▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 27: คนขี้งอน เสียงหัวเราะชอบใจของพ่อสนดังไปทั่วบริเวณหน้าบ้าน แม่ของสนที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ พ่อของสนกำลังคุยกับใครหนอถึงได้อารมณ์ดีและหัวเราะถูกใจขนาดนั้น
"มาสิลูก เดี๋ยวพ่อบอกสนให้ นอนห้องเดียวกับสนนั่นแหละ"
"ขอบคุณค่ะพ่อ พ่อรู้ไหมคะว่าพอนินาได้เห็นแม่กับพ่อตอนงานหมั้น นินารู้สึกถูกชะตากับพ่อกับแม่มากเลยค่ะ คิดอยู่ว่าจะหาเวลาไปเยี่ยมบ้าง แต่ก็เรียนหนักค่ะช่วงนี้ เลยไม่ได้มาซะที แล้วแม่ทำอะไรอยู่คะ"
"แม่เขาทำกับข้าวอยู่ในครัวลูก ต่อไปหนูก็จะมาอยู่ที่นี่อยู่แล้ว มาทำความรู้จักบ้านเรา มารู้จักพ่อกับแม่มากขึ้น จะได้ปรับตัวไม่ยากเวลาต้องมาอยู่จริงๆ"
"ค่ะพ่อ นินาตื่นเต้นจังเลยค่ะ อยากให้ปีใหม่มาถึงไวๆ จะได้ไปหาพ่อกับแม่"
พ่อของสนหัวเราะร่วน ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ดูจะถูกใจพ่อของสนมากทีเดียว "บ้านเรายินดีต้อนรับหนูเสมอนะลูก มาเลยๆ อ้อ...ว่าแต่ตอนนี้หนูกับสนเป็นไงมั่งลูก สนเขาดูแลหนูดีไหม มีอะไรก็บอกพ่อนะ เดี๋ยวพ่อจัดการให้"
นินาหน้าเจื่อน แน่ล่ะ สนไม่เคยสนใจใยดีเธอเลย ตอนนี้ก็ไม่ยอมมาขายของที่ถนนคนเดินกับเธอนานแล้ว ทำเฉพาะสูตรขนมให้ป้าของนิกอย่างเดียวเท่านั้น
"อ๋อ...ก็...ดีมั้งคะ"
พ่อของสนขมวดคิ้ว แม้ไม่เห็นหน้าแต่น้ำเสียงแบบนี้คงต้องมีเรื่องผิดปกติ "มีอะไรก็บอกพ่อตรงๆ ได้เลยลูก ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพ่อจัดการให้ ตกลงสนเขาดูแลหนูดีหรือเปล่าลูก"
นินาเงียบไปอีก สักพักก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาว "พี่สน...เขาไม่ค่อยสนใจนินาเลยค่ะพ่อ เคยพาไปเที่ยวอยู่ครั้งนึงก็ไม่พาไปอีกเลยค่ะ เจอกันที่มหาลัยพี่สนก็ดูยุ่งๆ ตลอดเวลา ไม่ค่อยได้คุยกัน"
"ใช้ไม่ได้เลยลูกคนนี้ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้หนูเองนะลูก ยังไงๆ ช่วงปีใหม่หนูมาที่บ้านเรากับสน พ่อจะได้พาไปดูร้านอาหารของสนด้วย ตอนนี้ทำแบบใกล้เสร็จแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะลงมือสร้าง ช่วงปีใหม่ก็น่าจะใกล้เรียบร้อย สนเรียนจบแล้วก็มาทำร้านได้เลย"
"ค่ะพ่อ นินาจะไปให้ได้ค่ะพ่อ"
พ่อของสนคุยกับนินาสักพักก็วางสายไป จากนั้นก็จัดการโทรหาลูกชายตัวดีทันที ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันได้สักพัก พ่อของสนก็เริ่มเรื่อง
"สน นินาเขาบอกว่าลูกไม่ดูแลไม่สนใจเขาเลย ทำไมสนไม่ดูแลน้อง น้องเขาเป็นคู่หมั้นสน ทิ้งๆ ขว้างๆ เขาอย่างนี้ไม่ดีนะลูก"
สนฟังแล้วก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ รู้สึกหงุดหงิดทีเดียวที่นินาใช้วิธีการเข้าหาพ่อของเขาแทน พ่อของสนชอบคนเอาใจ พอเจอว่าที่ลูกสะใภ้ฉอเลาะก็เลยถูกจริต ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรมาคุยกับสนเรื่องนี้แน่ อีกอย่าง พ่อคงกลัวเรื่องที่เคยคุยกับสนไว้ ถ้าสนแต่งงานแล้วนั่นแหละพ่อถึงจะวางใจได้
"ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะครับพ่อ ผมเรียนหนักเลย ไหนจะธุรกิจของผม แล้วตอนนี้ผมก็มาช่วยงานชมรมกับต้นเพิ่มอีกอย่าง ผมไม่ค่อยว่างจริงๆ ครับพ่อ"
สนเดินวนอยู่บริเวณหน้าบ้าน หน้านิ่วคิ้วขมวด เพื่อนๆ คนอื่นๆ กลับมาถึงบ้านกันหมดแล้ว อีกไม่นานก็จะกินข้าวเย็นพร้อมกัน
"ยังไงๆ สนก็ต้องหาเวลามาดูแลน้องเขาบ้างนะลูก ถ้าเราไม่สนใจเขาแบบนี้ เกิดเขาถอนหมั้นขึ้นมาจะทำยังไง สินสอดทองหมั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ"
สนอยากจะบอกพ่อเหลือเกินว่าเงินจำนวนนั้น ถ้าสนยังมีชีวิตอยู่ยังไงก็หามาใช้คืนพ่อกับแม่ได้อยู่แล้ว แต่คงจะบอกพ่ออย่างนั้นไม่ได้
"ผมจะพยายามนะครับพ่อ" สนรับปากอย่างหนักใจ
"นี่ก็หมั้นกันมาเป็นปีๆ อยู่แล้ว สนยังไม่รักน้องเขาอีกเหรอลูก พ่อว่าหนูนินานี่เขาก็น่ารักน่าเอ็นดูอยู่ แถมยังขยันอีกต่างหาก หาเงินเรียนเอง ไม่ต้องเดือดร้อนพ่อแม่ น้องเขาจะมาช่วยธุรกิจของครอบครัวเราได้ดีเลยนะลูก"
ฟังแล้วสนก็เงียบไปนาน อยากจะถอนหายใจแต่ก็ไม่กล้า "พ่อครับ...ผมพยายามแล้วนะครับ แต่...ยังไงๆ ผมก็รักนินาไม่ได้ ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วครับพ่อ"
"นี่สนอย่าบอกนะว่าสนยัง..."
"ครับ" สนรีบรับคำ "พ่อครับ...ผมรักต้นครับ เราสองคนผูกพันกันมาก มันยากมากที่ผมจะตัดใจ ผมเอาหัวใจของผมไปให้คนอื่นไม่ได้"
"สน...สนสัญญากับพ่อแล้วนะลูก สนจะผิดสัญญากับพ่ออย่างงั้นเหรอ" พ่อของสนเสียงดังอย่างไม่พอใจ แล้วก็รีบลุกเดินออกไปหน้าบ้านเพราะกลัวแม่ของสนได้ยินเข้า
"สนยังไม่ได้ผิดสัญญาครับ สนยังไม่เคยบอกต้นเลยว่าสนคิดยังไงกับเค้า"
"มันเป็นไปไม่ได้นะลูก ลูกจะรักต้นแบบนั้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด" พ่อของสนกำชับเสียงหนักแน่น
"ผมเข้าใจครับพ่อ แต่ผมพยายามแล้ว ผมก็ยังรักต้นอยู่เหมือนเดิม"
"พอๆๆ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว พ่อไม่อยากฟัง เอาเป็นว่า...มันเป็นไปไม่ได้ สนอย่าทำให้พ่อกับแม่ต้องลำบากใจเรื่องนี้อีก" แล้วพ่อสนก็ถอนหายใจ "ที่พ่อโทรมา พ่อจะบอกสนว่า...ปีใหม่นี้ หนูนินาเขาอยากมาหาพ่อกับแม่ที่บ้าน สนพาน้องมาด้วยละกัน"
"อะไรนะครับพ่อ"
"สนมีปัญหาอะไรหรือเปล่า อีกไม่นานหนูนินาเขาก็จะมาอยู่บ้านเราแล้ว ให้เขามารู้จักครอบครัวของเรา เขาจะได้ปรับตัวได้"
คราวนี้สนอดรนทนไม่ไหวจนต้องถอนหายใจออกมาจริงๆ
"ครับพ่อ" สนรับคำไปอย่างแกนๆ เพราะรู้ว่ายังไงก็ขัดพ่อไม่ได้ เห็นทีพรุ่งนี้สนจะต้องไปต่อว่านินาเสียหน่อยที่เล่นเข้าทางพ่อของสนแบบนี้
สนคุยกับพ่ออีกสองสามคำจากนั้นก็วางสายไป
"พ่อมึงรู้เรื่องมึงกับต้นแล้วเหรอวะ"
สนสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ คำถามนี้ก็ดังขึ้น นิกนั่นเอง ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ สนพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงยอมรับ
"กูรู้แล้วว่าทำไมมึงไม่ยอมบอกรักต้น เพราะพ่อมึงใช่ไหม" ไม่ใช่ว่านิกมาแอบฟัง แต่บังเอิญออกมาตามสนไปกินข้าวก็เลยได้ยินพอดี
สนถอนหายใจด้วยสีหน้าหนักใจ มาถึงขั้นนี้แล้วก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง ใครๆ ก็รู้หมดแล้วว่าสนคิดยังไงกับต้น เหลือแค่ต้นคนเดียวเท่านั้น
"กูหนักใจว่ะนิก...ตอนนี้นินาเขาเข้าทางพ่อกู แล้วพ่อกูก็ดูเหมือนจะชอบเขามากด้วย"
นิกพยักหน้าเข้าใจ "ถ้าพวกมึงสองคนเป็นคู่กันจริงๆ ยังไงก็ต้องได้อยู่ด้วยกัน เชื่อกูสิ พวกกูเอาใจช่วย ว่าแต่...ปาฏิหาริย์ครั้งที่สามของมึง มึงอยากให้เป็นแบบไหนวะ"
นิกพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ไปด้วย อดขำปั้นจั่นไม่ได้ที่คิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาจนเป็นตุเป็นตะ น่าให้ไปเป็นหมอดูเสียจริง
สนครุ่นคิด ถึงตอนนี้ก็คงมีเรื่องเดียวแล้วล่ะที่สนอยากทำให้ได้เสียที "กูอยากให้เกิดเหตุการณ์อะไรก็ได้ที่จะทำให้กู...ได้บอกรักต้น กูรักต้นว่ะนิก ยิ่งตอนนี้...กูบอกได้เลยว่ากูรักต้นมาก แต่ก็พูดไม่ได้ มันโคตรทรมานเลย ต้นรอคอยกูมาเป็นสิบปีแล้วกูก็ยังไม่ได้บอกซะที บางทีกูก็อยากผิดสัญญากับพ่อให้รู้แล้วรู้รอด"
"ใจเย็นๆ เว้ยเพื่อน ค่อยๆ คิด ไป...ไปกินข้าวก่อน ต้นกับจั่นรอกินข้าวอยู่ เดี๋ยวไอ้จั่นมันบ่นอีก ไอ้นี่หิวแล้วชอบพาล" นิกว่าเพื่อนอีกคนอย่างไม่จริงจังนัก
สนพยักหน้า เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก็เดินตามนิกเข้าไปในบ้าน บ้านที่อีกไม่นานนี้ต้นกับสนก็จะต้องจากไปแล้ว เกือบสี่ปีที่อยู่ที่นี่มีความทรงจำดีๆ มากมายทั้งระหว่างสนกับต้นและเพื่อนอีกสองคน สนได้ค้นพบหัวใจตัวเองก็ที่บ้านหลังนี้นี่แหละ แต่จะว่าไป สนเริ่มรู้สึกพิเศษกับต้นตั้งแต่ตอนไหนกันแน่นะ ตอนที่รู้ว่าต้นเป็นเกย์หรือเปล่า หรืออาจจะก่อนหน้านั้น สนยังไม่เคยหาคำตอบเรื่องนี้เลย เขาผูกพันกับต้น อยู่ด้วยกันมานานจนแทบจะแยกความรู้สึกรักอย่างเพื่อนกับรักอย่างคนรักไม่ออก รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว
"นินา ช่วงปีใหม่พี่จะต้องไปดูร้านที่กำลังสร้าง พี่ไม่มีเวลาพานินาไปเที่ยวไหนหรอกนะ ไปตอนอื่นได้ไหม"
สนพยายามต่อรอง สีหน้าไม่บอกก็รู้ว่าไม่ค่อยสบอารมณ์ มองดูคู่หมั้นสาวที่ยืนคอตั้งระหงแล้วก็ยิ่งเหนื่อยใจกับอาการดื้อรั้นของเธอ
"ไม่ได้ค่ะ ก็นินารับปากพ่อพี่สนไปแล้วนี่คะ จะให้นินาผิดคำพูดกับผู้ใหญ่ได้ยังไง ยังไงๆ นินาก็จะไป นินาอยากรู้จักครอบครัวของพี่สนก่อนที่เราจะแต่งงานกัน ไม่ดีเหรอคะ"
"แล้วจะไปนอนที่ไหน" สนถามเสียงห้วน
"ก็นอนห้องพี่สนสิคะ เราเป็นคู่หมั้นกันแล้วนะคะ"
"ไม่ได้" สนรีบตอบทันที
"ทำไมคะ ยังไงๆ เราก็ต้องเแต่งงานกัน ต่อไปก็ต้องอยู่ด้วยกัน ต้องนอนด้วยกัน ทำไมนินาจะนอนห้องเดียวกับพี่สนไม่ได้คะ" นินาชักจะโมโหบ้าง
"เรายังไม่ได้เแต่งงานกันเลยนะนินา"
"แล้วไงคะ ก็หมั้นกันแล้ว ทำไมพี่สนถึงมีปัญหาล่ะ นินาเป็นของพี่แล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยมีอะไรกันมาก่อนซะหน่อย"
"นินา เธอไม่อายบ้างหรือไงที่พูดอย่างนี้ จะให้พี่บอกอีกกี่ครั้งว่าพี่ไม่ได้รักเธอ พี่ยังนึกไม่ออกเลยว่าพี่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปมีอะไรกับเธอ" สนสวนกลับไป
"คำก็ไม่รัก สองคำก็ไม่รัก แล้วมาทำอย่างนี้กับนินาทำไมคะ เห็นนินาเป็นของเล่นของพี่เหรอ แล้วหมั้นกับนินาทำไม ให้ความหวังกับนินาทำไม นินารักพี่จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วรู้ไหม"
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้สนต้องหยุดอารมณ์พลุ่งพล่านลงมาบ้าง เขาก็ไม่อยากใจร้ายใจดำกับผู้หญิงตาดำๆ คนหนึ่งขนาดนี้หรอก
"นินา...พี่ไม่เข้าใจว่าเธอรักพี่ทำไม เธอจะอยากได้พี่ไปทำไมในเมื่อพี่ไม่ได้รักเธอเลย เธอจะมีความสุขเหรอที่เธอต้องทนอยู่กับคนที่เขาไม่รักเธอ" สนพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่อ่อนลง จะว่าสงสารก็สงสาร จะว่ารำคาญก็รำคาญ
"ก็นินารักไปแล้ว จะให้ทำไงคะ ก็ตอนนินาอยู่ปีหนึ่ง พี่สนมาสนิทกับนินาทำไมล่ะ ถ้าพี่สนไม่รักนินาแล้วมาคบกับนินาทำไม เพราะพี่ดีกับนินาไง นินาถึงได้รักพี่ ทำไมตอนนี้พี่สนไม่เห็นเป็นเหมือนตอนนั้นเลยล่ะคะ นินาทำอะไรผิดพี่ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้"
จะว่าไปสนก็ผิดเหมือนกันที่ดึงนินาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทดสอบจิตใจของตัวเองตอนนั้น เพราะเหตุนี้กระมังเขาจึงต้องมาชดใช้กรรมด้วยเรื่องที่คาดไม่ถึง
"พี่ขอโทษละกันนะนินา เอาเป็นว่า...ถ้าเธออยากไปก็ไป เดี๋ยวพี่จะหาห้องให้เธอนอนเอง พี่จะไปเรียนแล้ว" สนตัดบทเพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย
"ตอนกลางวัน พี่มากินข้าวกับนินานะคะ"
สนหยุดชะงักในขณะที่กำลังจะเดินออกไป เห็นสีหน้าอ้อนวอนแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ก็เลยต้องพยักหน้าตกลง
จะว่าไปสนก็สงสารนินาอยู่หรอก ไม่ใช่สงสารเพราะรัก แต่สงสารเพราะรู้ว่าความพยายามของเธอต้องเสียเปล่า สนไม่มีวันรักเธอได้หรอก สนจะเอายังไงดี ตอนนี้ในหัวของสนสับสนไปหมด ทางเลือกสองทางนั้นเป็นสิ่งที่ตัดสินใจได้ยากเหลือเกินสำหรับสน แต่ถ้ามันถึงที่สุดจริงๆ สนก็คงต้องยอมเป็นคนใจร้าย ถ้าสนได้รู้ว่านินาทำอะไรกับเขาบ้าง บางทีสิ่งที่สนคิดจะทำก็อาจจะสาสมกับความผิดนั้นของนินาทีเดียวล่ะ
ใกล้เริ่มงานเข้ามาทุกขณะ แต่วิทยากรที่จะมาบรรยายให้นักศึกษาฟังยังคงมาไม่ถึง สรกฤษณ์อดรนทนไม่ไหวจึงตรงดิ่งมาถามคนที่รับผิดชอบเรื่องการติดต่อวิทยากรเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาแล้ว ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สนนั่นเอง
"สน ทำไมวิทยากรยังมาไม่ถึงอีกล่ะ"
สนมองหน้าคนที่เดินเข้ามาหาอย่างแปลกใจ
"ก็ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอครับ"
"ไม่ถึงได้ยังไง อีกสิบห้านาทีก็จะเริ่มแล้ว สนติดต่อวิทยากรยังไงถึงยังไม่มาอีก" สรกฤษณ์อดตำหนิอีกไม่ได้ เขาเป็นคนที่เวลาทำงานแล้วมักเผลอจริงจังเกินไปอยู่บ่อยๆ
"มีอะไรเหรอครับพี่" ต้นรีบเดินเข้ามาดูเมื่อเห็นสรกฤษณ์ทำท่าทางคล้ายๆ โวยวายสนอยู่
"ก็สนน่ะสิ ติดต่อวิทยากรยังไม่รู้ นี่ยังไม่มาเลย งานจะเริ่มอยู่แล้ว ผู้ใหญ่มารอกันแล้วเห็นหรือเปล่า" สรกฤษณ์บ่นอุบอีก
"ก็ในกำหนดการบอกไว้ว่า 10 โมงไม่ใช่เหรอครับ นี่เพิ่งจะเก้าโมงสิบห้า ทำไมจะต้องรีบร้อนล่ะครับ" สนเถียง
"ใช่ที่ไหนล่ะครับ เขาเปลี่ยนเวลาเป็นเก้าครึ่งแล้ว สนไม่รู้เหรอว่าเขาเปลี่ยนเวลา ท่านอธิการบดีมีธุระด่วนต้องไปก่อนสิบโมง สนรีบโทรหาวิทยากรเลย ทีหลังอย่าให้พลาดแบบนี้อีก ไปต้น ต้นไปเตรียมตัวที่หน้าเวทีก่อน"
สรกฤษณ์พูดพลางรุนหลังต้นให้เดินไป ต้นหันกลับมามองสนแล้วก็อดสงสารไม่ได้ที่ถูกสรกฤษณ์ว่าอย่างนั้น ต้นผิดเองที่ลืมบอกสนว่าเขาเปลี่ยนกำหนดการใหม่แล้ว
สนถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด มาช่วยงานชมรมของต้นครั้งแรกก็เจอดีเสียแล้ว ทำไมสรกฤษณ์ถึงต้องมาเจ้ากี้เจ้าการขนาดนี้ ทำยังกะเป็นคนจัดงานซะเอง แต่สนก็ต้องรีบโทรหาวิทยากรเพื่อแจ้งเวลาใหม่ เผื่อจะเดินทางออกมาแล้วน่าจะพอทันอยู่ แล้วสนก็ได้รับแจ้งจากทางวิทยากรมาว่าอาจจะมาไม่ทันเก้าโมงครึ่ง ขอเปลี่ยนเป็นเก้าโมงสี่สิบห้าแทนเพราะแจ้งเปลี่ยนเวลากะทันหันเกินไป
สนเดินไปบอกต้นที่ยืนคุยกันอย่างอารมณ์ดีกับสรกฤษณ์ที่หน้าเวทีเรื่องที่วิทยากรมาไม่ทัน แล้วก็ต้องหน้าหงายอีกรอบ
"เห็นไหมสน ทีหลังทำงานต้องระวังหน่อยนะครับ แล้วนี่จะทำยังไง ท่านอธิการก็จะไปแล้ว วิทยากรยังมาช้าอีก" สรกฤษณ์ไม่วายบ่นอีกจนได้
"ก็ผมไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนกำหนดการนี่ครับ"
"พอๆๆ ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย สนไปดูแลผู้ใหญ่ก่อน เดี๋ยวพี่กับต้นจัดการตรงนี้เอง" สรกฤษณ์รีบตัดบท สีหน้าของทั้งสองคนต่างหงุดหงิดพอกัน
สนส่ายหน้าอย่างหัวเสีย แล้วก็รีบเดินออกมาก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดไปมากกว่านี้
"พี่กริด ต้นผิดเองครับ พอดีต้นลืมบอกสนเรื่องเปลี่ยนกำหนดการ" ต้นบอกเสียงอ่อย เห็นสนถูกว่าแบบนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
"อ้าว..." สรกฤษณ์ก็หน้าเสียเช่นเดียวกัน เมื่อกี้เขาว่าสนไปซะหลายดอกเลย ท่าทางสนคงจะไม่พอใจน่าดู
"เอางี้ ต้นไปบอกผู้ใหญ่กับอาจารย์อัศวิณีหน่อยละกันว่าวิทยากรรถติด จะมาถึงช้าหน่อย"
"ครับพี่"
ต้นรับคำแล้วก็เดินมาบอกอาจารย์อัศวิณีกับท่านอธิการบดีตามที่สรกฤษณ์แนะนำ สนกำลังเอากาแฟและของว่างมาเสิร์ฟพอดี เห็นสีหน้าของสนแล้วต้นก็พอจะรู้ว่าสนไม่ค่อยพอใจ สงสัยต้นจะพลอยโดนหางเลขไปด้วยแน่เลย
"กิจกรรมของชมรมไปได้ดีก็เพราะคนนี้มาช่วยค่ะ ช่วยคิดกิจกรรมดีๆ ให้ชมรมของเราได้หลายอย่างเลย ขยันทำงานด้วย" อาจารย์อัศวิณีชมต้นให้ท่านอธิการบดีฟัง ต้นว่าจะคุยกับสนเสียหน่อยก็เลยไม่ได้คุย
"ดีๆๆ ผมก็อยากให้มหาวิทยาลัยของเราเป็นต้นแบบในเรื่องนี้ให้ได้ ตอนนี้ผมได้ข่าวว่ามีมหาลัยอื่นๆ สนใจอยากมาดูงานหลายที่เลย แล้วผมก็เพิ่งคุยกับเพื่อนที่ทำงานที่ สสส. ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เขาก็สนใจกิจกรรมของชมรมนี้มาก น่าจะมีทุนมาสนับสนุนกิจกรรมเพิ่มอีก ได้เรื่องยังไงผมจะบอกอาจารย์อีกทีนะครับ"
ต้นกับอาจารย์อัศวิณีหันมายิ้มให้กัน ถ้าได้ สสส. มาสนับสนุนก็คงดีไม่น้อย
"ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีจะต้องไปเป็นพิธีกรครับ" ต้นบอก
"อ้อๆ เชิญเลยครับๆ" ท่านอธิการบดีบอกพลางยิ้มให้ต้นอย่างเอ็นดู
ต้นค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปยังหน้าเวทีในห้องประชุม ตอนนี้สนกำลังโทรศัพท์อยู่ เข้าใจว่าวิทยากรท่านนั้นคงโทรมาถามทางที่จะมาที่ห้องประชุมนั่นเอง เห็นอาการปั้นปึงอย่างนั้นต้นก็รู้แล้วล่ะว่าสนงอนเข้าให้แล้ว สนไม่ค่อยงอนต้นบ่อยนัก นานๆ จะเห็นที
ต้นกล่าวต้อนรับผู้ใหญ่ที่มาเป็นเกียรติในงานรวมทั้งเพื่อนๆ นักศึกษาทั่วไปและนักศึกษาพิการที่มาร่วมงานสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในวันนี้ ต้นพูดถึงวัตถุประสงค์ของงานและกิจกรรมคร่าวๆ ในวันนี้จบ วิทยากรที่จะมาบรรยายเรื่องอารยะสถาปัตย์หรือ Universal Design ก็มาถึงพอดี ทำให้ต้นโล่งใจมากทีเดียวที่ไม่ต้องพูดยื้อเวลา
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการในช่วงเช้า ดร. ชนิกา กระจ่างศรี จึงได้ขึ้นบรรยายเรื่อง Universal Design พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับนักศึกษาที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้ว่าการสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง เก็บข้อมูลยังไง วัดผลยังไง จากนั้นจึงแบ่งกลุ่ม และแยกย้ายกันไปสำรวจตามจุดที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถ ห้องน้ำ อาคารเรียน ทางเดินเท้า โรงอาหาร และอีกหลายๆ จุดสำคัญของมหาวิทยาลัย หลังจากที่สำรวจเสร็จสิ้นแล้วต้นจะเป็นคนรวบรวมข้อมูลส่งให้มหาวิทยาลัยเพื่ออนุมัติงบประมาณมาปรับปรุงแก้ไขต่อไป
ต้น สนและเพื่อนๆ ในชมรมแยกย้ายกันไปดูแลตามกลุ่มต่างๆ สนสังเกตเห็นว่าสรกฤษณ์มักจะตามไปอยู่ใกล้ๆ ต้นบ่อยๆ ถ้าสนยังอารมณ์ดีๆ อยู่ บางทีสนอาจจะตามไปหวงก้างบ้าง แต่โดนสรกฤษณ์ดุเมื่อเช้า แถมต้นยังทำเหมือนไม่สนใจสนอีก สนก็หมดกะจิตกะใจ กิจกรรมวันนี้จึงทำอย่างไปอย่างแกนๆ
ตอนเที่ยง สนแยกตัวไปกินข้าวกับเพื่อนในชมรมคนอื่นๆ แต่สายตาก็คอยแอบมองต้นกับสรกฤษณ์เป็นระยะๆ ต้นเองก็ได้แต่คอยมองไกลๆ อย่างห่วงๆ เหมือนกัน แต่ต้นก็มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่างจึงไม่ได้มาคุยกับสนที่ตอนนี้คงงอนต้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พอถึงตอนบ่าย สนมีเรียนจึงไม่ได้อยู่ช่วยต่อ สรุปว่าต้นก็เลยไม่มีโอกาสได้คุยกับสนเลยทั้งวัน
สรกฤษณ์มาส่งต้นที่บ้านเกือบๆ สามทุ่ม หลังจากที่เสร็จกิจกรรมต้นต้องประชุมทีมงานและคุยแผนการทำงานต่อไปกับอาจารย์อัศวิณี เสร็จธุระแล้วถึงได้ไปกินข้าวกับสรกฤษณ์
ปั้นจั่นเดินลงมาหาน้ำดื่มข้างล่างพอดี พอเห็นต้นเข้ามาก็รีบมารายงาน
"เพิ่งกลับเหรอวะต้น ไปดูไอ้สนมันหน่อยดิ ไม่รู้เป็นไร ดูมันเงียบๆ ไงไม่รู้ ไม่พูดไม่จา กินข้าวเสร็จก็เข้าห้องไปเลย"
ต้นถอดรองเท้าวางไว้บนชั้นวางแล้วก็หัวเราะแหะๆ "สงสัยจะงอนกูนั่นแหละ เมื่อกลางวันมีเรื่องนิดหน่อยว่ะ"
"จริงเหรอ ไอ้สนมันงอนมึงเป็นด้วยเหรอวะ ปกติเห็นมันรักมึงจะตาย" ปั้นจั่นสงสัย
"ก็มีบ้าง แต่ไม่บ่อยหรอก เดี๋ยวกูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะเว้ย จะได้ไปง้อเขาหน่อย"
"เออๆ ไปทำให้มันงอน ระวังโดนมันปล้ำเอานะมึง" ปั้นจั่นแซวอย่างอารมณ์ดี
ต้นหัวเราะชอบใจเบาๆ แล้วก็เดินขึ้นห้องไป
พอจัดการอาบน้ำอาบท่าให้ให้สบายเนื้อสบายตัวแล้วต้นก็เดินมาห้องสน เคาะประตู สักพักเจ้าตัวก็มาเปิดห้องให้ ใส่เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงบ็อกเซอร์ตัวโปรดเหมือนเคย แม้จะดีใจที่เห็นต้นมาหาแต่ก็ทำเป็นขรึมๆ
"วันนี้เรามานอนห้องนายนะ" ต้นถามหยั่งเชิงเพื่อจะดูว่าอาการงอนของสนอยู่ระดับไหน
"อืม" สนตอบสั้นๆ แล้วก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน สนเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ ไม่ได้ทำงานแต่ดูแข่งฟุตบอลอยู่
ต้นปิดห้องให้แล้วก็เดินตามมาดู
"ดูบอลอยู่เหรอ"
สนพยักหน้าแทนการตอบคำถาม แล้วจู่ๆ ก็ปิดคอมพิวเตอร์ไป
"อ้าว ไม่ดูแล้วเหรอ" ต้นเอียงคอถามอย่างงงๆ
"จะนอนแล้ว" ตอบห้วนๆ เหมือนเดิม จากนั้นก็เดินไปที่เตียงพร้อมกับทิ้งตัวลงนอน ไม่ใช่อะไรหรอก สนรู้ว่าต้นมาเพราะอยากคุยเรื่องเมื่อกลางวัน ก็เลยปิดคอมพิวเตอร์ไป เปิดทางให้ต้นมาคุยด้วยนั่นเอง
ต้นเดินตามไปที่เตียง เห็นสนทำท่ามึนๆ ตึงๆ ใส่ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
"โกรธเราเหรอวันนี้" ต้นนั่งลงบนเตียงข้างๆ สน สีหน้ารู้สึกผิด
"เปล่า" ถามคำตอบคำ แล้วจะบอกว่าไม่โกรธได้ยังไง
"เราจะบอกว่า...เราลืมบอกนายเองแหละเรื่องเปลี่ยนกำหนดการ เราขอโทษนะสน ทำให้นายโดนพี่กริดว่าเลย พี่กริดเขาเป็นแบบนี้แหละ เวลาทำงานเขาชอบซีเรียส"
"มาขอโทษแทนเขาเหรอ" พูดแล้วก็ยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
"เปล่า...เรามาขอโทษของเราเองนั่นแหละ ไม่เกี่ยวกับพี่กริดหรอก ขอโทษนะ เราลืมจริงๆ เรามัวแต่ยุ่งๆ ก็เลยลืม" ต้นทำสีหน้าอ้อนวอน
"ก็เห็นอยู่กับพี่กริดทั้งวัน"
ต้นทำหน้าเหรอหรา ไม่แน่ใจว่าสนงอนเรื่องที่ถูกตำหนิหรือเรื่องที่ต้นอยู่กับสรกฤษณ์ทั้งวันกันแน่ เผลอๆ อาจจะทั้งสองอย่างรวมกัน
"ก็...พี่กริดเขาทำงานละเอียดน่ะ เขาจะคอยถามเราตลอดว่าจะให้ถ่ายวิดีโอยังไง ตรงไหน จะเพิ่มจะลดอะไร แล้วพี่เขาก็มาช่วยงานนานแล้วก็เลยรู้งาน ช่วยเราทำตั้งหลายอย่างแน่ะ"
"อืม" สีหน้ายังดูมึนตึงอยู่เล็กน้อย
สงสัยต้นต้องหาวิธีใหม่มาง้อแล้วล่ะ ต้นเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงแล้วขึ้นมานั่งชันตัวข้างๆ สน
"สน...เรารู้ละ นอกจากต้นแขนแล้วยังมีอีกอย่างที่เราชอบของตัวนาย อยากรู้ไหม"
ยิ้มมีเลศนัยของต้นทำให้สนเกิดความอยากรู้มากทีเดียว "อะไรเหรอ"
"นายหันข้างๆ ไว้อย่างนี้นะ แล้วก็ยิ้ม ให้เห็นฟันด้วย"
สนพยายามทำตามที่ต้นบอก แต่เนื่องจากอารมณ์ยังไม่แจ่มใสเต็มที่เลยทำให้ยิ้มแปลกๆ ไปหน่อย
"เหมือนแยกเขี้ยวเลย ไม่เอา เอาใหม่ๆๆ"
ต้นแซว สนก็เลยหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้ต้นได้เห็นรอยยิ้มที่อยากเห็นพอดี
"เออๆ แบบนี้แหละ เราชอบเวลานายยิ้ม เห็นฟัน แล้วก็มีรอยบุ๋มๆ ตรงแก้มนิดหน่อย แต่ต้องมองข้างๆ นะ"
"ทำไมต้องมองข้างๆ ล่ะ มองตรงๆ แล้วดูไม่ดีเหรอ" สนนิ่วหน้า
"คนหล่อๆ อย่างนาย มองมุมไหนก็หล่อทั้งนั้นแหละ แต่เราชอบมองข้างๆ ไง" ต้นพูดพลางขำอย่างเอ็นดู
สนหัวเราะเบาๆ พอนึกอะไรได้ก็ยิ้มมีเลศนัย "อยากให้เราหายโกรธไหม"
ต้นทำหน้างง "ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ นึกว่าหายแล้ว"
สนส่ายหน้า "ใครบอก"
"อ้าว แล้วกัน จะให้เราทำอะไรอีกล่ะ เราขอโทษแล้วนะ"
สนเอานิ้วชี้ที่ตรงแก้มของตัวเอง ข้างที่ต้นบอกว่าชอบนั่นแหละ
"อะไร จะให้เราต่อยนายเหรอ"
"ไม่ใช่" สนรีบบอก
"อ้าว แล้วจะให้เราทำอะไรล่ะ"
สนไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็เลยเอามือแตะที่ริมฝีปากของต้นแล้วมาแตะที่แก้มของเขาเอง
"เฮ้ย ไม่เอา ไม่กล้า" ต้นบอกปัดเป็นพัลวันเมื่อรู้ว่าสนหมายถึงอะไร
"งั้น...เราก็ไม่หายโกรธ" สนทำหน้าเย็นชาไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม แต่แอบยิ้มอยู่ในที
"เอางั้นเหรอ" ต้นทำหน้าม่อย "ก็ได้"
ต้นยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ พอจะถึงจังหวะที่ต้องหอมแก้มจริงๆ ต้นก็เอามือมากันปากตัวเองไว้แล้วทำเหมือนหอมแก้มสนลงไป
"ขี้โกงเหรอ"
ว่าแล้วสนก็รวบตัวต้นมากอดไว้ แล้วก็ดันตัวของต้นให้นอนลงบนตักของตัวเอง ต้นขัดขืนเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมแต่โดยดี รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ต้นกับสนประสานสายตากัน ต้นคงไม่ได้คิดไปเองเป็นแน่ แววตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ สัมผัสแบบนี้ ช่างเต็มไปด้วยความรัก ต้นเห็นแต่ความรักที่สนส่งผ่านออกมาในทุกสิ่งที่สนทำอยู่ตอนนี้ แม้ไม่พูด ต้นก็เห็นได้ชัดเจน ผู้ชายคนนี้รักต้น รักมากเสียด้วย แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกต้นเลย
ต้นเอามือบีบจมูกสนก่อนจะเขินไปมากกว่านี้ แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะ ต้นชอบแซวว่าสนจมูกใหญ่ ก็ไม่ถึงกับใหญ่มาก แค่ดูใหญ่นิดๆ ในบางมุม
"เราอยากไปเที่ยวดอยอินทนนท์น่ะ เมื่อไหร่นายจะพาเราไปซะที จะเรียนจบอยู่แล้วยังไม่ได้ไปด้วยกันเลย"
"อ้อ..." สนทำท่าครุ่นคิด "หลังปีใหม่ได้ไหม ช่วงนี้เรายุ่งๆ กับร้านอยู่ กว่าจะเสร็จก็น่าจะหลังปีใหม่นั่นแหละ"
"ได้ๆ ไปหลังปีใหม่ก็ได้ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่หนาวมาก"
"ชวนนิกกับจั่นไปด้วย ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยกันสักครั้งก่อนแยกย้ายกันไป ดีไหม"
ต้นพยักหน้า "น่าใจหายนะ เราคงคิดถึงที่นี่มาก คิดถึงนิกกับจั่น คิดถึงอะไรดีๆ หลายอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่"
"ธรรมดาแหละ มีพบก็มีจาก แต่เรากับนายสองคนก็ยังกลับบ้านด้วยกันอยู่ดี แปลกดีนะต้น เราไม่เคยห่างกันเลย เพื่อนคนอื่นๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เรากับนาย...ก็ยังเจอกันอยู่เหมือนเดิม"
"แล้วถ้าเราไปเรียนเมืองนอกล่ะ" ต้นทำหน้าเศร้า
"แค่สามปีเอง ยังไงนายก็ต้องกลับมาบ้านอยู่แล้ว จริงไหม"
ต้นพยักหน้า แล้วก็กลับไปทำหน้าเศร้าอีก "พอเรากลับมา นายก็คงแต่งงานกับนินาไปแล้ว อาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้"
สนหน้าสลดไปอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดถึงสองทางเลือกนั้นอีกแล้ว จนป่านนี้สนก็ยังตัดสินใจเลือกไม่ได้เลย หวังว่าปาฏิหาริย์ครั้งที่สามจะทำให้สนตัดสินใจได้เสียที
"มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่นายคิดก็ได้นะต้น ขอเวลาเราอีกหน่อยนะ" สนพูดพร้อมกับใช้มือลูบผมต้นเล่นอย่างเบามือ
ต้นพยักหน้ายิ้มๆ "ไม่เป็นไรหรอก เราเชื่อนาย เรารู้ นายไม่ทำให้คนที่นายรักผิดหวังหรอก"
สนทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว ต้นคงดูออกแล้วสินะว่าสนรักต้นมากแค่ไหน รอวันที่สนจะพูดคำนั้นออกมาเท่านั้น คงอีกไม่นานนี้แล้วล่ะ สนจะเก็บมันไว้ไม่ไหวแล้ว ถ้าจะต้องผิดสัญญากับพ่อ สนก็คงต้องยอม!
TBC