Chapter : 24 : จำยอม
(น้ำฝน...♥)
.......................................................................
ผมคิดว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากบ่วงของพี่หมอแล้วซะอีก ไม่คิดว่าพี่มันจะเซฟภาพไว้ในเมมโมรี่การ์ด ที่สำคัญยังมีภาพผมเก็บไว้ที่อื่นอีกต่างหาก ผมถอนหายใจแรง ลงไปก็เห็นไผ่กับพี่ฟ้าคุยกันอยู่สนุกสนาน ผมไม่มีอารมณ์จะไปร่วมด้วย เลยมานั่งเล่นอยู่ใต้ต้นลีลาวดีแทน
ไม่รู้เมื่อไหร่ผมจะหมดเวรหมดกรรมจากตรงนี้สักที
บนพื้นตรงหน้ามีดอกลีลาวดีดอกหนึ่งร่วงอยู่ ผมหยิบมันขึ้นมาถือ นึกไปถึงใครบางคนที่เหน็บดอกจำปีกับหูผม
นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าพรุ่งนี้ผมจะโดนทำโทษยังไงบ้าง…
ผมตื่นไปโรงเรียนพร้อมไผ่ นอนแทบไม่หลับเพราะมัวคิดมากเรื่องพี่หมอ วันนี้พี่มันจะมารับผมที่โรงเรียน แต่ผมต้องกลับพร้อมเพื่อน ๆ เพราะพวกมันจะไปสังสรรค์กันที่บ้าน แล้วไหนไผ่จะมานอนค้างด้วยอีก ผมจะหาข้ออ้างกับมันยังไงดี
ยกเลิกนัดกับเพื่อน ๆ ดีไหม แล้วจะให้เหตุผลพวกมันยังไงดี หรือจะโทรไปเลื่อนนัดพี่หมอดี แล้วถ้าโทรไป พี่มันจะยอมไหม
ผมนั่งคิดหนัก ยังไม่ทันได้ข้อสรุป เสียงออดเลิกเรียนก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งมอง
“เป็นไร” ไผ่มันหันมาถาม
“เปล่า”
“มึง ท่าทางมึงไม่ปกตินะวันนี้”
“ก็ปกติดีนี่”
“นี่ฝน กูไม่ได้โง่นะ” มันหันมาทำหน้าจริงจังใส่ ผมเม้มปาก ไม่รู้จะบอกกับมันยังไงดี
“เรื่องของคนนั้นหรือเปล่า” มันคาดเดา “กูเดาเอาน่ะ เพราะเห็นมึงมองมือถือบ่อย ๆ” ผมพ่นลมหายใจแรง ไผ่ไม่ใช่คนโง่ ถ้าผมปล่อยไปแบบนี้เรื่อย ๆ สักวันมันต้องรู้ความจริงแน่ ๆ
ระหว่างให้มันรู้เรื่องไปเลยกับรีบเคลียร์ทุกอย่างให้จบเอง ผมไม่รู้ว่าแบบไหนจะเป็นทางออกที่ดีกว่ากัน
“กูกำลังหาทางเคลียร์อยู่ ขอเวลานิดนะ” ผมบอก เสียงเพื่อน ๆ ที่กำลังเก็บข้าวของลงกระเป๋าดังกลบเสียงอาจารย์หน้าชั้น ซึ่งแกก็ไม่ว่าอะไร ตอกหนังสือสองเล่มกับโต๊ะยกถือเดินจากไป
“เพราะงั้นเย็นนี้มึงพาเพื่อน ๆ ไปรอที่บ้านก่อนนะ เคลียร์เสร็จจะรีบกลับ”
“ฝน” มันมองผมตรง ๆ ก่อนหันซ้ายหันขวา “มานี่หน่อย” แล้วลากผมออกจากห้องเรียนไปยืนหลบอยู่ในห้องว่าง ๆ ไม่ห่าง
“กูถามจริง ๆ นะ” มันขมวดคิ้วมอง “คนที่มึงคบด้วยเนี่ยเป็นผู้ชายใช่ไหม”
ผมมองมันตาโต
“โธ่เอ้ย!! ใช่จริง ๆ ด้วย” มันกำหมัดทุบกำแพงแรง “กูเดาเอา เพราะผู้หญิงมักจะทิ้งรอยคิสมาร์คไว้ที่นี่” มันชี้ไปแถว ๆ ลำคอตัวเอง “ส่วนผู้ชายจะแถว ๆ นั้น” มันบอกเสร็จสรรพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่รู้จริง ๆ
“กะ กู…”
ผมก้มหน้า กลัวมันรังเกียจครับ กลัวมันจับได้ด้วย
“มึงเล่าให้กูฟังไม่ได้รึไง ใคร ทำไมมึงต้องทำท่าแบบนี้ ตกลงเป็นคนที่มึงคบจริง ๆ หรือถูกบังคับกันแน่ มึง สมองเน่า ๆ กูคิดไม่ออกนะ จะว่ามึงทำเพราะเงิน กูก็ไม่เห็นมึงจะเดือดร้อนเรื่องเงินทองอะไร แล้วมันเพราะอะไร” มันทำท่าคิดหนัก ผมจับแขนมันไว้ เพิ่งสังเกตว่ามือตัวเองกำลังสั่นด้วย
“มึงรังเกียจกูไหม” ผมถามเสียงเบา มันมองตาผม
“มึงเพื่อนกู แค่มีไอ้เหี้ยตัวหนึ่งมากอดด้วยเหตุผลเหี้ยห่าอะไรไม่รู้ กูไม่ได้รังเกียจมึง แต่ถ้ากูรู้ว่ามันเป็นใคร มันตาย”
ผมขนลุกเกลียว ยิ้มซีด ๆ ให้มันที
“แค่มึงไม่รังเกียจกู แค่นี้ก็พอแล้ว ขอเวลาให้กูเคลียร์ก่อน ไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้”
มันพยักหน้า
“โทษทีนะ จริง ๆ กูต้องเป็นเพื่อนที่ช่วยมึงได้ แต่ดูเหมือนกูทำอะไรไม่ได้เลย”
“ใครว่าล่ะ แค่มีมึงอยู่เคียงข้าง แค่นี้ก็ดีถมถืดแล้ว”
“มึง มึงอย่ามาชอบกูนะ!”
มันกอดตัวเองแน่นขยับหนี ผมถีบมันเบา ๆ ที
“ควายเหอะ ให้หลงมึง หลงกิ้งกือในสวนบ้านกูดีกว่า”
“อ้าว กูออกจะหล่อ แม่ดี บ้านมีฐานะ ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นมีพี่ชายเลว ๆ คนหนึ่ง”
ผมถอนหายใจแรง ถ้ามันยังตั้งแง่เกลียดพี่หมออยู่อย่างนี้ เรื่องคงไม่จบง่าย ๆ แน่
ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ไผ่มันกดรับ พวกนั้นโทรตามแล้ว ผมบอกให้มันต้อนเพื่อน ๆ กลับก่อน มันอิดออดอยู่พัก แต่ก็ยอมกลับโดยดี หิน ตัน ไผ่เอารถมอไซต์ตัวเองมา พีมนั่งซ้อนไปกับตัน ส่วนเพื่อนผู้หญิงนั่งแท็กซี่คันเดียวกัน ผมเองก็อยากกลับไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ด้วยเหมือนกัน
ผมยืนคิดอีกรอบ ตัดสินใจล้วงหยิบมือถือมาโทรออก ไม่นานก็มีคนรับสาย
“พี่หมอ ผมขอเลื่อนนัดเราได้ไหม พอดีเพื่อน ๆ นัดเจอกันที่บ้าน ตอนนี้ทุกคนกลับกันหมดแล้ว” ผมร้องขอให้พี่มันเห็นใจ
“เลิกเรียนแล้วใช่ไหม” ผมครางรับ “งั้นออกมาได้แล้ว รถจอดอยู่ข้างโรงเรียน”
ผมมองไปยังเส้นทางนั้นทันที ไม่คิดว่าอีกคนจะมารออยู่ก่อนแบบนี้ ผมกำโทรศัพท์ เดินไปยังจุดที่พี่หมอบอกจนเห็นรถหน้าตาคุ้นเคยจอดอยู่ ผมเดินเข้าไปใกล้ แต่ไม่ได้เปิดประตู สักพักประตูบานนั้นก็เปิดออกเอง ผมเม้มปาก เปิดมันออกกว้าง ก้มมองคนขับ
“พี่หมอ ผมขอเลื่อนนัดก่อนได้ไหม ผมนัดกับเพื่อนไว้จริง ๆ”
“ขึ้นมา”
“ผมมีนัด” ผมบอกอีกที พี่แกหันมามอง ไม่พูดอะไร หยิบภาพอะไรสักอย่างขึ้นมาสี่ใบ หันด้านที่เป็นภาพให้ผมเห็นชัด ๆ ผมเบิกตากว้าง รีบถลาเข้าไปข้างในหวังคว้าทันที แต่พี่หมอชักมือหนี
“ขึ้นมานั่งดี ๆ แล้วปิดประตู”
ผมมองตาขวาง ไม่มีทางเลือกหันไปปิดประตู ผมหันกลับมาแย่งภาพใหม่ ซึ่งเขาก็ยอมยกให้ดี ๆ ผมฉีกภาพทั้งสี่ใบจนรุ่ยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทิ้งลงถังขยะ พี่หมอหันมายกยิ้ม
ผมคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเขาจะกล้าทำ แต่ผมก็ลืมไปว่าคนคนนี้เลวแค่ไหน ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนดีขึ้นมาบ้าง แต่ผมคิดผิด พี่มันเลวสุด ๆ ผมไม่ได้ด่าพี่หมอด้วยปาก แต่ด่าด้วยสายตา พี่หมอยกยิ้มอีกรอบ
“โทษฐานทำมือถือฉันพัง รบกวนเวลานอนตอนไปหัวหิน และทำโทษแทนเพื่อนนายที่มาแย่งเวลาฟ้ากับฉัน”
“มันไม่ใช่ความผิดของผม” ผมเถียงกลับ พี่หมอไม่พูดอะไร หันไปสับเกียร์พาตัวรถเคลื่อนไปด้านหน้า ใจอยากเปิดประตูพุ่งออกไปก่อนรถจะวิ่งเร็ว แต่ผมทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าพี่หมอจะเล่นอะไรพิเรนทร์กับภาพผมอีก
ยิ่งนานใจผมยิ่งหวิวมากขึ้นเรื่อย ๆ ความกลัวเก่า ๆ หวนคืน สลับกับความวาบหวิวจากปีศาจพี่หมอที่เคยกอดผม
ผมไม่รู้ว่าผมจะได้รับโทษแบบไหน
จากใคร…
จากพี่หมอหรือปีศาจพี่หมอ
พี่มันไม่ได้พาผมกลับบ้าน แต่พาไปจอดไว้ใต้คอนโดแห่งหนึ่ง ดับเครื่อง ไม่พูดอะไรก้าวลงจากรถ ผมรีบก้าวตามทันที
พี่หมอล็อกรถ เดินนำไปก่อน ผมหันซ้ายหันขวา ตามไปติด ๆ อยากเดินหนี แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ ผมกระชับกระเป๋าเดินตามหวาด ๆ พี่หมอพาเดินเข้าลิฟต์ ผมก้าวตาม เขยิบไปยืนอยู่ห่าง ๆ ทำเหมือนเป็นคนไม่รู้จักกัน กระทั่งลิฟต์วิ่งมาถึงชั้น 20 พี่หมอเดินออกไปนิ่ง ๆ ผมก้าวตาม
จนมาหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง พี่หมอล้วงหยิบคีย์การ์ดมาแตะเปิด ก้าวเข้าไปภายใน แต่ผมไม่ได้ก้าวตามเข้าไปด้วย ยืนนิ่งอยู่ด้านนอก ใช้สายตาอ้อนวอน
“ขอร้องล่ะพี่หมอ ปล่อยผมไปเถอะ พี่ทำแบบนี้พี่ไม่รู้สึกผิดต่อพี่ฟ้ารึไง พี่จีบพี่ฟ้าอยู่นะ” ผมพยายามเกลี่ยกล่อม พี่หมอไม่พูดอะไร ขยับมาจับข้อมือผมกระชากแรงจนตัวถลาเข้าไปภายใน ปิดประตู ดึงกระเป๋าจากมือผมโยนทิ้งไปไกล ผมส่ายหน้า น้ำตาเริ่มคลอ วิงวอนร้องขอทางสายตา
แต่แทนที่คนตัวสูงจะเห็นใจ กลับตรึงท้ายทอยผมไว้ดันให้แหงนขึ้นแล้วก้มหน้าลงมาจูบ ผมครางท้วงในลำคอ พยายามผลักคนตัวสูงออก แต่มันไม่เขยื้อนเลยสักนิด
รสจูบของพี่หมอเหมือนจะรุนแรงแต่มันอ่อนโยนกว่าที่คิด อ่อนโยนจนความทรงจำบางอย่างหวนคืน ความทรงจำที่แสนนุ่มนวล ความทรงจำอันวาบหวิวที่ผมไม่เคยลืมเลือน...
รสจูบของปีศาจพี่หมอ
เขาค่อย ๆ ถอนปากออก ช้อนอุ้มผมเดินไปที่เตียง ผมไม่ได้เลิกขัดขืน แต่ผมหลงลืมวิธีการขัดขืนไปแล้ว มันสับสน มึนงง เหมือนโดนน็อกกลางอากาศ
“อย่า…” ผมห้ามอีกทีตอนพี่หมอก้มลงมาซุกซอกคอ ผมสั่งให้ตัวเองขัดขืน แต่ร่างกายผมกลับโอนอ่อนตามพายุอารมณ์ของตรงหน้า
ไม่ใช่พายุสิ
ครั้งนี้น่าจะเรียกว่าสายฝนอ่อน ๆ มากกว่า แล้วสิ่งที่ผมทำได้ มีแค่ครางพร่ารองรับเรือนร่างเปลือยเปล่าจากร่างกายสูงใหญ่นั้น
ได้ยินเสียงมือถือดังเบา ๆ ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่น ตอนนี้ผมนอนตะแคงข้างกึ่งคว่ำหน้าอยู่บนเตียงกว้าง โดยมีวงแขนของใครบางคนโอบกอดเอาไว้ เสียงมันดังมาจากกระเป๋ากางเกงนักเรียนที่วางกองอยู่ข้าง ๆ เตียง ผมรีบขยับออกจากอ้อมแขนแกร่งไปหยิบ แต่ยังไม่ทันได้มองเบอร์สิ่งนั้นก็ถูกแย่งไป
ผมหันไปมองคนทำ
“ไผ่” พี่หมอบอกเสียงเบา ผมรีบแย่งคืนแต่พี่มันยกหนี ผมขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นหวังไขว่คว้า พี่มันยื้อแขนหนีโอบเอวผมโน้มลงไปนอนหงาย
“ปล่อยพี่หมอ เอามือถือผมคืนมาด้วย” ผมพยายามจะลุก เสียงมือถือดับไป ก่อนมันจะดังขึ้นมาใหม่ พี่หมอทาบตัวลงมา ก้มหน้าซุกซอกคอ ผมครางอย่างเคยชิน เอียงหน้าให้ปากร้อนนั้นซุกไซ้ได้ง่ายขึ้น มันไม่ได้มาจากความต้องการของผมจริง ๆ แต่เหมือนร่างกายมันไปเอง
“ปล่อย” ผมพยายามผลักหน้านั้นออก พี่หมอลากปากต่ำไปแถว ๆ หน้าอก ตวัดปลายลิ้นบนยอดอกผม ผมผวาเฮือก เผลอครางออกมาเบา ๆ เปลี่ยนจากผลักไสมาเป็นจับหัวคนตัวสูง แอ่นอกเข้าหา
สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ
พี่หมอไม่ได้ละปากไปไหน ขยับเคลื่อนไหวอยู่ตรงจุดเดิมจนผมแทบจะตื่นอีกรอบ ไสลจิกปลายเท้ากับที่นอนไปมา ใจสั่งให้ผลัก แต่ร่างกายกลับโอบกอดหัวพี่หมอดึงเข้าหาตัวแทน
“อย่า..พี่หมอ” ผมครางพร่าสั่งห้าม พี่หมอยกหน้าขึ้น ยัดมือถือใส่มือผมแล้วก้มหน้าละเล็งยอดอกผมต่อ เสียงมือถือยังดังไม่หยุด ผมกำสิ่งนั้นแน่น
“รับไปสิ” พี่มันกระซิบบอก ผมกัดฟันอย่างรู้ทันเจตนา รีบกดตัดสาย ใช้เรี่ยวแรงเท่าที่เหลือผลักคนด้านบนออก มันขยับนิดเดียวเท่านั้น ผมมองตาขวาง
“เลิกทำแบบนี้สักที!” ผมตะคอกเสียงดัง พี่หมอมองนิ่ง ยกยิ้ม เลื่อนมือไปยกขาผมข้างหนึ่งตั้งชันแนบสะโพกตัวเอง มือใหญ่บีบเนินเนื้อผมเบา ๆ จนผมผวาเฮือก
“รอให้ผีเลวที่นายว่าออกก่อนละกัน” พี่มันขยำแรงขึ้น ก้มหน้าลงมาละเล็งยอดอกผมอีกรอบ เสียงมือถือยังดังไม่หยุดเหมือนคนที่โทรมาจงใจกระหน่ำโทร ผมทำใจแข็งยกมือถือขึ้นมากดรับ รีบรัวเสียงใส่
“ไผ่ กูปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ผมกดปิดเครื่องทันที ใช้มันเป็นอาวุธทุบอีกคนแรง ๆ พี่หมอยึดจับข้อมือผมไว้ บีบแรงจนผมเบ้หน้ามือถือร่วงตุบ เขาจับโยนลงไปกองไว้กับเสื้อผ้า ตรึงข้อมือผมเหนือหัว จ้องมาด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม ผมพยายามจะดึงกลับมาทำร้ายคนตัวสูงต่อ แต่พี่หมอกดแน่น มองมาด้วยสายตาดุดันยิ่งกว่าเดิม
“อยากให้รุนแรงด้วยใช่ไหม”
ผมชะงัก จากสายตาดุ ๆ และแรงกดที่ข้อมือตอนนี้ ผมรู้ว่าพี่มันทำจริงแน่ ๆ ผมส่ายหน้าหวาด ๆ ไปมาปฏิเสธ พี่หมอยกยิ้มพอใจ คลายปล่อยมือผมให้เป็นอิสระเลื่อนลงไปบีบสะโพกผมอีกรอบ ผมครางตามแรงบีบนั้น
“อยากรู้จัง เวลาที่โดนไผ่กอด นายจะครางแบบนี้ไหม”
จะไปครางได้ยังไง ไม่เคยนอนด้วยกัน ผมพยายามอดทนไม่ส่งเสียงครางอะไรออกมา พี่หมอหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ ก้มงับหัวนมผมเบา ๆ ตอนนี้มันกลายเป็นจุดอ่อนของผมไปแล้ว ผมผวาจับหัวพี่หมอไว้ ครางอย่างห้ามไม่อยู่ พี่หมอจับขาผมแยกกว้าง
“ไม่นะพี่หมอ ผมอยากกลับบ้าน”
“ทำโทษก่อน ข้อหาใช้มือถือทุบฉันเมื่อกี้” พี่มันพูดพร้อมค่อย ๆ แทรกร่างเชื่อมประสาน มาถึงตรงนี้ ผมทำได้แค่แหงนหน้ารองรับสิ่งแปลกปลอมเท่านั้น พอเข้ามาได้ พี่หมอก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวทันที แต่ช้า ๆ
“สารเลว...” ผมกระซิบด่าเสียงแผ่ว พี่หมอยกยิ้ม เคลื่อนมาปิดปากผมไว้
ไม่เกินสี่ทุ่มผมก็มาอยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อย แทบจะไม่มีแรงเดิน แต่ก็ต้องฝืนเดินเจ็บ ๆ ไปที่รถ ดึกแล้วรถไม่ติด ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ผมให้พี่หมอจอดรถห่าง ๆ เพราะกลัวไผ่เห็น พอจอดรถได้ ผมไม่พูดล่ำลาอะไรทั้งนั้น เปิดประตูมุ่งตรงหาบ้านทันที
คิดถูกจริง ๆ ที่ให้พี่หมอจอดรถตรงนั้น เพราะเห็นไผ่ออกมานั่งกอดเข่าพิงหลังกับประตูรั้วบ้านรอแล้ว
“ไผ่” ผมเรียกมันเบา ๆ มันหันขวับมามอง ดีดตัวลุกผางเดินเร็วเข้ามาหา มันสวมกอดแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออก มันคงเป็นห่วงผมมากจริง ๆ
“กูห่วงมึงแทบตาย”
“ขอโทษ” ผมตอบมันอู้อี้ผ่านอก มันทำจมูกฟุดฟิด ดันตัวผมออกมองหน้า
“นี่มึงอาบน้ำมาแล้ว” ผมรีบหลุบสายตาหนี
“มึงไปนอนกับมันมา”
ผมไม่ได้ตอบอะไร ความละอายวิ่งวนไปทั่ว ผมก้มหน้ามองพื้น มันจับคางผมให้เงยขึ้นสบตา
“ฝน มึงถูกบังคับหรือสมยอม บอกกูที”
ผมมองมันด้วยดวงตาสั่นไหว ไม่ตอบ ขยับเข้าไปกอดมันแน่น
“ขอเวลากูหน่อยนะไผ่”
มันไม่ถามอะไรต่อ กอดตอบอย่างปลอบใจ พาผมเดินเข้าบ้าน
To Be Con...