Chapter : 16 : ปีศาจผู้อ่อนโยน
(น้ำฝน...♥)
♥
♥
Up 100% [แบ่งลง 2 หน้านะคะ พอดีลงหน้าเดียวไม่พอ
]
...............................................................................................
ผมวิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง วิ่งหนีบางสิ่งบางอย่างที่น่าหวาดกลัว ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร เห็นเพียงแค่เงาอันดำทะมึน ตัวใหญ่ราวกับยักษ์ และไม่ว่าผมจะหนีไปที่ไหน สิ่งนั้นจะวิ่งตามผมมาเรื่อย ๆ ผมวิ่งไปหลบหลังกำแพง แต่มันก็โผล่พรวดเข้ามาทำให้ผมหวาดกลัว ผมวิ่งออกจากจุดนั้นไปยังเส้นทางแคบ ๆ ที่สองข้างทางเป็นกำแพงอิฐเก่า ๆ สูงท่วมหัว ผมวิ่งตรงไปเรื่อย ๆ เหลียวหลังกลับไปมองเป็นระยะด้วยความหวาดผวา
กระทั่งร่างทั้งร่างหล่นวูบหายลงไปเบื้องล่าง ตัวผมกระแทกกับพื้น แต่มันไม่เจ็บ ผมนอนพังพาบอยู่กับที่ รีบขยับลุกขึ้นนั่ง หันมองไปรอบ ๆ รอบด้านมืดสนิท มันมืดมิดราวกับมีใครเอาสีดำมาย้อมอากาศ มีเพียงจุดที่ผมนั่งอยู่นี้เท่านั้นที่มีแสงอ่อน ๆ จากดวงจันทร์สาดลงมา พื้นที่ผมนั่งอยู่เป็นดินแฉะ ๆ ที่มันทั้งอับและชื้น
ได้ยินเสียง'แกร๊ก'ดังมาจากมุมหนึ่งของความมืด ผมสะดุ้งเฮือกหันขวับไปมอง ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด ผมพยายามเพ่งมองพอ ๆ กับพยายามคาดเดาว่าสิ่งนั้นคืออะไร มันดังขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนสิ่งนั้นกำลังเคลื่อนไหวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ผมน้ำตาคลอ ค่อย ๆ ขยับถอยไปด้านหลัง เสียงนั้นใกล้เข้ามาอีก
แล้วก็มีสิ่งหนึ่งคว้าหมับมาที่ข้อเท้า ผมสะดุ้งเฮือกแหกปากร้องลั่น สิ่งนั้นคือมืออันน่าเกลียดน่ากลัว มันมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอันสยดสยอง ผมตัวสั่นเทา ใจอยากขยับหนี แต่ความหวาดกลัวทำให้ผมไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ มันหัวเราะอีกรอบ เคลื่อนมือสูงขึ้นมาอีกจนเห็นส่วนแขนอันเน่าเฟะได้อย่างชัดเจน
แล้วเจ้าสิ่งนั้นก็โผล่พรึบเข้ามาเอาหน้าประชิดหน้าผมอย่างรวดเร็ว
ผมเบิกตากว้าง จ้องภาพใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวนั้น มันเป็นภาพของพี่หมอ แต่ในสภาพโกรธจัด ดวงตาทมึนทึงแดงก่ำ เขี้ยวขาวยาวเฟื้อยราวกับแวมไพร์หรือไม่ก็ยักษ์ในสมัยโบราณ ริมฝีปากสีเลือดแสยะยิ้ม
ผมแหกปากร้องลั่นออกมาสุดเสียง สะดุ้งเฮือกลุกพรวดขึ้นนั่ง
ผมหอบหายใจแรง กวาดมองไปรอบ ๆ ภาพในหุบเหวอันมืดมิดกลับมาสว่างอีกครั้งจากโคมไฟที่เปิดทิ้งไว้บนหัวเตียง หัวใจเต้นแรงจนต้องกุมมันไว้ เหงื่อไคลไหลย้อยจนหน้าผากชื้นไปหมด
ฝันหรอกเหรอ
ผมค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจลง เหมือนจริงเอามาก ๆ เหมือนจริงจนน่ากลัว ผมยกหลังมือปาดเหงื่อ ขยับลุกหยิบน้ำบนโต๊ะข้างเตียงมาดื่ม
ผมทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ หรี่ไฟให้แสงเจือจางลงแต่ไม่ได้ปิดเพราะยังหวาดกลัวอยู่ ผมกุมหัวใจตัวเอง มันยังเต้นแรงอยู่เลย
มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นน้ำฝน
ความฝัน...
ผมปลอบใจตัวเอง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจลง ปิดเปลือกตาช้า ๆ พยายามข่มใจให้หลับอีกรอบ
เคลิ้ม ๆ กำลังจะหลับ แต่เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง เสียงคล้ายลูกบิดถูกจับหมุน ผมค่อย ๆ ลืมตามอง เสียงบานไม้ถูกผลักเปิดออกตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ขยับก้าวเข้ามา เสียงบานไม้ถูกผลักปิดตามติดด้วยเสียงคลิกเหมือนลูกบิดถูกกดล็อก
หัวใจผมไหวแรงขึ้นมาอีกครั้ง ค่อย ๆ ก้มมองไปทางหน้าประตู เห็นเงาเลือนรางของอะไรสักอย่างคล้ายมนุษย์ ผมกำผ้าห่มที่อกแน่น จ้องตาแทบไม่กระพริบ
นี่ผมฝันอีกแล้วเหรอ
ร่างนั้นขยับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง แม้แสงไฟภายในห้องจะริบหรี่ ผมก็เห็นหน้าของร่างนั้นได้ชัด ๆ
หน้าของพี่หมอ
มันไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวเหมือนความฝันเมื่อกี้ แต่ก็เป็นใบหน้าเดียวกัน ผมตัวสั่นขึ้นมาอีกรอบ กำผ้าห่มแน่นขึ้น ผมรีบหลับตาเพราะกลัวว่าใบหน้านั้นจะเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวอีกรอบ ตั้งจิตสวดมนต์ภาวนาขอให้ปีศาจที่ยืนอยู่หายไป พอ ๆ กับพยายามบังคับให้ตัวเองตื่นจากความฝันนี้เร็ว ๆ
ผมสะดุ้งเฮือก เพราะรู้สึกเหมือนที่นอนตรงแขนทั้งสองข้างจะยุบฮวบ ผมลืมตามอง จนเห็นได้ชัด ๆ ว่าปีศาจตนนั้นคร่อมร่างผมอยู่ ตาจ้องตา ผมตัวสั่นยิ่งกว่าเดิมพยายามกดร่างตัวเองจมลงไปกับที่นอน
ตื่นสักทีสิน้ำฝน รีบตื่นสักที
ผมตะโกนบอกตัวเองในใจ
ปีศาจตนนั้นไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา แต่ค่อย ๆ ก้มหน้าลงมาจนริมฝีปากแนบชิดริมฝีปากผม ผมเบิกตากว้างรีบผลักปีศาจตนนั้นออก แต่มันไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ปากนั้นขยับบดเบียดปากผมไปมา มันไม่ได้รุนแรงแต่ผมก็ยังหวาดกลัว เรียวลิ้นร้อนแทรกลึกเข้ามาตวัดพันลิ้นผมไว้
ผมรู้ว่าผมไม่สบาย คนไม่สบายมักฝันร้าย และตอนนี้ผมกำลังฝันร้ายอยู่ใช่ไหม
ฝันว่าปีศาจกำลังจะกินผม
ปีศาจเลื่อนปากต่ำลงไปที่ลำคอ ขบเบา ๆ ไปตามแนวคาง ผมแหงนหน้านอนตัวสั่นเพราะคาดเดาไม่ออกว่าจะถูกกินแบบไหน จะถูกกัดกินผิวเนื้อทีละส่วนหรือถูกดูดเลือดจนตายแล้วตื่น
น้ำตาผมไหลรินลงมาเพราะความหวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันสัมผัสพวกนั้นก็เริ่มทำให้ผมรู้สึกวาบหวิวในอก ผมแหงนหน้ามากขึ้นเมื่อริมฝีปากร้อนลากกลับมาซุกซอกคอเหมือนเดิม ผมเผลอครางออกมาเบา ๆ ด้วย
เขาเลื่อนปากต่ำลงไปที่อก สอดมือข้างหนึ่งผ่านชายเสื้อผมขึ้นมาที่ยอดอก เกลี่ยไล้แผ่วเบา ผมตัวสั่นขึ้นมาอีกระลอก แต่ไม่ใช่เพราะความกลัว มันหวิวสะท้านไปทั่วทั้งอก ผมกำเสื้ออีกฝ่ายแน่น ความกลัวค่อย ๆ จางหายไป เหลือไว้แค่ความหวิวที่ดูจะเพิ่มทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปีศาจตนนี้กำลังทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม วันนี้เขาอ่อนโยนกับผมมาก ไม่กระชากลากถูหรือกระทำรุนแรงเหมือนเคย ใบหน้านั้นเลื่อนต่ำลงไปฝังไว้แถว ๆ หน้าท้อง ผมผวาเฮือกจับสองไหล่แกร่งบีบแน่นระบายอารมณ์ ผมครางแผ่ว หลับตาลงด้วยความหวิวไหว เสื้อผมถูกเลิกสูง แล้วริมฝีปากร้อนก็ครอบครองยอดอกผมไว้ ผมเลื่อนมือจากหัวไหล่ไต่สูงขึ้นมายังท้ายทอย แทรกปลายนิ้วหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเส้นผมนุ่มมือนั้น ขยับแอ่นอกเข้าหา
ปากร้อนเลื่อนต่ำลงไปเรื่อย ๆ ก่อนมันจะครอบครองส่วนอ่อนไหวของผมไว้ มันทั้งอุ่นและเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน ผมไม่ขัดขืนอะไรเลย เพราะปีศาจตนนี้ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บ ผมครางออกมาเสียงดังมากขึ้น เพราะรู้ว่าในฝัน ผมไม่จำเป็นต้องอดกลั้นอะไร
ผมครางสะท้านตามจังหวะของปากนั้น บางครั้งก็กดหัวปีศาจพี่หมอหนัก ๆ ให้ครอบครองผมลึกขึ้น
“อ๊า.. พี่หมอ” ผมครางอีกรอบ ปีศาจพี่หมอไม่ได้พาผมไปถึงปลายทาง เขาหยุดปาก เลื่อนขึ้นมาจูบผมอีกที ผมไม่ได้ปฏิเสธหรือรู้สึกขยะแขยงกับการกระทำนั้น หนำซ้ำยังขยับปากตอบรับดี ๆ อีกต่างหาก
ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ปีศาจตนนี้อ่อนโยนกับผมมาก มากซะจนผมอดไม่ได้ที่จะเรียกร้องให้เขากอดผมมากขึ้น
สองมือผมกอบกำที่นอนแน่น ปากครางสะท้าน รองรับเรือนร่างที่โหมลงมา จวบจนสติผมจางหายไป ภาพสุดท้ายที่เห็น มีเพียงเสี้ยวหน้าที่ระอุไปด้วยแรงอารมณ์ของปีศาจตนนั้นเท่านั้น
ได้ยินเสียงพูดคุยกันเบา ๆ ผมค่อย ๆ ลืมตามอง เห็นพี่สาวคนสวยยืนคุยอยู่กับใครบางคน
พี่ฟ้ากับเพื่อนสนิทผมนั่นเอง มันหันมามอง
“ทิวไผ่” ผมยิ้มหวานให้มันที
“ยิ้มหวานซะกูขนลุกเลยนะมึง เป็นไงบ้าง” มันทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ อังหลังมือกับหน้าผาก “นอนเยอะ ๆ นะ กูไปโรงเรียนก่อน เที่ยงจะมาหาอีกที”
“ไม่ต้องก็ได้” ผมบอกมันเสียงแหบ ทำท่าจะลุก แต่มันใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากผมล้มลงไปนอนเหมือนเดิม
“นอนไป ไม่ต้องพูดมาก จะซื้อของโปรดมาให้กินด้วย ไปก่อนนะ จะแปดโมงแล้ว เดี๋ยวโดนยัยเขี้ยวเล่นงานเอาอีก” มันพูดบ่น ๆ ลุกขึ้นยืน “ไปล่ะ พี่ฟ้า ฝากดูแลมันด้วยละกัน”
พี่ฟ้าพยักหน้ารับ แต่ได้ข่าวว่านั่นเป็นพี่กูนะไผ่ - -
พูดจบมันก็เปิดประตูเดินลิ่วออกไป พอเห็นว่าอีกคนออกไปแล้ว พี่ฟ้าหันมามองผมยิ้ม ๆ ทิ้งตัวลงนั่งแทนที่ลูบหัวผมเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“รู้สึกดีขึ้นยัง”
ผมพยักหน้ารับ
“ดีจัง นอนเล่นไปก่อนนะ พี่จะยกข้าวต้มมาให้”
ผมพยักหน้า เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน ผมหลับตาลง แอบนึกไปถึงเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฝันไปได้ไงก็ไม่รู้ พี่หมอไม่มีทางอ่อนโยนขนาดนั้นหรอก
ไม่ถึงสิบนาที พี่ฟ้าก็กลับมาพร้อมข้าวต้มหอม ๆ ท้องผมร้องจ๊อก ๆ
“ลุกไหวไหม”
“ไหว” ผมลุกขึ้นนั่ง รู้สึกหน่วงแปลก ๆ ข้างล่างเหมือนกัน สงสัยเพราะไม่สบาย พี่ฟ้าวางข้าวต้มลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง ผมนั่งกินโดยมีพี่ฟ้านั่งดูแลอยู่ข้าง ๆ
ผมจิบน้ำหลังกินอิ่ม พี่ฟ้ายื่นยามาให้สี่เม็ด ผมเบ้หน้าทันที
“กินน่า จะได้หาย เมื่อคืนอาการฝนแย่มากเลยนะ ดีว่าฉีดยาถึงดีขึ้น”
ผมรับยามากรอกปาก ดื่มน้ำตามแล้วก็นอน ช่วงนี้รู้สึกจะทำเป็นอยู่แค่นี้ พี่ฟ้าลูบหัวผมเบา ๆ อีกรอบ บอกให้หลับตา ผมทำตาม ไม่นานสติก็จางหายไป
ผมตื่นอีกทีเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันอีก ผมปรือตามอง เห็นเบลอ ๆ ว่าเป็นพี่ฟ้ากับใครสักคนที่ตัวสูง ๆ หน่อย ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าเป็นใคร
“พี่ฟ้า ทิวไผ่” ผมยิ้มหวานให้อย่างเคย ดีใจที่มีมันอยู่ด้วย
“สงสัยจะยังไม่ตื่นดี” เสียงพี่ฟ้าพูดขึ้น
“ครับ” แต่เสียงไผ่มันทุ้มผิดปกตินะ ผมกระพริบตาอีกรอบเพื่อปรับโฟกัส จนเห็นคนพูดได้ชัด ๆ ผมกำที่นอนแน่นทันที ก่อนภาพบางอย่างในค่ำคืนที่ผ่านมาจะหวนคืน ผมหน้าร้อนผ่าว
ดีนะที่เป็นแค่ความฝัน ไม่งั้นไม่รู้จะโดนดูถูกยังไงบ้าง เพราะเมื่อคืน ผมเล่นยินยอมแถมยังร้องขอปีศาจตนนั้นไปแบบไม่อายอีกด้วย
พี่หมอทำหน้านิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรต่อ พี่ฟ้าเดินมานั่งข้าง ๆ
“ให้คุณหมอตรวจหน่อยนะ” พี่ฟ้าแตะแก้มผมเบา ๆ อยากปฏิเสธอยู่หรอก แต่ขืนทำงั้น เดี๋ยวพี่ฟ้าว่าเอาอีก ผมไม่ได้ตอบอะไร ก้มหน้าอย่างเดียว
ผมสะดุ้งตอนพี่หมอจับคางผมให้เงยขึ้น ผมเผลอมองตา หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกรอบ แต่ก็พยายามข่มใจไม่ให้รู้สึกอะไร ปล่อยให้อีกคนเช็กร่างกายไป
“อาบน้ำได้แล้วล่ะ” พี่หมอบอก พี่ฟ้าพยักหน้ารับ
“ลุกไหวไหม ถ้าลุกไหวจะได้ไปทานข้าวด้วยกันด้านล่าง แต่ถ้าไม่ไหว พี่จะได้ยกมาให้ข้างบน พอดีพี่เชิญคุณหมอมาทานข้าวด้วย ขอบคุณที่มาตรวจร่างกายให้เราน่ะ”
ตอนแรกผมว่าจะปฏิเสธ แต่พอรู้ถึงเจตนาอีกคน ผมรีบพยักหน้ารับทันที
“ได้พี่ แต่ขอฝนอาบน้ำหน่อยได้ไหม รู้สึกเหนียวตัวแปลก ๆ”
“เป็นไข้นี่”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย พยุงตัวลุกเข้าห้องน้ำไป ออกมาพี่หมอกับพี่ฟ้าก็ไม่อยู่แล้ว ผมรีบแต่งตัวแล้วออกจากห้องไปทันที ต้องรีบครับ ก่อนพี่หมอจะอ้อร้อพี่ฟ้าได้สำเร็จ ลงไปก็เห็นพี่หมอยืนหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับพี่ฟ้าจริง ๆ ผมรีบเข้าไปสมทบทันที
“ป่ะ อาหารพร้อมละ กินกันเถอะ คุณหมอจะได้รีบกลับไปทำงาน”
ผมพยักหน้า ทิ้งตัวลงนั่ง พี่หมอนั่งฝั่งตรงข้ามเราสองคน
ผมนั่งกินไปแอบชำเลืองมองคนตัวสูงไป นึกไปถึงปีศาจที่มาหาผมเมื่อคืน ถ้าพี่หมออ่อนโยนแบบนั้นและเป็นคนดีแบบที่กำลังแสดงอยู่นี้ ผมก็อยากจะยอมให้เขาคบกับพี่ฟ้าได้อยู่หรอก
แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่...
เมื่อคืนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน และเขาคือปีศาจที่แสนโหดร้าย
พี่ฟ้าก็คุยเพลิน พี่หมอก็เอาแต่ชวนพี่ฟ้าคุย บอกเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอะเจอมาในโรงพยาบาล พี่ฟ้าหัวเราะร่วน ผมแสร้งหัวเราะตาม ไม่นานอาหารมื้ออึดอัดก็จบลง
.........................40%.........................
สรุปแล้ววันนี้ ผมก็ไม่ได้พูดจาอะไรขัดขวางพี่หมอ แค่อยู่เป็นก้างขวางคอเท่านั้น พอพี่หมอกลับ พี่ฟ้าก็หันมาถามทันที
“ยังมึนอยู่ใช่ไหม” พี่ฟ้าคงคาดเดาจากความนิ่งของผม ผมพยักหน้ารับ “งั้นกินยาแล้วนอนพักผ่อนเถอะ” ผมทำตาม กินยาแล้วนอน แต่ผมขอนอนบนโซฟาเพราะเบื่อนอนในห้องแล้ว พี่ฟ้าอนุญาต ผมหลับยาว ตื่นอีกรอบตอนสี่โมงเย็น
ผมขยับลุกนั่ง มองซ้ายมองขวามองหาพี่สาวสุดสวย ไม่เห็นใครเลย ไม่ได้ยินเสียงอะไรด้วย ผมลุกขึ้น เดินออกไปนอกบ้าน เห็นพี่ฟ้านั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวน ตรงหน้าเป็นต้นลีลาวดีขนาดใหญ่ประจำบ้านเรา อายุหลายสิบปีแล้ว ตรงหน้าพี่ฟ้าเป็นอุปกรณ์สำหรับวาดรูป และตอนนี้พี่ฟ้ากำลังถือพู่กันยื่นออกไปสุดแขนหรี่ตาเพ่งมองต้นลีลาวดีอยู่
สงสัยจะเล็งเพื่อวาดต้นลีลาวดี ผมเดินเข้าไปหา พี่ฟ้าหันมามอง
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า พี่จะทำให้”
ผมยิ้ม เวลาไม่สบายนี่ชีวิตเหมือนจะมีแต่กินกับนอนเลยจริง ๆ
“ยังไม่หิวเลย”
พี่ฟ้าพยักหน้า ปกติเวลาพี่ฟ้าอยู่บ้าน พี่ฟ้าจะดูแลไปรอบ ๆ บ้านช่วยป้าแม่บ้าน วาดรูปบ้าง อ่านหนังสือบ้าง เย็บปักถักร้อยไป วันนี้พี่ฟ้าคงมานั่งวาดรูปเพื่อแก้เบื่อ
ผมลากเก้าอี้อีกตัวมาวางไว้ข้าง ๆ เก้าอี้พี่ฟ้า หย่อนตัวนั่ง มองพี่ฟ้าเอาพู่กันแต้ม ๆ สีลงบนกระดาษขาวผืนใหญ่
“วาดอะไร” ผมถาม ตอนแรกคิดว่าจะวาดต้นลีลาวดี แต่ดูจากลักษณะการลงสีแล้ว ไม่น่าจะใช่
“ไม่รู้”
“อ้าว”
“วาดแก้เบื่อไปงั้นเอง เอ้านี่”
พี่ฟ้ายื่นพู่กันอีกด้ามมาให้ ผมมองงง ๆ
“แก้เซ็ง” พี่ฟ้าบอกแค่นั้น ผมรับมาถือ พี่ฟ้ายิ้ม ก้มจุ่มสีแต้มลงบนกระดาษ ดูแล้วเป็นการแต้มเล่นมากกว่าคิดจะแต้มวาดให้เป็นรูปเป็นร่างจริง ๆ ผมหัวเราะ จุ่มสีขาวแล้วแต้มลงบนกระดาษแผ่นเดียวกันแต่คนละมุม
อยากลองวาดดอกลีลาวดีดู ผมมองหาดอกลีลาวดีต้นแบบ แล้ววาดตาม จริง ๆ ผมไม่รู้หลักการวาดหรือการลงสีอะไรหรอก มั่วเอา วาดไปได้สักพักก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ถึงจะบิดเบี้ยวผิดรูปเดิมไปมากโขก็เถอะ ผมยิ้ม ก้มจุ่มสีอีกทีเพื่อตกแต่งเพิ่มเติม
พอเงยหน้าขึ้นมา ดอกลีลาวดีสีขาวของผมกลับมีสีน้ำเงินพาดผ่านเป็นทางยาว ผมขมวดคิ้วมองงง ๆ หันไปมองคนข้าง ๆ พี่ฟ้ากำลังตั้งหน้าตั้งตาวาดรูปกิ่งดอกลีลาวดีอยู่ด้วยสีหน้าจริงจัง
หรือว่าเมื่อกี้ผมจะเผลอป้ายไปถูกเข้า
ผมล้างพู่กัน แก้สีใหม่ จนได้ดอกลีลาวดีเบี้ยว ๆ ดอกเดิมกลับมา ผมก้มลงจุ่มสีอีกรอบ หวังวาดกิ่งต่อ พอเงยหน้าอีกทีดอกลีลาดีของผมแหว่งอีกแล้ว
ผมอมยิ้ม รู้ได้ทันทีว่าถูกแกล้งเข้าให้แล้ว
ผมเอาสีมากลบอีก แกล้งก้มจุ่มสี พอจับจังหวะได้ก็รีบเงยหน้ามอง คราวนี้เห็นคาตาเลยว่าพี่ฟ้ากำลังใช้พู่กันขีดดอกลีลาวดีผมเป็นทางยาว
“ทำอะไรของพี่เนี่ย!!” ผมโวยวาย
“ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรเล้ย พี่วาดรูปอยู่เนี่ยไม่เห็นเหรอ” ขนาดจับได้คาหนังคาเขายังไม่ยอมรับอีก ผมไม่วาดต่อแล้วรับ ลีลาวดงลีลาวดี ผมจุ่มสีขีดภาพพี่ฟ้าแก้แค้นคืน พี่แกโวยวายใหญ่ จุ่มสีมาขีด ๆ ภาพผมต่อจนภาพดอกลีลาวดีเบี้ยว ๆ ของผมเละไปหมดหาเค้าเดิมแทบไม่เจอ
เราพากันหัวเราะร่วน แกล้งกันไปแกล้งกันมาจนกระดาษขาวเละไม่เป็นท่า พอไม่มีพื้นที่กระดาษว่าง พี่ฟ้าหาเป้าหมายใหม่มาเป็นแก้มผมทันที ผมโวยวายรีบยกแขนเช็ด พี่ฟ้าหัวเราะร่วน ผมแกล้งคืนบ้าง จุ่มสีขาวมาขีดแก้มพี่ฟ้า แต่ก็โดนแก้แค้นคืนด้วยสีแดงบนแก้ม ผมเอาคืนจุ่มสีแดงเจิมหน้าผากให้ พอรายนั้นจะแกล้งคืนผมก็รีบวิ่งหนี แต่พี่ฟ้ารู้ทันครับ รีบดึงชายเสื้อผมไว้
พี่ฟ้าวาดหนวดให้ผมข้างละสามเส้น พอผมจะวาดคืนพี่ฟ้าก็รู้แกววิ่งหนี ผมวิ่งตามไปจับไว้ บังคับวาดเหมือนกัน แถมยังมีโปรโมชั่นพิเศษ วาดหนวดแถมเคราให้ด้วย พี่ฟ้ายู่หน้าบ่นกลับว่ากลัวสิวขึ้น
แต่คนที่เริ่มก่อน คือพี่ฟ้าเองนะ
พี่ฟ้าจุ่มสีวาดหน้าผมต่อ ผมไม่หนีแล้วครับ ยอมให้วาดดี ๆ เพราะมันเลอะไปมากแล้ว พอ ๆ กับพี่ฟ้าที่เลิกบ่นแล้วยอมให้ผมละเล็งหน้าดี ๆ เหมือนกัน
“หน้าเหมือนหมา”
“ต่างกันไหมล่ะ” ผมแซวกลับ สีหมดแล้วและหน้าของเราก็เละไม่เป็นท่าตามกระดาษไป
ทุเรศสิ้นดี
ผมรู้ว่าพี่ฟ้าคงเหงา ถ้าพี่ได้ทำงานคงเหงาน้อยกว่านี้ แต่มันยังไม่ถึงเวลาจริง ๆ เพราะต้องรอให้พี่หายดีซะก่อน
“รีบล้างหน้ากันดีกว่า เดี๋ยวสิวขึ้น” พี่ฟ้าชวน พาผมไปที่ก๊อกน้ำสำหรับรดน้ำต้นไม้ในสวน พี่ฟ้าเปิดน้ำ ผมจับสายยางยกสูงเพื่อให้พี่ฟ้าได้ล้างก่อน พอสะอาดผมถึงได้ล้างต่อ เสื้อเปียกไปตาม ๆ กัน พอหน้าสะอาดเราก็พากันเดินกลับไปรูปภาพต่อ
พี่ฟ้ายกภาพนั้นขึ้นมาถือ ใช้ปากเป่าฟู่ ๆ
“ทิ้งไปเหอะ เลอะหมดแล้ว”
“ใครว่า” พี่ฟ้าจับมุมกระดาษทั้งสองด้าน หันมาให้ดู “ดูไม่ออกรึไง นี่เป็นภาพวาดอันสวยงามเชียวนะ”
“ตรงไหน” ผมทำหน้าแหยง
“ตรงนี้ไง” พี่ฟ้าชี้ไปที่ภาพ “ภาพแอ๊พแทร็กไงแอ๊พแทร็ก พี่จะตั้งชื่อภาพนี้ว่า…” พี่ฟ้านิ่งคิด ผมเลิกคิ้วรอคอย
“สองพี่น้องเป็นไง”
ผมหัวเราะ พยักหน้าหงึก ๆ
“ครับ สองพี่น้องก็สองพี่น้อง” ผมช่วยพี่ฟ้าจับกระดาษ ถือคนละมุมเดินไปหยุดยืนอยู่ใต้ต้นลีลาวดี
“จำได้ไหม เมื่อก่อนเราสองคนเคยปีนขึ้นไปเล่นบนต้นนี้ นายตก พี่พยายามช่วย เลยพลอยตกลงมาด้วย ถูกตีด้วยกันทั้งคู่เลย นึกแล้วยังขำไม่หาย”
ทำไมผมจะจำไม่ได้ล่ะ เพราะเหตุการณ์นั้นทำให้พี่ฟ้าแขนหัก เพราะตอนตกลงมาพี่ฟ้าพยายามช่วยผมไว้ ถึงขนาดนั้นก็ยังโดนตีในฐานะพี่ที่พาน้องปีนต้นไม้เล่น (จริง ๆ พ่อแม่สั่งไว้หลายรอบแล้วว่าห้ามปีนต้นลีลาวดีเล่นเพราะกิ่งมันเปราะหักง่าย ที่ผมตกเพราะไปเหยียบกิ่งเปราะมันเข้านั่นแหละ เห็นกิ่งใหญ่ ๆ แต่ความสามารถในการรับน้ำหนักมีน้อยครับ)
“ขอบคุณนะพี่ฟ้า”
พี่ฟ้าหันมามอง
“เรื่องอะไร”
“สำหรับทุก ๆ เรื่อง”
พี่ฟ้ายิ้ม
“ขอบใจฝนเหมือนกัน ถ้าไม่มีฝน พี่คงเหงายิ่งกว่านี้”
ผมยิ้ม ใช้มือที่ว่างจับมือพี่ฟ้าที่ว่างไว้ ยิ้มใส่กัน หันกลับไปมองต้นลีลาวดีอีกที
[ยังไม่หมดนะคะ อ่านต่อที่นี่ค่ะ>>reply #342
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.msg3147971#msg3147971