-22-
ตาคู่สวยมองเข้าไปในห้องผ่าตัดขนาดใหญ่ที่กำลังวุ่นวายเตรียมการผ่าตัดให้กับคนรักของเขา ร่างที่นอนนิ่งๆอยู่บนเตียงผ่าตัดราวกับคนหลับไปเฉยๆต่างที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายรอบตัว พระพายก้มมองมือสองข้างของตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย มือสองข้างนี้ที่อาจจะทำให้คนๆนั้นหายดีและอาจจะทำให้จากไปได้เช่นกัน ...
“พระพาย” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังจะกดสวิตซ์ประตูห้องผ่าตัดให้เปิดออกต้องหยุดชะงักลงและหันกลับไปยังที่มาของเสียง
“ตำรวจรอสอบปากคำอยู่นะ” ประสิทธิ์บอกกับคนรักของหลานชาย เขาและภรรยามองคนตรงหน้าด้วยความเห็นอกเห็นใจที่คนที่พวกเขารักต้องเจ็บหนักปางตายขนาดนี้ พระพายหันกลับไปมองภายในห้องผ่าตัดอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจจะให้ทิ้งตรงนี้ไปเขาเองก็คงทำไม่ได้
“เข้าไปข้างในเถอะจ้ะ ซันคงอยากให้คนที่เขารักอยู่ให้กำลังใจเขาในห้องนั้นด้วย” ณิชชาอรพูดเสียงสั่นแต่ก็ยังเผยยิ้มบางๆออกมาให้ได้เห็น
“...ถ้าผมจะขอเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดให้กับอาจารย์จะได้ไหมครับ?” เขาพูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆในคำตอบ ทั้งสองคนหันมองหน้ากันอย่างตกใจและหนักใจในเวลาเดียวกัน เพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงแพทย์ประจำบ้านที่เขามาศึกษาต่อเฉพาะทางเท่านั้น ถึงจะเข้าห้องผ่าตัดเพื่อศึกษาอยู่บ่อยครั้งหากแต่ยังไม่เคยได้ฝึกผ่าตัดอย่างจริงจังเลย ฉะนั้นการที่จะฝากชีวิตของคนไข้ไว้ก็เป็นเรื่องที่หนักใจพอควร
“ผมทำได้ เชื่อผมนะครับ”
“..........” สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างลำบากใจ รู้ว่าไม่เหมาะสมแต่ก็เห็นใจที่อีกฝ่ายคงอยากจะรักษาคนรักด้วยมือของตัวเอง ราวกับว่าจะตกลงกันด้วยสายตาได้แล้ว ประสิทธิ์จึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะวางมือบนบ่าของพระพายและบีบเบาๆ
“อาอนุญาต แต่ต้องมีอาจารย์หมอท่านอื่นคอยควบคุมตลอดการผ่าตัดนะ” พระพายระบายยิ้มออกมาทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอ ดีใจและโล่งใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายอนุญาตให้เขาเป็นคนผ่าตัดในครั้งนี้
“อาฝากด้วยนะ”
“ขอบคุณมากครับที่เชื่อใจผม” เขายกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทั้งสองท่าน ก่อนจะกลับหลังหันกดสวิตซ์ให้ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกและก้าวเข้ามาในห้องที่กำลังวุ่นวายอยู่ในขณะนี้
“ผมจะเป็นคนผ่าตัดเองครับ” คุณหมอหน้าหวานพูดเสียงนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลกวาดตามองคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดนับสิบชีวิตรวมถึงเพื่อนของเขาอีกสองคนด้วย ทุกคนในห้องที่ได้ยินต่างพากันหันมองเขาอย่างอึ้งๆ
“แต่ว่าคุณหมอ ...” พยาบาลผู้ช่วยสาวรายหนึ่งกำลังจะค้านเพราะไม่เห็นด้วยที่จะให้แพทย์ที่กำลังศึกษาอยู่เป็นศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดให้กับผู้ป่วยที่อาการค่อนข้างหนักและคนอื่นๆก็ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกัน
“ขอให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของพวกเราด้วยครับ ผมอนุญาตแล้ว การผ่าตัดของคุณหมอพระพายจะอยู่ภายใต้การควบคุมของอาจารย์หมอนิรุตน์ ช่วยแนะนำเขาด้วยนะครับ” เสียงดังจากห้องอัฒจรรย์ด้านบนเรียกให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ในเมื่อประธานบริหารและผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่เป็นญาติของคนไข้อนุญาตนั่นก็หมายความว่าพวกเขาได้ตัดสินใจกันมาอย่างดีแล้ว
“ผมว่าเราเริ่มผ่าตัดกันเลยดีกว่าครับ ทุกอย่างพร้อมแล้ว” ศัลยแพทย์อีกคนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนจึงให้ความสนใจร่างที่นอนนิ่งสนิทของภูตะวันแทน สครับเนิร์สช่วยสวมชุดผ่าตัด ถุงมือยางให้กับพระพายเป็นอย่างดี ก่อนที่เขาจะเดินมายืนอยู่ที่ประจำของศัลยแพทย์มือหนึ่งที่ที่เขาเห็นภูตะวันยืนจนชินตา
“คนไข้ถูกแทงรวมสองแผลด้วยกัน บริเวณใต้ราวนมและหน้าท้อง ผลเอ็กซเรย์พบว่าเส้นเลือดแดงใหญ่ได้รับความเสียหาย เลือดขังอยู่ในช่องอกเป็นจำนวนมาก แต่โชคยังดีค่ะที่ไม่ใช่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ส่วนบริเวณหน้าท้องทะลุเข้ากระเพาะอาหารค่ะ” พยาบาลสาวรายงานให้ทุกคนได้ฟัง
พระพายมองร่างที่นอนหมดสติเพราะยาสลบด้วยความรัก ร่างกายของภูตะวันถูกทำความสะอาดจนเห็นบาดแผลได้อย่างชัดเจน ไร้อาภรณ์ใดๆมีเพียงผ้าคลุมสีฟ้าปกปิดส่วนล่างตั้งแต่ช่วงสะโพกไปจนถึงปลายเท้า สีหน้าไร้สีเลือด อีกทั้งริมฝีปากที่แห้งผากก็ยังต้องสอดท่อเพื่อช่วยการหายใจ พระพายพุ่มมือสวยและกราบลงบนอกของคนที่ตนรักด้วยความเคารพและเป็นการขอขมาที่จะต้องล่วงเกินร่างกายของเขา ก่อนจะรับมีดผ่าตัดจากพยาบาลผู้ช่วยมาถือไว้
“เราจะเริ่มผ่าที่จุดแรกก่อนนะครับ” พระพายพูดเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมานอกอก แต่ก็พยายามเก็บอาการตื่นเต้นและความกลัวเอาไว้ข้างใน จรดปลายมีดเหนือปากแผลอย่างกล้าๆกลัวๆ มือสั่นเสียจนทุกคนสังเกตเห็น
“หมอ” ศัลยแพทย์หนุ่มที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเตียงเอ่ยเรียกให้พระพายมีสติ พระพายช้อนตาขึ้นมองก่อนจะหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติและกำลังใจให้กับตัวเอง กระชับมีดผ่าตัดให้มั่นคงและกรีดมันลงบนปากแผลให้เปิดกว้างมากขึ้น
“ดูดเลือดออกด้วยครับ” เมื่อปากแผลถูกเปิดออกด้วยเครื่องมือถ่างแผล ภายในมีเลือดออกอยู่มากเขาจึงสั่งให้ผู้ช่วยเอาเครื่องมือดูดเลือดออกไปให้หมดและคอยใช้ผ้าก๊อซช่วยซับออกอีกแรง
“ขอกรรไกรครับ” เขารับกรรไกรและจับมันให้ถนัดมือ จ้องบริเวณอวัยวะที่เสียหายเขม็ง เมื่อเส้นเลือดแดงใหญ่ที่สำคัญมากได้รับความเสียหายการรักษาจึงต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ ถึงแม้เขาจะศึกษาเกี่ยวกับเส้นเลือดและอวัยวะภายในมาเยอะพอสมควร ทว่าเมื่อถึงสถานการณ์จริงเขากลับประหม่าจนไม่กล้าตัดสินใจทำอะไร
“ตัดส่วนที่เสียหายออกแล้วทดแทนหลอดเลือดแดงใหญ่ด้วยเส้นเลือดเทียม” อาจารย์นิรุตน์พูดแนะนำเบาๆ พระพายพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลงมือตัดเส้นเลือดแดงที่ได้รับความเสียหายออกอย่างระมัดระวัง พลางสังเกตใบหน้าซีดเซียวของคนรักอยู่เป็นระยะ ทั้งที่เขาควรจะให้ความสนใจแค่จุดที่ต้องผ่าตัด หากแต่คนที่ได้รับการผ่าตัดกลับเป็นคนสำคัญมันจึงทำให้เขาละจากความรู้สึกเป็นห่วงนั้นไม่ได้
“ชีพจรเป็นยังไงบ้าง?”
“ชีพจรอ่อนคงที่ค่ะ ความดันปกติ” พระพายหัวใจเต้นเร็วแรงกับบทสนทนาของพยาบาลและอาจารย์นิรุตน์ แต่ก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองต่อ มือที่เคยสั่นเริ่มมั่นคงแต่ความเครียดและความกดดันยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม เหงื่อที่ผุดพราวขึ้นบนใบหน้าถูกสครับเนิร์สซับออกครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ดูเหมือนจะไม่หมดไปเสียที
“เลือดยังออกไม่หยุดเลยครับ ถ้าเกิน 150ซีซี โอกาสเสียชีวิตเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ!!”
“นอกจากเส้นเลือดแดงใหญ่แล้วมีส่วนไหนที่ได้รับความเสียหายอีกบ้าง รีบหาให้เจอ!” เป็นเรื่องธรรมดาของทางการแพทย์ที่บางครั้งผลเอ็กซเรย์จะพบเพียงแค่จุดใหญ่ๆเท่านั้น แต่จุดเล็กๆที่ได้รับความเสียหายจะถูกพบภายหลังหลังจากการผ่าตัดเปิดแผลและศัลยแพทย์ต้องรีบแก้ไข้ให้ทันท่วงที
พระพายเย็บเส้นเลือดแดงใหญ่กับเส้นเลือดเทียมให้เข้ากันอย่างเรียบร้อย โดยที่คนอื่นยังคงหาส่วนที่ผิดปกติที่ทำให้เลือดยังไหลออกมาไม่หยุด ถึงแม้จะใจไม่ดีแต่เขาเองก็ยังคงตั้งใจและมีความหวังอยู่เต็มหัวใจว่าคนที่ตัวเองรักจะมีชีวิตรอดอีกครั้ง
“เจอแล้วครับ! ผนังปอดได้รับความเสียหายเล็กน้อยครับ” เขาเงยหน้ามองที่จอแสกนอวัยวะภายในตามที่แพทย์อีกคนบอก เมื่อเข้าใจและวินิจฉัยว่าควรรักษายังไงได้แล้วเขาก็ละสายตาจากจอทันที ไม่รอช้าที่จะเริ่มแก้ไข้ให้เลือดหยุดไหล
“เย็บซ่อมผนังปอด ขอ needle forceps ด้วยครับ” (needle forceps=คีมจับเข็มและด้าย) ระหว่างทำการเย็บซ่อมผนังปอด ผู้ช่วยจะคอยใช้เครื่องมือดูดก้อนเลือดออกสลับกับใช้เครื่องจี้คอยห้ามเลือดอยู่ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนคนเจ็บจะไม่ให้ความร่วมมือมากนัก ภูตะวันเกิดอาการช็อคและทำให้การสูบฉีดของเลือดรุนแรงขึ้นจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“ชีพจรอ่อนมากกว่าเดิมค่ะ ความดันเลือดสูงมาก!!” พระพายเริ่มกระวนกระวายและทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินสิ่งที่พยาบาลสาวรายงาน เขามองหน้าคนรักและได้แต่พูดกับอีกฝ่ายในใจว่าขอให้อดทนแล้วมันจะผ่านไปด้วยดี พยายามเย็บซ่อมผนังปอดที่ได้รับความเสียหายต่ออย่างมีสติให้มากที่สุดจนเสร็จ แต่ดูเหมือนว่าคนเจ็บจะทนรอไม่ไหวเสียแล้ว ...
ตี๊ดดดดดดดดดด!!!!
เสียงที่กลับมาทำให้พระพายใจหายอีกครั้ง กราฟท์ชีพจรเป็นเส้นตรงเป็นสัญญาณที่บอกว่าภูตะวันได้จากไปแล้ว ทุกคนในห้องผ่าตัดรวมถึงประสิทธิ์และณิชชาอรตกใจกันอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนผ่าตัดที่มองอย่างอึ้งไป พระพายรีบประสานสองมือของตัวเองวางกลางอกของคนรักเพื่อปั๊มหัวใจอีกครั้ง
“กลับมาสิครับ กลับมาหาพายนะ” เขาพูดในขณะที่ยังคงปั๊มหัวใจไม่หยุด พลางมองหน้าของคนรักด้วยน้ำตาและมีความหวังอยู่ตลอดเวลาว่าอีกฝ่ายจะกลับมาหาเขา
“ได้โปรดครับ กลับมาหาพาย ตื่นมาดุพายว่าพายผ่าตัดให้พี่แย่ขนาดไหน ตื่นนะครับได้โปรด” เขาพูดอ้อนวอนเสียงสั่นปนสะอื้นราวกับจะขาดใจ หากแต่ก็ยังไม่ยอมลดแรงที่กำลังปั๊มหัวใจให้คนรักฟื้นขึ้นมา จนเป็นที่น่าเวทนาให้กับหลายๆคนที่ก็ใจหายไม่แพ้กัน
“เอาเครื่องกระตุ้นหัวใจมา!!” เมื่อทนเห็นไม่ได้ ศัลยแพทย์หนุ่มอีกหนึ่งคนจึงร้องขอให้ผู้ช่วยนำเครื่องกระตุ้นหัวใจมาเตรียมรอ แพรดาวกับอนุวัฒน์เข้ามาดึงตัวเพื่อนตัวเองให้ออกห่างจากเตียงผ่าตัดเล็กน้อยเพราะดูเหมือนพระพายจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
“พายออกมาก่อนนะ ทำใจดีๆไว้” แพรดาวเอ่ยปลอบเพื่อนของตัวเองด้วยเสียงที่นุ่มนวล ตาคู่สวยมองดูคนรักที่กระตุกด้วยเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยความเจ็บปวด เขาไม่ได้ฟูมฟายเพียงแต่มองภาพตรงหน้าและน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่ต่างจากอาทั้งสองของภูตะวันที่ยืนมองลงมาจากด้านบนด้วยความเสียใจอย่างที่สุด แต่ลึกๆก็ยังคงหวังว่าภูตะวันจะกลับมา
“เพิ่มกระแสไฟด้วยครับ!” ร่างของอาจารย์หมอกระตุกแรงขึ้นกว่าครั้งก่อน แต่ก็ไร้การตอบรับจากคนที่จากไป พระพายเดินเข้าไปกอดร่างที่ไร้ลมหายใจของคนรักพร้อมกับก้มลงกระซิบเบาๆที่ข้างหู
“พายรักพี่นะ ตื่นเถอะครับอีกนาทีเดียวพี่จะจากพายไปจริงๆแล้วนะ” เขาพูดทั้งน้ำตา ก่อนจะมองหน้าที่ซีดจางของคนรักด้วยความอาลัย มือเล็กลูบแก้มที่ไร้สีเลือดอย่างเบามือ
“ผมขออีกครั้งนะครับ” ศัลแพทย์แพทย์หนุ่มเอ่ยบอก ทำให้พระพายต้องถอยห่างออกมาเพื่อให้ทำงานได้สะดวก
“เคลียร์!!” ร่างที่ไร้ลมหายใจกระตุกอย่างแรงอีกครั้ง ท่ามกลางความหวังของคนทุกคน พระพายหลับตาลงและวิงวอนต่อพ่อของตนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พาภูตะวันกลับมา ขอให้ความรักที่พวกเขามีต่อกันนำพาให้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง
ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด
เสียงชีพจรของภูตะวันกลับมาเต้นเบาๆอีกครั้งหนึ่ง ทำให้คนที่ต่างหมดหวังหันมองอย่างดีใจและเร่งการผ่าตัดอีกหนึ่งจุดที่ยังเหลือ ซึ่งไม่ได้รับความเสียหายมากเท่าไหร่นัก พระพายยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะเงยหน้ามองคนด้านบนห้องอัฒจรรย์พร้อมกับส่งยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ
หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง ภูตะวันถูกย้ายไปอยู่ในห้องพักฟื้นที่ปลอดเชื้อและยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพราะร่างกายยังไม่สมบูรณ์พอที่จะหายใจเองได้ อีกทั้งยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดด้วยกลัวว่าเขาอาจจะติดเชื้อหรือต่อต้านยาที่แพทย์ให้ได้ ...
ถึงแม้พระพายจะมีอาการเพลียพอสมควรเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ใกล้จะเช้าเสียแล้ว ขอบตาแดงบวมช้ำเพราะผ่าน
การร้องไห้มาอย่างหนักและไม่ได้พักผ่อนร่วมด้วย แต่หลังจากผ่าตัดเสร็จและจิตใจของเขาก็เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย จึงมาให้ปากคำกับตำรวจที่สถานีพร้อมกับบอส เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการกระทำเลวๆของพฤติพงศ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้กับตำรวจฟัง
“ฝากบอกเขาด้วยนะครับว่าเอาไว้เจอกันที่ศาล” เขาพูดเสียงราบเรียบ สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก่อนจะพากันเดินออกจากสถานีตำรวจและตรงมายังรถของบอสที่จอดไว้ในเวลาที่ฟ้าเริ่มใกล้จะสว่างแล้ว
“พายเจอเรื่องแย่ขนาดนี้ ทนเก็บไว้คนเดียวมาได้ยังไง” นายแพทย์หนุ่มต่างแผนกพูดอย่างหัวเสีย เขาเพิ่งจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ตอนที่พระพายให้ปากคำกับตำรวจ เขาเองยังทนไม่ได้ทำไมเพื่อนเขาถึงต้องทนเก็บไว้คนเดียวไม่ยอมบอกให้ใครรู้เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ
“............” พระพายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากสิ่งยิ้มบางๆให้เพียงเท่านั้น บอสเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยเพราะเหมือนอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างอยากจะพูดกับตน
“จ้องหน้าเราแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า?”
“.... เราขอโทษนะที่เข้าใจผิด”
“ไม่เป็นไร มันก็น่าคิดอยู่ใช่ไหมล่ะ ช่างมันเถอะ” นายแพทย์หนุ่มยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายสบายใจ หากเขาเป็นพระพายก็คงจะคิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน จึงไม่อยากให้เพื่อนต้องไม่สบายใจกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
“... ขอบคุณนะ” คำขอบคุณแทนทุกเรื่องราวระหว่างตนและบอส มิตรภาพที่มีให้กันอีกทั้งยังคอยช่วยเหลือ แพทย์หนุ่มยิ้มกว้างอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มจริงใจมาให้ เล่นเอาทำตัวไม่ถูกไปเหมือนกัน ก่อนจะตัดบทด้วยการชวนให้อีกฝ่ายขึ้นรถเพื่อออกจากสถานีตำรวจนี่เสียที
“ให้เราไปส่งที่ไหน?”
“โรงพยาบาล” พระพายตอบเสียงเบา สายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ในทุกความคิดและความรู้สึกของเขาตอนนี้มีภูตะวันเข้ามาเต็มพื้นที่ส่วนนั้นจนหมด ถึงการผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดีทว่าอาการก็ยังคงน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
“พายควรพักผ่อนบ้างนะ” เขาพูดอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นเพื่อนท่าทางดูอิฐโรยไปมาก แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาส่งไปถึงอีกฝ่ายหรือไม่ เพราะพระพายก็ไม่ได้ตอบอะไรเขายังเหม่อมองออกไปนอกบานหน้าต่างรถเช่นเดิมตั้งแต่ที่รถเคลื่อนตัวออกมา
พระพายกลับเข้ามาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เขาสวมชุดปลอดเชื้อทับชุดนอกที่ตัวเองสวมใส่อยู่ กลิ่นยาฆ่าเชื้อลอยคลุ้งอยู่ทั่วห้องที่เสียงชีพจรยังคงดังเป็นจังหวะช้าๆแต่ดูมันแผ่วเหลือเกิน พระพายก้าวเท้าเข้าไปใกล้เตียงคนเจ็บด้วยหัวใจที่เต้นรัว ตาคู่สวยวูบไหวแล้วน้ำใสๆก็เอ่อคลอขึ้นมาเต็มสองตา เขาจับมือใหญ่ของคนรักขึ้นมาอย่างเบามือ สัมผัสอุ่นๆจากมือข้างนี้เขายังคงจำมันได้เสมอ ทว่าในตอนนี้มันเย็นเสียจนเขารู้สึกกลัว กลัวว่ามันจะไม่กลับมาอุ่นอีกครั้ง
“เข้มแข็งนะครับ อดทนเอาไว้นะ ... พายอนุญาตให้พี่นอนพัก แต่อย่านานนะครับต้องรีบกลับมานะ เพราะพายรออยู่”
*****************
Talk : จะจบแล้ววว ใกล้แล้วจริงๆ เอาใจช่วยพวกเขาด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าน้าาาา
