“กี้ กี้คะ รู้นะว่าคุณอยู่ในบ้านน่ะ ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย”เสียงเรียกจากหน้ารั้วดังขึ้น ผมสะดุ้งรีบลุกขึ้นยืนทันที “แม่...”ผมเรียกแม่ไม่ดังมากนักเดี๋ยวพลอยจะได้ยิน
ผมลนลานมาก เสียงออดยังคงดังไม่หยุด จากนั้นเสียงแกร๊กเหมือนประตูรั้วเปิดออก
“พลอยเข้าไปหาแล้วนะ”
!!
ให้ตาย ซวยชิบ
“ทำยังไงดีเนี่ย...”ผมรีบเดินให้เร็วเท่าที่จะทำได้ เข้าไปหลบในห้องน้ำชั้นล่าง เจอแม่พอดีที่ทำหน้าตาตกใจ
“รีบๆไปซ่อนเร็วเข้า”แม่ทำบอกเสียงตื่นๆ ผมเงอะงะเข้าห้องน้ำ ล็อคประตูอยู่ในนั้น เหงื่อไหลออกมา ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ออกแรงมาก ผมปิดฝาชักโครกแล้วค่อยๆนั่งลง อาการปวดแปล๊บประดังเข้ามาที่ท้องน้อย
โอ้ย....เป็นอะไรเนี่ย
ผมเงี่ยหูฟังเสียงพลอยกับแม่
“สวัสดีค่ะ คุณแม่ หนูมาหากี้น่ะค่ะ เมื้อกี้เหมือนเห็นแวบๆเข้าห้องน้ำไป...ใช่ไหมคะ”
“....จะคุยอะไรกันล่ะจ๊ะ พลอย กี้ไม่อยู่หรอก ออกไปข้างนอก”
“อย่าโกหกสิคะ หนูเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ที่โซฟาอยู่แหม็บๆ”พลอยเถียง
“ไม่รู้ล่ะจ๊ะ แล้วนี่ เธอเข้ามาได้ยังไง ไม่มีใครเปิดประตูให้เลยนะจ๊ะ แบบนี้จะโดนข้อหาบุกรุกเอาได้”
“...พอดีว่าหนูมีเรื่องด่วนมากๆ อยากคุยกับกี้....”
“....เอาไว้วันหลัง---”
“มีเรื่องอะไรปิดบังหรอคะ ทำตัวลับล่อๆ ไปหาที่คอนโดก็ไม่มีใครอยู่สักคน ....คุณชายก็หายเงียบไปจากบริษัท....คงจะหนีมากกมีความสุขกันบนความทุกข์ของคนอื่น...”พลอยเหมือนอัดอั้นตันใจ พูดออกมาอย่างใส่อารมณ์ ฟังแล้วดูก้าวร้าวดีจัง
“...นี่พลอย อย่าพูดจาแบบนี้กับฉันนะ แล้วก็อย่ามาใส่ร้ายลูกฉันด้วย แล้วที่มาโวยวายอยู่เนี่ยคิดว่าเธอจะเรียกร้องอะไรกันจ๊ะ”แม่ยังคงประนีประนอมอยู่มาก ฟังจากน้ำเสียงที่ไม่ห้วนเท่าไหร่
ผมได้ยินแว่วๆเหมือนมีเสียงรถอีกคันมาจอด .....สงสัยเป็นคุณชายแน่ๆ
“คุณชายคะ...”
“อ้าว พลอย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”น้ำเสียงของคุณชายดูงุนงง
“...ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ ทำให้พลอยอับอายขายหน้าจากการยกเลิกงานแต่ง แล้วยังจะหนีมาอยู่กับผู้ชายอีก แบบนี้จะให้พลอยอยู่ได้ยังไง ทุเรศจริงๆ”เสียงพลอยอาละวาด
“คุณกลับไปเถอะ ผมไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้ว เรื่องนี้ผมก็ชี้แจ้งกับครอบครัวคุณไปหมดแล้ว ผมทำทุกอย่างที่จะสามารถเยียวยาความรู้สึกของฝ่ายคุณแล้วนะพลอย”
“เยียวยาบ้าอะไร คุณควรจะทำตัวให้เหมาะสม แล้วนี่อะไร ทำไมคุณต้องมาคบกับกี้ด้วยล่ะคะ เห็นพลอยเป็นตัวตลกปล่อยให้คนเข้านินทากันให้ว่อนเมือง พลอยยอมไม่ได้หรอกค่ะ”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”คุณชายพูดเสียงไม่พอใจ เท่าที่ผ่านมาผมไม่เคยได้ยินเขาใช้น้ำเสียงแบบนี้เท่าไหร่ น้ำเสียงเหมือนเบื่อหน่าย รำคาญแบบเต็มทน
“ไปแถลงข่าวสิคะ ทำให้เรื่องมันเคลียร์ รู้ไหมว่าพลอยต้องเจอแรงกดดันจากสื่อมากมาย ที่เข้ามาถามเรื่องสาเหตุที่ยกเลิกงานแต่ง”
“....จะแถลงข่าวเพื่ออะไรกันล่ะ”แม่ผมเป็นคนถาม
“...ก็ไปยืนยันเรื่องที่คุณไม่ได้เป็นเกย์ แล้วก็ไม่ได้มาคบกับผู้ชายไงล่ะคะ”
ผมลุกขึ้นยืนแต่ดันสะดุดกางเกงขาก๊วยตัวเองเข้าจนล้มลง ดีที่ผมใช้มือกับเข่าอีกข้างยันไว้ก่อน แต่ก็รับรู้ถึงแรงสะเทือนได้
กึก
“โอ้ย”ผมนิ่วหน้า เอามือกุมท้องไว้ แย่แน่ๆถ้าผมไม่ระวังแบบนี้
“กี้! เป็นอะไรครับ กี้!!”เสียงคุณชายดังใกล้ๆแล้วทุบประตูห้องน้ำจนแทบพัง
“....เปล่าครับ....แค่ล้มนิดหน่อย”ผมบอกแผ่ว ยังคงอยู่ในท่าเดิมก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นช้าๆ
“กี้ครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า แล้วล---”
“กี้ ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องนะ”เสียงพลอยยังคงดังอยู่
“พอเถอะพลอย ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น คุณกลับออกไปซะ”คุณชายพูดเสียงห้วน
“คุณชาย...”
“กลับไปเถอะพลอย ไม่งั้นฉันจะแจ้งความหนูนะ”แม่พูดเสียงจริงจัง
“...ก็ได้ค่ะ...คอยดูเถอะ พลอยไม่ชอบเสียหน้า เสียชื่ออยู่ฝ่ายเดียวหรอก”พลอยพูดก่อนจะเดินตึงๆกลับออกไป ผมยังคงไม่ออกจนกว่าจะได้ยินเสียงรถของพลอยกลับไป
“ออกมาเถอะ พลอยไปแล้ว”ผมหมุนลูกบิดออกเปิดประตู ออกมา ค่อยๆเดิน เอามือยันหลังไว้ รู้สึกปวดเกร็งๆที่ท้องน้อย
“ไอ้กี้ แก ล้มหรอ ไหนมาดูสิ”แม่รีบเข้ามาดูผม จับเนื้อตัวและจับบริเวณท้อง ผมส่ายหน้า
“โอเคนะกี้”
“อืมแค่เจ็บแปลบๆเอง ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”ผมบอก แล้วค่อยๆเดินไปนั่งที่โซฟาต่อ ไม่ทันไรอาการปวดที่ท้องน้อยก็กลับมาอีก กว่าจะคลายตัว เจ็บแปลบๆ เกร็งๆ เสียวๆ แม่สีหน้าไม่ดี
“แกท้องแข็งหรอ”แม่ถามเสียงเครียดแล้วเลิกชายเสื้อดู “....อืมถ้าเป็นอีกแล้วนานเกิน 20 นาทีบอกแม่นะ จะได้ไปหาหมอดีกว่า”ผมพยักหน้า คุณชายก็นิ่งเงียบไป
“...คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ...ผมอยากพากี้ไปหาหมอซะเดี๋ยวนี้เลย โทรถามไอ้ภูมิก็ได้”คุณชายพูด ผมส่ายหน้า เท่าที่อ่านจากคู่มือมา อาการท้องแข็งก็มีเป็นปกติ บางครั้งเกิดจากลูกโก่งตัว
“รออีกสัก20นาทีตามที่แม่บอก ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องไปหาหมอแล้วล่ะครับ”ผมยิ้มบอก เอื้อมไปจับมือคุณชายเพราะเขาดูกังวลมาก
ผมจับเวลา ซึ่งเป็นไปตามที่ผมกลัวอาการปวดเกร็งนานเกิน20นาที คุณชายเลยพาผมไปที่ศูนย์วิจัย แม่ก็ตามไปด้วย ผมโทรหาหมอภูมิแล้วเล่าอาการให้ฟัง หมอภูมิเองก็ไม่แน่ใจว่าท้องแข็งเพราะเด็กโก่งตัวหรือว่าจะคลอดก่อนกำหนด ผมเลยเครียดมากกว่าเดิมอีก
พอไปถึงที่ศูนย์วิจัย เข้าห้องตรวจหมอภูมิก็มาตรวจเอามือคลำๆบริเวณท้อง ปรากฏว่าท้องคลายตัวพอดี ผมเลยเล่าอาการไปอีกครั้ง ในที่สุดหมอภูมิเลยส่งไปทำ NST ผลปรากฏว่า (มดลูกเทียม) มีการบีบตัวทุก 6 นาที ผมเลยต้องนอนที่ศูนย์วิจัย เจาะน้ำเกลือและให้ยาระงับคลอดทันทีเพราะอายุครรภ์แค่ 34 สัปดาห์ (8เดือนเศษๆ)
ตอนนี้ผมนอนอยู่ในห้องรอคลอด “ปอดน้องยังไม่แข็งแรงยังให้คลอดไม่ได้ครับ ต้องระงับการคลอดด่วน” หมอภูมิโดยฉีดยาเข็มแรกเข้าเส้นทางสายน้ำเกลือ เมื่อยาออกฤทธิ์ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม คลื่นไส้ อัตราหัวใจเต้น 120 ครั้งต่อนาที เลยต้องให้ยาทางสายน้ำเกลือต่อโดยต้องฉีดยากระตุ้นปอดเด็กเผื่อฉุกเฉินด้วย ยากระตุ้นปอดนี้ต้องฉีดทั้งหมด 4 เข็ม ห่างกันเข็มละ 12 ชั่วโมง อย่างน้อยผมต้องนอนที่ศูนย์วิจัยอย่างต่ำประมาณ 3 วัน
“อาการบีบตัวขนาดนี้เหมือนใกล้คลอดเลยนะ ถ้ากี้มาไม่ทันหรือทิ้งไว้แบบนั้นจะไม่สามารถระงับคลอดได้ทัน”
หมอภูมิบอกเสียงนุ่มยิ้มให้ผมหลังจากที่ฉีดยาให้ผมจนครบแล้ว แม่กับคุณชายก็เดินมาหา
“...ผมกลัวแทบแย่เลย ดีแล้วที่คุณกับน้องไก๋ปลอดภัย”คุณชายเข้ามากุมมือผมแน่น สีหน้าดูซีดเซียว
“เดี๋ยวแม่โทรไปบอกบ้านนู้นก่อนนะ”แม่ลูบๆหัวผมแล้วออกไปโทรศัพท์
“ผมโอเคแล้วน่า ไม่ต้องกังวลหรอก อยู่ใกล้หมอแบบนี้”ผมบอกคุณชาย แต่ในใจก็นึกกลัวเหมือนกัน ถ้าผมมาไม่ทันคงแย่
ในระหว่างนอนศูนย์วิจัยผมต้องได้รับการตรวจท้องเป็นระยะๆ แล้วค่อยปรับยาลดลงเรื่อยๆ จากที่ให้ยาทางน้ำเกลือ ก็เปลี่ยนเป็นยาฉีด จากนั้นก็ยากิน
เมื่ออาการผมกลับมาเป็นปกติผมก็ได้กลับมาอยู่บ้าน คราวนี้คุณชายประกบติดผมทุกฝีเก้าเลยทีเดียว คุณย่าก็แวะมาหาบ่อยขึ้น ท่านท่าทางตกใจอยู่เหมือนกันตอนที่ได้ยินเรื่อง
จากประสบการณ์คราวนี้ผมยังอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าหากผมไม่ไปหาหมอวันนั้น ผมคงคลอดก่อนกำหนดไปแล้ว และลูกก็คงต้องมากระตุ้นปอดข้างนอกซึ่งเสี่ยงที่ลูกจะไม่ปลอดภัยและร่างกายไม่แข็งแรง
- (9 เดือน)เมื่อเข้าสู่ระยะครรภ์ได้ 38สัปดาห์เศษๆ หรือ9เดือนกว่าๆแล้ว ผมเจ็บหน่วงท้องบ่อยๆทุก10นาที จนผมกังวล นอนไม่หลับและหวาดกลัว มันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ผู้ชายอย่างผมต้องมาเจอ คุณชายก็เตรียมเสื้อผ้าเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อผมและน้องไก๋เวลาต้องไปนอนที่ศูนย์วิจัย
“แม่ ผมกลัวอะ”ผมบอกแม่ขณะที่นอนพิงอยู่บนเตียงมีหมอนรองหลังไว้ แม่ที่กำลังพับผ้าแห้งให้ผมอยู่ คุณชายเพิ่งลงไปตากผ้าที่อบแห้งไว้ ที่จริงแม่ใช้ให้คุณชายไปทำงานบ้านงานเรือนเองต่างหาก
“....เอาน่า...มาขั้นนี้แล้ว แกจะกลัวอะไรหืม”แม่ลุกเดินมานั่งใกล้ๆ
“ก็...หลายอย่าง....กลัวเจ็บ กลัวลูกไม่แข็งแรง...”มันหลายความรู้สึกปนเปกันไป แต่ผมกลัวมากกว่า น่าหวาดเสียว ผมเคยเห็นวีดีโอที่ผ่าคลอดแล้วก็....ดูไม่ทันจบเพราะเสียวแทน
“...แม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ ถ้าแกได้เห็นหน้าลูก เชื่อเถอะว่าแกต้องลืมความกลัวความเจ็บไปเลย...”แม่กอดผมเบาๆ ผมถอนหายใจ พยายามทำใจให้สบาย
“ครับ แล้วแม่จะไปกับผมไหม ตอนที่รอคลอดน่ะ”
“...ไปสิ แต่แม่คงไม่เข้าไปหรอก ให้ไอ้ชายมันเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนแก แม่ว่าตอนนั้นแกคงไม่นึกถึงแม่หรอก ใครๆเขาก็นึกถึงสามีตัวเอง”แม่หัวเราะเบาๆ ผมได้ฟังแล้วก็หน้าร้อนผ่าว
“โห แม่อ่ะ”ผมทำเสียงขัดใจ ชอบย้ำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย
“เอ้า ก็พูดความจริงนี่ ฮ่ะๆ ขำวันละนิดจิตแจ่มใสนะ พักผ่อนฟังเพลงไป แม่ไม่กวนล่ะ”แม่ยิ้มแล้วลุกเดินออกจากห้องไป ผมเลยเปิดเพลงฟัง ผมหยิบกล่องแหวนทองคำขาวเกลี้ยงเกลาออกมาดู อีกไม่นานเกินรอสินะ ที่ผมจะต้องรวบรวมความกล้าขอคุณชายแต่งงานซะที
ผมได้ยินเสียงคุณชายฮัมเพลงอารมณ์ดีใกล้เข้ามาเลยรีบเก็บแหวนไว้ลิ้นชักตามเดิม คุณชายวางตะกร้าเปล่าๆลงข้างประตูแล้วเดินมานอนข้างๆผม
“ตื่นเต้นแทนคุณเลยกี้ อีกไม่กี่สัปดาห์น้องไก๋ก็จะคลอดแล้ว เตรียมตัวเป็นมามี๊ เอ้ย ปะป๋าได้เลย”คุณชายนอนมองผม
“อืม ดูคุณระรื่นจังนะ อยากให้คุณลองมาท้องดูบ้าง คงดีเหมือนกัน”ผมหัวเราะบอก คุณชายทำหน้าเหรอรา
“จะบ้าหรอกี้ ไม่เอาหรอก มันไม่เหมาะกับผมหรอกนะ”
“หึๆ แล้วนี่ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ ...เลยมาให้กำลังใจกี้ไง มาผมบีบขาให้ เมื่อยไหมกี้”คุณชายเปลี่ยนเรื่องคุยลุกขึ้นมานั่ง จับขาผมยกไปวางบนตักเบาๆแล้วค่อยๆนวดไปตามหัวเข่า ปลีน่อง
“อืม...ค่อยยังชั่วหน่อย คุณนวดเก่งดีนะ”ผมบอกไปตามที่คิด คุณชายยิ้มมุมปากมาให้
“....เพราะกี้ผมเลยนวดเก่งไงครับ อกจากนวดแล้วผมก็นาบเก่งนะ... บางที---”
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ”ผมรีบตัดบทแล้วฟาดหมอนใส่คุณชายก่อนที่เขาจะพูดจบ ผมรู้ว่าไอ้คุณชายจะพูดอะไร คงจะเป็นเรื่องทะลึ่งๆหาเรื่องปล้ำผมล่ะมั้ง แต่ก็นั่นแหละมาคิดทบทวนดูแล้ว ผมกับคุณชายมีอะไรกันแทบนับครั้งได้เลย 3-4 ครั้งเอง...........
....น้อยไปสินะ....
ระยะเวลาที่อยู่กับคุณชายมาประมาณปีเศษๆ ผมแทบไม่รู้สึกพิศวาสหรือมีอารมณ์เปลี่ยวร้อนแรงต้องการทางเพศมากอะไรแบบนั้น ตอนนี้มั่นใจว่าผมรักคุณชาย แต่ดูเหมือนว่าผมชอบความสัมผัสที่ไม่เน้นเรื่องเซ็กส์เป็นปัจจัยหลัก ถึงแม้ว่ามันจะมีส่วนสำคัญต่อชีวิตคู่
“...โธ่ พูดเล่นครับ กี้ไม่ชอบผมก็ไม่ทำหรอก”คุณชายยิ้มแล้วบีบนวดขาผมต่อไป “...ไม่แน่นะกี้ หลังคลอดน้องไก๋อาจทำให้เราสองคนพลุ่งพรานร้อนแรงมากขึ้นได้นะครับ”
“ฮ่าๆ ตลกแล้วคุณพอเลย เลิกพูดๆ”ผมขำ รีบหยุดสต็อปเรื่องที่คุยกันไว้จะดีกว่า
.
.
หลังจากที่ได้เวลานอน ผมก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะอาการปวดหน่วงท้องเหลือบไปมองนาฬิกาก็เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว
“โอ้ย...”ผมครางเจ็บ ก่อนจะปลุกคุณชายให้ตื่น ไม่นานคุณชายก็สะลึมสะลือลืตาตื่น เห็นผมนั่งอยู่เขาก็กระเด้งตัวเหมือนอัตโนมัติ
“ปวดท้องเหรอ เดี๋ยวผมไปตามคุณแม่นะครับ”คุณชายรีบผุดลุกออกจากห้องไปหาแม่ ผมงอตัวเพราะความปวดทุกๆ 10 นาที
หลังจากที่แม่เข้ามาดูอาการ ยังคงไม่ใช่เจ็บท้องใกล้คลอด แต่ก็เตรียมตัวไว้ ผมเดินลงไปด้านล่างเผื่อฉุกเฉิน แม่ก็ไม่แน่ใจเพราะอาการของผมจะแตกต่างจากผู้หญิงที่ต้องมีน้ำเดินอะไรเทือกนั้น คุณชายโทรไปหาหมอภูมิ
“มันบอกว่า ถ้าปวดถี่ๆทุกๆ 5นาที ก็ให้ไปที่ศูนย์เลย”คุณชายบอกหลังจากที่ได้คำตอบจากหมอภูมิ ผมนิ่วหน้า เพราะท้องเกร็ง ความปวดหน่วงๆที่ร้าวไปยังสันหลัง ผมต้องทนไปจนกระทั่งตีสองความปวดดังกล่าวก็ถี่ขึ้นประมาณ5นาทีตามที่หมอภูมิบอก แม่ไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ ส่วนคุณชายพาผมไปที่รถ ผมเหงื่อแตกพลั่ก ความปวดยังคงกระหน่ำจนแทบไม่อยากเดิน
.
.
เมื่อถึงศูนย์วิจัย ก็มีเตียงผู้ป่วยสแตนบายด์รอไว้ก่อนแล้ว ผมต้องนอนรอคลอดอีกประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกาย (ถุงตั้งครรภ์) พร้อมก่อน หมอภูมิติดตั้งจอคอมพิวเตอร์ที่ข้างๆเตียง ปรากฏภาพผลการติดตามครรภ์ของผม ของทางศูนย์วิจัย
ผมนอนเจ็บท้องเหมือนคนไปออกกำลังกาย sit up หน้าท้องแบบหักโหมจนกล้ามเนื้อหน้าท้อง ระบมบีบรัดแล้วคลาย เป็นช่วงๆแล้วค่อยๆคลาย หายไปเป็นนาทีๆ แล้วก็กลับมาบีบใหม่
จนกระทั่งทางทีมแพทย์เช็คแล้วว่าได้เวลาคลอดแล้ว ผมเจ็บท้องมากรู้สึกตรงท้องโดนบีบแล้วคลาย บีบแล้วคลาย พอเวลามันปวดรุนแรงขึ้น มันจะบีบค้างเอาไว้ ดีที่แม่บอกให้ผมฝึกหายใจเข้าออกเวลาเจ็บท้องจะได้ไม่ปวดมากจนทนไม่ไหว
จากนั้นหมอภูมิก็พาผมไปยังห้องผ่าตัด หลังจากที่ทำการบล็อกหลัง(ฉีดยาชาไปรอบๆบริเวณไขสันหลัง)เรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างกายท่อนล่างขยับไม่ได้ ผมเหลือบไปมองคุณชายที่ใส่ชุดป้องกันเชื้อโรคไว้แล้วยืนอยู่ข้างๆผม เขาส่งยิ้มบีบมือไว้
จากนั้นก็ฟอกน้ำยาที่หน้าท้อง โดยคุณหมอสูติเริ่มผ่าตัด
.
.
ผ่านไปไม่นาน ผมรู้สึกตัวทุกอย่างเพียงแค่ไม่รู้สึกเจ็บ หมอกดท้องผมเหมือนพยายามคว้านหาลูกในท้องแล้วเริ่มเอาหัวเจ้าตัวเล็กโผล่ขึ้นมาเป็นลำดับแรก จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นโลหะขนาดใหญ่คล้ายช้อนช้อนตัวลูกออกมา ลูกส่งเสียงร้องนิดเดียวเอง แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน จากนั้นพยาบาลก็พาลูกไปทำความสะอาดตัว แล้วพาลูกมาให้ผมดู ผมเห็นเด็กน้อยตัวแดงๆเปื้อนมอมไปด้วยน้ำคร่ำหลับตาส่งเสียงร้อง เรือนผมสีดำบางๆ ผมมองแวบแรกผมรู้ว่าหน้าตาได้มาทางผม อาจจะยกเว้นจมูกระหว่างนั้นน้ำตามันก็ทะลักออกมาเองเหมือนกับสมองมันสั่งการว่านี่แหละผลงานอันน่าทึ่งของผม
“อยากหอมแก้มลูกไหมคะ”พยาบาลถาม ผมยิ้มแล้วพยายามยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มเล็กๆนั้นเบาๆอย่างไม่รังเกียจ
“ลูกของเราออกมาแล้วนะ”คุณชายพูดกับผมด้วยเสียงเครือๆ ผมแค่ยิ้มเพลียๆ จากนั้นคุณชายก็ต้องออกนอกห้องผ่าตัด ลูกก็ไปอยู่ในตู้ปรับอุณหภูมิว่าตัวเหลืองไหม ส่วนผมนางพยาบาลให้ดมยาสลบและปล่อยให้เจ้าหน้าที่เย็บแผล จากนั้นก็นอนพักฟื้น
.
.
ไม่รู้ว่าผมนอนพักฟื้นไปนานแค่ไหน แต่พอผมลืมตาขึ้นมา หลังจากปรับสายตาแล้วผมก็เริ่มรับรู้ถึงอาการเจ็บแผลผ่าตัดบริเวณท้อง
“กี้...”ผมได้ยินเสียงคุณชายมาจากข้างๆ มืออุ่นของเขาเข้ามากุมมือผมไว้
“....แล้ว...น้องไก๋ล่ะ...”ผมถามหาลูกทันที คุณชายยิ้ม
“...ไม่ต้องห่วงนะ น้องไก๋น้ำหนักน้อยไปหน่อย เลยต้องอยู่ในตู้อบ(NICU – ห้องอภิบาลทารกแรกเกิด) ...”คุณชายพูดปลอบๆ ผมกระพริบตาพยายามทบทวนความคิด ปกติถ้าเด็กไม่มีปัญหาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตู้อบหรอก...
“....น้องไก๋ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”ผมถาม น้ำตาคลอหน่อยๆ พยายามลุกแต่เจ็บแผลผ่าตัดเลยต้องล้มตัวนอนลงต่อ ผมเห็นว่าแม่เดินเข้ามาหา
“น้องแค่ตัวเหลือง ก็เป็นปกติของเด็กแรกเกิดและรอให้ปรับอุณหภูมิร่างกายก่อน แกไม่ต้องคิดมากนะ นอนพักเถอะ เดี๋ยวพยาบาลต้องมาเช็คแผลอะไรอีกนะ กี้”แม่พูดเบาๆ ผมมองหน้าคุณชายที่ดูเซียวๆ
“...ก็ได้....”
“ไม่ต้องกังวลนะกี้ ผมไปดูลูกมาตลอดแหละครับ หมอก็บอกว่าให้นอนอีกสามสี่วันก็ออกมาได้...”คุณชายยิ้มลูบหัวผมเบาๆเหมือนปลอบประโลม ผมถอนหายใจรู้สึกเพลียและเจ็บแผลมากด้วยเลยนอนหลับตา
“...คุณชายครับ...”ผมเรียกแผ่วๆ
“ว่าไงครับกี้”คุณชายถามใกล้ๆ ผมยังรับรู้ความอบอุ่นที่ฝ่ามือ
แต่ผมเจ็บแผลมาก หลังเย็บแผลไปแล้วตอนนั้นผมหลับๆตื่นๆไม่ค่อยได้สติเท่าไหร่ ยังไม่เจ็บเท่านี้เลย
“...ช่วยอยู่ใกล้ๆผมจนกว่าผมจะตื่นขึ้นมาได้ไหม...”ผมบอก มองหน้าคุณชาย ผมนิ่วหน้า ไม่รู้ว่าจะหลับลงหรือเปล่า
“ครับ ถ้ากี้ตื่นมาผมก็จะอยู่ตรงนี้แหละครับ”คุณชายยิ้ม จากนั้นพยาบาลก็มาวัดความดันและอุณหภูมิของร่างกายทุกชั่วโมงและให้ยาผ่านสายน้ำเกลือ จนผมเผลอหลับไปด้วยฤทธิ์ยา....
แต่ห้วงสติสุดท้าย ผมยังคงจำภาพลูกน้อยของผมได้ดี กับคุณชายที่อยู่ข้างผมตลอด แค่นี้ก็พอให้ผมไม่ทนต่อความเจ็บของแผลผ่าตัดได้....
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@TBC@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
มาอัพแล้วค่ะ ในที่สุดก็คลอดน้องไก๋ออกมาแล้ว เย้ๆๆ
เจอกันตอนหน้าค่ะ ขอบคุณทุกคนเลยค่ะ