[ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ชีวิตรัก หมอนักผ่า] UP.ตอนพิเศษ (31-03-59)  (อ่าน 200859 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kamung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากฮะ อ่านรวดเดียวจบ วางไม่ลงงง งื้ออออ  :z2: :hao7:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
สนุกมากกก ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

ออฟไลน์ Bear Company

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ขอบคุณค่ะ เรื่องสนุกมาก  :mew3:

ออฟไลน์ แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-14
สนุกมากๆเลยเรื่องนี้ เรื่องราวน่าสนใจ ใช้สำนวนดีมาก แถมยังได้ความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์อีกด้วย แล้วตอนที่อาจารย์หมอกับลูกศิษย์หวานๆใส่กันนี้ก็ทำเอายิ้มแก้มแตกเลย ชอบบบบบบ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ้ยยย เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย!!
ยกให้เป็น 1 ในเรื่องที่ดีที่สุดที่เราเคยอ่านมาเลย

พลอตดี แหวกใหม่ แทรกความรู้
ไม่ยื้อเรื่องจนยืดเหมือนหลายๆ เรื่องที่เคยอ่าน
ที่สำคัญ.. สนุก มากกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกก มากกกกกก
เราอ่านแล้วลุ้นตามไปตลอดเลย

เราชอบความรักแบบนี้ด้วยหละ ไม่ต้องหวือหวามาก โตๆ กันแล้ว
อ่านปล้วมันละมุนนะ อิ่มใจด้วย

เรื่องปมของหมอนี่ทำให้ลุ้นไปด้วยตลอดจริงๆ
แต่แอบติดใจว่าทำไมคนที่ร้ายขนาดนี้ถึงยอมรับโทษ ดูแปลกๆ
เสียดาย น่าจะตีฉากนี้ให้เข้าใจอีกนิด
(แต่ถ้ามองในมุมคนนอกก็คงไม่รู้แบบนี้หละ5555)

อีกอย่างที่อยากขอบคุณคือเรื่องการแพทย์ เขียนข้อมูลจริงจังมาก
เรารู้สึกเหมือนอ่านนิยายวงการแพทย์ที่จริงจังอยู่เรื่องหนึ่งไปเลย
ขอบคุณมากกก

โอ้ย ไม่รู้จะชมอะไรดี รู้สึกชอบมาก อยากชมเต็มไปหมดเลย

ยังไงต้องขอบคุณที่เขียนเรื่องดี ๆ แบบนี้มาให้อ่านนะคะ :-)

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สนุกมาก อ่านทีเดียวจบ หุหุ

ออฟไลน์ SWIM

  • ความทรงจำสีเทา
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุก มีสาระ อบอุ่น ชอบมากกกกก ><

ออฟไลน์ jennyha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้ยยหวานอ่าา สนุกมากเลยคะะ

ออฟไลน์ san

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แม่หมู ตัวอ้วน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :L2: ขอบคุณคนเขียนนะคะ นิยายดีมากกกกกกกกกก :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥MPEGz♥

  • ชอบดูหนุ่มๆ เขาอยู่ด้วยกัน♥
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :o8: อ่านเรื่องนี้แล้วเขินแรง ปริ่มมากค่ะ น้องพายกับพี่ซัน เขินนนนนน5555 นิยายเลอค่ามากค่ะ อยากบอกว่าชอบเรื่ิองนี้จัง :L2:

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ตอนพิเศษ
‘Old Friend.’



      หนึ่งปีการศึกษาผ่านไป แพทย์ประจำบ้านปีหนึ่งได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่สอง หลักสูตรศัลยศาสตร์ในปีที่ 2 นี้มีข้อกำหนดของการฝึกอบรบและประสบการณ์เรียนรู้เป็นระยะเวลา 24 เดือนหรือโดยรวมคือ 2 ปีเต็ม ซึ่งต้องมีการหมุนเวียนปฏิบัติในสาขาต่างๆของภาควิชาศัลยศาสตร์ทั้งหมดตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ให้
      แพทย์ประจำบ้านปีสองหมาดๆ นั่งจับกลุ่มคุยกันในเวลาว่างเกี่ยวกับหลักสูตรในปีนี้อย่างออกรส ดูเหมือนว่าอนุวัฒน์จะเป็นคนเดียวที่ดูจะโอดโอยกับหลักสูตรปีนี้มากกว่าคนอื่น

   “ศัลยศาสตร์อุบัติเหตุสิบสองเดือน อยู่แต่ OPD กับ OR อันนี้ไม่ต่างจากปีที่แล้วเท่าไหร่...” (OPD=Outpatient Department แผนกผู้ป่วยนอก , OR=Operating room ห้องผ่าตัด)

   “แต่ฝึกอบรมสาขาอื่นๆของศัลยศาสตร์แต่ละสาขาเป็นเวลาหนึ่งถึงสามเดือน ซึ่งรวมแล้วต้องได้ 20 เดือน หินมาก!! ฉันอยากฝึกวิชาเลือกจะแย่แล้วววว” อนุวัฒน์ทำหน้าเบื่อเมื่อเห็นหลักสูตรทั้งหมด เขาทิ้งตัวกับพนักเก้าอี้จนเกือบหงายหลัง เป็นเหตุทำให้เกิดเสียงหัวเราะในกลุ่มเพื่อนอย่างตลกขบขัน

   “พูดถึงวิชาเลือก อยากฝึกอะไรกันเหรอ?” พระพายถามขึ้นด้วยความสนใจ เพราะที่ผ่านมาก็แทบจะไม่เคยคุยกันเรื่องวิชาเลือกที่ต้องเลือกศึกษาเลย ด้วยเพราะตอนนั้นคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา

   “เราอยากศึกษาประสาทศัลยศาสตร์” แพรดาวตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่เพื่อนสองคนของเธอกับมีสีหน้าตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างแพรดาวจะสนใจเรื่องนี้ มันดูยุ่งยากพอสมควรทีเดียว

   “ทำไมล่ะ?”

   “เพราะฉันอยากเห็นสมองคนจริงๆน่ะสิ” แพรดาวตอบพระพายด้วยเสียงที่ฟังดูน่าขนลุก แต่สายตาที่แน่วแน่ของเธอนั่นทำให้รู้ว่าเธอชอบและตั้งใจอยากจะศึกษาจริงๆ ในอนาคตข้างหน้าอาจจะได้เห็นแพรดาวเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางประสาทก็ได้

   “แกล่ะเอิร์ธ สนใจอะไรจ๊ะ?” หญิงสาวถามอีกฝ่ายอย่างกวนๆ เป็นปกติที่จะเห็นสองคนนี้คอยกวนคอยแกล้งกัน ดูเหมือนจะไม่ลงรอยหากมองคนภายนอก แต่ถ้าได้รู้จักทั้งสองคนสนิทและหวังดีต่อกันมาก

   “อายุรศาสตร์ระบบทางเดินอาหาร” พระพายนิ่งไปเมื่อฟังอนุวัฒน์พูดจบ

      ระบบทางเดินอาหารมันอดจะทำให้เขานึกถึงพฤติพงศ์ไม่ได้ ผ่านไปหนึ่งปีที่เรื่องร้ายๆนั้นมันจบลง เขาไม่รู้ข่าวของผู้ชายคนนั้นอีกเลยและไม่เคยที่จะนึกถึงมันอีก แต่คำพูดของอนุวัฒน์ก็ทำให้เขานึกถึงมันขึ้นมา

   “พาย!” เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อเสียงเพื่อนที่เรียกเตือนสติดังอยู่ใกล้หู พร้อมกับทำหน้าเหวอจนเพื่อนสองคนทำสีหน้าแปลก
ใจที่อยู่ดีๆก็เหม่อไปเสียอย่างนั้น

   “เหม่ออะไร!? เราถามว่าแล้วพายล่ะสนใจสาขาไหน?” แพรดาวถามย้ำอีกครั้ง

   “อ๋อ เราเหรอ ยังไม่รู้เลยอะ...คงต้องปรึกษาอาจารย์อีกที” เขาตอบอย่างหนักใจ เพราะเอาเข้าจริงๆเขาเองก็ยังไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ ด้วยความที่ไม่ได้อยากเรียนหมอตั้งแต่แรกจึงไม่มีอะไรที่สนใจเป็นพิเศษนัก แต่พอได้ซึมซับความเป็นแพทย์มาหลายปีก็พอจะมีอยู่ในใจบ้างแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่จริงๆไหม

   “ดีเน้อออ มีแฟนเป็นอาจารย์หมอ” อนุวัฒน์แซวเพื่อนด้วยความอิจฉาเล็กๆ พระพายไหวไหล่พร้อมกับเบะปากเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ ปกติจะอายและค่อนข้างถ่อมตัวแต่เมื่อถูกแซวบ่อยๆเขาก็เริ่มจะชิน

      ทั้งสามคนคุยกันสนุกสนานแม้ว่าเรื่องหลักสูตรของปีนี้จะยากขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ไม่อยากจะเก็บเอามาเครียดในเมื่อก็ต้องเจอกับมันอย่างหลีกหนีไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างหากว่ามันเป็นสิ่งที่ชอบก็คงไม่มีอะไรจะยากเกินความสามารถของคนเรา...


      ช่วงเย็นหลังจากที่เลิกงาน ภูตะวันและพระพายก็กลับคอนโดด้วยกันเหมือนทุกวัน แม้จะมีคนสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน พวกเขาก็เริ่มจะไม่ใส่ใจว่าจะรู้หรือไม่รู้ จะคิดว่าเป็นอาจารย์ลูกศิษย์เหมือนเคยหรือจะคิดว่าพัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นคนรักยังไงก็ตามแต่ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำลายอะไรได้อยู่ดี เพราะการที่เขาจะรักกันไม่ได้ทำให้มาตรฐานในการรักษาลดน้อยลงแต่อย่างใดหรืออีกแง่หนึ่งคือมันไม่ได้เกี่ยวกันเลย...

   “เย็นนี้กินข้าวข้างนอกดีไหม?” ภูตะวันเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาในระหว่างที่ขับรถกลับคอนโด

   “หืม? อารมณ์ไหนครับ” พระพายหัวเราะเล็กน้อยถามคนรักด้วยความแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่เขาทั้งคู่จะใช้เวลาทานข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารข้างนอก

   “อืมมม อารมณ์อยากฉลองให้นายแพทย์พระพายที่ได้เป็นแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่สองแล้วไง” เขาพูดเหตุผลของตัวเองพลางเหลือบตามองคนข้างๆที่กำลังนั่งหัวเราะกับเหตุผลของเขา

   “เลี้ยงใช่ไหมครับ?”

   “แน่นอน อยากกินอะไร?”

   “...ข้าวต้มแล้วกันครับ” เขาใช้เวลาคิดแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆโดยที่ภูตะวันไม่เห็น

   “ร้านไหน?”

   “เดี๋ยวพายบอกแล้วกันครับ กลับไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่าค่อยออกมา”

   “ลับลมคมในเยอะนักนะเรา” อาจารย์หมอบ่นอุบ ไม่เคยรู้ว่าแค่การจะเลือกร้านกินข้าวต้มจะต้องเป็นความลับที่บอกตอนนี้ไม่ได้ คนถูกบ่นได้แต่นั่งอมยิ้มหัวเราะอยู่คนเดียวไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ทว่าหมอซันกลับมองว่ามันเป็นความน่ารักที่เจ้าตัวทำออกมาอย่างธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว


      แม้จะเป็นช่วงหัวค่ำแต่กลับเป็นช่วงเวลาที่รถยังคงติดหนักอยู่เหมือนเดิม กว่ารถเบ๊นซ์คันหรูจะพาทั้งสองคนมาถึงก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงทั้งที่ก็ไม่ได้ไกลจากคอนโดเสียเท่าไหร่นัก และเพียงแค่เคลื่อนรถมาจอดก็ทำให้ภูตะวันค่อนข้างจะแปลกใจ เพราะร้านที่พระพายเป็นฝ่ายบอกทางคือร้านที่ขับรถผ่านอยู่ทุกวันแต่ไม่เคยได้สนใจ ที่สำคัญเป็นร้านที่เขาเคยพาอีกฝ่ายมาเมื่อนานมาแล้ว...

   “ไม่คิดว่าพายจะจำร้านนี้ได้”

   “จำได้สิครับ อาหารมื้อแรกที่เรากินด้วยกัน” พระพายตอบด้วยรอยยิ้ม ทำให้อาจารย์หมอยิ้มตามอย่างรู้สึกดี ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่น่าจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำเพราะเขาเองก็เกือบลืมมันไป แต่อีกฝ่ายยังจำมันได้ดีแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วทั้งๆที่ตอนนั้นเขายังไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันเลย

   “ไปเถอะครับ พายหิวแล้ว” มือเล็กตบท้องตัวเองพร้อมกับทำหน้ายู่ให้รู้ว่าหิวจริง เพราะกว่าจะฝ่ารถติดมาได้นานเกือบชั่วโมง ทำเอาหิวจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

      ได้โต๊ะนั่งก็สั่งกับข้าวที่อยากกินและไม่ลืมที่จะสั่งข้าวต้มของสำคัญ ภูตะวันอดจะนึกถึงบรรยากาศในวันนั้นไม่ได้ จึงหลุดยิ้มออกมาในระหว่างที่ทบทวนถึงวันนั้น

   “ยิ้มอะไรครับ?” พระพายถามอย่างระแวง อยู่ดีๆคนรักก็นั่งยิ้มออกมาคนเดียว

   “พายในวันนั้นกับพายในวันนี้ เหมือนคนละคน” เขาพูดพลางมองคนตรงหน้าด้วยแววตาหวานเชื่อม จนอีกฝ่ายออกอาการอายเล็กน้อยแต่ก็สงสัยในคราวเดียวกันว่าเขาในวันนั้นกับวันนี้ต่างกันยังไง

   “ยังไงครับ?”

   “ตอนนั้นพายเป็นลูกศิษย์พี่ แต่ตอนนี้พายเป็นแฟน...” พระพายกระพริบตาปริบๆกับมุขเสี่ยวของอาจารย์หมอ ถึงแม้ในใจลึกๆจะเขินแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ ก่อนจะคิดอะไรออก

   “...พี่ก็เหมือนคนละคนเหมือนกันครับ”

   “.............” ภูตะวันเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม

   “ตอนนั้นน่ากลัว ตอนนี้ติ๊งต๊อง” พระพายหัวเราะชอบใจ อาจารย์หมอมองอย่างคาดโทษก่อนจะกระแอมอย่างเก้อเขินพร้อมกับขยับตัวนั่งให้ความมีภูมิฐานของตัวเองกลับคืน ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนรักเขาอาจจะไม่ประเมินผ่านให้เด็กคนนี้ก็ได้

      แต่สิ่งที่พระพายพูดก็อาจจะถูก เพราะตั้งแต่มีพระพายเข้ามาชีวิตของภูตะวันก็ดูมีสีสันมากขึ้น เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเพราะความรักหรือเพราะพระพายที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ เขาสนใจคนรอบข้างมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น ใจดีมากขึ้นจนคนไข้ก็เริ่มไม่ค่อยกลัวกันแล้ว แม้กระทั่งบุคลากรในโรงพยาบาลก็กล้าที่จะพูดคุยกับเขามากขึ้น ก็คงนับได้ว่าเป็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตแม้คนรักจะหาว่าติ๊งต๊องก็ตามที...

   “พี่จำได้ว่าตอนนั้นพายแอบมองพี่ คิดอะไรอยู่...บอกได้ไหม?” หมอซันพูดในระหว่างที่กำลังทานข้าว พระพายแทบสำลักข้าวออกมาเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องน่าอายของตัวเองในตอนนั้น

   “อยากรู้ทำไมครับ” ดวงตากลมมองล่อกแล่ก หันไปหยิบน้ำขึ้นมาจิบเพราะไม่อยากจะตอบ

   “ก็อยากรู้ว่าตอนนั้นพายคิดอะไร” พระพายเม้มปากสูดลมหายใจเข้าลึกๆรวบรวมพลังก่อนจะพ่นออกมาเบาๆ มองคนรักด้วยสายตาแน่วแน่

   “...พาย”

   “...........” ภูตะวันเงียบไม่พูดอะไรเพราะกำลังรอฟัง

   “พายมององค์ประกอบของใบหน้าพี่ พี่หล่อ พายไม่คิดว่าพี่จะแก่แล้ว” แสร้งทำหน้าซื่อ เพราะสุดท้ายแล้วประโยคหลังก็ทำให้เขาได้แก้เผ็ดคนรักที่ขุดเรื่องน่าอายของตนขึ้นมา อาจารย์หมอหุบยิ้มมองคนรักตาเขม็งทว่าพระพายกลับไม่รู้สึกเกรงกลัวสักนิด หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้า

   “ร้ายขึ้นทุกวัน” บ่นอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายร้ายใช่เล่น ซึ่งจริงๆแล้วเขาเองก็ไม่ได้ไม่ชอบออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เห็นพระพายร่าเริงขี้เล่นไม่ต้องมีเรื่องให้เครียด

   “จะไม่รักก็ได้นะครับ” พระพายพูดอย่างผู้ชนะ คนฟังยิ้มมุมปากก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้พระพายถึงกับหน้าคว่ำหน้างอ ตวัดตามองค้อนคนรักเล็กน้อย

   “ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมีคนร้องไห้”

   “นิสัย...” อาจารย์หมอหัวเราะหลังจากอีกฝ่ายพูดออกมา เป็นปกติที่มักจะแกล้งกันไปแกล้งกันมาแบบนี้ เพราะรู้กันดีว่าไม่ได้จริงจังอะไร เพราะสุดท้ายแล้วก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม

   “แล้วหลักสูตรปีนี้เป็นยังไง หนักเลยล่ะสิ”

   “ก็หนักอยู่ครับ พายว่าจะปรึกษาพี่ว่าวิชาเลือกพายจะเลือกอะไรดี”

   “ไม่มีที่พายชอบเป็นพิเศษเลยเหรอ?”

   “...กุมารศัลยศาสตร์ก็น่าสนใจดีนะครับ” ถึงจะไม่ได้ชอบมาก แต่ก็ดูน่าสนใจมากที่สุดในตอนนี้สำหรับเขา แต่ยังพอมีเวลาอีกนานที่เขาจะตัดสินใจ พรุ่งนี้เขาอาจจะเปลี่ยนไปสนใจสาขาอื่นก็ได้

   “ก็ดีนะ พายชอบเด็กน่าจะอยู่กับเด็กได้” ภูตะวันนึกถึงเวลาที่คนรักได้อยู่กับผู้ป่วยเด็ก พระพายจะอ่อนโยนกับเด็กๆเสมอ ผู้ป่วยเด็กในแผนกของเขามีไม่มากนักแม้นานๆจะมีหลุดเข้ามาแต่สุดท้ายเด็กเหล่านั้นก็จะติดใจความใจดีของหมอพายและมักจะร้องหาคนรักของเขาอยู่บ่อยๆ

   “เอาไว้พายค่อยคิดอีกทีแล้วกันครับ” พระพายเอ่ยตัดบทยังไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่นัก จะทำให้เก็บไปคิดมากเสียเปล่าๆ จึงปล่อยผ่านไปก่อนเดี๋ยวใกล้ถึงเวลาค่อยตัดสินใจ


      จนเวลาผ่านไประหว่างที่ขับรถกลับคอนโด ความเงียบอาจจะทำให้มีเวลาได้นึกถึงเรื่องบางอย่างที่อยู่ในใจ จู่ๆพระพายก็นึกถึงเรื่องของพฤติพงศ์ขึ้นมาอีกครั้งอาจเป็นเพราะยังคาใจตั้งแต่เมื่อเช้า ฝ่ายนั้นจะเป็นยังไงบ้างไม่อยากจะยอมรับว่าเหมือนตัวเองจะรู้สึกห่วงและอดจะรู้สึกผิดในใจลึกๆไม่ได้ที่ทำให้พฤติพงศ์ต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในเรือนจำทั้งที่ฝ่ายนั้นทำกับครอบครัวเขาไว้จนเกินจะอภัยได้

      พระพายพรูลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะต้องเอามาคิดให้ปวดหัวทำไม เมื่อก่อนก็ไม่เคยนึกถึงเลยเสียด้วยซ้ำ เขาเกาหัวตัวเองอย่างรู้สึกหงุดหงิดใจจนหมอซันที่ขับรถอยู่หันมามอง

   “เป็นอะไร?”

   “...อยู่ๆพายก็คิดเรื่องหมอโจขึ้นมา พี่ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้างครับ”

   “เขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขาพายจะสนใจทำไม” ภูตะวันตอบอย่างไม่ใส่ใจ คนเลวๆแบบนั้นสมควรแล้วที่จะได้รับผลตอบแทนที่เหมือนตายทั้งเป็น แม้ครอบครัวของเขาจะเคยสนิทกับพฤติพงศ์แค่ไหนก็ไม่อาจลบล้างความผิดอย่างมหันต์ที่ฝ่ายนั้นสร้างขึ้นมา เห็นใจแต่ก็สมควร

   “นั่นสิฮะ” พระพายพูดเสียงแผ่ว ทั้งที่ก็คิดแบบคนรักว่าจะสนใจทำไมแต่ภายในใจก็แย้งกันอยู่ดี
      

      คืนนั้นพระพายเอาแต่คิดเรื่องของพฤติพงศ์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงต้องนึกถึง อาจจะเพราะความรู้สึกผิดในใจอย่างนั้นเหรอเขาเฝ้าแต่ถามตัวเองและปฏิเสธไปในคราวเดียวกันว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ความจริงแล้วอาจจะเพราะเขายังมีความเป็นมนุษย์ที่เห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
      หลังจากที่ภูตะวันหลับพระพายก็แอบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่าการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แต่ก็จบตรงที่เขาไม่กล้าพอที่จะไปและคิดในใจว่าควรจะไปหรือไม่ หากไปแล้วฝ่ายนั้นไล่ตะเพิดเขากลับมามันคงจะน่าอายจะไปให้เขาด่าทำไม ทั้งที่อีกใจก็เกลียดเสียจนไม่อยากมองหน้าแต่ก็อยากจะไปให้เห็นกับตาจะได้เลิกคิดสักที...


      เช้าวันต่อมาพระพายนั่งอยู่ห้องนั่งเล่นด้านนอกด้วยความตื่นเต้น กังวลและกลัวไปหมด วันนี้เขาจะลาป่วยและจะต้องโกหกคนรักเพราะถ้าบอกความจริงอีกฝ่ายต้องไม่ให้เขาไปแน่ เขาหลับตาพรูลมหายใจออกมาช้าๆราวกับจะให้ตัวเองใจเย็นลง ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับคนตัวสูงที่มองเขาอย่างแปลกใจ

   “อ้าว นึกว่าอาบน้ำแล้ว ไปอาบน้ำเดี๋ยวสาย” เขาถามอย่างแปลกใจเพราะปกติหากใครตื่นก่อนก็จะอาบน้ำก่อน ไม่ต้องรอกัน แต่นี่ยังเห็นว่าพระพายยังอยู่ในชุดนอนเมื่อคืนอยู่

   “...วันนี้พายลาป่วยน่ะครับ พอดีเพื่อนเก่าสมัยเรียนกลับมาจากต่างประเทศ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

   “เหรอ? ทำไมกะทันหันขนาดนี้”

   “ใช่ครับ! เมื่อตอนดึกเพื่อนโทรฯมาบอกพายยังตกใจเลย” พระพายเอานิ้วชี้และนิ้วกลางไขว้กันที่ด้านหลังอย่างรู้สึกผิดและขอโทษคนรักในใจ หากกลับมาแล้วจะบอกความจริง

   “แล้วไปหาเพื่อนที่ไหนล่ะ? พี่ไปส่ง” ปกติแล้วพระพายจะไม่ค่อยไปไหนเอง เพราะไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ภูตะวันจึงอาสาจะไปส่งด้วยความเป็นห่วงคนรัก แต่พระพายกลับรีบปฏิเสธซะจนเขาเองรู้สึกว่าจะต้องตกใจอะไรขนาดนั้น

   “ไม่ต้องครับ พายนั่งแท็กซี่ไปเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”

   “แน่ใจนะ?” พระพายพยักหน้าหงึกหงัก ภูตะวันมองคนรักอย่างกังวล แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะทำตัวเป็นผู้ปกครองให้อีกฝ่ายต้องอึดอัด ก็ได้แต่ปล่อยให้พระพายได้ทำอะไรเองและได้แต่เป็นห่วงอยู่ห่างๆ

   “ถึงแล้วโทรฯหาพี่ กลับก็โทรฯบอกด้วยพี่จะได้ไม่เป็นห่วง รู้ไหม?”

   “รับทราบครับ!” คนตัวเล็กตะเบ๊ะแบบทหาร จนอาจารย์หมอหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับความทะเล้นของคนรัก


      พระพายออกจากคอนโดในตอนสาย ระหว่างที่นั่งแท็กซี่เขาบีบมือเข้าหากันแน่นจนมือชื้นเหงื่อ หัวใจเต้นระรัวจนกลัวว่าจะออกมากองข้างนอก ความรู้สึกหลากหลายตีกันไปหมด ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวจนเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ยังยืนยันว่าจะไป จนเมื่อแท็กซี่จอดและบอกว่าต้องต่อมอเตอร์ไซค์วินเข้าไปเพราะเขาไม่อนุญาตให้เอารถยนต์ภายนอกเข้าไปภายในนั้น
      เขาตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปโดยไม่นั่งมอเตอร์ไซค์เพราะมันไม่ไกลมาก ไม่ได้จะประหยัดเงินหรืออะไรเพียงแต่การเดินจะทำให้เขาพอมีเวลาที่จะรวบรวมกำลังใจให้กับตัวเอง จู่ๆก็คิดถึงอาจารย์หมอขึ้นมาเพราะเหมือนกับเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของตน จึงไม่รอช้าที่จะต่อสายไปหาคนรักในทันที

   (ถึงแล้วเหรอ?) ปลายสายถามอย่างใจดี จนคนฟังเผลอยิ้มออกมา

   “ครับ ตื่นเต้นจัง”

   (ไม่ได้เจอเพื่อนนานล่ะสิ เดี๋ยวเจอก็หาย อย่ากังวล) แค่ได้ยินเสียงของคนรัก ก็เหมือนกับอีกฝ่ายมาพูดอยู่ข้างๆหู รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด

   “เดี๋ยวเสร็จแล้วพายไปหานะ”

   (ลาป่วยไม่ใช่หรือไง เดี๋ยว HR เห็นว่าไม่ป่วยโดนหักเงินเดือนแน่)

   “ไม่กลัวครับ แฟนเป็นลูกหลานเจ้าของโรงพยาบาล” เขาระบายยิ้มบางๆ ได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสายก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นมาเป็นกอง ไม่ได้คิดอย่างที่พูดจริงๆเพียงแต่พูดให้บรรยากาศมันดีขึ้นก็เท่านั้น หากจะโดนหักเงินเดือนเขาเองก็พร้อมจะรับผิด 


(reply ถัดไป)

ออฟไลน์ G-bazo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
(ต่อ)


                พระพายเดินเข้ามาอย่างเก้ๆกังๆ สายตากวาดมองไปทั่วเพราะไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อน สายตาผู้คนมองเหมือนเขาเป็นตัวประหลาด มือบางกำสายกระเป๋าสะพายแน่นและพรูลมหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะตรงเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ว่าเขามีความประสงค์จะเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง

   “ขอบัตรประชาชนด้วยครับ” เจ้าหน้าที่พูดกับเขา พระพายรีบล้วงหากระเป๋าสตางค์ตัวเองอย่างรีบร้อน มองเจ้าหน้าที่ที่ทำงานทุกขั้นตอน จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ส่งแบบฟอร์มขอเยี่ยมญาติให้กับเขา เขารับมันมาอย่างงงๆก่อนจะอ่านทำความเข้าใจ

   “ผมไม่ทราบว่าเขาอยู่แดนไหน”

   “ชื่ออะไรครับ?”

   “...พฤติพงศ์ ฉัตรพิทักษ์ชัย” เขาพูดชื่อสกุลที่จำได้แม่น ดวงตาแข็งกร้าวปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะอ่อนลงเมื่อได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่บอกว่าพฤติพงศ์อยู่แดนที่เท่าไหร่

      เขากรอกข้อมูลลงมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ความสัมพันธ์กับนักโทษ ปลายปากกาถูกยกขึ้นเหนือกระดาษ พระพายเหลือบตามองเจ้าหน้าที่ที่มองเขาอยู่อย่างต้องการความช่วยเหลือและเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาเองมีอะไรอยู่ในใจ อาจจะเพราะสีหน้าหนักใจของเขาที่ปรากฏให้เห็น

   “ถ้าไม่อยากยุ่งยาก ก็กรอกว่าเป็นญาติกับนักโทษ” เพราะการจะเข้าเยี่ยมนักโทษจะต้องเป็นญาติแต่หากเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติก็จะต้องมีญาติของนักโทษมาด้วย หลังจากได้ฟังพระพายกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกอยากจะยอมแพ้ไม่เข้าเยี่ยมตั้งแต่ตอนนี้ แต่มาถึงขนาดนี้ก็ต้องจำใจกรอกว่าเป็นญาติกับพฤติพงศ์อย่างปฏิเสธไม่ได้

   “นั่งรอก่อนนะครับ” พระพายพยักหน้าก่อนจะเดินออกมานั่งรอที่เก้าอี้ที่จัดไว้ให้

                เขามองไปจนทั่วผู้คนจำนวนหนึ่งนั่งรอแบบเขา รอที่จะได้เจอคนที่ทำความผิดซึ่งอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่พระพายเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนมาด้วยใจที่อยากเจอจริงๆรวมถึงตัวเขาด้วยเช่นกัน นั่งรออยู่ไม่นาน ก็ได้รับการอนุญาตเข้าเยี่ยม แต่ตามกฎต้องฝากของไว้ในตู้ล็อกเกอร์ก่อนเสร็จแล้วจึงเข้าไปได้

                ระหว่างทางที่เดินเข้าไปพระพายรู้สึกอึดอัดจนเหมือนหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพราะว่าทางมันแคบแต่เขารู้สึกว่าที่นี่มันคือคุก มันคือความหดหู่และความเศร้าสำหรับเขาเพราะมันคือที่ปิดกั้นความเป็นอิสรภาพของคนที่อยู่ในนี้ มันเหมือนโลกอีกโลกหนึ่งไปเลย

      ดวงตากลมกวาดมองไปจนทั่วห้องเข้าเยี่ยม ซึ่งเป็นห้องยาวๆห้องหนึ่งเหมือนในละครที่เคยเห็น มีกระจกและเหล็กกั้นเอาไว้ มีช่องกลมๆไว้ให้นักโทษกับญาติได้คุยกัน แม้จะดูลำบากแต่ทุกคนก็พยายามที่จะคุยแข่งกับเวลาเข้าเยี่ยม 20 นาทีสำหรับคนอื่นอาจจะเร็วแต่สำหรับเขามันช่างยาวนานเหลือเกิน

      พระพายยืนอึ้งราวกับโดนแช่แข็งเมื่อเจอคนที่ต้องการพบนั่งรออยู่ ไม่พบกันนานแล้ว เขากระพริบตาถี่เพราะรู้สึกเหมือนจะร้องไห้โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ความรู้สึกหลากหลายมันปะปนกันไปหมด เขาก้าวเท้าเดินไปอย่างเช้าๆมือเล็กกำแน่นด้วยความตื่นเต้น จนเมื่อถึงเก้าอี้จึงนั่งลงตรงหน้าพฤติพงศ์ที่ก้มหน้าอยู่ ไม่มีใครพูดอะไรก่อน ต่างคนต่างเงียบจนเวลาผ่านไปเกือบห้านาที

   “...คุณดูผอมไปมาก” พระพายพูดขึ้นหลังจากใช้สายตามองอีกฝ่ายอย่างพินิจ พฤติพงศ์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ พระพายหลบสายตาไปเพราะไม่กล้าสบตาเท่าไหร่นัก ไม่ใช่กลัวแต่เพราะทำตัวไม่ถูกและไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกอาย

   “มาทำไม” เสียงเข้มที่ยังคงมีอำนาจถามขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ พระพายจึงหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ

   “ผมแค่อยากรู้ว่าคุณเป็นยังไงบ้าง” พฤติพงศ์กระตุกยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีคล้ายกับว่าไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นเรื่องจริง ตนทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นจะมาอยากรู้ทำไมว่าเป็นยังไง

   “เสียใจล่ะสิที่ฉันยังสบายดี”

   “ไม่ใช่ครับ ผมเสียใจที่ดูเหมือนคุณจะยังสำนึกไม่ได้...”

   “..........” พฤติพงศ์จ้องพระพายตาแข็งเขากัดกรามแน่นเป็นสัน ก่อนน้ำตาจะไหลลงมาช้าๆและถูกเขาปาดมันออกอย่างไม่ใยดีในเวลาต่อมาแต่ก็ทันที่พระพายจะเห็นและอึ้งไป

   “สำนึกเหรอ? สำนึกแล้วได้อะไรในเมื่อฉันก็ต้องอยู่ที่นี่จนตายอยู่ดี...สำนึกแล้วฉันได้แก้ตัวอย่างนั้นสิ”

   “ฉันรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด...แกเคยตกอยู่ในสถานการณ์บังคับไหม?” พระพายหรี่ตาลงอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไรกับเขา

   “ครั้งแรกที่ฉันทำเพราะสถานการณ์บังคับ ฉันเคยมีผู้มีพระคุณ เขาส่งเสียฉันทุกอย่างเพราะฉันกำพร้า เขาเหมือนพ่อบุญธรรมของฉัน...อยู่มาวันหนึ่งพ่อบุญธรรมของฉันกำลังจะตายแต่เขาตายไม่ได้ ฉันจึงถูกบังคับให้เอาไตจากคนอื่นไปให้เขา จากนั้นเขารู้ว่าฉันทำได้เขาก็ทำเป็นธุรกิจแต่เขาก็อยู่ได้ไม่นานก็ตายเพราะเป็นหลายโรค...”

   “...แต่คุณก็ยังไม่หยุด” พระพายอึ้งไปหลังจากที่ได้ฟัง เพราะไม่เคยรู้เรื่องครอบครัวของพฤติพงศ์มาก่อนและมั่นใจว่าภูตะวันเองก็คงจะไม่รู้เช่นเดียวกัน

   “จากที่พ่อบุญธรรมได้ทั้งหมด ก็กลายเป็นฉันที่ได้เต็มๆ...ฉันหลงมัวเมาในเงินทองที่มหาศาล จนฉันหยุดไม่ได้” พฤติพงศ์สีหน้าสลด เขาลูบหน้าตัวเองอย่างเครียดๆ จริงแล้วภายใต้จิตใจของเขาก็รู้สึกสำนึกผิดแต่กลับโลกความจริงมันทำให้เขารู้ว่าสำนึกผิดไปก็เท่านั้นเพราะมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

   “...ฉันขอโทษ”

      พระพายน้ำตาไหลออกมาจนห้ามไม่อยู่ ทั้งเห็นใจ สงสารและก็เจ็บใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่คนที่ตกเป็นเหยื่อของธุรกิจพวกนั้นคือคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ คนจนที่แค่ป่วยและหวังว่าจะหายกลับต้องตายเพราะฝีมือคนรวยบางคนที่เห็นแก่ตัว


      พระพายเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นด้วยจิตใจที่หดหู่เหลือเกิน เขาเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย การได้พบกับเพื่อนเก่าที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเขามาเนิ่นนานในวันนี้ เขาได้รู้ว่าชีวิตคนเรามันเลือกไม่ได้จริงๆ บางสิ่งบางอย่างมันถูกกำหนดมาไว้แล้ว คนบางคนภายใต้จิตสำนึกอาจไม่ใช่คนเลวแต่เพราะสถานการณ์บังคับให้ต้องเลวก็ต้องทำอย่างเช่นพฤติพงศ์ คนบางคนก็เลือกไม่ได้ว่าจะรวยหรือจน คนจนก็จนวันยังค่ำคนรวยก็รวยเอาๆ
      

      สวนสาธารณะขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลวิวรรธน์ไม่มาก ถูกเลือกให้เป็นสถานที่นัดพบกันระหว่างพระพายและภูตะวันแทนที่จะเป็นในโรงพยาบาล ในเวลานี้พระพายเปลี่ยนใจที่จะไม่เข้าไปหาคนรักในนั้น วันนี้เขายังไม่อยากเห็นคนเจ็บ คนป่วย คนตาย คนร้องไห้เพราะมันทำให้เขารู้สึกหดหู่

      อากาศในตอนนี้ไม่เย็นแต่ก็ไม่ร้อนมากนัก เพราะต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ร่มเงาอยู่เต็มสวน รวมถึงสายลมที่พัดอ่อนๆจึงไม่ทำให้ร้อนจนเกินไป ใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นถูกลมพัดจนเกิดเสียง เขายกกาแฟที่ซื้อมาขึ้นดูดอย่างใจเย็นเพื่อรอให้ภูตะวันมาถึง แต่หลังจากที่วางแก้วลงบนม้านั่ง เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังใกล้เข้ามา พระพายหันไปมองยังที่มาของเสียงก่อนจะระบายยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นว่าเป็นคนรักที่มาถึง

   “ไม่ร้อนหรือไง ทำไมไม่เข้าไปที่โรงพยาบาล” ภูตะวันถามอย่างแปลกใจ แต่ก็ยอมนั่งลงบนม้านั่งข้างกันกับคนรัก พลางรับกาแฟอีกแก้วหนึ่งที่อีกฝ่ายซื้อมาให้

   “พายเบื่อโรงพยาบาล อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง” เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆ พลางทำท่าสูดอากาศที่คิดว่าบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

   “แล้วไปเจอเพื่อนเป็นยังไงบ้าง สนุกไหม?”

   “...เพื่อนเก่าน่ะเหรอครับ” พระพากไม่ได้มองหน้าคนถาม เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย สูดลมหายใจเข้าลึกๆและพ่นมันออกมา ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นว่าหลังจากที่กลับจากสถานที่นั้นแล้วจะเล่าให้อาจารย์หมอฟัง แต่พอถึงเวลากลับกลัวโดนดุขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองหน้าคนรักอีกครั้ง

   “ถ้าพายเล่าให้พี่ฟัง พี่อย่าโกรธพายได้ไหม” ภูตะวันเลิกคิ้วขึ้นสูงไม่ได้พูดอะไรนอกจากขยับตัวเอนหลังพิงพนักม้านั่งเพื่อรอฟังว่าคนรักจะเล่าอะไรให้ตนฟัง พระพายเห็นท่าทีของอีกฝ่ายที่ดูสบายๆเขาจึงเบาใจไปได้บ้าง ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเช่นเดียวกันและหลุบสายตาไปมองแก้วกาแฟในมือแทน

   “...พายไปหาหมอโจมา”

   “.........” หมอซันไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนรักที่มองแก้วกาแฟอยู่เหมือนคนมีอะไรอยู่ในใจ แม้จะตกใจเล็กน้อยที่คนรักกล้าจะไปสถานที่แบบนั้นเพียงคนเดียวโดยที่ไม่ได้บอกใครแต่ก็เงียบและรอจะฟังเหตุผลและความรู้สึกของคนรักต่อ

   “พายก็ไม่รู้ว่าพายอยากจะไปเจอเขาทำไมทั้งๆที่พายเกลียดเขา อาจจะเพราะพายเป็นคนทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ที่นั่น พายคงเป็นคนดีมากๆมั้งครับที่รู้สึกผิดกับคนเลว”

   “พายสงสารเขา...แต่พายก็เกลียดเขาด้วยเหมือนกัน” เขาเหมือนคนที่กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง จนทำให้ตอนนี้ไม่สบายใจและรู้สึกไม่ดี ทั้งที่การไปเจอกับพฤติพงศ์ในวันนี้มันน่าจะจบลงด้วยดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

   “...ไม่แปลกหรอกที่พายจะรู้สึกแบบนั้น เพราะพายยังเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ใจพายจะสบายกว่านี้ไหมถ้าพายอภัยให้เขา พายอโหสิกรรมให้เขาไหม?” ภูตะวันแตะหลังมือคนรักเบาๆอย่างปลอบประโลมและให้กำลังใจในคราวเดียวกัน สายตาของเขาทำให้พระพายรู้สึกอบอุ่นและโล่งใจอย่างน่าประหลาด

   “..........” พระพายไม่พูดอะไร เขายิ้มบางๆพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ เขาพร้อมจะอโหสิกรรมให้ฝ่ายนั้น เพราะในตอนนี้คนทำผิดก็ได้รับโทษแล้ว

   “แต่คราวหน้าอย่าโกหกเข้าใจไหม?”

   “ขอโทษครับ” เขาพุ่มมือไหว้ขอโทษคนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อมและขอโทษจากใจจริงที่พูดโกหก หมอซันไม่ได้โกรธอะไร เขายกมือขยี้หัวกลมของคนรักจนยุ่งพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆของทั้งสองคนแข่งกับเสียงลมที่พัดใบไม้ให้ร่วงโรยลงมา


      ในสถานที่ที่พระพายไปวันนี้ ทุกคนที่อยู่ในนั้นเขารู้ว่าไม่ใช่คนไม่ดีทั้งหมด บางคนอาจจะทำผิดเพราะไม่มีทางเลือก เขาอาจจะหาทางเลือกที่ดีกว่านี้ไม่ได้ หากวันหนึ่งคนเหล่านั้นได้กลับมาสู่โลกแห่งความจริงใบนี้อีกครั้งพวกเขาอาจจะอยากกลับอยู่ในนั้นเหมือนเดิมก็ได้ เพราะมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น แต่ก็ยังเชื่อและหวังว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันหลังจากที่ได้ออกมา เพราะทุกคนในโลกใบนี้เกิดมาเพื่อช่วยเหลือกัน

      แม้คำสุดท้ายที่พฤติพงศ์บอกกับเขาว่าไม่ต้องมาอีก แต่เขาจะมา มาเพื่อให้กำลังใจและมาคุยเป็นเพื่อน เพราะอย่างน้อยก็คือเพื่อนร่วมโลก หากเป็นเขาอยู่ในนั้นก็คงจะเหงาไม่น้อยเคยได้ใช้ชีวิตอยู่แบบสุขสบายสุดท้ายได้มาอยู่ในเรือนจำที่ไม่มีใครอยากจะเข้าไป ถึงแม้จะเป็นผลกรรมที่คนทำผิดได้รับ แต่คนที่สำนึกผิดก็ควรได้รับการอภัยด้วยเหมือนกัน...


******************


Talk : เล็กๆน้อยๆพอให้หายคิดถึงนะคะ :)
เร็วๆนี้ชีวิตรักหมอนักผ่าจะออกมาเป็นรูปแบบหนังสือ
เพื่อนนักอ่านท่านใดที่สนใจ รอติดตามนะคะ ขอบคุณค่ะ

Twitter : @Ggbazo
Facebook Fanpage : GgbazoStory

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Tatangth

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณที่เอาตอนพิเศษมาให้อ่านนะค้า -/\-

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ชีวิตคนมีหลายด้าน เราไม่ได้รู้ทั้งหมดหรอก
บางอย่างอภัยได้ก็อโหสิไป คนที่แบกเอาไว้ก็หนักเองแหละ

ชอบพี่ซันกับพาย ดูเป็นความรักที่โตแล้ว เข้าใจกัน ดูแลกัน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ yupa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ขอบคุณ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Wut_Sv

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
เฮ้ออออ นึกว่าตอนพิเศษจะหวานจับใจ มีหน่วงปนมาซะเยอะเหมือนกัน :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ตอนพิเศษหน้าขอหวานจนน้ำตาลขึ้นตาเลยนะคร้าบบบ  :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ Bear Company

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

ออฟไลน์ mamarin_smile

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
 :mew1: ขอบคุณคะอ่านรอบเดียวจบเลย สนุกมาก

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Niinuii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
สนุกมาก!!!

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากเลยค่ะ อ่านเพลินมาก
หมอพายน่ารัก หมอซันถึงจะดุแต่ก็อบอุ่น
ขอบคุณที่แต่เรื่องดีๆมาให้อ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
อ่านจบแล้ว ........ เป็นเรื่องที่ต่างจากเรื่องอื่นที่เคยอ่าน หมอซันอบอุ่นมาก หมอพายน่ารัก

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Pakbung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 ชอบเรื่องนี้สนุกมาก แอบลุ้นและกลัวไปด้วยกับฉากผ่าตัด เป็นคนกลัวเข็มอ่านทีไรก็เกร็งตลอด 5555

 ขอบคุณมากนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆและมีสาระให้อ่าน  :L2:

ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  และก็ขอบคุณความรู้ใหม่ๆที่สอดแทรกเข้ามาในเนื้อเรื่องเป็นระยะๆด้วยค่ะ  รับรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยของคนที่ำอาชีพนี้เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด