▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย - SP6: จากเพื่อนสู่รัก [5.2.2017] ░ ▒ ▓  (อ่าน 193386 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 08: ความลับไม่มีในโลก


หลังจากที่นอนคิดเรื่องของต้นกับพี่รหัสมาหลายคืน สนก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง คงปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้หรอก ถ้าเกิดทินจีบต้นจริงๆ แล้วที่บ้านต้นรู้เข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างแน่นอน พ่อกับแม่ต้นไม่ยอมแน่ๆ โดยเฉพาะพ่อของต้น สนไม่อยากให้ต้นมีปัญหากับครอบครัวเรื่องนี้

หลังกินข้าวกลางวัน สนจึงขอตัวเพื่อนๆ แล้วก็ตรงดิ่งมาที่คณะของต้นทันทีเพื่อที่จะไปคุยกับทิน คิดแล้วก็แปลกใจ ไม่รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไรต้นถึงต้องมีพี่รหัสเป็นเกย์

"ใช่สนหรือเปล่า" สนหยุดชะงักแล้วก็มองไปที่เจ้าของเสียงที่เดินตามมาจากด้านหลัง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเพิ่งเดินสวนกันเมื่อกี้

"ใช่ เรา...เคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า" สนถามอย่างไม่แน่ใจ นึกไม่ออกว่าเคยเจอหญิงสาวคนนี้ที่ไหน

"อ๋อ...เราชื่อเจนี่นะ เป็นเพื่อนต้น" เสียงหวานใสตอบมาพลางหัวเราะที่เห็นสนทำหน้างงๆ

"อ๋อ..." สนพยักหน้าช้าๆ พอจะจำได้ว่าเป็นสาวที่นิกกับปั้นจั่นเคยบอกว่ามาแอบชอบต้นอยู่สักพักแน่เลย

"ต้นเขาพูดถึงสนบ่อยๆ น่ะ เราเคยเจอสนครั้งนึงที่ห้างก็เลยจำได้ แล้วนี่จะไปไหน มาหาต้นเหรอ"

"เปล่า มีธุระแถวนี้นิดหน่อย"

สนบอกแล้วก็เพ่งพินิศดูหญิงสาวตรงหน้า เธอดูเป็นหญิงสาวที่น่ารักไม่น้อยเลย ผมตรงยาวสลวยประบ่า แก้มบุ๋มนิดๆ ริมฝีปากได้รูป ใบหน้าเรียวสวย แต่งหน้าบ้างแค่ดูพอไม่ให้จืดชืดเกินไป นี่ถ้าเกิดว่าเจนี่ชอบต้นจริงๆ สนจะรีบเชียร์เลยล่ะ พ่อกับแม่ของต้นต้องชอบแน่ๆ ถ้าจะมีลูกสะใภ้หน้าตาน่ารักอย่างนี้

"ที่คณะเราเหรอ"

สนพยักหน้า "พอดี...เรามีคนรู้จักที่คณะนี้"

"ใครเหรอ ฮั่นแน่...หรือว่า...มาจีบสาวที่คณะนี้หรือเปล่า" เจนี่ทำท่าทางล้อเลียนแต่สนก็ยังดูเฉยๆ

"เปล่า" สนทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก

"อืม...เจนี่...รู้จักพี่รหัสของต้นไหม"

เจนี่พยักหน้า "รู้จักสิ ช่วงนี้เห็นมาหาต้นบ่อยๆ เลย เนี่ยก็เพิ่งชวนต้นออกไปกินข้าวข้างนอก ยังไม่กลับเข้ามาเลย"

เจนี่บอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเซ็งๆ

"จริงเหรอ" สนเริ่มมีสีหน้ากังวล

"อืม...แล้วเจนี่รู้เรื่องที่พี่เขาเป็น...เอ่อ..." สนไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม

"เป็นอะไร" เจนี่สงสัยแต่สักพักก็นึกได้

"อ๋อ...เป็นเกย์น่ะเหรอ ใช่...ที่คณะใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นแหละ ทำไมเหรอ"

สนเม้มริมฝีปากครุ่นคิด ในเมื่อใครๆ ในคณะต่างก็รู้เรื่องนี้กันแล้ว แสดงว่าทินคงไม่ได้ปิดบังสถานะทางเพศของตัวเองอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นสนก็คงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม

"เขา...กำลังจีบต้นอยู่ใช่ไหม"

เจนี่ทำท่าครุ่นคิด เธอเองก็เริ่มเห็นเค้าว่ามันจะเป็นอย่างที่สนสงสัยอยู่จริงๆ นั่นแหละ

"อืม...เหมือนจะอย่างงั้นนะ...พี่เค้าเพิ่งเลิกกับแฟนคนก่อนไปไม่นาน จริงด้วยสิ สงสัยพี่เขากำลังจะจีบต้นอยู่แน่ๆ เลย สองสามวันนี้เจนี่เห็นพี่ทินมาหาต้นบ่อยมาก มาทุกวันเลย"

ได้ฟังแล้วสนก็ยิ่งตกใจ ไม่ได้การแล้วล่ะ ปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว

"สนถามเรื่องนี้ทำไม...ไม่อยากให้พี่ทินเขาจีบต้นงั้นเหรอ"

สนพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี "ต้นเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นนะเจนี่ เกิดที่บ้านต้นรู้ ต้นจะแย่เอาได้"

เจนี่พยักหน้าเข้าใจ ก็แน่อยู่แล้วล่ะ อยู่ดีๆ ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายขึ้นมาพ่อแม่ที่ไหนก็คงรับไม่ได้

"ที่เรามาที่นี่ ก็จะมาคุยกับพี่รหัสของต้นเรื่องนี้นี่แหละ"

"อ้อ..." เจนี่พยักหน้าช้าๆ

"สนดูเป็นห่วงต้นจังเลยนะ มิน่าล่ะต้นถึงพูดถึงอยู่บ่อยๆ อ้อ...แต่ว่าตอนนี้พี่เขาไม่อยู่น่ะ เพิ่งออกไปกับต้นตอนเที่ยงนั่นแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน"

พูดถึงตรงนี้เจนี่ก็หน้าม่อยไปเล็กน้อย เธอเองก็แอบชอบต้นอยู่มาเป็นเดือนๆ แล้ว แต่ต้นก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะตอบสนองหรือรับรู้ใดๆ เลย แถมตอนนี้ยังมีเกย์มาชอบอีก ผู้หญิงอย่างเธอจะสู้เกย์ได้หรือเปล่านะ

"อืม..." สนทำท่าครุ่นคิด

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะรออยู่ที่นี่สักพักละกัน อ้อ...เจนี่จะมีธุระจะไปไหนไหม"

"ใช่ๆ เจนี่นัดเพื่อนไว้ สงสัยต้องไปแล้วแหละ อ้อ...พี่ทินเขาอยู่ตึกห้านะ ไปแล้ว"

เจนี่ยิ้ม โบกมือลาไหวๆ แล้วก็รีบเดินไป


ทินกลับมาถึงคณะก็ได้รู้จากเพื่อนๆ ว่ามีคนมารอพบอยู่ ตอนนี้มารออยู่ตรงทางเดินเชื่อมระหว่างอาคารของคณะแล้ว ทินดูจะแปลกใจไม่น้อย แต่ก็ลงมาหาคนที่อยากพบแต่โดยดี พอทินเห็นว่าใครมารออยู่ก็ขมวดคิ้ว เพื่อนของต้นนั่นเอง น้องคนนี้มีอะไรนะถึงต้องมาหาทินถึงที่นี่

"อ้าวสน รอนานไหม" ทินถามเมื่อเดินมาถึงตัว

สนหันมามอง ปล่อยมือที่กอดอกลงเพื่อไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป "ไม่นานครับ"

"ขอโทษที พอดีพี่เพิ่งไปกินข้าวข้างนอกกับต้นมา มีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาพี่ถึงนี่"

"ครับ" สนตอบไปทันที สีหน้าดูจริงจังมากขึ้น

"พี่จีบเพื่อนผมเหรอ" สนไม่รอช้าเพราะรู้ว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะอ้อมค้อม อีกอย่างสนต้องรีบกลับไปเรียนรอบบ่ายด้วย

ทินขมวดคิ้วเป็นรอบที่สอง แล้วก็พยักหน้ายอมรับ "ใช่...สนมีปัญหาอะไรหรือเปล่าล่ะ"

ในระหว่างนั้นมีคนเดินผ่านมาสองสามคนพอดี สนรอจังหวะให้คนเดินผ่านไปก่อนแล้วจึงพูด

"ผมขอนะครับพี่ พี่อย่าจีบต้นเลย ต้นเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ"

เสียงเข้มขรึมนั้นทำให้ทินรู้สึกถึงความจริงจังในสิ่งที่สนพูดมากทีเดียว

"แล้วสนรู้ได้ไง รู้ได้ไงว่าต้นไม่ได้เป็นแบบนั้น"

ทินถามอย่างเอือมระอา เบื่อมากที่ต้องเจอคนที่มีทัศนคติไม่ดีกับเกย์อย่างสน ทินเจอคนอย่างนี้มาหลายคนแล้วตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นเกย์

สนอึ้งไปเล็กน้อย "ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะครับ ก็ผมเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ"

"รู้จริงหรือเปล่า" ทินสวนกลับเกือบจะทันที

"ว่าไง คิดว่าตัวเองรู้จริงหรือเปล่า" ทินย้ำเมื่อเห็นว่าคนถูกถามยังไม่ยอมตอบ

สนชักเริ่มไม่พอใจที่ถูกถามย้ำถึงสองรอบ "ผมรู้ก็แล้วกันครับ"

สนทำสีหน้าบอกให้รู้ว่าเขามั่นใจ "ยังไงก็แล้วแต่ ผมไม่อยากให้พี่จีบต้น ถ้าเกิดที่บ้านต้นรู้เรื่องนี้เข้า ต้นจะลำบากนะครับ พี่อย่าหาเรื่องให้ต้นเลย"

"ถ้าสนไม่บอก ถ้าต้นไม่บอก ที่บ้านต้นก็ไม่รู้หรอก หรือว่าสนจะบอกล่ะ"

สนชะงักเป็นรอบที่สาม เถียงกับใครไม่เถียงมาเถียงกับทิน

"แต่..." สนไม่รู้จะเถียงยังไงดี

"เอาอย่างงี้ละกัน พี่บอกสนตอนนี้ไม่ได้หรอกว่าต้นเป็นหรือไม่เป็น แต่ถ้าพี่พิสูจน์ได้ว่าต้นเป็น พี่ขอจีบต้นละกันนะ แล้วอีกอย่าง ถ้าต้นเป็นจริงๆ ยังไงที่บ้านเค้าก็ต้องรู้ ไม่รู้วันนี้ วันหลังก็ต้องรู้ ปิดไม่ได้หรอก พี่ยังปิดที่บ้านไม่ได้เลย แล้วพี่ก็ไม่เห็นประโยชน์ว่าทำไมเราจะต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองด้วย ไม่เห็นจะมีความสุขเลย สนไม่อยากให้ต้นเขามีความสุขกับชีวิตของเค้าเหรอ"

สนเงียบไปอีก

"พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมพี่จะต้องขออนุญาตสนนะ เพราะพี่ไม่ได้จีบสน" ทินย้ำตรงประโยคท้ายอย่างชัดถ้อยชัดคำ

"แล้วจริงๆ สนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะอนุญาตให้ต้นชอบหรือไม่ชอบใคร พี่คิดว่าสนคงเข้าใจนะว่าต้นก็มีชีวิตของเค้าเอง" ทินเว้นจังหวะไว้เพื่อให้สนคิดตาม

"ตกลงนะ ถ้าเกิดต้นเป็นแบบพี่ เราจะอนุญาตให้พี่จีบต้นได้ใช่ไหม"

สงสัยสนจะคิดผิดแล้วล่ะที่มาคุยกับทิน ที่วางแผนเอาไว้เสียดิบดีก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้เลย แทนที่จะเป็นฝ่ายกดดันให้ทินเลิกยุ่งกับต้น กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ทินกลับกดดันให้สนยอมรับเรื่องที่ทินจะขอจีบต้นเสียอย่างนั้น

"เงียบอย่างนี้พี่ถือว่าสนเห็นด้วยละกันนะ อ้อ" ทินเหมือนเพิ่งนึกได้

"สนแน่ใจนะว่าที่มาพูดอย่างนี้กับพี่เพราะเรื่องครอบครัวต้น ไม่ใช่เพราะสนหึงเพื่อนใช่ไหม"

คราวนี้สนถึงกับอึ้งหนักกว่าเดิม มองหน้าทินด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอก ทำไมสนต้องหึงต้นด้วยล่ะ พี่คนนี้คงบ้าไปแล้ว แต่จะว่าไป...ภาพที่ทินจับไหล่ของต้นก็รบกวนจิตใจสนมากทีเดียว หวงล่ะมั้ง คงไม่ใช่หึงหรอก สนคิดในใจ

ทินเห็นสนอึ้งแล้วก็แค่นเสียงหัวเราะ "พี่ต้องไปเรียนแล้ว ไว้วันหลังค่อยคุยกัน เดี๋ยวพี่เข้าเรียนไม่ทัน"

ทินบอกแล้วก็รีบเดินจากไปโดยไม่สนใจจะฟังว่าสนจะพูดอะไรต่อ สนระบายลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์นักที่เป็นฝ่ายถูกไล่ซะจนมุม แต่สิ่งที่ทินพูดก็ทำให้สนต้องคิดหนัก

"แล้วต้นเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า"

สนส่ายศีรษะเร็วๆ เพื่อสลัดความคิดบ้าๆ นั้นออกไป ต้นไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอก ไม่มีทางอย่างแน่นอน แต่สนล่ะ สนหึงต้นหรือเปล่า?



ยามเช้าช่วงเดือนกรกฎาคมอากาศค่อนข้างเย็นสบายเพราะมักจะมีฝนตกบ่อยๆ เมื่อคืนนี้ฝนก็ตกเช่นกัน ตอนเช้าสนามหญ้าหน้าบ้านและต้นไม้ที่ปลูกไว้จึงเปียกชื้น แต่แสงแดดสดใสยามเช้าก็ได้แผดเผาให้หยดน้ำตามต้นไม้ใบหญ้าค่อยๆ ระเหยขึ้นไปจนเกือบแห้งสนิท เมฆฝนที่มืดครึ้มเมื่อวานตอนเย็นหายไปหมดแล้ว แสงแดดจึงส่องเต็มที่ แต่ฟ้าคงเปิดโล่งอย่างนี้ได้ไม่นาน พอเริ่มคล้อยบ่ายเมฆฝนก็คงกลับมาตั้งเค้าอย่างรู้หน้าที่เหมือนเดิม

นิกลงมาสตาร์ทรถรอเพื่อนๆ อยู่ก่อนแล้ว ไม่นานนักสามหนุ่มที่เหลือก็เดินแกมวิ่งรีบตามมาขึ้นรถ ปั้นจั่นนั่งข้างหน้ากับนิก ต้นนั่งฝั่งซ้ายและสนนั่งฝั่งขวาด้านหลัง เป็นตำแหน่งที่นั่งที่ลงตัวอย่างนี้มาระยะหนึ่งแล้วและคาดว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไป วันไหนที่มีเรียนในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน สี่หนุ่มมักจะไปด้วยกันอย่างนี้เสมอ

วันนี้ต้นตื่นช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ไปหน่อย เพราะชอบตั้งนาฬิกาปลุกช้ากว่าเวลาที่อยากจะตื่นไปห้านาทีอยู่บ่อยๆ แต่บางทีมันก็ทำให้ต้นทำกิจวัตรประจำวันช้าไปจนเกือบไม่ทันเพื่อนอย่างไม่น่าเชื่อ

วันนี้ก็เช่นกัน ต้นยังใส่กระดุมตรงแขนเสื้อไม่เรียบร้อยเลยแต่ก็ต้องรีบวิ่งลงมาเสียก่อนเพราะไม่อยากให้เพื่อนรอนาน ตั้งใจว่าจะทำให้เรียบร้อยในรถนี่แหละ พอเข้ามานั่งยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

พอเห็นชื่อคนที่โทรมาต้นรีบรับด้วยท่าทางดีใจ เพื่อนสนิทอีกคนสมัยเรียนประถมและมัธยมของต้นนั่นเอง กำลังนึกถึงอยู่พอดีก็โทรมาหา ต้นไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์ของเพื่อนเก่าคนนี้นี่แหละที่จะเปลี่ยนชีวิตต้นไปตลอดกาล

"ว่าไงวะซีล มึงสบายดีหรือเปล่าวะ" ต้นถามอย่างดีใจ สนได้ยินชื่อซีลก็หันมามองอย่างสนใจ จำเพื่อนคนนี้ของต้นได้เป็นอย่างดีเพราะเป็นเพื่อนที่ต้นสนิทที่สุดรองจากสนนั่นเอง

"สบายดีต้น แล้วมึงล่ะ สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันนานเลย คิดถึงว่ะ แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่" น้ำเสียงของซีลฟังดูดีใจไม่แพ้กัน

"กูสบายดี ตอนนี้กำลังจะไปเรียน" พูดจบแล้วต้นก็เอาโทรศัพท์มาหนีบไว้ที่คอแล้วก็จัดการใส่กระดุมแขนเสื้อไปด้วย

"อ๋อ...เออ แล้วไอ้สนเป็นไงมั่ง มันสบายดีไหม"

"สบายดี ช่วงนี้ยังเรียนไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ ก็เลยยังไม่ค่อยมีอะไร"

นิกเริ่มขับรถออกไปแล้ว ทำให้การคุยโทรศัพท์ไปติดกระดุมแขนเสื้อไปของต้นยากขึ้นอีกนิดหน่อย

"เออๆ ดีแล้ว ได้ยินว่าพวกมึงสบายดีกูก็ดีใจ แต่กูก็เริ่มเรียนหนักนิดหน่อยว่ะ อ้อ ว่าแต่มึงสองคนนี่จะไม่ยอมห่างกันเลยหรือไงวะ ต้องเรียนที่เดียวกันตลอดเลย แล้วเป็นไงล่ะ มึงได้บอกมันหรือยังเรื่องนั้น"

ซีลถามอย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าสนนั่งอยู่ใกล้ๆ กับต้นในรถคันเดียวกันอยู่ ถ้ารู้ก็คงไม่ถามอย่างแน่นอน

"เรื่องอะไรวะ อ้าวเฮ้ย"

ต้นอุทานเมื่อโทรศัพท์ที่หนีบไว้ที่คอเบาๆ บังเอิญหล่นจากคอแล้วตกไปที่พื้นรถ น่าจะเป็นเพราะว่าเมื่อกี้รถเพิ่งวิ่งข้ามหลังเต่าที่ทำไว้บนทางเดินรถในบ้านเพื่อกันไม่ให้รถวิ่งเร็วเกินไปนั่นเอง พอพื้นรถยกสูงขึ้นและยวบลงตามความสูงของหลังเต่า ต้นจึงเสียการทรงตัวเล็กน้อย โทรศัพท์ที่คอก็เลยหล่นลงไป ต้นรีบหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวโทรศัพท์จะเสียหาย แต่เจ้ากรรม จังหวะนั้นนิ้วของต้นดันเผลอไปสัมผัสถูกปุ่มเปิดลำโพงเสียงโดยไม่ตั้งใจ

ทุกคนที่นั่งอยู่ในรถจึงได้ยินประโยคนี้ที่ซีลพูดตอบกลับมาโดยไม่คาดฝัน

"...ก็เรื่องที่มึงแอบรักสนไง ยังไม่ได้..."

ต้นใจหายวาบ รีบกดปุ่มตัดสายไปอย่างรวดเร็ว รถที่วิ่งอยู่ไม่เร็วนักหยุดเบรกกะทันหันก่อนที่มันกำลังจะถึงประตูรั้วบ้าน ทุกคนหันมามองต้นเป็นตาเดียวกันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าตกใจและช็อก โดยเฉพาะสนที่ดูจะช็อกมากกว่าใครๆ

สนมองหน้าต้นราวกับจะไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน พอพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นก็พอจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าสิ่งที่ซีลพูดเมื่อกี้มีเค้าโครงความเป็นจริงไม่น้อย ถ้าซีลเองก็รู้ แปลว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้ว ทำไมสนถึงไม่เคยเอะใจเรื่องนี้เลย

เริ่มจากตอนนั้นที่สนทำงานประดิษฐ์ให้ต้น สนสังเกตว่าต้นคอยมองดูด้วยแววตาที่แสดงความรู้สึกบางอย่างที่สนไม่เข้าใจ เวลาสนเล่นฟุตบอลตอนเย็นๆ ต้นจะเอาน้ำมาให้อยู่บ่อยๆ จนเพื่อนๆ แซวกันใหญ่ ตอนที่สนมีแฟน ต้นก็มักจะหลบหน้าหลบตาไม่ค่อยยอมพูดจาด้วย

ที่สำคัญ ต้นไม่เคยมีแฟนเลย เรื่องนี้ก็น่าจะทำให้สนสงสัยได้ตั้งนานแล้ว แต่สนไม่เคยแม้แต่จะคิด คิดแค่ว่าต้นก็คือเพื่อนคนหนึ่งมาตลอด ถึงจะเป็นเพื่อนที่สนิทมากกว่าเพื่อนทั่วไปก็เถอะ แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าต้นจะคิดเลยเถิดไปถึงขั้นนั้น

"หมายความว่าไงต้น"

สนถามด้วยน้ำเสียงที่สั่น กำมือแน่น จ้องหน้าต้นโดยไม่ยอมละสายตา

ในที่สุดความลับที่ต้นพยายามปิดบังไว้ตลอดมาก็ถูกเปิดเผยขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน หัวใจของต้นแทบสลายเมื่อเห็นสายตาที่สนมองมา เพื่อนที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่ดีๆ วันหนึ่งคนที่เคยเป็นเพื่อนรักก็กลับกลายเป็นรักเพื่อน เป็นใครก็คงช็อกเหมือนอย่างที่สนเป็นตอนนี้

"ที่ซีลพูดจริงใช่ไหมต้น" สนถามอีก

"ใจเย็นๆ กันนะเว้ย อย่าเพิ่งวู่วาม คุยกันดีๆ"

หลังจากที่ตกใจอยู่สักพักนิกก็นึกขึ้นมาได้ จึงต้องรีบเตือนเพื่อนสองคนที่กำลังจ้องหน้ากันใหญ่

"นายเป็นเกย์เหรอต้น" สนถามด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีกเล็กน้อย

ริมฝีปากต้นสั่นระริก น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว ซีลพยายามโทรกลับมาอีกสองสามครั้ง ต้นก็กดตัดสายทิ้งทุกครั้งจนซีลเลิกโทรไปเอง ต้นพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี ถึงตอนนี้แล้วก็คงไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทุกคนที่ได้รับรู้คำตอบของต้นต่างก็ตกตะลึงกันไปตามๆ กัน

"แล้วนาย...ชอบเราด้วยใช่ไหม"

ริมฝีปากของสนยังคงสั่นระริก สิ่งที่เพิ่งรับรู้ตอนนี้มันช่างน่าตกใจจนแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย ต้นเงียบ ไม่กล้าตอบ ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเพื่อนที่รอคอยคำตอบอยู่

"เราถามว่านายชอบเราใช่ไหมต้น"

สนถามเสียงดังจนต้นถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ

ต้นมองเพื่อนด้วยความรู้สึกผิดหวัง สนไม่เคยเสียงดังกับต้นอย่างนี้เลย ถ้าดังกว่านี้อีกหน่อยก็จะกลายเป็นตะคอกไปแล้ว

"ใช่...นายรับไม่ได้ใช่ไหม รับไม่ได้ใช่ไหมที่เราเป็นอย่างงี้" ต้นเสียงดังกลับไปบ้าง

สนเงียบ ทุกอย่างในรถเงียบไปหมด ได้ยินแต่เสียงเครื่องยนตร์ที่ดังอยู่เบาๆ คำถามของต้นทำให้สนอึ้งไปอย่างมาก สนรับไม่ได้หรือเปล่าที่เพื่อนเป็นอย่างนี้ ตอนนี้สนไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้เลยว่าทำไมความรู้สึกอย่างนี้ถึงเกิดขึ้น รู้แค่ว่าตกใจเสียจนทำอะไรไม่ถูก

ต้นเปิดประตูรถลงไปแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่ฟังเสียงเรียกของใคร

"เฮ้ยต้นไปไหน" ปั้นจั่นร้องถามพลางมองตามเพื่อนที่วิ่งหนีไป

ต้นตรงดิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเอง แล้วก็ค่อยๆ นั่งชันเข่าลงข้างเตียงอย่างช้าๆ ก้มหน้าซบลงกับเข่าทั้งสองข้างของตัวเองพร้อมกับร้องไห้อย่างหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต้นไม่เคยเสียใจมากขนาดนี้เลย ต่อให้สนไม่รักตอบก็ไม่เสียใจขนาดนี้

นิกกับปั้นจั่นตั้งสติได้ก็รีบดับเครื่องยนต์รถ วิ่งตามต้นขึ้นมาจนถึงหน้าห้องแล้วก็รีบเคาะประตูทันที

"ต้นเปิดประตูหน่อย ต้นเปิดประตู"

สองหนุ่มช่วยกันเคาะเรียกเท่าไหร่ต้นก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ เมื่อเอาหูแนบประตูก็ได้ยินแต่เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของต้นดังมาจากข้างใน

"เฮ้ยต้น เปิดประตูหน่อย เปิดประตูหน่อยสิวะ พวกกูเป็นห่วงมึงนะเว้ยต้น เปิดประตู"

สองหนุ่มช่วยกันเคาะและเรียกอีกแต่ก็ไม่เป็นผล

"ไม่ต้องห่วงกูหรอก ฝากลาป่วยให้กูด้วยสักสามสี่วัน" ต้นพยายามตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ขาดห้วงเป็นช่วงๆ

นิกกับปั้นจั่นมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะปล่อยต้นไว้ในห้องคนเดียวในสภาพอารมณ์อย่างนี้ดีหรือเปล่า

"มึงอย่าคิดสั้นนะเว้ยต้น มึงรับปากพวกกูก่อน ไม่งั้นพวกกูจะไม่ไป"

นิกคิดได้แล้วก็รีบบอกไป

"พวกมึงไม่ต้องห่วงหรอก กูขออยู่คนเดียวก่อน"

ต้นตะโกนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

"กูสงสารต้นว่ะไอ้นิก"

ปั้นจั่นพูดพลางทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ นิกส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาได้ รู้อย่างนี้แล้วนิกก็ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมต้นถึงดูรักสนมากจนน่าผิดสังเกต ที่สำคัญ สองคนนี้มีความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่ดูแปลกกว่าเพื่อนทั่วๆ ไปด้วย

นิกเองก็รู้สึกสงสารต้นจับจิตจับใจไม่แพ้กัน แต่ต้นคงไม่ยอมฟังหรอกในเวลานี้

"ไปเถอะจั่น ต้นมันคงอยากอยู่คนเดียว ให้มันอยู่คนเดียวก่อนเหอะ มันไม่คงไม่คิดสั้นหรอก ต้นมันเป็นคนรักษาสัญญา"

ถึงจะบอกไปอย่างนั้นแต่นิกก็ดูกังวลมากทีเดียว ตอนนี้ต้นเสียใจมาก โอกาสที่จะทำอะไรผิดพลาดก็มีสูง แต่ถ้าต้นรับปากก็ต้องเชื่อใจ แล้วนิกกับปั้นจั่นก็เดินลงมาข้างล่าง พอมาถึงรถก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อสนหายไป พอวิ่งออกไปดูหน้าบ้านทั้งซ้ายและขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

สองหนุ่มได้แต่มองหน้ากัน ส่ายหน้าแล้วก็ถอนหายใจ นั่นก็เสียใจ นี่ก็เสียใจ ไม่รู้จะช่วยแต่ละคนยังไงแล้ว ตอนนี้ทั้งต้นและสนคงช็อกกับเรื่องนี้อย่างมาก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดคุยกันตอนนี้ คงต้องรอให้สงบสติอารมณ์กันทั้งสองฝ่ายเสียก่อน

"กูว่าเราต้องหาทางช่วยสองคนนี้ให้ดีๆ แล้วล่ะนิก ไม่งั้นนะ...กูว่ามันเลิกคบกันแน่ๆ เลยว่ะ"

นิกพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อน ความสัมพันธ์ของต้นกับสนมาถึงจุดที่เปราะบางมาก ถ้าตัดสินใจผิดพลาดโอกาสที่จะพังก็มีสูง[/size]



ในที่สุดสนก็ตัดสินใจกลับมาที่บ้านพักในตอนเที่ยงเพราะเรียนไม่รู้เรื่องเลยตลอดช่วงเช้า ไม่มีสติที่จะเรียนเลยก็ว่าได้เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น

พอมาถึงบ้านแล้วสนก็ตรงดิ่งขึ้นไปที่ห้องของต้นทันที พอมายืนอยู่หน้าห้อง สนก็ลังเลว่าควรจะเคาะประตูดีหรือเปล่า แต่ไม่นานก็ตัดสินใจที่เคาะประตูไป ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา เคาะไปสองสามครั้งก็ยังเหมือนเดิม สนจึงตัดสินใจถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง แล้วก็ต้องแปลกใจที่ห้องของต้นไม่ได้ล็อกไว้

ต้นไม่อยู่ในห้องแล้ว สนเดินไปดูในห้องน้ำก็ไม่มีใครอยู่ สนกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาโทรหาต้น โทรศัพท์ของสนเองก็ดังขึ้นเสียก่อน แม่ของต้นโทรมานั่นเอง เห็นแล้วสนก็ชักใจคอไม่ค่อยดี

"สวัสดีครับแม่เยา"

"สวัสดีจ้ะสน สนรู้ไหมลูกว่าต้นไปไหน แม่โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด ต้นอยู่แถวๆ นั้นหรือเปล่าลูก"

แม่ของต้นถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูกังวลเล็กน้อย

"ต้นไม่อยู่ตรงนี้ครับแม่เยา" สนนึกกลัวในใจ ถ้าเกิดว่าพ่อกับแม่ของต้นรู้ว่าสนกับต้นมีเรื่องกันคงไม่ดีแน่ๆ

"เหรอ...เอ...แล้วต้นไปไหนนะ โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด งั้น...แม่ฝากสนบอกต้นด้วยนะลูกว่าเดี๋ยวอีกสองวันจะให้พ่อไปโอนตังค์ให้"

แม้จะสงสัยแต่แม่ของต้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก บางทีต้นอาจจะเรียนอยู่ก็เลยปิดโทรศัพท์ไว้

"ครับแม่เยา ผมจะบอกต้นให้ครับ"

"ขอบใจมากจ้ะสน"

พอแม่ของต้นวางสายไปแล้วสนก็รีบโทรหาต้นทันที แต่ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ

"หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...ตื๊ดๆๆๆ"

สนเริ่มใจคอไม่ดี ถึงจะตกใจแค่ไหนกับเรื่องเมื่อเช้า แต่ความรักและผูกพันก็มีอิทธิพลมากกว่า ที่สนตัดสินใจกลับมาที่บ้านก่อนเลิกเรียนก็เพราะเป็นห่วงต้นนั่นเอง ต้นไปไหน หรือว่าจะไปที่คณะ คิดได้แล้วสนก็รีบหยิบโทรศัพท์มาโทรหานิกทันที

"นิก...ต้นอยู่ที่คณะไหม" สนถามทันทีเมื่อนิกรับสาย

"มันเสียใจขนาดนั้นมึงยังคิดว่ามันจะมาเรียนได้อีกเหรอวะ แล้วมึงล่ะหายไปไหนมาเมื่อเช้า"

น้ำเสียงของนิกฟังดูเหมือนไม่ค่อยพอใจจนสนรู้สึกได้

"ไปคณะมา แล้ว....แล้วมึงได้คุยกับต้นมั่งไหม"

สนวกกลับมาที่เรื่องของต้นอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าเรื่องของต้นอีกแล้ว

"คุย"

นิกตอบสั้นๆ

"แล้วต้นอยู่ไหน"

"มึงเป็นห่วงมันด้วยเหรอวะสน เมื่อเช้ามันร้องไห้เสียใจจะเป็นจะตาย กูไม่เห็นมึงขึ้นมาดูมันเลย"

"..."

สนเงียบไป ไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรืออธิบาย

"มันบอกว่า...มันจะไปอยู่กับเพื่อนที่ต่างจังหวัดสักสามสี่วันน่ะ แต่ไม่ต้องถามนะเว้ยว่าเพื่อนคนไหน จังหวัดไหน กูรู้แค่นี้แหละ ต้นบอกแค่นี้แล้วก็ไม่ให้กูถามมากกว่านี้ด้วย ตอนนี้มันก็ปิดเครื่องไปแล้ว"

"ไปต่างจังหวัดเหรอ" สนทวนคำตอบเบาๆ

"เออๆ แค่นี้ก่อนนะเว้ย ขอบใจมาก"

สนวางสายแล้วก็ครุ่นคิด

"ไปต่างจังหวัดเหรอ...จังหวัดไหนนะ..."

สนพึมพำ พยายามนึกว่าต้นน่าจะไปจังหวัดไหนได้บ้างก็นึกไม่ออก หรือว่าต้นจะไปหาเพื่อนคนไหนสักคน แต่สนก็ไม่รู้เลยว่าเพื่อนสมัยมัธยมของต้นอยู่ที่ไหนกันบ้าง รู้แค่ว่าซีลอยู่กรุงเทพเท่านั้น แล้วอย่างนี้ สนจะไปตามหาต้นที่ไหนล่ะ อีกอย่าง ต้นก็ไม่เคยเดินทางไกลคนเดียวเลย เกิดไปหลงทางขึ้นมาจะทำยังไง สนชักเป็นห่วงแล้วสิ

สนมองไปที่หัวเตียงของต้น รูปถ่ายใบนั้นยังคงอยู่ รูปของต้นกับสนที่ทะเลบางแสน รอยยิ้มของเพื่อนรักสองคนที่กอดคอกันอยู่บ่งบอกถึงความรักความผูกพันที่ทั้งสองคนมีต่อกันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าใครที่ได้มาเห็นรูปนี้ก็จะเข้าใจทันทีว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันมากแค่ไหน

สนเดินไปหยิบรูปนั้นมาดูใกล้ๆ ภาพในความทรงจำค่อยๆ ไหลพรั่งพรูเข้ามาในความคิด ภาพแล้ว ภาพเล่า น้ำตาของสนค่อยๆ ไหลลงมาและไหลลงมา สนจะทำยังไงดี ตอนนี้สนกลัวเหลือเกินว่าครั้งนี้จะต้องเสียเพื่อนรักไป ต่อให้ต้นกลับมาก็อาจจะรู้สึกต่อกันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อสนรู้ว่าต้นมีความรู้สึกพิเศษให้กับตัวสนเอง

แม้จะไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้จะคลี่คลายไปอย่างไร สนก็ได้แต่หวังว่ามิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักตลอดเก้าปีที่ผ่านมาคงจะไม่จบลงไปอย่างน่าเศร้าอย่างนี้!?

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-08-2016 13:46:44 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
ใช่แล้ว ความลับไม่มีในโลก ไม่วันนี้วันไหนวันหนึ่ง สนก็ต้องรู้ว่าต้นคิดอะไร  :เฮ้อ: อ่านตอนนี้ทีไรนึกเคืองสนไม่หายที่ไปพูดเรื่องต้นกับพี่ทิน เข้าใจนะว่าสนห่วงต้น รักต้น และสนไม่รู้เหมือนที่พี่ทินรู้ แต่ก็ควรมีหัวคิดสักนิดว่าเราควรหรือไม่ควร เอาเถอะสนยังเด็กและไม่เคยเจอประสบกับเรื่องนี้มาก่อน อาจจะเคยเห็นคนไกลตัว แต่พอมารู้ว่าคนใกล้ตัวที่เป็นเพื่อนรัก มาโดนผู้ชายจีบก็เลยรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ รักและห่วงเพื่อน และยิ่งมารู้ว่า เพื่อนสนิทที่แสนดีคิดเกินเลยกับตน ยิ่งไปกันใหญ่ มันเกินจะตั้งรับทัน ย่อมต้องเจ็บปวดกันในตอนนี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา คนเขียนสื่อได้ดีนะกับความอึดอัดใจ สับสน ของทั้งสองคน อ่านในนิยายมันดูง่ายนะ แต่ชีวิตจริงนี่กว่าจะผ่านไปได้คงนานเลยล่ะ หรือดีไม่ดี เลิกคบกันไปเลยก็มี เราไม่ชอบนะคนแบบนี้ ทำไมเราไม่มองถึงความเป็นเพื่อนที่มีให้กันมาก่อน และยิ่งเป็นเพื่อนแบบต้นแล้วด้วย ยิ่งไม่น่าเลิกคบ อินจัด  :mew6:

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ส่งกำลังใจให้ต้นสนรัวรัว  :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สนคงทั้งตกใจ และสับสน
เพราะสนคงไม่ตัดเพื่อนหรอก
แต่อย่างว่า จะให้ไปสนิทใจเหมือนเดิม
ูก็ดูจะเป็นไปได้ยากเหมือนกัน สงสารทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ต้องรอจนกว่าสนจะไม่เหลือใครถึงจะกลับมาหาต้นงั้นหรือ??

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
สงสารน้องต้นจังเลยค่ะ T^T' ป่านนี้จะหนีไปพักใจกับเพื่อนคนไหนน้อ~ จะใช่ซีลหรือเปล่าคะเนี่ย? เราว่าความลับถูกเปิดเผยออกมาตอนนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะอย่างน้อยๆ น้องต้นก็ไม่ต้องปิดบังความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไป และไม่ว่าคำตอบของสนจะเป็นแบบไหน เราว่ามันก็ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจของน้องต้นมากโขเลยล่ะ อีกอย่างเคลียร์ให้ชัดๆ กันไปข้างก็ดีค่ะ น้องต้นจะได้เปิดใจรับใครคนอื่นเข้ามาพิจารณาดูบ้าง (ในกรณี..ถ้าหากสนปฏิเสธน้องต้นนะค้า ><) แล้วทั้งคู่จะได้ใช้คำว่า 'เพื่อน' ได้อย่างสนิทใจกันเสียที อีกอย่างตอนนี้เราว่าสนก็กำลังสับสนในตัวเองหนักพอตัวอยู่เหมือนกันนะคะน่ะ เฮ้อ~ ตัดสินใจกันดีๆ นะคะเด็กๆ :กอด1:

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ช่วงรับความจริงก็
เป็นอย่างนี้แหละ
แต่ยังไงก็ต้องรับ
ให้ได้ :hao5:

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตามเข้ามาให้กำลังใจเล็กน้อย ตอนที่ 8 แล้ว ปริ่มค่ะ อยากให้ถึงตอนล่าสุดที่เคยลงไว้ไวๆ อยากกินมาม่าแล้วอ่ะตัวววว  :ling1:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
อ่า น่าเห็นใจคุณน้องต้น
ความลับมาเผยเอาตอนมีคนอื่นๆ อยู่ด้วย
ยังดีที่นิกกับจั่น เข้าใจ ไม่รังเกียจ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
หวังว่าเมื่อต้นกลับมาจะเข้มแข็งขึ้น และสนคงรู้ว่าตัวเองต้องทำไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารน้องต้นจัง แต่ก็ดีแล้วที่สนรู้ตั้งแต่ตอนนี้ต้นจะได้ไม่ต้องปิดบังต่อไป

ยังดีที่ปั้นจั่นกับนิกยังเข้าใจ และยังเป็นเพื่อนที่ดีให้ต้นได้พึ่ง

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 09: สามทางเลือกของสน


ทุ่งนาเขียวขจีที่แลเห็นอยู่ไกลๆ ช่วยให้บรรยากาศสองข้างทางขบวนรถไฟที่กำลังแล่นผ่านไปดูสดชื่นและมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้ว่าตะวันจะใกล้ตกดินแล้วแต่ก็พอมองเห็นความเขียวขจีอยู่ทุกหนแห่งได้ชัดเจนอยู่ หลังจากที่วิ่งผ่านช่วงป่าเขาในแถบภาคเหนือตอนบนมาสู่ภาคเหนือตอนล่าง พื้นที่โล่งๆ กว้างๆ ที่มองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตาก็มีให้เห็นมากขึ้น แต่ดูเหมือนเจ้าของร่างที่นั่งอยู่ในโบกี้ที่โดดเดี่ยวเดียวดายจะไม่ได้รับรู้ถึงความสวยงามใดๆ ที่ปรากฎขึ้นแก่สายตาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนและกำลังจะไปไหน

หลังจากที่มองเหม่ออยู่นาน ต้นก็ค่อยๆ หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย ป่านนี้ท่านทั้งสองคนอาจเป็นห่วงที่โทรติดต่อต้นไม่ได้ ต้นกดปุ่มเปิดเครื่อง เมื่อโทรศัพท์พร้อมแล้วก็กดโทรหาแม่

"แม่ครับ ต้นจะไปทำกิจกรรมที่ต่างจังหวัดซักสี่ห้าวันนะครับแม่" ต้นกรอกเสียงลงไปเมื่อแม่รับสาย พยายามปรับเสียงไม่ให้ฟังดูอ่อนล้ามากเกินไป

"เหรอลูก แล้วนี่บอกสนหรือยังล่ะ เมื่อตอนเที่ยงๆ แม่คุยกับสน เห็นสนบอกว่ายังไม่เจอต้นเลย สนเขารู้ใช่ไหมลูกว่าต้นไม่อยู่"

ได้ยินชื่อเพื่อนรักแล้วต้นก็เกิดความรู้สึกแสลงใจ

"รู้แล้วครับแม่" ต้นเสียงเบาลง "ถ้าแม่ติดต่อต้นไม่ได้ แม่ไม่ต้องห่วงต้นนะครับ เดี๋ยวต้นจะโทรกลับเอง"

"อ้อ...กิจกรรมเยอะจนไม่มีเวลาเลยเหรอลูก แล้วนี่ต้นจะไปทำกิจกรรมที่จังหวัดไหนล่ะ กำลังเดินทางอยู่หรือเปล่า"

"อยู่บนรถไฟครับแม่ พรุ่งนี้เช้าคงถึง ต้นจะไปใกล้ๆ กรุงเทพ ตรงไหนต้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยรู้จักแถวนั้นเท่าไหร่ครับ"

"อ้อ" แม่ต้นก็ขำเล็กน้อย "ไว้ต้นไปทำงานที่กรุงเทพก็จะรู้เอง อ้อ...เดี๋ยวอีกสองวันพ่อจะไปโอนตังค์ให้นะลูก ตอนนี้ต้นมีเงินพอใช้อยู่ใช่ไหม"

"พอครับแม่ ขอบคุณพ่อกับแม่มากนะครับ" แล้วต้นก็รีบวางสายไปก่อนที่จะเผลอร้องไห้ให้แม่ได้ยิน ในยามที่รู้สึกเศร้าๆ แบบนี้ ถ้ามีพ่อกับแม่มาอยู่ใกล้ๆ คงจะดีไม่น้อยเลย

ก่อนที่ต้นจะปิดเครื่องก็เห็นมิสคอลจากสนหลายครั้ง มีข้อความด้วย แต่ต้นก็ไม่ได้เปิดอ่าน เขาปิดเครื่องแล้วก็นั่งเหม่ออย่างเดิม แล้วก็เผลอหลับไปจนถึงเช้าโดยไม่ได้กินอะไรแม้แต่คำเดียว

ซีลขับรถมารับต้นที่สถานีหัวลำโพงตั้งแต่เช้า จากนั้นก็พาต้นไปที่ที่พักของซีลที่อยู่รังสิตอีกที ตอนแรกซีลบอกให้ต้นลงสถานีที่จังหวัดปทุมธานีเพราะไม่ไกลจากที่พักนัก แต่ต้นไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีสติมากพอที่จะรับรู้ได้ว่าสถานีไหนเป็นสถานีไหนหรือเปล่า ถ้าไม่ดูให้ดีก็จะหลงทางได้ จึงบอกซีลว่าจะขอลงที่สถานีปลายทางที่กรุงเทพ จะได้ไม่ต้องคอยกังวลเพราะผู้โดยสารที่เหลือทั้งหมดต้องลงสถานีปลายทางอยู่แล้ว

วันนี้ซีลยอมขาดเรียนหนึ่งวันเพื่อมาดูแลเพื่อนที่มาเยี่ยมเยียนโดยไม่คาดฝันเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ต้นมาหาถึงที่ซีลก็ดีใจแล้ว แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่อยู่ดีๆ ต้นก็ขอมาพักด้วยหลายวัน

ต้นมาถึงที่พักของซีลตอนสายๆ ที่บ้านของซีลมีฐานะค่อนข้างดีซึลจึงไม่ได้พักหอพักนักศึกษาเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่ซีลก็เลือกที่พักที่อยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ จะได้ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางมาก

"นั่งก่อนต้น"

ซีลบอกให้ต้นนั่งลงบนเตียงแล้วก็เขาก็ช่วยเอากระเป๋าเสื้อผ้าของต้นไปวางไว้ตรงตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ต้นแลดูอิดโรยมากทีเดียว สายตาดูเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรบางอย่างตลอดเวลา

"บอกได้หรือยังต้นว่ามึงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า กูไม่คิดว่ามึงจะคิดถึงกูจนทนไม่ไหวขนาดนี้หรอก คุยกันอยู่แหม็บๆ เมื่อวาน วันนี้มาหากูละ มีอะไรก็บอกนะเว้ย ถ้ากูช่วยได้กูก็จะช่วย" ซีลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ต้นพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ แล้วก็เล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานตอนเช้าให้ซีลฟัง ฟังจบแล้วซีลก็อึ้งไปและรู้สึกผิดมากทีเดียว ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาได้

"กูขอโทษจริงๆ ว่ะต้น กูไม่น่าเลย..." ซีลอดโทษตัวเองไม่ได้ที่เป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องนี้ ถ้ารู้เสียก่อนก็คงไม่พูดอย่างแน่นอน เพราะความไม่ระวังถึงต้องทำให้เพื่อนเดือดร้อน

"มึงไม่ผิดหรอกซีล อย่าโทษตัวเองเลย กูไม่โทษมึงหรอก ไม่เกี่ยวกับมึง จริงๆ...ความลับมันไม่มีในโลกหรอก ถ้าไม่รู้ตอนนี้ ต่อไปก็ต้องรู้" ต้นบอกไปอย่างที่ใจคิด เขาไม่เคยคิดจะโทษซีล ไม่อยากให้ซีลต้องรู้สึกผิด มันเป็นแค่อุบัติเหตุที่ไม่มีใครตั้งใจจะให้เกิดขึ้น

ซีลถอนหายใจ "ถึงอย่างนั้นก็เหอะ กูก็รู้สึกผิดอยู่ดีว่ะต้น เอาเป็นว่ากูเสียใจว่ะต้นที่กูปากไม่ดีทำให้มึงต้องเดือดร้อน เฮ้อ..." ซีลถอนหายใจยาวอีก เห็นหน้าเศร้าๆ ของต้นแล้วซีลก็ได้แต่สงสารเพื่อน "แต่กูไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้สนมันจะรับไม่ได้ ทำไมมันเป็นคนแบบนี้วะ มึงดีกับมันขนาดไหน รักมันมากขนาดไหน มันไม่เคยมองเห็นเลยเหรอวะ"

ต้นเงียบไป เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเขาไม่อยากฟังให้เจ็บช้ำใจอีก

"ขอโทษเว้ยต้น เออๆ กูจะไม่พูดถึงมันละ มึงกินอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวกูไปหาซื้ออะไรแถวนี้มาให้มึงกิน ดูท่าทางมึงจะยังไม่ได้กินอะไรมาเลย ดูดิ หน้าซีดหน้าเซียวไปหมด กินข้าวก่อนละกันนะ กูก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน จะได้กินด้วยกัน"

ต้นพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับ ถึงจะไม่อยากกินก็คงต้องกินบ้าง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะมาป่วยให้เดือดร้อนเพื่อนอีก มาอาศัยเพื่อนอยู่แล้วต้นก็ไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อนมากเกินไป ต้นหยิบกระเป๋าสตางค์มาแล้วก็หยิบธนบัตรหนึ่งร้อยบาทส่งให้ซีลหนึ่งใบ

"ไม่เป็นไร มื้อแรกถือว่ากูเลี้ยงละกัน เพื่อนมาหาทั้งที แค่นี้กูเลี้ยงได้ มื้อต่อไปมึงค่อยออก อ้อ... เดี๋ยวมึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อน ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นน่ะ เดี๋ยวกูมา จะเอาอะไรเป็นพิเศษไหม"

ต้นเก็บเงินใส่กระเป๋าไว้ตามเดิมเมื่อซีลไม่ยอมรับ "ซื้อมาเหอะ อะไรก็ได้ ขอบใจมากนะเพื่อน"

"เออ ไม่เป็นไร เพื่อนกันขอกันกินมากกว่านี้" ว่าแล้วซีลก็ลุกขึ้น เดินออกไปจากห้อง

ต้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จซีลก็กลับมาพอดี ตอนนี้ต้นค่อยแลดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย ต้นเห็นซีลถือถุงอาหารมาก็รีบเข้าไปช่วยเทอาหารใส่จาน เขาไม่ชอบที่จะมาอยู่เฉยๆ เป็นภาระของเพื่อน

"มีผัดนี้ด้วยเหรอ"

ต้นถามในขณะที่แกะผัดผักรวมที่มีบร็อคโคลี่และดอกกะหล่ำสีขาวรวมอยู่ด้วยใส่จาน สงสัยซีลจะจำไม่ได้ว่าต้นไม่ชอบกิน แต่คนที่จำได้และรู้ดีที่สุดก็คือคนที่เพิ่งมีเรื่องกับต้นเมื่อวานนั่นแหละ ต้นไม่ชอบกินผักที่คล้ายๆ ดอกกะหล่ำเพราะไม่ชอบกลิ่นมัน ยิ่งบร็อคโคลี่ยิ่งไม่ชอบใหญ่ แต่ถึงจะรู้ว่าต้นไม่ชอบกิน สนก็มักจะคะยั้นคะยอให้ต้นกินบ่อยๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า "ถ้าไม่กินผักเดี๋ยวเป็นมะเร็งนะ" ความจริงต้นก็พอกินได้ แต่ต้นแค่ไม่ชอบผักบางชนิดเท่านั้นเอง

"เออว่ะ กูลืมไปว่ามึงไม่ชอบกิน งั้นมึงกินไก่ทอดกับต้มจืดละกันนะ เดี๋ยวผัดผักกูกินเอง" ซีลทำสีหน้ารู้สึกผิดที่ดันจำไม่ได้ว่าต้นไม่ชอบกินอะไรบ้าง

"เออไม่เป็นไรหรอก กูพอกินได้อยู่ เดี๋ยวจะกินทุกอย่างที่มึงซื้อมานั่นแหละ กูแค่อยากรู้ว่ามึงจำได้หรือเปล่าว่ากูไม่ชอบกินอะไร แต่กูรู้ว่ามึง...กินได้ทุกอย่าง" ต้นพูดแล้วก็ขำเบาๆ ดูเหมือนต้นจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่ออยู่ในบรรยากาศใหม่

"อ้อ แหะๆ คนเรามันก็มีลืมกันบ้าง" ซีลยิ้มอายๆ "อ้อ...มึงกินข้าวเสร็จแล้วจะนอนพักสักหน่อยก็ได้นะ เดี๋ยวบ่ายๆ กูจะพามึงไปเที่ยว อยู่ในห้องนานๆ ไม่ดีหรอก ไปเปิดหูเปิดตาจะได้สดชื่น ว่าแต่มึงอยากไปไหนเป็นพิเศษไหม"

"ดรีมเวิร์ล" ต้นรีบบอกทันที เขาอยากไปเล่นเครื่องเล่นที่มันผาดโผนปลดปล่อยอารมณ์บ้าง คงจะดีไม่น้อยเลย ตอนเด็กๆ เคยมาเล่นครั้งหนึ่ง ยังติดใจอยู่จนทุกวันนี้

"ได้ๆ อยู่ใกล้ๆ แถวนี้เอง เดี๋ยวกูพาไป" ซีลบอกพลางยิ้ม


ทินรู้สึกหงุดหงิดมากทีเดียวที่อยู่ดีๆ ต้นก็หายไปไม่บอกไม่กล่าว เขาโทรหาหลายรอบจนเหนื่อยอกเหนื่อยใจ คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าต้นไม่พอใจเขาตรงไหนหรือเปล่า แต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาไปทำอะไรให้ต้นไม่พอใจ ด้วยความร้อนใจเขาจึงต้องตามมาหาต้นจนถึงที่ตึกเรียนที่อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่งั้นเขาก็คงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ เลย เขารู้สึกว้าวุ่นใจจริงๆ ถ้าต้นไม่อยากให้เขายุ่งด้วยก็น่าจะบอกกันดีๆ

ทินเห็นเจนี่นั่งคุยกับเพื่อนๆ ตรงม้าหินอ่อนหน้าตึกพอดีจึงรีบเดินแกมวิ่งเข้าไปหา เขารู้มาว่าเจนี่สนิทกับต้นอยู่บ้าง อาจจะพอบอกได้ว่าต้นหายไปไหน

"เจนี่"

"อ้าวพี่ทิน มาหาต้นเหรอคะ" เจนี่ร้องถามเมื่อเห็นพี่รหัสของต้นเดินมาหาอย่างรีบร้อน

"นิกกับจั่นบอกว่าต้นไม่สบายค่ะพี่ น่าจะอีกสามสี่วันถึงจะกลับมาเรียน" เจนี่บอกเมื่อทินเดินมาถึง

"อ้าวจริงเหรอ" ทินทำหน้าแปลกใจ "ต้นไม่สบายเป็นอะไร แล้วทำไมเขาต้องปิดเครื่องด้วยล่ะ พี่โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด"

เจนี่ทำหน้าแปลกใจเช่นเดียวกัน "เอ...นั่นสิคะ ทำไมต้นต้องปิดโทรศัพท์ด้วย เจนี่โทรหาตั้งหลายครั้งก็ไม่ติดเหมือนกัน พวกแกได้โทรหาต้นบ้างป่าววะ" เจนี่หันไปถามเพื่อนสาวๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันบ้าง

"เมื่อวานตอนเย็นก็โทรนะ ว่าจะถามว่าเป็นไงบ้าง ก็โทรไม่ติด เหมือนปิดเครื่องน่ะ" หนึ่งในเพื่อนของเจนี่บอก

"ต้นไม่ได้ไปไหนใช่ไหม หรือว่าเขากลับบ้านไปหรือเปล่า" ทินถาม

"อืม...ไม่รู้จริงๆ ค่ะ อ้าว นิกกับจั่นมาพอดีเลย นิกกกกก จั่นนนนนนนนน มานี่แป๊บนึง" เจนี่ร้องเรียกเสียงดังพร้อมกับกวักมือเรียกเพื่อนหนุ่มสองคนที่กำลังเดินผ่านมาพอดี

นิกกับปั้นจั่นหันมามอง พอเห็นว่ามีพี่ทินอยู่ด้วยก็เริ่มลังเลเพราะกลัวว่าจะถูกถามเรื่องต้น

"มีไรป่าวเจนี่ พอดีเราต้องรีบไปส่งงานอาจารย์น่ะ" ปั้นจั่นตะโกนถามมา แต่ไม่ยอมเดินเข้ามาหา

"ส่งงานไรอะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย มานี่แป๊บนึง จะถามเรื่องต้นหน่อย" เจนี่ตะโกนบอกไป

นิกกับปั้นจั่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินมาหาเจนี่กับเพื่อนๆ และพี่รหัสของต้นที่เหมือนจะรอฟังข่าวของต้นอยู่ด้วยความอยากรู้

"เนี่ย พี่ทินบอกว่าโทรหาต้นเท่าไหร่ก็ไม่ติด เจนี่ก็โทรหาตั้งหลายครั้งแน่ะ ตกลงว่าต้นไม่สบายหรือว่าไปไหนหรือเปล่า ถ้าแค่ไม่สบายก็ไม่น่าจะต้องปิดเครื่องนะ เจนี่ก็โทรไปตอนเย็นๆ ไม่ได้โทรรบกวนตอนกลางวันซะหน่อย"

นิกกับปั่นจั่นทำสีหน้ายุ่งยากใจ รู้สึกหนักใจที่จะต้องตอบคำถามเรื่องของต้นกับสนในเวลานี้ เกิดพูดอะไรออกไปแล้วทำให้เพื่อนๆ รู้ว่าต้นกับสนมีปัญหากันเรื่องอะไร ต้นจะแย่เอาได้ ต้นอาจจะยังไม่อยากให้ใครรู้ตอนนี้ก็ได้ว่าเขาเป็น "แบบไหน"

พอหันไปเห็นทินที่รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อก็เลยรู้สึกกดดันตัวเองจนต้องยอมพูดอะไรสักอย่างบ้าง

"อ๋อ...พอดีต้นกลับไปพักที่บ้านที่กำแพงแสนน่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว" ปั้นจั่นพูดเป็นคนแรก

"ใช่ๆๆ พอดีแม่ต้นเขาโทรมาบอกว่าให้ต้นกลับไปพักที่บ้านดีกว่า เห็นว่าแม่ต้นเขามีหมอประจำอะไรสักอย่างนี่แหละ"

ดูเหมือนคำตอบที่บอกไปจะไม่ได้ทำให้เจนี่และทินหายสงสัยนัก แต่กลับทำให้สงสัยมากขึ้น

"เหรอ..." ทินทำหน้ามุ่ย ขมวดคิ้วอย่างสงสัย "กลับบ้านแล้วทำไมต้องปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ แล้วจะเดินทางไกลให้เหนื่อยทำไม ไหนจะไป ไหนจะกลับ ก็ไม่ได้พักกันพอดี นครปฐมไม่ใช่ใกล้ๆ ซะหน่อย แล้วต้นป่วยเป็นอะไรเหรอถึงต้องกลับไปหาหมอที่บ้าน หมอที่นี่รักษาไม่ได้เหรอ"

นิกกับปั้นจั่นมองหน้ากันเลิ่กลั่กอีกรอบ

"มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าเขาทะเลาะอะไรกับสนไหม" ทินถาม เขาคิดว่าเรื่องนี้น่าจะพอมีความพอเป็นไปได้เพราะวันนั้นสนมาหาเขาที่คณะ ไม่รู้กลับไปแล้วสนไปพูดอะไรกับต้นจนผิดใจกันหรือเปล่า ต้นก็เลยอาจจะหนีไป

นิกกับปั้นจั่นแอบสะดุ้ง

"เออนั่นสิ..." เจนี่พึมพำ เธอก็สงสัยเหมือนกับที่ทินสงสัย

"เอาไงวะ" ปั้นจั่นสะกิดนิกเหมือนกับจะให้นิกพูดอะไรแก้สถานการณ์บ้าง

"เฮ้ย ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก ไม่มีอะไร ต้นมันกลับไปพักที่บ้านที่ต่างจังหวัดจริงๆ เมื่อวานยังโทรหามันได้อยู่เลย สงสัยสัญญาณจะไม่ดีมั้ง เห็นต้นมันบอกว่าแถวบ้านมันค่อนข้างอับสัญญาณน่ะ ถ้าจะโทรมันต้องเดินออกมานอกบ้านหาสัญญาณหน่อย"

แม้ว่าข้อมูลที่นิกกับปั้นจั่นพยายามบอกจะฟังดูแปลกๆ แถมสองคนนี้ก็แสดงท่าทางมีพิรุธ แต่ทินก็เริ่มไม่อยากเซ้าซี้ถามให้มากความ

"อืมๆ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวพี่จะพยายามโทรหาต้นบ่อยๆ ก็แล้วกัน ถ้านิกกับจั่นโทรติด ฝากบอกต้นให้โทรหาพี่ด้วยละกันนะ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย"

"ครับพี่ทิน ถ้าผมโทรติดแล้วจะบอกต้นให้ครับ เดี๋ยวผมกับจั่นขอตัวไปส่งงานก่อนนะครับ" นิกหันไปบอกรุ่นพี่

"ตามสบายครับ พี่ก็จะไปแล้วเหมือนกัน พี่ไปแล้วนะเจนี่" ทินบอก แล้วหันมาโบกมือให้เจนี่ก่อนเดินออกไป

นิกกับปั้นจั่นเห็นทินเดินออกไปแล้วก็รีบเดินแกมวิ่งออกไปบ้าง ขืนอยู่นานคงถูกซักไม่จบ เกิดเผลอตอบไม่เหมือนเดิมก็จะถูกจับได้

"อะไรของเค้านะ ทำตัวมีพิรุธจัง แล้วส่งงานอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย" เจนี่บ่นพึมพำเบาๆ แล้วก็หันมาคุยกับเพื่อนๆ ต่อ


"เฮ้ยสน กินข้าว"

เสียงปั้นจั่นดังขึ้นพร้อมกับที่เขาเปิดประตูห้องสนแล้วโผล่แต่ศีรษะเข้ามา สนค่อยๆ พลิกตัวหันมามองเจ้าของเสียง ขมวดคิ้วแล้วก็ถอนหายใจ

"ไม่กิน กูไม่หิว พวกมึงกินไปเหอะ" สนตอบแล้วก็หันกลับมาตามเดิม ผ่านไปสามวันแล้ว สนไม่ได้ข่าวคราวของต้นเลย รู้สึกเป็นห่วงเพื่อนเสียจนไม่เป็นอันทำอะไร จะเรียกว่าตรอมใจก็คงไม่ผิดนัก สภาพของสนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังตรอมใจอย่างหนักเลย กลับมาถึงบ้านเขาก็นอนซมทั้งชุดนักศึกษา บางทีก็ลงมานั่งที่โต๊ะข้างล่างคอยชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่ต้นจะกลับมา ดึกดื่นถึงกลับขึ้นไปนอน บางวันก็เผลอหลับคาโต๊ะ นิกกับปั้นจั่นต้องปลุกให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเรียนในตอนเช้า

"เออๆ ไม่กินก็ไม่เป็นไร แต่มึงมาคุยกับพวกกูหน่อยได้ไหม กูสองคนมีอะไรจะคุยด้วย"

สนพลิกตัวหันกลับมามองเพื่อนอีกรอบ ชั่งใจอยู่สักพักก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วก็เดินตามปั้นจั่นลงไปข้างล่าง มีนิกที่นั่งรอกินข้าวอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวพร้อมกับเปิดทีวีไว้ด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจดูเท่าไหร่นัก

ปั้นจั่นนั่งลงที่เดิมข้างๆ นิก ส่วนสนก็นั่งลงที่เดิมตรงข้ามกับนิก สิ่งที่ต่างไปในหลายวันมานี้ก็คือไม่มีต้นมานั่งอยู่ข้างๆ ด้วยนั่นเอง

"พวกมึงกินกันเลยนะ กูไม่หิว ไม่อยากกิน" สนบอกเมื่อเห็นนิกและปั้นจั่นทำท่าเหมือนจะรอให้เขากินข้าวพร้อมกับเพื่อนๆ

"กินหน่อยก็ดีนะสน ดูสภาพมึงดิ โทรมหมดแล้ว" นิกบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

แต่ก็ดูเหมือนสนจะไม่อินังขังขอบเท่าไหร่ นิกกับปั้นจั่นจึงไม่รอ ส่วนสนก็นั่งดูทีวีรอไปเรื่อยๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นมีใครจะบอกอะไรเขาเลย ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกันไงล่ะ

เมื่ออดรนทนไม่ไหว สนจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นเอง "ต้นโทรมาหาพวกมึงมั่งป่าววะ"

นิกกับปั้นจั่นมองหน้ากันเหมือนกับจะถามกันเองว่าควรจะบอกดีไหม

"เอางี้...ให้พวกกูกินข้าวเสร็จก่อน เดี๋ยวกูจะเล่าอะไรให้มึงฟัง" นิกบอก

สนพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เขาหยุดโทรศัพท์หาต้นไปแล้ว เพราะรู้ว่าโทรไปยังไงต้นก็ไม่รับ สนรู้สึกว่าเขาทำผิดบาปกับเพื่อนมากเหลือเกิน ทำให้เพื่อนต้องเสียใจแล้วก็หายตัวไปไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง

หลังจากที่นิกกับปั้นจั่นกินข้าวเสร็จ ปั้นจั่นเป็นคนอาสาเอาจานชามไปเก็บที่อ่างล้างจานไว้ก่อน แล้วก็กลับมานั่งที่โต๊ะเพื่อคุยกับสน

"ต้นโทรมาบอกพวกกูว่า...อีกวันสองวันมันจะกลับ แล้วก็...มันจะย้ายไปอยู่หอพักมหาลัย"

สนเบิกตาโพลง รู้สึกใจหายวาบ "จริงเหรอนิก ทำไมล่ะ"

"แล้วมึงจะถามทำไมวะ มึงก็รู้อยู่" นิกว่า มองดูสนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็เอาเถอะ มันคงสำนึกได้แล้วล่ะ ต้นหายไปสามวันแล้วก็ทำเอาสนไม่เป็นอันกินอันนอน นั่งรอนอนรอไม่เป็นอันทำอะไร ข้าวปลาไม่กิน หน้าตาซีดเซียว ผมเผ้าไม่ดูแล หนวดเคราก็ไม่โกน แต่ก็ยังไม่ถึงกับจะดูแย่อะไรมาก แต่ดูก็รู้ว่าไม่ดูแลตัวเองเลย

สนเงียบไปเมื่อนึกขึ้นมาได้ เขาเป็นคนทำให้ต้นเสียใจเองจะถามไปทำไม แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขากลัวกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

"กูถามตรงๆ นะสน มึงรับไม่ได้จริงๆ เหรอวะที่ต้นมันเป็นเกย์" ปั้นจั่นถามบ้าง สีหน้าเขาดูจริงจังมากทีเดียว อันที่จริง เขากับนิกปรึกษากันมาหลายวันแล้วเพื่อที่จะหาทางช่วยเพื่อนสองคนนี้ให้กลับมาดีกันเหมือนเดิม แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นไปได้มากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม คนแรกที่จะต้องจัดการก่อนก็คือสนนี่แหละ สนต้องเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองก่อนเท่านั้น ถ้าสนไม่ยอมเข้าใจหรือไม่ยอมเปลี่ยนก็ไม่มีประโยชน์ที่จะช่วย

"เอ่อ..." สนเกิดอาการไม่มั่นใจว่าจะตอบดีไหม เขาถามตัวเองมาหลายวันแล้ว คำตอบก็ยังดูคลุมเครืออยู่ดี

"กูไม่รู้ว่ะ แต่กู...กูไม่อยากให้ต้นเป็นแบบนี้เลย" นั่นคือสิ่งแรกที่สนพอจะบอกได้

"เป็นแบบไหนวะ" นิกถามทันที

"ก็..." สนดูเหมือนจะไม่อยากพูดคำนั้นนัก "เป็นเกย์ไง" เขาพูดด้วยเสียงเบาจนแทบฟังไม่ได้ยิน

นิกกับปั้นจั่นทำท่าครุ่นคิด เขาพยายามช่วยกันคิดแล้วล่ะว่าถ้าสนตอบกลับมาแบบนี้จะต้องตอบแบบไหน เรื่องนี้ก็อยู่ในประเด็นที่สองคนนี้เตรียมตัวกันไว้พอดิบพอดี นิกขอรับผิดชอบประเด็นนี้เองละกัน

"แล้วมึงจะให้ต้นเป็นแบบไหนล่ะวะ ต้นมันต้องเป็นแบบไหนถึงจะคบกับมึงได้ ที่มึงคบกับมันมาตั้งเกือบสิบปีก็เพราะต้นมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เพราะต้นมันเป็นแบบนี้หรอกเหรอมึงถึงได้ยอมรับมันเป็นเพื่อน มึงถึงได้รักได้ห่วงมันขนาดนี้ มึงลองถามตัวเองดีๆ นะสน มึงจะให้ต้นมันเป็นแบบไหนอีก มึงรักเพื่อนของมึงเพราะอะไร แล้วมึงคิดว่าอยู่ดีๆ จะให้ต้นเป็นแบบไหนตามใจมึงก็ได้เหรอวะ คนนะเว้ย ไม่ใช่ดินเหนียว ปัญหาอยู่ที่มึงนั่นแหละ ไม่ใช่ต้น มึงยอมรับที่มันเป็นได้หรือเปล่า แค่นั้นแหละ"

สนรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนมีใครเอามีดมากรีดหัวใจก็ไม่ปาน ก็เพราะต้นเป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้เสมอมานั่นไงที่ทำให้สนรักเพื่อนมากขนาดนี้ แล้วสนอยากจะให้ต้นเป็นแบบไหนอีกล่ะ

"แต่..." สนพยายามคิดหาคำพูดที่จะสื่อสาร "ก็เมื่อก่อนกูไม่รู้ว่าต้น...ชอบกูนี่หว่า กูก็นึกว่าต้นเป็นแค่เพื่อนกูธรรมดาๆ"

"แล้วไงวะสน" ปั้นจั่นสลับขึ้นมาพูดบ้าง "ต้นมันแอบชอบมึงก็จริงนะเว้ย แต่มันเคยคิดจะบอกมึงหรือเปล่าวะ มันเคยคิดอยากจะเป็นเจ้าของมึงหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องบังเอิญวันนั้น กูว่ามึงก็ไม่มีวันรู้หรอก เผลอๆ ต้นมันก็จะเก็บเรื่องนี้ไว้จนตายนั่นแหละ มันไม่อยากให้มึงลำบากใจที่จะเป็นเพื่อนกับมันไง มึงดูเพื่อนมึงไม่ออกเหรอสน ที่ต้นมันไม่เคยบอกมึงก็เพราะมันไม่อยากให้มึงต้องห่วงมันไง มึงไม่เห็นความเสียสละของมันบ้างเหรอวะสน มึงเห็นไหมว่าไอ้ต้นมันรักมึงขนาดไหน"

สนน้ำตาซึมทันทีที่ได้ยิน ถ้าต้นอยู่ตรงหน้าเขาคงกอดต้นแล้วก็ร้องไห้ไปแล้วล่ะ

"แล้วมึงคิดดูดีๆ นะ ที่ผ่านมาที่มึงมีแฟนมั่ง จีบหญิงไปทั่วมั่ง ต้นมันก็ทนเจ็บของมันอยู่คนเดียว มันไม่เคยคิดจะทำให้มึงต้องลำบากใจไม่ใช่เหรอวะ กูก็เพิ่งรู้จักกับมันได้ไม่นานหรอก แต่กูก็เห็นว่าต้นมันเป็นคนแบบนั้น ต้นเป็นคนดีมากนะสน มึงจะไปหาเพื่อนดีๆ อย่างต้นที่ไหนอีกวะ มีเพื่อนดีๆ แบบนี้แล้วทำไมมึงถึงยอมรับมันไม่ได้ ต้นมันไม่ดีตรงไหนวะ"

สนยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายราวกับเป็นเด็กน้อย เขาเริ่มร้องไห้หนักขึ้น ยิ่งฟังที่ปั้นจั่นพูดสนก็ยิ่งเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นมากขึ้น ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขาทำให้ต้นเจ็บไปมากแค่ไหนแล้ว ต้นก็ไม่เคยพูดสักคำ ไม่เคยที่จะบอกว่าเจ็บแค่ไหน ไม่เคยแม้แต่จะร้องขอความรักความเห็นใจจากเขาแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยขอให้เขารักตอบแม้แต่น้อยแม้ว่าจะมีโอกาสมากแค่ไหนก็ตาม

นิกกับปั้นจั่นเองก็รู้สึกเศร้าไปด้วย ทั้งสองคนปล่อยให้สนสงบสติอารมณ์สักพัก นานทีเดียวกว่าสนจะค่อยๆ หยุดร้องไห้

"แล้วมึงจะให้กูทำไง กูจะต้องทำตัวยังไงวะไอ้นิก ไอ้จั่น มึงลองคิดดูสิวะ ถ้าอยู่ดีๆ ไอ้จั่นมันเป็นเหมือนต้น มึงจะทำไงวะนิก มึงจะคบกันต่อไปยังไงวะ มึงจะมองหน้ากันยังไง ถ้ามึงรู้ว่าเพื่อนมึงไม่ได้คิดกับมึง...เหมือนที่มึงเคยเข้าใจ" ถามไปแล้วสนก็อดที่จะสะเทือนใจอีกไม่ได้ แต่ก็พยายามที่จะไม่ร้องไห้อีก

สองหนุ่มคู่ซี้อึ้งไปเหมือนกัน นั่นสิ เขาทั้งสองคนมัวแต่คิดหาคำตอบแทนสน แต่กลับลืมคิดไปว่าถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเขาสองคนบ้าง นิกกับปั้นจั่นจะทำอย่างไร

"ถ้าเป็นมึง มึงจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ไหม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เหมือนผู้ชายปกติทั่วไป แล้วก็ปล่อยให้เพื่อนที่แอบรักมึงเจ็บปวดอย่างงั้นเหรอวะ ตอนนี้กูทำอย่างนั้นไม่ได้ว่ะ กูสงสารต้น กูถึงไม่อยากให้ต้นเป็นแบบนี้" พูดชื่อเพื่อนขึ้นมาแล้วสุดท้ายสนก็ไม่อาจห้ามน้ำตาที่ปริ่มๆ ขอบตาอยู่อีกได้ เขาร้องไห้อีกแล้ว

นิกกับปั้นจั่นถอนหายใจใหญ่ นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซะแล้ว

"เอาไงดีวะจั่น" นิกถามเพื่อนด้วยเสียงที่เบา ปั้นจั่นทำท่าครุ่นคิด สักพักใหญ่ๆ ทีเดียวที่ปั้นจั่นพอจะนึกหาทางออกให้สนได้

"เอางี้ละกันสน กูกับนิกก็ยอมรับนะเว้ยว่ามันไม่ง่ายสำหรับพวกมึงสองคนหรอก พวกกูก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ แต่พวกกูก็อยากช่วยมึงสองคนว่ะ" ปั้นจั่นเว้นจังหวะ เมื่อเห็นสนหันมามองอย่างสนใจแล้วก็เลยพูดต่อ

"มึงต้องเลือกแล้วนะสน ตอนนี้ไม่มีอะไรให้มึงเลือกมากนักหรอก มึงก็น่าจะรู้ดีว่าทำไม เอาอย่างงี้ละกัน กูมีสามทางเลือกให้มึง อย่างแรก...มึงเลิกคบกันต้นไปเลย มีชีวิตใหม่ของตัวเอง ต่างคนต่างอยู่ มันอาจจะโหดไปสักหน่อย แต่มันจบว่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ติด ไม่ต้องมีปัญหาอะไรอีก เผื่อบางที ผ่านไปสองสามปี พวกมึงสองคนอาจจะทำใจได้ แล้วก็ค่อยคิดละกันว่าจะกลับมาคบกันเป็นเพื่อนอีกดีไหม ถ้าไม่งั้นก็เลิกคบกันถาวรไปเลย"

แค่ได้ฟังตัวเลือกนี้สนก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที แค่ต้นหายไปไม่กี่วันสนก็แทบจะบ้าอยู่แล้ว ถ้าจะต้องเลิกคบกันไปเลยสนคงเสียสติเป็นแน่ แต่ก็จริงอย่างที่ปั้นจั่นบอก ข้อดีของมันก็คือมันจะจบจริงๆ จบทุกสิ่งทุกอย่าง แน่นอนว่ามันคงเป็นไปได้ยากที่จะกลับมาคบกันเหมือนเดิม

"ทางเลือกที่สอง...พวกมึงก็คบกันต่อไป แต่มึงก็ต้องตกลงกับต้นเอาเองนะว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรเกินเลย ถ้าต้นมันโอเค ไม่มีปัญหาอะไร รับได้ มึงจะมีฟงมีแฟนแต่งงงแต่งงานต้นมันก็รับได้ ก็คบกันไปเหมือนเดิม แต่ถ้าต้นมันไม่โอเค ก็...อาจจะเหมือนตัวเลือกแรก หรือยังไงกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แล้วแต่มึงสองคนจะตกลงกันเองละกัน"

อันนี้ฟังดูดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยถ้าสนบอกกับต้นว่าเขาให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน ถ้าต้นเข้าใจ ไม่คิดทำอะไรเกินเลย ก็น่าจะคบกันไปต่อได้ แต่ต้นก็คงต้องทนเจ็บน่าดู สนเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ยังไงวันหนึ่งก็ต้องแต่งงานมีครอบครัว มีทายาทสืบสกุล เขาคงไม่สามารถที่จะอยู่เป็นโสดเป็นเพื่อนกับต้นไปจนตายได้ พ่อกับแม่ของเขาคงไม่ยอมแน่ๆ อย่าว่าแต่เขาเลย พ่อกับแม่ของต้นก็คงไม่ยอมให้ต้นเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

แต่ถ้าต้นเลือกข้อนี้จริงๆ สนจะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะชดเชยให้กับความเจ็บปวดของต้น แม้ว่าจะรักต้นอย่างนั้นไม่ได้เขาก็จะให้ความรักอย่างเพื่อนที่ดีที่สุดกับต้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถทดแทนกันได้ แต่อย่างน้อยต้นก็จะไม่ต้องน้อยใจว่าสนไม่ให้ความสำคัญ ต้นสำคัญเป็นพิเศษกว่าเพื่อนคนไหนที่สนมีเลยล่ะ

"ส่วนทางเลือกสุดท้ายที่กูนึกออก มึงฟังดีๆ นะ" ปั้นจั่นเรียกร้องความสนใจ แล้วก็ได้ผล สนดูสนใจฟังมากขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว บางทีตัวเลือกที่สามที่ปั้นจั่นกำลังจะพูดอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็ได้ ไม่งั้นก็คงไม่เอามาพูดตอนท้ายหรอก

"มึงกับต้นก็รักกันไปซะ จบเรื่องเลย ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่ต้องมีใครเจ็บปวด โอเคไหม!?"

"เฮ้ย!?" สนร้องอุทาน อ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง ไม่คาดคิดว่าปั้นจั่นจะคิดทางเลือกแบบนี้ขึ้นมาได้

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 18:45:16 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
สนเลือกข้อสองแน่เลย แต่น่าคิดเหมือนกันนะคะ ว่าสนจะทำใจได้แน่เร้ออ~ ถ้าเกิดว่าต้นมีแฟนขึ้นมาจริงๆ น่ะ..หืม?

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สนไม่ใช่รับไม่ได้
แต่คงจะรับมือกับเรื่องนี้ไม่ทัน
อย่างน้อยๆ ตอนนี้ข้อสองก็เป็นตัวเลือก
ที่ดีที่สุดสำหรับสน ไม่ต้องเสียต้นไป
และคิดว่าต้นเองก็คงพอใจกับตัวเลือกนี้

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตกหลุมรักนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การสานต่อ การรักษาไว้ท่ามกลางเรื่องราว ผู้คนที่มีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์นั้นยากนัก

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
ตอนนี้เป็นตอนที่เห็นใจทั้งต้นและสน ต้นก็เสียใจและหวาดกลัวว่าสนจะรับไม่ได้ รังเกียจ เพราะท่าทีของสนทำให้ต้นคิดมาก เป็นธรรมดานะที่ต้นจะคิดแบบนี้ ความลับที่เก็บมานานต้องมาเปิดเผยต่อหน้าคนที่ตัวเองแอบคิดเกินเพื่อน เลยทำให้ตกใจทั้งสองฝ่าย รวมถึงเพื่อนใหม่ด้วยที่สงสัยแต่ไม่แน่ใจ ตอนนี้ความรู้สึกของต้นหน่วงมาก ไม่ได้คิดว่าต้นหนีปัญหาหรือหนีหน้า เพียงแต่ต้องการเวลาในการทำใจ ยังไงต้นก็ทิ้งการเรียนไม่ได้ ส่วนสน ก็เห็นใจเพราะตั้งรับไม่ทันว่าจะเกิดเรื่องนี้กับตน การจะทำใจให้รับเลยหรือเลือกเลยคงไม่ได้ ต้องใช้เวลาเหมือนกัน เวลาเท่านั้นจะช่วยทั้งสองคนได้ แต่ปั้นจั่น กับ นิก นี่เป็นเพื่อนที่ดีนะ ไม่รังเกียจสักนิดทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน นิกกับปั้นจั่น เลือกคบคนที่นิสัยมากกว่า  :katai2-1: เอ้อ ทางเลือกนี่นำเสนอนี่ดีมากเลย นิก ปั้นจั่น  :laugh:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓
CHAPTER 10: หากรักนั้นมีปาฏิหาริย์


ห้าวันแล้วที่ต้นไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้ ติดต่อไม่ได้ ไม่มีข่าวคราวอะไรให้สนรู้มากนักนอกจากที่นิกกับปั้นจั่นบอกว่า ต้นกลับมาแล้วก็จะย้ายออกไปอยู่ในหอพักที่มหาวิทยาลัย แต่ถึงจะรู้แค่นั้น สนก็แทบจะทำใจไม่ได้แล้ว

วันนี้สนกลับมาที่บ้านด้วยความหวัง เพราะคิดว่าต้นอาจจะกลับมาตามที่นิกและปั้นจั่นบอก ในขณะที่สนไขกุญแจประตูบ้าน สายตาของสนพลันเหลือบไปเห็นรองเท้าคู่หนึ่งที่สนคุ้นเคยเป็นอย่างดีวางอยู่บนชั้นวางรองเท้าในบ้านข้างๆ ประตู ใช่แล้ว รองเท้าของต้น ต้นกลับมาแล้ว สนรีบไขกุญแจบ้านจนมือไม้สั่นไปหมด พอเปิดประตูได้ก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องต้นทันที สนคิดถึงต้นจนไม่อาจรอที่จะได้เห็นหน้าเพื่อนที่หายไปกว่าห้าวันได้แม้แต่วินาทีเดียว

ประตูห้องต้นเปิดไว้ ไฟในห้องสว่าง ต้นกลับมาแล้วจริงๆ ด้วย ใบหน้าของสนฉีกยิ้ม หัวใจพองโต ไม่รู้เหมือนกันว่าในโลกนี้จะมีอะไรที่ทำให้สนดีใจได้ขนาดนี้อีกไหม

ต้นหันมามองคนที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง พอเห็นว่าเป็นสนต้นก็นิ่งเงียบ ทำให้อีกฝ่ายต้องหยุดชะงักอยู่กลางห้องเพราะไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะเฉยเมยขนาดนี้ ก็แน่ล่ะ ถ้าสนเป็นต้นก็คงจะไม่ต่างกัน จะให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อเพื่อนที่คบกันมาเก้าปีไม่สามารถรับสิ่งที่เขาเป็นได้ ต้นก็มีหัวใจและเจ็บเป็นเหมือนกัน

ต้นเดินไปหยิบเอาเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าลงมากองบนเตียงเพิ่มอีก นอกจากจะมีกองเสื้อผ้าแล้วก็มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่วางอยู่ด้วย มีเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้อยู่จำนวนหนึ่งใส่อยู่ในนั้น ต้นนั่งลงบนเตียงแล้วก็จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าต่อไปราวกับว่าไม่มีสนอยู่ในห้องนี้

"ทำอะไรน่ะต้น นายจะไปไหน" สนถามด้วยความรู้สึกใจหาย แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้วแต่มันก็ยากที่จะทำใจอยู่ดี

"ไปอยู่หอมหาลัย" ต้นตอบโดยไม่หันมามอง ฟังดูก็รู้ว่าพยายามจะทำให้น้ำเสียงเป็นปกติ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าของเสียงต้องการนัก เสียงของต้นจึงฟังดูเย็นชาจนรู้สึกได้

สนค่อยๆ เดินเข้ามาหาต้นอย่างช้าๆ แม้จะดีใจที่ได้เจอกัน แต่ตอนนี้เขากลับต้องใจเสียอีกครั้ง

"ทำไมล่ะต้น" สนถามเสียงสั่น เขามาหยุดยืนอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว

ต้นเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็สูดหายใจลึกเพราะกลัวตัวเองจะต้องร้องไห้อีก "เราคงอยู่เป็นเพื่อนนายไม่ได้แล้วล่ะ"

"ทำไมล่ะต้น" สนรู้สึกใจหาย

"เราไม่ใช่ต้นที่นายเคยรู้จักแล้วนะสน ไม่ใช่ต้น...ที่นายจะเป็นเพื่อนได้สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ต้นที่นายเคยยอมรับ"

ต้นร้องไห้อีกแล้วหลังจากที่หยุดไปกว่าห้าวัน แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องเป็นแบบนี้ จนกว่าจะผ่านช่วงเวลานี้ไปเท่านั้น

"ต้น..." สนเสียงแหบพร่า รู้สึกเหมือนจะขาดรอนๆ จนยากจะพูดต่อได้

ต้นหันหน้าไปทางอื่น พยายามที่จะไม่ร้องไห้แต่ก็ดูจะไม่ง่าย "นายก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าเราเป็นอะไร เราไม่เหมือนเดิมนะสน" ต้นย้ำอีกครั้ง "เราคิดกับนายไม่เหมือนเดิม อยู่ไป...ก็จะทำให้นายลำบากใจเปล่าๆ"

ต้นหันกลับมามองสนอีกครั้ง น้ำตาเต็มสองแก้ม "ขอโทษนะสน ถ้าที่ผ่านมา เราทำให้นายลำบากใจที่มีเพื่อนอย่างเรา แต่เรา...ก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว เราเลือกไม่ได้ นายเข้าใจใช่ไหม"

แม้จะไม่อยากแสดงความน้อยอกน้อยใจให้เพื่อนเห็น แต่เวลานี้ต้นไม่อาจห้ามความรู้สึกนั้นได้เลย

ฟังแล้วสนก็สะท้อนใจ แต่เขาก็ไม่ขัดจังหวะ สนปล่อยให้ต้นพูดทุกอย่างที่ต้นอยากพูด เขาไม่เคยได้ฟังความรู้สึกแบบนี้ของต้นเลย เขาอยากรู้ว่าต้นคิดอะไร รู้สึกอะไร เผื่อมันจะทำให้เขาเข้าใจต้นได้ดีมากขึ้น เข้าใจต้นในอีกแง่มุมหนึ่งที่เขาเพิ่งจะรู้จัก

"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายมีให้เรามาตลอดนะ เรามีความสุขมากที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย แล้วก็...ได้รักนาย"

นี่คือคำว่า "รัก" คำแรกที่หลุดออกมาจากปากต้นหลังจากที่เก็บไว้นานเจ็ดปีเต็มๆ สนรับฟังด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอกว่าเขารู้สึกยังไงกับคำๆ นี้จากปากของเพื่อนที่รักที่สุด

"เราจะไม่มีวันลืมนายเลย ถึงแม้ว่า..." ต้นหยุดไว้แค่นั้นเพราะรู้สึกสะเทือนใจจนเกินกว่าจะพูดเรื่องนั้นได้

สนเองก็สงสารเพื่อนจับจิตจับใจ เขารู้ว่าต้นสะเทือนใจกับเรื่องนี้มาก เขาเองก็รู้สึกผิดมหันต์ที่ทำกับเพื่อนอย่างนั้น มันคงจะเป็นรอยด่างพร้อยในความทรงจำที่ในวันข้างหน้าคงไม่มีใครอยากจะหวนคิดถึงเรื่องราวที่เจ็บปวดแบบนี้อีก

"แต่เราเข้าใจนายนะสน ถ้าเราเป็นนาย...เราก็อาจจะทำแบบนี้เหมือนกัน ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก นายไม่ต้องกลัวว่าเราจะไม่เข้าใจ ถึงนายจะรับไม่ได้ เราก็เข้าใจ... ถึงเราจะเสียใจแค่ไหน เราก็เข้าใจ..." คราวนี้ต้นยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

ยิ่งฟังสนก็ยิ่งแทบจะทนไม่ได้ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้ว่าต้นรักเขามากแค่ไหน มากเสียจนสนไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ จะโกรธจะโทษเขาก็ได้แต่ต้นก็ไม่ทำ ต้นเป็นเหมือนอย่างที่นิกและปั้นจั่นบอกทุกอย่าง ต้นไม่เคยคิดจะทำให้สนลำบากใจเลยแม้ว่าตัวเองจะเจ็บปวดก็ตาม นี่เขาทำให้เพื่อนที่รักเจ็บหนักจนถึงขนาดนี้เลยหรือ

สนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าต้น ต้นยังคงพูดต่อไปแม้ว่าจะร้องไห้หนัก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าหากว่าต่อไปจะไม่ได้คบกันเป็นเพื่อนอีก นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ต้นจะได้พูดเรื่องนี้

"เรา...รักนายมาตั้งนานแล้วล่ะ ตั้งแต่อยู่มอหนึ่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรัก เราก็รู้ว่ามันไม่ดี ถ้าเลือกได้...เราก็ไม่อยากรู้สึกแบบนี้หรอก ไม่อยากคิดกับนายเกินเพื่อน เรารู้...ว่าถ้าวันหนึ่งนายรู้เข้า เราก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติด คงจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้ เราก็เลย...ไม่เคยคิดจะบอกนาย เรากลัวว่านาย...จะรับไม่ได้" ต้นสะอื้นไห้จนตัวโยนแต่ก็ยังคงพูดต่อเหมือนกับคนที่อัดอั้นตันใจมานาน

"สน...เราอยากเป็นเพื่อนกับนายเสมอนะ เราก็อยากให้มันเป็นเหมือนเดิม แต่เราขอโทษ...ที่เราคิดกับนายแบบนั้น เราห้ามมันไม่ได้ ถ้านายรับไม่ได้ เราก็ยินดีจะไป ไม่ต้องห่วงเรานะ...เราอยู่ได้ เราไม่เป็นไร"

ในที่สุดสนก็ทนฟังอีกต่อไปไม่ไหว เขาเดินลงไปนั่งลงบนเตียงข้างๆ ต้นแล้วก็ดึงเพื่อนมากอดไว้แน่น

"พอได้แล้วต้น ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เราจะไม่ให้นายไปไหน อย่าไปไหนนะต้น อยู่ที่นี่กับเรา เราไม่ให้นายไป"

ทั้งต้นและสนต่างร้องไห้สะอึกสะอื้น มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน สนใจหายวาบเมื่อต้นไม่ยอมแม้แต่จะกอดเขาตอบ ต้นไม่เคยเป็นแบบนี้เลย นั่นแปลว่า...

ใช่แล้ว ต้นจะไม่กอดสนอีก แม้ว่าจะคิดถึงอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนี้แค่ไหน แม้รู้ว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้อยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย ต้นก็ต้องหยุดตามใจตัวเอง จะได้ไม่ต้องเจ็บเหมือนที่ผ่านมาอีก

นานทีเดียวกว่าที่สนจะยอมปล่อยต้นออกจากอ้อมแขน สนค่อยๆ เพ่งพินิศดูคนที่อยู่ตรงหน้า ต้นก็ยังคงเป็นต้นคนเดิม หน้าตาเหมือนเดิม รูปร่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต่างไปจากต้นที่สนเคยรู้จักมาตลอดเก้าปี มีแต่สนนั่นเองที่ไม่เหมือนเดิม อย่างน้อย...การที่เขาไม่ยอมรับในสิ่งที่ต้นเป็นนั่นแหละที่บ่งบอกว่าสนคือคนที่ไม่เหมือนเดิมเสียเอง ตรงกันข้าม ต้นคือคนที่รับเขาได้เสมอไม่ว่าตลอดเก้าปีที่ผ่านมาสนจะเป็นยังไง

ตอนนี้ สนตระหนักดีแก่ใจแล้วว่า ไม่ว่าต้นจะเป็นยังไง ต้นก็คือเพื่อนของเขา ที่เขายอมให้คนๆ นี้เป็นเพื่อนรักมาตลอดก็เพราะจิตใจและความดีของเพื่อน ไม่ใช่เพราะว่าต้นเป็นหรือไม่เป็นอะไรทั้งนั้น

"เราขอโทษนะต้น ยกโทษให้เพื่อนแย่ๆ คนนี้อีกสักครั้งได้ไหม นายจะให้เราทำอะไรก็ได้ บอกมาเลยต้น" เสียงของสนสั่นเครือจนแทบจะฟังไม่เป็นคำพูด

คราวนี้ต้นได้แต่นิ่งเงียบไป ราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่สนพูด ต้นไม่อยากฟัง ยิ่งฟังก็ยิ่งจะทำให้ใจอ่อนจนได้

"เรารู้ว่าเราทำให้นายเสียใจบ่อยๆ ชอบทำอะไรวู่วาม ไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ ที่ผ่านมา...ก็มีแต่นายที่เป็นเพื่อนกับเราได้ เข้าใจเราทุกอย่าง ไม่เคยโกรธ ไม่เคยว่า เราจะทำตัวแย่ๆ ยังไงนายก็ยังไม่เคยโกรธเรา ต้น...นายไม่ไปได้ไหม เราไม่อยากเสียเพื่อนอย่างนายไป ยกโทษให้เราอีกสักครั้งนะต้น ให้โอกาสเราอีกสักครั้งนะต้น ได้ไหมต้น"

ต้นก็ยังคงไม่ยอมพูดอะไร เขากำลังชั่งใจอย่างหนักว่าการกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมครั้งนี้จะเป็นจริงได้มากแค่ไหน ในเมื่อวันนี้สนก็รู้แล้วว่าต้นคิดกับเขาไม่เหมือนเดิม นับตั้งแต่วันนั้น มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว คบกันต่อไปก็มีแต่จะเกิดปัญหามากขึ้น อาจจะทำลายความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันมากขึ้นจนไม่มีเหลืออีกเลยก็ได้

"สน...นายให้เราไปเถอะนะ" ต้นตัดสินใจที่จะเลือกแบบนี้แล้ว มันเป็นหนทางเดียวที่เรื่องทุกอย่างจะจบลง แม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหน แต่ก็หวังว่าเวลาคงจะพอช่วยเยียวยาได้ ต้นคิดไว้นานแล้วว่าถ้าต้นตัดสินใจบอกเรื่องนี้ไป ต้นก็ยินดีที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงไปถ้าหากว่าสนไม่สามารถรับได้ และวันนี้มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น

"ไม่...เราไม่ให้นายไปนะต้น" สนพูดพร้อมกับส่ายศีรษะ น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มเมื่อรู้ว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักไป

"ทำไมล่ะสน ทำไมเราถึงไปไม่ได้"

พอต้นถามกลับ สนก็นิ่งอึ้ง นั่นสิ ทำไมต้นถึงจะไปไม่ได้ล่ะ ชีวิตเป็นของต้น เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปห้าม มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ที่ทำให้สนต้องพยายามยื้อเพื่อนไว้มากขนาดนี้

"เพราะว่าเรา..." สนหยุดไว้แค่นั้นเมื่อจู่ๆ เขาก็นึกถึงทางเลือกที่สามที่ปั้นจั่นเสนอ

ไม่...สนคิดว่ามันไม่ใช่ เขาพูดแบบนั้นไม่ได้ เสียงของพ่อที่เคยด่าว่ากลุ่มกะเทยที่เคยลวนลามสนสมัยมัธยมดังก้องเข้ามาในความคิดของสน สนเคยบอกเรื่องนี้กับพ่อ พ่อด่าเด็กพวกนั้นไม่มีชิ้นดีเลย แล้วก็ย้ำกับสนว่า

"ทีหลังสนอย่าไปอยู่ใกล้ๆ พวกมัน เจอก็ต้องห่างเข้าไว้ สนเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านเรา สนต้องมีลูกหลานสืบสกุลให้ครอบครัวเรานะลูก พ่อแม่มีสนคนเดียว สนจะไปยุ่งกับพวกนั้นไม่ได้เด็ดขาด พ่อขอห้ามนะสน"

ใช่...สนเป็นความหวังเดียวของครอบครัว ไม่มีทางอื่นใดเลยที่สนจะเลือกที่จะไม่เป็นอย่างนั้นได้ ความรักแบบนี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสนไม่ได้เลย แค่คิดก็ผิดแล้ว

"เพราะเราไม่อยากให้นายไปไงต้น เก้าปีที่เป็นเพื่อนกันมามันมีความหมายกับเรามาก ทำไมเราจะต้องทิ้งมันไปล่ะต้น เราทำให้มันเหมือนเดิมอีกไม่ได้เหรอต้น เรายอมทำทุกอย่าง...ได้ไหมต้น กลับมาเป็นเหมือนเดิม"

นี่ถ้าสนสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่าการเลือกไม่พูดความรู้สึกนี้ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา จะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมความรักอีกมากมายในอนาคต สนก็คงจะไม่เลือกที่จะปฏิเสธความรู้สึกนี้อย่างแน่นอน

"แล้วนายคิดเหรอว่าเราเป็นได้ นายต้องคิดถึงความจริงนะสน เราไม่ได้คิดกับนายแค่เพื่อนนายก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเราจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ผู้ชายอย่างนายเป็นเพื่อนกับคนที่เป็นเกย์อย่างเราได้เหรอสน นายรับได้เหรอ" ต้นถามด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเพราะอารมณ์พลุ่งพล่านจนเหมือนจะควบคุมไม่อยู่

สนนิ่งเงียบ ไม่สามารถที่จะหาคำพูดใดๆ มาตอบคำถามนี้ของต้นได้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นไปได้จริงไหม

"ไม่ได้หรอกนะสน มันไม่ง่ายขนาดนั้น เราบอกนายตามตรงก็แล้วกันนะ เพราะเราคงไม่มีโอกาสได้พูดอีก" ต้นหยุดเว้นจังหวะ "ถ้าเรากลับมาเป็นเพื่อนกัน มันก็ไม่สนิทใจเหมือนเดิม ที่สำคัญ เราไม่อยากเจ็บอีกแล้วสน รัก...ก็บอกไม่ได้ ต้องแอบเสียใจที่เห็นนายมีคนอื่น มันเจ็บมากนะสน เราไม่รู้จะต้องเจ็บไปอีกกี่ครั้ง เพราะยังไง...นายก็คงไม่รักเราแบบนี้ ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก ไม่มีใครฝืนสิ่งที่ตัวเองเป็นได้" ต้นหยุดมองหน้าสนและเงียบไปอีกพักใหญ่ "ให้เราไปนะสน เราเป็นเพื่อนนายแบบนั้นไม่ได้ เราไม่อยากเจ็บเหมือนที่ผ่านมาอีก"

ปกติต้นไม่เคยเรียกร้องความเห็นใจจากสนเลย แต่ครั้งนี้ ต้นกลับไม่สามารถหยุดตัวเองได้

ในที่สุดสนก็เข้าใจเสียทีว่าทำไมต้นถึงไม่อยากกลับมาเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนเดิม จริงสินะ สนคิดถึงแต่ตัวเอง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าถ้าต้นยังคงเป็นเพื่อนกับเขาแบบนี้ต่อไป เขาก็มีแต่จะทำให้ต้นเจ็บไม่จบไม่สิ้น

"ถ้างั้น...ก็หมายความว่า...เราไม่ควรจะกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกแล้วใช่ไหมต้น" สนถามด้วยเสียงที่สั่นเทา

ต้นเบือนหน้าหนี เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจจริงๆ มันกลับไม่ง่าย ต้นมองดูรูปนั้นของเขากับสนที่หัวเตียง รูปใบนี้เก็บสะสมเรื่องราวและความทรงจำมากมายไว้ในรอยยิ้มของต้นและสน เพื่อนสองคนที่รักกัน ดูแลกัน สุขทุกข์มาด้วยกัน ไม่มีช่วงชีวิตไหนของต้นที่จะสวยงามเท่านี้อีกแล้ว แต่น่าเสียดายที่มันคงต้องจบลง

นานทีเดียวกว่าที่ต้นจะตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบรูปที่หัวเตียงแล้วค่อยๆ เก็บใส่กระเป๋า ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตากับสน เท่านี้สนก็รู้แล้วว่าต้นตัดสินใจอย่างไร

สนสูดหายใจลึกๆ เงยหน้าขึ้นมองเพดานห้อง แล้วก็ถอนหายใจ สนก็ตัดสินใจแล้วเช่นกัน สนหันกลับไปมองต้นที่นั่งก้มหน้าอยู่ แล้วก็บอกต้นไปว่า

"ต้น... นายไม่ต้องไปไหนหรอกนะต้น ขอให้เรา...เป็นคนที่จากไปเองดีกว่า"

ต้นหันมามองเพื่อนด้วยความตกใจ

"บ้านหลังนี้ นิกกับจั่นเขาตั้งใจชวนนายมาอยู่ด้วย จริงๆ นายก็เป็นเพื่อนกับสองคนนั้น เรามาอยู่นี่ได้ก็เพราะอาศัยว่าเป็นเพื่อนกับนายเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น นายไม่ต้องไปไหนหรอก ขอให้เราไปเองนะต้น นายอยู่ที่นี่กับสองคนนั้นดีแล้ว เราเข้าใจนายแล้ว เข้าใจทุกอย่าง เราเอง...ก็ไม่อยากให้นายต้องมาทนเจ็บปวดที่ต้องเป็นเพื่อนกับเรา ต่างคนต่างไปคงจะดีกว่า แต่นายไม่ต้องไปนะต้น เราจะไปจากชีวิตนายเอง" สนพูดพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลมาอีกระลอก คงจะหมดแล้วล่ะ คงไม่ต้องร้องไห้ให้กับมิตรภาพที่กำลังจะจบลงไปอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้อีกแล้ว

"สน..." ต้นพูดด้วยเสียงแหบพร่า รู้สึกเหมือนจะขาดใจ แม้ดูเหมือนว่าต้นอยากให้จบแบบนี้ แต่พอสนเลือกจะไปเสียเอง ต้นก็ใจหาย

สนมองหน้าเพื่อนอย่างอาลัยอาวรณ์ ไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าจะมีโอกาสได้กลับมาอยู่ใกล้ชิดดูแลกันอีกไหม ถ้าไม่มีอีกแล้ว นี่คือสิ่งสุดท้ายที่สนอยากจะฝากต้นไว้

"เวลานอน นายอย่าลืมห่มผ้านะ นายชอบลืมบ่อยๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย เวลากินข้าว นายต้องกินผักเยอะๆ นะต้น อย่าเลือกกินแต่ที่ชอบ เดี๋ยวจะเป็นมะเร็ง เวลาอ่านหนังสือ อย่าอ่านใกล้มากนะ เดี๋ยวนายจะสายตาสั้น เวลาตั้งนาฬิกาปลุก นายอย่าตั้งช้าไปห้านาทีบ่อยๆ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน แล้วถ้าเราไม่อยู่แล้ว...นายดูแลตัวเองดีๆ นะต้น เราเป็นห่วงนายเสมอนะ คิดถึงเราบ้าง เราจะคิดถึงนายเสมอ รักนายเสมอนะต้น"

ได้ฟังแล้วต้นก็ยิ่งสะอื้นไห้ ความรู้สึกดีๆ แบบนี้ ความห่วงใยแบบนี้ มีแค่สนคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ต้นอยากจะกอดสนไว้แต่อะไรสักอย่างก็ดึงเขาไว้ไม่ให้ทำอย่างนั้น ต่างคนต่างรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถจะรักษามิตรภาพดีๆ นี้ไว้ได้อีกต่อไป

สนพูดจบแล้วก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ต้นที่มองมาอย่างอาลัยอาวรณ์เช่นกัน แล้วสนก็ค่อยๆ เดินออกไป เมื่อเดินไปถึงประตูแล้ว สนก็รีบเดินออกไปทันทีจนดูเหมือนวิ่ง เขาทำใจไม่ได้กับการจากลาที่ไม่คาดฝันครั้งนี้ ต้นได้แต่มองตามไปจนสนหายลับไปจากสายตา แม้จะใจหายแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ ที่จะตามไปห้ามไว้



การกลับกลายเป็นว่าเป็นสนเสียเองที่ต้องเก็บเสื้อผ้าจากบ้านหลังนี้ไป ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว สนอาจจะขอไปนอนห้องเพื่อนคนไหนสักคนที่พักในหอพักชายของมหาวิทยาลัยก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยจัดการเรื่องหาห้องพักใหม่

สนรู้สึกใจหาย เก้าปีที่ผูกพันกันมาคงจะเหลือแค่ความทรงจำ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องนี้เข้า ไม่ว่าจะเป็นพ่อกับแม่ของต้นหรือพ่อกับแม่ของสน พวกท่านจะเสียใจและผิดหวังมากแค่ไหน สนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายให้บรรดาพ่อแม่ทั้งสองบ้านเข้าใจได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้สนคิดอะไรไม่ออกเลย ถึงเวลานั้นแล้วค่อยคิดแล้วกัน

ข้าวของยังคงมีอยู่อีกหลายอย่างที่สนไม่สามารถเก็บใส่กระเป๋าได้หมดในวันนี้ คงต้องมาขนไปวันหลัง แต่วันนี้เขาต้องไปก่อน เอาไปเท่าที่พอจะเอาไปได้

สนค่อยๆ หยิบรูปที่หัวเตียงมา มองดูอีกครั้งแล้วก็กอดรูปนั้นไว้ มิตรภาพของต้นกับสน เพื่อนที่แสนรัก ต่อจากนี้ไปคงไม่มีอีกแล้ว บทเรียนราคาแพงครั้งนี้สนต้องจำไปอีกนานแสนนาน เพราะเขาทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้เอง

สนค่อยๆ หยิบรูปนั้นใส่กระเป๋าเสื้อผ้าอย่างเบามือ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่สนจะเก็บไปด้วยในวันนี้ สนรูดซิปกระเป๋าแล้วก็ลุกขึ้นยืน หยิบกระเป๋าใบนั้นมาถือไว้แล้วก็เดินออกไปจากห้อง พอปิดประตูห้องของตัวเองแล้วสนก็หันไปมองประตูห้องของต้นอีกครั้ง สนค่อยๆ สูดลมหายใจอย่างช้าๆ เพื่อเรียกความเข้มแข็งของจิตใจกลับคืนมา ไม่ว่าจะอย่างไรชีวิตก็ต้องไปต่อ ทั้งเขาและต้นจะต้องเข้มแข็งเพื่อที่จะรับช่วงดูแลครอบครัวต่อไปในอนาคต จะอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้

"เราไปแล้วนะต้น ดูแลตัวเองดีๆ นะเพื่อน" สนพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยเสียงสั่นเครือ

พอเขาเดินลงบันไดมา นิกกับปั้นจั่นก็กลับมาถึงบ้านพอดี สองหนุ่มเห็นสนหิ้วกระเป๋าใบใหญ่เดินลงมาก็รีบร้องถามพร้อมกันด้วยความแปลกใจ

"เฮ้ยสน มึงจะไปไหนวะ"

สนเดินลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อนทั้งสองแล้วก็ถอนหายใจ พอเห็นใกล้ๆ นิกกับปั้นจั่นก็พอจะรู้ว่าสนร้องไห้หนักมากทีเดียว

"ฝากดูแลต้นด้วยนะเว้ย กูต้องไปแล้วล่ะ ขอบคุณพวกมึงมากที่ให้กูได้อยู่ที่บ้านนี้กับพวกมึง ขอบคุณจริงๆ ไว้มีโอกาสกูจะไม่ลืมกลับมาตอบแทนแน่นอน" เสียงของสนยังคงสั่นเครืออยู่ เขาพยายามยิ้มให้เพื่อนสองคนที่อยู่ตรงหน้าแต่มันก็คงเป็นยิ้มที่ดูประหลาดๆ อยู่เหมือนกันเพราะไม่รู้ว่ายิ้มเพราะมีความสุขหรือเศร้ากันแน่

"เกิดอะไรขึ้นวะสน แล้วมึงจะไปไหน ต้นล่ะ" นิกถามอย่างเป็นห่วง

"ต้นอยู่บนห้อง" สนบอกแล้วก็หยุดไปสักพัก เม้มริมฝีปาก "กูสองคนคุยกันแล้ว ตกลงว่า...กูกับต้นเลือกข้อหนึ่ง แต่กูคิดว่ากูควรจะเป็นฝ่ายไป ไม่ใช่ต้น ต้นเขาเป็นเพื่อนมึงสองคน เขาต้องอยู่ที่นี่ ฝากดูแลต้นให้กูด้วยนะเว้ยนิก...จั่น" สนหันไปมองหน้าแต่ละคนเมื่อเรียกชื่อ

"มันเป็นแบบนี้ได้ไงวะสน พวกมึงคุยกันยังไงวะถึงเป็นแบบนี้ไปได้" ปั้นจั่นถามด้วยสีหน้าเศร้า ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

"ไม่เป็นไรหรอกจั่น ยังไงก็ตัดสินใจไปแล้ว...กูไปก่อนนะเว้ย เดี๋ยวจะไม่มีรถ ไม่ต้องไปส่งกูหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องตาม ไม่ต้องห้าม เอาไว้ค่อยคุยกันถ้ามีโอกาส ขอบคุณพวกมึงมาก กูไปก่อนนะเว้ย"

พูดจบสนก็เดินไปที่ประตูหน้าบ้าน หยิบรองเท้ามาใส่แล้วก็ค่อยๆ เปิดประตูออกไป

นิกกับปั้นจั่นได้แต่มองตามด้วยความสงสาร แต่ก็รู้ว่าไม่ควรจะไปห้ามสนตอนนี้ ยังไงสนก็ไม่ฟัง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่จะห้ามสนไม่ให้ไปได้ แต่คนๆ นั้นก็ดูเหมือนว่าไม่ได้คิดจะห้ามแล้ว คงปล่อยเลยตามเลยและให้มันจบลงไปอย่างนี้

"เป็นอย่างนี้ไปได้ไงวะจั่น เราสองคนมาช้าไปแล้วว่ะ" นิกพูดพลางทอดถอนใจ

นิกกับปั้นจั่นมีโอกาสได้รู้จักกับมิตรภาพของต้นและสนได้ไม่กี่เดือนในบ้านหลังนี้ สุดท้าย บ้านหลังนี้ก็เป็นที่ฝังมิตรภาพของสองคนนั้นไปซะแล้ว ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันจะจบลงง่ายดายถึงเพียงนี้



สนค่อยๆ ก้าวเดินผ่านสนามหน้าบ้านออกไปอย่างช้าๆ หันหลังกลับมามองบ้านหลังที่เพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่เดือนอย่างเศร้าๆ ใจหายที่รู้ว่าคงไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่อย่างอบอุ่นกับเพื่อนที่รู้ใจอีกแล้ว ลาก่อนนะต้น นายจะเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา

สนละสายตาจากบ้าน แล้วก็ค่อยๆ เดินไปสู่ประตูของรั้วบ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร สนนึกถึงความรู้สึกนั้นที่เพิ่งเกิดขึ้น ความรู้สึกที่เขาเพิ่งปฏิเสธที่จะพูดมันออกไป ถ้าหากความรู้สึกนั้นไม่ใช่สิ่งที่เพียงจะผ่านมาแค่วูบเดียวแล้วจากไป สนก็ภาวนาขอให้มีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้ต้นและสนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกสักครั้ง เพื่อที่ว่า...ความรู้สึกนั้นจะกลับมาอีกครั้งในวันหนึ่ง วันที่จะเปลี่ยนชีวิตของสนตลอดไปเช่นกัน

เอาล่ะ ถ้าสนก้าวเท้าไปข้างหน้าสิบก้าวแล้วไม่มีอะไรดลใจให้เขาต้องหันหลังกลับไป ก็เป็นอันว่าสนก็จะจากที่นี่ไปอย่างแท้จริงและถาวร ไม่มีวันที่จะหันหลังกลับมาอีกแล้ว สนสูดหายใจลึกๆ เตรียมตัว เตรียมใจ แล้วก็เริ่มก้าวย่างอย่างช้าๆ ออกไป


ก้าวที่หนึ่ง.............

นึกถึงวันที่ได้เจอกับต้นวันแรกตอนปอห้า เขาจำรอยยิ้มแรกที่ต้นยิ้มให้เขาได้ จะสิบปีแล้วนะที่เรารู้จักกันมา




ก้าวที่สอง.............

สนก็ได้แต่หวังว่าเก้าปีที่คบกันมายังคงมีความหมาย มันคงไม่จบง่ายๆ แบบนี้หรอกนะ




ก้าวที่สาม.............

ที่สะพานเหล็กแห่งนั้น ต้นกับสนจะต้องได้กลับไปนั่งคุยกันเหมือนเดิม




ก้าวที่สี่.............

กุหลาบวันวาเลนไทน์ช่อนั้น สนยังจำได้ดี หวังว่ามันจะไม่ใช่ช่อสุดท้ายที่เขาจะซื้อมาให้ต้น




ก้าวที่ห้า.............

มาถึงครึ่งทางแล้ว สนนึกถึงพ่อแอ๊ด แม่เยา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สนอยากให้รู้ว่าเขาดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีความผูกพันกับครอบครัวของต้น




ก้าวที่หก.............

ใจของสนสั่นระทึก รู้สึกหวาดกลัวที่จะก้าวย่างต่อไป เพราะเวลามันน้อยลงไปแล้ว นายจะไม่เปลี่ยนใจจริงๆ หรือต้น




ก้าวที่เจ็ด.............

ความหวังค่อยๆ ริบหรี่ลงไปทุกที ยังคงไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้สนหันกลับไป




ก้าวที่แปด.............

ภาพเค้กวันเกิดวันนั้นปรากฎขึ้น เทียนบนขนมเค้กถูกเป่าจนแทบจะต้านแรงลมไม่ไหว อีกไม่ช้าก็คงจะมอดดับลงทั้งหมด เหมือนกับมิตรภาพของเขากับต้น




ก้าวที่เก้า.............

ถึงเวลาเตรียมใจและต้องปล่อยวางแล้วสินะ ลาก่อนนะต้น ลาก่อนนะนิกกับปั้นจั่น ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณสำหรับความทรงจำที่ดีๆ




ก้าวที่สิบ.............















"สน"

เสียงเรียกชื่อของเขาดังขึ้นมาจากข้างหลัง สนจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร โอ...ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว สนรีบวางกระเป๋าที่ถือไว้ลงกับพื้นทางเดิน หันหลังกลับไปมองเจ้าของเสียง แล้วก็วิ่งกลับไปหาเพื่อนด้วยความดีใจและโล่งใจ ต้นก็วิ่งมาหาเขาเช่นกัน ทั้งสองเพื่อนรักกอดกันแน่นราวกับกลัวว่าจะต้องพรากจากกันไหนอีก แม้ไม่ได้พูดอะไรกันเลย สนก็รู้ว่าต้นคนเดิมของเขากลับมาแล้ว สนให้สัญญากับตัวเอง ต่อจากนี้ไป เขาจะไม่ยอมสูญเสียเพื่อนคนนี้ไปอีกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

นิกกับปั้นจั่นเดินตามออกมาดูด้วยความโล่งใจ นี่ถ้าช้าไปกว่านี้เพียงเสี้ยววินาที มิตรภาพของต้นกับสนก็คงจบลงอย่างไม่มีวันหวนกลับมาอีกเลย ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ มันยังไม่จบลงง่ายๆ ยังคงมีบทต่อไปให้เรื่องราวความรักและความผูกพันของทั้งสองคนนี้ดำเนินต่อไป เพียงแต่มันอาจจะไม่เหมือนเดิมเสียทีเดียว

วันนี้...ต้นยอมแพ้ให้กับหัวใจของตัวเองอีกครั้ง ก็คงไม่เป็นไรหรอกนะ ความรัก...ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรักที่สมหวังเสมอไป แม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหน ต้นก็พร้อมที่จะเจ็บต่อไป แต่มันก็ยังดีกว่ามีหัวใจแต่ไม่มีใครให้รัก เพราะถ้าไม่ใช่สนแล้ว ต้นก็นึกไม่ออกว่าชีวิตนี้จะรักใครแบบนี้ได้อีก แม้ว่าสนจะไม่ใช่คนที่ดีพร้อมสมบูรณ์แบบที่เขาจะรัก แต่สนก็คือรักแรก รักเดียวและจะเป็นรักสุดท้ายของต้นตลอดไป

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดให้กำลังใจ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2015 18:46:28 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อืม........ จะว่าไงดี

การที่สนคิดแบบนี้เป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากที่บ้านหรือเปล่า หรือคิดเองอยู่แล้ว แล้วทางบ้านก็ยิ่งพูดทำให้สนไม่ชอบเกย์มากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าเปนงั้นจริงอาจจะต้องรอให้สนโตกว่านี้มากๆถึงจะเปลี่ยนมุมมอง....หรือไม่เปลี่ยนเลย

ตอนแรกอยากให้ต้นเลือกมหาลัยที่เดียวกับสน แต่ตอนนี้อยากให้เลือกคนละที่แล้ว T T ไม่น่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเลย อย่างน้อยต้นน่าจะมีเปิดใจให้คนอื่นบ้าง

ปอลิง เด๋ยวคืนนี้จะตามไปอ่านนายเจ-เล็กนะคะ :)

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โอ๊ยเศร้าอ่ะ หน่วงจิตหน่วงใจจัง อ่านไปน้ำตาก็ไหลพราก เอาใจช่วยทั้งคู่นะต้น-สน

ออฟไลน์ jamesnaka

  • วิหคเหมันต์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ถ้าไม่อยากให้ต้นเจ็บปวดสนคงต้องไร้แฟนไปจนกว่าจะเรียนจบนั่นละนะ  :mew6:

 :pig4: รอตอนต่อไปจ้า


ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:hao5: .. เราว่าต้นตัดสินใจได้ดีแล้วนะคะ ที่เลือกจะรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนเอาไว้เหมือนเดิม เพราะไม่ง่ายเลยที่ในชีวิตหนึ่งของเราจะได้เจอกับมิตรภาพดีๆ แบบนี้สักครั้ง แถมสายใยบางๆ ที่เชื่อมโยงทั้งสองคนเข้าไว้ด้วยกันนั้น ก็ดูจะเหนียวแน่นเกินกว่าที่จะตัดขาดกันได้ง่ายๆ ที่เหลือก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของ 'เวลา' เขาจัดการกันเองนั่นล่ะนะคะ ..^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2015 10:17:32 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
อืม........ จะว่าไงดี

การที่สนคิดแบบนี้เป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากที่บ้านหรือเปล่า หรือคิดเองอยู่แล้ว แล้วทางบ้านก็ยิ่งพูดทำให้สนไม่ชอบเกย์มากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าเปนงั้นจริงอาจจะต้องรอให้สนโตกว่านี้มากๆถึงจะเปลี่ยนมุมมอง....หรือไม่เปลี่ยนเลย

ตอนแรกอยากให้ต้นเลือกมหาลัยที่เดียวกับสน แต่ตอนนี้อยากให้เลือกคนละที่แล้ว T T ไม่น่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาเลย อย่างน้อยต้นน่าจะมีเปิดใจให้คนอื่นบ้าง

ปอลิง เด๋ยวคืนนี้จะตามไปอ่านนายเจ-เล็กนะคะ :)

ขอบคุณครับ ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะวางพล็อตตรงช่วงนี้ยังไง แต่จากประสบการณ์ของตัวเอง พอห่างแล้วมันห่างเลย นิสัยผู้ชายกับผู้หญิงจะต่างกันตรงนี้ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เดี๋ยวต้นจะเอาคืน แล้วสนจะพูดไม่ออกเลย 55555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ด้วยวุฒิภาวะที่ยังเด็ก การรับมือกับเรื่องราวละเอียดอ่อนเช่นนี้ทำให้ดีได้ยากนัก

นี่ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนรัก ผูกพันกันจนแทบจะแยกกันไม่ได้ขนาดนี้ก็คงเลิกคบไปเลยแล้วล่ะ

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เหอะเหอะ อยากให้ต้นมีแฟนใหม่ไปเลย เอาใจใส่ ดูแลต้นมากๆ ให้สนเสียดาย แต่ต้นก็ฝังใจรักสนมากอ่ะนะ ต่อให้มีผู้ชายดีๆเข้าหาต้นคงไม่แล

เบื่อนะ คำว่า ลูกชายคนเดียว เป็นความหวัง มีทายาทสืบสกุล เอาอะไรมากกับลูกคะ คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย...ทุกวันนี้เห็นช-ญหลายคู่แต่งงานก็ไม่มีลูก ก็ไม่เห็นจะแตกต่างกับ ช-ช ตรงไหน อยู่แล้วมีความสุขก็อยู่ไปเห้อ 5555  ลืมไปนี่นิยายดราม่า ต้องบีบตัวเอกต้อนให้จนมุม

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ก็คนมันสับสน แถมถูกฝังมาแบบนั้น
จะให้เปลี่ยนง่ายๆ ก็คงเป็นไปได้ยากในเร็ววัน
เห่อๆ ต่อไปนี้สนจะกล้าจีบใครมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ชอบโครงเรื่องและการบรรยายมากเลยคะ รอตอนต่ออไปนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด