หลังจากการแสดงจบลงแล้วก็เป็นช่วงที่เปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่เขยิบตำแหน่งหมาดๆ ขึ้นมากล่าวความรู้สึกคนละห้านาที เจก็คือหนึ่งในนักธุรกิจที่เพิ่งเปลี่ยนตำแหน่งจึงได้ขึ้นไปพูดด้วย
"ความสำเร็จของผมในวันนี้ก็ต้องขอบคุณป๊ากับม๊าที่เป็นแบบอย่างในเรื่องความขยันและอดทน ตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้ ผมเห็นป๊ากับม๊าทำงานหนักมาโดยตลอดโดยไม่เคยบ่นเลยว่าเหนื่อย ป๊าสอนผมเสมอว่างานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย และมีสามอย่างที่ทำเมื่อไหร่ก็จนเมื่อนั้น ก็คือบ่น อ้างและโทษคนอื่น ว่ากันว่า...แบบอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน วันที่ผมเข้ามาในธุรกิจยัวร์เวย์ใหม่ๆ และต้องเจอปัญหามากมายนั้น ผมก็นึกป๊ากับม๊านี่แหละครับ ท่านเจออะไรมาเยอะกว่าผมมากกว่าจะเลี้ยงพวกเรามาจนโต ท่านไม่เคยบ่นเลยแล้วผมจะบ่นไปทำไม ผมจึงก้มหน้าก้มตาทำและอดทนจนประสบความสำเร็จในวันนี้ รบกวนป๊ากับม๊ายืนขึ้นรับเสียงปรบมือจากทุกคนด้วยครับ"
สิ้นเสียงของเจป๊ากับม๊าก็ค่อยๆ ยืนขึ้นจากโต๊ะอาหาร สายตาทุกคู่มองมาอย่างชื่นชมพร้อมกับเสียงปรบมือดังเกรียวกราวนานกว่าครึ่งนาที ป๊ากับม๊าของเจยิ้มแก้มแทบปริ
"ขอบคุณทุกคนมากครับ นี่คือสิ่งที่ผมประทับใจมากตั้งแต่เข้ามาในธุรกิจนี้ ทุุกคนให้กำลังใจกัน ปรบมือให้กัน ชื่นชมกัน ช่วยเหลือกัน ถ้าตอนนี้ผมทำงานบริษัทเดิมแล้วประสบความสำเร็จ ได้เลื่อนตำแหน่ง ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีใครปรบมือให้ผมอย่างนี้หรือเปล่า หรือจะมีใครอยากรู้จักไหมว่าพ่อกับแม่ผมเป็นใคร จะมีใครปรบมือชื่นชมบุคคลสำตัญสองท่านที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผมหรือเปล่า"
"ก็...ในช่วงท้ายนี้ผมก็มีเป้าหมายที่อยากจะประกาศให้ทุกคนรู้ครับ อย่างแรก...ผมจะเป็นเพชรบริหารภายในหนึ่งปีนี้เพื่อเติมเต็มเป้าหมายที่สอง อย่างที่สอง ก็อย่างที่อาจารย์เหวินสอนไว้ว่าการตอบแทนเป็นการบ้านของชีวิต ชีวิตที่ไม่รับภาระไม่เรียกว่าชีวิต ผมอยากให้ป๊ากับม๊าหยุดทำงานหนัก มีเวลาดูแลสุขภาพให้แข็งแรง แล้วก็มีเวลามากินเที่ยวกับลูกๆ อย่างนี้ครับ ผทมอยากเห็นป๊ากับม๊ามีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่ให้มากที่สุด ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้านผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ทุกอย่างในครอบครัว ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเองครับ คิดว่าผมทำได้ไหมครับ"
เจตะโกนถามด้วยเสียงที่มีพลังในตอนท้าย มีเสียงตอบกลับมาว่าคุณทำได้พร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว
"ผมทำได้แน่นอน ขอบคุณครับ"
เจกล่าวขอบคุณแล้วก็ลงจากเวทีเพื่อให้นักธุรกิจคนต่อไปขึ้นไปกล่าวความรู้สึกบ้าง ระหว่างทางที่เดินมายังโต๊ะที่พ่อกับแม่นั่งอยู่ก็มีคนขอจับมือและถ่ายรูปมาตลอดทาง
"คุณเล็กไม่ได้มาด้วยเหรอคะคุณเจ"
เสียงพี่นักธุรกิจท่านหนึ่งร้องถาม คงจำได้ว่าเจกับเล็กคบกันจากการประกาศตัวที่เซ็นเตอร์เมื่อหลายเดือนที่แล้ว
"ไม่ได้มาด้วยครับพี่ พอดีคุณเล็กเขาสมัครหลังช่วงนับคะแนนทริปนี้ก็เลยนับคะแนนไม่ทัน"
เจหันไปตอบแล้วก็ยิ้ม กว่าจะมาถึงโต๊ะที่ครอบครัวนั่งอยู่ได้ก็ใช้เวลาพอสมควร มาถึงโต๊ะป๊ากับม๊าก็ยิ้มแป้นมองดูลูกชายด้วยสายตาที่แสนจะชื่นชม ตั้งแต่เกิดมาเจไม่เคยเห็นท่านทั้งสองยิ้มให้เจด้วยสีหน้าและแววตาอย่างนี้มาก่อนเลย
ยังหรอก...ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ก่อนจะมาเจรู้มาว่าจะมีนักธุรกิจระดับสูงท่านหนึ่งขึ้นมาพูดปิดท้ายงานวันนี้ เจจึงไปพบท่านและฝากประเด็นสำคัญให้ท่านช่วยพูดให้ในงาน ท่านก็รับปากว่าจะช่วยพูดเป็นอย่างดี
พอถึงช่วงสุดท้าย นายแพทย์นพพร มิ่งทรัพย์ นักธุรกิจยัวร์เวย์ระดับเพชรคู่ก็ขึ้นมาบนเวทีเพื่อพูดปิดท้ายงาน นักธุรกิจท่านนี้เคยเชิญเล็กไปพูดที่เซ็นเตอร์ของท่านเมื่อหลายเดือนที่แล้ว และนั่นก็เป็นเวทีแรกที่เล็กกับเจเปิดตัวว่าคบกัน หลังจากที่กล่าวปราศรัยและทักทายพอหอมปากหอมคอแล้วท่านก็เริ่มเรื่องทันที
"อาจารย์เหวิน นักธุรกิจยัวร์เวย์ระดับมงกุฏทูตชาวไต้หวันท่านเคยพูดไว้คำหนึ่งว่า พ่อแม่ที่รักลูกไม่ได้หมายความว่าลูกจะประสบความสำเร็จ แต่ลูกที่รักพ่อแม่ประสบความสำเร็จทุกคน ท่านเห็นด้วยหรือเปล่าครับ ปกติเวลาพูดบนเวทีผมก็มักจะชอบพูดเรื่องของลูกๆ ที่ส่วนมากเป็นนักธุรกิจ แต่วันนี้เห็นมีพ่อแม่เยอะก็เลยอยากจะพูดในฐานะที่เป็นตัวแทนของพ่อแม่บ้าง"
"ถ้าท่านเป็นพ่อแม่ ท่านอยากมีลูกแบบไหนครับ ก็ต้องเป็นลูกที่กตัญญูใช่หรือเปล่าครับ แล้วลูกที่กตัญญูในสมัยหาง่ายหรือยาก ยากใช่ไหมครับ แล้วลูกๆ ที่พาท่านมาเที่ยวในวันนี้ ออกเงินออกทองให้ทุกอย่าง โอเคมียัวร์เวย์ออกให้ส่วนหนึ่ง แต่ก็เชื่อว่าลูกๆ ของท่านจ่ายเงินไปไม่น้อย ลูกๆ เหล่านี้พอจะเรียกว่าเป็นลูกกตัญญูได้ไหมครับ ได้ใช่ไหมครับ ลูกประสบความสำเร็จขนาดนี้ ดูแลครอบครัวได้ขนาดนี้ คนเป็นพ่อเป็นแม่หมดห่วงได้หรือยังครับ หมดห่วงได้แล้วใช่ไหมครับ ไม่มีอะไรน่าห่วงเลย ท่านต้องภูมิใจในตัวของลูกท่านให้มากๆ เพราะเขาเหล่านี้ไม่ได้รักพ่อแม่แค่บอกว่ารักพ่อนะ รักแม่นะ เพราะว่าความรักต้องเป็นคำกริยา ใครๆ ก็บอกรักพ่อรักแม่ได้ แต่วันนี้ลูกๆ ของท่านบอกว่ารักท่านด้วยการพามาเที่ยวที่นี่ บางคนบอกจะรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายในบ้านแทนพ่อกับแม่ที่ทำงานมาเหนื่อยทั้งชีวิตแล้ว นี่แหละคือความรักที่เป็นคำกริยา นี่แหละที่เขาเรียกกันว่าอภิชาติบุตร ปรบมือให้ลูกๆ ที่เป็นอภิชาติบุตรของท่านด้วยครับ"
"เมื่อหลายเดือนก่อนมีนักธุรกิจท่านหนึ่ง ประสบความสำเร็จระดับสูงแล้วล่ะ เขามาปรึกษากับผมว่าเขาเป็นเกย์ แต่พ่อแม่ที่บ้านก็ยังยอมรับไม่ได้ พยายามจะหาเมียให้ลูกชายใหญ่เลย อยากให้ผมช่วยคุยกับพ่อกับแม่ให้หน่อยเพราะไม่รู้ว่าจะคุยยังไงแล้ว วันหนึ่งผมก็เลยได้มีโอกาสไปบ้านนักธุรกิจคนนี้และได้คุยกับพ่อกับแม่ของท่านด้วย ผมไม่เล่าละกันนะครับว่าคุยอะไรกันไปบ้าง แต่อยากจะสรุปให้ฟังเป็นสาระสำคัญๆ อย่างนี้ครับ"
"สมมติว่าท่านมีลูกชายเป็นเกย์ ลูกชายเป็นเกย์เป็นปัญหาของใครครับ เป็นของพ่อแม่หรือเปล่า หรือเป็นปัญหาของลูก ใช่ครับ เป็นปัญหาของลูก เพราะพ่อแม่ไม่ได้เป็นด้วย แล้วปัญหาของพ่อแม่คืออะไร กลัวลูกอายเพื่อน กลัวลูกไม่ได้รับการยอมรับ กลัวไม่มีลูกหลานสืบสกุล กลัวไปสารพัดอย่าง ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเยอะไปหมดเลย แล้วปัญหาเหล่านี้แก้ได้หรือเปล่าครับ ท่านที่ทำธุรกิจก็คงทราบดี ต่อให้ท่านไม่ต้องเป็นเกย์ พอท่านทำธุรกิจก็อาจจะถูกเพื่อนล้อ หัวเราะเยาะ หาว่าท่านบ้าหรือโง่ที่ถูกหลอก แล้วท่านผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ไหมครับ ท่านก็ผ่านมาได้ พ่อแม่บางคนก็ไม่เข้าใจลูก ห้ามลูกสารพัด บางคนถึงกับไล่ลูกออกจากบ้าน ท่านนักธุรกิจหลายคนก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แสดงว่าปัญหาทุกอย่างแก้ได้ ผ่านได้ ถ้าท่านอดทนและพิสูจน์คุณค่าในตัวของท่านเองได้มากพอ แล้วเหตุใดเราที่เป็นพ่อแม่ถึงกลัวลูกจะไม่ได้รับการยอมรับล่ะครับ การไม่ได้รับการยอมรับไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นอะไร มันอยู่ที่คุณค่าครับ เหมือนกับคุณค่าที่ลูกๆ ของท่านทำให้ท่านในวันนี้ไงครับ วันนี้ใครจะมาล้อว่าลูกชายของท่านเป็นเกย์ ใช่ครับ เป็นเกย์แล้วยังไงล่ะครับ คนที่ล้อพาพ่อแม่มาเที่ยวได้อย่างนี้หรือเปล่า รับภาระให้ครอบครัวได้อย่างนี้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ ท่านก็ไม่มีสิทธิ์มาล้อเลียนหรอกครับ"
"ปัญหานี้เป็นปัญหาของลูกก็จริง แต่เป็นปัญหาที่แก้ได้ ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ จะโทษใครล่ะครับ ถ้าเป็นผม ผมก็คงโทษตัวเองที่ผมสอนลูกไม่ดีจนเขาแก้ปัญหาในชีวิตไม่เป็น อย่าไปโทษลูกครับ เราต้องโทษเราที่เป็นคนเลี้ยงดูและสอนเขามาตั้งแต่เกิด แล้วถ้าเราเข้าไปแก้ปัญหาแทน คิดแทนลูก วันหนึ่งเราไม่อยู่แล้วใครจะมาช่วยลูกเราแก้ปัญหาล่ะครับ แล้วท่านแน่ใจหรือเปล่าว่าท่านแก้ปัญหาให้ลูกได้ถูกวิธีแล้ว ท่านแน่ใจหรือเปล่าว่าการบังคับให้ลูกแต่งงานเป็นการแก้ปัญหาไม่ใช่สร้างปัญหาเพิ่ม สุดท้ายแล้วลูกของท่านก็จะต้องเป็นในสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา เป็นเกย์ไม่ใช่ว่ากินยาแล้วก็หาย ท่านเปลี่ยนสิ่งนี้ไม่ได้ ้ถ้าลูกท่านไม่มีปัญหากับเรื่องนี้แล้วแต่พ่อแม่ยังมีปัญหาอยู่ ก็คงต้องถามแล้วล่ะครับตกลงใครกันแน่ที่ยังไม่รู้จักโต"
"ผมพูดเรื่องนี้ทำไมครับ วันนี้ผมอยากจะชวนท่านมาช่วยกันคิดว่าหน้าที่ของพ่อแม่คืออะไร นกสอนลูกให้บินได้แล้วก็ถือว่าหมดหน้าที่ตามธรรมชาติ ไม่ว่าพ่อแม่นกจะรักลูกขนาดไหนลูกก็ต้องบินหาอาหารเองเมื่อโตขึ้น นกได้สอนให้เราเห็นว่าหน้าที่ของพ่อแม่ก็คือสนับสนุนลูกให้ลูกอยู่ได้ด้วยตัวเอง ในชีวิตที่เขาเป็นคนเลือก ท่านบินแทนลูกไม่ได้นะครับ ท่านต้องสอนให้เขาบินเอง เมื่อเขาบินได้แล้วเขาก็จะเลี้ยงตัวเองได้ ตอบแทนพ่อแม่ได้ สมมติว่าท่านเป็นพ่อแม่ที่ลูกทำธุรกิจยัวร์เวย์ซึ่งเป็นอาชีพสุจริต แทนที่ท่านจะมัวแต่มาคิดว่าจะกีดกันลูกยังไง ทำไมเราถึงไม่สนับสนุนลูกล่ะครับ เช่น ตั้งใจใช้สินค้าที่ลูกๆ ซื้อมาให้ใช้ ดูแลสุขภาพของท่านด้วยสินค้าของลูกๆ จนท่านมีสุขภาพดี เป็นพรีเซนเตอร์ให้ลูกท่านได้อีกต่างหาก ถ้าท่านเป็นห่วงลูกที่ไปเซ็นเตอร์บ่อยๆ ก็ลองมากับลูกดูสิครับ มาดูให้เห็นกับตา ท่านจะได้สบายใจ ท่านจะได้รู้ว่าต่อไปจะสนับสนุนลูกของท่านได้ยังไง"
"ผมอยากให้พ่อกับแม่ที่อยู่ตรงนี้เชื่อมั่นว่า...ลูกๆ ของท่านประสบความสำเร็จในชีวิตขนาดนี้แล้ว ผ่านปัญหาอุปสรรคมาเยอะแล้ว จิตใจแข็งแกร่งแล้ว มีวิธีคิดของคนสำเร็จแล้ว พิสูจน์ตัวเองมามากพอแล้ว ท่านหมดห่วงได้แล้วครับ ไม่ว่าลูกๆ ของท่านจะเป็นอะไรก็ปล่อยให้เขาเป็นไปเถอะ ท่านมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจนี้สอนให้เขาเป็นคนดีแน่นอน ถ้าจะเจอปัญหาบ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้ท่านเชื่อว่าลูกท่านแก้ปัญหาได้เพราะเขาผ่านเรื่องยากๆ มาหมดแล้ว อีกอย่าง...มีปัญหาอะไรพวกเราที่นี่ก็ช่วยกันแก้ได้ ช่วยกันหาทางออกให้ได้ ไม่มีอะไรที่ท่านต้องกลัวหรือต้องห่วงอีกแล้วครับ เพราะฉะนั้น พ่อแม่ทั้งหลาย เรามาช่วยกันเป็นผู้สนับสนุนลูกที่ดีกันเถอะนะครับ ดีไหมครับ"
สิ้นเสียงของท่านแล้วเสียงปรบมือและโห่ร้องก็ดังสนั่นหวั่นไหว สำหรับคนภายนอกแล้วคงมีคำถามมากมายว่าคนเหล่านี้เป็นบ้าอะไรถึงชอบปรบมือ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่ไหนก็ปรบมือและตื่นเต้นไปหมด แต่นี่แหละคือเคล็ดลับของการประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งล่ะ
ป๊ากับม๊าของเจก็ปรบมือด้วยเช่นกัน ตอนที่คุณหมอพูดอยู่บนเวทีก็ตั้งใจฟังตาแทบไม่กะพริบราวกับจะฟังทุกคำพูดให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เจนั่งอยู่ข้างๆ ก็คอยแอบสังเกตและลุ้นอยู่ตลอดว่าป๊ากับม๊าจะมีท่าทีกับสิ่งที่คุณหมอพูดยังไง เห็นป๊ากับม๊ายิ้มแล้วเจก็ใจชื้นมากทีเดียว
เจ พี่สาว ป๊ากับม๊านั่งมองหน้ากันไปมาอยู่สักพักหลังจากที่เสียงปรบมือซาลงไป ต่างคนต่างก็ไม่แน่ใจว่าใครควรจะพูดก่อนกัน จนในที่สุดป๊าของเจก็ตัดสินใจพูดเป็นคนแรก
"เจ...ป๊ากับม๊า...ภูมิใจในตัวลูกมากนะลูก ต่อไปนี้...ไม่มีอะไรที่ป๊ากับม๊าต้องห่วงอีกแล้ว ป๊ากับม๊าหมดห่วงแล้วล่ะ" ป๊าพูดพลางส่งยิ้มให้ลูกชาย
"กลับประเทศไทยแล้ว ป๊ากับม๊าจะทำงานน้อยลงนะลูก แล้วก็...อยากจะไปเซ็นเตอร์กับเจดูบ้าง"
ฟังป๊าพูดถึงตรงนี้แล้วเจก็ยิ้มดีใจ "ได้เลยครับป๊า ม๊ากับเจ๊เจอยากไปด้วยหรือเปล่าครับ"
ม๊าและพี่สาวพยักหน้าพร้อมกัน แล้วทุกคนก็หันไปมองป๊าที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อ
"แล้วก็...เจอย่าลืมพาคุณเล็กมาที่บ้านเราบ่อยๆ ด้วยนะลูก"
"ป๊า..." เจอุทานอย่างประหลาดใจ "ป๊าหมายความว่า..."
ป๊าหันไปมองภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็ยิ้มให้กัน ก่อนจะหันมามองลูกชายอีกครั้ง
"เจเข้าใจว่ายังไง ป๊ากับม๊าก็หมายความว่าอย่างงั้นแหละลูก"
"ป๊า..."
ป๊าของเจยืนขึ้น เจโผเข้ากอดป๊าทันทีด้วยความดีใจและตื้นตันใจสุดชีวิต ่
"ผมรักป๊าครับ ขอบคุณป๊ามากนะครับที่เข้าใจผม" เจพูดพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย ดีใจจนไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้เลย
คนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้เคียงต่างก็ตกใจกันใหญ่และมองมาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาก้าวก่าย เจกลัวม๊าน้อยใจก็เลยเดินไปกอดม๊าที่ยืนรออยู่อีกคน
"ผมรักม๊านะครับ ขอบคุณม๊ามากๆ ขอบคุณที่เข้าใจผมกับคุณเล็ก"
คนเป็นแม่กอดแล้วก็ลูบหลังลูกชายเบาๆ อดร้องไห้ไปกับลูกด้วยไม่ได้ สิ่งที่คุณหมอพูดบนเวทีได้เปิดใจของพ่อกับแม่จนเจแทบไม่ต้องพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว กอดม๊าแล้วเจก็เดินไปกอดพี่สาวบ้าง ป๊ากับม๊าเห็นสองพี่น้องรักใคร่กันก็ยิ่งรู้สึกหมดห่วง วันที่ท่านทั้งสองจากลาโลกนี้ไปแล้วก็มั่นใจได้เลยว่าเจจะคอยดูแลพี่สาวเป็นอย่างดีอย่างแน่นอน
คุณหมอนพพรมองดูอยู่นานแล้วก็เดินมาที่โต๊ะของเจเพื่อพูดคุยด้วย ท่านคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงมาช่วยสำทับให้อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าใครมาหา ป๊าของเจก็เชิญคุณหมอนั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วย
"คุณเจเป็นลูกที่ประเสิรฐมากนะครับ ป๊ากับม๊าโชคดีมากครับที่มีลูกอย่างคุณเจ พ่อแม่หลายคนไม่โชคดีอย่างนี้หรอก ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงแล้วนะครับ ปัญหาที่จะตามมาหลังจากนี้ ป๊ากับม๊าเชื่อคุณเจได้เลยครับว่าแก้ได้ เรื่องเล็กน้อยใช่ไหมครับคุณเจ"
คุณหมอหันไปถามเจแล้วก็ยิ้ม
"ครับคุณหมอ"
"ขอบคุณคุณหมอมากๆ ครับที่ช่วยเปิดปัญญาให้ผมกับเมีย ไม่อย่างงั้นแล้วผมก็คิดไม่ออกจริงๆ ครับ กังวลแทนลูกไปหมดเลย แต่ตอนนี้...ผมเชื่อใจลูก เชื่อว่าเขาอยู่ได้แน่นอนครับ ไม่มีอะไรที่ผมกับเมียต้องห่วงอีกแล้ว"
ป๊าของเจบอกอย่างอารมณ์ดี ได้ฟังแล้วเจก็อดนึกถึงอีกคนที่รออยู่ที่ประเทศไทยไม่ได้ ถ้าเล็กรู้เรื่องนี้คงต้องดีใจมากๆ คิดแล้วเจก็อยากกลับโรงแรมไวๆ จะไดใช้ไวไฟแล้วไลน์ไปบอกข่าวดีกับเล็กไวๆ
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
หนี่งปีผ่านไป เจกับเล็กแต่งงานพร้อมกับจดทะเบียนสมรสกันแล้วตามกฏหมายใหม่ของประเทศไทยที่อนุญาตให้คนเพศเดียวกันสมรสกันได้ นับว่าเป็นข่าวดีมากทีเดียว ป๊ากับม๊าของเจขายกิจการร้านอะไรไหล่รถยนต์ไปแล้ว ได้เงินมาเยอะพอสมควร เจกับเล็กจึงมีแผนจะสร้างบ้านใหม่แล้วให้สองครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน เลือกทำเลนอกๆ เมืองหน่อยจะได้อากาศดี แม่ของเล็กจะได้อยากมาอยู่ด้วยเพราะไม่ชอบอยู่ในเมืองอย่างที่เล็กอยู่
บริษัทยัวร์เวย์ส่งจดหมายมาแจ้งข่าวดีด้วยว่าสามารถรวมสายงานของเล็กกับเจให้เป็นรหัสเดียวกันได้แล้ว เมื่อกฎหมายให้เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสกันได้การรวมรหัสจึงไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เล็กกับเจจึงเป็นคู่รักชาย-ชายคู่แรกของโลกที่สามารถรวมรหัสกันได้ เจมีหกสายงาน เล็กมีเจ็ดสายงาน เมื่อรวมสายกันแล้วจึงเป็นสิบสองสายงานพอดี ต้องตัดออกไปหนึ่งสายเพราะเล็กเป็นสายหนึ่งสายของเจอยู่แล้ว เล็กกับเจจึงกลายเป็นนักธุรกิจยัวร์เวย์ระดับเพชรคู่ มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่าห้าแสนบาท จากการทำงานที่มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องจึงมีโอกาสสูงที่จะก้าวไปสู่การเป็นนักธุรกิจยัวร์เวย์ระดับมงกุฏทูตที่มียี่สิบสายงานต่อไป
นอกจากธุรกิจในประเทศไทยแล้ว เล็กกับเจย์ยังมีธุรกิจที่อังกฤษ อเมริกา เวียดนาม ออสเตรเลียและอินเดีย เล็กกับเจจึงเดินทางไปทั่วโลกเพื่อท่องเที่ยวและสร้างธุรกิจให้เติบโต มีโอกาสขึ้นพูดในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายๆ ประเทศและหลายๆ โอกาสอย่างที่ฝันไว้ว่าจะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่มีความหวังและความฝัน บางโอกาสเจกับเล็กก็จะพาครอบครัวไปเที่ยวด้วย อย่างน้อยก็ปีละสองครั้ง ส่วนมากจะเที่ยวในแถบเอเชียเพราะบรรดาพ่อแม่ก็อายุมากแล้ว สู้อากาศหนาวแถวยุโรปไม่ไหว แต่ถึงกระนั้นก็ได้ไปเหยียบสวิสเซอร์แลนด์ดินแดนแห่งสวรรค์มาแล้ว คุยให้ญาติๆ และคนแถวบ้านฟังได้ไปหลายเดือน
ดาวน์ไลน์ของเล็กและเจหลายคนก็เติบโตมากขึ้น เซ็นเตอร์มีคนมาใช้บริการมากขึ้นจนต้องเพิ่มวันเป็นสามวัน พร้อมกับจัดคอร์สพิเศษอีกหลายรายการเพื่อส่งเสริมให้แต่ละคนเติบโต มีการจัดแคมป์ที่ต่างจัดหวัดด้วยทุกๆ สามเดือน
จิ๊ดเป็นไพลิน ไม่ทำงานประจำและกลับไปอยู่บ้านที่สิงห์บุรีกับแม่ อีกไม่นานก็จะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา คุณสนิท น้ำฝนและอาร์ตเป็นมรกต พี่ประสิทธิ์ พี่สมานและบีเขยิบขึ้นมาเป็นเพชร นอกจากนั้นก็ยังมีสายงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วยอีกหลายสายงาน สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ น้ำฝนกับอาร์ตเป็นแฟนกันไปเสียแล้ว แม้ว่าอาร์ตจะอายุน้อยกว่าแต่น้ำฝนก็ชอบความเป็นผู้ใหญ่ที่เกินตัวของอาร์ตมากทีเดียว
ส่วนงานในวงการบันเทิงนั้น เล็กรับเล่นละครปีละเรื่องเท่านั้น นอกนั้นก็มีไปโผล่ตามรายการทอล์กโชว์หรือเกมโชว์ต่างๆ บ้างเล็กน้อย ส่วนงานอีเวนต์ เล็กจะเลือกรับงานที่เป็นการกุศลเป็นส่วนใหญ่ จบงานแล้วก็จะบริจาคค่าตัวกลับทุกครั้ง
มีหลายรายการพยายามติดต่อให้เล็กกับเจไปออกรายการด้วยกัน ที่ผ่านมาเล็กก็พยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเล็กกับเจก็คิดว่าพร้อมแล้ว รายการที่เลือกจะไปออกนั้นก็คือรายการ "อู๊ดดี้เกิดมาคยคุ้ยคุย" เล็กสนิทกับพิธีกรรายการที่ค่อนข้างปากจัดอยู่บ้าง ที่ตัดสินใจไปรายการนี้เพราะเล็กคิดว่าการถามอย่างตรงไปตรงมาน่าจะช่วยให้คนเข้าใจประเด็นที่ต้องการสื่อสารได้มากกว่า
ตอนนี้บ้านหลังใหม่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ช่วงปีสองปีมานี้เจจะอยู่บ้านเล็กเป็นหลัก ให้พี่สาวคอยดูแลป๊ากับม๊าที่บ้านหลังเดิม เจเองก็ไปๆ มาๆ ที่บ้านของตัวเองกับบ้านของเล็กอย่างสม่ำเสมอ
ช่วงนี้เล็กกับเจมีงานใหญ่ต้องเตรียมตัวสองงาน งานแรกก็คืองานไปออกรายการทีวีด้วยกัน งานที่สองเป็นงานประกาศเกียรติคุณนักธุรกิจยัวร์เวย์ระดับเพชรคู่ที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่เมืองทองธานีในเดือนหน้านี้ พออยู่บ้านด้วยกันสองหนุ่มจึงช่วยกันคิดและวางแผนว่าจะพูดอะไรช่วงไหนกันบ้าง มีประเด็นอะไรที่อยากนำเสนอเป็นพิเศษ เพื่อให้งานทั้งสองงานนั้นสร้างคุณค่าและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนให้ได้มากที่สุด
ก็คงต้องมาลุ้นกันแล้วล่ะว่าเล็กกับเจจะพูดอะไรกันบ้างในสองงานนี้ แต่ถ้าร่วมแรงแข็งขันกันดีขนาดนี้แล้วก็คงเชื่อขนมกินได้ว่าผ่านฉลุยอย่างแน่นอน
จบ 2ความหวานจะมาตอนหน้านะครับขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน