[ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)  (อ่าน 200538 ครั้ง)

ออฟไลน์ secretowl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตามมาจากกระทู้แนะนำนิยายค่าาาา
สนุกมากเลย
ลุ้นด้วยค่ะ
หมอพายสู้ๆ

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
นานแห๊ะ  กว่าจะคลอดแต่ละตอน  แต่สนุกครับ 

ติดตามอ่านอยู่น๊า   ...

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
มารอตอนต่อครับ ^^

กำลังลุ้นเลยเรื่อง

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หวังว่าจะไม่มีอะไรอันตรายอีกน๊าา แค่คราวที่แล้วโดนแทงก็ใจหายวาบแล้วจ้าา  ขอให้ได้หลักฐานไวๆ  :call:

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
 :call:

ชอบมากเลย ลุ้นๆ

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

-18-


                แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในยามเช้า ส่องลอดผ้าม่านสีขาวบางของรีสอร์ทเข้ามา ในขณะที่พระพายกำลังหลับใหลแต่ยังมีใครอีกคนที่ยังไม่ได้นอน ภูตะวันนั่งพิงหัวเตียงใหญ่ นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่ดวงหน้าหวานของคนรักที่นอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ฝ่ามือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบาเกรงว่าจะรบกวนจนอีกคนตื่นขึ้นมา เขาไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เขานึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าพระพายจัดการคนเดียวจะเป็นยังไง เพราะดูเหมือนยิ่งเข้าใกล้ความจริงเท่าไหร่ อันตรายก็เพิ่มทวีคูณมากเท่านั้น


“.... ตื่นนานแล้วเหรอครับ?” พระพายถามอย่างงัวเงียพร้อมกับขยี้ตาตัวเองเบาๆ


“อรุณสวัสดิ์” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่เปลี่ยนเป็นทักทายคนรักแทน พลางยกมือลูบแก้มใสเบาๆอย่างอ่อนโยน พระพายคลี่ยิ้มบาง เขาลุกขึ้นนั่งมองหน้าคนรักอย่างชั่งใจ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ประกบปากลงบนริมฝีปากหนาแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว โดยที่ภูตะวันเองรู้สึกตกใจเพราะเป็นสิ่งที่ตนไม่คาดคิดว่าพระพายจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน


“อรุณสวัสดิ์ครับ” คุณหมอหน้าหวานรีบผละเข้าห้องน้ำไปในทันทีด้วยความอายเล็กๆ ทิ้งให้อาจารย์หมอได้แต่นั่งอมยิ้มเอ็นดูกับกิริยาที่ดูน่ารักของของคนรัก เพียงเท่านั้นสิ่งที่เฝ้ากังวลมาตลอดทั้งคืนก็ดูจะหายไปเกือบครึ่ง



              หลังจากที่ทั้งสองได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเองจนเสร็จ ก็ออกมานั่งทานอาหารเช้าที่ทางรีสอร์ทได้จัดไว้ให้ โดยที่ภูตะวันเองก็ยังคงมีสายตาที่ระแวดระวังตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะยังคอยเฝ้าติดตามพวกเขาอยู่หรือไม่และยังต้องคอยทำตัวไม่ให้ดูมีพิรุธจนพระพายรู้สึกได้ หากแต่คุณหมอหน้าหวานที่เป็นคนช่างสังเกตอะไรรอบๆตัว บังเอิญเห็นชายชุดดำอยู่มุมหนึ่งของรีสอร์ทที่คล้ายกับว่ากำลังมองมายังโต๊ะพวกเขา ดวงตากลมหรี่มองอย่างสงสัยและเหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภูตะวันที่เห็นว่าคนรักของตนเงียบไปจึงมองตามสายตานั้นไป ชายคนนั้นที่เริ่มจะรู้ตัวจึงรีบหลบไปในทันทีเป็นจังหวะเดียวกับที่พระพายจำได้แล้วว่าสายตาของชายผู้นั้นเขาเคยเห็นมันที่ไหน


“มันคือคนที่แทงพี่ไง ที่ห้องทำงานพายวันนั้น พายจำสายตามันได้!!” เขาพูดเสียงดังอย่างไม่เกรงใจใคร ก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งตามชายคนนั้นไป ทว่าคนตัวสูงกลับคว้าแขนเล็กเอาไว้ไม่ให้วิ่งตามไปเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย


“อย่าไปพาย!!”


“มันตามเรามานะครับ พายไม่ยอมให้สิ่งที่เรากำลังทำเสียแน่!” คนตัวเล็กกว่าพยายามจะวิ่งออกไปอีกครั้ง หากแต่สู้แรงฉุดรั้งจากภูตะวันที่มีแรงกว่าเยอะไม่ได้ เขาจับอีกฝ่ายให้นั่งลงที่เก้าอี้ตามเดิมและคอยจับมือบางเอาไว้เพื่อให้ใจเย็นลง


“พายฟังนะ”


“.............”


“... อาจจะเป็นแผนของมันก็ได้ที่อยากให้เราตามไป พายแค่ทำเป็นไม่รู้เห็นแล้วทำตามวิธีของพี่ก็พอ” เขาพูดเสียงเข้มแต่ก็แฝงความใจเย็นอยู่ในนั้น วิธีที่เขาเลือกทำอาจจะเป็นวิธีที่ดูอิงละครเกินไปหน่อย แต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดกว่าการแจ้งตำรวจโดยตรง เพราะเขาเองก็ไม่มีหลักฐานอะไรหากตำรวจจะสาวถึงต้นตอของการสะกดรอยตาม


“วิธีอะไรครับ?”



             ภูตะวันถามทางจากพนักงานในรีสอร์ทหลังจากที่เก็บข้าวของและเช็คเอาท์เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ตั้งใจจะอยู่พักผ่อนอีกสักคืน แต่ตอนนี้คงไม่มีอารมณ์จะทำอะไรมากกว่าการทำเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ให้เสร็จโดยไว รวมถึงพระพายเองก็เครียดเกินกว่าจะมีอารมณ์มาเที่ยวเล่นพักผ่อนอย่างที่คนรักต้องการให้เป็นแบบนั้น ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจความรู้สึกของกันและกันก็เป็นอันว่าตกลงรีบเร่งมือให้เรื่องที่กำลังทำอยู่สำเร็จบรรลุผลอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ โดยที่ไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวาง


“คันนั้นใช่ไหมครับที่ตามเรามา?” พระพายถามเสียงเรียบ มองรถเก๋งคันหนึ่งที่ขับเว้นระยะออกไปไม่ไกลมากนักผ่านกระจกมองข้างฝั่งที่ตนนั่ง คนขับเหลือบมองกระจกมองหลังเล็กน้อยก่อนจะวางมือข้างที่ว่างลงบนมือบางของคนรักพร้อมกับบีบเบาๆ


“อืม ... กลัวไหม?” อาจารย์หมอเอ่ยถามพลางเหลือบมองหน้าคนรักสลับกับมองถนนเป็นระยะ พระพายส่ายหน้าช้าๆระบายยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน


“มีพี่อยู่ พายไม่กลัวครับแล้วพี่ล่ะ?”


“ไม่ พี่ไม่เคยกลัวตายแต่พี่กลัวว่าถ้าตายแล้วจะไม่ได้อยู่กับเรามากกว่า” คนฟังถึงกับใบหน้าแดงระเรื่อ เขาเกาหางคิ้วตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกกระจกฝั่งตัวเองพลางอมยิ้มเบาๆ ภูตะวันกระแอมไอเล็กน้อยอย่างเก้อเขินที่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดอะไรอย่างนั้นออกไป



                 รถสีบลอนด์เงินเลี้ยวเข้ามายังจุดหมายที่ต้องการ ทั้งสองคนเหลือบมองกระจกว่าคนพวกนั้นที่ขับตามมาจะเผลอเลี้ยวตามเข้ามาหรือไม่ ทว่ามันขับผ่านไปอย่างช้าๆอย่างที่พวกเขาหวัง ภูตะวันหัวเราะหึ ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่แผนการเลี้ยวรถเข้ามาในสถานีตำรวจนั้นได้ผล คนพวกนั้นไม่กล้าขับตามพวกเขาแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องรอเวลาให้ผ่านไปสักพัก เพื่อให้มั่นใจว่าพวกมันจะไม่ตามอีกต่อไปซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะละความพยายามไปหรือไม่

           
                 ชายชุดดำคนของพฤติพงศ์นั่งอยู่ในรถฝั่งข้างคนขับด้วยสีหน้ากังวล พวกเขาขับมาจอดในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีตำรวจที่ภูตะวันและพระพายเลี้ยวเข้าไป ถึงแม้จะไม่อยากทำแต่คำว่าผู้มีพระคุณก็ค้ำคอ พฤติพงศ์เป็นคนดึงเขามาทำงานในโรงพยาบาลวิวรรธน์ ทำให้เขามีงานมีเงินเพื่อจุนเจือครอบครัวและถ้าไม่ทำเขาก็ไม่แน่ใจว่าครอบครัวของเขาจะปลอดภัยหรือไม่


‘พวกเขามาที่สถานีตำรวจของอำเภอหนึ่งในจังหวัดครับ จะให้ทำยังไงต่อครับคุณหมอ’


(มันรู้ตัวหรือเปล่า?)


‘... ผมไม่แน่ใจ’


(บ้าชิบ! พวกแกกลับมาก่อน)

                  พฤติพงศ์วางสายไปทันทีหลังจากพูดจบด้วยความฉุนเฉียว ต่อให้ไม่รู้ว่าภูตะวันกับลูกศิษย์กำลังทำอะไรกัน ยังไงเรสสิเดนท์ที่ชื่อว่าพระพายก็ต้องได้รับโทษจากการรู้มากอยู่ดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าการสะกดรอยตามจะเป็นผลหรือไม่ ทางออกสุดท้ายของสองคนนั้นคือชีวิต ... ไม่ใครก็ใคร




                   จนเวลาผ่านไปได้หลายชั่วโมง ทั้งสองคนก็มองหารถคันที่ขับตามมาว่ายังอยู่แถวนี้หรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าไม่เห็นแล้วเขาจึงรีบขับออกมาจากสถานีตำรวจแล้วตรงไปยังจุดหมายที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรกทันที โดยที่มีพระพายคอยบอกทางจากแผนที่คร่าวๆที่พนักงานรีสอร์ทเขียนเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น


“ทางเข้าหมู่บ้านชาวประมงข้างหน้าครับ” พระพายชี้บอกทางกับคนรักอย่างตื่นเต้น อาจารย์หมอเลี้ยวรถเข้ามาในซอยเล็กๆที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านคนสลับกับพื้นที่ป่าชายเลนเป็นระยะๆ


“บ้านคนเยอะขนาดนี้ขับรถหาคงไม่เจอ พายว่าเราจอดรถแล้วเดินหากันดีกว่าไหมครับ?”


“โอเค” หมอซันจึงจอดรถที่วัดเล็กๆภายในหมู่บ้านของชาวประมง ก่อนที่ทั้งสองคนจะลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าเอกสารที่พระพายถือไว้เก็บรักษาเป็นอย่างดี


                ภูตะวันอ่านที่อยู่ของบุคคลที่ต้องการพบอีกครั้งและออกเดินตามหา ทันทีที่ชาวบ้านเห็นพวกเขาก็พากันมองอย่างสงสัยเพราะดูยังไงก็ไม่ใช่คนในพื้นที่


“เอ่อโทษนะครับ ผมตามหาบ้านหลังนี้ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนรู้ไหมครับ?” อาจารย์หมอเป็นฝ่ายเข้าไปถามชาวบ้านในละแวกนั้น พวกเขาต่างพากันมารุมดูกระดาษใบเล็กที่เขียนชื่อและที่อยู่เอาไว้


“อยู่ฝั่งนู้นพ่อหนุ่ม ต้องข้ามสะพานไป เดี๋ยวป้าให้ไอ้เท่หลานป้ามันพาไป ไม่ไกลๆ”


“ขอบคุณครับ” ทั้งสองคนระบายยิ้มกับสิ่งที่ได้พบเจอ คนที่นี่ถึงจะไม่ได้รวยเงินทองแต่ก็ดูรวยน้ำใจกว่าคนที่มีหลายเท่านัก
ป้าใจดีตะโกนเรียกหลานเสียงดังโหวกเหวก ไม่นานเด็กตัวเล็กๆรูปร่างผอมบาง ผิวคล้ำ เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าย้วยๆเก่าๆก็วิ่งออกมาพร้อมเพื่อนที่ตัวไล่ๆกันอีกสองคน พระพายอมยิ้มที่เห็นภาพเด็กพวกนี้ เพราะทำให้เขาเห็นภาพตัวเองตอนที่ยังเด็กตอนที่ยังอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวในเวลาสั้นๆ


“เอ็งไปส่งพวกคุณเขาข้ามไปฝั่งนู้นที แล้วรีบกลับมาล่ะอย่าเถลไถล” เด็กสามคนเงยหน้ามองพวกเขาพร้อมขมวดคิ้วอย่างสงสัยตามประสาเด็ก แต่สุดท้ายก็พยักหน้าและเดินนำเขาทั้งสองคนไป


                 ทางเดินที่จะข้ามไปหมู่บ้านอีกฝั่งเป็นดินทราย ข้างทางเป็นป่าชายเลนทั้งสองฝั่งทำให้แสงแดดยามบ่ายเช่นนี้ไม่ลงมากระทบผิวหน้าให้ร้อนมากนัก เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องกันดังระงมถึงแม้จะไม่ใช่ยามค่ำคืน เพื่อนร่วมทางต่างวัยส่งเสียงเจื้อยแจ้วกันตลอดทาง อาจารย์หมอลอบสังเกตสีหน้าของคนรักที่เดินอยู่ข้างๆก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มและทอดสายตามองเด็กสามคนอย่างเอ็นดู


“ยิ้มอะไรนัก หื้มม?”


“...พวกเขาเหมือนพายตอนเด็ก”


“พายตัวดำแบบนี้เหรอ?” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะ จนคนฟังยู่หน้าตวัดมองค้อนเล็กน้อยอย่างไม่จริงจังนักที่ทำเสียบรรยากาศในการคิดถึงตัวเองสมัยยังเป็นเด็ก


“พายชอบเล่นจนเนื้อตัวมอมแมมแล้วพ่อก็ชอบเอาก้านมะยมมาขู่จะตีถ้าพายไม่ไปอาบน้ำ ตอนนั้นพายก็กลัววิ่งหนีไม่อยากโดนพ่อตี แต่ตอนนี้ ... พายอยากให้พ่ออยู่ตีพายดุพายทุกวัน”


“มันผ่านมาแล้ว แต่พายก็รู้ใช่ไหมว่าท่านไม่ได้ไปไหน ท่านแค่ย้ายมาอยู่ในความทรงจำของเรา” เขาบอกพร้อมกับลูบศีรษะคนรักพร้อมกับสายตาและรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เด็กชื่อเท่ผู้นำทางพร้อมกับสมุนก็ตะโกนขัดขึ้นมาเสียงดังลั่นป่า


“ถึงแล้วจ้ะพี่ เดินข้ามสะพานนี้ไป แต่ว่าต้องเดินทีละคนนะ” นิ้วสั้นๆป้อมๆชี้ไปยังสะพานตรงหน้า ไม้กระดานสองแผ่นมีราวจับที่ทำจากไม้ไผ่เชื่อมฝั่งนี้กับฝั่งนู้นให้ไปมาหาสู่กันได้ง่าย สูงจากผืนน้ำด้านล่างค่อนข้างมาก ซึ่งคงจะเป็นการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ทำขึ้นเอง


เด็กๆวิ่งลิ่วข้ามไปโดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ คงเพราะเจ้าตัวคุ้นชินกับทางแถวนี้แล้ว พอถึงฝั่งนู้นก็กวักไม้กวักมือเรียกให้คุณหมอทั้งสองคนรีบตามไปจนพระพายต้องหัวเราะออกมาเบาๆกับความทะเล้นของพวกเด็กน้อย อาจารย์หมอให้พระพายข้ามไปฝั่งนู้นก่อนเพราะเขาไม่สามารถทิ้งให้คนรักต้องอยู่ฝั่งนี้คนเดียวได้

      พระพายเดินข้ามสะพานไม้ที่มีเพียงแผ่นไม้สองแผ่นวางขนานกันและจับราวไม้ไผ่อย่างระมัดระวัง โดยมีภูตะวันที่รออยู่ด้านหลังยืนลุ้นและเตรียมพร้อมเสมอหากเกิดอะไรที่ผิดพลาด แต่สุดท้ายคุณหมอหน้าหวานก็เดินข้ามไปรวมอยู่กับพวกเด็กๆอย่างปลอดภัย เขาจึงโล่งใจและเดินตามอีกคนไปในเวลาถัดมา


“พวกหนูส่งพี่แค่นี้นะ เดี๋ยวกลับช้าแล้วจะโดนตีเอา คิกๆ” เจ้าเท่พูดไปหัวเราะไป เรียกความเอ็นดูจากหมอทั้งสองคนได้ไม่น้อย หมอซันจึงควักธนบัตรใบสีแดงให้คนละใบเป็นสินน้ำใจ เด็กๆหูตาแพรวพราวดีใจเป็นการใหญ่ที่ได้ค่าขนมเอาไปฝากยายให้เก็บไว้ ก่อนจะรีบวิ่งข้ามสะพานกลับไปฝั่งเดิม


“นอกจากจะเป็นหมอแล้วก็ยังเป็นป๋าด้วยนะครับเนี่ย” พระพายแซวคนรักด้วยรอยยิ้ม คนถูกแซวหัวเราะเล็กน้อยพลางยกมือหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆอย่างเอ็นดูแล้วพากันเดินเข้าหมู่บ้านชาวประมงฝั่งนี้ไปเพื่อหาบ้านของคนที่ต้องการพบ



               อาจเพราะเป็นวันและเวลาทำงานจึงไม่ค่อยชาวบ้านเดินไปมาในหมู่บ้านมากนัก คงจะอยู่ที่ท่าเรือของหมู่บ้านหรือบางคนก็อยู่ แต่ในบ้านจึงไม่กล้าที่จะรบกวนถามไถ่เลยต้องเดินหากันต่อไปจนเมื่อเจอหญิงสาวที่เป็นเจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้านก็รีบเดินเข้าไปในทันที แต่จะให้เดินเข้าไปถามเฉยๆพระพายเองก็เกรงว่าจะน่าเกลียดจึงขอซื้อน้ำเปล่าจากเขาสักสองขวด ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการ


“พอดีผมมาหาบ้านหลังนี้น่ะครับ พอจะรู้ไหมฮะว่าอยู่ตรงไหน?” หญิงสาวอ่านชื่อและที่อยู่ในกระดาษสีขาวใบเล็กที่พระพายเป็นคนจดมา เธอใช้เวลาอ่านไม่นานก็ส่งให้หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลให้ช่วยดูอีกแรงเพื่อความแน่ใจก่อนจะบอกออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ได้ย้ายออกไปนานแล้ว


“ย้ายไปไหนครับ!?” พระพายถามด้วยความตระหนกตกใจเพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำมาตลอดดูเหมือนจะกลายเป็นศูนย์เพียงแค่คำว่าย้ายออกไปแล้วของคนที่เขาต้องการพบ อาจารย์หมอเองก็ใจหายไม่น้อยแต่ก็ยังคงมีสติไม่ตระหนกตกใจจนทำให้ชาวบ้านที่พวกเขามาขอความช่วยเหลือต้องแปลกใจและสงสัยพวกเขาจนเกินไป


“พอจะบอกได้ไหมครับว่าเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน? ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเขาจริงๆ” หญิงสาวทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างชั่งใจว่าควรจะบอกไปดีหรือไม่ แต่เท่าที่ดูจากหน้าตา การแต่งตัวและกิริยาท่าทางของชายทั้งสองคนแล้วก็ดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไรจึงตัดสินใจบอกออกไป


“ย้ายไปทำรีสอร์ทเล็กๆอยู่ที่หาด....”


“ทำรีสอร์ท” พระพายพึมพำอย่างแปลกใจว่าพวกเขาเอาเงินจากไหนมาทำรีสอร์ท เพราะในประวัติการรักษาของผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้วครอบครัวเป็นเพียงชาวประมงเท่านั้น อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดคู่กรณีก็เป็นคนจ่ายให้


“ตั้งแต่ที่ลูกชายแกเสีย แกก็ย้ายออกไปเห็นบอกว่าจะไปทำรีสอร์ท แกน่าจะได้เงินจากประกันชีวิตลูกหรือไม่ก็คู่กรณีเขาให้ค่าทำขวัญ” หญิงวัยกลางคนบอกกึ่งสันนิษฐานไปด้วย ทว่าพระพายกลับเดาเรื่องออกว่ามันอาจไม่ใช่อย่างที่เธอคิดทั้งหมด เงินที่พวกเขาได้มาอาจจะเป็นเงินค่าทำศพจากไอ้หมอชั่วคนนั้น


“ชื่อรีสอร์ทอะไรพอทราบไหมครับ?”


“........” หญิงชาวบ้านส่ายหัวช้าๆด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อยที่เธอไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้มากกว่านี้ เพราะพวกเธอก็ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นใช่ชื่อรีสอร์ทว่าอะไร รู้แค่เพียงว่าก่อนย้ายออกไปสองสามีภรรยาบอกแค่เพียงว่าจะย้ายออกไปทำรีสอร์ทให้เป็นสมบัติของลูกสาวคนเล็กที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว


“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้พวกผมก็ขอบคุณมากแล้ว” คุณหมอยกมือไหว้ขอบคุณหญิงสาวทั้งสองที่ให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะลากลับและรีบพากันเดินออกจากหมู่บ้านชาวประมงทันที เพราะนี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว


“เราจะหารีสอร์ทพวกเขาจากไหนดีครับ?” พระพายถามอย่างกังวลในขณะที่มือของตนก็ถูกอีกฝ่ายจับจูงไปตลอดทาง


“อันดับแรกเราไปที่หาดนั้นก่อน หาที่พักแล้วหาชื่อเขาจากรายชื่อผู้ประกอบกิจการในอินเทอร์เน็ต”



               ภูตะวันขับรถออกจากหมู่บ้านชาวประมงและขับไปตามแผนที่ในสมาร์ทโฟนที่นำไปหาดที่เป็นจุดหมายต่อไป เขาดูอิฐโรยและสีหน้าเหนื่อยล้ามากเนื่องจากไม่ได้นอนมาทั้งคืนและวันนี้ยังต้องขับรถเกือบจะทั้งวันอีกทั้งยังต้องเดินตระเวนหาบ้านของคนที่ต้องการพบท่ามกลางไอแดดจากทะเล หากแต่ก็ไม่ย่อท้อเพราะหนักกว่านี้ช่วงทำวิจัยหรือผ่าตัดหลายชั่วโมงก็ผ่านมันมาแล้ว


                เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งเย็นพอดี รถคันหรูก็เทียบจอดที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งขนาดไม่ใหญ่นักที่ริมชายหาดอันเงียบสงบของอำเภอนี้ หลังจากที่เช็คอินเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้วอาจารย์หมอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มทันที ภูตะวันหลับตาลงพลางถอนหายใจออกมาพรูใหญ่


“นอนพักเถอะครับ ขับรถมาทั้งวัน”


“ไปเดินเล่นกัน”


“แต่ว่า....” คุณหมอหน้าหวานตอบอย่างลังเลใจ เพราะอีกใจก็อยากจะหารายชื่อของฝ่ายนั้นให้เจอ จะได้พบกับพวกเขาเร็วๆอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ทว่าอาจารย์หมอหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้เขาลุกขึ้นจากเตียงและจูงคนรักออกจากห้องไปโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ท้วงอะไรอีก


                 ภูตะวันพาพระพายเดินลงมาที่ชายหาดสีขาวทอดยาวไปไกลสุดตา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองไปยังท้องทะเลยามเย็นที่ดูสบายตา เสียงคลื่นลูกเล็กวิ่งมากระทบปลายเท้าชวนให้ผ่อนคลายไม่น้อย พระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้าดูเหมือนจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิตไปเมื่อได้ยืนดูมันกับคนรัก


“ไม่เหนื่อยเหรอครับ ถึงชวนออกมาเดินเล่น” เอียงใบหน้าถามคนรักที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย ภูตะวันยกยิ้มบางๆพลางปัดปอยผมด้านหน้าของคนรักที่ถูกลมพัดออก


“พี่เจอหนักกว่านี้มาตั้งเยอะ แค่นี้สบายมาก” เขาจับมือจูงกันไปบนหาดทรายสีขาวที่ทอดตัวเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตาและดูเหมือนจะมีเพียงแค่เขาสองคนเท่านั้นบนหาดทรายในวันธรรมดาเช่นนี้


“...คิดแล้วก็ตลกดีนะครับที่เราสองคนมาคบกันได้”


“ตลกยังไง?” เขาถามเสียงนุ่มพลางดึงมือบางให้หยุดเดินและนั่งลงบนขอนไม้ใหญ่ริมชายหาดข้างๆกัน


“ไม่รู้สิครับ พี่ดูเหมือนไม่ชอบพายตั้งแต่วันแรกทำอะไรก็เหมือนถูกจับตามองตลอดเวลา พายก็ไม่ค่อยถูกชะตากับพี่เท่าไหร่ด้วย” ภูตะวันหัวเราะกับคำบอกเล่าของคนรักที่พูดย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน


“...เพราะพี่ชอบพายมากต่างหากพายถึงอยู่ในสายตาพี่ตลอดไง” คนฟังถึงกับหน้าขึ้นสี อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีมองท้องทะเลยามเย็นที่สะท้อนแสงสีส้มแดงจากพระอาทิตย์ดวงใหญ่แทน


“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะไม่มีวันปล่อยมือพาย พี่จะทำให้ดีที่สุดนะ” พระพายหันไปสบตากับอีกคน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนความจริงใจและความอ่อนโยนให้เขาเห็น เขาระบายยิ้มบางๆอย่างรู้สึกดีไม่น้อยที่ได้รับความรักความจริงใจจากชายคนนี้มากมายเหลือเกิน


“...ถึงพี่จะปล่อยมือพาย พายก็ไม่ยอมให้ปล่อยหรอกฮะ พายดื้อพี่ก็รู้ เพราะฉะนั้นเราจะเดินไปด้วยกัน ขอบคุณนะครับ ... พายรักพี่นะ” พูดจบก็เอนศีรษะซบลงกับไหล่หนาของคนรักพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่สุด ภูตะวันที่ได้ฟังก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะละสายตาจากคนรักมองพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นน้ำทะเลอยู่ครึ่งดวง สองมือกระชับแน่นเพื่อยืนยันว่าจะจับมือกันเดินไปไม่มีวันปล่อย ...



***************



Talk : คลอดมาอีกตอน อย่าว่าเลยนะคะที่อัพช้า T^T บางทีเวลามีแต่อารมณ์ไม่มีก็พิมพ์ไม่ออกค่ะ 555555
เราไม่ได้ยืดเยื้อให้ไม่จบซักทีน้าาา แต่แหมมม มันก็ต้องมีอุปสรรคกันมั่งเนอะ จะมาหากันเจอง่ายๆได้ไง
คนไม่รู้จักกันมาก่อนเนอะ อิอิ แต่เดี๋ยวอีกนิดก็จบแล้วล่ะค่ะ ใกล้ความจริงแล้ว

เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาา :)
อ้อ! เรามีเรื่องใหม่ ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ #หลงเหลี่ยมรัก ลองอ่านกันดูนะ ^^
เจอกันตอนหน้าค่าาาา จุ้บๆ :3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2015 22:09:11 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มจึกๆ

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พระพาย  แรดอ่ะ .....   ๕๕๕๕๕

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พี่ซันหล่อไปอีกกก :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
อิหมอชั่วก็ชั่วได้โล่จริงๆ  :เฮ้อ:
หมอซันกับพายสู้นะะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
อ้าวหมดตอนเเล้ว

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เอาใจช่วยพี่ซันน้องพายตามหาพยานหลักฐานเจอเร็ว ๆ

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
อย่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลยน๊าาา
ที่เข้ามาพักนี่จะใช่รีสอร์ทของบ้านนั้นรึเปล่า TT
อยากอ่านต่อแล้วหง่าาาาา

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
โอ้ยยยยยยยยยยยยย ทะเลเชื่อมเลยจ้าาาาาาาา

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ว่างกันเป็นเดือน พี่หมอซันอย่าลืมพาหมอพาย



ไปฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว พร้อมฝึกยิงปืนนะ



ดูท่าอิหอโจจะเล่นไม่เลิกแถมเล่นแรงด้วยอะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เอาใจช่วยหมอซันหมอพาย ถ้าโชคดีรีสอร์ทที่ไปพัก
อาจจะเป็นของคนที่ตามหาก็ได้

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ซันกับพายสวีทไม่เกรงใจกันเลย
ลุ้นว่าทั้งคู่จะจัดการเรื่องไอ้หมอเลวยังไง
หวังว่าทั้งคู่จะไม่ต้องเจ็บตัวมากนักนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ตอนหน้าน่าจะเพิ่มความตื่นเต้นขึ้นแน่ๆ
มาลุ้นกันต่อครับ

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
รอลุ้นไปด้วยกัน จะได้ข้อมูลเพิ่มกันหรือเปล่า
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
หวั่นใจจังง อย่าให้ใครเป็นอะไรมากนะไรท์ กลัวดราม่าจังงง เกลียดอิหมออเลว

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มดขึ้นทะเลแน่ๆ

ออฟไลน์ Sugar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฟินจังเลยยยยยยยยยยย อยากอ่านต่ออออออออออออ

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เพิ่งเคยอ่ายเรื่องนี้ ตามอ่านทันแล้วววว สนุกมากๆ ค่ะ อ่านไปลุ้นไป พี่ซันกับน้องพายอบอุ่นมากเวลาอยู่ด้วยกัน ชอบตรงที่มีการสอดแทรกเนื้อหาการผ่าตัดไว้ในตอนอ่านแล้วเหมือนอยู่ในห้องผ่าตัดด้วยเลย คนไข้จะรอดมั้ยๆ 555555

รออ่านตอนต่อไปนะค้า เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า  :mew1:

ออฟไลน์ kpHJstdy

  • HHD요
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แงงงงงงงงง กำลังเพลินนนน ตอน18จบซะแล้ว  จริงๆเห็นตอน17แล้ว กะจะอ่านแต่ก็วุ่นๆจนมาอ่านรวมกับตอน18ซะได้  สองคนนี้เค้าน่ารักกกกก  ฮื้ออออ ถึงจะโดนตามล่า สืบหาข้อมูลเพื่อตามจับคนร้ายแต่ก็ยังมีบรรยากาศละมุนมากกกกก แล้วอ่านเรื่องนี้ทีไรเพลินสุดๆ พอเห็นคนแต่งบอกใกล้จบแบบอยากจะงอแง  5555555 รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

-19-



                    บรรยากาศยามค่ำคืนของทะเลนอกเมืองเต็มไปด้วยความวังเวงและเงียบสงัด มีเพียงเสียงพัดของสายลมแรงดังแข่งกับเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งของผืนทะเลกว้าง ท้องฟ้าสีดำมืดมิดไร้แสงสว่างของดวงจันทร์และดวงดาวเพราะถูกกลุ่มเมฆก้อนใหญ่เข้ามาปกคลุม
      
                    เม็ดฝนเล็กๆโปรยปรายลงมาแต่เพียงชั่ววินาทีสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย  ลมด้านนอกห้องพักพัดแรงจนต้นไม้ไหวเอน ท้องฟ้าที่มืดดำส่งเสียงร้องอื้ออึงทำให้คนที่อยู่ในห้องเข้าใจได้ว่าคงจะเกิดพายุเสียแล้ว


“ไม่รู้ว่าไฟจะดับหรือเปล่า พี่จะออกไปขอเทียนจากคนดูแลที่นี่นะ” เขาปิดผ้าม่านลงหลังจากที่ยืนมองบรรยากาศภายนอกห้องพักได้สักครู่แล้ว


“จะไปยังไงล่ะครับ ร่มก็ไม่มี มันอาจจะไม่ได้ดับก็ได้” พระพายค้านคนรักก่อนจะไล่หาชื่อของคนที่ต้องการพบในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คว่าอยู่รีสอร์ทแห่งใดต่อ แต่ไม่ทันที่ภูตะวันจะได้พูดอะไรข้างนอกก็เกิดเสียงดังขึ้นมาก่อนที่ไฟจะดับลงเหลือเพียงแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์บนตักของพระพาย


“หม้อแปลงคงระเบิด”


“... พูดยังไม่ทันขาดคำ” พระพายบ่นงึมงำพลางเพ่งมองคนรักที่กำลังเดินเข้ามานั่งข้างๆ ต่างคนต่างใช้เวลาคิดว่าควรจะทำยังไงดีในเวลาที่ไฟเกิดดับขึ้นมาแบบนี้ จะนอนตั้งแต่หัวค่ำเลยหรือว่าควรจะใช้เวลาหารายชื่อที่ต้องการต่อในความมืดแม้จะทำให้สายตาเสีย ห้องพักในรีสอร์ทเล็กๆก็ไม่มีเบอร์ภายในให้ติดต่อหากต้องการความช่วยเหลืออะไร


ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
      เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นท่ามกลางเสียงสายฝนที่ตกกระทบหลังคา พวกเขาต่างหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจที่มีเสียงเคาะประตูในเวลานี้ที่ฝนตกหนักเช่นนี้ แต่เสียงที่ได้ยินต่อมาก็ทำให้โล่งใจได้ไม่น้อย


“คุณคะ ป้าเองนะ” ภูตะวันลุกขึ้นไปแง้มผ้าม่านดู ก่อนจะเปิดประตูออกเมื่อเห็นว่าเป็นคุณป้าที่ดูแลรีสอร์ทที่นี่ เธอลดร่มคันใหญ่ในมือลงยื่นเทียนไขหนึ่งกล่องให้ภูตะวันด้วยรอยยิ้มใจดี


“ป้าเอาเทียนมาให้ ขอโทษด้วยนะจ๊ะ คงจะลำบากแย่ แต่แจ้งทางการไฟฟ้าแล้วเดี๋ยวคงจะมาจัดการให้” เธอเห็นว่าพระพายกำลังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์จึงเข้าใจว่าคงจะทำงาน แต่ไฟเกิดดับขึ้นมาคงจะทำให้ลำบากในการทำงานจึงขอโทษอย่างรู้สึกผิด


“ไม่เป็นไรครับ”


“มาเที่ยวช่วงโลวซีซั่นก็แบบนี้แหละจ้ะ ป้าจะปิดรีสอร์ทก็กลัวว่าจะไม่มีกินมีใช้ ... ป้าไปก่อนนะ มีอะไรให้ป้าช่วยเหลือก็เรียกได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”


“ครับ ขอบคุณนะครับ” ภูตะวันเอ่ยขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ในขณะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินออกจากหน้าบ้านพักของพวกเขาไป พระพายที่นั่งเงียบๆอยู่นานก็เกิดอยากจะรู้อะไรขึ้นมาจึงพุ่งตัวลงมาจากเตียงพร้อมกับร้องเรียกเธอเอาไว้เสียก่อนจนคนรักอย่างภูตะวันเองก็สงสัย


“เดี๋ยวครับคุณป้า!!”


“คะ?”


“คือ ... คุณป้าพอจะรู้จักคนชื่อกฤษฎา เกิดผลรึเปล่าครับรีสอร์ทเขาอยู่ที่ไหน?” เขาถามในสิ่งที่อยากรู้ทันที เพราะคิดว่าคงเป็นโอกาสที่จะได้คุยกันและเธอก็คงพร้อมที่จะช่วยเหลือ หากจะลองถามก็ไม่น่าเสียหายอะไร ข้อมูลอาจจะเร็วกว่าที่เขามานั่งไล่หารายชื่อที่มีเป็นพันเป็นหมื่นรายชื่อของเจ้าของรีสอร์ททั้งประเทศเสียอีก


“ก็ที่นี่ไงคะ สามีป้าเอง” เธอตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรตามประสาชาวบ้านนอกเมืองที่เป็นเจ้าถิ่น คนต่างถิ่นมาก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ คุณหมอทั้งสองคนที่ได้ฟังก็หันหน้ามองกันอย่างอึ้งไป คนที่กำลังตามหาอยู่ใกล้เพียงแค่ปลายจมูกเท่านั้น


“ตอนนี้คุณลุงกำลังทำอะไรครับ ผมอยากพบเขา!?” คุณหมอหน้าหวานถามอย่างร้อนรนจนภูตะวันต้องปรามให้ใจเย็นลงด้วยการกุมมือเล็กเอาไว้ในความมืด การกระทำที่ดูจู่โจมหรือร้อนรนเกินไปอาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความสงสัยอย่างมากและอาจจะทำให้เขาไม่ไหว้ใจได้


“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”


“พวกผมแค่อยากคุยกับคุณลุงครับ” ภูตะวันตอบอย่างสุขุมแต่ก็แฝงด้วยความจริงจังในสายตาไมให้คนมองต้องรู้สึกว่าพวกเขาละลาบละล้วงเกินไปนัก เธอไม่ได้ตอบอะไรทว่าเสียงย่ำน้ำบนพื้นดินที่เฉอะแฉะพร้อมด้วยแสงไฟจากหลอดไฟฉายกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาท่ามกลางเม็ดฝนและลมที่เริ่มเบาลงบ้างแล้ว


“นวล! แกทำอะไรอยู่น่ะมาตั้งนมนาน รบกวนอะไรคุณเขา!?” เจ้าของแสงไฟจากไฟฉายตะโกนเสียงดังและเดินใกล้เข้ามาจนหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักด้วยชุดเสื้อกันฝนตัวใหญ่และสวมหมวกสาน พระพายลอบกลืนน้ำลายอย่างกังวลและตื่นเต้นที่ได้เห็นคนที่เขาตามหาอยู่ตรงหน้า


“มาพอดี คุณเขาถามหาบอกว่าอยากคุยด้วย” เธอหันไปบอกสามีทันทีที่เขามาถึง


“มีอะไรเหรอครับ?” ถึงแม้จะแปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็เอ่ยถามออกไปอย่างสุภาพในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นลูกค้ารีสอร์ทเล็กๆของพวกเขา ทั้งภูตะวันและพระพายต่างก็เงียบไปเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดีเพราะพวกเขาเจอในเวลาที่ไม่ทันได้ตั้งตัว


“คือ ... พวกผมเป็นหมอจากโรงพยาบาลวิวรรธน์ ต้องการที่จะ”


“ผมไม่มีอะไรจะคุย ยายนวลกลับกันเถอะ!!” ชายเจ้าของรีสอร์ทปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยตั้งแต่ที่ได้ยินว่ามาจากโรงพยาบาลวิวรรธน์ เขาดึงแขนภรรยาให้ออกจากบ้านพักหลังนี้ทันทีและเดินออกมาด้วยความเร็ว ภูตะวันรีบใส่รองเท้าและวิ่งตามพวกเขาออกไปทันที ในขณะที่พระพายกลับไปที่เตียงหยิบซองเอกสาร โทรศัพท์มือถือของตัวเองและวิ่งตามออกมาท่ามกลางสายฝนที่ยังตกไม่หยุด


“คุณลุงครับ!! ฟังพวกผมก่อนนะครับ!!” คนตัวสูงวิ่งฝ่าความมืดตามสองสามีภรรยาไป แต่ไม่มีวี่แววว่าฝ่ายนั้นจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดเจ้าของรีสอร์ทก็ปิดประตูบ้านพักของตนเองลงก่อนที่ภูตะวันจะมาถึงเพียงเสี้ยววินาที


“คุณลุงคุณป้าครับ พวกผมมาเพื่อช่วยเหลือ ได้โปรดออกมาคุยกันเถอะครับ” พระพายที่วิ่งตามมาถึงหน้าบ้านพักก็พูดออกไปทั้งที่ยังเหนื่อยหอบและเนื้อตัวเปียกปอนไม่ต่างจากคนรัก ก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋าตัวเองขึ้นมาโชคดีที่มันยังใช้งานได้เปียกไม่มากนักและซองเอกสารก็เป็นซองหนัง


“พวกคุณกลับไปเถอะ ผมไม่มีอะไรจะคุย!!” เสียงในบ้านตะโกนตอบกลับมา ทว่าหมอทั้งสองคนก็ไม่ย่อท้อ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้พวกเขาเหนื่อยและพยายามกันขนาดไหนจะปล่อยไปง่ายๆก็คงจะไม่ได้


“ผมไม่กลับง่ายๆหรอกครับ จะนั่งรออยู่อย่างนี้จนกว่าคุณทั้งสองคนจะออกมา” ภูตะวันพูดเสียงนิ่งและจริงจัง เขาดึงคนรักให้นั่งลงที่เก้าอี้หินอ่อนหน้าบ้านพักที่มืดสนิท



                 จนเวลาผ่านไปได้สักพักใหญ่ ฝนก็เริ่มเบาบางลงมากเหลือเพียงเสียงของมันที่หยดจากหลังคาลงมาสู่พื้นดินเท่านั้น ไฟฟ้าที่เคยดับก็สว่างขึ้นทำให้มองเห็นอะไรได้ชัดขึ้น จากนั้นไม่นานเสียงเปิดประตูบ้านก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา จึงรีบหันกลับมามอง


“ผ้าจ้ะ” เธอเอาผ้าขนหนูสองผืนยื่นให้พวกเขาและยังมีรอยยิ้มที่ใจดีเช่นเคยถึงแม้จะไม่เท่าครั้งแรกที่ได้รับ อาจจะเป็นเพราะแววตาของเธอที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน พวกเขายื่นมือรับพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเธออย่างจริงใจ ก่อนที่เธอจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรง
ข้ามพวกเขา


“เดี๋ยวลุงเขาก็ออกมาจ้ะ”


“...........” พวกเขาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น เพราะในเวลานี้คงจะเป็นเวลาที่ค่อนข้างตึงเครียด สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนักเพราะเหมือนกับว่าพวกเขามารื้อฟื้นความเศร้าใจของคนที่สูญเสียให้กลับมาอีกครั้ง


เพียงไม่นานเจ้าของรีสอร์ทก็เดินออกมานั่งลงข้างๆภรรยาของเขา แสงจากหลอดไฟที่สว่างทำให้คุณหมอทั้งสองเห็นสีหน้าของเขาชัดมากขึ้น สีหน้าที่ดูเศร้าลงไปถนัดตา


“อยากจะคุยอะไรล่ะ?” เขาถามเสียงเรียบ


“...เรื่องการเสียชีวิตของลูกชายคุณลุงกับคุณป้าน่ะครับ ต้องขอโทษจริงๆครับที่พวกเราอาจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แต่เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมผมจึงอยากขอความร่วมมือและให้ความคุ้มครองเต็มที่ครับ” ภูตะวันพูดอย่างสุภาพ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย พระพายพุ่มมือไหว้เป็นการขออนุญาตก่อนจะวางเอกสารและมือถือลงกลางโต๊ะ


“ผมขออนุญาตบันทึกเสียงเอาไว้เป็นหลักฐานนะครับ ส่วนนี่เป็นเอกสารที่พวกเราหามาได้ รบกวนเล่าให้ฟังได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”


“...ลูกชายผมทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ คืนนั้นผมได้รับโทรศัพท์ว่ามันถูกรถชนแต่คู่กรณีเขาก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง เขาพาไปรักษาที่โรงพยาบาลวิวรรธน์ ผมรอเช้าอีกวันหนึ่งก็เดินทางไปกัน ไปถึงพวกเราก็พูดคุยกันปกติไม่มีทีท่าว่าลูกชายผมมันจะตาย” สองสามีภรรยานั่งก้มหน้าอย่างเศร้าใจในขณะที่เล่าให้พวกเขาฟัง


“แต่พอผ่านไปสักสองสามวันอยู่ๆมันก็ทรุดจนต้องเข้าห้องผ่าตัด เขาเอาเอกสารมาให้เซ็นยินยอม จนสุดท้ายผมได้เจอลูกชายตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดโดยที่ไม่มีลมหายใจแล้ว ทางนั้นให้เงินช่วยเหลือครอบครัวมาห้าแสนและให้เราสวดและเผาศพที่วัดในวันนั้นเลย”


“ตอนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรเลยเหรอครับ?” ภูตะวันถามอย่างสงสัยและไม่พอใจกับการกระทำของหมอในโรงพยาบาลของครอบครัวตัวเองอย่างมาก


“ศพถูกผ่าตั้งแต่หน้าอกยาวจนถึงหน้าท้อง ผมไม่สงสัยอะไรจนตอนที่ทางนั้นเขาบอกว่าเอาไตของลูกผมไปแล้ว เขาเอาเอกสารการบริจาคไตที่ลูกชายผมเซ็นไว้มาให้ดู ปกติมันทำอะไรมันก็บอกพ่อกับแม่หมด บริจาคอวัยวะมันเป็นเรื่องใหญ่นะแต่ทำไมมันไม่บอก อันนี้คือสิ่งที่ผมสงสัย แต่ความสงสัยก็ถูกแทนที่ด้วยคำว่าอาจจะไม่มีอะไร ซึ่งผมไม่ใช่หมอผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปโต้เถียงการรักษาของเขาได้อยู่แล้ว ...”


“แต่หลังจากที่เผาศพเสร็จ ระหว่างเดินทางกลับมาบ้านเหมือนมีอะไรทำเราฉุกคิดขึ้นมาว่าพวกเราถูกหลอก ซึ่งตอนนั้นป้าเองก็ได้แต่คิดว่าคงเพราะวิญญาณของลูกอาจจะอยากบอกความจริง เราเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวตั้งแต่เริ่มจนวันสุดท้าย ... เรายังคุยกันดีๆอยู่ ลูกดูปกติมากเพียงแค่ขาหักทำไมอยู่ๆต้องผ่าตัด ทำไมผ่าตัดแล้วตายเลย ทำไมทางนั้นต้องให้เงินเราโดยที่คู่กรณีก็ไม่ต้องเสียค่ารักษาสักบาทเดียว ทำไมศพลูกถึงถูกผ่ายาวขนาดนั้น แล้วทำไมต้องจัดงานให้เราเผาในวันเดียว ... แต่เมื่อเรารู้มันก็สายไปแล้ว เราไม่มีอะไรไปสู้เขา”


“พวกเราก็เลยให้รีสอร์ทนี้เป็นตัวแทนของลูกชายที่เสียไปแล้ว ... ”


“...........” พระพายพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่นั่งฟังเงียบๆอย่างเศร้าใจและทำให้คิดถึงพ่อของตนที่จากไปเมื่อนานมาแล้ว เหมือนกำลังนั่งฟังเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเองอยู่เสียอย่างนั้น


“เสียใจด้วยนะครับ เรื่องที่คุณลุงกับคุณป้าเล่าเป็นประโยชน์อย่างมาก พวกเราสัญญาว่าจะเอาคนผิดมาลงโทษแน่นอนครับ”


“หมอดีๆก็ยังมีอยู่เนาะพ่อ” เธอระบายยิ้มสวยกับสามี แต่นัยน์ตาก็ยังสะท้อนความเศร้าให้คนมองได้เห็น จากนั้นทั้งสี่คนอ่านเอกสารกันเล็กน้อยว่าเป็นมาอย่างไร นำเอกสารมาเทียบกันว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม ก่อนที่คุณหมอทั้งสองคนจะลากลับห้องพักของตนเมื่อดึกมากแล้ว


“ทำไมเงียบไปล่ะเรา ง่วงเหรอ?” อาจารย์หมอถามคนรักที่เดินอยู่ข้างระหว่างกลับห้องพัก


“เปล่าครับ แค่เศร้าใจ ... คนจนมักจะถูกคนรวยกระทำเสมอเลยนะครับ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็แล้วแต่ เมื่อไหร่สังคมที่คนจนตกเป็นเหยื่อของคนรวยจะหายไปสักที” เขาถอนหายใจออกมาพรูใหญ่ ภูตะวันมองคนรักอย่างประทับใจ พระพายที่ไม่ดูถูกและให้เกียรติคนอื่นเสมอ



                   แสงสว่างในยามเช้าตรู่ทำให้บรรยากาศของทะเลวันนี้ค่อนข้างสดใส กลุ่มปุยเมฆสีขาวกระจายอยู่บนท้องฟ้า ลมทะเลพัดแผ่วเบาปะทะกับใบหน้าหวานของคุณหมอ ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอคงจะจริงอย่างที่ใครบอกไว้และได้แต่หวังว่าชีวิตของเขาและคนอื่นที่เจอปัญหาก็คงจะสดใสขึ้นเช่นเดียวกัน

                   นานแล้วที่ไม่ได้ยืนมองผืนทะเลกว้างแบบนี้ นานแล้วที่ไม่เคยได้เที่ยวทะเลตั้งแต่ที่พ่อของตนจากไป นานแล้วเหมือนกันที่ชีวิตหาความสุขแทบไม่เจอ ต้องขอบคุณความโกรธแค้นที่มีต่อพฤติพงศ์เพราะมันทำให้เขาเจอผู้ชายคนหนึ่งที่พร้อมเสี่ยงไปกับเขา เจอความสุขของการมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ...



*****************



Talk : ฮูเร่ ตอนที่ 19 แล้วววว ... สวัสดีเดือนกันยายนค่ะ นี่เราอยู่ด้วยกันเกือบสี่เดือนแล้วนะเนี่ย เร็วมาก
ความจริงก็เริ่มใกล้เข้ามาแล้วล่ะ ใกล้จะจบแล้วจริงๆ ติดตามกันต่อไปนะคะ


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะ อ่านทุกข้อความจริงๆค่ะ :)
เจอกันตอนหน้าน้าาาาาา ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2015 22:11:46 โดย G-bazo »

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
กรี๊ดดด มีหนทางไปสู้คนเลวแล้ว เอาใจช่วยค่า รออ่านต่อ

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สั้นจุง    :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ได้หลักฐานมาบ้างแล้ว  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด