Chapter : 47 : ห้ำหั่น
[พี่หมอ...♡]
♡
♡
“ยิ้ม ยิ้ม ยิ้มนะแก ฉันว่าช่วงนี้ดูแกจะยิ้มเยอะกว่าที่แกเคยยิ้มมาตลอดตั้งแต่คบกันมาเลยนะ”
ผมเลิกคิ้วมองคนพูด มันยกกาแฟร้อนขึ้นจิบ ชี้หน้าผม ผมไม่ตอบ ก้มมองภาพจากมือถืออีกที
“ขอดูหน่อย น้ำฝนส่งอะไรมาให้” มันกระดิกนิ้วขอ
“ทำไมต้องเป็นน้ำฝน ไม่คิดว่าจะเป็นคนอื่นบ้างรึไง”
“ไม่ว่ะ ฉันว่าต้องเป็นน้ำฝนแน่ ๆ ร้อยเปอร์เซ็น เอามาให้ดูหน่อย”
มันกระดิกนิ้วขออีกรอบ ผมหัวเราะ ยื่นมือถือไปให้เพื่อน มันรับเอาไปก้มดู
เป็นภาพน้ำฝนจริง ๆ ครับ คงกำลังเดินเล่นอยู่ มันเป็นภาพที่มีข้อความเขียนไว้บนนั้น ‘ส่งให้สัมภเวสี’ มันไม่ได้ยิ้มแต่แลบลิ้นใส่ผม หมอนนท์เหลือบมองผมนิดหนึ่ง ส่ายหน้าไปมา
“เป็นเอามากนะแก”
“น่ารักดีออก”
“มั้ง โทษทีว่ะ พอดีมองไม่เห็นความน่ารักในตัวเด็กผู้ชายแบบแก”
มันก้มมองภาพนั้นอีกที ขมวดคิ้วคิด
“สงสัยจะมาเดินเล่นกับไผ่”
ผมขมวดคิ้วตามบ้าง
“รู้ได้ไง”
“นี่ไง”
มันวางมือถือลงบนโต๊ะ จิ้มให้ดูแผ่นหลังของใครสักคนที่มองยังไงก็ไม่มีทางรู้ได้เด็ดขาดว่าเป็นไผ่
“รู้ได้ไง”
ผมถามคำเดิม มันทำหน้าประหนึ่งว่าผมโง่เต็มที ชี้ให้ดูที่มือของไอ้หนุ่มนั่น
“แค่มือ”
“ก็มือไง ไผ่มันใส่กำไลลายมังกร รูปร่างเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ฉันจำได้”
“โทษทีนะ ขนาดหน้ายังไม่อยากจะจำ นับประสาอะไรกับของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันใส่”
“เออ นั่นแหละ เด็กนั่นก็กล้าเนอะ แอบถ่ายแล้วส่งมาให้แกได้นี่”
ผมยกยิ้ม
“เด็กร่าน”
“แกก็พูดดูถูกน้องเขาเกินไป เขาคบกันอยู่ดี ๆ แกนั่นแหละ ไปฉุดน้องเขามาข่มขืน”
เพื่อนผมมันต่อว่า ผมยักไหล่
“และถ้าให้เดา…” มันขยับเลื่อนภาพไปมาแหวกขยายดู “เหมือนจะเดินกันอยู่ที่นี่เลย”
ผมชะงัก มองหน้ามัน
“เนี่ย ร้านเนี่ย อยู่สยาม”
มันจิ้มให้ผมดู ผมรีบมองออกไปนอกร้านผ่านกระจก ผมรู้ครับว่าในห้างใหญ่ขนาดนี้ โอกาสเจอกันนั้นน้อยนิด แต่ผมก็ยังมอง ผมรีบหยิบมือถือมากดไลน์หา
‘อยู่ไหน’
‘อยู่ไหนก็เรื่องของผม’
มันตอบกลับทันที
‘อย่ารวน อยู่ไหน’
‘เดินเล่นสยาม’
ผมเหลือบมองหน้าเพื่อน
“แกน่าจะไปเป็นนักสืบหรือตำรวจมากกว่าหมอนะนนท์”
มันเลิกคิ้วแปลกใจ
‘ตอนนี้เดินอยู่ไหนของสยาม เอาให้ละเอียด’
‘ชั้น 2 สยามเซ็น กำลังจะเดินจากร้าน…ไปร้าน…”
ผมเงยหน้าถามเพื่อน
“จากร้าน...ไปร้าน...นี่ผ่านทางนี้ไหม”
“ผ่าน”
เพื่อนผมตอบกลับสั้น ๆ ผมยกยิ้ม
‘มีอะไร’ มันไลน์กลับมาถาม
‘ไม่มีอะไร แค่ถามดู’
‘ประสาท’
มันด่ากลับ ผมหัวเราะจนหมอนนท์มันมองหน้า ผมพยักหน้าให้มันมองออกไปนอกร้าน กระดิกเท้านั่งรอ ไม่เกินห้านาทีก็เห็นคนสองคนเดินมาแต่ไกล ผมสะกิดให้เพื่อนมองตาม
“แกเดาถูก มันมากับไผ่”
ผมหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง ผมไม่ไลน์แล้ว แต่กดโทรออกแทน มันล้วงหยิบขึ้นมามองเบอร์ หน้าเปลี่ยนสี ไผ่มันหยุดตาม มองหน้าฝน ผมเห็นพวกมันชัดเจน แต่พวกนั้นไม่เห็นเราหรอก มันพูดอะไรกันสักพัก แล้วไผ่ก็แย่งมือถือเอาไปกดรับแนบหู
“บอกว่าอย่ามายุ่งกับเพื่อนกู”
“อะไร เพื่อนฉันแค่อยากเลี้ยงขอโทษที่ทำนายเจ็บตัววันนั้น”
มันทำหน้าแปลกใจ ฝนทำหน้าร้อนรน
“ไม่จำเป็น”
“จำเป็นสิ หันหลังมาสิ”
มันหันพรึบมาทางผมทันที ผมโบกมือให้นิดหนึ่ง ฝนมองตาม หน้าเหวออย่างเห็นได้ชัด
“อย่าเสียมารยาทเดินหนีล่ะ”
ผมท้วงดักทาง ไผ่ทำหน้าเหมือนผมไปเหยียบตาปลามันเข้า มันกดตัดสาย มองผมตาวาว เพื่อนผมหน้าเหวอเหมือนกัน
“แก เรียกมาทำไม เดี๋ยวได้มีเรื่องกันอีกรอบหรอก”
“ไม่หรอก”
ผมจ้องตาไผ่ มันก็จ้องตาผมกลับ ตอนนี้เรากำลังเล่นเกมจ้องตากันอยู่ ดูว่ามันจะกล้ามาเผชิญหน้ากับผมรึเปล่า ฝนพยายามจะรั้งแขนมันหนี แต่ไผ่เลือกที่จะเดินเข้ามาในร้านแทน
“ใจเย็นนะไอ้หมอ”
เพื่อนผมพยายามปราม ผมก็ไม่คิดจะมีเรื่องกับไผ่มันในร้านอยู่แล้ว มันเดินหน้านิ่งเข้ามาตามติดด้วยฝน
เด็กนั่นปากมากเวลาส่งข้อความถึงผม แต่เวลาเจอหน้าปากไม่ค่อยออกหรอก
“มีไร”
มันมายืมค้ำหัวทัก มองเพื่อนผมแวบหนึ่งด้วยสายตาจะเขมือบพอกัน
แน่ล่ะ เคยจะหักแขนมันมาแล้วนี่
“เพื่อนฉันจะเลี้ยงขอโทษที่เคยทำให้นายเจ็บตัว”
“ไม่จำเป็น”
มันพูดกับผมแต่ปลายตามองเพื่อนผม นนท์มันถีบขาผมใต้โต๊ะแรง
“ฝนมานั่งนี่” ผมสั่ง
“ฝนไม่ต้องนั่ง” ไผ่มันสั่งค้าน
“ฝนมานั่งนี่”
ผมสั่งอีกรอบ ฝนทำท่าจะขยับ
“ฝนไม่ต้อง”
มันสั่งค้านอีกทีเหมือนกัน มันมองผมด้วยสายตาแปลบปลาบ กรามเริ่มบด มือกำหมัดแน่น ดวงตาค่อย ๆ ฉายแววบางอย่าง ถ้ามันเป็นระเบิดเวลา ผมว่าตอนนี้ เวลาในตัวมันกำลังเริ่มนับถอยหลังลงเรื่อย ๆ
“นั่งก่อนดีกว่า พี่เลี้ยง วันนั้นพี่ทำรุนแรงไปหน่อยขอโทษด้วย”
เพื่อนผมรีบทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่กู้ระเบิดทันที มันไม่พูดเปล่า ยังขยับไปดึงไผ่ไปนั่งข้าง ๆ ไอ้นั่นจะขยับลุก แต่นนท์มันดึงแขนไว้ ไอ้นี่ข้อแข็ง ไผ่ที่ตัวใหญ่ ๆ ยังทานแรงมันไว้ไม่ได้
“ปล่อย ถ้าไม่อยากดั้งหัก”
ไผ่มันหันไปขู่ไอ้หมอนนท์
“ใจเย็นน่า นี่มันข้างนอก คนเยอะ ถ้าจะต่อยกันไปต่อยกันที่บ้าน”
เพื่อนผมมันแนะ ผมละสายตากลับไปมองคนที่ยังยืนมองเพื่อนตัวเองสลับกับผมตาปริบ ๆ
“นั่งสิ”
ผมสั่ง มันจำต้องนั่งลงข้าง ๆ ผมเพราะเก้าอี้ที่นี่มันนั่งได้ที่ละสองคนเท่านั้น ไผ่ละสายตาจากเพื่อนผมมามองผมอีกรอบ
“ฝนมานั่งนี่”
ฝนทำท่าจะลุก แต่ผมยึดต้นแขนมันไว้ มองตาไผ่ว่าไม่มีทางที่ผมจะปล่อยฝนไปให้มันแน่ ๆ
“ปล่อยเพื่อนกู”
มันพูดเสียงเย็น จ้องตาผมเขม็ง หรี่ตาพร้อมจะลุกขึ้นมาต่อยได้ทุกเมื่อ ฝนนั่งร้อนรน
“เอ้า อยากได้ไรสั่งเลย พี่เลี้ยงไม่อั้น”
หมอนนท์รีบกู้ระเบิดอีกรอบ มันเอาเมนูมาบังหน้าเราสองคนไว้ ไผ่ปัดออกดังขวับ หันไปมองไอ้หมอนนท์ด้วยแววตาแบบเดียวกับที่มองผมเมื่อกี้
“ชะอุ้ย!” หมอนนท์สะดุ้งโหยง แต่ก็ยื่นเมนูไว้ที่เดิม กะให้บังตาผมกับไผ่มากที่สุด ผมละสายตาจากไผ่มาที่คนข้าง ๆ
“กินอะไรมารึยัง”
“กินแล้ว”
มันตอบกลับหน้าบูด
“เมื่อกี้เรียกฉันว่าอะไรนะ สัมภเวสีใช่ไหม”
มันทำหน้าเลิ่กลั่ก คงไม่อยากให้ไผ่รู้ว่าแอบคุยกับผมทางไลน์หรือส่งภาพมาให้ผมดู ผมไม่สนใจว่าไผ่มันจะรู้หรือไม่รู้ รู้ได้ก็ดี มันเม้มปากแน่น มองผมด้วยสายตาไม่ต่างจากที่ไผ่มองผมเมื่อกี้ ผมหัวเราะหึ ๆ
“สัมภเวสีมันอยากได้ส่วนบุญบ้าง ส่งให้บ้างสิ”
“อยากได้วัดไหน จะได้ไปทำให้”
มันตอกกลับ ผมหัวเราะหึ ๆ พยักหน้าไปทางคุ๊กกี้ที่เขาเอามาเสิร์ฟให้ฟรีกินคู่กับกาแฟแก้วราคาเหยียบสองร้อย
“นั่นไง อยากกินไอ้นั่น ป้อนหน่อย”
ฝนหน้าเหวอ
“ไม่ต้องไปป้อนมันฝน!”
ไผ่รีบค้าน ฝนทำหน้าลำบากใจ
“พี่กินเองละกัน ส่วนส่วนบุญ ผมจะไปทำให้ทีหลัง”
“อยากได้เดี๋ยวนี้”
ผมค้ำคางกับโต๊ะมองหน้ามัน อ้าปากรอ แก้มมันแดงปลั่ง จีบแฟนคนอื่นต่อหน้าแฟนเขานี่มันก็ได้ฟิลไปอีกแบบแฮะ
“มึง!!”
ไผ่มันขยับลุกง้างหมัดจะต่อยผม แต่เพื่อนผมเร็วกว่า คว้าจับหมัดมันไว้หมับ กดไหล่มันนั่งอีกรอบ
“ปล่อย!!”
มันหันไปตะคอกใส่หมอนนท์เสียงดัง คนพากันหันมามองทั้งร้าน
“ใจเย็นน่า คนมองกันใหญ่แล้ว ฉัน นาย หรือไอ้หมอมีเรื่องเราไม่แคร์หรอก แต่ไม่สงสารฝนรึไง จะร้องไห้แล้วนั่น”
เพื่อนผมรีบอ้างเอาฝนบังหน้า ซึ่งมันก็ได้ผล ไผ่รีบหันมามองฝน ซึ่งนนท์มันพูดถูก เพราะผม เพื่อนผมหรือไผ่ดูจะไม่อาทรร้อนใจกับสายตาชาวบ้านแม้แต่น้อย แต่ฝนนั่งแก้มแดงก่ำ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จริง ๆ คงอายแล้วก็กลัวผมกับไผ่จะต่อยกันจริง ๆ
“โทษ”
ไผ่มันอ่อนลงจนเห็นได้ชัด
แหมไอ้หมอ แกน่าจะไปเป็นหมอจิตวิทยามากกว่าหมออายุรกรรมนะ
“ขอร้องล่ะไผ่ ใจเย็น ๆ ก่อน ส่วนพี่หมอ ผมว่าพี่กินเองดีกว่า คนมองกันเยอะ”
“อะไร น้องชายป้อนขนมพี่ชาย มันลำบากมากนักรึไง”
“ผมไม่ใช่น้องพี่ซะหน่อย”
“นายเรียกพ่อฉันกับแม่ไผ่ว่าอะไร”
“พ่อกับแม่”
“งั้นก็แปลว่านับถือท่านเสมือนพ่อแม่จริง ๆ งั้นก็ต้องนับถือฉันกับไผ่เสมือนพี่ชายเหมือนกันสิ”
มันอ้าปากค้าง ผมหัวเราะหึ ๆ
“เร็วสิครับ ป้อนพี่ชายคนนี้หน่อย”
ผมอ้อนนิด ๆ จงใจทำใส่ไผ่มากกว่า เหลือบมองไผ่ มันแทบจะพ่นไฟใส่ผมแล้ว ฝนทำหน้าอึดอัด คงรู้เจตนาผมดี มันหยิบคุ๊กกี้มาป้อน ผมงับเอาเข้าปาก มองมันกลับด้วยดวงตาแพรวพราว แก้มมันแดงเถือกยิ่งกว่าเดิม
“กะ กินไหมมึง กูป้อน”
มันหันไปถามเพื่อนมันเอง
“ไม่ กูไม่อยากกินของร่วมกับมัน”
“งะ งั้นสั่งใหม่ก็ได้ กูสั่งให้”
“ไม่ต้อง ไอ้นี่จะเลี้ยงไม่ใช่รึไง”
ไผ่มันหันไปทางไอ้หมอนนท์ที่มองกลับเหรอหรา
“ชะ ใช่”
นนท์มันมองตาผม บ่นในดวงตาว่า ‘จำไว้นะแก’ ผมหัวเราะหึ ๆ หยิบเมนูมายื่นให้ฝน
“อิ่มแล้ว”
“ขนมหรือเครื่องดื่มก็ได้ นนท์มันเลี้ยง”
ผมโบ้ยไปทางเพื่อน มันเตะขาผมแรงใต้โต๊ะ ผมหัวเราะหึ ๆ ฝนก้มมองเมนู ไผ่มันกวักมือเรียกพนักงาน
“อะไรราคาแพงสุดของร้านนี้ครับ”
“เอ่อ เป็นสเต็กเนื้อค่ะ”
“งั้นขอที่หนึ่งนะครับ ส่วนเครื่องดื่ม ขอที่แพงที่สุด เอาไรมึง”
“กะ กูไม่หิวนะไผ่”
ฝนบอกอย่างเกรงใจ ผมรู้ได้เลยว่าไผ่มันจงใจแกล้งเพื่อนผมแน่ ๆ ไอ้หมอนนท์เตะขาผมแรงใต้โต๊ะอีกรอบ ผมไม่พูดอะไร ฝนมองเมนูก่อนสั่งแค่ชาเขียวมัจฉะมากินแก้วเดียว
To Be Con..
อ้าว...กำลังอ่านเพลิน ๆ หมดตอนซะงั้น = [ ] = อ้ากกกกก ทำไมมันสั้นขนาดนี้ (กรี๊ดร้อโหยหวน) เข้าใจความรู้สึกของคนอ่านขึ้นมาทันที (ข่วนกำแพงดังแกรก ๆ) รีบวิ่งไปรีไรท์ตอนใหม่อย่างเขวี้ยง
มีหลายคนที่รู้อนาคตไผ่ว่าจะเดินไปในเส้นทางไหน แต่ก็ยังมีคนอ่านอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ และยังคาดกันไม่ถึง หึ ๆ (หัวเราะอย่างมีเลศนัย)