CHAPTER : 58 : โดนลวนลาม
[น้ำฝน...♥]
ผมนอนหัวใจเต้นแรง สองมือกั้นตัวเองไว้จากเจ้าของวงแขนแกร่งที่กอดก่ายผมไว้อยู่ กลัวว่าพี่มันจะอุตริจับผมปล้ำเอาอีก ถึงปากจะบอกว่าไม่ แต่ผมก็ยังไว้ใจไม่ได้อยู่ดี คนเยอะไม่เยอะพี่มันไม่สนใจอยู่แล้ว ผมนอนนิ่งเฝ้าฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้น
กระทั่งความง่วงเริ่มแทรกซึมจนผมทานทนไว้ไม่ไหว ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ หลับใหลไป
ผมลืมตาตื่นอีกครั้ง พระอาทิตย์คลายความร้อนลงมากแล้ว แต่ก็ยังร้อนแรงอยู่ ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองแผงอกกว้างของคนที่โอบกอดผมไว้ ข้างนอกเงียบแล้ว ผมค่อย ๆ เงยหน้ามอง ดวงตาคมยังคงปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ วงแขนแกร่งยังคงตะกรองกอดผมไว้ ผมเม้มปาก พยายามบังคับไม่ให้หัวใจเต้นแรง ทดลองขยับตัวดู
“พี่หมอ” ผมกระซิบเรียก พยายามดันตัวออก แต่ไม่หลุด
“พี่หมอ” ผมเรียกเสียงดังขึ้น พี่หมอขยับตัว ลืมตามอง
“ตื่นเถอะ ผมหิวแล้ว”
ผมอ้าง หวังว่าเขาจะใจดีปล่อยผมไป พี่หมอพยักหน้านิดหนึ่ง คลายอ้อมแขนออก ผมรีบดีดตัวลุกออกจากเตียงทันที กำลังจะก้าวหนีแต่ถูกรั้งจับข้อมือไว้ลากถลากลับไปที่เดิม พี่หมอขยับมานั่งข้างเตียง ดึงผมลงไปนั่งบนตักหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน สองแขนโอบกอดผมไว้ ผมหน้าร้อนผ่าว
“ปล่อย ผมหิว”
“จูบก่อนสิ”
“ระ เรื่องอะไร”
ผมตอบกลับกุกกัก พยายามจะยกตัวหนี
“จูบ ไม่จูบไม่ปล่อย”
“ไม่”
ผมยืนยันคำเดิม พี่มันกอดผมไว้นิ่ง ๆ
“แล้วแต่นะ ไม่จูบก็จะกอดไว้งี้แหละ”
ผมเม้มปากแน่น จำต้องยื่นหน้าขึ้นไปจูบคนด้านหลังเบา ๆ ที ปากที่สัมผัสกันนิด ๆ นั้นร้อนผ่าวราวกับเปลวเพลิง ผมพยายามจะดันตัวลุก แต่พี่หมอยึดไว้ ก้มจูบลงมาอีกครั้ง เปิดแยกกลีบปากผมเข้ามากวาดต้อนเรียวลิ้นผมไว้ ผมครางอื้อในลำคอ สองมือจิกแขนแกร่งแน่น มวลบางอย่างไหลวนไปทั่วท้องน้อย
ไม่นานพี่หมอก็ค่อย ๆ ถอนปากออก
“ไปเถอะ หิวอยู่ไม่ใช่รึไง”
ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับคืนดีดตัวลุกยืน เดินลิ่ว ๆ ออกจากห้องไปทันที ข้างนอกเงียบมาก พอออกไปถึงเห็นว่าทุกคนหลับกันหมดแล้ว น้ำยังเปียกไหลนองอยู่หน้าถนน ถังน้ำยังตั้งอยู่ที่เดิม แต่พวกเพื่อน ๆ ผมพากันนอนเกลือกกลิ้งอยู่ในบ้าน ไม่เว้นแม้แต่พี่หมอนนท์กับไผ่ ผมขมวดคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
เพราะตอนนี้ไผ่มันนอนราบหลับสนิทหัวหนุนอยู่บนตักของพี่หมอนนท์ที่นั่งเหยียดขาใช้หลังนั่งพิงกำแพงอยู่
มันยอมได้ไง
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ตายาย พ่อแม่พี่ฟ้าแล้วก็พวกพี่แฮ็คกับเพื่อน ๆ หายไป ผมเดินเข้าไปในครัว หยิบมือถือมากดโทรออก
“พี่ฟ้า อยู่ไหนเนี่ย”
“พาตากับยายมาเที่ยวบ้านยายหวาน พี่ตามหาฝนไม่เจอไม่รู้อยู่ไหน”
“ฝนงีบ กลับกันตอนไหน”
“น่าจะดึก ฝนดูแลเรื่องอาหารการกินให้เพื่อน ๆ ละกัน ไม่ต้องรอ”
ผมรับปาก กดวางสายไป หันไปมองพี่หมอที่มายืนอยู่ข้าง ๆ
“พี่อยากกินอะไร”
“อะไรก็ได้”
ผมพยักหน้ารับ หันไปหยิบผักออกจากตู้เย็นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ เปิดตู้หยิบผ้ากันเปื้อนออกมาสวม
“ออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมเรียก”
“เดี๋ยวช่วย”
“ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวช่วย”
พี่มันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมเม้มปากแน่น
“ตามใจ”
แล้วก็หันไปหยิบผักมาล้าง เอาตามจริงผมก็ไม่ได้ให้พี่หมอช่วยอะไรหรอก ปล่อยให้พี่แกยืนกอดอกมองเฉย ๆ เขินเหมือนกันครับ มีคนมายืนมองแบบนี้
ผมล้างผัก หั่นไก่ด้วยความรวดเร็ว หิวแล้ว ทำแค่กะเพราไก่ไข่ดาวกินง่าย ๆ
ไม่นานก็เรียบร้อย เอาไปเสิร์ฟ นั่งกินกันในครัวนั่นแหละ
ผมนั่งกินเงียบ ๆ นี่เป็นครั้งสองแล้วที่เรานั่งกินข้าวด้วยกันสองคนแบบนี้ ไม่นานผมกับพี่หมอก็พากันเขี่ยจานเปล่า ผมนำจานไปล้างพากันเดินออกไปข้างนอก เพื่อน ๆ ผมยังนอนอยู่ท่าเดิมที่เดิม
ผมตัดสินใจออกไปเดินเล่น เพราะไม่อยากรบกวนคนอื่น ๆ ผมเดินไปทางหลังบ้าน เพราะขืนออกไปนอกถนนตอนนี้ก็เปียกเปล่า ๆ
ผมเดินเคียงไปกับคนตัวสูง หัวใจก็พากันไหวแรง จนไปถึงหนองน้ำไม่กว้างมากที่หนึ่ง ลมพัดกิ่งไผ่ให้ไหวเอน สายลมเย็นฉ่ำ ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นหญ้า พี่หมอทิ้งตัวลงมานั่งตาม
พื้นที่ด้านล่างเป็นทุ่งหญ้าและนาข้าวในขณะที่พื้นที่ติดถนนเป็นบ้านเรือนทั้งหมด ยายจะซื้อที่เหล่านี้เก็บไว้ เพราะอยากให้เป็นพื้นที่ธรรมชาติ ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งผมว่าดีนะ ต้นไม้โอบล้อมรอบสวน เพราะยายเป็นคนชอบปลูกต้นไม้มาก
“พี่หมอ” เรานั่งเงียบกันอยู่นานจนเป็นผมเองที่ทำลายความเงียบขึ้น ผมหันไปเผชิญหน้า “ผมอยากให้พี่เลิกทำเรื่องแบบนั้นกับผม เลิกยุ่งกับพี่ฟ้า ต่างคนต่างอยู่ แล้วก็คืนภาพถ่ายที่พี่ถ่ายคืนผมมาด้วย นะ ผมขอร้อง”
พี่หมอยังคงนั่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด
“พี่หมอ”
ผมเรียกอีกที อีกคนยังคงเงียบอยู่
“พี่หมอ ได้ยินหรือเปล่า”
ผมเรียกอีกครั้ง พี่หมอไม่ตอบทิ้งตัวลงไปนอนหนุนหัว หลับตาลง ด้วยความโมโหผสมหมั่นไส้ ผมทุบอกกว้างไปทีจนพี่หมอร้องโอ๊ย ลืมตาคว้าจับข้อมือผมไว้ ผมใช้มืออีกข้างทุบอีก พี่หมอรวบมันไว้ทั้งสองข้าง
“หูหนวกรึไง เรียกไม่ได้ยิน”
“ได้ยิน แต่ไม่ตอบ”
“ผมบอกว่าเลิกยุ่งกับพี่ฟ้าและผมได้แล้ว เอาภาพที่พี่ถ่ายแบล็คเมล์คืนมาด้วย”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงฉุน ๆ พยายามจะชักมือกลับ
“ไม่”
พี่มันตอบกลับคำเดียวง่าย ๆ
“สารเลว”
พี่มันหัวเราะหึ ๆ ดึงตัวผมขึ้นไปนอนทับบนตัว ผมตาโต พยายามจะยื้อหนี
“ปล่อย” ผมกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง กลัวคนมาเห็นครับ “ปล่อย พี่หมอ”
“งั้นพูดคำหนึ่งก่อน”
“อะไร”
ผมจ้องตาพี่มัน พี่หมอยกยิ้ม
“ผมเป็นเมียพี่หมอ”
ผมอ้าปากค้าง
“ไม่มีทาง”
ผมขยับดิ้นอีกที
ประสาท ให้มาพูดอะไรทุเรศ ๆ แบบนั้น
“ตามใจนะ ไม่พูดก็นอนมันอยู่แบบนี้แหละ เดี๋ยวสักพักคงมีคนเดินมาเห็นเอง”
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ อีกทีอย่างหวาดระแวง พยายามจะดันตัวลุก พี่มันโอบรัดผมแน่นด้วยวงแขน
“พูดสิ ผมเป็นเมียพี่หมอ”
“ไม่!” ผมยืนยัน
พี่หมอขยับใช้ขาเกี่ยวขาผมไว้ไม่ให้ดิ้นรน เลื่อนมือต่ำลงไปลูบเนินเนื้อผมด้านล่าง ผมผวาเฮือก
“พูดสิ”
“ก็ได้ ๆ”
ผมรีบรับปาก ขืนไม่พูด มีหวังโดนปล้ำกลางสวนแน่ ๆ พี่หมอคลายมือที่กำลังรุกไล้ลง ผมกัดปากแน่น มองอีกคนตาขวาง ก้มหน้ากระซิบพูดอู้อี้
“ผมเป็นเมียพี่หมอ”
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน พูดดัง ๆ หน่อย”
ผมเงยหน้าขึ้นมามองฉุน ๆ
“ผมเป็นเมียพี่หมอ!!”
ผมพูดเสียงดังห้วน ๆ พี่หมอคลี่ยิ้มด้วยความพอใจ คลายปล่อยผมออก ผมรีบเด้งตัวลุกทันที เดินลิ่ว ๆ หนีมา พี่หมอไม่ได้ลุกตามมาด้วย เอามือหนุนหัวนอนอยู่ที่เดิม ผมเดินหน้าร้อนผ่าวกลับเข้าบ้านไป
เข้าไปถึงก็เห็นไผ่มันยืนจ้องหน้าพี่หมอนนท์เขม็ง หัวคิ้วขมวดมุ่น ทำหน้ากระอักกระอ่วน พี่หมอนนท์ยังนั่งหลับอยู่ท่าเดิม ผมเดินเข้าไปใกล้ มันหันมามอง รีบตรงดิ่งมาลากผมไปทางห้องน้ำ
“มันทำอะไรมึงหรือเปล่า”
“ทำอะไร”
“กูเห็นมึงหายไป หารอบบ้านไม่เจอ เห็นมันหายไปด้วย เลยรู้ว่ามันต้องลากมึงไปแน่ ๆ แต่ไอ้เวรนั่นเข้ามาขวางทางไว้” มันบุ้ยปากไปทางคนที่กำลังนั่งหลับสนิทอยู่ “จะเข้าไปหามึงก็หาไม่ได้ แล้วมันได้ทำอะไรมึงหรือเปล่า” มันถามด้วยความเป็นห่วง สำรวจเนื้อตัวผม ผมส่ายหัวไปมา
“ไม่ได้ทำอะไรหรอก กูหลับ”
“แค่หลับ”
“อื้อ”
ผมรับปากหน้าร้อนผ่าว
“ดีแล้ว กูก็เป็นห่วง เชี่ย เล่นน้ำกันอยู่ดี ๆ มาลากเพื่อนกูไปกกอีก”
“หิวยัง”
ผมถามเพื่อตัดปัญหา
“หิว มีไรกินบ้าง”
“ไม่มีหรอก แต่เดี๋ยวทำให้กิน ทำให้พวกนั้นด้วยเพราะเย็นแล้ว”
มันพยักหน้า ผมลงมือทำอาหาร สักพักพวกเพื่อน ๆ ผมก็ทยอยกันตื่น ตันกับเพื่อนผู้หญิงรีบเข้ามาช่วยผมทำ พอเสร็จก็ทยอยนำอาหารไปเสิร์ฟ พี่หมอเดินเข้ามาพอดี ผมมองพี่แกนิดหนึ่ง ก่อนหันไปเอาอาหารยกมาให้เพื่อน ๆ กินกันต่อ พี่หมอนนท์เดินออกมาจากบ้านพักพอดี อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยมาทิ้งตัวลงนั่ง ผมตักข้าวให้
“อ้าว ไม่กินเหรอแซม”
“กินแล้ว”
พี่หมอนนท์พยักหน้า ตักข้าวกินตุ้ย ๆ เพื่อน ๆ ผมนี่กินกันเหมือนห่าลงมาก สงสัยจะหิวกันจัด ผมเดินไปตักข้าวเติมให้ไผ่อีกจาน มันตักกับข้าวมาราด งัดเข้าปาก
“เมียกูทำกับข้าวอร่อยจริง ๆ”
มันไม่พูดเปล่ายังรวบเอวผมไปกอดไว้เบา ๆ ผมตบหน้าผากมันไปที
“เล่นอะไร”
“ก็...”
มันทำท่าจะพูดอะไรต่อ ผมมองตาให้รู้ความหมาย มันมองไปทางพี่หมอที่มองมาตาขวาง จิ๊ปากก้มตักข้าวกินต่อ
“ฝน มึงนี่นะ จะเอาคนพี่หรือคนน้องเลือกเอาสักคน ขยันทำให้พวกกูเข้าใจผิดกันอยู่เรื่อย”
น้ำตาลมันว่า
“พวกมึงก็บ้าตามมัน รู้ ๆ นิสัยมันอยู่”
เพื่อนผมพากันหัวเราะร่วน ไม่ได้คิดอะไรมาก ผมเหลือบมองใครบางคนที่มองมาด้วยสายตาอ่านไม่ออก
[อ่านต่อ..50%]
รุ่งขึ้นพวกเราตื่นกันแต่เช้าไปทำบุญที่วัด กลับมาเล่นน้ำกันต่อ ตกบ่ายก็อาบน้ำให้ตากับยาย เราปล่อยให้ผู้ใหญ่อาบก่อน ผมต่อจากพี่ฟ้า หยิบขันตักน้ำที่โรยด้วยน้ำอบไทยและดอกไม้ต่าง ๆ มาคนกันเบา ๆ ย่อตัวลงไปคุกเข่าที่พื้น กึ่งกลางระหว่างตากับยาย ทั้งคู่ก้มลงมาหาผม ผมล้างเท้าให้ตาก่อน สลับกับยาย ตักน้ำมาเพิ่มอีกขัน รดลงบนมือที่ท่านแบชนกันไว้หลวม ๆ รองรับน้ำจากผม ผมอวยพรให้คนทั้งคู่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุยืน ๆ อยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ
สิ่งนี้แหละที่เหล่าลูกหลานปรารถนาที่สุด
ผมตักน้ำอีกขัน ราดลงบนหัวไหล่ของคนทั้งคู่ ยกมือจบทำความเคารพ ตากับยายพากันลูบหัวผม อวยพรยาวยืด ต่อจากผมก็เป็นเพื่อน ๆ ผมที่ทยอยกันมาทำแบบผมไม่เว้นแม้แต่พี่หมอ ผมยืนดูอยู่ไม่ห่าง พี่หมอไม่ได้ล้างเท้าหรอกครับ แค่เอาน้ำรดมือคนทั้งคู่เท่านั้น
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม ขอให้สุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และหวังว่าจะได้หลานมาเป็นหลานเขยนะ”
พี่หมอยิ้ม พี่ฟ้าที่ยืนอยู่ไม่ห่างหัวเราะ ผมยืนเม้มปากแน่น
อย่าเลยดีกว่า…
คนคนนั้นไม่ได้ดีอย่างที่ตากับยายคิดหรอก
หลังจากอาบน้ำให้ตากับยายเรียบร้อย พวกเราก็มารวมตัวกันอีกครั้ง เพราะเราจะตะลอนกัน พ่อเป็นคนขับโดยมีแม่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ วันนี้ผมใส่เสื้อยืดสีไข่ไก่มา จริง ๆ มันเก่ามากแล้วล่ะ ใส่มาหลายปีจนสีมันกลาย ยืดจนย้วย แต่จะทิ้งก็เสียดาย ปกติผมใส่นอน แต่วันนี้ใส่มาเล่นน้ำเพราะมันซักง่ายดี เปื้อนเปรอะเลอะเทอะอะไรมาเอาน้ำราดนิดเดียวก็ออก เสื้อตัวนี้พี่ฟ้าซื้อให้ บังคับให้ผมทิ้งตั้งหลายรอบ แต่ผมไม่ทิ้งสักที กางเกงเป็นกางเกงขายาว
ถังน้ำถูกขนขึ้นรถ วางไว้ตรงกลาง พวกเราขึ้นไปยืนล้อมตัวถังอีกที ทันทีที่รถขยับออกจากบ้านพวกเราก็เปียกมะล่อก สนุกดีครับ โดนเขาสาดบ้าง สาดเขากลับบ้าง เจอด่านไหนคนเยอะพ่อก็จอดเลย แล้วพวกเราก็ลงไปแจม พี่หมอกับพี่หมอนนท์นี่โดนหนักสุด ทั้งโดนสาด โดนแต๊ะอั๋ง โดนปะแป้ง หัวเหอหน้าเน้อมอมแมมแทบดูไม่ได้ แต่พอล้างแป้งออก หน้าหล่อ ๆ ก็โผล่เหมือนเดิม
วิ่งมาได้สักพัก น้ำหมดถัง เราจึงจอดเพื่อขอน้ำข้างทาง พีมมันยืนจับสายยางอยู่บนรถ พวกเราก็ลงมาเล่นน้ำร่วมกับเจ้าบ้านระหว่างรอ มีรถหลายคันมาจอดเล่นร่วมด้วย
“น้องครับ พี่ขอปะแป้งหน่อย”
ได้ยินเสียงขออนุญาต คงเป็นเสียงของใครสักคนขอผู้หญิงที่อยู่ใกล้ผม ผมหันไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น (หรือจะเรียกว่า'เสือก'ก็ได้ = =) ก่อนมือที่เต็มไปด้วยแป้งจะแปะมาที่แก้มผมจากซ้ายไปขวา
ผมมองอึ้ง ๆ
เขาแตะแป้งในขันพลาสติกของตัวเอง เอามาแปะเพิ่ม ผมกะพริบตามองปริบ ๆ
เป็นผู้ชายครับ ตัวสูงชะลูด หน้าตาดีใช้ได้ แต่เทียบกับพี่หมอหรือไผ่ไม่ติด คนตรงหน้ายิ้มใสซื่อ แต่คิดไปคิดมา นี่มันเป็นเทศกาลสงกรานต์นี่หว่า ไม่จำเป็นที่ผู้ชายจะต้องแปะแก้มผู้หญิงเท่านั้น ผมเลยยิ้มตอบบ้าง ควักแป้งจากขันเขาเองนั่นแหละมาแปะกลับคืน เพราะผมเล่นแค่น้ำไม่ได้เล่นแป้ง
ใครสักคนจากรถคันหนึ่งตะโกนเรียก คนตรงหน้าผมตะโกนรับปาก ทำท่ารี ๆ รอ ๆ แล้วเดินกึ่งวิ่งไปขึ้นรถคันนั้น ผมหันกลับมาสนใจสาดน้ำกับคนอื่นต่อ รถคันที่วิ่งจากไปเมื่อกี้เบรกกึก คนที่ปะแป้งผมกระโดดลงมาจากกระบะท้าย วิ่งไปที่หน้ารถ ก้มทำอะไรสักอย่าง แล้ววิ่งตรงมาทางผม
ทำอะไรหล่นแถวนี้รึไง เขาวิ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า หอบนิด ๆ จากแรงวิ่ง
“พี่ชื่อต้าร์นะ ยินดีที่ได้รู้จัก พี่ขอเบอร์หน่อยได้ไหม อยากเป็นเพื่อน”
ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ ก้มมองปากกากับกระดาษชื้นน้ำที่ยื่นมาตรงหน้า ผมพยายามประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ระหว่างนี้ก็ได้ยินเสียงโห่แซวกันดังระงมรอบด้าน
“นะครับ พี่อยากเป็นเพื่อนจริง ๆ”
ผมกะพริบตาปริบ ๆ มอง เขาทำหน้าเขิน ท่าทางประหม่าน่าดู
นะ นี่ผมกำลังโดนจีบอยู่ใช่ไหม
โดนผู้ชายจีบด้วย!!
“โหย เพื่อนกูโดนจีบโว้ย”
ไอ้หินวิ่งมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ แย่งปากกากับกระดาษไปถือเอง ก้มจดยิก ๆ
“เอาเฟซมันไปก่อนละกันพี่”
พี่มันรับไปก้มอ่าน
“น้ำฝน” คนตรงหน้าอ่านทวนชื่อเฟซ ผมพยักหน้า เขายิ้มแป้น “แล้วพี่จะแอดหา รับเฟรนด์พี่ด้วยนะ” แล้วเขาก็วิ่งตุบตับกลับขึ้นรถไป คนบนรถพากันโห่แซว พอ ๆ กับคนรอบตัวผม
“เชี่ย เพื่อนกูขายออกแล้ว”
“หิน มึงเล่นอะไร แล้วให้เขาไปทำไม”
“อ้าว เขาอยากได้มึงเป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ คิดอะไรมาก รับ ๆ ไปเถอะ ไม่เล่นด้วยก็ไม่มีอะไรแล้ว”
ผมทำหน้าอึดอัด มองไปยังใครบางคนที่มองหน้าผมอยู่ ผมรีบละสายตาหนี เกิดมาเป็นตัวเป็นตนเพิ่งเคยโดนผู้ชายจีบก็วันนี้แหละ
ไผ่เดินออกมาจากห้องน้ำ ตรงมาทางผม
“ไผ่ เมื่อกี้มีคนมาขอเบอร์ไอ้ฝนมันด้วยว่ะ”
“เหรอ สาวไหน ตาต่ำชะมัด”
“ไม่ใช่สาว แต่เป็นหนุ่ม หล่อด้วยมึง กูเลยให้เฟซฝนมันไป”
“ห่า ให้ไปทำไม” ไผ่มันตบหัวไอ้หินไปฉาดใหญ่ รายนั้นลูบหัวตัวเองป้อย ๆ “หาเรื่องให้ฝนมัน เกิดเป็นพวกเกย์ตื้อ ฝนมันจะเดือดร้อนแค่ไหน”
“เอ้อจริงด้วย กูคิดไม่ถึง โทษที ๆ ส่วนมึง ถ้ามันแอดมาก็อย่ารับละกัน” มันหันมาพูด ผมพยักหน้ารับ น้ำเต็มถังพอดี พีมตะโกนเรียกให้ทุกคนขึ้นรถ พวกเราขึ้นประจำตำแหน่ง ยิ่งเย็นคนยิ่งออกมาเล่นกันเยอะขึ้น ด่านก็เยอะขึ้น บางด่านก็เล่นกันเรียบร้อย บางด่านก็รุนแรง
ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนผมจะโดนผู้ชายปะแป้งเยอะขึ้น หนำซ้ำยังถูกจับเนื้อจับตัวอีกต่างหาก แต่คิดไปคิดมา อาจจะเพราะคนมันเยอะเลยเผลอถูกเนื้อต้องตัวก็ได้
“ฝนมานี่”
ไผ่มันลากผมเข้าไปยืนใกล้มันด้านใน ๆ ก่อนใครสักคนจะสอดมือเข้ามาใต้เอวผมแล้วลากพรืดไปยืนชิด ผมหันไปมองก็เห็นเป็นพี่หมอที่ก้มมองผมอยู่
“อย่าเสือก”
ไผ่มันด่า ยังไม่ทันที่สองคนจะได้โต้เถียงอะไรกันต่อก็มีเสียงตะโกนว่ามีน้ำถังใหญ่เตรียมตัวหลบ
ผมหัวหดตามคำสั่ง ได้ยินเสียงโครม น้ำจำนวนมหาศาลไหลรินไปทั่วทั้งรถเรา แต่ผมถูกน้ำนิดเดียว เพราะน้ำทั้งหมดไปอยู่บนตัวของคนสองคนที่โอบกอดผมไว้เสียหมด ผมเงยหน้ามอง ไผ่มันกวาดน้ำออกจากหน้า เอียงหูเขย่า ๆ
“น้ำเข้าหูเหรอมึง”
“อื้อ” มันเขย่าแรงขึ้น
“ออกยัง” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
“ออกแล้ว” มันสะบัดหัวไปมาเพื่อเช็ก ผมหันไปทางพี่หมอ รายนั้นแค่ลูบน้ำออกจากหน้าเฉย ๆ
“น้ำไม่เข้าหูนะ”
พี่มันส่ายหัว ผมค่อย ๆ แกะมือพี่หมอที่โอบผมไว้ออก กลัวคนอื่นเห็นครับ ถึงไผ่มันจะบังไว้ก็เถอะ
ข้างหน้าเป็นด่านใหญ่ครับ ดูจะเป็นด่านที่ดิบและห่ามหน่อย ๆ ปกติเจอด่านประเภทนี้พ่อจะไม่จอดให้เราเล่น แต่พวกนั้นเล่นปิดถนน ทำให้พ่อต้องจอดอย่างช่วยไม่ได้ พวกเราก็ตามน้ำ โดดลงไปสาดตู้มสาดตู้ม
“ว้าย!!”
เสียงน้ำตาลแหกปากร้องลั่น ผมหันไปมองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งพยายามจับนมน้ำตาลที่กำลังดิ้นหนี ผมฉุนกึก ไผ่มันถลาเข้าไปหาทันที แต่โดนพี่หมอนนท์เบรกไว้ก่อนจะถึงตัว
“โทษที ๆ น้อง พี่มาว”
มันคงเมาจริง แต่ใช้ความเมาของตัวเองทำเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดี น้ำตาลทำหน้าโมโหไม่ต่างกับเพื่อน ๆ ผม โดยเฉพาะไผ่ จนพี่หมอนนท์ต้องล็อกไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม
“เลิกทำแบบนี้ดีกว่านะ ถ้าไม่อยากมีเรื่อง”
พี่หมอนนท์เตือน
“โทษที ๆ”
มันยกมือขึ้น แต่สีหน้าไม่สำนึกเท่าไหร่ เดินเลี่ยงไปอีกทาง ไผ่มันขยับเป็นเชิงเตือนให้พี่หมอนนท์ปล่อยตัว ซึ่งพี่หมอนนท์ก็ยอมปล่อยมันดี ๆ เหมือนกัน
ผมถอนหายใจแรงเมื่อเห็นทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ก่อนยืนอึ้ง หันมามองสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง
มีผู้ชายคนหนึ่ง ใบหน้ามีเครานิด ๆ ท่าทางเมาระดับหนึ่ง ยืนบีบนมผมแรง ผมอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าจะถูกผู้ชายด้วยกันลวนลามแบบนี้ ผมยืนอึ้ง
“พลั่ก!!/พลั่ก!!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกัน แล้วผู้ชายคนนั้นก็หงายหลังล้มตึงลงไปนอนสลบเหมือดเลือดกบปากอยู่ที่พื้น เสียงวี้ดว้ายดังไปทั่ว ทุกคนหยุดเล่น ผมหันไปมองคนทำ
เห็นคนสองคนยืนทำหน้าถะมึงทึงอยู่ด้านหลัง
เดาสิครับ ว่าใคร...
To be Con...
พี่เดาไม่ออกจริง ๆ น้ำฝน ว่าเป็นใคร = =
ปล. หึ ๆ มีตัวละครเพิ่มมาอีกหนึ่ง ซึ่งเขาคนนี้จะนำตัวปัญหาเข้ามาด้วย พี่หมอจะมีคู่แข่งอย่างเป็นทางการแล้ววว เดี๋ยวน้ำฝนเล่าพาร์ทหน้าจะมาเผยโฉมหน้าตัวละครใหม่ให้ดู เห็นปุ๊บ คิดว่าหลายคนคงพอเดาออกว่าเขาคนนั้นน่าจะคู่กับใคร
:: ทอล์กไร้สาระ - , . -::
เมื่อคืนควานหาการ์ตูนมานั่งอ่าน หยิบได้เล่มนี้มาอ่านอีกรอบ(อ่านไปเป็นรอบที่ 999 แล้ว = = ) จำชื่อตัวละครไม่ได้ เอาเป็นว่าพระเอกเป็นเด็กห้องพิเศษ เป็นเด็กหัวกระทิ ตัวสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา เป็นตัวแทนนักเรียน ส่วนนายเอกเป็นเด็กห้องสถาปัตถ์ ซึ่งสองห้องนี้เขาไม่ค่อยถูกกัน
ตอนเช้าก่อนมาโรงเรียน นายเอกเรากินอาหารบูดเข้าไป (ช่างกล้า = =) ระหว่างขึ้นรถไฟนางเลยเกิดอาการคลื่นเหียนอยากอาเจียน ทรุดตัวลงไปนั่งกุมท้องกุมปาก ไม่มีชาวบ้านคนไหนสนใจเลย พระเอกเดินผ่านมาพอดีเห็นเข้า ด้วยความที่เห็นว่าเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนเดียวกันจึงเดินเข้าไปทัก นายเอกที่นั่งผะอืดผะอมอยู่เลยทักกลับด้วยการอ้วกใส่ซะเลย = = ;
ความประทับใจแรกเลอค่ามาก พระเอกเลยจับนายเอกลากกรรเชียงมานั่งเลียอ้วก ...เอ่อ หมายถึงมาพักทำความสะอาดกันที่ห้องพักที่แสนจะเงียบสงบ โดยมีนายสถานนีให้ความร่วมมือ นายสถานีขอตัวออกไปทำงานก่อน มีบอกทิ้งท้ายไว้ว่าที่นี่เงียบมาก ไม่มีคนเดินผ่านมาหรอก (จะบอกทำเพื่อ???) ให้พักกันได้ตามสบาย
หึ ๆ (คนเขียนหัวเราะอย่างมีเลศนัย)
นายเอกที่นอนสลบเหมือดมาพักหนึ่งก็ถึงคราวฟื้นคืนชีพ แวบแรกก็แอบสงสัยว่าไยตัวเองมานอนหมดสภาพเหมือนคนโดนข่มขืนแบบนี้ แถมยังมีเด็กห้องพิเศษในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่ไม่ห่างตัวอีกต่างหาก พอระลึกชาติได้ถึงได้รู้ว่า อ๋อ กูอ้วก แถมยังอ้วกใส่เด็กห้องพิเศษด้วย
กำลังจะอ้าปากขอบคุณ เด็กห้องพิเศษที่ทุกคนเห็นว่าเป็นเทพบุตรสุดประเสริฐเลิศล้ำนั้นก็เผยธาตุแท้ออกมาเพราะความโมโหที่โดนเด็กไร้สมองมาอ้วกใส่ ใบหน้ายิ้มแย้มที่เคยเห็นประจำกลับกลายเป็นใบหน้าเหี้ยมโหดโกรธเกรี้ยว นายเอกช็อกพอประมาณ การห้ำหั่นกันทางคำพูดจึงเกิดขึ้น
ปากหาเรื่องแท้ ๆ สำหรับนายเอก บอกว่าจะเอาเรื่องที่พระเอกเป็นคนสองบุคลิคไปโพนทะนา พระเอกเลยต้องหาทางปิดปากนายเอกด้วยการจับนายเอกแก้ผ้า(บางส่วน) มัดข้อมือด้วยเนกไท แล้วบังคับให้นายเอกช่วยตัวเองเพื่อถ่ายรูปแบล็คเมล์(เหตุการณ์นี้คุ้น ๆ ไหม?) ด้วยความอ่อนไหว ถึงจะรู้ว่ากำลังถูกถ่ายอยู่ แต่มันห้ามความต้องการไม่ได้จริง ๆ นายเอกก็จัดการดุ๊ยดุ่ยตัวเองไป(ด้วยมือที่ถูกมัดนั่นแหละ) โดยมีพระเอกส่องกล้องเลียปากแผลบ ๆ มองอยู่ด้วยความพอใจ(เฮียเป็นญาติกับตัวเชี่ยใช่ไหม = = )
หึ ๆ ถ่ายคลิปเขาเก็บไว้ยังไม่พอ ยังมาเรียกร้องค่าเสียหายจากเด็กที่ถือว่าจนที่สุดในห้องเรียนอย่างนายเอกอีกต่างหาก นายเอกเราก็พาซื่อ แม้จะจนแต่ก็จริงใจ จะจ่ายก็ได้ แต่ขอจ่ายแบบผ่อนจ่ายนะ
พอพระเอกมาเห็นสภาพความยากจนจนเข้าขั้นวิกฤติของนายเอกก็เกิดความสมเพชปนเวทนา เพื่อให้นายเอกมีเรี่ยวแรงทำงานจ่ายค่าชุดคืนตัวเอง เลยหาอาหารมาประเคนให้ทุกเที่ยง โดยการเมสเสจไปเรียกนายเอกออกมากิน (เดาเอาว่าค่าอาหารที่ซื้อมาประเคนน่าจะแพงกว่าค่าชุดที่ต้องชดใช้ / แต่บอกแล้วไง เพื่อค่าชุด ต้องเลี้ยงมันไว้ก่อน - - ซึนเหมือนใครวะ - - )
ความจนทำให้คนมองข้ามทุกสิ่งทุกอย่าง มีอาหารร่วงหล่นมาจากฟากฟ้ามีหรือนายเอกจะไม่รีบคว้าไว้ แล้วยัดใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
ฉากหนึ่งที่ชอบมากกกก คือนายเอกเห็นว่าพระเอกขี้ซีเรียส(??) จึงยัดลูกอมจูปาจุ๊บรสโปรดใส่ปากพระเอก แต่พระเอกไม่ชอบของหวานเอามาก ๆ จึงรีบดึงจูปาจุ๊บออกมา พยายามแหวะความหวานที่อยู่ในปากทิ้ง
นายเอกเกิดอาการเสียดายเลยบอกไปว่า "เอ้า ถ้าไม่ชอบก็เอามา กินเองก็ได้" แล้วนางก็คุกเข่าต่อหน้าพระเอก เงยหน้าขึ้น หลับตาลง(เพื่อ??) อ้าปากค้างไว้จนเห็นเรียวลิ้นสีแดงสุดเซ็กซี่ เพื่อรอคอยให้พระเอกป้อนจูปาจุ๊บคืน
แอร๊ยยยยยยยยยยย >/////<
ใครไม่หลงเสน่ห์นี่รีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คสมรรถภาพได้เลย
เดาแทบพุ่ง พระเอกนี่นั่งตะละลึงตึง ๆ ไปหลายวิ นายเอกยังไม่หุบปาก หรี่ตามอง รีบเร่งให้อีกคนป้อนคืน พระเอกมีสติ ยัดจูปาจุ๊บแท่งนั้นใส่ปากนายเอกไป
แล้วคืนนั้นพระเอกก็กลับไปช่วยตัวเองจากฉากหื่นที่เห็น แถมยังเอาภาพที่ตัวเองเคยถ่ายแบล็กเมล์ไว้มาดูควบคู่ด้วย
หึ หลงเสน่ห์นายเอกเราอย่างจัง
แต่นั่นแหละ คนปากหนักยังไงก็คือคนปากหนักอยู่วันยังคำ(เหมือนใครวะ???) จนมีวันหนึ่งนายเอกบาดเจ็บ นอนพักอยู่บ้าน พระเอกไปตามหานายเอกที่ห้องเรียน เพื่อนนายเอกที่พอจะรู้ว่าเพื่อนกับพระเอกน่าจะมีซัมติงกันอยู่เลยใส่ไฟว่านายเอกนั้นกำลังบาดเจ็บสาหัส(ทั้งที่จริง ๆ แล้วเจ็บแค่มือนิดเดียว = = ) พระเอกรีบห้อแนบไปหานายเอกที่ห้องทันที
หึ ๆ นายเอกเราเผลอพูดจาน่ารักจนพระเอกเราทนไม่ไหวจับนายเอกปล้ำซะเลย
แอร๊ยยยยย ฉากเร้าดำเนินไปอย่างวาบหวิว เรท18+ อลังการงานสร้างมาก งานเขาสร้างมานิดเดียว แต่คนเขียนนี่แหละที่จินตนาการต่อไปไกลกว่าฉากที่เห็น -,. -
นายเอกก็เข้าใจว่าพระเอกปล้ำเพราะโกรธตัวเอง หึ ๆ ตั๊ลลักป่ะล่ะ
พระเอกปล้ำนายเอกเพราะทนเสน่ห์ไม่ไหว ส่วนนายเอกเข้าใจว่าโดนปล้ำเพราะอีกคนโกรธและทำโทษตัวเอง (ซึนมหาซึน) = =
หลังจากนั้นนายเอกก็พยายามตามหาตัวพระเอกให้วุ่นเพื่อลากมาคุยกันให้รู้เรื่อง อีกคนก็พยายามหลบเพราะไม่อยากรับความจริงว่าตัวเองนั้นรักนายเอกเข้าให้
แต่ก็แอบมาบอกรักตอนนายเอกหลับในห้องพยาบาล หึ ๆ แต่ก็ยังหลบหน้าหลบตาอยู่ สุดท้ายนายเอกเลยโทรหาเพื่อบังคับให้พระเอกมาคุยกันตรง ๆ แล้วกึ่ง ๆ สารภาพความในใจออกไป พระเอกแทบจะเหาะมาหานายเอก แน่นอน ฉากเสียตัวก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็คบกัน (เล่าผิดเล่าถูกก็ขออภัย = = คนเขียนเป็นญาติกับปลาทอง)
พออ่านจบ มานั่งพิจารณา จะว่าไปแล้วคนเขียนชอบอ่านการ์ตูนหรือนิยายแนว ๆ นี้นะ แนวพระเอกเหนือกว่า เลวนิด โหดหน่อย ชอบแกล้งนายเอก พระเอกสายเอส โหด หื่น ตื่นง่าย ส่วนนายเอกก็สู้ไม่ได้ กูไม่ได้อ่อนแอนะ แต่กูสู้มันไม่ได้จริง ๆ มันเหนือกว่า(คร่อมอยู่ด้านบน = = )
สรุปแล้วคือ มันเขียนเพราะมันชอบนั่นเอง ....อาเมน