► หลง (มา) รัก ◄ เขาเรียกผมว่าหลง+แจ้งข่าวเปิดจอง [UP! 19/06/60] p.37
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► หลง (มา) รัก ◄ เขาเรียกผมว่าหลง+แจ้งข่าวเปิดจอง [UP! 19/06/60] p.37  (อ่าน 334053 ครั้ง)

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ขอบคุณคุณอโณที่ช่วยสั่งสอน ปรบมือให้รัวๆเลยค่ะ แล้วหมาหลงนี่ยังไงโดนลูบหัวแค่นี้ก็ฟินไปสิ ฮ่าๆ หลงเอ้ยยย อะไรมันจะมักน้อยแบบนั้นหือ?

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
คุณอโนเป็นลูกผู้ชายตัวจริง พูดน้อยต่อยหนัก คุณหมักคงเข้าใจ  :m20:

ออฟไลน์ san

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ชอบคุณอโณมุมนี้จริงจังงง ฮิ้วว  :impress2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คุณอโณสอนได้ดีค่ะ เอาให้รู้สำนึกเลยนะคะ น่าจะจัดให้หนักมากกว่านี้นะคะคุณอโณ

คนอะไรไม่รู้จักสำนึกบุญคุณของพ่อแม่บ้าง ท่านกำลังเจ็บไข้ได้ป่วยแบบนี้ยังจะห่วงงานอีก แย่จริงๆ

ออฟไลน์ Tequila

  • I am a follower KiHae.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ุดยอดดดดดดดด

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


หลงโชคดีมากที่ได้เห็นคุณอโณทุกมิติ
ทีนี้ล่ะ ความรักที่เพาะบ่มในใจก็จะเป็นรักที่ยั่งยืนยาวนาน
อย่างน้อย ๆ หลงมันก็จะรู้แหละว่าคุณอโณมีหลักในการดำเนินชีวิตยังไง เนื้อแท้แล้วเป็นคนแบบไหน

ที่สำคัญ... เวลาเผลอตัวทำผิดจนคุณอโณเกิดโมโหจนเบ่งพลังดาวไซย่าที่ติดตั้งมาแต่เกิดมาลงโทษ
หลงจะได้รู้ล่วงหน้าว่าควรติดต่อโรงพยาบาลเลยดีไหม  หรือจะใช้เครื่องมือปฐมพยาบาลที่มีติดบ้านรักษาตัวเองพอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ป้ารักคุณอโณมากเลยค่ะจุด ๆ นี้  นี่ไง... ควาญช้างของจริง - แม่ก็คือแม่!
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
น่าจะอัดหนักๆกว่านี้หน่อย
หลงจะทำยังไงต่อไปหนอ เวลาแข็งอีก
 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
อโณสุดยอด นึกว่าจะไม่ทำอะไรซะแล้ว สมน้ำหน้านายหมัก โดนเต็มๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
ความทรงจำที่ 15

   สั่นเป็นลูกหมาตกน้ำคงเป็นอาการแบบนี้สินะ

   หงัก ๆ ๆ   เก้าอี้สั่นส่งเสียงกึก ๆ

   “หลง  อย่าเขย่าเก้าอี้สิ”
   เฮือก!  เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง “ขะ...ขอโทษครับ!”
   อโณชาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ   รู้สึกฉุนเฉียวเสียจนอยากสูบบุหรี่สักมวน  แต่เขาให้สัญญากับแม่ไว้  ว่าจะเลิกบุหรี่หลังจบมหา’ลัย  เพื่อนหลาย ๆ คนในคณะเองก็สูบกันเพื่อคลายเครียดจากกองหนังสือสูงท่วมหัว  โชคดีว่างานที่ทำอยู่ปัจจุบันมันไม่ได้เครียดขนาดนั้นแล้ว
   “คุณอโณ...” คนข้างตัวเรียกด้วยเสียงสั่น ๆ
   อโณชาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ “คือว่าเมื่อกี้...”
   “เมื่อกี้เท่มากเลยครับ”
   “ห้ะ?”

   หรือบางทีอาจเครียดมากกว่าสมัยเรียน

   “ใจผมเต้นตึกตักไปหมดเลย” วิ้ง ๆ ๆ   ตาลูกหมาทอประกายความปลาบปลื้มแทบทรุดตัวลงไปเกาะแข้งเกาะขา  อกซ้ายเต้นตึกตักแทบหลุดออกมา  สีหน้าเครียดขึงของคุณอโณเมื่อครู่ยังวนเวียนในหัว  ดวงตาแข็งกร้าวนั่นก็ดี  พลังหมัดสุดแข็งแกร่งนั่นก็ดี  มันยกนิ้วโป้ง “หล่อมากเลยครับ”
   “เอ่อ...ขอบคุณ” จะให้ตอบอะไรไปมากกว่านี้ล่ะ  เขาชมมาก็ขอบคุณไปสิ “พอหลงพูดแบบนี้แล้ว  ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาเลยแฮะ”
   “ผิดที่ทำให้ผมใจเต้นเหรอครับ”
   “ผิดที่ใช้ความรุนแรง” โวะ!  ช่วยคิดอะไรให้มันตรงตรรกะมนุษย์ปกติเถอะ  หลงเอ๊ย!  อโณชากุมขมับ “พอเจอเรื่องแบบนี้แล้วใจร้อนไปหน่อย”
   “อืม” ถึงหลงจะดีใจที่ได้เห็นคุณอโณเท่ ๆ   แต่มันก็ออกจะรุนแรงระดับเด็ก  สตรีมีครรภและคนชราไม่ควรดูจริง ๆ นั่นแหละ  โดยเฉพาะคนแก่ที่ชื่อสมาน  ถ้าลุงรู้ว่าลูกชายสุดที่รักโดนคุณอโณสอยร่วงก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน “โมโหมากเลยเหรอครับ”
   “มาก” มากเสียจนคุมอารมณ์ไม่อยู่เลยล่ะ
   “ทำไมเหรอครับ?”
   “ก็มัน...” อโณชาชะงักราวกับสิ่งที่จะหลุดออกจากปากเป็นคำต้องห้าม  จึงรีบกลืนกินมันเข้าไป “ไม่มีอะไรหรอก  แค่การกระทำของเขามันไม่ไหวเลย”
   “นั่นสิครับ” หลงพยักหน้า “ว่าแต่เราออกมาแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอครับ”
   “ขอฉันสงบสติอารมณ์สักพักแล้วจะกลับเข้าไปนะ” ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มที่ดูอ่อนแรง “หลงไปดูคุณลุงก่อนเถอะ”
   “คุณอโณไม่เป็นไรแน่นะครับ” จะให้ทิ้งไว้ในสภาพนี้หลงก็รู้สึกผิด “ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนก่อนไหม?”
   “ฉันแค่ทำหัวให้เย็นลงเฉย ๆ”
   “หมายถึงสระผมใช่ไหมครับ!  ถ้าอย่างนั้นผมสระให้ได้  เก๋ากี้ผมยังอาบน้ำให้ได้เลยครับ”
   “อุบ” ก้อนความหงุดหงิดทะลักออกทางปากแทบจะหลุดออกมาเป็นเสียงหัวเราะ  โชคดีที่กลืนมันลงคอได้ทัน  อโณชาส่ายหัว “หลงเอ๊ย!”
   “เอ๋?  ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอครับ”
   “ช่างเถอะ  ไปดูคุณลุงเร็ว  ไม่มีคนอยู่ด้วยเดี๋ยวแกใจเสีย”
   “ครับผม” หลงพยักหน้าอย่างแข็งขัน “รีบตามมานะครับ  ไม่อย่างนั้นผมจะคิดถึงมาก”

   อ่อกกกกกกกกกกกกก
  อยากจะหันไปโก่งคอขย้อนของในท้องให้รู้แล้วรู้รอด  การใช้ภาษาของหลงอยู่ในระดับเดียวกับเด็กประถมหรือไง  ถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา!

   เลยเป็นอันต้องปวดหัวตุบ ๆ ไปกันใหญ่  ไอ้เส้นประสาทที่ข้างขมับนี่ไม่รู้ว่าเครียดเรื่องเมื่อครู่หรือเรื่องเด็กในความดูแลมากกว่ากัน  อโณชาถอนหายใจออกมายาว ๆ   ปล่อยความคิดมากมายในหัวสมองให้ค่อย ๆ ระบายออกมา  เรื่องราวบางอย่างที่ทำให้เขาพูดกับตัวเองว่า

‘เขาเองก็ไม่มีสิทธิไปว่าใครหรอก’

........................................................
...................................
.................
.........

   จะว่าเหี้ยมหรือเด็ดขาดดี  หลังโดนสอยร่วงสมัครก็กลับไปทำงานต่ออย่างปากว่าจริง ๆ   พอหลงกลับขึ้นไป  คุณพยาบาลสาวก็เล่าให้ฟังว่าพ่อลูกชายนั่งพักให้หายจุกแค่ครู่เดียว  แล้วก็กลับไปเลย  เมื่อจบแบบนี้หลงเลยต้องตามคุณพยาบาลไปห้องตรวจของลุงสมานแทน
   อาการของลุงถือว่าทรงตัว  ด้วยร่างกายที่แข็งแรงเพราะชอบฝืนสังขารอยู่บ่อยครั้ง  ทำให้คุณหมอลงความเห็นว่าพร้อมจะผ่าตัดได้  หลังถูกบังคับด้วยสายตาจากอโณชาและคุณหมอ  สุดท้ายลุงสมานก็ยอมจรดปากกาเซ็นยินยอม  กำหนดการณ์ผ่าตัดคือวันถัดไป
   หลงนอนเฝ้าลุงสมานในคืนนั้น  ชวนคุยโน่นนี่นั่น  แถมยอมนั่งให้ลุงด่าและบ่นได้ตามสบาย  ลุงก็ร่าเริงดีหรอกเวลาได้ด่าคน  แต่เผลอลุกไปฉี่หรือแอบดูทีวีเมื่อไหร่หลงก็แอบเห็นแกทำหน้าเศร้าอยู่ร่ำไป  เขาเองก็ทำได้เพียงชวนแกคุยโน่นนี่ให้คลายเหงาบ้างเท่านั้น

   “เอ็งว่าผ่าตัดมันเจ็บไหมวะ”
   “เจ็บสิครับลุง  ขนาดผมหัวโนเฉย ๆ ยังเจ็บแทนแย่”
   “บ๊ะ!  ไอ้นี่พูดจาไม่ให้กำลังใจเลยว้อย” ลุงอยากจะหาอะไรมาปาหัวมันสักที  ความซื่อของมันอยู่ในระดับลึกถึงเซลล์สมองและไขสันหลัง
   “เอ่อ  งั้นเจ็บนิดหน่อย”
   “ไม่ทันแล้วโว้ย” ยิงมุกผิดจังหวะมันน่าฟาดด้วยถาดสักที  สมานหันหน้าออกไปยังหน้าต่าง  วันนี้แดดแรงแผดเผาเสียจนน่ากลัว  ขนาดว่าอยู่ในห้องแอร์แต่ถ้าไปนั่งริมหน้าต่างมีหวังเหงื่อออกแน่ ๆ   อากาศแบบนี้คงไม่มี ‘ใคร’ อยากขับรถมาโรงพยาบาลไกล ๆ หรอกมั้ง “เปิดทีวีซิ”
   “ทีวีเหรอครับ  สักครู่นะครับ” เมื่อได้รับคำสั่ง  ไอ้หนุ่มขี้ข้าก็รีบวิ่งโร่ไปหยิบรีโมตมาให้ทันที “มาแล้วคร้าบ~”
   มือเหี่ยว ๆ ยกขึ้นรับอุปกรณ์แบน ๆ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามากดปุ่ม  ปลุกห้องที่เงียบกริบให้มีเสียงหัวเราะจากซีรีส์ซิทคอมที่กำลังออนแอร์อยู่  เห็นลุงสนใจคนในจอหลงจึงล่าถอยกลับไปนั่งข้าง ๆ อโณชาดังเดิม
   อโณชานั่งอยู่บนโซฟาและมีแมกกาซีนอยู่ในมืออีกเช่นเคย  วันนี้เขาไม่มีปากเสียงใด ๆ เนื่องด้วยความรู้สึกผิดต่อคนป่วยที่ไปตั๊นหน้าลูกชายสุดรักสุดหวงของแก  ขาที่ไขว้กันเปลี่ยนข้างปรับท่านั่งอีกครั้งขณะเหลือบตามองเข็มนาฬิกาบนผนังฝั่งตรงข้าม  อีกนิดเดียวเวลาผ่าตัดก็จะมาถึงแล้ว

   แต่ยังไร้วี่แววของลูกชาย

   ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นเกือบเหนือศีรษะ  ชายแก่มองเรื่องตลกในจอด้วยสายตาว่างเปล่า  ทั้งที่ปกติเป็นคนเส้นตื้น  มุกห้าบาทสิบบาทก็ยังขำแท้ ๆ   เสียงหัวเราะปลอม ๆ ในโทรทัศน์ไม่อาจเข้าถึงโสตประสาทได้  สมานไม่รับรู้อะไร  ความกลัวคืบคลานมาใกล้เพียงปลายจมูก  มือแห้งเหี่ยวบีบรีโมตจนสั่นไปหมด
   เขากลัว  กลัวเหลือเกิน
   ปากเก่งอวดดีไปก็เท่านั้น  ตอนนี้ให้ยืนก็คงยืนไม่อยู่  การผ่าตัดมันน่ากลัวสำหรับชายชรานัก  อุปกรณ์เครื่องมือมากมาย  ใบมีดแหลม ๆ   กลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุนจมูก  น่ากลัว  น่ากลัวเหลือเกิน  แล้วถ้าเขาหลับไปโดยไม่ได้ฟื้นขึ้นมาล่ะ  ถ้าเขาไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกครั้ง...

   “ฮึก...” ฟันบิ่น ๆ งับลงบนริมฝีปากกลั้นก้อนสะอื้นที่จุกตรงคอ  ทว่าความกลัวที่ท่วมท้นมันกำลังกลั่นตัวเป็นน้ำใส ๆ ที่นองอยู่ตรงเบ้าตาลึกโหล
   “ลุงครับ!” หลงรีบโผเข้ามาที่ข้างเตียง  ก่อนอโณชาจะทันลุกขึ้นเสียอีก “ลุงเป็นอะไรครับ?  เจ็บหลังเหรอ”
   ชายชราส่ายหน้าไม่ยอมตอบ  เขาไม่ได้เจ็บหลัง  หรือบางทีให้เจ็บหลังจนร้องไห้ยังดีเสียกว่า
   “ทำไงดีครับคุณอโณ  เรียกคุณพยาบาลตอนนี้เลยดีไหมครับ” หลงลนลานคว้ากริ่งในมือหันมาขอความเห็นจากอีกคน  ไม่ทันจะอ้าปากเสียงแหบแห้งก็ตอบขึ้นมาก่อน
   “มะ...ไม่ต้อง  ข้าไม่ได้เจ็บหลัง” ลุงสมานยกมือที่ปุ่มกระดูกปูดโปนขึ้นปาดน้ำตาราวกับจะทำลายหลักฐาน “เอ็งไปนั่งเถอะ”
   “ได้ยังไงล่ะครับ  ลุงบอกผมมาก่อนสิว่าเป็นอะไร” ความห่วงใยจากคนที่ไม่ใช่ลูกหลานทำเอาสมานจุกแน่นไปทั้งอก  ทั้งที่ควรจะดีใจแต่น้ำตากลับไหลออกมามากกว่าเดิม  ความน้อยเนื้อต่ำใจที่กักเก็บมานานพังทลายลงมาต่อหน้า
ขนาดไม่ใช่ลูกใช่หลานมันยังมีน้ำใจให้ถึงเพียงนี้  แล้วคนเป็นลูกล่ะ?
   สมานสะอื้นแรงขึ้นจนหลงต้องหันไปขอความเห็นอโณชาที่ตั้งสติได้ก่อน  ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนแก่ “เข้าใจแล้วครับ  ผมจะไม่เรียกพยาบาลแล้ว  แต่ก่อนอื่นคุณลุงค่อย ๆ หายใจนะครับ”
   เสียงลมหายใจหนัก ๆ เมื่อครู่ค่อย ๆ บรรเทาลง  สมานพยายามทำตามที่อโณชาบอก  ลมหายใจของชายแก่ค่อย ๆ กลับสู่สภาวะปกติ  รวมไปถึงน้ำตาที่เหือดแห้งลงด้วย
   “ดีมากครับ” อโณชาไม่ได้ดุลุงสมานเหมือนก่อนหน้านี้  น้ำเสียงเขาอ่อนโยนกว่าปกติด้วยซ้ำ “ฟังนะครับ  ถ้าคุณลุงไม่บอกว่าเป็นอะไร  ผมก็จะไม่เซ้าซี้ถาม  แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น  ผมกับหลงก็ช่วยอะไรคุณลุงไม่ได้เหมือนกันนะครับ”
   คำเกลี่ยกล่อมที่แสนธรรมดา  แต่สำหรับชายชรามันเหมือนเชือกที่ต้องคว้าเอาไว้
   “ข้า...” สมานอึกอักอยู่ชั่วครู่ “ข้าไม่อยากผ่าตัดแล้ว”

   “ไม่ได้นะพ่อ!” เสียงบุคคลที่สี่จากหน้าประตูเรียกสายตาคนทั้งห้องให้หันขวับกลับไป  ช่องสี่เหลี่ยมตรงนั้นปรากฏร่างของสมัคร  ไม่ทันจะอ้าปากชายหนุ่มก็พุ่งตัวเข้ามาประชิดข้างเตียง “ยังไงก็ต้องผ่าครับ  จะปล่อยให้มันเรื้อรังแบบนี้ไม่ได้”
   สมานมองหน้าลูกชายเพียงคนเดียว  คนเดียวที่เขาคิดถึง  มันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ  ชายชรากัดกลืนก้อนสะอื้นที่ย้อนออกมาไม่ไหวอีกต่อไป “ฮึก...”
   “พ่อ!  พ่อ!  อย่าร้องไห้สิ” สมัครลนลานคว้ากระดาษทิชชูมาให้ “ผมมาแล้วพ่อ”
   “คุณหายไปไหนมาครับ” สมัครหน้าถอดสีไปเล็กน้อยเมื่อเห็นคู่กรณีคราวก่อนเกาะขอบเตียงฝั่งตรงข้าม “ทำไมไม่มาดูแลคุณลุงเลย”
   “ฟะ...ฟังผมก่อนนะครับ  เรื่องนี้ผมอธิบายได้” เซลหนุ่มพูดเสียจนลิ้นพันกัน  มองมือขาว ๆ ที่เคยฮุคเข้ามาแล้วแข้งขาอ่อน “ผะ...ผมไปเคลียร์งานมา”
   อโณชาเลิกคิ้ว
   “ผมลางาน!  ลาทั้งอาทิตย์เลย”
   “บอกพ่อคุณสิ  มาบอกผมทำไม”
   สมัครเองก็งงตัวเองว่าทำไมต้องไปรายงานคนแปลกหน้าอย่างอโณชาด้วย  เขาส่ายหัวแรง ๆ ก้มมองชายชราบนเตียง  ใบหน้าอิดโรยยับย่นอาบน้ำใส ๆ ในสองเบ้าตา  กระนั้นลุงสมานกลับยิ้มออกมาจากดวงตา  ความรู้สึกผิดพุ่งพล่านในหัวจนแสบจมูก  สมัครกลืนมันลงคอ

   “ต่อจากนี้ผมจะมาเฝ้าพ่อนะ”
   “อื้อ” ลุงสมานพยักหน้าหงึกหงัก  ดูน่าขันและน่าสงสารในคราเดียวกัน  ไม่ต้องมีคำซึ้ง ๆ อะไรออกจากปาก แค่เห็นหน้าลูกชายแกก็มีกำลังใจมากมายแล้ว
   “พ่อ...เอ่อ...” สมัครหลบตา “ผ่าตัดนะพ่อ  จะได้หายไว ๆ”
   “เออ”
   “ผมไปเรียกพยาบาลให้นะ  ใกล้จะได้เวลาแล้วนี่” สมัครทำตัวไม่ถูกรีบหันซ้ายหันขวา  ทว่าจังหวะจะเอาตัวรอดดันถูกไอ้หนุ่มตกกระช่วงชิงไป
   “เมื่อกี้ผมไปเรียกให้แล้วครับ” หลงตอบตาใสซื่อ

   อะ...ไอ้นี่  นอกจากตัดช่องทางหนีความอึดอัดแล้วยังแย่งหน้าที่ลูกไปอีกแหนะ  สมัครหน้าซีดเผือด  คำว่า ‘ไอ้ชั่ว’ สลักติดกลางหน้าผากลึกลงไปอีก  ลบก็ไม่ออก  จะให้กลับมาแบบพระเอกมันก็หน้าด้านเกินไป  สถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนใจนี่จะทำยังไงดีวะ  แล้วนี่ไม่คิดจะมีใครพูดอะไรหน่อยเรอะ!

   “เอ่อ...  พ่อหิวน้ำไหม  เดี๋ยวผมไปรินมาให้”
   “ก่อนผ่าตัดห้ามดื่มน้ำครับ” ฉึก!  ถ้อยคำจากอโณชาเหมือนเขียนคำว่า ‘โง่’ ข้าง ๆ ‘ไอ้ชั่ว’ เมื่อครู่
   “ถ้าอย่างนั้นดูทีวี...”
   “ก็เปิดอยู่นี่ครับ”  ฉึก! ไอ้หน้ากระกลับมาแทงซ้ำอีกแผล  โชคดีที่มันไม่แสยะยิ้มอย่างผู้ชนะให้เขาดูโง่ไปมากกว่านี้  สมัครคว้าขอบเตียงไว้ไม่ให้เดินเซเพราะพิษบาดแผล

   เขารู้ว่าตัวเองไม่ดี  ทำแต่งานจนไม่ได้มาสนใจดูแลพ่อ  มันเป็นความคิดตื้น ๆ ของคนกำลังจะพ้นวัยรุ่น  พ่อมีเงินบำนาญแถมยังที่เขาส่งไปให้ทุกเดือนก็ไม่ใช่น้อย  เขาคิดแค่ว่า ‘เท่านี้ก็น่าจะอยู่ได้นี่’
   แต่เมื่อได้เห็นพ่อน้ำตานองหน้าก็รู้ว่าคิดผิด  แค่เงินน่ะ  มันไม่พอหรอก  มันไม่พอเลยจริง ๆ   แล้วไอ้ความรู้สึกผิดเต็มอกนี่ก็ไม่รู้จะระบายออกยังไง  จนกระทั่งโดนอัดท้องเมื่อวันก่อนนั่นแหละ  ถึงได้รู้ว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะชดใช้ความผิด  ที่ไหนได้พอมาอยู่ตรงนี้กลับพูดอะไรไม่ออกเสียอย่างนั้น  ลูกผู้ชายกับพ่อนี่พูดกันยากชะมัด...

   “ไอ้หมักเอ๊ย” เสียงแหบแห้งเรียกไอ้คนคิดเยอะออกจากภวังค์
   “คะ...ครับ?”
   “เอ็งไม่ต้องมาเฝ้าทุกวันหรอก” ลุงสมัครอ้อมแอ้ม  แกเองก็ขัดเขินกับบรรยากาศพ่อลูกผูกพันไม่น้อย  ดวงตาขุ่นหลบวูบ “แต่มาบ้างก็ดี”

   น่าแปลกที่สมัครยิ้มออกมา “ขอโทษที่ไม่มาดูนะพ่อ”
   “เออน่า  พูดมากนะเอ็ง”

   อโณชาดึงแขนเสื้อไอ้หลงให้ออกจากห้องไปด้วยกันเงียบ ๆ
   น่าจะปล่อยให้เป็นเวลาของพ่อลูกเขาล่ะ

............................................................
.................................
...............
........


   “ผมล่ะนึกว่าคุณอโณจะสอยลูกลุงร่วงอีกสักรอบ”
   “บ้าเหรอ  ฉันไม่ใช่พวกชอบใช้ความรุนแรง” แต่สีหน้าคุณอโณตอนนั้นสะใจมากนะครับ “แค่นั้นก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว”
   “เหรอครับ”
   “ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยเลยนะ”
   “แฮะ ๆ ๆ” นี่เริ่มเสียว ๆ คุณอโณจะหันมาสอยมันร่วงไปอีกคนไหม  เห็นยิ้ม ๆ แบบนี้มือหนักใช่ย่อยนะเนี่ย “เออ  คุณอโณลางานช่วงบ่ายใช่ไหมครับ”
   “ลาติดกันจนโดนมองค้อนเลยล่ะ” ภาพแพรตอนบ่นไม่หยุดที่ทิ้งหล่อนไว้คนเดียวลอยขึ้นมาในหัวทันที “จะว่าไปกลับไปตอนนี้ก็คงทันอยู่นะ”
   “คะ...คือ...” หลงอ้าปากพะงาบ ๆ “เมื่อคืนลุงฝากให้ผมเข้าไปรดน้ำต้นไม้ที่หลังบ้านน่ะครับ  แกฝากกุญแจสำรองมาด้วย” ว่าแล้วมันก็ควักออกมาโชว์
   “งั้นฉันแวะไปส่งหลงก่อนไหม”
   “ผะ...ผมอยากให้คุณอโณไปด้วย” ดวงตาเรียวฉาบความอ้อนวอนเต็มที่ “นะครับ  ไปด้วยกันนะ”

   เลิกทำสายตาแบบนั้นได้แล้วน่า  อโณชาพ่ายแพ้มันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ตั้งแต่เผลอเก็บกลับบ้านแล้วไม่ใช่หรือไง  แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ “รถจอดอยู่ชั้นล่างน่ะ”

   หลงเริงร่าเดินตามเขาต้อย ๆ ลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถด้วยกัน  อโณชาพร่ำบอกตัวเองไปตลอดทางว่าเขาไม่ได้มาเพราะหลง  แต่เพราะขี้เกียจกลับเข้าไปทำงานหรอกนะ  ยานพาหนะสีดำทะยานสู่ท้องถนนไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงที่หมาย  อาจเพราะนี่ไม่ใช่เวลาสัญจร  อโณชาจอดรถตรงข้างฟุตปาธที่ประจำแล้วเปิดประตูรถออกมา

   “คุณลุงเขาน่าจะไว้ใจหลงมากเลยนะ  ถึงได้ฝากกุญแจสำรองไว้แบบนี้”
   “ไม่น่าจะใช่มั้งครับ” หลงว่าขณะล้วงหากุญแจในกระเป๋ากางเกง “ลุงบอกว่าบ้านแกไม่มีอะไรให้ขโมย  แถมผมยังโง่  ไม่น่าจะมีปัญญาทำอะไร”
   นี่นอกจากไม่ได้ไว้ใจแล้ว  ลุงน่าจะเกลียดหลงเลยว่ะ  อโณชาครุ่นคิดแต่ไม่กล้าพูดออกไป  เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกกุญแจทำงานตรงกลอนประตู

   แกร๊ก
   กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านโชยเข้ามาเตะจมูกก่อนเป็นอย่างแรก  หลงเอามือคลำหาสวิตช์ไฟชั่วครู่ก่อนจะจุดให้ห้องด้านหน้าสว่างขึ้น  บ้านลุงสมานยังรกไม่ต่างจากคราวก่อน  อาจจะดีขึ้นนิดหนึ่งที่มีลูกค้าทยอยมารับเสื้อผ้าที่ซักเสร็จกลับไปบ้างแล้ว  เลยทำให้ทางเดินเข้ากว้างขวางขึ้นเยอะ
   “คุณโณนั่งรอก่อนก็ได้นะครับ  ผมรดน้ำไม่นานหรอก”
   “ฉันไปช่วยก็ได้นะ  จะได้เสร็จเร็ว ๆ ไง”

   ชะ...ช่วยอะไร  เสร็จอะไร...

   “หลง  เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว” บางทีการใช้ภาษาของหลงก็น่ากลัวจนตัวมันเองยังตกใจ  มันส่ายหัวแรง ๆ “ให้ฉันช่วยเถอะ  ต้นไม้ตั้งเยอะแยะ”
   “ไม่เยอะขนาดนั้นหรอกครับ” ขายาว ๆ เริ่มก้าวนำเข้าไปยังหลังบ้านอันเป็นโอเอซิสของลุงสมาน  หลงเลื่อนบานประตูออก  เป็นจังหวะเดียวกับที่โมบายด้านบนส่งเสียง “ดูสิ  แดดร้อนขนาดนี้  แถมเสื้อผ้าคุณอโณก็แพง ๆ ทั้งนั้น  เดี๋ยวเลอะเทอะนะครับ”
   “แค่รดน้ำมันจะไปเลอะอะไร”
   “เอ๊~  คุณอโณอย่าดื้อสิครับ” ไอ้หลงถือวิสาสะกดไหล่อีกฝ่ายให้นั่งลงตรงที่นั่งประจำของลุง “ผมกินเงินเดือนลุงอยู่  ผมจะทำคนเดียวครับ”
   เหตุผลที่ยกมาอ้างทำอโณชาพ่ายแพ้ไปอีกครั้ง  เขาไม่กล้าทำลายความตั้งใจของหลงหรอก  คิดได้ดังนั้นก็ยอมนั่งนิ่ง ๆ มองคนเสียความทรงจำมุดเข้าพุ่มไม้ไปต่อสายยางเข้ากับก๊อกน้ำ  เสื้อยืดลายการ์ตูนที่อโณชาซื้อให้ชื้นหยดเหงื่อขึ้นมาทันที  แค่ขยับตัวไม่นานแท้ ๆ   ดูท่าอากาศวันนี้จะเลวระยำจริง ๆ

   “คุณลุงดูแลสวนกว้างขนาดนี้  อาการกำเริบก็ไม่แปลกหรอก” เขาบ่นพึมพำ  แต่มีหรือจะรอดหูหลง
   “อย่าว่าแต่สวนเลยครับ  ไหนจะงานซักผ้าอะไรของแกอีก  ขนาดจ้างผมมาแล้วก็ยังชอบมายกนู่นยกนี่โชว์ตลอด”
   “ลูกก็ไม่ใส่ใจเอาซะเลย” เขาส่ายหัว “แย่ชะมัด”
   “ผมคิดมานานแล้วนะครับ” อยู่ ๆ เสียงอีกฝ่ายก็จริงจังขึ้นมา  หลงดึงตัวออกมาจากพุ่มไม้  หันมาเผชิญหน้ากับอโณชา “ทำไมคุณอโณถึงได้โกรธขนาดนั้นล่ะครับ?”

   คำถามที่เคยถูกถามย้อนกลับมาอีกครั้ง  อโณชาหลบตาวูบ  ทำไมเขาจะต้องไม่กล้าตอบคำถามของหลงด้วยล่ะ?

   “กะ...ก็เขาไม่ยอมมาดูแลพ่อนี่นา”
   “ครับ  ผมรู้ว่าคุณสมัครก็ผิด” คนตกกระพยายามหันองศาให้อโณชายอมสบตาด้วย ทว่าเปล่าประโยชน์ “แต่ผมไม่คิดว่าจะต้องโกรธมากมายขนาดนั้น”
   “.......”
   “ผมเพิ่งเคยเห็นคุณอโณเป็นแบบนี้  ทั้งที่ปกติออกจะเยือกเย็นแท้ ๆ   นี่ถึงขั้นลงไม้ลงมือเลยนะครับ  เลยคิดว่ามีเหตุผลอื่นหรือเปล่า” ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป  แต่หลงผู้ใสซื่อในการถามคำถามนั้นยังคงเส้นคงวาเสมอ  ไม่คาดคั้น  ไม่ได้หวังคำตอบ  แค่สงสัยแล้วก็ถามเท่านั้นเอง “เอ่อ...ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะครับ”
   “อืม” อโณชาพยักหน้าตอบรับ  ทว่าแววตาที่เศร้าหมองนั้นทำเอาหลงปวดแปล๊บ ๆ ขึ้นมาที่อก  นึกอยากตบปากตัวเองที่ถามอะไรแบบนั้นออกไป  ในเมื่อตอนนี้คุณอโณไม่อยากพูด  เขาเองก็จะไม่รบเร้าอะไร

   อโณชาชันเข่าขึ้นกอดแล้วเอาคางเกยบนนั้น  มองสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าปล่อยความคิดให้ล่องลอยออกไปไกล  จิตใต้สำนึกกดความทรงจำบางอย่างเอาไว้ให้ลึกลงไปอีก  อย่าคิดถึงมันอีกเลย  อย่าให้มันกลับขึ้นมาอีกครั้ง
   “คุณอโณครับ”
ดวงตาโศกตวัดขึ้นจากภวังค์
“ดูนี่สิครับ  ตรงนี้ผมปลูกเองด้วย”
“หือ?” หัวข้อสนทนาน่าสนใจเรียกให้คนตัวสูงที่ชานบ้านยันตัวลุกขึ้น  สวมรองเท้าแตะเก่า ๆ แล้วลากขาไปหาคนตกกระที่นั่งยอง ๆ โบกมือเรียกอยู่
“ลุงชมด้วยนะครับว่าผมขุดดินเก่งมาก  บางทีอาจจะเป็นคนสวนเก่าก็ได้”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอ” อโณชายืนค้ำอยู่ด้านบนก้มมองต้นไม้ตรงหน้า  ไม้พุ่มขนาดเล็กมีใบปลายเรียวแหลมเหมือนหอกเรียงตัวยาวไปราวสี่ห้าเมตรของรั้ว
“สวยไหมครับ?” หลงถามย้ำราวกับจะอวด  ทั้งที่ต้นสีเขียวล้วนตรงหน้าไม่ได้มีความสวยเลยสักนิด  คิดได้ดังนั้นคนอยากได้คำชมก็เสริมต่อ “อ๊ะ!  ตอนนี้อาจจะไม่สวย  แต่ลุงบอกว่ามันจะออกดอกช่วงกันยาตุลาด้วยล่ะครับ”
“ต้นอังกาบ?”
“คุณอโณรู้จักด้วยเหรอครับ”

รู้จักสิ  รู้จักดีเลยล่ะ


‘อโณชาแปลว่าต้นอังกาบไงล่ะ’

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

…………………………………………………………….
…………………………………………..
…………………………
……….


   รั้วไม้ยาวจรดสองข้างห้อมล้อมไปด้วยสีเขียว  บ้านสองชั้นหลังเล็ก ๆ แทรกตัวอยู่ตรงกลางพื้นที่สี่เหลี่ยม  ต้นไม้ใหญ่ริมรั้วให้ความสงบร่มรื่นไปตลอดแนว  ทว่ากลับมีไม้พุ่มเตี้ยแทรกตัวอยู่เป็นทิวแถว
   “ดอกก็นาน ๆ ออกที  แต่แม่ยังเอามาลงเพราะแค่ชื่อเหมือนผมเนี่ยนะครับ?” อโณชาในวัยยี่สิบสี่พูดปนขำ “ถือเคล็ดอะไรหรือเปล่านี่”
   “เคล็ดบ้าอะไรล่ะ  ต้นมันสวยดีก็เลยเอามาแซมลง” หญิงสาวเท้าเอวเถียง “อีกอย่างถ้ามันไม่สวยแม่คงไม่เอามาตั้งชื่อลูกหรอกมั้ง”

   ‘บ้านสวน’ คือคำที่เขาใช้เรียก ‘บ้าน’ ในตอนนั้น  ต้นไม้ร่มรื่นจนเกือบรกชันในกรุงเทพฯจัดว่าหายากเลยทีเดียว  แม่ของอโณชาชื่อ ‘ช่อผกา’   ไม่รู้ว่าชอบต้นไม้ดอกไม้เพราะชื่อตัวเองด้วยหรือเปล่า  หญิงสาววัยสี่สิบปลาย ๆ เหยียดหลังตรงสง่างาม  หล่อนดูดีในชุดสูทเสริมไหล่  เส้นผมสีดำถูกรวบเป็นหางม้าด้านหลังเผยให้เห็นเครื่องหน้าอันสวยงาม  แม้จะมีริ้วรอยแห่งวัยแต่เธอก็ยังสวยเสมอสำหรับอโณชา
   หลังจากพ่อเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนอายุสิบสอง  อโณชาก็อยู่กับแม่สองคนมาตลอด  ญาติผู้ใหญ่ก็มีมาเยี่ยมเยียนบ้างตามเทศกาลสำคัญต่าง ๆ   ทว่าแม่เขาไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ  หากพูดถึงเพื่อนสนิทแล้ว  อาแสงที่อยู่ข้างบ้านยังจะสนิทกันเสียกว่า  ช่อผกาเป็นเลขาในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง  เงินเดือนมากพอจะส่งเสียเลี้ยงลูกจบปริญญาไปพร้อมกับผ่อนบ้านส่วนที่เหลือได้  เรียกได้ว่าเป็นเวิร์กกิ้งวูแมนที่เก่งพอตัว

“เนคไทเบี้ยวแหนะ” คนเป็นแม่ว่าขณะเอื้อมมือมาจัดให้ลูกชายเพียงคนเดียว “เดี๋ยวก็ไม่หล่อหรอก”
“ขอบคุณครับ” อโณชายิ้มหวาน  ใคร ๆ ก็บอกว่าแม่ลูกบ้านนี้หน้าตาเหมือนกัน  ยิ่งยิ้มยิ่งเหมือนอย่างกับแกะ
“เย็นนี้ทำโอทีหรือเปล่าล่ะ?” ช่อผกาตบปุ ๆ บนบ่าลูกชาย  ถอยหลังสองสามก้าวเช็คความเรียบร้อย “แม่จะได้เตรียมข้าวเย็นไว้ให้”
“ทำครับ  ช่วงนี้ผมคงไม่ได้กลับมากินข้าวเย็นกับแม่นะครับ” น้ำเสียงแฝงด้วยความรู้สึกผิดอยู่เต็มเปี่ยม “พอดียุ่ง ๆ   ใกล้จะปิดไตรมาสแล้ว”
“จ้า ๆ   อย่าหักโหมมากก็แล้วกัน”
“ผมไปทำงานแล้วนะครับ” อโณชายกมือไหว้ก่อนจะคว้ากระเป๋าหนังขึ้นแล้วออกเดินไปบนถนนแคบ ๆ หน้าบ้าน  สอดส่องสายตาหามอเตอร์ไซค์รับจ้างสักคันที่จะพาเขาไปส่งที่หน้าปากซอย

ตอนนั้นอโณชาถือว่าเป็นน้องใหม่ไฟแรงในบริษัทเลยก็ว่าได้  เข้ามาได้เกือบปีแต่กลับถูกฝ่ายขายกระเตงไปนู่นมานี่ด้วยกันบ่อย ๆ   เพราะมีความสามารถในการดึงดูดคนให้คล้อยตามโดยง่ายเลยจบลูกค้าได้เร็วขึ้น  ยิ่งช่วงนี้ที่แย่งกันทำยอดในโค้งสุดท้ายยิ่งชิงตัวกันหนักหน่วงขึ้นทุกที  อโณชาต้องทำโอทีทั้งอาทิตย์เลยทีเดียว
เขาไม่ใช่คนทะเยอทะยานอะไร  แต่โบนัสก้อนแรกในชีวิตกำลังจะออกยิ่งกระตุ้นให้โหมงานมากขึ้น  แค่คิดถึงสีหน้าตอนที่เอาเงินก้อนแรกไปซื้อตั๋วเครื่องบินหรือนาฬิกาสวย ๆ สักเรือนให้แม่  ก็มีแรงที่จะทำงานต่อแล้ว

   “อโณ  วันนี้ไปกับพี่นะ  ลูกค้านัดหกโมงเย็น”
   “ได้ครับ”
   “วันนี้รายใหญ่เลยด้วย  พลาดไม่ได้เลยนะจ๊ะ”
   “ครับ”
หกโมงเย็นงั้นเหรอ?  ก็เท่ากับว่าถึงบ้านไม่ต่ำกว่าสี่ทุ่มสินะ  อโณชาคำนวณเวลาในใจขณะวางแผนการชีวิตสำหรับวันนั้น  ช่วงกลางวันเขามีแค่จัดการงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ   งานใหญ่คงเทไปช่วงเย็นเสียหมด  คิดได้ดังนั้นก็เหนื่อยหน่ายจนอยากจะฟุบหลับบนโต๊ะไปเสียตอนนี้

ตือดือดือดื๊อดือดือดื๊อดื่อ~   

   เปลือกตาหนัก ๆ ที่เกือบปิดสนิทเบิกโพลงขึ้น  วัตถุสื่อสารสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงเรียกให้มือเรียวล้วงเข้าไปหยิบมันออกมา  ชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอทำให้เขายิ้มออกมา

   “ครับแม่”
   “ลูกชายคุณช่อผกาใช่ไหมคะ?”
   “ครับ?” เสียงที่ตอบกลับมาไม่คุ้นหูเอาเสียเลย  และการที่มีคนอื่นมาใช้มือถือแม่ของเขาแบบนี้  ดูอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด  เขาตอบกลับไปอย่างร้อนรน “คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
   “เอ่อ...ใจเย็น ๆ นะคะ” ปลายสายดูลำบากใจที่จะพูด “คุณช่อผกาตกบันไดที่บริษัทน่ะค่ะ”
   “ห้ะ! ละ..แล้วเป็นอะไรมากไหมครับ” มัวแต่อิดออดจนอโณชาทนข่มอารมณ์ไม่ไหว  เสียงพูดที่คล้ายตะคอกทำเอาเพื่อนร่วมงานตกใจ “รีบบอกมาสิครับ”
   “คือ...ไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะคะ  ตอนนี้ฟื้นแล้วด้วย  เพียงแต่ยังไม่มีแรงจะพูดน่ะค่ะ” รอบตัวของปลายสายเงียบสงบ  ดูน่าจะอยู่ในห้องพยาบาล “มีรอยฟกช้ำที่...”
   “อโณเหรอ  คุยกับอโณอยู่หรือเปล่า” อโณชาจำเสียงที่แทรกขึ้นมาได้ทันที  มือที่จับโทรศัพท์อยู่สั่นจนเหงื่อออก
   “พี่ผกาไหวเหรอคะ”
   “ให้พี่คุยกับลูกหน่อย”
   “สักครู่นะคะ” ราวกับการส่งโทรศัพท์ไปสู่อีกมือนั้นยาวนานเหลือเกิน  อโณชากลั้นใจฟังเสียงกุกกักอยู่ชั่วขณะหนึ่ง  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจ
   “ไม่เป็นอะไรหรอก”
   “แม่!”
   “เสียงดังน่า” ขนาดบาดเจ็บแม่ยังดุเขาไม่เลิก “ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง  ไม่เชื่อแม่เหรอ”
   “แม่ชอบโกหกผม” ลูกชายเถียง “คราวก่อนที่เป็นโรคกระเพาะก็หลอกกันแบบนั้น”
   “แล้วตอนนั้นก็ไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ?” แม้น้ำเสียงจะอิดโรย  แต่คำเย้าแหย่ของแม่ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้เลย “เห็นแบบนี้แม่เก่งน้า~”
   “แล้วนี่ไปโรงพยาบาลหรือยังครับ?”
   “โอ๊ย!  เขียวช้ำนิดเดียวจะไปทำไมให้มันวุ่นวาย” ช่อผกาส่ายหัว “เราไปทำงานเถอะ  วันนี้ทำโอดึกด้วยไม่ใช่เหรอ”
   “ครับ” อโณชาผ่อนคลายลงมาก “ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้ไปหาหมอกันนะครับแม่”
   “บ่นมากจริงพ่อคนนี้” คนเป็นแม่ออกปากไล่ “ไป ๆ   ไปทำงาน  เดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก”
   “ครับแม่”

   ปลายสายวางฉับลงไปไม่ยืดเยื้อ  ช่อผกาค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องงาน  ดังนั้นเธอจะไม่ค่อยพอใจนักหากพนักงานใช้โทรศัพท์เรื่องอื่นในเวลางาน  และเพื่อไม่ให้ลูกถูกตำหนิ  เธอจึงรีบวางก่อนทันที  หญิงวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  อาการมึนหัวเมื่อครู่ค่อย ๆ ทุเลาลงแล้ว  จะเจ็บก็แต่ที่ปูดโนขึ้นมาเท่านั้น
   “พี่ผกาไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ เหรอคะ?” รุ่นน้องที่อยู่ข้างเตียงถามขึ้น
   “อืม  เราไม่ต้องไล่พี่ไปโรงพยาบาลอีกคนนะ”
   “ฮ่า ๆ   ใครจะบังคับพี่ไปได้ล่ะคะ” เห็นสวยนิ่ง ๆ แบบนี้  หล่อนรู้ดีว่ารุ่นพี่คนนี้เวลาดุและเอาจริงน่ากลัวขนาดไหน  ใครจะไปกล้าวุ่นวายล่ะ “แต่เมื่อกี้สลบไปเป็นชั่วโมงเลยนะคะ”
   “นานขนาดนั้นเชียว” ช่อผกาพึมพำ  หล่อนจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด  เรื่องที่ว่าตกบันไดก็ด้วย  ที่จำได้ก็มีแค่เรื่องหัวข้องานที่กำลังจะเดินไปบอกบอสเท่านั้น  เธอยกมือขึ้นลูบรอยปูดบนศีรษะ  ความเจ็บแล่นแปล๊บเข้าหาทันที  เธอบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร  อาการมึนหัวค่อย ๆ ทุเลาลงแล้ว “เราไปทำงานเถอะ  พี่ขอนอนพักอีกแป๊บหนึ่ง”
   “ค่ะ”

   ไม่เป็นอะไรหรอก  ก่อนหน้านี้หกล้มตั้งหลายครั้งยังไม่เป็นอะไรเลยนี่นา  อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่นักเลย


...........................................................
......................................
.................
........


   “ขอบคุณมากนะอโณ  ไม่ได้น้องช่วยวันนี้พี่คงจบลูกค้ายาก”
   “ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”
   “พรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศจ้า”
   ชายหนุ่มยกมือไหว้เซลสาวในจังหวะเดียวกับที่ผลักประตูออกไป  อโณชามองรองเท้าหนังเลอะฝุ่นแล้วได้แต่ถอนหายใจ  เขาเหนื่อยเกินกว่าจะทำความสะอาดมันแล้ว  เวลาสี่ทุ่มครึ่งมันดึกเกินไปสำหรับทำอย่างอื่นนอกจากอาบน้ำนอนแล้วจริง ๆ   คิดได้ดังนั้นก็ก้าวเข้าไปในเขตบ้านผ่านต้นอังกาบริมรั้ว  ไฟในตัวบ้านดับหมดแล้ว  เหลือไว้เพียงห้องนั่งเล่นที่แม่มักจะเปิดทิ้งไว้รอเขากลับบ้าน
   อโณชาวางกระเป๋าถือไว้บนโต๊ะ  บิดคอแก้เมื่อยไปมาขณะเดินไปหาไม้แขวนเสื้อสูทที่ด้านหลังบ้าน  ทว่าสิ่งที่อยู่บนโต๊ะกินข้าวทำให้เขาต้องชะงัก  ฝาชีอันใหญ่ครอบทับอยู่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแม่ฝ่าฝืนคำสั่งเขาอีกแล้ว  ชายหนุ่มส่ายหัวปลง ๆ กับความหัวดื้อ  มือขวาคว้าหูฝาชีแล้วเปิดออก
   แกงเขียวหวานและข้าวสวยวางเย็นชืดอยู่ตรงนั้นพร้อมกระดาษหนึ่งแผ่นบนโต๊ะ  ลายมือหวัด ๆ เส้นสีน้ำเงินอ่านได้ใจความว่า

   ‘แม่ทำไว้ให้  เผื่อกลับมาดึกแล้วหิวอีก  ถ้ายังไม่กินก็เอาเข้าตู้เย็นนะ’

   ชายหนุ่มเหนื่อยเกินกว่าจะยกช้อนเข้าปากด้วยซ้ำ  แม่เขามักจะดื้อเงียบแบบนี้เสมอ  บอกแล้วแท้ ๆ ว่าจะกลับดึก  ไม่น่าทำอาหารให้เหนื่อยเลย  อโณชาถอนหายใจขณะรวบจานบนโต๊ะยัดใส่ตู้เย็นไป
   ติ๊ง!
   จังหวะนั้นเองที่มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมา  เขารู้ดีว่ามันเป็นเสียงจากกล่องข้อความ  มือรีบล้วงขึ้นมาดูและภาวนาให้เป็นแค่ข้อความขยะหรือเสนอบริการข่าวอะไรสักอย่าง

   ‘พรุ่งนี้เข้าออฟฟิศแปดโมงนะ  ต้องเตรียมตัวก่อนประชุม’
   เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่  จนได้สินะ

......................................................
....................................
................
.......


   อโณชาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง  แม้จะเอื่อยเฉื่อยแต่เขาจะลุกหลังนาฬิกาปลุกดังครั้งแรกไม่เกินสิบนาที  วันนี้ก็เช่นกัน  ชายหนุ่มตื่นนอนแต่เช้ามืดมาพบกับบ้านที่เงียบสนิท  อโณชาตั้งใจว่าจะรีบออกไปโดยไม่กินอาหารเช้า  เพราะการจราจรในกรุงเทพฯมักหักหลังเขาเสมอ
   ดูท่าว่าจะเช้าไปหน่อย  แม่เลยยังไม่ตื่นนอน  วินาทีที่ก้าวเท้าออกจากห้องเขาคิดแค่เท่านี้  เรื่องอาหารเช้าคงไม่ต้องบอกกล่าวล่ะมั้ง  ไม่อยากไปปลุกแม่เสียด้วย  สรุปได้ดังนั้นชายหนุ่มก็คว้ากระเป๋าออกจากบ้านไปทันที
   เช้านี้อากาศอึมครึม  ร้อนอบอ้าวเหมือนฝนอยากจะกลั่นตัวเต็มทน  อโณชาเข้าออฟฟิศก่อนเวลาสามนาทีถือว่าทันแบบฉิวเฉียด  หัวหน้าฝ่ายแจกแจงหัวข้อการประชุมคร่าว ๆ   อันที่จริงในส่วนของฝ่ายกฎหมายมักจะมีแต่รายละเอียดเดิม ๆ   แต่ในองค์กรที่นำไปผูกไว้กับฝ่ายขายด้วยเลยต้องโคงานกันมากกว่าปกติ  บางครั้งยังต้องช่วยฝ่ายขายอธิบายหัวข้อด้วยซ้ำไป
   การประชุมผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนอโณชาเกือบเผลอฟุบในห้องหลายครั้ง  และเมื่อสิ้นสุดการประชุมเขาก็พบว่าฝนสาดลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา  หัวหน้าฝ่ายเรียกเขากับเพื่อนร่วมงานอีกคนเข้ามาเอ่ยชม

   “ทำได้ดีมากทั้งคู่” เขายิ้มแฉ่ง  ในที่ประชุมวันนี้ดูนายจะพอใจกับผลงาน “ช่วงที่ผ่านมาโหมงานกันน่าดูเลยนะ  แต่ไม่ต้องห่วง  โบนัสออกปลายเดือนนี้แล้ว”

   คำว่า ‘โบนัส’ ฟังกี่ครั้งก็ชุ่มชื่นหัวใจเสียจริง

   หัวหน้ายิ้ม “เพราะอย่างนั้น  คืนนี้กลับดึกอีกสักวันแล้วกันนะ”
   “ครับ”

   ระหว่างมื้อกลางวันอโณชาปลีกตัวไปโทรศัพท์หามารดาเพื่อบอกว่าไม่ต้องทำอาหารเย็นเผื่อ  ทว่าปลายสายกลับไม่มีการตอบรับ  ทำเอาอโณชาเริ่มร้อนใจ  แต่มันก็แค่เหตุการณ์ปกตินี่นา  บ่อยครั้งที่โทรไปแล้วแม่ยุ่งจนไม่ได้รับโทรศัพท์  เดี๋ยวก็คงโทรกลับเองแหละ
   ห้าโมงเย็นชายหนุ่มขึ้นรถไปกับพี่สาวฝ่ายขายเหมือนอย่างเคย  ดวงตาโศกมองการจราจรอันติดขัดเบื้องหน้าแล้วได้แต่ถอนหายใจ
   “วันนี้ร้านหรูแฮะ  พี่ก็ลืมกำชับให้เอาเสื้อสูทมาด้วย” หญิงสาวที่หลังพวงมาลัยว่า “โชคดีนะ  อโณแต่งตัวเนี๊ยบเป็นปกติอยู่แล้ว”
   “หรูขนาดนั้นเชียว  หวังว่าจะไม่ต้องดื่มนะครับ”
   “โธ่!  พี่รู้ลิมิตน่า  รับรองขับรถกลับมาส่งได้สบาย”
   อโณชายิ้มตอบ  เขาชวนคุยไม่เก่งนัก  แต่เป็นคนมีเสน่ห์ในการตอบคำถาม  พี่ฝ่ายขายชวนคุยไปตลอดทาง  ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อเลยสักนิด  รู้ตัวอีกทีรถก็จอดแน่นิ่งอยู่ในลานจอดรถแล้ว  ชายหนุ่มมองสำรวจไปทั่วบริเวณ  ร้านหรูหราในย่านธุรกิจแสดงว่าลูกค้ารายนี้คงสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
   มือเรียวหมุนโทรศัพท์ในมือไปมา  เวลาอาหารเย็นใกล้เข้ามาแล้วแต่ยังไม่มีการติดต่อกลับจากมารดาเลย  คิดได้ดังนั้นเขาก็เอ่ยปาก “พี่เข้าไปรอในร้านก่อนได้ไหมครับ  ขอผมโทรบอกที่บ้านแป๊บหนึ่ง”
   “จ้า  แล้วตามเข้ามานะ”
   รองเท้าหนังที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดขยี้ลงบนก้อนกรวดระหว่างรอการตอบรับจากปลายสาย  ทว่าสิ่งที่เฝ้าคอยกลับไม่มาหา  แม่ยังคงไม่รับโทรศัพท์เขา  และอโณชาเริ่มจับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

   ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ

   คิดได้ดังนั้นก็ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง  โบนัสก้อนโตหรืออะไรก็ไม่อยู่ในหัวอีกแล้ว  ทันใดนั้นเขาออกวิ่งไปที่ริมถนน  โบกแท็กซี่โดยมีจุดหมายปลายทางคือบ้าน
   ร้อนรนแทบเป็นบ้า  ทั้งที่กลัวรถขับเร็วแต่วันนั้นเขาเผลอตะคอกบอกให้คุณลุงเหยียบเร็วขึ้นอีก  ปวดแสบปวดร้อนในลำคอไปหมด  เขาภาวนาต่อทุกอย่างให้ลางสังหรณ์นี้ไม่ใช่ความจริง  แลกกับการโดนไล่ออกหรือโดนด่าที่ทิ้งงานก็ยอม
   ทันทีที่รถหยุดนิ่งสนิทที่หน้าบ้าน  อโณชาบอกให้คนขับรออยู่ที่นี่ก่อนเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน  สองขาก้าวผ่านรั้วต้นอังกาบโดยมิได้แวะเชยชมความงามอันหมองหม่นของมัน  ไฟในบ้านมืดสนิททำเอาใบหน้าซีดเผือดลงกว่าเดิม
   ไม่สิ  แม่อยูในนั้น  กำลังทำอาหารเย็นรอเขากลับไปกินอยู่ไงล่ะ  แม่เป็นแบบนี้เสมอไม่ใช่เหรอ  หัวดื้อตลอดเลยจริง ๆ

   เอี๊ยด  เสียงรองเท้าหนังเสียดสีกับพื้นกระเบื้อง  ถ้าแม่รู้ว่าเขาใส่รองเท้าเข้าบ้านแบบนี้ต้องถูกว่าแน่ ๆ เลย

   แม่ออกมาดุเร็ว ๆ สิ

   เอี๊ยด  ห้องครัวว่างเปล่า  ไม่มีสิ่งของแม้แต่อย่างเดียวที่ถูกขยับจากเมื่อคืน  มือขาวซีดสั่นอย่างรุนแรงตอนที่คว้าราวบันไดแล้วตะเกียกตะกายขึ้นไป

   แม่  ผมขึ้นบันไดเสียงดังนะ  แม่ต้องออกมาดุไม่ใช่เหรอ

   ปัง ๆ ๆ   แรงถีบกระทบกับบันไดเสียงดังขึ้นอีก  แต่ว่างเปล่าไม่มีเสียงที่เขาหวังจะได้ยิน

   บานประตูที่คุ้นตาอยู่ทุกวันอยู่ตรงหน้านี้แล้ว  คุ้นเสียจนไม่ได้สนใจมันเมื่อเช้า  อโณชาไม่ทันคิดอะไรแล้ว  เขาผลักมันเข้าไปเต็มแรง

   “แม่!” อยู่ตรงหน้านี้เอง  ผู้หญิงที่เขาเรียกหามาตลอดทาง  นอนขดตัวอยู่บนเตียงพร้อมกับคราบอาเจียนเต็มไปหมด  มือสั่นเทารีบคว้าตัวเธอเอาไว้ “แม่!  ตื่นสิ!  เป็นอะไรไป  ตอบผมสิ”
   ร่างเย็นชืดนี่เป็นใครกัน  แม่ของเขาตัวอุ่นอยู่เสมอไม่ใช่หรือ  อโณชาบีบตามแขนขาของมารดาด้วยมือสั่นเทา “ตื่นสิแม่  ตื่น!  ผะ...ผม  ผมจะพาไปหาหมอนะแม่”
   เขาแทบไม่หลงเหลือสติอะไรแล้ว  ทัศนวิสัยถูกบดบังด้วยน้ำตา  สองแขนรวบร่างของมารดาขึ้น  ก่อนจะรีบวิ่งกลับลงไปด้านล่าง  เขาตะโกนเหมือนคนบ้าเรียกให้คุณลุงบนแท็กซี่ออกมาช่วย

   วินาทีนั้นอโณชากำลังวิ่งหนีความจริง  ความจริงที่ว่าร่างตรงหน้าไร้ลมหายใจ

.................................................................
.......................................
................
........


   “คนไข้เสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาลได้สักพักแล้วล่ะครับ”
   “ทั้งนี้คนไข้ความดันสูง  จึงแสดงอาการเร็วกว่าปกติ”


   ข้อสรุปจากแพทย์ไม่ได้เข้าหูเขาเลยสักนิด  อโณชารู้ภายหลังว่าแม่ของเขาเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมอง  เพราะถูกกระแทกตอนตกลงมาจากที่สูง  ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยนั้นเขาจำไม่ได้เลย
   ชายหนุ่มโทรตามญาติด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยราวกับไม่ยอมรับว่ามันคือความจริง  ทุกคนแสดงความเสียใจกลับมา  แล้วอย่างไรเล่า?
   อาแสงมาหาเขาในเช้าวันนั้น  แดดแรกของวันโผล่จากเส้นขอบฟ้า  อโณชาจ้องมองมันผ่านหน้าต่างของโรงพยาบาลด้วยแววตาที่ว่างเปล่า  เสียงรองเท้าของแสงไม่อาจเรียกสติได้

   “อโณ” เห็นหลานนิ่งไปคนเป็นอาก็เขย่าที่แขน “แกไหวใช่ไหม”
   “ผม...ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” น้ำเสียงที่ตอบกลับดูเรียบเฉยจนแสงเองยังตกใจ  เขาดูจะหวาดกลัวกว่าอโณชาด้วยซ้ำไป  ใบหน้าเครียดขึงเลอะน้ำตาที่ปาดออกไม่หมด “อาแสงร้องไห้เหรอครับ”
   “อย่าเพิ่งพูดเรื่องฉัน” แสงถูใบหน้าลงกับแขนเสื้อ “ฉันโทรบอกญาติพี่ผกาเท่าที่รู้จักให้หมดแล้ว”
   “ขอบคุณมากครับ” แม้จะไม่มีสายเลือดเดียวกัน  แต่แสงก็สนิทสนมกับบ้านนี้ราวกับเป็นญาติ  เขามองสภาพหลานชายที่ไม่ฟูมฟายแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้  ต่างกับที่คิดไว้เยอะ  เขาคิดว่าอโณชาจะต้องสติแตกไปแล้วแน่ ๆ
   “ฉันจะช่วยจัดการเรื่องงานศพให้” มือใหญ่ลูบบนเส้นผมสีดำ “พี่ผกาเขาไปสบายแล้ว”
   “...........”
   “ดูสิ  ไม่ต้องทำงาน  แถมยังอิ่มทิพย์ได้อีกนะ”
   “...........”
   “แกเองก็ทำใจให้สบายนะ”
   “...........”
   “พี่เขาโชคดีแล้วที่...  ฮึก...”
   ที่พึ่งพิงผู้เข้มแข็งปิดใบหน้าทรุดตัวลงตรงหน้าอโณชา  คำปลอบใจอื่นใดไม่อาจหลุดรอดออกมาได้อีกแล้ว  แสงสะอื้นจนตัวโยนไม่เหลือภาพลักษณ์ชายผู้เหี้ยมเกรียมอีกต่อไป  น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ากระทบกับพื้นเงาวับ

   กระนั้นอโณชาก็ทำเพียงแค่มองเท่านั้น

..................................................................
...........................................
...............
.......


   งานศพของช่อผกาถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นสามวัน  บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบเพราะผู้ร่วมงานมีแค่ญาติไม่กี่คนและเพื่อนร่วมงานเท่านั้น  ช่อผกาเข้มแข็ง  แต่ก็โดดเดี่ยวเช่นกัน
   ญาติที่ไม่ได้พบเจอมานานเดินเรียงคิวเข้ามาแสดงความเสียใจกับอโณชา  พร้อมด้วยพวงหรีดเต็มไปหมด  ประโยคแสดงความเสียใจและให้กำลังใจปะปนระคนกันไปหมด  ชายหนุ่มคลี่ยิ้มตอบรับความหวังดีจากทุกคนเป็นอย่างดี
   อาแสงไม่ฟูมฟายเหมือนที่โรงพยาบาลแล้ว  เขามาถามไถ่อาการจากอโณชาตลอดสามวันที่ตั้งศพ  กระทั่งวันเผาก็ยังมา

   “แกไหวใช่ไหม?” คนแก่กว่าถามขณะเงยหน้ามองกลุ่มควันลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า “ฉันไม่เห็นแกร้องไห้เลย”
   “ไหวสิครับ” กลุ่มควันสีดำใช้เวลาไม่นานก็พ่ายแพ้ต่อสีฟ้าของนภา “แม่สอนให้ผมเข้มแข็ง”
   “อย่างนั้นก็ดี” มือใหญ่ขยี้ลงบนศีรษะทุย “ถ้ามีอะไรให้ช่วย  บอกอาได้เสมอนะ”
   “ขอบคุณครับ” อโณชายิ้ม

   หายไปแล้ว  สุดท้ายมนุษย์ก็เหลือเพียงเถ้ากระดูก

   คืนวันนั้นอโณชากลับมายังบ้านที่เงียบสงัด  รั้วสีขาวที่คุ้นตาเปิดรับเขาอีกครั้ง  เขาเหลือบมองต้นอังกาบที่ริมรั้ว  มันยังไม่ออกดอก  มองอย่างไรก็ไม่สวยงามเลยสักนิด  ชายหนุ่มรำพึงรำพันว่าแม่ชอบต้นไม้แบบนี้เข้าไปได้อย่างไรกันนะ

   แกร๊ก...

   บานประตูค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ   บ้านทั้งหลังมืดสนิทจนต้องคลำหาสวิตช์ไฟเอง  ไม่มีแล้วแสงสว่างที่เปิดรอเขากลับบ้านทุกคืน  เมื่อเปิดไฟในห้องได้เขาก็โยนกระเป๋าสะพายบนบ่าทิ้งลงบนโซฟา
   วันนี้ทำให้เขารู้ว่ามีคนเคียงข้างในวันที่ลำบากมากมาย  แม้แต่คุณลุงที่ไม่สนิทก็ยังหยิบยื่นน้ำใจมาให้  ตลอดสี่วันที่ผ่านมาเขาไปขออาศัยอยู่กับแกชั่วคราว  นี่จึงเป็นวันแรกหลังจากเหตุการณ์นั้นที่อโณชาได้กลับมายังบ้านหลังเดิม
   สองขาก้าวเข้ามายังโซนด้านหลังเพื่อหาน้ำดื่มสักแก้ว  บนโต๊ะว่างเปล่าไม่มีฝาชีเหมือนอย่างเคย  กระนั้นชายหนุ่มก็ทำเป็นไม่สนใจเดินตรงไปยังตู้เย็น  เมื่อแง้มออกไอเย็นก็เข้าปะทะร่าง  ตู้เย็นที่ไม่ได้เปิดมานานยังคงทำความเย็นแช่ทุกอย่างเอาไว้  น้ำเย็นชื่นใจไหลลงคอไป  ทว่าความคิดของอโณชาไม่หยุดอยู่แค่ตรงนั้น
   จากน้ำแค่แก้วเดียวเปลี่ยนเป็นถ้วยเซรามิกที่ซ่อนตัวอยู่ด้านใน  แกงเขียวหวานไก่ที่คุ้นตาถูกนำออกมาใส่ในไมโครเวฟละลายลิ่มแกงจนกลายเป็นน้ำ

   ครืด  ชายหนุ่มลากเก้าอี้ออกแล้วทิ้งตัวนั่งบนนั้น  ช้อนในมือขวากวนวนในถ้วย  ดวงตาโศกมองมันอยู่อย่างนั้นชั่วขณะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจตักเข้าปาก

   เปรี้ยว  ใช่  มันบูดแล้ว  เขารู้ตั้งแต่ที่เห็นฟองบนผิวน้ำแกงนั่น
   ช้อนยังคงจ้วงลงไปไม่หยุด  ตักแกงผิดรสนั่นเข้าปาก

   “ฮึก...”

   ไม่น่าเชื่อว่าของบูดเช่นนี้จะอร่อยจนอโณชาร้องไห้ออกมา
   หยดน้ำกลิ้งจากดวงตาโศกเลอะเทอะไปทั้งหน้า  เขาไม่รับรู้  ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น  รสอาหารถ้วยสุดท้ายของแม่ปะปนน้ำตา  กระนั้นก็ยังอร่อย  แม่ของเขาทำอาหารอร่อยที่สุด
   “ฮึก  แค่ก ๆ ๆ” ลำตัวสะอึกขึ้นเพราะหลอดลมและหลอดอาหารถูกใช้ปะปนกัน  อโณชาไอโขลก ๆ จนตัวโยน  แต่มือขวาที่จับช้อนไว้ก็ยังไม่ปล่อย

   เขาอ่อนแอ  อ่อนแอเหลือเกิน  แม่สอนให้เข้มแข็งอะไรนั่นโกหกทั้งเพ

   “แค่ก ๆ ๆ”

   บ้านอันเงียบสงัดแว่วเพียงเสียงสำลัก  สะอื้น  และเสียงช้อนที่กระทบถ้วย

   หายไปแล้ว  ไม่มีคนที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกต่อไปแล้ว

   เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาไม่ให้ไหลลงถ้วย

   ถ้าเพียงแต่ตอนนั้นเขาใส่ใจแม่สักนิด
   ถ้าเขาพาแม่ไปโรงพยาบาล
   ถ้าเขาไม่มัวแต่ทำงาน

   ถ้า  ถ้า  ถ้า...
   ถ้ามันเป็นแค่ฝันก็คงดี

   “โอ๊ย!” เล็บขาว ๆ จิกเข้าไปที่แขนตัวเอง  ดึงทึ้งมันอย่างรุนแรง  ตื่นสิ!  ตื่นสักที

   แต่เขาอ่อนแรงเกินกว่าจะวิ่งหนีต่อไปแล้ว
ไม่มีปาฏิหาริย์  ทุกอย่างคือความจริง  ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ที่ว่างเปล่า  บ้านที่มืดสนิท  แม้แต่รสแกงบูด ๆ ในปาก

   หายไปแล้ว  เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็ถูกพรากไปจนหมด  อโณชาปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็ก ๆ   ช้อนตกลงในถ้วย  ด้วยสองมือนั้นผละทิ้งลงข้างตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง
   
คนเราหายไปจากชีวิตอีกคนได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ  เหมือนระบบคอมพิวเตอร์ที่กดปุ่ม Delete แล้วหายไปเลย  พระเจ้า!  ถ้าท่านจะลบออกง่ายดายเช่นนี้  ทำไมยังต้องหลงเหลือความทรงจำไว้ด้วยเล่า
คนจากนั้น ‘ไปสบาย’ แล้วจริง ๆ
แล้วคนที่ยังไม่ ‘ลืม’ ล่ะ?

   ในค่ำคืนนั้นห้องนอนไม่ได้ถูกใช้งาน  ดวงไฟในบ้านเปิดสว่างราวกับรอใครสักคนกลับบ้าน  อโณชาอยู่ตรงนั้น กับเก้าอี้ตัวเดิม  และริมฝีปากที่เฝ้าพึมพำถ้อยคำซ้ำ ๆ

“ดอกอังกาบปีนี้ยังไม่บานเลยนะ  ไม่อยากดูเหรอครับแม่”


ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
..............................................................
........................................
.............
......

   “คุณอโณครับ?” ฝ่ามือใหญ่ปัดผ่านดวงตา “คุณอโณ?”
   “หือ?” ดวงตาโศกที่เหม่อลอยค่อย ๆ ปรับจุดโฟกัส “วะ...ว่าไงนะหลง”
   “ผมถามว่าคุณอโณอยากได้น้ำอัดลมหรือเปล่าครับ  ผมจะไปซื้อให้ใหม่”
   อโณชามองขวดน้ำสองขวดในมืออีกฝ่าย “ไม่ต้องหรอก  น้ำเปล่าก็ได้”

   หลงส่งขวดน้ำเปล่าให้  คุณอโณดูเหม่อลอยหลังจากที่เขาอวดต้นไม้ที่ปลูกให้ดู  ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ  หลงเลยขอตัวออกไปซื้อน้ำเปล่ามาให้  นี่ขนาดว่ากลับมาแล้ว  อีกฝ่ายก็ยังนั่งเหม่อไม่เลิก ทำเอาหลงเริ่มเป็นห่วง

   “กลับห้องก่อนก็ได้นะครับ” มันว่าขณะทิ้งตัวลงข้าง ๆ “คุณอโณดูเหนื่อย ๆ   ผมเหลืออีกครึ่งหนึ่งก็รดน้ำเสร็จแล้ว  เดี๋ยวจะตามไปครับ”
   “ฉันไม่เป็นไรหรอก” คนโกหกหลบตาวูบ  แสร้งทำเป็นดื่มน้ำในขวด  การกระทำเหล่านั้นทำเอาหลงมองตาไม่กะพริบ
   แปลก  แปลกมากจริง ๆ
อโณชาโบกมือ “แค่อากาศร้อนนิดหน่อย”
และหลงก็ไม่ชอบใจเอามาก ๆ เลยด้วย
   “โกหก”
   “หือ?”
   “คุณอโณโกหกชัด ๆ เลย!” ชายหนุ่มตอบออกไปตามที่เห็น “ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ!  ตั้งแต่เรื่องลุงที่โรงพยาบาลแล้วนะ”
   “หลง...”
   “ใช่ครับ!  ผมไม่รู้ว่าคุณอโณเป็นอะไร  แต่ผมก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะดูไม่ออกว่าคุณอโณแปลก ๆ ไป” ราวกับความรู้สึกที่กักเก็บมาตลอดกำลังพรั่งพรูออกมา “ผมรู้ว่าตัวเองไร้ประโยชน์  ไม่มีสิทธิ์จะก้าวก่ายอะไรเรื่องของคุณอโณ”
   “มะ...ไม่ใช่นะ” อโณชาเริ่มลนลาน “ฉันไม่เคยมองว่าหลงไร้ประโยชน์นะ”
   “แต่การกระทำดูเป็นแบบนั้นนี่ครับ” หลงลุกขึ้นยืน  หันเข้าประจันหน้ากับอีกฝ่าย “ผมอยากช่วยคุณอโณ  แต่ถ้าไม่รู้ว่าคุณอโณเป็นอะไร  ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
   “ฉัน...”
   “ผมห่วงคุณอโณแต่ทำอะไรไม่ได้มันทรมานนะครับ!”

   อโณชาหน้าร้อนวูบวาบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก  ดวงตาของหลงช่างซื่อตรงต่อความรู้สึก  ห่วงก็คือห่วง  ห่วงจนแทบบ้า  แล้วก็โกรธตัวเองที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด  อโณชาสมองว่างเปล่าทันทีที่ถูกมองแบบนั้น  หลงที่ไม่เคยเซ้าซี้ถาม  แต่ครั้งนี้มันคงมากเกินจะทนไหวแล้ว
   ร่างสูง ๆ ทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าราวกับหมดแรง  ยิ่งอโณชานิ่งเงียบเท่าไร  อารมณ์ที่ขึ้นวืด ๆ เมื่อครู่ยิ่งฉุดให้หลงเหนื่อย  ไม่ใช่แค่อโณที่สับสน  มันเองก็เช่นกัน  คนตกกระยกมือขึ้นเสยเส้นผมที่ปรกใบหน้าออกพลางสงบสติอารมณ์

   ราวกับทุกอย่างที่อัดอั้นระเบิดออก  และมันย้อนแย้งในตัวเองสิ้นดีจนหลงจัดการความรู้สึกตัวเองไม่ถูก  เกรงใจ  ไม่อยากให้ลำบากใจ  แต่ก็เครียดแทบบ้าที่ต้องทำเป็นโง่  นั่งเฉย ๆ มองอโณชาที่ร้อนรน  เขาควรจะทำอย่างไรดีล่ะ?

   “ขอโทษนะหลง” ฝ่ายนั้นชิ่งขอโทษก่อนให้รู้สึกผิดไปกันใหญ่
   “ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่เอาแต่ใจกับคุณอโณครับ” มันขยี้หัวตัวเองแรงขึ้น  ก้มหน้าลงมองพื้นพร้อมกับพึมพำ“ขอโทษนะครับ  ผมจะไม่ถามอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”

   อโณชามองภาพตรงหน้าแล้วพาลปวดอกไปหมด  ราวกับมือที่ยื่นมาให้ถูกดึงกลับไปโดยที่ยังไม่ทันได้คว้าไว้  แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม  เขาถึงได้เอื้อมมือออกไปจนสุดเพื่อจับมัน…

   คนแก่กว่าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“คือว่านะ...”

ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาคิดอะไร  ถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น
ทั้งที่สักวันพระเจ้าก็คงจะ Delete หลงหายไปด้วยเช่นกันแท้ ๆ



TBC

ตอนนี้ยาวมากค่ะ  ใช้พลังในการเขียนมากเช่นกัน //พรากกกกกก
ไม่ค่อยได้เขียนดราม่าเท่าไหร่  ขอสักหน่อยแล้วกันนะคะ
ส่วนตัวไม่คิดว่าไอ้หมักเลวร้าย  เราว่าบางทีคนเราก็ลืมใส่ใจคนใกล้ตัวเพราะความเคยชินเนี่ยแหละค่ะ  ดังนั้นสนับสนุนความรักในครอบครัวนะคะ  อ่านจบยกหูโทรหาพ่อหาแม่ค่ะ  สารภาพกับท่านว่าเราอ่านนิยายวายอยู่ 55555
เรื่องอดีตคุณอโณเขียนยากมากค่ะ  สงสารมากด้วยเช่นกัน  คุณอโณของบ่าวววว  โฮรวววววว  :hao5:
หวังว่าคนอ่านจะชอบกันนะคะ

เจอกันตอนหน้า
ขอบคุณที่ติดตามค่า

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่านแล้วร้องไห้ไม่ออก
มันจุก มันเจ็บปวด และทรมาน

การมานึกเสียใจทีหลังไม่มีค่าอะไร
ตอนที่ยังมีลมหายใจต้องทำให้เต็มที่
เวลาที่ปุ่ม delete ถูกกด จะได้ไม่ต้องนึกเสียดายอะไร

ขอบคุณนะ ฉันชอบตอนนี้มากเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารคุณอโณง่ะะ
แต่เอาจริงๆ ตอนนี้ยังไม่มีใครตามหาหลงเลยหรอ

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ยาวมากเลย ขอบคุณนะค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นตอนแรกที่ตลกไม่ออก อ่านแล้วคิดถึงพ่อกับแม่ที่บ้านนอกเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหาดีกว่า

ออฟไลน์ zerofata

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เสียใจอ่าา เศร้าที่สุดเลยตอนนี้ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่านไปร้องไห้ไป เศร้าไปกับคุณอโณ อ่านจบก็คิดถึงพ่อแม่ว่าเราเคยทำอะไรให้ท่านบ้าง เสาร์อาทิตย์นี้คงได้กลับไปหาเพราะคิดถึงแน่ๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เศร้าอ่ะ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
คนแก่ล้มแล้วเสียชีวิต มีจริง ถ้ายังมีโอกาสก็คอยดูแลพวกท่านให้ดีๆเถอะ

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 :hao5: สงสารคุณอโน

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เข้าใจฟีลลิ่งคุณอโณ
เวลาเราตื่นเช้ามาแต่ยังไม่ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กของแม่จากครัว โทรเข้าบ้าน/มือถือไม่รับ กลับบ้านมาไม่มีไฟเปิด นี่ใจไม่ดีเลย

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
หลงงงงงงงง~~ นายต้องstrong นะ  ข ขเข้มแข็งไว้~~~ :hao5:

ออฟไลน์ san

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
อดีตของอโณทำเอาน้ำตาซึม น่าสงสารที่ไม่ได้ทันบอกลาเลยด้วยซ้ำ  :mew6:

ออฟไลน์ bew_yunjae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้ำตาไหลพรากกกก
ฮือ ออออ สงสารคุณอโณววว
เราก็เคยเป็นแบบคุณอโณทำงานหนักมากเกินไป ทำโแทีเพื่อได้เงินเยอะๆ
 จนแม่เป็นห่วงมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเรากลับดึกแล้วก็ไม่ได้กลับบ้าน
พอเห็นแม่เป็นแบบนั้นแล้วสงสารทนไม่ไหวเลยต้องลาออกมาทำงานที่บ้านเลยค่ะ
ตอนหน้ามาลุ้นหลงกะคุณอโณว่าคุณอโณจะเล่าอะไรให้หลงฟัง

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


อดีตของคุณอโณนี่เศร้าเหลือเกินค่ะ
นอกจากต้นอังกาบแล้ว คงมีแกงเขียวหวานอีกใช่ไหมคะที่ทำคุณอโณซึมได้
โธ่... คุณอโณของบ่าว มาให้บ่าวกอดปลอบหน่อยนะคะ เผื่อจะมีแรงปรับความเข้าใจกับหลงได้มากกว่านี้

ส่วนหลงหลงของป้า... หนูมาถูกทางแล้วลูก
กดดันคุณอโณแบบใส ๆ แล้วแอบสอดแทรกความในใจกับทุก ๆ ประโยค ทุก ๆ การกระทำ นั่นแหละที่จะเผด็จศึกคุณอโณได้!
เป็นกำลังใจให้ค่ะ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ ^^  :กอด1:


ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด