Chapter : 14 : ป่วย
(น้ำฝน...♥)
“หายไปไหนมาตั้งนานสองนาน”
ไผ่มันถามทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าห้อง
“โทษที กูลืมของไว้ที่บ้านน่ะ”
ผมตอบโดยไม่มองหน้ามัน
“ทำไมไม่บอก กูจะได้ขับรถไปส่ง”
ผมพยักหน้าไปยังกองงานที่ตั้งอยู่พะเนินเทินทึก
“งานเยอะขนาดนี้ ขืนไปกันสองคน จะเสร็จไหมล่ะ”
“แล้วอะไรที่มึงลืม”
“กูเพิ่งนึกได้ว่าน่าจะใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียนแล้ว”
ผมรีบเดินไปเปิดกระเป๋านักเรียน ค้น ๆ ดู ก่อนหยิบพวงกุญแจที่ผมเคยซื้อไว้ตอนเดินผ่านหน้าโรงเรียนออกมา
“แค่เนี้ย”
“เอ้อ ของขวัญวันเกิดย้อนหลังมึง โทษทีนะ ให้ช้า”
ผมยื่นสิ่งที่อยู่ในมือไปให้ อันนี้ผมตั้งใจชื้อไว้ให้มันเป็นของขวัญจริง ๆ พวงกุญแจแนวที่มันชอบเลย มันมองหน้าผม เบิ้ดกะโหลกมาที
“ห่า ถึงขนาดทิ้งงานนั่งรถไปเอา กูไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก”
แต่ก็รับเอาสิ่งที่อยู่ในมือผมไปดูด้วยสีหน้าดีใจ
“มึงเพื่อนกู”
มันรั้งคอผมเข้าไปกอด
“มึงนี่น้า มานี่เลย อย่าอู้ มึงต้องทำในส่วนของมึง คนอื่นเขาทำเสร็จปลีกวิเวกไปกันหมดแล้ว ของกูด้วย แต่นั่งรอมึงอยู่นี่แหละ”
“โทษที”
ผมบอกเสียงเบา ฝืนเจ็บลงไปนั่งหน้าโต๊ะญี่ปุ่นที่มีกองงานในส่วนของผมอยู่เป็นพะเนิน คนอื่น ๆ หลับกันหมดแล้ว พีมขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อยในขณะที่หินกับตันนอนอยู่บนฟูกสำรองบนพื้นข้างเตียงนั่นแหละ ไผ่มันขยับไปนั่งฝั่งตรงข้ามดึงงานของผมบางส่วนไปทำ
“มึง ไม่ต้องช่วยหรอก นอนไปก่อนก็ได้”
“มึงทำเพื่อกู แค่นี้กูช่วยได้”
พูดจบมันก็แย่งงานจากผมส่วนอื่นไปทำเพิ่มด้วย ผมยิ้ม ก้มหน้าลงไปทำต่อ
เงยหน้าขึ้นมาอีกที คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้ว ผมเองก็อยากฟุบเหมือนกัน แต่งานของตัวเองยังไม่เสร็จ จะให้ผมคนเดียวทำงานกลุ่มเสียไม่ได้เด็ดขาด
…
…
…
…
…
ตีห้าแล้วครับ งานเสร็จพอดี ผมขยี้ตา วางปากกาลง ตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง พอผมเก็บของเสร็จ ไอ้ตันก็งัวเงียตื่น
“ตื่นแล้วเหรอ” มันถาม ผมยิ้มเนื่อย ๆ ให้
“เปล่า เพิ่งทำเสร็จ”
มันยกมือถือกดมองเวลา
“มึงนอนบ้างรึยังเนี่ย”
ผมส่ายหน้าไปมา
“งั้นมึงงีบไปก่อน พวกกูอาบน้ำเสร็จจะปลุก”
ผมพยักหน้ารับ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเหมือนเจ้าของห้องนั่นแหละ
สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนมาเขย่าแขนปลุก หัวหนักมากจนไม่อยากจะขยับลุก ผมเงยหน้ามองคนปลุกเบลอ ๆ เป็นไอ้ตันครับ
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ตาจะได้สว่าง ๆ”
ผมพยักหน้ารับ ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป พวกเราเตรียมชุดมากันพร้อมครับ พอผมอาบเสร็จก็พากันขนขบวนเดินออกจากห้อง พวกเราต้องรีบออกกันแต่เช้า เพราะต้องไปเตรียมงานกันต่อที่โรงเรียน คาบแรกด้วย ข้าวเช้าก็ไปกินกันที่โรงเรียนนั่นแหละ พ่อกับแม่คงยังไม่ตื่น หินขี่รถมอเตอร์ไซต์ของมันไป ในขณะที่ตันกับพีมนั่งแท็กซี่ไปด้วยกัน ส่วนผมจะไปกับไผ่ ระหว่างทางเดินไปที่รถ ผมเห็นพี่หมอกำลังจะก้าวขึ้นรถตัวเอง ผมไม่สนใจมองต่อ ขึ้นไปซ้อนหลังไผ่ พอนั่งได้ก็ซบหน้ากับแผ่นหลังมันทันที หนักหัวมาก รู้สึกตัวจะรุม ๆ ด้วย
“ไหวไหมมึง” มันหันมาถาม
“อืมไหว แต่กูง่วง”
“โทษทีนะ กูก็เสือกหลับหนี เมื่อกี้ก็น่าจะไปกับพวกไอ้ตันมัน จะได้หลับบนแท็กซี่ต่อได้”
“ไม่เป็นไร กูทนไหว”
มันพยักหน้า
“เอ้า ใส่หมวกกันน็อกก่อน”
มันหยิบหมวกกันน็อกมาใส่หัวให้ แย่งกระเป๋าไปถือเอง สตาร์ทเครื่องจนดังกระหึ่ม ผมหันไปมองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังพวงมาลัยอีกรอบ มองไม่เห็นหรอก เพราะฟิล์มค่อนข้างมืด หันกลับมามองแผ่นหลังของเพื่อนอีกครั้ง
“กอดกูแน่น ๆ นะ จะได้รู้ว่ามึงยังมีสติอยู่”
มันหันมาสำทับ ผมพยักหน้ากระชับกอดเอวมันแน่นขึ้น
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงเรียน พอเพื่อน ๆ เห็นสภาพผมต่างพากันสั่งไม่ให้ผมพรีเซนต์ ผมทำได้แค่พยักหน้ารับ นั่งฟังอยู่เฉย ๆ มึนมาก พวกมันพูดอะไรกันผมฟังแทบไม่รู้เรื่อง ไม่นานก็หมดชั่วโมง
“ไหวไหมมึง ไปนอนที่ห้องพยาบาลก่อนไหม”
พีมมันถามด้วยความเป็นห่วง ผมส่ายหน้าไปมา
“ไม่เป็นไร”
แล้วฝืนใจเรียนต่อ พักเที่ยงก็ไปกินข้าวกับพวกมัน ขอยาจากห้องพยาบาลมาได้สองเม็ดแล้วฝืนเรียนต่อจากคาบบ่ายไปจนถึงคาบสุดท้าย เพื่อน ๆ พากันแยกย้ายกลับบ้านในขณะที่ไผ่อาสาขับรถไปส่ง ผมไม่ปฏิเสธเพราะไม่อยากนั่งแท็กซี่กลับบ้านคนเดียวในสภาพแบบนี้เหมือนกัน ไม่นานมันก็พาผมมาส่งถึงบ้าน
“ไหวไหมมึง”
ตอนแรกมันจะเข้าไปส่งผมข้างใน แต่ผมบอกให้มันกลับก่อน วันนี้อาจารย์สั่งการบ้านเยอะด้วย
“มึงไม่ต้องทำก็ได้นะการบ้านน่ะ ไปลอกกูพรุ่งนี้เอา”
ผมรับปาก ให้มันรีบกลับ มันเก็บหมวกกันน็อกของผม ขึ้นควบน้องเท่มันขับออกไป พอเห็นว่าเพื่อนไปแล้ว ผมถึงได้ล้วงหยิบกุญแจจากกระเป๋าเตรียมไขประตูรั้ว สงสัยพี่ฟ้ากับแม่บ้านจะออกไปข้างนอก ถึงได้ล็อกแบบนี้
“คิดว่าจะชวนคู่ขามากกกันที่บ้านซะอีก”
เสียงทักนั้นทำเอาผมสะดุ้งโหยงจนกุญแจที่ถืออยู่หลุดมือตกพื้น ผมหันไปมอง พอรู้ว่าเป็นใครก็รีบขยับก้าวถอยไปด้านหลัง
“พี่หมอ...”
คนที่เพิ่งย่ำยีผมไปเมื่อคืน ผมรีบก้มเก็บกุญแจ รู้สึกหน้ามืดนิด ๆ แต่ก็พยายามฝืนใจยืน พี่หมอเลิกคิ้ว
“หน้าซีดเชียว หรือจริง ๆ แล้วเพิ่งกกกันไป อืมก็น่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า”
“คนที่คิดได้แต่เรื่องต่ำ ๆ ก็มีแค่พี่เท่านั้นแหละ”
ผมรีบหันไปไขกุญแจ แต่ภาพตรงหน้ามันเบลอเอามาก ๆ จนหารูเสียบกุญแจไม่เจอ หรือพูดให้ถูกก็คือมือผมกำลังสั่นเพราะหวาดกลัวคนด้านหลัง
“นี่ทำกันจนหมดแรงเลยเหรอ”
พี่หมอขยับมายืนขนาบหลัง กระซิบข้างหู ผมรีบหันไปหวังผลักออก แต่รู้สึกหน้ามืดจนต้องเปลี่ยนจากผลักเป็นกอบกุมเสื้อของคนตัวสูงแทน แล้วภาพตรงหน้าก็ดับไป
ผมสะลึมสะลือลืมตามองอีกที เพดานห้องดูไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย หัวหนัก ๆ ตัวก็รุม ๆ ผมปรือตาหันไปมองข้าง ๆ ก็เห็นสายน้ำเกลือวิ่งตรงมาที่แขน
โรงพยาบาล?
มองซ้ายมองขวา หวังเช็กว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่ไม่มีนาฬิกาสักเรือน ผมค่อย ๆ พยุงตัวก้าวลงจากเตียง ใครพาผมมาหาหมอ แล้วที่นี่โรงพยาบาลอะไร รู้สึกปีนี้ ผมจะเข้าโรงพยาบาลบ่อยจังแฮะ
“รู้สึกดีแล้วรึไงถึงได้ลุกขึ้นมา”
ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามา ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากตื่นขึ้นมาเห็นหน้าเขาเลย
“ที่นี่ที่ไหน”
“คลินิกเพื่อนฉันเอง”
ภาพเก่า ๆ หวนคืน ผมกวาดมองไปรอบ ๆ อีกที ถ้าจำไม่ผิดห้องนี้…
“หึ นึกออกแล้วเหรอ”
พี่หมอเดินเข้ามาชิด ผมรีบยกมือที่ไม่มีสายน้ำเกลือมาดันอกพี่หมอออก
“อย่า…”
“ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย หรือที่ห้ามเพราะอยากให้ทำ ไผ่มันบริการไม่ดีรึไง”
พี่หมอพูดเองเออเอง ผมเพิ่มแรงผลักมากขึ้น แต่ยิ่งทำหน้ายิ่งมืด ผมจะล้มอีกรอบ ดีว่าพี่หมอโอบรับไว้ในวงแขน ผมยืนตัวอ่อนซบหน้าอยู่กับแผงอกกว้าง อยากผลักอีกรอบแต่ไม่มีแรง
“ถ้าอยากระลึกความทรงจำก็บอกดี ๆ ก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดให้”
“ไม่ใช่...”
ผมดันตัวออกมาปฏิเสธเสียงแผ่ว ภาพตรงหน้าเบลอเอามาก ๆ รู้สึกเหมือนถูกตวัดอุ้มไว้ในอ้อมแขน แล้วหลังผมก็แตะลงบนพื้นเตียงอีกรอบ พร้อมผ้าห่มที่ถูกคลุมมาถึงอก
“ก็อยากอยู่หรอกนะ แต่พอดีฉันติดงาน กลับมาจะสนองให้ละกัน”
เสียงนั้นเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล เห็นภาพได้เลือนรางว่าพี่หมอกำลังฉีดอะไรบางอย่างมาที่แขน แล้วหลังจากนั้น ภาพก็มืดไปอีกรอบ
ผมตื่นอีกที เพราะได้ยินเสียงพูดดังอยู่ใกล้ ๆ เสียงหวาน ๆ คล้ายเสียงพี่ฟ้า
“ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม”
พี่ฟ้าขยับเข้ามาใกล้ คนที่พี่ฟ้าคุยด้วยคือเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่ง
“พี่ฟ้า”
“ป่วยง่ายจังนะช่วงนี้ เห็นไผ่บอกว่าโหมทำโปรเจ็คจนน็อก พี่ว่าจะไปวีนครูอยู่ข้อหาทำให้นักเรียนเสียสุขภาพ” พี่ฟ้าทำท่าฮึดฮัด “พี่ลาโรงเรียนให้แล้ว วันนี้ก็พักไปละกัน ดีขึ้นค่อยกลับ”
ผมพยักหน้า แต่นึกขึ้นได้ว่านี่มันคลินิกของเพื่อนพี่หมอ ผมรีบรั้งเสื้อพี่สาวไว้ทันที
“ผมว่าเรากลับกันก่อนดีกว่า ฝนอยากไปพักที่บ้าน”
“ท่าทางเรายังร่อแร่อยู่เลย ป้าแม่บ้านลางานอาทิตย์หนึ่ง ล้มมาพี่จะเอาเราไม่ไหวนะ รอให้ดีขึ้นก่อนดีกว่า”
ผมกัดฟันแน่น พยักหน้ายอม
ผมนอนไปอีกรอบ ก่อนตื่นเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เสียงหนึ่งเป็นเสียงของพี่ฟ้า อีกเสียงเป็นเสียงของคนที่ผมเกลียดยิ่งกว่าเกลียด
พอลืมตามองก็เห็นพี่ฟ้ากำลังยิ้มละไม คุยอยู่กับพี่หมอ พี่ฟ้าหันมามอง พี่หมอหันมามองตาม
“ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง”
“ดีแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
ผมรีบชวนทันที พี่ฟ้าพยักหน้ารับ
“กลับได้ไม่ได้ ต้องให้หมอเป็นคนตัดสินใจนะ”
พี่หมอบอกมาเรียบ ๆ ยังไม่ทันที่ผมจะลุก พี่หมอก็เดินเข้ามาชิด ปฏิกิริยาอัตโนมัติของผมคือขยับถอยไปด้านหลัง ดีว่าตัวพี่หมอบังไว้ พี่ฟ้าเลยไม่เห็น พี่หมอทำสายตานิ่ง ๆ ขู่ ผมจำต้องนอนนิ่ง ๆ ให้พี่หมดเช็ก
“จริง ๆ น่าจะนอนต่ออีกสักคืนนะ”
พี่หมอหันไปบอกพี่ฟ้า พี่ฟ้าทำหน้าลำบากใจ
“ผมดีขึ้นแล้วพี่ฟ้า”
ผมขยับลุกนั่ง ทำตัวให้ดูกระฉับกระเฉงเหมือนไม่ใช่คนป่วย
“ฟ้าว่าฟ้าพาฝนกลับบ้านดีกว่าค่ะ ฝนไม่ชอบนอนโรงพยาบาล”
พี่หมอพยักหน้า อาสาขับรถมาส่ง ผมอยากค้านแต่พี่หมอปิดประตูผมไว้ทุกด้าน ผมนั่งหลังพี่ฟ้านั่งหน้าข้างคนขับ พอขึ้นรถได้ ผมก็พิงหัวกับพนักพิงหลับไปอีกรอบ ก่อนจะรู้สึกว่าตัวจะลอย ๆ แล้วแผ่นหลังผมก็สัมผัสเข้ากับที่นอนนุ่ม ๆ อีกครั้ง
To be Con..
ขออภัยที่หายไปนานจ้าาา แวบไปบวชมาซะหลายวัน เอาบุญมาฝากทุกคนด้วย ช่วงนี้คิวเดินทางค่อนข้างถี่ แต่จะพยายามมาลงให้อ่านกันบ่อย ๆ
ชอบทุกเม้นท์