▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓  (อ่าน 193520 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 04: กุหลาบช่อแรกและคู่จิ้นวันวาเลนไทน์


13 กุมภาพันธ์ก่อนถึงวันวาเลนไทน์ เด็กนักเรียนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวดูจะคึกคักเป็นพิเศษ ต้น สน ป้อง ซีลและเพื่อนๆ ผู้ชายอีกหลายคนนัดกันไว้ว่าจะไปซื้อดอกกุหลาบที่ตัวจังหวัดตอนเย็นๆ หลังจากเลิกเรียน

พอได้เวลาแล้วหนุ่มๆ ก็มาเจอกันตรงท่ารถในตลาดที่จะมีรถสองแถวคอยวิ่งให้บริการเข้าตัวเมืองอยู่เป็นระยะๆ รถที่ให้บริการจะมีไปจนถึงสองทุ่ม เพราะฉะนั้น หนุ่มน้อยทั้งหลายจะต้องทำเวลาพอสมควรเพราะไหนจะต้องแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ไหนจะต้องไปซื้อดอกกุหลาบที่เป็นภาระกิจหลักด้วยอีก ถ้าช้าเกินไปก็อาจจะไม่มีรถกลับบ้าน

รถสองแถวมาถึงแล้ว หนุ่มๆ ต่างก็รีบขึ้นไปจับจองที่นั่ง ไม่นานนักผู้โดยสารก็เต็มรถเพราะมีเด็กนักเรียนหลายคนที่ต้องการไปซื้อดอกกุหลาบในตัวเมืองเช่นกัน ดูเหมือนวันนี้จะมีคนใช้บริการรถสองแถวมากเป็นพิเศษ

รถใช้เวลาวิ่งเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงตลาดในตัวจังหวัด หนุ่มๆ ต่างไม่รอช้า มาถึงก็ตรงรี่ไปยังบริเวณที่ขายดอกกุหลาบทันที ดูเหมือนว่าพ่อค้าแม่ค้าจะรู้กันดีอยู่แล้วจึงได้เตรียมดอกไม้ไว้ขายจำนวนมากกว่าปกติ

"เฮ้ยสน มึงซื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย โห...นี่มึงจะเอาไปให้สาวทั้งโรงเรียนเลยหรือไงวะ" ป้องเดินมาแซวเมื่อเห็นต้นช่วยสนเลือกดอกกุหลาบไว้หลายดอก ของต้นก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับของสน

"เออดิ...ไมล่ะ อิจฉาเหรอ" สนตอบกวนๆ กลับไป

"อิจฉาตายล่ะ" ป้องพูดระคนขำ

"เฮ้ยสน นอกจากซื้อดอกกุหลาบให้สาวๆ แล้ว มึงไม่คิดจะซื้อดอกกุหลาบให้คนที่พิเศษกว่าสาวๆ พวกนั้นหน่อยเหรอวะ" ซีลเดินเข้ามาถามบ้างหลังจากที่เลือกดอกกุหลาบได้จำนวนหนึ่ง

"หมายถึงใครวะ กูก็จะซื้อให้ครูกับพ่อแม่ด้วยอยู่แล้วนี่" สนถามอย่างงงๆ

ต้นเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ในใจก็ได้แต่หวังว่าซีลคงจะไม่เผลอพูดเรื่องที่สัญญากันไว้วันนั้นออกมาเสียล่ะ

"ไม่ใช่ กูไม่ได้หมายความว่าอยางงั้น อะไรวะไอ้สน คนสำคัญขนาดนี้มึงยังไม่รู้อีกเหรอวะ"

ซีลพูดพลางส่ายหน้าเหมือนกับระอาเต็มทีที่สนไม่รู้เรื่องเลย แต่พอเห็นสายตาของต้นที่คอยจ้องมอง ซีลจึงรู้ตัวว่าควรจะต้องระวังคำพูดของตัวเองมากกว่านี้

"พูดอะไรของมึงวะไอ้ซีล กูจะรู้เรื่องกับมึงไหม" สนว่าแล้วก็หันมาสนใจกับการเลือกดอกไม้ต่อ

"นายไม่เจอดอกกุหลาบสีเหลืองเลยเหรอต้น" สนหันไปถามเพื่อนรัก

"ยังเลย เราลองไปหาร้านอื่นดูไหม" ต้นรีบเสนอ เพราะถ้าขืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ซีลอาจจะยิ่งพูดให้สนสงสัยสิ่งที่ไม่ควรจะรู้มากยิ่งขึ้น

"ก็ดีเหมือนกัน"

ว่าแล้วสนก็พาต้นเดินหายไป ป้องกับซีลมองตามแล้วก็หันหน้ามามองกันเอง

"สงสารต้นว่ะ" ซีลพูดกับเพื่อนอีกคนเบาๆ

"สงสารทำไมวะ" ป้องถามอย่างงงๆ

"อ๋อ...เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก กูสงสารไอ้ต้นเฉยๆ เห็นมันคอยเลือกดอกไม้ให้ไอ้สนไง ไม่รู้จะบริการอะไรมันนักหนา ให้ไอ้สนมันเลือกเองก็ได้"

ซีลรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน ดีที่ไม่เผลอพูดไป ป้องมันยิ่งไม่ค่อยชอบเกย์อยู่ด้วย

"อ้าว ก็เขาเป็นเพื่อนรักกันนี่หว่า อิจฉาสนหรือไงล่ะที่มีเพื่อนดีๆ แบบต้น"

"เออๆ รีบๆ ไปซื้อดอกกุหลาบต่อเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันรถ"

ซีลรีบตัดบทเพราะกลัวคุยไปคุยมาแล้วอาจจะเผลอเสียคำสัญญาที่ให้ไว้กับต้นจนได้

 

บรรยากาศวันวาเลนไทน์ในโรงเรียนดูคึกคักไม่น้อยเลยทีเดียว เด็กนักเรียนเดินว่อนกันไปมาทั่วโรงเรียนเพื่อนำดอกไม้ไปมอบให้กับคนที่ตัวเองชอบ รวมถึงครูบาอาจารย์ที่คอยสอนสั่งด้วย ช่วงเช้าจึงไม่มีการเรียนการสอนไปโดยปริยาย

อีกมุมหนึ่งของโรงเรียน สนรวบรวมความกล้าที่พอจะมีอยู่ เดินดุ่มๆ พร้อมกับดอกกุหลาบสีเหลืองในมือเข้าไปหาจอยที่กำลังเดินมาพร้อมกับเพื่อนสาวสามสี่คนแถวๆ ห้องสมุด เมื่อจอยเห็นสนเดินมาอยู่ตรงหน้าพร้อมดอกกุหลาบสีเหลืองหนึ่งดอก เธอก็มองอย่างแปลกใจ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าสนน่าจะมาทำไมเพราะหลังๆ มานี้สนดูเหมือนจะมาขายขนมจีบให้เธออยู่บ่อยๆ จนเพื่อนๆ เริ่มแซวกันแล้ว

พอเดินมาถึงตัว สนก็ยื่นดอกกุหลาบดอกนั้นให้อย่างบรรจง แม้จะประหม่าแต่ก็ยิ้มอยู่ในที

"ให้เราเหรอ" จอยถามยิ้มๆ ในมือของเธอมีดอกกุหลาบหลากสีที่เธอได้มาจากหนุ่มๆ เมื่อเช้านี้หลายดอก

"อืม..." สนบอก เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่สาวที่ตัวเองชอบจะรับดอกกุหลาบไปเสียที

เพื่อนๆ ของจอยทำเสียงวี้ดว้ายกันใหญ่ราวกับว่าเป็นคนที่ได้รับดอกไม้จากสนเสียเอง

"รู้ได้ไงว่าเราชอบดอกกุหลาบสีเหลือง"

จอยถามไปอย่างนั้นเองแหละ ความจริงเธอก็รู้อยู่แล้วว่าทำไมสนถึงรู้เรื่องนี้ ในมือของเธอไม่มีดอกกุหลาบสีนี้เลย สนเป็นคนแรกที่มอบดอกกุหลาบสีเหลืองให้เธอ

"อ๋อ...คือ..."

สนมีท่าทางเขินอายและประหม่า จะบอกไปตามตรงก็กลัวจอยจะมองว่าไม่มีชั้นเชิงเอาเสียเลย

"ไม่เป็นไรหรอก จอยไม่อยากรู้ ขอบคุณนะ" จอยบอกพลางรับดอกไม้มา

"แต่ว่า..."

จอยหยุดเว้นจังหวะ ทำให้สนหยุดชะงักคอยฟังด้วยความสนใจ

"ดอกกุหลาบดอกนี้ไม่น่าจะเป็นของจอยนะ มันน่าจะเป็นของคนๆ หนึ่งมากกว่า"

"จอยหมายถึงใครเหรอ ก็เราชอบจอบ จะให้เราเอาดอกกุหลาบดอกนี้ไปให้ใครอีกล่ะ เราตั้งใจซื้อมาให้จอยโดยเฉพาะเลยนะ"

สนถามด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ จากที่เขินๆ อยู่เมื่อสักครู่นี้เขาก็เริ่มหน้าเสีย

"ไม่เป็นไรหรอก อย่ารู้เลย ขอบคุณสำหรับดอกกุหลาบนะ" จอยยิ้มหวานเพื่อแสดงความขอบคุณ

"เราไปก่อนนะ"

ว่าแล้วจอยก็รีบพาเพื่อนๆ เดินจากไป สนมองตามอย่างไม่เข้าใจนัก พยายามตามจีบจอยมาสักพักแล้ว แต่ดูเหมือนจอยจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ที่สำคัญ จอยมักจะมีคำพูดแปลกๆ แบบนี้เสมอ

ที่จอยบอกว่าดอกไม้ดอกนี้ไม่ควรจะเป็นของจอย แต่น่าจะเป็นของคนๆ หนึ่ง จอยหมายถึงใครกันนะ สนควรจะต้องถามจอยให้เข้าใจไปเลยดีไหม หรือว่าจริงๆ แล้วที่จอยพูดแบบนั้นเพียงเพราะต้องการบอกปฏิเสธเป็นนัยๆ ว่าเธอไม่ชอบสน

พอหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ สุดท้ายสนก็เลือกที่จะไปถามจอยตรงๆ เลยดีกว่า ไม่อยากปล่อยให้ค้างคาใจอยู่อย่างนี้ ถ้าเกิดจอยไม่ชอบหรือมีคนอื่นที่จอยชอบอยู่แล้ว สนจะได้รู้ว่าตัวเองจะต้องทำตัวอย่างไร

 

"ต้น...อยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน"

"อ้าวจอย"

ต้นเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่แล้วก็ยิ้มให้เพื่อนที่เดินเข้ามาหา จอยนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามกับเพื่อน เห็นต้นทำหน้าเศร้าๆ แล้วก็อดสงสารไม่ได้

"ทำไมมาหลบอยู่ที่ห้องสมุดคนเดียวล่ะ"

"ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมาอ่านหนังสือเฉยๆ"

"แล้วนี่...วันนี้ต้นไม่ได้ดอกกุหลาบเลยสักดอกเหรอ" จอยถามอย่างแปลกใจ

นั่นแหละคือสาเหตุที่ต้นต้องมาหลบอยู่ในห้องสมุด เมื่อเช้าต้นเอาดอกกุหลาบไปให้ครูทุกคนที่เคยสอนต้นแล้วก็รีบมาที่ห้องสมุดเลยเพราะไม่อยากมีส่วนร่วมกับการให้หรือรับดอกไม้มากนัก ต้นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะรับดอกไม้จากผู้หญิงที่มาชอบ ที่สำคัญ ตัวเองก็ไม่รู้จะเอาดอกไม้ไปให้ใครด้วยนอกจากครูและพ่อกับแม่

"ไม่เป็นไรหรอก เราเอาดอกไม้ไปให้ครูก็พอแล้ว" ต้นบอกพลางยิ้มเจื่อนๆ แววตายังคงฉายแววเศร้าอยู่

"อะ...จอยว่า...กุหลาบดอกนี้ควรจะเป็นของต้น"

จอยพูดพลางส่งดอกกุหลาบสีเหลืองที่สนเพิ่งให้เธอมาเมื่อสักครู่นี้ให้ต้น ต้นจำดอกกุหลาบดอกนี้ได้ดีทีเดียวเพราะเป็นคนเลือกให้สนเองกับมือ

"ทำไมล่ะจอย สนเขาให้จอยไม่ใช่เหรอ แล้วจอยจะเอามาให้เราทำไม" ต้นมองเพื่อนอย่างแปลกใจและไม่เข้าใจ

"ก็นั่นแหละ ยังไงจอยก็คิดว่ากุหลาบดอกนี้มันควรจะเป็นของต้น รับไปสิ" จอยยังคงยืนกรานเหมือนเดิม

"อย่าดีกว่าจอย เรากลัวสนจะเสียใจน่ะ"

"แล้วทำไมต้นถึงกลัวสนจะเสียใจขนาดนั้นล่ะ สนไม่เห็นกลัวว่าต้นจะเสียใจมั่งเลย ใครๆ ก็รู้ว่าต้นน่ะดีกับสนขนาดไหน ดอกไม้สักดอกสนยังไม่เคยคิดจะซื้อให้ มีแต่เอาไปให้สาวๆ จะรักกันจริงแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย แต่เพื่อนที่ดีๆ อย่างต้น สนกลับไม่คิดถึง ถ้าจอยเป็นสนแล้วมีเพื่อนดีๆ อย่างต้นนะ จอยจะซื้อให้ปีละร้อยดอกไปเลย"

สิ่งที่เพื่อนพูดทำให้ต้นถึงกับสะอึกจนพูดไม่ออก แม้ว่าต้นจะไม่เคยคิดอย่างนั้น ไม่เคยคิดจะเรียกร้องเอาอะไรจากเพื่อน แต่ถ้าสนทำอย่างที่จอยบอกบ้าง ต้นก็คงดีใจไม่น้อยเลยล่ะ แต่ถึงสนไม่ทำก็คงไม่ได้แปลว่าสนไม่สนใจหรือห่วงใยหรอก ต้นรู้ดีว่าสนไม่เคยคิดอย่างนั้น

"ก็เรากับสนเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องให้ดอกไม้กันก็ได้" ต้นแก้ตัวแทนเพื่อน

"เอาเหอะ ยังไงก็แล้วแต่...วันพิเศษแบบนี้ สนก็ควรจะคิดถึงเพื่อนรักของตัวเองบ้าง ไม่ใช่คิดถึงแต่สาวๆ จอยยังเอาดอกไม้ไปให้เพื่อนๆ ในห้องเลย"

จอยแย้งแล้วก็วางดอกไม้ลงบนโต๊ะตรงหน้าต้น

"ต้นรับไว้เถอะ มันควรจะเป็นของต้น ไม่ใช่ของจอย"

แล้วจอยก็เดินออกไปจากห้องสมุดเสียอย่างนั้น ปล่อยให้ต้นนั่งงงอยู่คนเดียว ต้นมองดอกไม้บนโต๊ะด้วยความรู้สึกยากที่จะบอก ถ้าเกิดว่ารับมาแล้วสนมาเห็นเข้า สนคงจะเสียใจไม่น้อยเลย แต่จะทิ้งไปเลยก็รู้สึกไม่ดีเพราะต้นรู้ว่าสนตั้งใจซื้อมาให้สาวที่ตัวเองชอบ ถ้าจอยไม่อยากได้ก็ควรจะเอาไปคืนสนเสียเองหรือไม่ก็ทิ้งไปดีกว่า ทำไมจะต้องเอามาส่งต่อให้ต้นด้วย แถมยังบอกอีกว่ามันควรจะเป็นของต้น ทำไมกุหลาบดอกนี้ต้องเป็นของต้นด้วยเล่า

ต้นชักสังหรณ์ใจ หรือว่า...จอยจะเป็นอีกคนที่รู้เรื่องนั้นเหมือนที่ซีลรู้ เพราะสิ่งที่จอยพูดมันฟังดูแปลกๆ โธ่...อย่างนี้แล้วต้นจะต้องคอยระวังตัวอีกมากสักแค่ไหนกัน ยิ่งมีคนรู้มากขึ้นก็ยิ่งเสี่ยงที่ความลับที่ต้นปิดไว้จะถูกเปิดเผย

เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร ต้นก็จำใจต้องหยิบดอกกุหลาบนั้นมาเก็บไว้ แล้วก็เผลอคิดไปว่า ถ้าสนให้ดอกไม้ดอกนี้กับต้น ต้นคงจะดีใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็คงได้แค่คิดล่ะนะ วาเลนไทน์ผ่านมาหลายรอบแล้วต้นก็ยังไม่เคยได้จากสนเลย แต่จะว่าไปแล้ว ตนเองก็ยังไม่เคยกล้าเอาดอกไม้ให้เพื่อนเลยเหมือนกัน

 

สนเอาดอกกุหลาบทั้งหมดที่มีอยู่มารวมกันแล้วก็วางไว้บนโต๊ะเรียนหนังสือของตัวเอง เพื่อนๆ ในห้องหลายคนยังคงไม่กลับเข้ามาเพราะมัวแต่ไปแจกดอกกุหลาบกันอยู่ ดูเหมือนสนจะครุ่นคิดหนักเลยทีเดียว เมื่อกี้สนเดินตามจอยไปแล้วบังเอิญได้ยินการสนทนาของจอยกับต้นในห้องสมุดนั้นขึ้น สิ่งที่จอยพูดทำให้สนรู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวง

สนไม่เคยให้ดอกไม้ต้นในวันวานเลนไทน์เลยแม้แต่ดอกเดียว แม้แต่ในฐานะเพื่อนก็ไม่เคยให้ จอยพูดถูก สนมัวแต่นึกว่าจะเอาดอกไม้ไปให้สาวคนนั้นคนนี้ แต่กลับลืมเพื่อนที่รักสนมากที่สุดไปเสียอย่างนั้น วันวาเลนไทน์ทุกครั้งก็เป็นอย่างนี้มาตลอด คนใกล้ตัวที่เห็นกันอยู่ทุกวัน ดูแลกันมาตลอด บางทีก็กลับลืมนึกถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่มีความสำคัญทางจิตใจไปเสียได้ คนเราก็มักเป็นอย่างนี้ ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว จนกระทั่งวันหนึ่งที่สูญเสียไปแล้วนั่นแหละถึงจะคิดได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้วสนก็รู้สึกผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ดอกไม้ที่ซื้อมาว่าจะเอาไปให้สาวๆ สนก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอย่างนั้นแล้ว ไม่อยากให้ต้นรู้สึกว่าสนไม่ห่วงใยความรู้สึกของเพื่อน คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ กี่ปีมาแล้วที่สนไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย งานวันเกิดของสน ต้นยังอุตส่าห์เก็บเงินค่าขนมมาจัดให้ได้ สนก็ควรจะทำอะไรดีๆ ตอบแทนเพื่อนบ้าง

ว่าแล้วสนก็ตัดสินใจหอบดอกไม้ที่มีอยู่ทั้งหมดเดินออกไปจากห้อง พยายามมองหาเพื่อนผู้หญิงสักคนที่พอจะช่วยสนได้ เอาล่ะ สนเจอรินแล้ว เพื่อนหญิงร่วมห้องนั่นเอง กำลังนั่งคุยกันอยู่กับเพื่อนๆ ตรงม้าหินอ่อนด้านล่างอย่างออกรสออกชาติ สนตัดสินใจเดินแกมวิ่งไปหารินทันที

"รินๆ ช่วยเราหน่อยสิ"

รินหยุดคุยกับเพื่อนๆ แล้วก็หันมามองเจ้าของเสียงที่วิ่งมาถึง

"อ้าวสน มีอะไรเหรอ"

"ช่วยห่อดอกไม้ให้หน่อยได้ไหม ทำยังไงก็ได้ให้มันสวยๆ เราทำไม่เป็นน่ะ" สนหัวเราะแหะๆ

รินทำหน้าสงสัยพร้อมกับยิ้มล้อเลียน "จะเอาไปให้คนพิเศษล่ะสิ"

เพื่อนคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ก็ช่วยกันแซวสนใหญ่

"เออน่า ช่วยหน่อย เดี๋ยวเราเลี้ยงข้าวกลางวัน"

สนขอร้อง รินคงไม่ปฏิเสธอยู่แล้วเพราะเธอมีหัวทางด้านนี้ อีกอย่าง สนก็เคยช่วยรินทำงานตั้งหลายอย่าง แค่นี้ทำไมรินจะช่วยบ้างไม่ได้

"ได้ๆ เอามาเลย" รินบอกพลางยิ้ม

สนยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจจนแทบจะเก็บไว้ไม่อยู่ "ขอบใจมากริน อยากกินอะไรบอกมาเลยนะ วันนี้เต็มที่"



สนเดินถือช่อดอกไม้ที่รินทำให้แล้วก็เดินตามหาต้นไปทั่วโรงเรียน เมื่อเช้าเห็นอยู่ในห้องสมุด แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหน ในห้องเรียนก็ไม่มี ถามใครก็ไม่มีใครรู้ จิตใจสนว้าวุ่นไปหมด กลัวต้นจะน้อยใจว่าเพื่อนคนนี้ไม่สนใจ คนอื่นน้อยใจสนอาจจะไม่เสียใจเท่าไหร่ แต่สำหรับต้น สนปล่อยให้เพื่อนน้อยใจอย่างนั้นไม่ได้หรอก ที่ผ่านมาสนอาจจะลืม แต่วันนี้ก็คงไม่สายเกินไปที่จะมอบดอกไม้ช่อนี้ให้ต้นแทนคำขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีๆ ระหว่างสนและต้น

ต้นอยู่ที่ไหนนะ ยิ่งไม่เจอก็ยิ่งเป็นห่วง...

สนถามซีล ถามป้อง ถามเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในห้องของต้นที่สนเจอตามทาง ก็ไม่มีใครรู้ว่าต้นอยู่ไหน แต่สนก็ไม่ย่อท้อหรอก ยังไงต้นก็ต้องเป็นคนเดียวที่ได้ดอกกุหลาบช่อนี้ไป

สนเดินไปบริเวณด้านหลังโรงเรียน มีแปลงปลูกผักสวนครัวและโรงเพาะชำสำหรับให้นักเรียนทำกิจกรรมเกษตรอยู่หลังสุด ก็เหลือที่นี่ที่เดียวนี่แหละที่สนยังไม่ได้มาตามหาต้น หันไปหันมาก็เจอต้นยืนอยู่แถวๆ หน้าทางเข้าเรือนเพาะชำพอดี สนฉีกยิ้มด้วยความดีใจ เรียกชื่อเพื่อนแล้วก็วิ่งเข้าไปหา

"ต้น"

ต้นหันมามอง พอเห็นว่าเป็นสนต้นก็ตกใจเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับดอกกุหลาบสีเหลืองที่ถือไว้ในมือยังไงดี ความจริงต้นกำลังคิดว่าจะเอามาทิ้ง แต่ไม่อยากทิ้งลงถังขยะให้ดูไร้ค่า ก็เลยว่าจะเอามาปักไว้ในกระถางต้นไม้ในเรือนเพาะชำ

เมื่อสนมาหยุดยืนตรงหน้า ต้นก็ยิ่งหน้าเสียมากขึ้น สนมองดูดอกกุหลาบสีเหลืองในมือของต้นแล้วก็สะท้อนใจ วันนี้ต้นมีดอกไม้เพียงดอกเดียวในมือ ดอกกุหลาบดอกนั้นมันควรจะเป็นของต้นอย่างที่จอยว่าจริงๆ นั่นแหละ

"สน...เราขอโทษ คือ...จอยให้เรามาน่ะ แต่ว่า...ไม่ใช่เพราะจอยเขาไม่..."

"ต้น"

สนเรียกเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่สะท้อนถึงความสงสารและเห็นใจ ต้นคงกลัวว่าสนจะเสียใจที่จอยไม่รับดอกไม้ดอกนั้นที่สนให้เมื่อเช้านี้ เห็นเพื่อนเป็นห่วงความรู้สึกของสนขนาดนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกผิด ที่จอยพูดกับต้นว่าถ้าจอยเป็นสน จอยจะซื้อดอกกุหลาบให้ต้นปีละร้อยดอก ตอนนี้สนรู้แล้วว่าต่อให้ดอกกุหลาบร้อยดอกก็ไม่พอที่จะตอบแทนคนดีๆ อย่างต้นได้หรอก

"ไม่เป็นไรหรอกต้น ดอกกุหลาบดอกนี้ควรจะเป็นของนายนะ นายเก็บไว้เหอะ แล้วก็...อันนี้ด้วย"

พูดจบแล้วสนก็ยื่นช่อดอกกุหลายที่ผูกริบบิ้นอย่างสวยงามให้เพื่อนรักพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น ต้นมองดูดอกกุหลาบช่อนั้นด้วยความรู้สึกที่คาดไม่ถึง นี่คือสิ่งที่ต้นไม่เคยเห็นสนทำเลยตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา

"ให้เราเหรอ ให้ในโอกาสอะไร" ต้นถามอย่างงงๆ

"ก็วันวาเลนไทน์ไง ของนายพิเศษกว่าใครเลยรู้ไหม เพราะนายเป็นคนพิเศษสำหรับเรา รับไปสิต้น"

สนยังคงยิ้มละไม รอคอยให้เพื่อนรับช่อดอกไม้ไปอย่างใจจดใจจ่อ ลุ้นและตื่นเต้นเสียยิ่งกว่ามอบดอกไม้ให้สาวคนไหนเสียอีก

ต้นค่อยๆ ยื่นมือมารับช่อดอกไม้นั้นไป เมื่อรับมาถือไว้แล้ว ต้นก็ดมกลิ่นดอกไม้ ยิ้มอย่างมีความสุข แม้จะบอกว่าไม่ได้ต้องการอะไรจากเพื่อน แต่ต้นก็รู้สึกดีมากทีเดียวที่สนนึกถึงต้นในวันสำคัญๆ อย่างนี้

เห็นต้นมีความสุขแล้วสนก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย นึกถึงคำที่จอยพูดอีกแล้ว สาวๆ คนอื่นที่สนเอาดอกไม้ไปให้จะรักตอบหรือเปล่ายังไม่รู้ บางคนรับไปแล้วก็อาจจะเอาไปทิ้งด้วยซ้ำ สนก็ยังอุตส่าห์เอาไปให้ แต่คนที่สนรู้ทั้งรู้ว่าเป็นคนที่รักและเป็นห่วงสนอย่างจริงใจ สุขทุกข์มาด้วยกันตั้งหลายปี ต้นดีใจเสมอกับทุกอย่างที่สนทำให้ ทำไมสนจึงมองข้ามเพื่อนคนนี้ไปในโอกาสพิเศษๆ อย่างนี้

"ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ ที่ต้นมีให้เรามาตลอดนะ" สนยิ้มเขินนิดๆ ก็แน่ล่ะ สนไม่เคยทำแบบนี้กับเพื่อนผู้ชายด้วยกันเลยมาก่อนเลยนี่นา

"ชอบไหม"

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

"เรารักนายนะต้น Happy Valentine's Day" แล้วสนก็ยิ้มกว้างอีกครั้ง รู้สึกดีใจที่ได้บอกให้เพื่อนรู้ว่าสนรักเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน

ต้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไปหรือไม่ก็คงหูฝาดแน่ๆ ที่ได้ยินเมื่อสักครู่นี้เป็นความจริงหรือเปล่า สนบอกว่ารักต้นอย่างนั้นหรือ หรือสนจะหมายถึงรักอย่างเพื่อน แต่ต้นก็ไม่ได้ยินค่าว่าเพื่อนเลยสักคำ ได้ยินแต่คำว่ารักเฉยๆ โอย...อย่าคิดฟุ้งซ่านดีกว่านะต้น มันคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก

"วู้วๆๆๆๆๆ สวีทกันใหญ่เลยน้าาาาาา วู้วๆๆๆๆๆ"

เสียงกลุ่มคนร้องแซวอย่างสนุกสนานดังมาจากด้านหลัง ทำให้ต้นกับสนหันไปมองอย่างตกใจ แล้วก็พบว่าเพื่อนๆ ในห้องของต้นสามสี่คนยืนมองดูอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่สำคัญมีจอยอยู่ด้วยอีกต่างหาก เรื่องของเรื่องคือซีลเห็นสนเดินตามหาต้นพร้อมช่อดอกไม้ทั่วโรงเรียนก็เลยชวนเพื่อนๆ เดินตามสนมา ก็เลยได้เห็นฉากที่แสนโรแมนติกนี้

"กอดเลยๆ"

เสียงเชียร์ดังมาอีก สนไม่รอช้ารีบทำตามคำขอโดยเร็วด้วยการกอดคอต้นไว้พร้อมกับโบกมือให้เพื่อนๆ ความจริงต้นกับสนก็พอรู้ว่ามีเพื่อนๆ ในห้องของต้นคอยติดตามมิตรภาพของต้นกับสนอยู่ เวลาเห็นทั้งคู่ไม่คุยกันก็จะคอยถาม คอยเป็นห่วง อยากให้สองคนเป็นเพื่อนที่ดูแลกันไปนานๆ

"หอมเลยๆ"

เสียงเชียร์ดังมาอีก คราวนี้หนักกว่าเดิม

"ไม่เอาๆ" ต้นรีบบอกปัดเป็นพัลวัน หน้าแดงเขินอายจนเห็นได้ชัด แม้จะรู้ว่าเพื่อนแกล้งแซวไปอย่างนั้นเองก็เถอะ

สนแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็หัวเราะเมื่อเห็นต้นหลับตาปี๋ มันอาจจะดูแปลกๆ ไปบ้าง แต่เห็นต้นมีความสุข เห็นเพื่อนๆ มีความสุข สนก็มีความสุขไปด้วย ไม่คิดว่ามันจะเสียหายตรงไหนที่เล่นแบบนี้ สนเล่นกับต้นแบบถึงเนื้อถึงตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เล่นจนถึงขั้นเพื่อนๆ เอาไปล้อว่าเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ

นี่ถ้าสมัยนั้นรู้จักคำว่า "คู่จิ้น" ต้นกับสนก็คงเป็นคู่จิ้นที่หนุ่มๆ สาวๆ ทั่วโรงเรียนต้องตามติดเพื่อเสพความ "ฟิน" กันตลอดเวลาอย่างแน่นอน แต่ถึงจะยังไม่มีใครรู้จักคู่จิ้นในตอนนั้น ต้นกับสนก็เหมือนจะกลายเป็นคู่จิ้นกลายๆ ของโรงเรียนไปแล้วโดยปริยาย

กุหลาบสีเหลืองดอกนั้น ต้นยังคงเก็บมันไว้ในสมุดเล่มหนึ่งอยู่จนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ได้เปิดดู ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังคงชัดเจนในความทรงจำเสมอ ต้นจะไม่มีวันลืมกุหลาบดอกนี้จากสนเลยล่ะ[/size]

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2016 13:45:13 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:heaven ตามอ่านทันแล้วจ้า ^^ ละมุนละไมเหลือเกินค่ะ บอกได้แค่ว่า 'เราชอบ~' แค่ 4 ตอนแรกก็ทำเราน้ำตาปริ่มไปพร้อมๆ กับน้องต้นเลยล่ะค่ะ ติดตามนะค้าา~

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :o8: ชอบตอนนี้ค่ะ ให้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนของมิตรภาพมากเลย

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
สน นี่กว่าจะรู้ใจตัวเอง คงทำร้ายจิตใจน้องต้นโดยไม่รู้ตัวไปอีกหลายรอบ

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
กว่าสนจะรู้ตัว ไม่จะเจ็บช้ำไปกี่หนแล้ว ขอให้ถึงตอนสนรู้ตัวไวๆ แล้วต้นไปชอบคนอื่นแล้ว ดราม่าสุดๆ

ออฟไลน์ sweetyswtcou

  • R.Chek SwtCou
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านจ้า :man1:
ว่าแต่จะดราม่าน้ำตานองเลยไหม? จะได้เตรียมตัวถูก  :hao5:

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 :L2: มอบให้ต้นด้วยอีกช่อ (ไม่ยอมน้อยหน้าสนหรอก :give2:)

 :pig4: รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ตามเข้ามาให้กำลังใจกันก่อน ยังไม่ทันได้อ่าน ง่วงมาก ๆ
+1 ให้เป็นของฝากก่อน
ปล. ขอบคุณที่ส่งข่าว นะครับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 05: การตัดสินใจของต้น


"อ้าวสน หอบอะไรมาเยอะแยะล่ะลูก"

พ่อของต้นร้องถามเมื่อเห็นสนเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถือถุงขนาดใหญ่ใบหนึ่งมาด้วย

"ส้มโอครับพ่อแอ๊ด พ่อฝากให้เอามาให้ เก็บมาจากสวนเมื่อวานครับ"

สนบอกพลางมองหาที่ที่จะวางส้มโอ ครอบครัวของสนมีสวนส้มโอกับมะม่วงเป็นแหล่งรายได้หลัก ที่สนมีเงินเรียนหนังสือก็เพราะสวนส้มโอนี่แหละ วันหยุดที่สนไม่มีการบ้านหรือธุระต้องทำ สนมักจะไปสวนส้มโอกับพ่อและไม่เสมอๆ บางทีต้นก็ไปด้วย คอยช่วยทำงานที่พอจะช่วยได้

"เอาไปวางไว้ในครัวก่อนก็ได้ลูก" พ่อต้นบอกเมื่อเห็นสนยืนหันรีหันขวาง

สนเดินเอาส้มโอไปวางไว้ในครัว พอกำลังจะเดินออกมาจากครัว พ่อของต้นก็เดินตามมา ดูท่าทางเหมือนมีบางอย่างอยากจะคุยด้วย

"สน...สนพอจะรู้ไหมลูกว่าต้นมี...มีสาวๆ มาชอบมั่งหรือเปล่า"

นี่คือครั้งแรกที่พ่อของต้นถามสนเรื่องนี้ ท่าทางที่ถามก็ดูแปลกๆ ด้วย สนเดาไม่ออกเลยว่าที่พ่อต้นถามแบบนี้เป็นเพราะสงสัยว่าต้นแอบมีแฟน กลัวต้นมีแฟนแล้วเสียการเรียนหรือว่าอยากให้ต้นมีแฟนกันแน่ แต่จะว่าไป สนก็ไม่เคยเห็นต้นคบกับผู้หญิงคนไหนเป็นแฟนเลยตั้งแต่มอหนึ่งจนถึงมอหก ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน

"พ่อแอ๊ดมีอะไรหรือเปล่าครับ" สนถามด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

"ยังไงดีล่ะ..." พ่อของต้นทำสีหน้าครุ่นคิดเหมือนกับไม่แน่ใจว่าจะถามอย่างไรไม่ให้ดูผิดปกติ

"อ๋อ...พ่อว่า...ต้นมันก็หน้าตาดีนะ แต่...ไม่เห็นเคยพูดถึงสาวๆ ให้พ่อฟังเลย ก็เลยไม่รู้ว่าเขามีแอบไปชอบสาวคนไหนอยู่หรือเปล่า"

"อ๋อ..." ถามแบบนี้สนค่อยพอหาช่องตอบได้หน่อย

"ก็พอมีนะครับพ่อแอ๊ด ตอนนี้ก็เห็นมีมาชอบต้นอยู่สองสามคน"

"อ้อ แล้วต้น...เขาชอบคนไหนเป็นพิเศษไหมลูก"

ดูเหมือนพ่อของต้นมีวาระซ่อนเร้นบางอย่าง ทำให้สนต้องระวังตัวพอสมควรในการตอบคำถาม

"เอ...ผมก็ไม่แน่ใจครับพ่อแอ๊ด พอดีช่วงนี้ผมกับต้นยุ่งๆ กับการเรียนน่ะครับ อีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปสอบเอนทรานซ์แล้ว ก็เลยไม่ได้สังเกตน่ะครับว่าต้นชอบใครเป็นพิเศษหรือเปล่า"

"อ้อ...เหรอลูก ก็ไม่มีอะไรหรอก พ่อก็อยากรู้ไปอย่างนั้นเอง ตั้งใจเรียนก็ดีแล้วล่ะลูก"

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่พ่อของต้นก็ดูเหมือนยังมีท่าทางว่ายังสงสัยบางอย่างอยู่ดี

"ว่าแต่สนล่ะ ได้ข่าวว่ามีสาวๆ มาชอบเยอะเลยนะเราน่ะ"

สนยิ้มอย่างภูมิใจ "ก็นิดหน่อยครับพ่อแอ๊ด แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษหรอกครับ คุยเล่นสนุกๆ เฉยๆ ครับ ช่วงนี้ต้องตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ"

พ่อของต้นพยักหน้า "ดีแล้วลูก"

"อ้อ...แล้วต้นกับแม่เยาจะกลับเย็นนี้ไหมครับ"

พ่อของต้นพยักหน้า  ต้นกับแม่ไปหายายและญาติๆ ที่อำเภอใกล้ๆ กันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เข้าใจว่าคงไปเจรจาขอลูกพี่ลูกน้องของต้นให้มาอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของต้นตอนที่ต้นไปเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนพ่อของต้นไม่ได้ตามไปด้วยเพราะต้องทำงานเอกสารของโรงเรียนที่ค้างอยู่ให้เสร็จ

น้าสาวของต้นมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง กำลังจะขึ้นชั้นมัธยมในปีหน้าพอดี ถ้ามาอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ได้ ต้นก็จะได้ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่มากเวลาไปเรียนหนังสือ เท่าที่สนรู้มาก็น่าจะพอเป็นไปได้อยู่เพราะน้าสาวของต้นมีลูกหลายคน ถ้าให้ลูกชายคนเล็กมาอยู่กับพ่อกับแม่ของต้นก็น่าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง

"ถ้าอย่างงั้นฝากบอกต้นหน่อยนะครับว่าผมจะมาติวหนังสือด้วยตอนเย็นๆ"

"เดี๋ยวพ่อบอกให้ เย็นๆ สนมาดูอีกทีละกันนะลูก" พ่อต้นบอกพลางยิ้ม

"ครับพ่อแอ๊ด เดี๋ยวผมขอตัวไปสวนกับพ่อกับแม่ก่อนนะครับ ปีนี้ส้มโอออกเยอะเลยครับ เก็บแทบไม่ทัน"

พ่อของต้นพยักหน้า "ตามสบายเลยลูก"

สนเดินออกมาแล้วก็ครุ่นคิดสงสัยว่าพ่อของต้นถามเรื่องนั้นทำไม หรือว่า...พ่อของต้นกลัวต้นจะเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ต้นก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นหรอกเพราะสนไม่เคยเห็นต้นมีแฟนเป็นผู้ชายหรือมีท่าทางชอบผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษเลย อย่างมาก สนก็แค่คิดว่าที่ต้นยังไม่มีแฟนเพราะต้นเป็นเด็กเรียนมากกว่า ถึงสนจะสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมต้นถึงไม่เคยคบใครเป็นแฟน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าต้นมีความผิดปกติให้ต้องสงสัย

และนั่นก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่พ่อของต้นถามเรื่องนี้ สนไม่ได้เล่าให้ต้นฟังหรอก จะว่าไปแล้วก็ลืมๆ ไปเสียด้วยซ้ำ ช่วงนี้ต้นกับสนต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวสอบเอนทรานซ์มากเป็นพิเศษจนไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นๆ

 

หลังจากที่เห็นเด็กๆ หน้าดำคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบมาระยะหนึ่งแล้ว ที่บ้านของต้นและสนจึงวางแผนไปเที่ยวพักผ่อนกันที่บางแสนในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่งเพื่อให้เด็กๆ ได้ผ่อนคลายบ้าง อันที่จริง คนที่เป็นต้นคิดจริงๆ ก็คือต้นนั่นเอง ต้นเห็นว่าสนยังไม่เคยได้ไปเที่ยวทะเลเลย ก็เลยเสนอพ่อกับแม่ทั้งสองครอบครัวว่าให้ไปเที่ยวทะเลกัน

ระหว่างที่เดินทาง ต้นกับสนคุยกันไปอย่างสนุกสนานตลอดทาง ทั้งสองคนดูตื่นเต้นกันมากทีเดียว ต้นอาจจะไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เพราะเคยไปเที่ยวทะเลมาแล้วครั้งหนึ่งตอนอยู่ ป. 4 คนที่ตื่นเต้นกว่าใครเพื่อนก็คือสนนั่นเอง สนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้ถึงบางแสนไวๆ เสียทีจะได้เล่นน้ำทะเลให้สมใจอยาก

ราวๆ สิบโมงเช้า รถตู้ที่พ่อกับแม่ของต้นและสนช่วยกันออกเงินเช่าก็พาทุกคนมาถึงบางแสน แต่ก่อนจะได้ไปเล่นน้ำทะเลก็ต้องเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บบนห้องพักก่อน ต้นกับสนกุลีกุจอช่วยพ่อกับแม่เอาของไปเก็บอย่างเร็วไวเพราะอยากจะเล่นน้ำทะเลกันเต็มแก่ ให้ทำอะไรก็ไม่บ่นกันสักคำ

พอเก็บของเสร็จ เด็กๆ ก็ปรี่ลงไปที่ชายหาดกันอย่างรวดเร็ว ไม่ฟังเสียงเรียกให้รอของบรรดาพ่อแม่ที่เดินตามมาอย่างช้าๆ ต้นกับสนเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุก เวลาที่มีคลื่นลูกโตๆ มาก็จะวิ่งเข้าใส่อย่างสนุกสนาน ส่วนผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันบ้าง เดินเล่นน้ำบ้าง ไม่ได้เล่นโลดโผนเหมือนกับเด็กๆ หรอก

“ต้น สน มาถ่ายรูปกันเร็วลูก”

แม่ของต้นกวักมือเรียกเด็กๆ ให้ขึ้นจากทะเล เด็กสองคนจึงรีบวิ่งขึ้นมาอย่างไม่รอช้า รูปที่ถ่ายก็มีทั้งถ่ายเดี่ยวบ้าง ถ่ายหมู่บ้าง ถ่ายเป็นครอบครัวบ้าง หรือไม่ก็ถ่ายเป็นคู่ มีอยู่รูปหนึ่งที่ต้นกับสนชอบมากเป็นพิเศษ เป็นภาพที่ต้นกับสนกอดคอกันอยู่ริมทะเลด้วยสีหน้าและรอยยิ้มที่มีความสุข ใครที่มาเห็นรูปนี้จะรู้ได้ทันทีว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนที่รักกันมากขนาดไหน แม้ว่าจะไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยก็ตาม

หนุ่มน้อยสองคนชอบมากถึงขนาดเอาไปอัดใส่กรอบรูปไว้คนละรูป แล้วก็วางไว้ที่หัวเตียง ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน รูปใบนี้จะเก็บความรักและความผูกพันของทั้งสองคนไว้เสมอ

หลังจากที่เล่นน้ำกันจนหนำใจแล้ว ต้นกับสนคงเริ่มเหนื่อยจึงขึ้นมาเดินเล่นบนชายหาดบ้าง จากนั้นก็ช่วยกันก่อปราสาททราย พอเริ่มหายเหนื่อยก็วิ่งเล่นกันบนชายหาดอีกรอบ พอเหนื่อยก็เดินเล่นอย่างสบายอารมณ์

"เมื่อยขาจัง" ต้นบ่นพลางขำเบาๆ

"ขี่หลังเราไหม" สนอาสา

ต้นเอียงคอมองอย่างสงสัย แต่ก็นึกสนุกอยากลองดูเหมือนกัน ก็เลยกระโดดขึ้นไปขี่หลังสนเล่น

"หนักว่ะ ทำไมนายตัวหนักอย่างนี้ล่ะต้น เมื่อก่อนไม่เห็นหนักขนาดนี้เลย"

"สงสัยอ่านหนังสือแล้วกินเยอะมั้ง"

"ถึงว่าล่ะ"

"ไหวไหมล่ะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวเราเดินเอง"

"ไหวสิ แค่นี้สบายมาก"

สนทำเป็นคุย แต่สุดท้ายก็ไม่ไหวจนได้ ต้นก็เลยกระโดดลงมาเดินเอง แล้วก็หันมาหัวเราะด้วยกัน

"ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้เรียนที่เดียวกัน นายจะลืมเราหรือเปล่าต้น" อยู่ๆ สนก็ถามขึ้นมา สีหน้าดูกังวลเล็กน้อย

"ไม่หรอก ปิดเทอมกลับมาบ้านเราก็ได้เจอกันเหมือนเดิมอยู่แล้วนี่"

"อืม...ไม่รู้สิ เรากลัวนายจะลืมเราน่ะต้น"

ต้นหยุดเดิน มองหน้าเพื่อนรักแล้วก็อดสงสารไม่ได้ สนคงกลัวที่จะต้องจากต้นไปเรียนที่อื่นมากทีเดียวเพราะพูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว

"เราจะลืมนายได้ยังไง เราเป็นเพื่อนรักกันนะสน"

ต้นพูดคำว่า "เพื่อนรัก" ออกไปอย่างแสลงใจ ต้นไม่เคยคิดกับสนแค่เพื่อนมาตั้งนานแล้ว จนป่านนี้ก็ยังเป็นได้แค่เพื่อนอยู่เหมือนเดิม นี่แหละคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้นกำลังคิดหนัก ถ้ายังเจอกันอย่างนี้ต่อไป ต้นก็คงจะเลิกรักสนอย่างนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน

"เราอยากให้นายไปเรียนที่เดียวกับเราจริงๆ นะต้น" ในที่สุดสนก็ยอมพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา

ต้นยิ้มจางๆ มองหน้าเพื่อนแล้วก็สะท้อนใจ ต้นก็อยากไปกับสนอยู่หรอกนะ ผูกพันและรักกันมากขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้นจะตัดใจทิ้งไป

"รอผลสอบก่อนดีกว่า"

สนพยักหน้า ยิ้มเศร้าๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าต้นอยากไปเรียนที่เดียวกับสนบ้างหรือเปล่า

“ไปหาพ่อกับแม่ดีกว่า เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกัน เราอยากกินกุ้งเผาตัวโตๆ”

สนบอกพลางฉีกยิ้มกว้าง ดูท่าทางตื่นเต้นมากทีเดียวที่จะได้กินอาหารทะเลที่อยากกินให้สมใจอยากมานาน

ต้นพยักหน้าเห็นด้วย สนเดินมากอดคอต้นแล้วก็พากันเดินไปหาพ่อกับแม่ที่กำลังรอที่จะไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งอยู่

 

ตกเย็น ต้นกับสนก็ได้มีโอกาสกินอาหารทะเลสมใจอยาก เด็กสองคนดูจะชอบกุ้งและปูนึ่งตัวโตๆ เป็นพิเศษ จึงกินกันอย่างเต็มที่อย่างเอร็ดอร่อย พ่อกับแม่เห็นแล้วก็มีความสุข

สนแกะปูกับกุ้งไม่ค่อยเป็น จึงเป็นหน้าที่ของต้นที่ต้องคอยแกะให้กิน ภาพที่ต้นกับสนคอยดูแลกันและกันอย่างนี้เป็นภาพที่ชินตาของพ่อกับแม่ไปแล้ว ทำให้พ่อกับแม่วางใจมากทีเดียวเวลาที่ให้ต้นกับสนไปไหนด้วยกัน ต้นดูแลเพื่อนดีจนลืมสังเกตไปว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งที่มองดูอย่างสนใจ พ่อของต้นนั่นเอง แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพ่อของต้นเห็นแล้วคิดอะไร

หลังจากอาหารเย็นเสร็จแล้วก็กลับมาที่พัก ต้นกับสนพักห้องเดียวกัน ส่วนพ่อกับแม่ก็แยกพักเป็นครอบครัวๆ ไป ก่อนนอน ต้นกับสนออกมาเดินเล่นที่ชายหาดกันอีกรอบ วันนี้ท้องฟ้าโปร่งมากเพราะเป็นช่วงปลายหน้าหนาว แต่อากาศก็ค่อนข้างร้อนแล้วล่ะ ฟ้าใสแบบนี้จึงเห็นดาวเกลื่อนอยู่เต็มท้องฟ้า สนจึงได้โอกาสช่วยสอนต้นดูดาวต่างๆ บนท้องฟ้าไปด้วย

“นายเห็นไหมต้น ดาวหมีใหญ่ ตรงทิศเหนือ” สนว่าพลางชี้ให้เพื่อนดู ต้นก็มองตาม

“ไม่เห็นจะเหมือนหมีตรงไหนเลย เราว่ามันเหมือนจระเข้มากกว่า” ต้นแย้ง

“ใช่แล้ว มันเป็นกลุ่มดาวเดียวกัน” สนบอกอย่างตื่นเต้น

“นายเห็นสามเหลี่ยมฤดูร้อนนั่นไหม”

“อยู่ตรงไหน” ต้นถามอย่างอยากรู้

“นั่นไง มันเป็นดาวสามดวงที่มาจากดาวสามกลุ่ม ดาวที่สว่างที่สุดเรียกว่าดาวเวก้า อยู่ในกลุ่มดาวพิณ” สนบอกพลางชี้มือเลื่อนสูงขึ้นมาเกือบกลางฟ้า

เห็นเพื่อนดูดาวเก่งอย่างนั้นต้นก็มองด้วยสายตาทึ่งๆ “ทำไมนายรู้จักดาวตั้งเยอะล่ะ”

“ก็เมื่อก่อนที่เราอยู่น่าน เราชอบดูดาวไง ตอนอยู่ ป. 4 เราเคยไปเข้าค่ายที่ดอยอินทนนท์แล้วครูก็สอนให้พวกเราดูดาว ใช้กล้องดูดาวด้วยนะ ก็เลยพอจำได้” สนอธิบาย

“โห...นายเคยไปดอยอินทนนท์ด้วยเหรอ สูงไหม หนาวมากหรือเปล่า” ต้นถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“สูงสิ แล้วก็หนาวมากด้วย เราไปตอนหน้าหนาวพอดีเลย หนาวจนแทบจะเดินไม่ออกเลยล่ะ น้ำเย็นอย่างกะน้ำแข็งแน่ะ” สนบอกพลางทำท่าทางหนาวให้ดูไปด้วย

ต้นเห็นแล้วก็ขำ แล้วทั้งคู่ก็บังเอิญสบตากัน ต่างคนต่างรู้สึกประหม่าโดยเฉพาะต้น สายตาของสนมีพลังดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ต้นรู้สึกหวั่นไหวอยู่เสมอ

"เอาไว้ถ้าเราได้ไปเรียนที่เชียงใหม่ด้วยกัน เราจะพาไปเที่ยวที่ดอยอินทนนท์นะ" สนพูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศที่รู้สึกว่ามันแปลกไป

"อ๋อ...ดีเลย" ต้นบอก ละสายตาจากเพื่อนแล้วก็หันไปมองดูดาวต่อ

“ต้น วันนี้เรามีความสุขมากนะ ขอบคุณนายมากที่เป็นคนเสนอไอเดียให้พ่อกับแม่พามาเที่ยวทะเล”

"เห็นนายมีความสุขเราก็ดีใจแล้ว" ต้นหันไปยิ้มให้สนแวบหนึ่ง แล้วก็หันหน้ากลับมาตามเดิม

"ถามอะไรหน่อยสิต้น"

"อะไรเหรอ" ต้นหันมามองอย่างสงสัย

"ถ้าเราเกิดไม่ติดมหาลัยเดียวกันจริงๆ นายว่า...เราจะสนิทกันน้อยลงไหม เรากลัวว่า...พอต่างคนต่างเจอเพื่อนใหม่ๆ เราก็จะห่างเหินกันไป"

สนพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ต้นจะทำยังไงดี อยากไปกับเพื่อนก็อยากไปอยู่หรอก แต่ต้นก็กลัวเหลือเกิน กลัวว่าถ้ายังอยู่ด้วยกันอย่างนี้ต่อไปสนอาจจะรู้ความลับนั้นก็ได้ แล้วหลังจากนั้นความสัมพันธ์ของต้นกับสนจะเป็นอย่างไร ต้นกลัวเหลือเกินว่ามันจะไม่เหมือนเดิม

"ไม่หรอกมั้ง" ต้นแย้ง

"ขอโทษนะที่ถามนายบ่อยๆ ไม่รู้สิต้น เรากลัว... เราสองคนไม่เคยห่างกันเลยนะต้น เราคงจะคิดถึงนายมาก ถ้าวันหนึ่งตื่นมาแล้วไม่ได้เจอกัน..."

สนไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ชีวิตจะเป็นยังไงบ้างนะถ้าไม่ได้เจอต้นทุกวันๆ เหมือนที่เคยเจอ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความรู้สึกใจหายก็แล่นเข้ามาจับหัวใจ

เสียงสนทนาของสองหนุ่มน้อยเงียบไปนานพอสมควร ต่างคนคงต่างคิดอะไรของตัวเองอยู่

"ก็จริงของนายนะ..."

ต้นพูดขึ้นทำลายความเงียบ แค่คิดก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเหมือนกัน

"นายเชื่อเราอย่างหนึ่งนะ ยังไงนายก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรานะต้น ถึงเราจะเจอกันน้อยลง นายก็จะเป็นเพื่อนที่เราจะไม่เคยลืมเลย ไม่ว่าต่อไปเราจะห่างกันไปไกลแค่ไหน เราต้องกลับมาเจอกันนะต้น นายอย่าทิ้งเราไปนะ"

สนมองหน้าเพื่อนเหมือนกับต้องการให้ต้นรับปากว่าจะรักษาสัญญานี้ไว้

"อืม...เราต้องกลับมาเจอนายอยู่แล้ว เราไม่ไปไหนหรอก"

แล้วต้นกับสนก็จับมือกันเป็นการย้ำคำมั่นสัญญานี้ไว้ หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันอยู่ริมชายหาดจนดึกดื่น กว่าจะได้เข้านอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว การมาเที่ยวทะเลด้วยกันสองวันนี้เป็นประสบการณ์ชีวิตที่สนุกและน่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง นึกถึงทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง ต้นกับสนคงจะจำวันนี้ไปอีกนานแสนนาน

 

ก่อนกลับบ้าน พ่อกับแม่ของต้นและสนพาเด็กๆ ไปไหว้พระที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากที่ทุกคนกลับขึ้นมาบนรถแล้ว พ่อกับแม่ก็ถามกันใหญ่ว่าลูกๆ แต่ละคนอธิษฐานขออะไรกันบ้าง

"อ้าว...ใครอธิษฐานอะไรกันบ้างจ๊ะ สนอธิษฐานอะไรล่ะลูก เรื่องเรียนหรือเปล่า หรือว่าขอแฟนสวยๆ" แม่ของต้นที่นั่งอยู่เบาะหน้าหันมาถามสนที่นั่งข้างๆ กับต้นที่เบาะหลังพร้อมกับพูดติดตลกในตอนท้าย

"โธ่...แม่เยา ก็ต้องเรื่องแฟนสวย เอ๊ยเรื่องเรียนสิครับ"

สนตอบติดตลกเช่นกัน คนที่ฟังอยู่ก็พลอยขำไปด้วย

"ผมก็อธิษฐานด้วยว่า...ขอให้ติดมหาลัยเดียวกับต้น จะได้ไปเรียนด้วยกันอีก"

"ดีเลยลูก ขอให้คำอธิษฐานเป็นจริง พ่อกับแม่อยากให้ต้นกับสนไปเรียนด้วยกัน จะได้ดูแลกัน พ่อกับแม่ก็จะสบายใจด้วย"

แม่ของต้นเห็นด้วย ถ้าต้นกับสนสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันเธอก็คงจะเบาใจไม่น้อย มีสนอยู่ดูแลต้น หรือต้นอยู่ดูแลสน ครอบครัวของทั้งสองคนก็คงหายห่วงไปได้เยอะ

"แล้วต้นล่ะลูก อธิษฐานอะไร" พ่อของสนถามมาจากเบาะที่นั่งด้านหลังบ้าง

ต้นยิ้มเจื่อนๆ อย่างแรกที่อธิษฐานก็เหมือนสนนั่นแหละ แต่อย่างหลัง ต้นไม่ได้ขอแบบนั้น แม้ว่าจะรักเพื่อนมากขนาดไหน ต้นก็คิดว่าควรจะเรียนคนละที่กับสน  ห่างๆ กันไปบ้างคงจะช่วยให้ต้นเลิกแอบรักเพื่อนไปได้ ต้นอาจจะเปิดใจให้คนอื่นๆ เข้ามาในชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่ถึงจะคิดอย่างนี้มาสักพัก ต้นก็สับสนในใจมากทีเดียว ไม่รู้ว่าจะเลือกทางเดินชีวิตอย่างไรกันแน่

"เหมือนกับสนเลยครับ"

"แล้วนายขอให้เราสอบติดมหาลัยเดียวกันหรือเปล่าต้น" สนรีบถามด้วยความอยากรู้

"เปล่า แหะๆ" ต้นทำสีหน้ารู้สึกผิด "แต่ว่า...จะเรียนที่ไหนเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมอยู่แล้ว จริงไหม"

สนทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย

"อะไรต้น...นายไม่อยากเรียนที่เดียวกับเราแล้วเหรอ หรือว่าเบื่อหน้าเราแล้ว สงสัยเห็นหน้ากันทุกวันก็คงเบื่อ" สนทำเสียงตลกๆ ในตอนท้ายเพราะไม่อยากให้บรรยากาศดูเครียด

"เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ก็เราก็ไม่รู้ไงว่าจะติดที่ไหน แต่ถ้าติดที่เดียวกันก็ดีไปเลย"

ต้นพยายามปลอบใจเพื่อน สนจึงยิ้มอย่างพอใจ

ต้นสมัครสอบไว้สามที่ สนก็เช่นเดียวกัน มีเพียงมหาวิทยาลัยเดียวที่ต้นกับสนเลือกไว้เหมือนกันก็คือ "มหาวิทยาลัยเชียงใหม่" สนตั้งใจเลือกมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพราะอยากกลับไปที่ภาคเหนือบ้าง หลังจากที่จากมาก็ไม่ได้มีโอกาสกลับไปอีกเลย พ่อกับแม่ก็มัวแต่ยุ่งๆ กับการทำสวนส้มโอและมะม่วง ตอนนี้ซื้อสวนเพิ่มขึ้นอีกหลายไร่เพื่อให้มีรายได้มากขึ้นพอที่จะส่งสนเรียนหนังสือได้จนจบ ก็เลยยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่

 

ผลการสอบเอนทรานซ์ของต้นและสนออกมาแล้ว ต้นสอบติด 2 แห่ง ที่กรุงเทพแห่งหนึ่ง ที่เชียงใหม่แห่งหนึ่ง ส่วนสน สอบติดที่เชียงใหม่ที่เดียว จึงมีเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้น นั่นก็แปลว่าถ้าต้นเลือกกรุงเทพ ต้นกับสนก็ต้องห่างกันไปอย่างแน่นอน

ดูเหมือนสนจะร้อนรุ่มใจกับเรื่องนี้มาก บางทีก็มากเสียจนสนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกใจหายขนาดนั้น สนอยากให้ต้นตัดสินใจเลือกเรียนที่เดียวกัน แต่ท่าทีของต้นก็ดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนต้นไม่อยากไปเรียนทีเดียวกับสนเสียเลย ทั้งๆ ที่คณะที่สอบติดทั้งสองที่ก็เป็นคณะเดียวกัน ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยของทั้งสองแห่งก็พอๆ กัน

"ก็แล้วแต่นายจะเลือกแล้วกันนะต้น อนาคตของนาย นายก็ต้องเลือกเอง" สนบอกเพื่อนขณะนั่งคุยกันอยู่บนสะพานเหล็กที่คุ้นเคยในตอนเย็นๆ วันหนึ่ง

แม้ปากจะบอกไปว่าแล้วแต่เพื่อนจะเลือก สนก็มีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด คงใจหายมากทีเดียวที่ต้องห่างต้นไป ชีวิตที่เคยตื่นมาเจอกันทุกวัน ใช้ชีวิตด้วยกัน สุขทุกข์ด้วยกัน ช่วยเหลือดูแลกัน ต่อไปคงไม่มีอีกแล้ว สนรู้สึกใจหายจริงๆ ใจหายมากเสียจนแปลกใจตัวเอง ดูเหมือนว่าจะมีความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันไปหมด ปนกันเสียจนสนไม่สามารถที่จะเข้าใจความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้ เจ้าความรู้สึกนั้นนั่นเองที่ทำให้สนต้องร้อนรุ่มใจอย่างที่เป็นอยู่นี้

ต้นมองหน้าเพื่อนที่รักหมดหัวจิตหัวใจ เห็นสนเศร้าอย่างนั้นก็ลำบากใจไม่น้อยเลย ถ้าต้นเลือกที่จะอยู่ห่างจากสน แน่นอนว่าต้นก็คงรู้สึกไม่ต่างจากที่สนรู้สึกในตอนนี้หรอก เผลอๆ จะมากกว่าด้วยซ้ำเพราะต้นมีความรู้สึกพิเศษที่เกินเลยไปกว่าความเป็นเพื่อนด้วย

ต้นหันกลับไปมองดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ที่สะพานเหล็กแห่งนี้ มิตรภาพและความทรงจำของทั้งสองคนจะถูกจดจำไว้อีกนานแสนนาน ไม่ว่าจะเป็นวันแรกที่ต้นกับสนเจอกันเมื่อตอนปอห้า วันที่ต้นรู้ว่าต้นแอบรักเพื่อนตอนอยู่มอหนึ่ง วันเกิดของสนที่ต้นเก็บเงินค่าขนมมาจัดให้ตอนอยู่มอสาม ดอกกุหลาบสีเหลืองจากสนตอนอยู่มอห้า หาดบางแสนที่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เพิ่งผ่านไป และความทรงจำอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน

แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร การคบกันต่อไปอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจทำลายมิตรภาพของทั้งสองคนก็เป็นได้ ถ้าอย่างนั้น ปล่อยให้มันสวยงามอยู่ในความทรงจำแบบนี้คงดีกว่า วันที่กลับมาเจอกันอีกครั้ง เรื่องราวความทรงจำต่างๆ ก็จะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกดีๆ คงจะไม่มีความทรงจำไหนของช่วงชีวิตที่จะสวยงามเท่ากับความรักที่บริสุทธิ์ของเพื่อนสองคนที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งเยาว์วัยอีกแล้ว

"เราคิดว่า...เราตัดสินใจได้แล้วล่ะ" ต้นบอกออกไปในที่สุดโดยไม่หันมามองหน้าเพื่อน

"จริงเหรอต้น นายจะเลือกที่ไหน?"

สีหน้าท่าทางของสนดูตื่นเต้นมากทีเดียว รอคอยคำตอบจากต้นอย่างใจจดใจจ่อ ถ้าหากว่าโลกนี้มีปาฏิหาริย์ สนเชื่อว่าต้นจะต้องเลือกตามสนไปอย่างแน่นอน ต้นไม่มีวันทิ้งสนไปหรอก

"เราเลือก..."

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2015 11:09:39 โดย sarawatta »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ลุ้นกับคำตอบของต้นเหลือเกินค่าา.. ><' แต่สำหรับตัวอย่างตอนต่อไป เราอยากจะจับสนมาตีก้นจริงๆ เลยเชียว อย่ามาคาดคั้นน้องต้นน้าา ถ้ารังเกียจกันก็บอกมาเลยค่ะ แค่น้องแอบรักสนมานานขนาดนี้ก็ทรมานจะแย่แล้วนะคะ :o12: อืม~ ดูเหมือนว่านายซีลจะเป็นคนที่ทำความลับหลุดออกมาหรือเปล่าคะเนี่ย

ปล. เรื่อง 'เมื่อผมหลงรักคนพิการ' เรามีโอกาสได้อ่านอยู่เหมือนกันค่ะ ป่านนี้น้องเก้าคงเรียนจบแล้ว และกำลังทำงานเก็บเงินอยู่แน่เลยนะคะ จะได้เอาไว้เป็นค่าเดินทางไปหาพี่คิมแตซองที่เกาหลี~ แอร๊ย ว่าแล้วก็คิดถึงทั้งสองคนจังเลยน้าา :-[ ..เรารอติดตามเรื่องใหม่อยู่นะค้าา ^^

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
เข้าใจพ่อของต้นนะที่จะถามสนเกี่ยวกับเรื่องของต้นว่า มีแฟนไหม เพราะเห็นว่าวัยขนาดนี้ต้องมีบ้าง แต่ความหนักใจไปตกอยู่ที่ต้นไม่รู้ตัว ต้นเป็นคนที่แบกรับความรู้สึกของตัวเองที่รู้ว่าทำอะไร รักใคร เจอสนมาถามต้องอึดอัดใจเป็นธรรมดา  :เฮ้อ: ตอนเด็กเราทำอะไรผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยว่า ต้นกับสนเลยอยู่กันด้วยความสบายใจ ต้นกับสนคงอยากอยู่ในวัยเด็กมากกว่า สู้ต่อไปต้น  :katai2-1:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :เฮ้อ: ความรู้สึกของสองคนกำลังค่อยๆเปลี่ยนไป เห็นตัวอย่างตอนหน้าไม่รู้เราต้องเตรียมน้ำต้มมาม่าหรือเปล่า

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ไม่ชอบการกดดัน คาดคั้นคำตอบเลย  ถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร เขาก็บอกเองล่ะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ยิ่งไกล้ยิ่งเจ็บซินะต้น

แต่สปอยตอนท้าย
เราต้องต้มน้ำรอใช่ป่ะ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 06: เพื่อนใหม่ของต้น-สน


ไม่ว่าจะจัดงานนี้มากี่ครั้ง บรรยากาศงานรับน้องขึ้นดอยก็ยังคึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ต้นใส่เสื้อของคณะมนุษยศาสตร์สีขาวขอบแขนม่วงและกางเกงผ้าฝ้ายแบบชาวเหนือสีออกม่วงๆ ที่เพิ่งได้รับแจกมาเมื่อเช้า มีหมวกคล้ายๆ หมวกชาวนาที่ผูกผ้าสีน้ำเงินด้วย เริ่มสายแล้วแดดร้อนมากพอดู แต่รุ่นพี่ก็ปลุกเร้าด้วยเสียงกลองและคำปลุกใจต่างๆ มากมายจนต้นรู้สึกอยากจะวิ่งขึ้นดอยเสียเดี๋ยวนี้

"วันนี้คือการบูมของคณะที่จะแสดงให้ทุกๆ คนได้เห็นพร้อมๆ กัน น้องๆ จะต้องแสดงให้พี่ๆ ที่อยู่หลังน้องๆ ได้เห็นความภูมิใจในชื่อคณะที่อยู่ข้างหลังของทุกคนนะครับ"

สิ้นเสียงรุ่นพี่ที่คนหนึ่งที่เป็นผู้นำการรับน้องวันนี้ รุ่นพี่ที่ยืนเรียงแถวตรงขอบถนนทั้งสองข้างก็รัวกลองดังกระหึ่มไปทั่ว น้องๆ นักศึกษาใหม่ที่ยืนตากแดดอยู่กลางถนนก็เตรียมพร้อมที่จะทำกิจกรรมบูมก่อนที่จะวิ่งขึ้นดอยสุเทพ

ประเพณีรับน้องขึ้นดอยจัดขึ้นทุกปีอย่างอลังการเพื่อรับนึกศึกษาใหม่เสมอ จัดขึ้นหลังจากที่นักศึกษาใหม่ได้เข้ามาเรียนได้ระยะหนึ่งแล้ว ถือเป็นกิจกรรมรับน้องที่เป็นเอกลักษณ์ของนักศึกษา มช. เลยทีเดียว รุ่นพี่มักจะบอกรุ่นน้องว่าถ้าใครไม่ได้ร่วมกิจกรรมนี้ก็อาจไม่จบใน 4 ปีก็ได้ ที่สำคัญ กิจกรรมนี้เป็นการทำตามจารีตและร่องรอยอันเป็นวัฒนธรรมอันดีงามที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา อีกทั้งยังเป็นการเจริญรอยตามเส้นทางที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาที่ได้นำเหล่าพุทธศาสนิกชนชาวล้านนา แผ้วถางทางเพื่อสร้างทางขึ้นสู่วัดพระธาตุดอยสุเทพอันเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวล้านนามาช้านาน

"เฮ้ยมึง มียาดมไหมวะ"

เสียงใครสักคนที่อยู่ข้างๆ ร้องถาม เพื่อนร่วมคณะนั่นเอง แต่ต้นยังไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่เพราะยังไม่ค่อยได้คุยกัน

"มี มีสองอัน" ต้นหันไปตอบ

"เออดีๆ กูจะได้ขอยืมหน่อยเผื่อเป็นลม แดดร้อนชิบหายเลยว่ะ ไอ้นิก มึงแน่ใจนะว่ามึงไหว" เจ้าของเสียงหันไปถามเพื่อนอีกคนที่อยู่ข้างหลัง

"โธ่...แค่นี้เอง สบายมาก ไม่ปอดเหมือนมึงหรอกไอ้จั่น ถึงกับถามหายาดมเลยเหรอวะ"

"อย่ามาคุยเลย แล้วใครวะที่ตอนนั้นแม่งเป็นลมกลางวงมาราธอนที่สวนลุม"

"ก็วันนั้นกูไม่ได้กินข้าวนี่หว่า วันนี้กูกินมาเรียบร้อยแล้ว มึงคอยดูละกัน"

"จะเอายาดมไว้เลยไหม เผื่อวิ่งไปแล้วไม่เจอกัน" ต้นรีบแทรกก่อนที่สองคนจะเกทับกันไปมากกว่านี้

"อ้อ...ดีๆ เอามาเลย เฮ้ย...แล้วทำไมมึงมีสองอันวะ" ปั้นจั่นถามอย่างสงสัย ยื่นมือไปรับยาดมที่ต้นยื่นมาให้

"เอามาเผื่อไง เผื่อมีใครเป็นลม" ต้นบอก

"เออ...รอบคอบดีนี่หว่า นี่มึงดูตัวอย่างไว้ไอ้นิก มึงเป็นเพื่อนกูประสาอะไรวะ ไม่เห็นเตรียมอะไรให้กูมั่งเลย" ปั้นจั่นหันไปแหย่เพื่อนอีก

"ว่าแต่กูแล้วมึงเตรียมอะไรให้กูมั่งวะ เมื่อเช้าแม่งก็ลืมเอากระเป๋าตังค์มา เดือดร้อนกูอีก" นิกว่ากลับไปบ้าง

"เออๆ เดี๋ยวกูคืนให้น่า มึงไม่ต้องพูดมากหรอก อ้อ ว่าแต่มึงชื่ออะไรวะ" ปั้นจั่นหันกลับมาถามต้น

"ต้น" ต้นตอบไปสั้นๆ

"ต้นอะไรวะ ต้นไม้ ต้นงิ้ว หรือต้นกระบองเพชรวะ" ปั้นจั่นถามกวนตามประสาคนขี้เล่น

"ต้นเฉยๆ" ต้นตอบไปด้วยท่าทางที่ไม่คิดอะไรมากเพราะเคยมีเพื่อนที่กวนๆ แบบนี้ที่โรงเรียนเก่าเยอะ

"แล้วพวกมึงล่ะ ชื่ออะไรกันมั่ง"

"กูชื่อปั้นจั่น เรียกจั่นสั้นๆ ก็ได้ ส่วนไอ้นี่ชื่อนิก มาจากกรุงเทพ แล้วมึงมาจากที่ไหนวะ" ปั้นจั่นจัดการแนะนำคนเดียวเสร็จสรรพ

"นครปฐม" ต้นบอก

เสียงรุ่นพี่ตะโกนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อให้น้องใหม่ทำกิจกรรมที่เรียกว่า "บูม" ต้นกับเพื่อนใหม่ๆ จึงยุติการคุยกันแต่เพียงเท่านี้ หลังจากที่ทำกิจกรรมบูมแล้วนักศึกษาใหม่ก็จะวิ่งขึ้นดอยสุเทพ รุ่นพี่วิ่งนำไปก่อนพร้อมธงหลากสีสัน จากนั้นน้องใหม่จึงวิ่งตามไป วันนี้ถนนขึ้นดอยสุเทพถูกปิดไว้หนึ่งเลนเพื่อให้นักศึกษาใหม่ทำกิจกรรมเป็นกรณีพิเศษ

น้องใหม่ที่เริ่มเหนื่อยก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเดินบ้าง พอมีแรงขึ้นมาหน่อยก็วิ่งอีก สลับกันไปอย่างนี้ ต่างคนต่างเหงื่อไหลไคลย้อย เมื่อวิ่งขึ้นไปถึงดอยสุเทพแล้วก็มีกิจกรรมให้ทำอีกหลายอย่าง จากนั้นก็วิ่งกลับลงมา กว่าจะเสร็จสิ้นกิจกรรมก็มืดค่ำ น้องใหม่แต่ละคนต่างเหนื่อยล้าจนแทบจะเดินกันไม่ไหว บางคนถึงกับร้องไห้เพราะความเหนื่อยและท่าทีที่ดุดันน่ากลัวของรุ่นพี่



สนนั่งรอนอนรอเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง ทีวีที่เปิดไว้ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจจากคนเปิดเท่าไหร่ สนทำกิจกรรมเสร็จไวกว่าก็เลยกลับมาถึงห้องพักก่อน ก่อนเข้าห้องก็แวะซื้อกับข้าวมาไว้รอกินกับต้นสองสามอย่างด้วยเพราะกลัวต้นกลับมาแล้วจะหิว

เกือบสามทุ่มต้นจึงกลับมาถึงห้องในสภาพอิดโรยเต็มที่ เสื้อผ้าผมเผ้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยสีสันต่างๆ

"เป็นไงมั่งต้น กินข้าวมาหรือยัง" สนถามขณะที่เปิดประตูห้องพักให้เพื่อนเข้ามา ในห้องนี้พักได้สามคน แต่ต้นกับสนบังเอิญได้พักด้วยกันแค่สองคน

"ยังเลย โอย..เหนื่อย" ต้นบอกพร้อมกับเดินลากขาเข้ามาในห้อง เหนื่อยจนแทบขาดใจ อยากจะล้มตัวลงนอนบนเตียงเลยก็ทำไม่ได้เพราะตัวเปื้อนไปหมด

"อาบน้ำก่อนต้น เดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน"

"นายยังไม่กินอีกเหรอ" ต้นถามอย่างแปลกใจ

"ยัง...เรารอกินพร้อมนายไง"

"จริงเหรอ เฮ้ย...ต่อไปไม่ต้องรอเราก็ได้นะ นายกินก่อนได้เลย" ต้นบอกอย่างรู้สึกผิด

"ไม่เป็นไร เราอยากกินพร้อมนาย"

"อ้อ...งั้นเดี๋ยวเราอาบน้ำก่อนนะ ไม่นานหรอก"

ต้นบอกแล้วก็รีบไปค้นเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าที่แลดูค่อนข้างเก่าเพราะผ่านการใช้งานมาหลายปี จะว่าไปต้นก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเดียวกับสนในที่ที่ไม่ใช่ที่บ้านที่เคยอยู่ รู้สึกอายๆ เขินๆ อย่างบอกไม่ถูก

พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว สนก็เตรียมอาหารไว้ให้เรียบร้อยพร้อมกิน มีต้มยำกระดูกหมู ผัดผักบุ้งไฟแดงและไก่ทอด โต๊ะในห้องเป็นโต๊ะแบบพับได้เก่าพอสมควรเพราะใช้กันมาหลายรุ่น มีเก้าอี้ไม่มีพนักสองสามตัวที่เก่าพอๆ กันไว้ให้ใช้ ส่วนจานชามพวกนี้ต้นกับสนเตรียมมาจากบ้านจำนวนหนึ่ง

"กับข้าวเย็นหน่อยนะต้น พอกินได้นะ" สนรีบบอกเมื่อต้นนั่งลง

"กินได้ ตอนนี้หิวมาก อะไรก็กินได้หมดแหละ ขอบคุณมากนะสนที่อุตส่าห์ไปซื้อมา"

ต้นบอกอย่างซาบซึ้งใจ สนเองก็คงเหนื่อยจากกิจกรรมรับน้องไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ยังอุตส่าห์ออกไปหาซื้ออาหารมาให้ต้นด้วย

"เราโคตรดีใจเลยที่นายตัดสินใจเลือก มช. เหมือนเรา" สนพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวไปได้สักพัก

ต้นได้ฟังแล้วก็ขำเล็กน้อยเพราะสนขอบคุณหลายรอบแล้ว

"จะบอกว่าได้ฟังหลายรอบแล้วใช่ไหมล่ะ" สนเหมือนจะรู้ทัน

"ก็เราดีใจจริงๆ นี่นา ถ้านายไม่มาด้วยเราคงเหงาแย่เลย ขอบคุณนะเพื่อนรัก" สนบอกพลางยื่นมือไปยีศีรษะต้นเบาๆ อย่างเอ็นดู

จะว่าไป ถ้าต้นไม่คิดอะไรมาก สนก็เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยล่ะ คอยเป็นห่วงเป็นใยต้นมาอย่างดีตลอด ถ้ารักษาความสัมพันธ์ให้เป็นไปแบบนี้ได้ต่อไปก็คงจะดีไม่น้อย บางทีต้นก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่คิดเกินเลยกับเพื่อน ความรักแบบนี้มีแต่จะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่น่าเกิด ต้นควรจะต้องทำอะไรสักอย่างให้เลิกรักเพื่อนอย่างนั้นเสียที ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเก็บความลับไว้ไม่อยู่ ถ้าสนรู้ ต้นจินตนาการไม่ออกเลยว่าสนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

"ต้น...เราถามนายหน่อยสิ ทำไมนายถึงตัดสินใจเลือกมาเรียนที่นี่กับเรา ไม่รู้สิ ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนนายไม่อยากมาเลย เหมือนนายอยากไปเรียนกรุงเทพมากกว่า"

ต้นทำท่าครุ่นคิด จะว่าตอบง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่เรื่องของเรื่องก็คือ ต้นแพ้ใจตัวเอง ตั้งแต่เริ่มติวหนังสือสอบ สนดูเหมือนจะดูแลเอาใจใส่ต้นมากกว่าปกติ จากที่เป็นเพื่อนที่ดีอยู่แล้วก็ดีมากกว่าเดิม ต้นรู้ว่าสนทำอย่างนั้นเพราะอยากให้ต้นมาเรียนที่นี่ด้วยกัน สุดท้าย ต้นก็ยอมแพ้ ยิ่งเห็นสนทำหน้าเศร้าๆ เพราะกลัวว่าจะต้องแยกกันไปก็ยิ่งสงสารเพื่อน ก็คนมันรักมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะใจแข็งไปได้ถึงไหนกันเชียว

"เอาไว้...เรียนจบแล้วค่อยบอกได้ไหม มันเป็นเรื่องสำคัญมาก เราบอกตอนนี้ไม่ได้หรอก"

สนเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ "โห...สงสัยจะสำคัญจริงๆ ซะด้วย เอาเหอะ...ไว้เรียนจบแล้วเราจะถามนายอีกที อย่าลืมเก็บคำตอบไว้ให้ดีๆ ล่ะ"

สนพูดติดตลกตอนท้าย

"ได้เลย"

"พรุ่งนี้...เราว่าจะไปปั่นจักรยานเล่นที่อ่างแก้วตอนเย็น ไปด้วยกันนะต้น"

"ก็ดีเหมือนกัน" ต้นยิ้มดีใจ ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้ออกไปดูโลกภายนอกของเชียงใหม่เลยว่าเป็นยังไงบ้าง

หลังจากกินอาหารเสร็จ สนก็เป็นคนเก็บจานแล้วล้างเอง ต้นจะช่วยก็ไม่ยอม

"ไม่เป็นไรต้น นายกลับมาเหนื่อยๆ นอนเถอะ เดี๋ยวเราจัดการเอง"

"เฮ้ย เราไหวน่าสน นายเองก็เหนื่อยนะ อุตส่าห์เตรียมอะไรให้เราตั้งหลายอย่าง ให้เราล้างจานดีกว่า" ต้นยืนกราน

สนจับไหล่ต้นทั้งสองข้าง พลิกตัวต้นกลับแล้วก็ดันหลังให้ต้นเดินกลับเข้ามาในห้อง

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจัดการเอง ไว้วันหลังเราค่อยผลัดกันก็ได้ โอเคนะ" สนบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ เหมือนผู้ใหญ่ใจดี

แบบนี้ต้นก็พอรู้ว่าไม่มีทางชนะแน่ๆ

"วันหลังให้เราทำนะ"

"อืม...นายนอนเหอะ"

สนบอกแล้วก็หันหลังเดินออกไป สักพักก็หันมาเตือนเพื่อน "นายโทรหาแม่แล้วนะ"

ต้นพยักหน้า ยิ้มด้วยความดีใจที่เพื่อนคอยห่วงใยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นตอนอยู่มอสาม สนก็ดูเหมือนจะคอยใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเพื่อนมากขึ้น แม้จะมีหลุดบ้าง แต่ก็ดีขึ้นเยอะเลย แล้วอย่างนี้ต้นจะยิ่งไม่รักเพื่อนมากขึ้นได้ยังไง รักจนล้นหัวใจแทบจะเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว

รออีกสี่ปีนะสน ถึงวันนั้นแล้วนายจะรู้ความจริงทุกอย่าง จากนั้น ต่างคนก็ต่างไปมีชีวิตของตัวเอง ถ้ามันร้ายแรงมาก คบกันต่อไม่ได้ ต้นก็พร้อมยอมรับความจริง

สนเดินไปล้างจานที่ค้างไว้ตามเดิม ส่วนต้นก็นอนลงบนเตียงคอยมองเพื่อนอย่างชื่นชม แล้วก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

สนล้างจานเสร็จแล้วก็เดินมาดูเพื่อน ต้นนอนหลับไปแล้วแต่ลืมห่มผ้าห่ม คงจะเพลียมากนั่นเอง สนส่ายศีรษะแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดู เดินไปที่เตียงที่ต้นนอนอยู่ จัดท่าทางให้ต้นนอนสบายแล้วก็คลี่ผ้าห่มที่พับไว้ห่มผ้าให้เพื่อนอย่างเบามือ มือของสนสัมผัสถูกหน้าผากต้นโดยบังเอิญจึงรู้ว่าต้นตัวร้อน พอแตะหน้าผากอีกทีก็เลยรู้ว่าต้นตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้เสียแล้ว



แล้วต้นก็ไม่สบายอย่างที่สนเดาไว้จริงๆ ด้วย ตอนเช้าสนเลยต้องพาต้นไปฝากไว้ที่ห้องพยาบาล ให้ต้นกินยาแล้วนอนพัก ตอนเที่ยงสนซื้อข้าวมาให้เพื่อนกิน คอยดูแลให้ต้นกินข้าวแล้วก็กินยา ตอนเย็นๆ สนก็มารับต้นกลับมาที่หอพักที่อยู่ไม่ไกลจากห้องพยาบาลมากนัก ดูแลดีแบบนี้คนถูกดูแลก็ยิ่งรู้สึกตื้นตันใจ

"อย่าบอกพ่อกับแม่เรานะสนว่าเราไม่สบาย เดี๋ยวเขาเป็นห่วง" ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอิดโรยเล็กน้อยขณะเดินเข้ามาในห้องกับสน

"อืม...เราไม่บอกหรอก มีเราอยู่ทั้งคน พ่อแอ๊ดแม่เยาเขาไม่กังวลหรอก เขารู้ว่าเราดูแลนายดีแค่ไหน" สนยิ้มแล้วลูมผมเพื่อนเล่นเบาๆ อย่างเอ็นดู

ต้นยิ้มอย่างพอใจ อดคิดไม่ได้ว่ายิ่งสนทำอย่างนี้ต้นก็คงยิ่งรักเพื่อนมากขึ้นและมากขึ้น

"เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วเราจะช่วยเช็ดตัวให้นะ นายจะได้นอนสบายๆ"

ต้นพยักหน้าแล้วก็ยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เวลาที่ใครคนใดคนหนึ่งไม่สบาย อีกคนก็จะคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยอย่างนี้เสมอ

พอกินข้าวเสร็จแล้วต้นก็กินยา จากนั้นก็แปรงฟัน ส่วนสนก็จัดการล้างจานชามให้เหมือนเดิมก่อนจะมาช่วยเช็ดตัวให้ต้น

"ถอดเสื้อผ้าออกด้วยสิ" สนบอกเมื่อเห็นต้นกำลังจะนอนทั้งชุดอย่างนั้น

"เอางั้นเลยเหรอ" ต้นเลิกคิ้ว ทำหน้าเหรอหรา

"ก็ใช่สิ นายจะนอนชุดเดิมได้ไง เหม็นเหงื่อ เดี๋ยวไม่สบาย"

สนพูดแล้วก็ก้มลงไปดมเสื้อบริเวณไหล่ของต้น "เนี่ยเห็นไหม เหม็นจะตาย ถอดออกก่อน ไม่ต้องอายเราหรอก เราเห็นของนายมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว"

แต่ตอนโตไม่เคยเห็นนี่นา ต้นเถียงในใจ แต่ก็สุดท้ายก็ต้องยอมถอด เหลือแต่บ็อกเซอร์ลายทางสีฟ้าขาว แล้วก็นั่งลงบนเตียง สนเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ของต้นไปชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วก็นั่งลงบนเตียงข้างๆ ต้น คอยเช็ดตัวให้อย่างเบามือ ความจริงต้นก็ทำเองได้แหละ แต่รู้ว่าสนจะไม่ยอมอย่างแน่นอน พอจะเช็ดขาสนก็ลงไปนั่งกับพื้นแล้วค่อยๆ เช็ดขาให้อย่างไม่รู้สึกรังเกียจ

"เสร็จแล้ว นอนพักก่อนนะต้น เดี๋ยวเราจะอาบน้ำก่อน" สนบอกพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พอเห็นต้นทำหน้าเหมือนคนร้องไห้ก็ตกใจ พอดูดีๆ ก็เห็นว่ามีน้ำตาปริ่มขอบตาแล้ว

"อ้าวต้น...เป็นอะไรหรือเปล่า ร้องไห้ทำไม" สนถามอย่างเป็นห่วง

"เปล่า..."

แล้วต้นก็ลุกขึ้นไปกอดเพื่อน เห็นสนดีอย่างนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านั้นต้นคิดแต่จะหนีเพื่อนไปให้ไกลๆ ทั้งๆ ที่สนก็คอยดูแลเอาใจสารพัดเพราะอยากให้ต้นมาเรียนด้วยกัน ดีนะที่ต้นคิดได้แล้วก็ตัดสินใจวินาทีสุดท้ายว่าจะมาเชียงใหม่กับสน

"ขอบคุณมากนะสน...ที่คอยดูแลเรา"

สนกอดเพื่อนตอบเบาๆ ยิ่งอยู่ห่างพ่อห่างแม่แบบนี้ต้นคงรู้สึกดีที่มีใครสักคนเป็นเพื่อนคอยดูแลห่วงใยเวลาไม่สบาย สนไม่รู้หรอกว่าคนที่เป็นเพื่อนกันเขาดูแลกันขนาดนี้หรือเปล่่า แต่สนอยากดูแลต้นอย่างนี้ แม้ว่าในใจลึกๆ จะรู้สึกว่ามันดูแปลกๆ ไปหน่อยก็ตาม

"ไม่เป็นไรต้น เราเป็นเพื่อนกัน เรื่องแค่นี้เอง เวลาเราไม่สบายนายก็ดูแลเราเหมือนกัน เราก็ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่"

ต้นพยักหน้าทั้งที่ยังกอดเพื่อนไว้ ถ้าจะต้องแอบรักคนดีๆ อย่างนี้ ต้นก็ยอมล่ะนะ



ตอนเช้าๆ ต้นกับสนออกมารอรถม่วงที่จัดไว้ให้บริการนักศึกษาเดินทางภายในมหาวิทยาลัย เป็นรถแบบรถกอล์ฟแต่ดัดแปลงให้มีเบาะหลายที่นั่ง ต้นกับสนและเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ จะออกมารอรถด้วยกันแบบนี้เสมอ เวลากลับมาที่หอพักก็ทำแบบเดียวกัน เป็นกิจวัตรประจำวันของต้นกับสนในรั้วมหาวิทยาลัยไกลบ้านไปโดยปริยาย

เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ต้นหายป่วยแล้ว สนก็นัดต้นมาเจอกันที่หอพักเพื่อออกไปปั่นจักรยานเล่นตามที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้ ต้นไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนอีกสองคนมาด้วย

"นี่นิกนะ คนนี้ปั้นจั่น เรียนคณะเดียวกับเรา" ต้นแนะนำเพื่อนใหม่ให้สนรู้จักแล้วก็เปลี่ยนไปแนะนำสนให้เพื่อนรู้จักบ้าง

"แล้วก็...นี่สนนะ เรียนคณะบริหารธุรกิจ"

นิกกับปั้นจั่นยิ้มให้เพื่อนใหม่ แม้ไม่เคยเจอกันมาก่อนก็รู้สึกว่าถูกชะตากับสนเป็นพิเศษ ดูท่าทางน่าจะพอคบกันได้อยู่

"พอดีสองคนนี้อยากไปปั่นจักรยานเล่นด้วย เราก็เลยชวนมา ขอโทษทีที่ไม่ได้บอกนายก่อน"

สนพยักหน้าเข้าใจ "ได้ๆ ไม่มีปัญหาหรอก จะเช่ากี่คันดีล่ะ สองคันได้ไหม ซ้อนกันสองคน"

ทุกคนก็ตกลงตามนั้น เมื่อได้จักรยานแล้วสี่หนุ่มก็ปั่นออกไปอย่างสนุกสนานตามประสาวัยที่ชอบเล่นสนุก ต้นไปกับสนโดยมีสนเป็นคนปั่น ส่วนอีกคันนิกเป็นคนปั่นให้ปั้นจั่นซ้อนท้าย ปั่นเร็วบ้าง ช้าบ้างแล้วแต่อารมรณ์ บรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายในบริเวณมหาวิทยาลัยช่วยให้การปั่นจักรยานชมวิวเพลิดเพลินมากทีเดียว

ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแก้วมีหนุ่มๆ สาวๆ และประชาชนทั่วไปมาพักผ่อนหย่อนใจกันมากพอสมควร บางคนมาออกกำลังกาย บางคนมาเดินเล่น บางคนก็มาเป็นคู่ๆ รวมทั้งยังมีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายท้องถิ่นมาเที่ยวชมด้วย

เมื่อสี่หนุ่มมาถึงก็จอดจักรยานไว้ แล้วก็เดินมานั่งบริเวณขอบอ่างบนพื้นหญ้า คุยกันไปชมวิวไปด้วย

"ทำไมพวกมึงสองคนคุยกันเพราะจังวะ"

ปั้นจั่นถามอย่างสงสัย ตลอดทางได้ยินต้นกับสนคุยกันเรียกเราเรียกนายตลอด แต่นิกกับปั้นจั่นมีแต่มึงกับกู

"ไม่รู้ว่ะ ก็เรียกมาอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว" สนบอก

"พวกมึงรู้จักกันมากี่ปีแล้ว" นิกถามบ้าง

"อืม...ตั้งแต่อยู่ปอห้า กี่ปีละ" ต้นทำท่านับนิ้วเมื่อไม่แน่ใจ

"เก้าปีแล้ว แล้วพวกมึงล่ะ"

"ตั้งแต่เกิดเลยมึง บ้านอยู่ติดกัน เบื่อหน้ามันชิบหายเลย ไปไหนก็ตามไปตลอด ขนาดเลือกมหาลัยมันยังเลือกสมัครเหมือนกับกูทุกที่เลย แล้วก็ดันมาติดที่เดียวกัน คณะเดียวกันอีก"

ปั้นจั่นพูดไปอย่างนั้น ความจริงก็รักและสนิทสนมกับนิกมาก ไปไหนไปด้วยกันตลอดจนเป็นคู่หูรู้ใจกันไปเลย

"แหมๆ มึง สำคัญตัวผิดไปใหญ่ละ ถ้ากูไม่ตามมึงมา แล้วมึงจะไปหาเพื่อนดีๆ อย่างกูได้ที่ไหนวะ สำนึกบุญคุณกูบ้างไหมที่อุตส่าห์ตามมาคอยเป็นเพื่อนมึง" นิกแหย่กลับไปบ้าง

"คร้าบบบบบบ เพื่อนนิกสุดที่รัก" ปั้นจั่นพูดพลางกอดคอเพื่อนแน่นแล้วก็เขย่าตัวแรงๆ

"เฮ้ย ปล่อยกู ไอ้นี่เดี๋ยวกูถีบตกน้ำ" นิกว่าพลางผลักเพื่อนออกไป ปั้นจั่นเซไปเล็กน้อย

"เดี๋ยวก็ฟ้าผ่าหรอกมึง"

ต้นกับสนมองดูเพื่อนสองคนเล่นกันแล้วก็หัวเราะ สองคนนี้ดูสนิทกันมากจึงไม่น่าแปลกใจว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เกิดจริงหรือเปล่า

"อ้อ แล้วทำไมพวกมึงเพิ่งรู้จักกันตอนอยู่ปอห้าวะ แสดงว่าเรียนกันคนละโรงเรียนมาก่อนเหรอ" นิกหันกลับมาสนทนากับเพื่อนใหม่ต่อ

"เมื่อก่อนกูอยู่จังหวัดน่าน แล้วก็ย้ายมาอยู่นครปฐม พอดีญาติของกูคนหนึ่งเขามีบ้านกับสวนอยู่ที่นั่น แล้วเขาก็ไปอยู่ต่างประเทศก็เลยยกที่ให้แม่กู ส่วนต้น ก็อยู่ที่กำแพงแสนมาตั้งแต่เกิดนั่นแหละ ก็เลยได้เจอกันตอนนั้น บ้านไม่ติดกันหรอก แต่เดินสองสามนาทีก็ถึง" สนบอก

ในระหว่างนั้นมีสาวๆ กลุ่มหนึ่งขี่จักรยานผ่านมาพอดี สนเผลอมองตามไปโดยไม่รู้ตัว

"น้อยๆ หน่อยนะมึง คอจะหักอยู่แล้ว" ปั้นจั่นแซวพลางหัวเราะ

"เฮ้ยไอ้ต้น เพื่อนมึงหน้าหม้อไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย" นิกแซวอีกคน

สนยิ้มอายๆ แล้วก็หัวเราะ ส่วนต้นยิ้มเจื่อนๆ เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่เอาเถอะนะ ต้นจะพยายามอดทนและทำใจ อีกไม่นานต้นก็จะได้บอกความลับนั้นแล้ว ต่อไปก็จะได้ไม่ต้องทรมานที่รักเพื่อนแต่เพื่อนไม่รู้อีก เมื่อก่อนต้นเคยคิดว่าจะเก็บไว้เป็นความลับตลอดไป แต่ตอนนี้ต้นคิดว่าควรจะบอกให้สนรู้ในวันหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้ ต้นอยากให้ความทรงจำในวัยประถม มัธยมและมหาวิทยาลัยเป็นความทรงจำที่ดี ไม่อยากให้มีเรื่องต้องขุ่นข้องหมองใจ แต่หลังจากนั้น...ต้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าหากมิตรภาพจะต้องจบลงเพราะเรื่องนี้ ต้นก็ยังดีใจที่ครั้งหนึ่งได้ใช้เวลาแห่งความสดใสของชีวิตวัยเยาว์ด้วยกัน

"ไม่ขนาดนั้นหรอกเว้ย แค่มองเฉยๆ พวกมึงไม่ชอบมองผู้หญิงสวยๆ เหรอวะ" สนแก้ตัวแล้วก็ถามกลับ

"ชอบดิ แต่ไอ้นิกมันมองผู้หญิงสวยๆ ไม่ได้หรอก ไม่งั้นตายแน่ๆ" ปั้นจั่นรีบบอก

"ทำไมวะ"

"แฟนมันเอาตายเลย ไม่เชื่อถามมันดิ"

นิกหัวเราะแหะๆ เขาเกิดในครอบครัวคนจีนที่ค่อนข้างเข้มงวดพอสมควร แฟนที่ปั้นจั่นพูดถึงก็คือลูกสาวของเพื่อนพ่อที่นิกรู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้นิกแต่งงานกับเพื่อนลูกสาวพ่อให้ได้ นิกเองก็ไม่ได้ขัดขืนแถมมีท่าทางยอมรับกลายๆ คบหาดูใจกับน้องคนนั้นมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นขี้เล่นแบบนี้นิกก็เป็นคนที่ขยันทำมาหากินเพราะเติบโตมาในครอบครัวเถ้าแก่ มีกิจการของตัวเอง ผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วยก็ต้องขยันทำมาหากิน แล้วน้องคนนั้นก็เป็นคนขยันเสียด้วยสิ นิกก็เลยชอบ

"มีแฟนแล้วเหรอวะ" สนสงสัย

"เออดิ ป๊ามันหาให้เองกับมือเลย สวยด้วย ขยันด้วย" ปั้นจั่นบอก นิกได้แต่ยิ้มๆ

"วันหลังพามารู้จักมั่งดิ" สนหันไปบอกนิกที่นั่งยิ้มๆ อยู่

"ไม่ได้ว่ะ เขาเรียนอยู่กรุงเทพ" นิกบอก สนจึงร้องอ๋อ

"เฮ้ยต้น แล้วมึงล่ะ มีแฟนหรือยังวะ คบกันมาตั้งหลายวัน ลืมถามว่ะ" ปั้นจั่นหันไปถามคนที่นั่งเงียบอยู่พักหนึ่ง

"ยัง" ต้นตอบด้วยท่าทางประหม่า

"จริงเร้อ ไม่ใช่มีแล้วแอบไว้ที่ไหนล่ะ" นิกแซวพร้อมกับหัวเราะ

"เฮ้ย...ไม่มีจริงๆ ยังเด็กอยู่เว้ย" ต้นรีบบอกปัด

"เด็กห่าอะไรวะ ถ้ามีเมียป่านนี้ก็มีลูกเป็นสิบแล้ว" ปั้นจั่นว่า

"แล้วมึงล่ะสน เอ...ถ้าดูจากที่เหลียวหลังจนคอแทบหักเมื่อกี้ก็ไม่น่าถามนะ สงสัยต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ มึงมีแฟนมากี่คนแล้ววะ" ปั้นจั่นถามแล้วก็หัวเราะ

"เยอะว่ะ" สนตอบติดตลก "แต่ตอนนี้ยังไม่มี"

"อนาคตไม่แน่"

ปั้นจั่นรีบสอดขึ้นมา แล้วทุกคนก็หัวเราะ ต้นพลอยหัวเราะไปด้วยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง ไม่อยากให้เพื่อนผิดสังเกตและต้องมารู้สึกลำบากใจที่มีเพื่อนเป็นแบบนี้

"ไปกินข้าวในเมืองกันไหม กูมีร้านอร่อยๆ แนะนำหลายร้านเลย อยากกินอะไรบอกมาเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง" นิกเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว เริ่มรู้สึกหิวๆ

"ไปไงเหรอ ปั่นจักรยานไปเนี่ยนะ" สนถามอย่างไม่แน่ใจ

"มันมีรถเว้ย ป๊ามันซื้อให้เป็นของขวัญที่มันสอบเอนทรานซ์ได้ ไอ้นี่บ้านมันรวย" ปั้นจั่นคุยแทนเพื่อน

"เหรอ เออๆ ดีๆ ไปกินข้าวในเมืองก็ดีเหมือนกัน เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง"

สนเออออไปด้วย



หลังจากที่รู้จักกันได้หนึ่งเดือน นิกกับปั้นจั่นก็ตัดสินใจยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้ต้นและสน ทั้งสองคนเลยนัดต้นกับสนมากินข้าวกลางวันด้วยกันที่คณะมนุษยศาสตร์เพื่อคุยกันเรื่องนี้

"มาอยู่กับพวกกูไหมวะ ตอนนี้กูมีห้องเหลืออีกสองห้อง" นิกถามเมื่อกินข้าวไปได้สักพัก

"เหรอๆ แล้วแพงไหม"

สนถามอย่างสนใจ หอพักนักศึกษาในมหาลัยนั้นเก่าและแคบพอสมควร ถ้าเกิดได้ย้ายไปอยู่ห้องที่ดีกว่า กว้างกว่าก็คงจะดีไม่น้อย

"ไม่แพงหรอก ให้อยู่ฟรี แค่ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟแล้วก็ค่าน้ำมันรถกู อ้อ...อีกอย่างนึง...ช่วยทำความสะอาดบ้านด้วย ฮ่าๆ แค่นี้แหละ" นิกบอก

ต้นกับสนมองหน้ากันอย่างประแปลกใจ

"เฮ้ย ใจดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ ว่าแต่มันอยู่ไกลจากมหาลัยเยอะหรือเปล่าวะ" สนถาม

"ไม่ไกล ถ้ามึงนั่งรถแดงมาก็ไม่ถึง 20 นาที ไม่กี่บาทหรอก" นิกหยุดเว้นจังหวะ

"คือ...มันเป็นบ้านของหม่าม้ากูเอง เขามาซื้อไว้ตั้งนานแล้วล่ะ กะว่าเอาไว้มาอยู่เวลามาเชียงใหม่ แต่ก็ไม่ค่อยได้มาหรอก ตอนแรกว่าจะขายต่อ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจเอาไว้ให้นักศึกษามาเช่า ตอนนี้กูเป็นคนมาอยู่เองก็เลยไม่ต้องเสียค่าเช่า อ้อ...กูเล่าให้หม่าม้ากูฟังเรื่องพวกมึงสองคนแล้ว หม่าม้าบอกว่าถ้าพวกมึงเป็นคนดี ไว้ใจได้ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไร"

อันที่จริงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่เพราะต้น นิกชอบนิสัยของต้นมาก ความมีน้ำใจของต้นที่ต้นแสดงให้เพื่อนๆ ในห้องเห็นทำให้ต้นเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในเวลาไม่นานนัก งานอะไรที่ต้นช่วยได้ต้นจะไม่รีรอเลย

"สนใจไหม ห้องมันใหญ่มากเลยนะเว้ย กูก็พักอยู่กับมันนี่แหละ มีครัว มีห้องนั่งเล่น มีห้องน้ำแยกคนละห้อง มีสวนหน้าบ้าน พวกมึงต้องชอบแน่ๆ"

ปั้นจั่นพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่นั่งฟังอยู่สักพัก

"สนใจๆ"

ต้นรีบบอก นอนห้องเดียวกับสนมาพักหนึ่งต้นรู้สึกได้เลยว่าเหมือนอยู่กัน "สองคนผัวเมีย" ทำให้ต้นยิ่งทำใจลำบาก สนดูแลดีจนต้นแทบจะห้ามใจไม่ไหว ถ้าแยกห้องกันอยู่ แม้ว่าจะเป็นบ้านหลังเดียวกันก็น่าจะทำให้ต้นพอแยกตัวจากสนได้บ้าง

"เราโทรถามแม่ก่อนไหมต้น"

สนเตือนเพราะคิดว่าถ้าพ่อแม่รับรู้แล้วก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตอนที่มาเห็นหอพักครั้งแรก พ่อกับแม่ของต้นและสนดูจะตกใจกับสภาพของมันอยู่เหมือนกัน

"อืมๆ เดี๋ยวเย็นนี้เราโทรหาพ่อกับแม่กันนะ" ต้นพยักหน้าเห็นด้วย

"รีบๆ เข้าล่ะ เดี๋ยวแม่กูเปลี่ยนใจไม่รู้ด้วย ถ้าไม่ใช่พวกมึงสองคนนะ กูไม่ให้มาอยู่ด้วยหรอก"

นิกบอกพลางคีบก๋วยเตี๋ยวขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ต้นกับสนหันมามองหน้ากันอีกครั้งแล้วก็ยิ้ม ไม่ต้องถามก็รู้ว่าต่างคนต่างคิดอะไร
[/size]
TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2016 13:45:49 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ขอกอดน้องต้นแรงๆ หน่อยเถอะค่าา :กอด1: น้องทั้งน่าเอ็นดูและน่าสงสารในคราวเดียวเลยนะคะ สู้ๆ น้า~ เราก็เห็นด้วยค่ะที่น้องจะย้ายไปอยู่กับนิก-จั่น เพราะถ้าอยู่กับสนสองคนนานกว่านี้ น่ากลัวว่าน้องต้นจะตบะแตกไปเสียก่อนน่ะสิคะ แอร๊ย~ รักดอกจึงหยอกเล่นน้า..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2015 16:44:47 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ตอนนี้ที่บ้านมีมาม่าเต็มตู้แล้วทุกรส ไม่รับของแจกจ้า  :ling3:

รอตอนต่อไปจ้า :pig4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ต้นคือดีอ่ะ สนก็ดี
็นิกกับจั่นก็โอเค

แยกห้องกันอยู่บ้างก็ดีเนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
ในต้นสนเวอร์ชั่นที่ 1 (เสียดายทำหายไป) ผมพยายามหาเพลงที่เนื้อหาคล้ายๆ กับข้างล่างนี้ แต่ก็ไม่เจอที่ถูกใจ
ก็เลยเขียนเป็นเนื้อเพลงเฉยๆ ในตอนๆ หนึ่งที่ต้นไปร้องเพลงคาราโอเกะกับเพื่อน
เพลงขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า "จะรักใครก็รักไป เก็บหัวใจเธอไว้อย่างนั้น"
ต้นตั้งใจร้องเพลงนี้ให้สนฟัง เพื่อจะสื่อสารอะไรบางอย่าง

ช่วงที่ผมหยุดเขียนนิยายไป ผมก็เลยแต่งเพลงๆ หนึ่งขึ้นมาจากเนื้อเพลงปลอมๆ ในฉากนัน
แล้วก็ได้เพลงนี้มาครับ "รักใครก็รักไป" เอามาให้ฟังระหว่างรอตอนต่อไปครับ

https://www.youtube.com/v/CPa2tSBE1YM

จะรักใคร ก็รักไป
เก็บหัวใจเธอไว้อย่างนั้น
จะไม่ขอวุ่นวาย รบกวนหัวใจ
อยู่อย่างรู้ตัว...ว่าไม่สำคัญ

ไม่รักกัน ไม่เป็นไร
จะขอยืนตรงนี้ข้างหลัง
ปล่อยให้ฉันเป็นไป ทุรนทุราย
แค่อยากรักเธอ แม้ไม่มีหวัง

หัวใจไม่อาจบังคับกัน ฉัน..ก็รู้อยู่ แต่ก็หวังว่าเธอนั้นคงไม่ใจร้าย
ขอให้คนหนึ่งได้รักเธอ แม้...ว่าต้องเจ็บ ไม่หวังให้เธอต้องมาเข้าใจ
คนอย่างฉัน

จะรักใคร ก็รักไป
อยู่ของเธอดีแล้วอย่างนั้น
ปล่อยให้ฉันทำใจ จนหมดรักเธอ
แต่ไม่รู้เลยว่านานเท่าไรเหมือนกัน

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
ในที่สุดก็เรียนที่เดียวกันจนได้ (แหม ทำแอ๊บไม่รู้ทั้งที่อ่านแล้ว  :laugh:) อย่างนี้ก็ยิ่งใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม การจะให้ต้นตัดใจจากสนมันเป็นไปได้ยากอยู่แล้วล่ะ เพราะต้นเลือกที่จะทำตามหัวใจมากกว่า ต้นยอมที่เจ็บแต่ขอให้ได้อยู่กับสน ความลับไม่มีในโลกวันใดวันหนึ่งก็ต้องเผยออกมา ขึ้นอยู่กับว่าทั้งต้นและสนจะทำให้ความลับที่เปิดไปในทิศทางไหนเท่านั้นเอง แต่เชื่อได้ว่า มิตรภาพ ระหว่างต้นกับสน มันผูกพันลึกซึ้งเกินกว่าจะมีอะไรมาทำลายลงได้ แม้แต่การที่ต้นเป็นเกย์ก็ตาม   อ้อ เพลงเพราะมาก มีความหมายเหมือนที่ต้นกำลังทำอยู่เลย  สู้สู้ :katai2-1:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 07: พี่รหัสของต้นและคนที่แอบหวง


หลังจากที่คุยกันวันนั้นอีกสองสามวัน ต้นกับสนก็ดำเนินการย้ายข้าวของมาอยู่ที่บ้านของนิกตามที่นิกเสนอ วันแรกที่ย้ายเข้ามา สนจึงขอเฉลิมฉลองด้วยการทำอาหารเย็นให้เพื่อนๆ กินเพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจไมตรีของเพื่อนใหม่ด้วย

คุณสมบัติหนึ่งที่ใครหลายคนมักไม่รู้เกี่ยวกับสนคือการทำอาหาร สนทำอาหารเก่งเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ทำเป็นประจำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงานในบ้าน ทำอาหารเป็นแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะอาหารเหนือที่แม่กับพ่อมักจะสอนให้ทำกินกันในบ้านบ่อยๆ

วันนี้สนมีลูกมือช่วยทำอาหารด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหน ต้นเพื่อนรักนั่นเอง ส่วนนิกกับปั้นจั่น สนให้นั่งเล่นเกมส์หรือดูทีวีรอไปพลางๆ ก่อน แต่สองคนนั้นก็มักจะเดินเข้ามาดูในครัวบ่อยๆ เพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าอาหารจะพอกินได้ไหม หรือเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง

"เฮ้ยต้น อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าผัดผักแล้ว อันนี้เรียกว่าเขี่ยผัก"

สนละจากการสับหมูแล้วเดินไปดูต้นผัดผักด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ผัดไปกลัวน้ำมันกระเด็นใส่ไป

"เรากลัวน้ำมันกระเด็นใส่น่ะ"

ต้นบ่นกับตัวเองอย่างเซ็งๆ สนสอนผัดผักตั้งหลายครั้งแต่ก็ทำไม่เคยเป็นเสียที

"มานี่เราสอนให้" สนมายืนข้างหลังต้นแล้วก็เอาตะหลิวจากมือต้นมา

"เนี่ย ทำแบบนี้นะ ตักผักที่อยู่ข้างล่างตรงกลางที่โดนความร้อนมากที่สุดมาไว้ข้างๆ ให้ผักชิ้นอื่นๆ ไหลเข้าไปแทนแบบนี้ มันจะได้สุกทั่วถึงกัน"

นี่เป็นสูตรลับของสนเลยล่ะ ผัดผักของสนจึงอร่อยแตกต่างจากผัดผักทั่วไป

"อ้อ เข้าใจแล้วๆ มาๆ เดี๋ยวเราทำต่อ"

พูดจบต้นก็หยิบตะหลิวคืนมาจากสน แต่ผัดยังไงๆ ก็ไม่คล่องแคล่วเหมือนสนเลย

ในระหว่างนั้นนิกเดินเข้ามาในครัวพอดี กำลังจะแซวแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็นสนยืนสอนต้นผัดผักอย่างใกล้ชิด นิกขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ปกติไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายที่ไหนยืนตัวติดกันขนาดนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับผิดสังเกต แค่แปลกใจหน่อยๆ

"เฮ้ย จะได้กินไหมวะเนี่ย หิวแล้ว"

ต้นกับสนหันมามองเจ้าของเสียงพร้อมกัน สนรีบเขยิบออกห่างจากต้นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่านิกมองอย่างสังเกต

"เชื่อมือเหอะน่า อดใจรออีกนิดเพื่อน ได้กินของอร่อยๆ แน่"

สนบอกแล้วก็เดินกลับมาสับหมูที่ทำค้างไว้ต่อ

"ไงวะต้น ผัดผักมึงจะสำเร็จไหม" นิกหันไปแซวต้นเป็นรายต่อไป

ต้นได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วก็หันไปง่วนกับการผัดผักต่อโดยมีสนคอยแอบมองอย่างห่วงๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี

อาหารเย็นวันนี้มีผัดผักรวมมิตร ลาบหมู ต้มยำรวมมิตรและไข่เจียวร้อนๆ อร่อยๆ ใครที่ได้กินอาหารฝีมือของสนแล้วจะต้องชื่นชอบในรสชาติที่อร่อยและลงตัวอย่างแน่นอน

"เฮ้ยสน กูว่ามึงเปิดร้านอาหารได้เลยนะเนี่ย อร่อยทุกอย่างเลยว่ะ" ปั้นจั่นชมพลางเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ หมดข้าวไปสองจานแล้ว

"เออๆ กูเห็นด้วยว่ะ ถ้าได้ทำเลดีๆ นะ กูว่ามึงรวยเลยแน่ กูโคตรชอบต้มยำของมึงเลย อร่อยโคตรๆ" นิกชมอีกคน นี่ก็หมดข้าวไปสองจานแล้วเหมือนกัน

คนถูกชมยิ้มแก้มแทบปริ สนก็เคยคิดเรื่องเปิดร้านอยู่เหมือนกันถ้ามีทุนสักหน่อย เสียงโทรศัพท์ของต้นดังขึ้น เจ้าตัวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็รับ

"เจนี่เหรอ แป๊บนึงนะ เดี๋ยวโทรกลับ" ต้นบอกไปแล้วก็ปิดโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋าตามเดิม

"เออ เจนี่เขาดูท่าทางจะชอบมึงมากเลยนะต้น ทำงานกลุ่มด้วยกันครั้งเดียวชมมึงไม่เคยขาดปากว่าเก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ ไปไหนก็พูดถึงแต่มึง"

ปั้นจั่นพูดขึ้นทันทีที่ต้นเก็บโทรศัพท์ไปแล้ว

"ไม่หรอกมั้ง ก็ธรรมดานี่" ต้นแย้งแล้วก็หันมากินข้าวต่อ

ดูเหมือนการสนทนาเรื่องนี้จะทำให้สนสนใจมากทีเดียว คอยมองเพื่อนรักที่นั่งข้างๆ กันด้วยสายตามีคำถาม

"เฮ้ย กูว่าไม่ธรรมดาว่ะ เจนี่เขาต้องชอบมึงแน่ๆ เลย กูดูไม่ผิดหรอก ไม่เชื่อมึงคอยดูสิ เฮ้ย ไอ้สน เดี๋ยวเพื่อนรักของมึงที่มันบอกว่ายังเด็ก จะมีแฟนก็งานนี้แหละวะ"

ปั้นจั่นเน้นคำว่า "ยังเด็ก" มากเป็นพิเศษ สนกับนิกหัวเราะชอบใจกันใหญ่

"จริงเหรอต้น นายกำลังจะมีแฟนแล้วเหรอ"

สนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น รู้จักกันมาตั้งหลายปียังไม่เคยเห็นต้นมีแฟนเลย ชักอยากเห็นแล้วสิว่าถ้าต้นมีแฟนจะเป็นยังไง

"มีก็ดีเหมือนกันนะ เราอยากเห็นเวลานายมีแฟนน่ะ อ้อ...ไว้พาเราไปรู้จักกับเจนี่หน่อยนะ อยากรู้ว่าแฟนนายน่ารักแค่ไหน"

สนใช้ศอกกระทบกับแขนเพื่อนเบาๆ เป็นเชิงรบเร้า

"เฮ้ย...คงไม่หรอกมั้ง ไอ้จั่นมันก็พูดไปอย่างงั้นแหละ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเราหรอก"

ต้นบอกแล้วก็หลบสายตาของสนที่คอยลอบสังเกตอาการเขินของต้น

"เฮ้ย...มีแฟนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าเขาชอบนายก็ลองจีบดูสิ จะให้เราช่วยไหมล่ะ อ้อ นายมีแฟนก็ดีนะ พ่อนายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงด้วยไง เขาเคยถามเราด้วยนะว่านายชอบใครมั่งหรือเปล่า"

อยู่ๆ สนก็หลุดพูดเรื่องนี้ไปโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อรู้ว่าเผลอไปก็ไม่ทันเสียแล้ว

ต้นถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ยินอย่างนั้น "พ่อเราเคยถามนายเรื่องนี้ด้วยเหรอ"

สนหน้าเจื่อน รู้สึกผิดที่เผลอพูดโดยไม่ทันคิด "เอ่อ..."

"หรือว่าพ่อมึงจะสงสัยว่ามึงเป็นเกย์วะต้น นี่ไง โอกาสที่มึงจะพิสูจน์ว่ามึงไม่ได้เป็นเกย์ไง ก็มึงน่ะเล่นไม่ยอมมีแฟนแบบนี้พ่อมึงเขาก็สงสัยดิวะ"

ต้นหันไปมองหน้านิก แค่ได้ยินคำว่า "เกย์" ต้นก็สะดุ้งตกใจจนทำสีหน้าไม่ถูกแล้ว ทำไมพ่อถึงถามสนอย่างนั้นแต่ไม่เคยคุยกับต้นเรื่องนี้เลย พ่อกำลังสงสัยอะไรหรือเปล่า ต้นไม่เคยมีแฟน พ่อคงสงสัยเรื่องนี้แน่ๆ คนที่ต้นกลัวมากที่สุดก็คือพ่อกับแม่นี่แหละ ต้นไม่อยากจะคิดเลยว่าต้นต้องเจออะไรบ้างถ้าพ่อกับแม่รู้ความจริง

"เออว่ะ นี่ถ้ามึงมีท่าทางออกสาวหน่อยกูก็คงคิดว่ามึงเป็นเกย์ไปแล้วแน่ๆ เลย" ปั้นจั่นสำทับแล้วก็ขำ

ต้นแทบจะกลืนข้าวไม่ลง สะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก ตลกไม่ออก สนเองก็ดูมีท่าทางแปลกไป ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกับต้นมาไม่เคยมีความคิดว่าต้นเป็นเกย์อยู่ในหัวของตัวเองเลย

"เฮ้ย เกย์เกออะไรกันวะ กูเป็นเพื่อนกับต้นมาเกือบสิบปี ต้นไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกน่า กินข้าวๆ"

สนรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าต้นเริ่มเงียบและขรึมไป รู้สึกผิดที่อยู่ดีๆ ก็เผลอพูดเรื่องนี้ออกมา

"เฮ้ยต้น แต่ถ้านายมีแฟน ต้องพามารู้จักกับเราคนแรกนะ"

สนไม่วายกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนเรื่องนี้อีกเพราะอยากให้ต้นหายเครียด แต่สนก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ต้นกำลังลำบากใจมากแค่ไหน ต้นได้แต่พยักหน้า ยิ้มไปอย่างนั้น แต่ในหัวใจกลับสับสนว้าวุ่นและหวาดระแวงไปหมด นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับต้นเลย ไหนจะเพื่อน ไหนจะพ่อกับแม่ของตัวเองและพ่อกับแม่ของเพื่อน ชีวิตอย่างนี้ไม่ง่ายเลย



"ต้น ต้น ต้น ไปไหน รอพี่ด้วย"

เสียงเรียกของใครคนหนึ่งทำให้ต้นต้องหยุดเดินแล้วหันไปมอง พอเห็นคนที่เดินแกมวิ่งตามมาก็ยิ้มพร้อมกับทักทายกลับไป

"อ้าว พี่ทิน หวัดดีครับ"

"อยู่นี่เองเรา พี่ตามหาตั้งหลายวัน" คนที่เพิ่งเดินตามมาถึงยิ้มกว้าง

"แล้วนี่จะไปไหน กลับบ้านหรือว่าไปเที่ยวที่ไหนต่อ" ถามพลางหอบนิดๆ

"กลับบ้านครับพี่ แล้วพี่ทินตามหาผมทำไมเหรอครับ" ต้นมองพี่รหัสอย่างสงสัย

"อ้าว...ก็เราเป็นน้องรหัสของพี่ไง พี่รหัสก็ต้องคอยดูแลน้องรหัสสิครับ ว่าแต่ว่า...เย็นนี้ไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม จะได้รู้จักกันมากขึ้น"

"เอ่อ..."

"ไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอ...หรือว่ารีบ" ทินเอียงคอถาม

"ไม่รีบครับ แต่..."

"งั้นก็ดีเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า พี่อยากรู้จักต้นมากขึ้น เห็นใครๆ ก็พูดถึงต้นอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นคนน่ารัก ใครๆ เขาก็ถามพี่ว่าต้นเป็นยังไงบ้าง แต่พี่ก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพิ่งคุยกับต้นไม่กี่ครั้งเอง คุยทีก็แป๊บเดียว"

ต้นคงก็ไม่กล้าปฏิเสธหรอก ยังไงต้นกับพี่รหัสก็ต้องเจอกันไปอีกหลายปี แต่ต้นไม่ค่อยอยากไปกินข้าวข้างนอกบ่อยๆ เพราะเปลืองเงิน ต้องรบกวนพ่อกับแม่โดยไม่จำเป็นอีก

"เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ไปเถอะ ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอก เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่บ้าน" ทินคะยั้นคะยอเหมือนรู้ทันว่าต้นคิดอะไร

"ก็...ได้ครับ" ต้นตกลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น

ทินพาต้นมาที่ร้านอาหารในห้างชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างที่ทินสั่งอาหาร ต้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรไปบอกสนว่าไม่ต้องรอกินข้าว แต่ปรากฎว่าแบ็ตเตอรี่หมดเกลี้ยงเลย นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่เมื่อวานตอนเย็นลืมชาร์จ เมื่อเช้าตอนไปเรียนก็รีบจนลืมดูว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่แค่ไหน

"อ้าวต้น สั่งอาหารเลย ไม่ต้องเกรงใจ" ทินบอกเมื่อเห็นต้นยังนั่งนิ่งอยู่

"ครับพี่"

ต้นหยิบเมนูอาหารมาดู สักพักก็เลือกอาหารจานเดียวไปหนึ่งอย่าง ไม่อยากกินเยอะเพราะเกรงใจคนเลี้ยง อีกอย่าง ถ้ากินน้อยๆ เสร็จไวๆ ก็จะได้กลับไปกินกับสนที่บ้านพักได้ต่อ อย่างนี้สนคงไม่โกรธมาก แต่ในใจก็กังวลว่าสนจะเป็นห่วง ยิ่งติดต่อไม่ได้อย่างนี้ยิ่งแล้วใหญ่

"เป็นอะไรหรือเปล่าต้น หน้าซีดๆ ไม่อยากมากับพี่เหรอ" ทินถามเมื่อเห็นต้นยังนั่งเงียบและมีท่าทางเหมือนกังวล

"เปล่าครับพี่ พอดี...เกรงใจพี่น่ะครับ" ต้นยิ้มแหยๆ

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องดูแลน้องรหัสรู้เปล่า แค่นี้เอง ไว้วันหลังต้นเลี้ยงพี่คืนก็ได้"

"ครับ" ต้นตอบสั้นๆ

"ดีแล้ว อ้อ...ต้นมาจากนครปฐม อำเภอกำแพงแสนใช่ไหม"

"ครับ"

"พี่เคยไปเที่ยวที่ ม. เกษตรกำแพงแสนด้วยนะ ไปถ่ายรูปกับดอกชมพูพันทิพย์ พอดีตอนนั้นกลับมาจากไปเที่ยวที่กาญจน์ก็เลยแวะ สวยดีนะ ต้นเคยไปที่นั่นไหม"

"ยังเลยครับพี่ เห็นเขาบอกอยู่เหมือนกันว่าสวย แต่ผมอยู่ไกลจากตรงนั้นหน่อย เลยไม่ได้ไป"

"อ้อ...ต้องลองไปดูนะ ช่วงประมาณมีนา-เมษามันจะออกดอกเยอะ เหมือนซากุระเลย ไปถ่ายรูปกับแฟนมันจะได้บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่นเลย" ทินพูดพลางขำเล็กน้อย

"อ๋อครับ ตอนนั้นพี่ไปกับแฟนเหรอครับ"

"อืม...ใช่ แต่ว่า...ตอนนี้เลิกกันแล้วล่ะ อ้อ พี่มีรูปแฟนเก่าพี่ด้วย เดี๋ยวให้ดู" ทินบอกแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ค้นหารูปในมือถือสักพักก็ส่งให้ต้นดู

ต้นรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพี่รหัสถึงอยากให้ดูรูปแฟนเก่า แต่ช่างเถอะ อยากให้ดูต้นก็ไม่มีปัญหาหรอก พอดูแล้วต้นก็สงสัยจนต้องขมวดคิ้ว

"คนไหนเหรอครับ"

ที่ถามอย่างนั้นเพราะว่าในรูปมีผู้ชายสองคน มีฉากหลังเป็นแนวต้นชมพูพันทิพย์ที่ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง แต่ไม่เห็นมีแฟนของทินอยู่เลย สงสัยทินจะให้ดูผิดรูป

"ก็คนที่ยืนข้างๆ พี่ไง แปลกเหรอ...สมัยนี้ธรรมดาจะตาย" ทินเอียงคอสงสัยที่ต้นไม่ประสีประสาเรื่องนี้

"หมายถึง...แฟนพี่เป็น...เป็นผู้ชายเหรอครับ" ต้นถามอย่างไม่แน่ใจ

"ใช่... รู้จักกันตอนเรียนปีหนึ่ง แต่ว่า...เขาไปมีแฟนใหม่แล้วล่ะ พี่ก็เลยอกหัก" ทินทำหน้าเศร้า

"อ๋อ...ครับ แสดงว่าเพิ่งเลิกกันเหรอครับ"

ท่าทางที่ไม่ประสีประสาของต้นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก

ทินพยักหน้า "แล้วต้นล่ะ มีแฟนหรือยัง"

คำถามนี้อีกแล้ว ต้นเบื่อที่จะตอบเสียจริงๆ แต่อย่างว่าแหละนะ ในวัยอย่างนี้เรื่องที่จะถามกันก็คงไม่พ้นเรื่องความรัก ไม่ถามวันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องถาม

"ยังครับ" ต้นส่ายหน้า

ทินทำหน้าสงสัย "จริงเหรอ...พี่ว่าต้นหน้าตาดีใช้ได้เลยนะ ไม่มีสาวๆ มาชอบบ้างเหรอ ถ้าพี่เป็นสาวๆ นะ พี่ต้องชอบต้นแน่ๆ เลย"

ทินพูดทีเล่นทีจริง

"ก็...มีบ้างครับ แต่ยังไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ"

คำตอบเดิมที่ต้นใช้บ่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบให้ดีกว่านี้ได้ยังไง อาหารมาเสิร์ฟแล้ว ทินจึงหยุดชวนต้นคุยไปสักพัก ทำให้ต้นค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย เวลาพูดเรื่องนี้ทีไรต้นมักจะกลัวเสมอ กลัวว่าถามไปถามมาแล้วจะเจอเรื่องที่ต้นไม่กล้าบอก จวนตัวมากเข้าต้นก็อาจจะต้องพูดเลี่ยงหรือโกหก ต้นไม่ชอบทำอย่างนั้นเลย

ว่าแต่...ทินชวนต้นมากินข้าวเพียงเพราะอยากจะทำความรู้จักกันมากขึ้น หรือมีอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่านะ



บรรยากาศการกินข้าวเย็นในบ้านวันนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก สนไม่ยอมกินข้าว คอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอยู่หลายครั้งด้วยสีหน้าที่ดูค่อนข้างเครียด

"เอ...ทำไมต้นปิดเครื่อง" สนบ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง

"เฮ้ยสน ถ้าโทรไม่ติดมึงก็ไม่ต้องโทรก็ได้ ต้นมันโตแล้ว เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละน่า มันไม่ใช่คนเหลวไหลซะหน่อย"

นิกเตือนเมื่อเห็นสนกดโทรศัพท์โทรหาต้นอยู่หลายรอบ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน ตอนแรกนิกกับปั้นจั่นก็นั่งรอต้นด้วย แต่สุดท้ายก็ทนหิวไม่ไหวเลยกินก่อน

"ต้นไม่เคยปิดโทรศัพท์เลยนะเว้ย แล้วพวกมึงไม่เห็นเลยเหรอว่าต้นไปไหน" สนยังคงคาใจอยู่ที่นิกกับปั้นจั่นไม่เห็นต้นเลย

นิกกับปั้นจั่นส่ายหน้า

"ไม่เห็นจริงๆ ว่ะ ไม่รู้ว่าเดินออกไปตั้งแต่ตอนไหน คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง มึงไม่ต้องคิดมากหรอก ต้นมันไม่เคยเหลวไหลมึงก็รู้ดีนี่ รู้จักมันมากกว่าพวกกูสองคนอีก มึงไม่เชื่อใจเพื่อนมึงเหรอวะ"

ปั้นจั่นพยายามปลอบใจ จริงๆ นิกกับปั้นจั่นก็กังวลอยู่บ้าง บางทีต้นอาจจะมีธุระบางอย่างที่สำคัญต้องทำแล้วไม่สะดวกให้ติดต่อตอนนี้ก็ได้

สนยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ดูเหมือนที่นิกกับปั้นจั่นพูดจะไม่ได้ช่วยทำให้คลายกังวลไปได้เลย ถ้ามีธุระอื่นที่สำคัญต้นจะบอกทุกครั้ง ไม่เคยต้องปล่อยให้เป็นห่วงแบบนี้

"โทรศัพท์มันอาจจะแบ็ตหมดก็ได้ กินข้าวเหอะสน เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก"

นิกเตือนอีกครั้งพลางมองไปที่จานข้าวของสนที่ยังไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย

"พวกมึงสองคนกินไปเหอะ กูจะรอต้น มึงรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ต้นเขาอุตส่าห์ฝากฝังให้กูช่วยดูแลต้นให้ดี ติดต่อไม่ได้แบบนี้กูก็ต้องเป็นห่วงสิวะ"

สนยังคงยืนกราน แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอีก พอไม่ติดก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะที่ใช้เป็นทั้งโต๊ะนั่งคุยกันและกินข้าวไปด้วย

นิกกับปั้นจั่นมองแล้วก็เกิดความสงสัย ทำไมสนถึงดูเป็นห่วงต้นและดูกระวนกระวายขนาดนี้ ตอนที่นิกกับปั้นจั่นไม่เจอกันก็ไม่เห็นเคยมีอาการอย่างนี้เลย

จนกระทั่งสองทุ่มกว่าๆ แสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งก็วูบวาบขึ้นแถวๆ ประตูหน้าบ้าน สักพักก็มีรถวิ่งเข้ามาจอด สนรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเปิดประตูออกไปทันที พอเห็นต้นลงมาจากรถเก๋งยี่ห้อราคาแพงพร้อมผู้ชายคนหนึ่งก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ สนหยุดยืนดู ไม่ได้เดินเข้าไปหาต้นตามปกติที่เคยทำ

ต้นกับทินเดินคู่กันมาอย่างไม่รีบร้อน สีหน้าของต้นดูเจื่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด คงกลัวสนจะโกรธนั่นเอง

"ไปไหนมาน่ะต้น"

สนถามด้วยเสียงเข้มขรึมเมื่อต้นเดินเข้ามาใกล้ เมื่อสังเกตดีๆ ก็เห็นทินเอามือเกาะไหล่ต้นไว้อยู่ ตอนแรกก็แค่เป็นห่วงที่โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด แต่มือของทินที่เกาะไหล่ต้นอยู่ทำให้สนรู้สึกไม่พอใจมากทีเดียว ผู้ชายคนนี้เป็นใครถึงกล้าแตะเนื้อต้องตัวต้นอย่างนี้

ทินมองชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าอย่างแปลกใจในท่าทีของเขา น้ำเสียงและสีหน้าที่ถามดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่ในที

ทินเอามือลงจากไหล่ต้นเมื่อรู้สึกได้ว่าสนมองที่มือเขาอยู่ แล้วก็ชี้แจงแทน

"พี่เป็นพี่รหัสของน้องต้นเอง ก็เลยพาน้องต้นไปกินอะไรด้วยกันซะหน่อย ทำความรู้จักกัน นี่ใช่สน...เพื่อนของต้นหรือเปล่า เห็นต้นพูดถึงบ่อยๆ"

เสียงบรรยากาศเงียบไปสักพัก คนถูกถามดูเหมือนไม่อยากตอบเท่าไหร่

"ครับ" สนตอบห้วนๆ

"บ้านน่าอยู่นะเนี่ย ค่าเช่าคงจะแพงน่าดูเลยนะต้น" ทินหันไปพูดกับต้นบ้าง

ต้นไม่ตอบคำถามของทินแต่กังวลว่าสนจะโกรธเรื่องที่ติดต่อไม่ได้มากกว่า

"พอดี...แบ็ตโทรศัพท์เราหมดน่ะ ก็เลยโทรบอกนายไม่ได้ เราขอ..."

ต้นพูดขอโทษไม่ทันจบสนก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป เบี่ยงตัวหลบนิกกับปั้นจั่นที่มายืนมองดูที่ประตูบ้านแล้วก็เดินลิ่วขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง สนไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักที่รู้สึกไม่พอใจขนาดนี้ ภาพมือของพี่รหัสของต้นที่เกาะอยู่ที่ไหล่ต้นทำให้สนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ก็พอรู้ตัวว่าแสดงกิริยาไม่ดีกับพี่รหัสของต้น แต่ความรู้สึกมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเดียวเสียด้วย แสดงออกไปแล้วก็ย้อนกลับมาไม่ได้

ทินรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีเสียแล้ว คงจะอยู่นานไม่ได้

"อ้าว เราสองคนนั่นเอง" ทินหันไปทักนิกกับปั้นจั่นที่ยืนมองอยู่

"หวัดดีครับพี่" นิกกับปั้นจั่นทักทายเพื่อนรุ่นพี่แล้วก็เดินมาหาต้นกับทิน

"พาต้นไปเลี้ยงข้าวมาเหรอครับ" นิกถาม สังเกตเห็นสีหน้าต้นแล้วก็พอรู้ได้ว่าต้นคงรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นสนโกรธ

"ครับ...พี่พาต้นมาส่งบ้านอย่างปลอดภัยละ ยังไงพี่ขอตัวกลับก่อนละกัน"

"ครับพี่ ขับรถดีๆ นะครับ" ปั้นจั่นบอกรุ่นพี่พลางยิ้ม

"ขอบคุณครับ พี่กลับก่อนนะต้น ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ" ทินตบไหล่ต้นเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

"ครับพี่ ขอบคุณมากสำหรับอาหารเย็นแล้วก็...ขอบคุณที่มาส่งด้วยครับ" แม้จะยิ้มแต่สีหน้าของต้นก็ยังคงกังวลอยู่

ทินเดินกลับไปที่รถ สักพักก็ขับออกไปพร้อมกับโบกมือให้เพื่อนรุ่นน้องสามคนที่ยืนมองอยู่ พอรถวิ่งออกไปแล้วต้นก็เดินไปปิดประตูหน้าบ้าน พอเข้ามาในบ้านก็ได้เห็นว่าบนโต๊ะมีจานข้าวอยู่หนึ่งจานที่ยังไม่พร่องไป มีกับข้าวอยู่สองสามอย่าง ส่วนอีกสองจานที่มีร่องรอยการกินไปแล้วก็น่าจะเป็นของนิกกับปั้นจั่น เท่านี้ต้นก็พอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

"มันเป็นห่วงมึงมากเลยนะเว้ย โทรแล้วโทรอีก กูบอกให้มันกินข้าวมันก็ไม่ยอมกิน จะรอมึงอย่างเดียว" นิกบอกพลางเดินมาตบไหล่ต้นเบาๆ

"ใจเย็นๆ นะเว้ย มันกำลังโกรธอยู่"

"ปกติ ถ้ามันงอนแบบนี้มึงทำไงวะต้น" ปั้นจั่นถามบ้าง

ต้นถอนหายใจอย่างหนักใจ "ไม่เคยเห็นสนโกรธขนาดนี้เลยว่ะ ทำไงดีวะ"

ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ไม่เคยเห็นสนทำสีหน้าท่าทางอย่างนี้เลย แต่จะทำไงได้ ต้นผิดเองที่เลือกไปกินข้าวกับพี่รหัสโดยไม่บอกกล่าวใคร สนคงเป็นห่วงมากถึงได้โกรธขนาดนี้ ถ้าเป็นต้น รู้ว่าสนหายไปและติดต่อไม่ได้ก็คงรู้สึกเป็นห่วงไม่ต่างกัน

"ถ้ามึงไปขอโทษมันตอนนี้ จะดีไหมวะ หรือจะให้มันอารมณ์เย็นๆ ลงก่อน" นิกถาม

"ให้มันอารมณ์เย็นๆ ลงก่อนเหอะ ไปขอโทษมันตอนนี้เดี๋ยวมันต่อยเอา ดูหน้ามันสิ"

ปั้นจั่นว่า น่าแปลกที่พอสนออกมาเห็นต้นกับพี่รหัส หน้าตาก็บึ้งตึงราวกับไปโกรธใครมาสักสิบชาติ ต้นพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก็เดินไปเก็บจานข้าวและกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะไปไว้ในห้องครัว ส่วนนิกกับปั้นจั่นเก็บส่วนของตัวเองไปล้างทำความสะอาด



ต้นขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง คิดแล้วคิดอีกว่าจะไปขอโทษสนตอนนี้เลยดีหรือเปล่า ไม่รู้ว่าสนจะอารมณ์เย็นลงบ้างหรือยัง ถ้าไปขอโทษ จะขอโทษยังไงดี สนโกรธขนาดนี้ต้นก็ทำตัวไม่ถูก ไม่เคยเห็นสนทำตาดุอย่างนี้มาก่อนเลย

ในขณะที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดึงขึ้น ต้นรีบเดินไปเปิดทันที

"สน"

ต้นอุทานด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสนยืนอยู่หน้าประตูห้องในชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ตอนนี้ต้นยังเตรียมตัวไม่พร้อมเลยว่าจะคุยกับสนยังไงดี

"ทีหลังนายอย่าทำอย่างนี้อีกนะต้น รู้ไหมว่าเราเป็นห่วง เราไม่ได้ห้ามไม่ให้นายไปไหนนะ แค่นายบอกเราหน่อยเท่านั้นเอง"

น้ำเสียงของสนดูอ่อนลงไป สีหน้าท่าทางก็ดูอ่อนลงเช่นกัน แสดงว่าเริ่มอารมณ์เย็นลงพอสมควรแล้ว

ต้นพยักหน้า "เราขอโทษ ต่อไป...เราจะไม่ทำอย่างนี้อีก"

ต้นพยายามจะยิ้มให้เพื่อนแต่ก็ไม่กล้ เพราะไม่รู้ว่าสนหายโกรธดีแล้วหรือยัง

"จะยิ้มก็ยิ้มสิ" สนบอกอย่างรู้ทัน แล้วก็ฉีกยิ้มกว้างเป็นคนแรกพร้อมกับขำเล็กน้อย

ต้นเห็นแล้วก็ยิ้มตาม รู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียอีก ไม่นึกว่าสนจะหายโกรธเร็วขนาดนี้ ขนาดว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งก็นานก็ยังมีบางอย่างที่ต้นยังไม่รู้จักเพื่อนดีพอ เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ทำให้ต้นได้เห็นสนอีกคนหนึ่งที่ต้นยังไม่เคยเห็นมาก่อน

"ขอโทษที่ทำให้นายกลัวนะ"

สนพูดพลางเอามือไปลูบผมต้นเบาๆ รอยยิ้มที่อบอุ่น สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ต้นรู้ว่าสนคนเดิมกลับมาแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งต้นก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้น

"อ้อ...ฝากขอโทษพี่รหัสของนายด้วยนะ เมื่อกี้เรา...หงุดหงิดไปหน่อย"

ภาพมือของพี่รหัสโผล่มาในห้วงความคิดอีกแล้ว ทำไมสนถึงรู้สึกค้างคาใจกับสิ่งที่เพิ่งเห็นมากขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะสนิทกับต้นมากกว่าใครในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็เลยอาจจะรู้สึกหวงเวลาที่เห็นคนอื่นมาทำตัวสนิทกับต้น ที่สำคัญ มันทำให้สนกลัวสูญเสียความเป็นที่หนึ่งจากต้นไปนั่นเอง

"ไปกินข้าวกันดีไหม เราเก็บกับข้าวไว้ในครัวให้แล้ว"

ต้นถามหยั่งเชิงด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ ตอนนี้ต้นยังไม่ถึงกับอิ่มมาก พอจะกินข้าวเป็นเพื่อนกับสนได้อยู่ สนพยักหน้าตกลง แล้วก็พากันเดินลงมากินข้าวด้วยกันข้างล่างเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"พี่รหัสของนายเขาพาไปไหนเหรอ" สนถามขึ้นในขณะที่กินข้าวไปสักพัก

ต้นเงยหน้าจากการกินข้าวแล้วก็ทำท่านึก "อืม...ห้างอะไรสักอย่างนี่แหละ ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ เอ...ชื่อห้างอะไรนะ เราลืมดูชื่อน่ะ"

"ไม่เป็นไร เราไม่อยากรู้ชื่อมันหรอก ว่าแต่...แล้วนายสนิทกับพี่เขาหรือเปล่า"

ต้นเอียงคอสงสัยเพราะรู้สึกสะดุดใจกับคำถามและท่าทางของสน

"ก็...ยังไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ แต่ต่อไปก็คงสนิทมากขึ้นแหละ พี่เขาเป็นคนน่ารักนะ ใจดี แล้วก็เก่งมากๆ ด้วย เทอมที่แล้วพี่เขาสอบได้เกรดสี่เกือบทุกวิชาแน่ะ" ต้นเล่าไปยิ้มไป

"นายคงจะชอบพี่เขามากเลยนะต้น"

ในขณะที่พูด ภาพมือของพี่รหัสก็แว่บเข้ามาในความคิดอีกแล้ว ถ้าไม่สนิทกันก็คงไม่ทำแบบนั้น ก็อย่างว่าแหละนะ ต้นกับพี่คนนั้นเป็นพี่รหัสกับน้องรหัสกัน ก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา ทำไมสนจะต้องคิดมากขนาดนั้น จะว่าไปสนก็ไม่เห็นสนิทกับพี่รหัสของตัวเองอย่างนี้เลย แทบจะไม่ค่อยได้เจอกันด้วยซ้ำ

"อืม...พี่เขาก็ดีนะ แต่..."

"แต่อะไรเหรอ" สนเลิกคิ้ว หยุดมองอย่างตั้งใจฟัง

"ไม่มีอะไรหรอก"

ต้นรีบบอกปัด กำลังคิดถึงเรื่องที่ทินมีแฟนเป็นผู้ชายนั่นแหละ ตอนที่กินข้าวเย็นด้วยกันต้นก็รู้สึกเหมือนทินคอยขาย "ขนมจีบ" อยู่กลายๆ ถึงจะไม่เคยมีแฟนทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาก่อนต้นก็พอเดาได้

"แน่นะ มีอะไรหรือเปล่าต้น นายเห็นเราเป็นเพื่อนหรือเปล่า มีอะไรนายก็บอกเราดิ หรือว่า...นายไม่ไว้ใจเรา"

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้สนใช้ไม้ตายนี้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่ต้นยังไม่ยอมบอกมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ

"บอกเราได้หรือเปล่าต้น" สนคะยั้นคะยอ

"คือ..."

ต้นทำท่าครุ่นคิด จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกถ้าจะบอกสนไป ดูเหมือนพี่รหัสของต้นก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องนี้อยู่แล้ว ออกจะเปิดเผยอย่างภาคภูมิใจด้วยซ้ำว่า "ชอบผู้ชาย"

"พี่เขามีแฟนเป็นผู้ชายน่ะ" ต้นตัดสินใจบอกไปในที่สุด

สนทำสีหน้าแปลกใจระคนตกใจ นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่เพิ่งเจอเมื่อสักครู่นี้จะเป็นอย่างนั้นไปได้ ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้แน่ๆ เลย

"แล้ว...."

สนเริ่มสงสัยว่าไม่น่าจะมีอะไรแค่นี้แน่นอน ดูจากท่าทางของต้นก็พอเดาออก

"อืม...ยังไงดีล่ะ"

ต้นยังคงไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม แต่เห็นสนรอฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกกดดัน

"ไม่รู้ว่าพี่เขากำลัง....เอ่อ...ไม่รู้ว่าพี่เขากำลังจีบเราอยู่หรือเปล่าน่ะสิ"

ต้นบอกแล้วก็ทำหน้าแหยๆ

"อะไรนะ จีบนายเหรอ!?"

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2015 10:45:53 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ ตาหวาน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
รอให้ถึงตอนในทู้ที่แล้ว

อยากรู้จริงๆว่าต้นจะทำไรต่อ เพราะมันหน่วงมากกกกกกกก

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
สนจ๊ะ~ ที่สนกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้มันมากเกินกว่าคำว่า 'เพื่อน' ที่เขาเป็นกันไปมากโขแล้วค่า :o10:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คอมจะเปียกเพราะน้ำตานี่แหละ เฮ้อ...

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แวะมาให้กำลังใจคนเขียนก่อนค่ะ
เดี๋ยวจะค่อยๆตามอ่านนะ ^^

//จะเศร้าไหมอ่ะ T_T

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สนหวงต้นออกนอกหน้า
แต่ไม่ยักจะเห็นต้นเคยหวงสนเลยแฮะ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด