หลังฝ่าฟันลากทั้งแมวทั้งหมา เอ้ย! คนกลับขึ้นมาถึงห้องได้อโณชาก็เอาตัวลูกสาวสุดที่รักสุดสวาทขาดดวงใจหฤทัยของพ่อไปบรรจงวางบนเตียงอย่างเบามือ ลูบหัวน้อย ๆ ที่ส่งเสียงกรนคร่อก ๆ แบบไร้ความเป็นกุลสตรีแมว พลันตวัดสายตาฉับกลับมาที่โซฟา
เฮือก!ไอ้หลงสะดุ้งขนลุกวูบวาบตั้งแต่หัวยันตีน นั่งหนีบเข่าทำตัวลีบ ๆ ให้ดูน่ารักน่าสงสารที่สุด หูได้ยินเสียงการเยื้องก้าวของซาตาน แค่พริบตาเดียวใบหน้าหล่อเหลาก็มายิ้มหวานอยู่ตรงหน้า อโณชาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวข้าง ๆ แล้วกอดอก
“ไหนเล่ามาสิ๊”
“คะ..คุณอโณฟังผมก่อนนะครับ อย่าเพิ่งต่อยมานะ” นาทีนี้มันเข้าใจความเจ็บปวดของสมัครตอนนั้นอย่างสุดซึ้ง ว่าแล้วก็รีบเริ่มจนลิ้นพันกัน “หลังจากคุณอโณทิ้งผมไป...”
“สัมมนา” ไอ้นี่ต้องให้ย้ำหลายรอบเชียว
“สัมมนาก็ได้ครับ” หลงก้มหน้าคางชิดอก “เย็นวันนั้นเก๋ากี้กินข้าวเหลือ แต่ผมไม่ได้คิดอะไร แต่วันที่สองพอกลับบ้านมามันตัวร้อนจี๋เลย ข้าวก็เหลือเต็มจนล้นถ้วย ผมก็เลยไปถามลุงยามว่าแถวนี้มีโรงพยาบาลไหม...”
“แล้วก็ไปโดยไม่บอกฉัน?” น้ำเสียงนั้นแฝงความขุ่นเคือง
แต่หลงเอียงคอตอบอย่างใสซื่อ
“ก็ไม่รู้จะบอกยังไงนี่ครับ” โปะ! เหมือนฟองอากาศในหัวแตกโพละ ไอ้ที่ครุกรุ่นจะหักคอหมาตายเมื่อครู่แหลกสลายลงไปกับตา ปากพึมพำ “เออ นั่นสิเนอะ”
อโณ! ไอ้โง่เอ๊ย! ว่าแต่หลงเอ๋อตัวเองก็ไม่ต่างกันเล้ย!โกรธควันออกหูว่าทำอะไรไม่บอกไม่กล่าวปล่อยให้เป็นห่วง ทำไมไม่คิดบ้างว่าในยุคไซเบอร์มือถือคืออวัยวะที่ 33 ก็ยังมีมนุษย์ผู้ซึ่งสื่อสารด้วยควันไฟและนกพิราบอยู่ และหลงคือหนึ่งในนั้น
โอย อยากจะบ้าตาย...
“คุณหมอบอกว่าเก๋ากี้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาแหละครับ ไม่ใช่ไข้หัดแมว” ถึงจะงง ๆ ว่าไอ้ ‘ไข้หัดแมว’ นี่มันอะไรทำไมต้องมีการหัดฝึกฝนก่อนเป็นด้วยเหรอ แต่หลงก็รายงานไปตามที่ได้ยิน “ตอนนี้อุณหภูมิร่างกายปกติแล้ว แต่อาจจะนอนฟื้นฟูนานหน่อย อันนี้ผมไม่เห็นความแตกต่างนะ ปกติเก๋ากี้ก็นอนทั้งวันอยู่แล้ว”
“เฮ้อ” อโณชาถอนหายใจ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“นั่นสิครับ ถ้าเป็นไข้อะไรนะ..หัดแมว? ก็คงแย่เนอะครับ ฮะ ๆ” หลงหัวเราะ “ก็ว่าอยู่ว่าไม่เคยเห็นเก๋ากี้หัดอะไร”
“เดี๋ยว ๆ ฉันว่าต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ ๆ”
“ก็เห็นว่าต้องหัดแมว” บรรยากาศในห้องผ่อนคลายลงมาก หลงเลยนั่งเอนหลังพร้อมยกขาขึ้นไขว่ห้าง “ก็เลยคิดว่าต้อง...”
“เท้า!” อโณชากรีดร้อง “เท้าไปทำอะไรมาน่ะหลง!”
เจ้าของชื่อก้มมองตีนเน่า ๆ ของตัวเอง “น่าจะลื่นนิดหน่อยครับ”
นิดหน่อยกะผีน่ะสิ!สายตาคมวับตวัดฉับลงที่ตีนเลอะฝุ่นเป็นปื้น อะไรไม่เท่ารอยสะเก็ดแผลยาวจรดปลายนิ้วก้อย แค่เห็นยังซี๊ดปากแทน คงจะเจ็บน่าดู แล้วไหนจะสภาพมอมแมมดูได้ที่ไหน หัวมันแผลบ หน้าเงาวับ ฟันไม่ได้แปรง กลิ่นเหงื่อออก กลิ่นตีนโชย เป็นที่อเนจอนาถแก่ผู้พบเห็นจนต้องโบกมือไล่
“ไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวฉันดูแผลให้”
“ครับ”
โครกกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่! นั่นไม่ใช่เสียงข้างห้องกดชักโครกมันดังมาจากท้องคนตรงข้ามนี่เอง หลงยิ้มแห้ง ๆ ให้ “แฮะ ๆ ยังไม่ได้กินข้าวเลยครับ”
อโณชากุมขมับ “งั้นรีบอาบเลย”
หลังส่งลูกเข้าห้องน้ำเสร็จคุณพ่อก็กลับมาเก็บกวาดซากอารยะธรรมบนโต๊ะ ข้าวในกล่องชืด ๆ ที่ไม่รู้หลงไปเอามาจากไหนถูกเททิ้งแล้วแช่ทัพเพอร์แวร์ลงอ่าง อาหารค้างคืนที่ไม่ใส่ตู้เย็นทางที่ดีอย่าเสี่ยงกินเลยดีกว่า ชายหนุ่มต้มข้าวแล้วเทเศษหมูที่เหลือในตู้เย็น เท่านี้ก็ได้ข้าวต้มง่าย ๆ สองถ้วยสำหรับมื้อกลางวันที่ดีเลย์นี้แล้ว
หลงที่กลับออกมาจากห้องน้ำดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ เดินตัวหอมฉุยเอาผ้าเช็ดตัวไปตากไว้ด้านนอก พอกลับเข้ามาอโณชาก็เลื่อนเก้าอี้ออกให้นั่งทันที ถึงจะเกร็ง ๆ แต่มันก็ระริกระรี้ทิ้งตัวลง
“ของสดไม่เหลือเลย กินข้าวต้มไปก่อนนะ”
“ผมกินอะไรก็ได้ครับ” ว่าแล้วก็คว้าช้อนขึ้นมากำ “อาหารคุณอโณอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว”
“หึ” คนฟังพ่นลมออกจากจมูก “เวอร์เชียว”
“ไอ่ไอ้เออร์อะอับ”
หยับ ๆ ๆ เคี้ยวเร็วเหมือนพ่อเป็นหนูแฮมสเตอร์ กะพริบตาอีกทีคำใหม่ก็เข้าปากอีก “อ๋มอ๊อบอาอ๋าอุณอะโอ”
“เดี๋ยวค่อยพูดก็ได้” อโณชากลัวว่ามันจะสำลักตายห่าไปก่อนเก๋ากี้ บวกกับขี้เกียจกินวุ้นแปลภาษา
“อับ” มันพยักหน้าหงึก ๆ พยายามจ้วงช้อนให้ช้าลง
“นี่หิวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้วครับ” ว่าแล้วก็ซูดคำใหญ่เข้าปาก กลืนอึก ๆ แดกถ้วยได้คงทำไปแล้ว
“แล้วทำไมไม่หาข้าวแถวนั้นกินหือ?”
“กะ...กลัวเงินค่ารักษาเก๋ากี้ไม่พอครับ”
โถ...หลงเอ๊ยอโณชาทอดถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเลี้ยงลูกเหนื่อยเท่านี้ไหม แต่วินาทีนี้เขาอยากพุ่งตัวไปจุดธูปขอบคุณแม่ขึ้นมาเลยทีเดียว ชายหนุ่มรวบถ้วยเปล่าของตัวเองไปแช่ในซิงค์ก่อนหันมาบอก “เดี๋ยวฉันไปเช็ดตัวให้เก๋ากี้แป๊บนะ กินเสร็จแล้วหลงไปนั่งรอที่โซฟาเลย”
เก๋ากี้ตัวอุ่นเป็นปกติพอไข้ลงจึงไม่เห็นความต่างมากนัก แต่เท่าที่อโณชาอ่านจากอินเทอร์เน็ตมาก็ทำตามไปก่อนแล้วกัน ขัด ๆ ถู ๆ ให้ทีสองทีแมวสาวก็กะพริบตาปริบ ๆ มองแล้วก็หลับต่อ คงจะเหนื่อยมาก ปกติแล้วเก๋ากี้ขี้อ้อนกับเขาจะตาย พอเสร็จกิจกับแมวเรียบร้อยหันขวับกลับไปก็เจอหลงนั่งเจี๋ยมเจี้ยมบนโซฟา
เส้นผมสีน้ำตาลสว่างละต้นคอที่ย่นลงเพราะก้มหน้างุด ทำเหมือนจะจับขึ้นแท่นประหารอย่างนั้นแหละ อโณชานึกขำขณะทิ้งตัวลงยังโซฟาหนึ่งที่นั่งตัวข้าง ๆ
“เดี๋ยวฉันจะซื้อมือถือให้นะ” อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไร สายเปย์อย่างคุณอโณจ่ายให้ไอ้นี่มาตั้งเท่าไรแล้วล่ะ “มีอะไรฉุกเฉินจะได้ติดต่อได้”
“ผมซื้อเองก็ได้ครับ เงินเดือนก็มีแล้วด้วย” หลงอ้อมแอ้มตอบ หากรับไว้มากกว่านี้จากหมาจะได้เปลี่ยนเป็นแมงดาเข้าสักวัน
“เงินเดือนหลงซื้อมือถือก็ไม่พอกินกันพอดี” โอ้โห! จากที่นั่งตัวใหญ่ ๆ ไอ้หลงค่อย ๆ หดลงเหลือไม่กี่มิลฯ ช่างเป็นความจริงที่เถียงไม่ออก “เอาเป็นว่าฉันให้ยืมนะ”
มุกเดียวกับเสื้อผ้าเลย คุณอโณมักจะตะล่อมให้เขารับของแบบนี้เสมอ แล้วหลงจะทำอย่างไรได้ล่ะ? อย่างน้อยก็รับ ๆ มาให้ฝ่ายนั้นสบายใจก็แล้วกัน
“ก็ได้ครับ”
“เอ้า! ทีนี้ยกเท้าขึ้นมาดูหน่อยสิ๊”
“ห้ะ!? จะ...จะดีเหรอครับ”
“หรือจะให้ฉันก้มลงไปดู”
ตุบ ทั้งตีนทั้งขาพาดป้าบลงไปบนตักคนขอทันที สั่งได้ดั่งใจจริง ๆ ก็หลงกลัวคุณอโณจะมาก้ม ๆ เงย ๆ ส่องตีนให้เลยชิ่งยื่นให้ก่อนซะเลย ฝ่ายนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้ามาใกล้จัดแข้งจัดขาให้นั่งสบายขึ้น
“สะเก็ดแผลขึ้นแล้วนี่” ฝ่าตีนใหญ่เท่าเรือใบถูกพลิกสำรวจไปมา “ไม่น่าจะเป็นหนองหรอกมั้ง”
“ไม่เป็นหรอกครับ”
“อ้าว ตรงนี้เหมือนจะช้ำ”
กร๊อบบบบบบ “แว้กกกกกกกกกกกก! คุณอโณ้! อย่าหมุนสิครับ!” ลั่นกร๊อบเลยเห็นไหม! เจ็บน้ำตาแทบเล็ด
“หือ? หรือว่าจะข้อเท้าพลิก” ด้วยเมตตาจิตแรงจับบนมือจึงเบาลง อโณชาพลิกมันสำรวจมันเบา ๆ มีรอยช้ำนิดหน่อย แต่ไม่น่าถึงขั้นพลิก “เดินกลับมาเหรอ”
“เดินไม่ไหวหรอกครับ ผมพอจำชื่อคอนโดได้เลยลองบอกแท็กซี่ดู วนไปวนมาถามทางตั้งสองรอบแหนะ”
“โอ๊ะ! หลงก็ฉลาดเหมือนกันนี่นา” อโณชาตบเบา ๆ บนฝ่าเท้าอย่างชื่นชม “เก่งมาก ๆ”
ทำไมเหมือนโดนหลอกด่าว่าปกติโง่เลย หลงติดใจเล็กน้อย แต่ช่างมันเถอะ คุณอโณชมด้วยดีใจจัง
จากที่หมายมั่นว่าจะล้างแผลใส่ยาฆ่าเชื้อให้เลยต้องเปลี่ยนเป็นยานวดแทน ชายหนุ่มบีบเนื้อยาสีขาวลงบนรอยช้ำเขียว ปลายนิ้วค่อย ๆ นวดคลึงเบา ๆ
“คราวหน้าอย่าทำอะไรเกินตัวนะหลง ดูสิ๊ได้แผลกลับมาตลอดเลย” ครีมเย็น ๆ เริ่มร้อนเมื่อสัมผัสผิว “ถ้าไปคนเดียวไม่ไหวก็ลองขอความช่วยเหลือคนอื่นดู อาจจะไปหาคุณลุงสมาน”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ก็...” คนพูดนิ่งไปสักพักราวกับรอให้ความคิดตกตะกอน
“ก็?”
“ก็เก๋ากี้สำคัญสำหรับคุณอโณมาก”
คนพูดขมวดคิ้วเป็นปม ไม่รู้ว่าเจ็บแผลหรือกำลังใช้ความคิดอยู่ อโณชามองฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยรอยถลอกและจ้ำเลือด เท่านี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวพยายามเพื่อเขาและเก๋ากี้มากขนาดไหน อกซ้ายวูบโหวงจนปวดหนึบเมื่อคิดว่าจะตอบแทนความรู้สึกที่บริสุทธิ์ขนาดนี้อย่างไรดี
“หลงก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“ครับ?” ลงเอียงคอ
“หลงก็สำคัญเหมือนกัน”อโณชาอ้อมแอ้มตอบ สัมผัสได้เองว่าใบหน้าเห่อร้อนไม่ต่างกับยานวดในมือ ว่าแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตานวดเพื่อหลบใบหน้าดีใจเหมือนถูกหวยสามงวดติดนั่น
“สำคัญจริงเหรอครับ!” แค่ฟังน้ำเสียงเริงร่านี่ก็รู้แล้วไงว่าตอนนี้มันจะทำหน้ายังไง! “สำคัญเท่าเก๋ากี้เลยหรือเปล่า”
“ก็..เอ่อ...พอ ๆ กันมั้ง”
“โธ่!” หลงตบเข่าฉาด เจ็บใจนักที่ยังไม่ได้เลื่อนขั้น แต่คิดดูอีกทีแค่ ‘สำคัญ’ ก็น่าจะพอแล้วนี่นา อา...คิดแล้วก็เหมือนมีดอกไม้นับร้อยพันเบ่งบานในใจ หน้าระรื่นเสียจนอโณชาอดหมั่นไส้ไม่ได้
“แล้วก็ขอโทษที่ต่อยไปนะ ฉันกังวลมากไปจนลืมว่าหลงไม่มีมือถือ”
“คุณอโณหมัดหนักสุด ๆ เลยครับ” นี่ไม่ได้ยอ หลงพูดจากใจจริง “แบกเก๋ากี้มาผมก็แทบแย่แล้วแขนชาทั้งแถบ ต้องคอยเปิดห่อผ้าเช็กตลอดว่าคุณหมอไม่ได้ห่อหมามาให้ มาถึงคุณอโณก็ต่อยร่วงเลย ผมแทบพ่นน้ำย่อยออกมา”
“เอาน่า ๆ จะไม่ใช้ความรุนแรงแล้ว” คนผิดทำออเซาะ
“แล้วก็ช่วยให้เก๋ากี้ลดน้ำหนักเถอะครับ ถ้าหนักไปกว่านี้รอบหน้าผมได้เข้าเฝือกแน่ ๆ” ดูท่าหลงจะเก็บกดมานาน มาถึงกดสูตรรัว ๆ เลย
“แต่เก๋ากี้อ้วน ๆ น่ารักออกนะ”
“คุณหมอยังพูดเลยนะครับว่าจะเสียสุขภาพเอา”
“ก็ได้ ลดน้ำหนักก็ได้” ไอ้หลงจะรอดูว่าจะไปได้สักกี่น้ำ ขี้คร้านพรุ่งนี้เห็นมันหายป่วยก็ฉลองด้วยขนมแน่ ๆ
หลงกอดอก พอเหนือกว่าได้นิดหน่อยเลยขอวางท่าน่าหมั่นไส้ เห็นแล้วอโณชาอยากจะกดแผลมันแรง ๆ สักที ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งสัญญาจะไม่ใช้ความรุนแรงไปล่ะก็นะ...
รอยช้ำร้อนวาบด้วยสัมผัสจากปลายนิ้ว หลงมองอีกฝ่ายที่ปรนนิบัติพัดวีให้ด้วยสายตาเพ้อ ๆ ถึงจะเจ็บตัวไปหน่อยแต่ถ้ามีคุณอโณมาดูแลให้แบบนี้ก็คุ้มอยู่นะ
“ขอบคุณนะหลง”จู่ ๆ อโณชาก็พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ถ้าหลงไม่อยู่เก๋ากี้คงอาการแย่กว่านี้ ต้องอยู่บ้านคนเดียวตั้งหลายวัน”
“มีผมอยู่ด้วยดีใช่ไหมล่ะครับ?”
“อืม” จะไม่ชมก็ไม่ได้ล่ะนะ “ดีมากเลย”
“ดีใจจัง” หลงหัวเราะแฮะ ๆ หน้าที่ด้านเกิดอาการเขินขึ้นนิด ๆ จนร้อนวูบวาบ
คุณอโณอาจจะไม่คิดอะไร แต่การที่ยอมรับว่ามีหลงอยู่ในชีวิตเป็นเรื่องดีมันทำให้คนเคว้งคว้างเหมือนได้ที่อยู่ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะอยู่กับคุณอโณแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
“เย็นนี้จะทำผัดกะเพราเนื้อที่หลงชอบให้นะ เป็นการไถ่โทษที่ซัดไป”
“ว้า ท้องไส้ผมมีค่าแค่กะเพราเนื้อเองเหรอครับ” หลงทำสำออยบิดตัวไปมาอย่างปวดร้าว “เท้าก็เยิน เลือดก็ไหล แถมโดนหมัดหนัก ๆ ไม่รู้เครื่องในจะบอบช้ำหรือเปล่า ผมเคยดูในทีวีมีคนที่ตายจากอาการช้ำในด้วยนะครับ แล้วไหนจะ...”
“พอแล้ว ๆ” ใครมันสั่งมันสอนให้ทำตัวดรามาติคแบบนี้นะ “งั้นเพิ่มหมูปั้นก้อนทอด”
“เห็นผมเป็นเก๋ากี้เหรอครับ”
“ถ้าอย่างนั้นหลงอยากได้อะไรล่ะ?” อโณชาค่อย ๆ บรรจงวางเท้าหลงลงบนพื้น “ฉันให้ขออะไรก็ได้อย่างหนึ่งเลย”
อะไรก็ได้งั้นเหรอ? ห้องสี่เหลี่ยมในเวลาเย็นย่ำตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะหนึ่ง หลงขยับตัวเล็กน้อยจนเกิดเสียงผ้าเสียดสีกัน มองไปยังคนฝั่งตรงข้าม จุดความรู้สึกเล็ก ๆ ในใจก็เริ่มขยายออกจนท่วมท้น ราวกับเห็นอโณชาที่ยืนอยู่บนเส้นนั้นค่อย ๆ ขยับเข้ามา ระยะห่างลดเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ก้อนเนื้อในอกซ้ายบีบตัวถี่ขึ้น
จะยอมข้ามมาไหมนะ?ไม่รู้ว่าบรรยากาศ ความฮึกเหิมอันใดทำให้หลงเลือกที่จะพูดความในใจออกไปตรง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นขอจูบได้ไหมครับ”รู้ตัวอีกทีก็เรียกมันคืนไม่ได้แล้ว หลงได้แต่นั่งหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นใบหูของอีกฝ่ายขึ้นสีจัด
ไอ้หลง! ไอ้โง่เอ๊ย! ทำคุณอโณโกรธอีกแล้ว......................................................
.....................................
.................
.......
หากตบปากตัวเองร้อยครั้งแล้วจะได้รับการอภัยหลงจะขอตบสักพันครั้ง!! เมื่อตอนกลางวันไอ้ปากเจ้ากรรมดันไปหลุดขออะไรบ้า ๆ ผลน่ะเหรอ! ไม่โดนต่อยก็บุญแค่ไหนแล้ว เอ๊ะ! หรือโดนต่อยจะดีกว่าเจอสงครามเย็นแบบนี้ หลงขดตัวสั่นหงัก ๆ ทำสภาพตัวเองให้น่าสงสารเวทนาที่สุดเพื่อเรียกร้องขอความเห็นใจ
‘ฉันออกไปซื้อของสดนะ’ เป็นประโยคตอบรับคำขอที่แย่สุด ๆ และระยำขั้นกว่าเมื่อโดนหมางเมินตลอดการกินอาหารในมื้อต่อมา กะเพราเนื้อของโปรดอะไรกันล่ะ ของโปรดของหลงคือการได้พูดจ้อย ๆ กับคุณอโณต่างหาก
คิดแล้วหัวใจดวงน้อยก็ห่อเหี่ยวลีบแบนเหมือนก้อนเนื้อฝ่อ ๆ เน่าหนอนรอคุณหมอมาควักทิ้ง นี่ว่าจะขอโทษคุณอโณก็ไม่ยอมเข้าห้องนอนสักที หรือจะหลบหน้าเขาไปนอนกับเก๋ากี้ข้างนอกก็ไม่รู้ พอคิดว่าพ่ายแพ้ต่อแมวสาวอีกครั้งก็ได้แต่ขบกรามเจ็บใจ
อา เกลียดตัวเองจังเลย แค่เขาบอกว่าสำคัญเข้าหน่อยทำเป็นได้ใจ ไม่หัดเจียมตัวเอาเสียเลย หลงซุกหน้าลงกับหมอน เงี่ยหูฟังเพื่อรอจะเอ่ยคำขอโทษ ทว่าความเหนื่อยล้าที่เผชิญมาทั้งวันกดเปลือกตาให้ร่วงลงมาเรื่อย ๆ จนปิดสนิท
แกร๊ก ลูกบิดประตูหมุนช้า ๆ ก่อนจะตามมาด้วยร่างของเจ้าของห้องที่ย่องเข้ามา อโณชาอ้อมไปที่อีกฝั่งของเตียงลอบสำรวจร่างที่นอนสิ้นสภาพบนนั้นไปด้วย ดูจากลมหายใจและท่วงท่าแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าหลงหลับไปเรียบร้อย
เขาทิ้งน้ำหนักตัวอย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ นั่งลงบนเตียง แสงจากหน้าต่างทำให้ภาพตรงหน้ากระจ่างชัด สันจมูกตกกระสูดหายใจฟุดฟิด อโณชาชอบกระของหลง เขาว่ามันน่ารักดี เร็วกว่าความคิดปลายนิ้วก็แตะลงบนรอยจุดที่โหนกแก้ม สัมผัสเบา ๆ อย่างเอ็นดู
แม้จะดูอ่อนปวกเปียก แต่ผู้ชายตัวสูงสมองถั่วอย่างหลงกลับเท่สุด ๆ ในสายตาอโณชา แววตามุ่งมั่นที่ทำทุกอย่างเพื่อเขา แม้ผลลัพธ์มักจะออกมาทุเรศทุรังอโณชาก็ยังคิดว่ามันน่ารักดี
เขาเขี่ยจมูกคนหลับไปมา เมื่อวานหลงคงเหนื่อยมาก โรงพยาบาลสัตว์มีแต่เก้าอี้แข็ง ๆ นอนไม่สบายตัว แถมยังต้องผจญภัยหาทางกลับบ้านเองอีกจะสลบก็ไม่แปลกหรอก อโณชานึกขอบคุณจากหัวใจ เก๋ากี้สำคัญกับเขามากจริง ๆ หากว่าแมวสาวเป็นอะไรเขาคงให้อภัยตัวเองไม่ได้
และหลงก็เป็นคนที่ช่วยปกป้องสิ่งนั้น
อโณชาถามตัวเองอีกครั้ง ‘หากไม่ใช่คนสูญเสียความทรงจำจะรักผู้ชายคนนี้ได้ไหม’ คำตอบติดอยู่ที่ริมฝีปากว่า ‘ได้’ แต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา เพราะความเป็นจริงมันไม่ใช่ หลงมีอดีต มีสิ่งที่รอให้กลับไป และพร้อมจะหายไปจากที่นี่ทุกครั้งที่ลืมตาตื่น
แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก ใช่ สมองพยายามย้ำอยู่อย่างนั้น แต่ความรู้สึกมันห้ามกันได้ด้วยเหรอ ชายหนุ่มละปลายนิ้วออกจากใบหน้าอีกฝ่าย ขยับเข้าไปใกล้ขึ้น หัวใจเจ้ากรรมเต้นโครมครามเมื่อมองใบหน้าที่หลับใหล ชั่ววินาทีนั้นความรู้สึกก็ช่วงชิงการควบคุมไปจากสมองในที่สุด
‘ถ้าอย่างนั้นขอจูบได้ไหมครับ’ คำขอเมื่อตอนกลางวันดังก้องในหัวขณะค่อย ๆ โน้มศีรษะลงช้า ๆ กับคนที่วิ่งเป็นบ้าจนเท้าถลอกปอกเปิกอีกะแค่คำของ่าย ๆ ให้ไม่ได้เชียวหรือ? อโณชาโกหกตัวเองอีกครั้งว่านี่คือสิ่งที่สั่งมาจากสมองไม่ใช่หัวใจ
ริมฝีปากจรดลงบนคนขี้เซา....
จูบ อย่างแผ่วเบา และผละออกราวกับสลายไปทันที
อโณชาหลบตาวูบแม้อีกฝ่ายไม่ได้ลืมตา
พลางพึมพำในใจ
‘ถือว่าให้แล้วนะ’
TBC
จะ...จูบแล้ววววววว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด//วิ่งไปจุดพลุขึ้นเหนือฟ้า สาดแชมเปญไปทั่วทิศทาง
เพราะคุณงามความดีของหลงแท้ ๆ ทำให้มันได้ดีในวันนี้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าทำดีได้ดีค่ะ 5555555
น่าจะประมาณครึ่งเรื่องได้แล้วล่ะค่ะ เอื่อยไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ ค่อย ๆ ขยับกันทีละนิดเนอะ อิ______อิ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
