Chapter : 59: เพราะเด็กมันยั่ว
[พี่หมอ...♥]
บอกตามตรงว่าผมหงุดหงิดมาก เมื่อเช้าก็ดี ๆ อยู่หรอก แต่รู้สึกว่าวันนี้ฝนมันจะใส่เสื้อสีสว่างมา ผมก็มองว่ามันน่ารักดี ยิ่งเปียกน้ำยิ่งเซ็กซี่ ตอนแรกคิดว่าผมคิดไปเองคนเดียวเพราะเคยนอนกับมันมาก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวที่เห็นว่ามันเซ็กซี่ เพราะวันนี้ผมเห็นคนมองมันบ่อยมาก ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซ้ำยังถูกแอบลวนลามบ่อย ๆ ผมทำได้แค่ขมวดคิ้วมอง จะเข้าไปยุ่งมากก็ไม่ได้ ช่วงเทศกาล ไหนมันจะเป็นผู้ชาย ไหนคนอื่นจะมองสงสัยอีก
แต่หลังจากที่มันถูกขอเบอร์ ผมกับไผ่รีบประชิดเพื่อปกป้องมันมากขึ้น
มันก็เล่นน้ำเพลิน ๆ ไม่ได้คิดอะไร จนรถเราถูกกักไว้ด่านหนึ่ง ดูก็รู้ว่าเด็กกลุ่มนี้ลามปามแค่ไหน แล้วเพื่อนของฝนก็โดนลวนลาม ไผ่มันจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่ไอ้หมอนนท์ห้ามเอาไว้ก่อน
แล้วภาพที่ผมเห็นแล้วหยุดไว้เพียงแค่มองไม่ได้คือฝนกำลังถูกจับหน้าอก เด็กนั่นก็ไม่รู้ว่ามันกำลังอ่อยเหยื่อหรือว่าตกตะลึงที่ถูกจับนมกันแน่ ถึงได้ยืนนิ่งให้เขาทำแบบนั้น
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าตัวผมถลาไปซัดหน้ามันเปรี้ยงหนึ่งจนมันล้มหน้าหงายบนพื้นน้ำเปียก ๆ ผมหันไปมองคนที่ออกหมัดพร้อมผม
“ไผ่…พี่หมอ”
ฝนมันครางเรียกพวกเราทั้งคู่ ไผ่มันทำหน้าฟึดฟัด จะเข้าไปกระทืบซ้ำ ดีว่าไอ้หมอนนท์ห้ามไว้ ไผ่มันชี้หน้าคนอื่นๆ ที่ตั้งด่านด่ากราด
“ถ้าพวกมึงไม่หยุดด่านนี้ กูจะแจ้งความข้อหาลวนลามคน แม่ง ลวนลามเพื่อนผู้หญิงกูยังไม่พอ ยังมาลวนลามเพื่อนผู้ชายกูอีก”
พวกนั้นพากันหน้าซีด ก่อนจะมีผู้ใหญ่ออกมาขอโทษขอโพย ลากคนที่นอนสลบออกไป พ่อกับแม่ฝนพากันลงมาช่วยเคลียร์ด้วย ดูท่ากลุ่มเพื่อนฝนจะไม่ยอมความจนคนกลุ่มนี้ต้องพากันสลายตัวกันไป เคลียร์กันอยู่พักก็แยกย้าย พ่อวนขับรถพากลับ อารมณ์สนุกแบบแรกถูกแทรกด้วยความโมโห
“เป็นไงบ้าง พวกมึงสองคน น้ำตาลถูกจับนมกูไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะนมมันใหญ่ แต่มึงอ่ะ ไปให้เขาจับได้ไง”
ตันมันถามงง ๆ
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ ห่า หันมาอีกที มันคว้าหมับ แถมขยำมาซะแรง”
ผมกัดกรามกรอด คว้าตัวฝนหันมาเผชิญหน้า เลิกชายเสื้อมันขึ้นจนโชว์หัวนม มันอ้าปากค้าง ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ ไผ่จะเข้ามากระชากมือผมออก แต่ถูกหมอนนท์ยึดไว้เหมือนเดิม
“มึงจะทำเชี่ยอะไร!!/พี่หมอจะทำอะไร”
ไผ่กับฝนถามพร้อมกัน แต่คนละอารมณ์
“ขอเช็กดูก่อน เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ผมไม่รู้ว่ามันถูกขยำ คิดว่าแค่ถูกจับเฉย ๆ
“โหย แดงเลยมึง”
เพื่อน ๆ มันพากันเข้ามามอง ไผ่หยุดดิ้นแล้ว จ้องมองนมเพื่อนมันเขม็ง ผมกัดกรามกรอด
“กูว่าแม่งเข้าใจผิดคิดว่ามึงเป็นผู้หญิงชัวร์ ๆ กะขยำเต็มที่”
ผมแตะนิ้วลงบนรอยแดง ฝนสะดุ้งเฮือก รีบคว้าจับมือผมไว้ แก้มมันแดงก่ำ
“นี่ด้วยหรือเปล่า”
หินมันชี้ให้ดูรอยแดง ๆ ไม่ห่างหัวนม ฝนก้มมอง แก้มแดงยิ่งกว่าเดิม เพราะรอยนั้นเป็นรอยที่ผมทำไว้ไม่ใช่รอยจากการถูกลวนลาม เมื่อคืนก่อน มันจางแล้ว แต่ก็ยังเห็นอยู่ มันรีบลดเสื้อลง
“ไม่เจ็บหรอก ขอบคุณที่ช่วย”
มันพูดอ้อมแอ้ม ไผ่มันสลัดจนหลุดจากไอ้หมอนนท์ เลิกถอดเสื้อตัวเองออกจากหัว ยื่นมาให้ฝน
“มึงใส่นี่ไว้เลยฝน”
“โหย เพื่อนกูโคตรแมนเลยวะ”
พวกเพื่อน ๆ มันแซวกันใหญ่
“แล้วมึงอะ” ฝนถาม
“แค่นี้กูสบาย ใส่ไป”
มันบังคับ ฝนจำใจต้องใส่เสื้อไผ่ซ้อนอีกชั้นกระทั่งกลับถึงบ้าน ถ้าไม่เจอเรื่องถูกลวนลาม ผมว่าทริปนี้ถือว่าเป็นทริปที่สนุกดีครับ พรุ่งนี้สงกรานต์วันสุดท้าย เห็นว่าจะยืนสาดอยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหนแล้ว
ฟ้าไม่ได้ไปด้วย เพราะอยากอยู่กับตาและยาย พวกเพื่อน ๆ มันรีบพากันรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นใหญ่
“เพราะงี้แหละ ถึงอยากเล่นขนาดไหนพี่ก็ไม่อยากไป เสื้อตัวนั้นเก่าแล้ว ยังจะเอาไปใส่อีก”
ฟ้าหันไปบอกน้องชายตัวเอง
“ทิ้งได้ไงเสียดาย ใส่สบายจะตาย ไม่คิดว่าจะโดนนี่ ผมว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดมากกว่า”
ผมนั่งจ้องหน้ามัน
จะโทษว่าเป็นเพราะชุดก็ถูก หรือไม่ก็เป็นเสน่ห์ส่วนตัวของมันที่มีไว้ดึงดูดผู้ชายเข้าหา ไม่ว่าจะเป็นไผ่ ผม หรือเด็กที่ขอเบอร์นั่น
วันนี้ทุกคนสลบเร็วกว่าปกติคงเพราะเหนื่อยจัด ๆ ผมนอนพลิกไปพลิกมา ร่างกายเหนื่อยก็จริง แต่จิตใจมันร้อนรุ่มยังไงแปลก ๆ
“นอนสักทีน่าแซม”
ไอ้หมอนนท์มันเตือน คงเพราะผมไม่หลับสักทีรบกวนมัน ผมตัดสินใจคว้ามือถือมาเปิด ไปที่ข้อความไลน์
จริง ๆ มันไม่ใช่เวลา และอีกอย่างฝนคงหลับไปแล้ว แต่ให้นอนอยู่เฉย ๆ ผมนอนไม่หลับจริง ๆ
‘นอนรึยัง’ ผมถามไปสั้น ๆ แล้วนอนรอ ไม่คาดหวังอยู่แล้ว ผมลดมือถือลงเมื่อทุกอย่างยังคงเงียบสนิทไม่ต่างกับเพื่อนผมที่นอนหลับกรนฟี้ ๆ ไปแล้ว
สักพักผมก็ยกมือถือขึ้นมากดเปิดดู หัวใจไหวแรงที่เห็นมันกดเปิดอ่านข้อความ ผมรอให้มันตอบกลับ แต่มันยังเงียบเหมือนเดิม ผมกดพิมพ์ไปหาอีกรอบ
‘นอนรึยัง’
ข้อความนั้นถูกอ่านทันที นั่นหมายความว่ามันเปิดหน้าแชทผมไว้ แต่ไม่ตอบกลับ
‘อ่านแล้วก็ตอบด้วย’ ผมออกคำสั่ง
‘ยัง’ รอสักพักมันก็ตอบ ผมยกยิ้มอย่างพอใจ
‘ฉันนอนไม่หลับ’
‘เรื่องของพี่’ มันตอกกลับทันที ผมหัวเราะหึ ๆ เหลือบมองไอ้หมอนนท์นิดหนึ่ง ดูว่ามันจะตื่นไหม
‘ออกมาเจอกันหน่อยไหม’
‘ไม่ ผมง่วง อยากนอน’ ตอนแรกก็จะบังคับ แต่แค่มันตอบรับผมก็ดีใจแล้ว
‘งั้น นอนหลับฝันดี’ ผมส่งกลับไปแค่นั้น ได้คำกลับมาสั้น ๆ
‘บ้า’ ผมยิ้มใส่คำนั้นทันที วางมือถือไว้บนอก ผมว่าผมคงต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่มาหลงเสน่ห์เด็กนั่น
ถ้าคำว่าบ้า ออกมาจากริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นมันจะน่ารักขนาดไหน แล้วคำว่า‘บ้า’ก็วนเวียนอยู่ในสมองผมกระทั่งดำดิ่งลงสู่ห่วงนิทรา
ผมตื่นขึ้นมาสูดอากาศสดชื่นแต่เช้าตรู่ ไม่ต่างกับไอ้หมอนนท์ที่ตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจพอกัน
“อากาศดีเป็นบ้า”
เราสองคนพากันเดินเข้าบ้านใหญ่ไป เพื่อไปทานมื้อเช้าร่วมกับทุกคน ผมมองฝนที่กำลังวิ่งวุ่นนำอาหารเช้าออกมาจัดเรียง มันเงยหน้ามาสบตาผมแวบหนึ่ง เรามองตากันนิ่งค้าง จนเป็นมันเองที่เสหลบสายตาหนี เดินไปเตรียมของต่อ ผมประจำตำแหน่งที่โต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ กินไปสบตาน้ำฝนไปเหมือนเดิม
ตราบจนผ่านพ้นมื้อเช้า เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้าย พวกเด็ก ๆ ถึงลุกขึ้นมาตั้งด่านกันแต่วัน สนุกสลับกับเบรก ส่วนผมเล่นไปนิดเดียวแล้วเบรกมานั่งดู ฝนมันสนุกร่าเริงกับเพื่อน ๆ มัน ส่วนผมนั่งมองเท่านั้น ไอ้หมอนนท์เอาผ้าปิดหน้านอนหลับกรนครอกไปแล้ว มันเล่นหนักกว่าผมอีก
“ไม่เล่นต่อแล้วเหรอคะคุณหมอ”
ฟ้าเดินมายื่นน้ำเก็กฮวยให้ผมแก้วหนึ่ง ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ผมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนไปให้ บอกขอบคุณเบา ๆ ทั้งที่แต่ก่อน ผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ฟ้าเข้าใกล้ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเฉย ๆ
ฟ้ายังคงน่ารักเหมือนเดิม ยังอ่อนหวานเหมือนเดิม เป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี ยังให้ความรู้สึกว่าเป็นเหมือนแม่ผมเหมือนเดิม แต่สิ่งนั้นกลับไม่ทำให้ใจผมรู้สึกโหยหาได้เท่ากับใครอีกคนที่กำลังหัวเราะร่าสาดน้ำเล่นหัวอยู่หน้าบ้าน
“ไม่ไปเล่นกับเขาล่ะครับ”
“ฟ้าไม่ถนัดเล่น กลัวโดนลวนลามด้วย ดูเขาเล่นสนุกกว่า”
ฟ้าบอกเสียงใส ผมหัวเราะเห็นด้วย เพราะฟ้าไม่ได้กร่างเหมือนเพื่อนฝน เป็นเป้านิ่งสำหรับพวกไม่ประสงค์ดีได้ง่าย ๆ ขนาดฝนยังโดนขนาดนั้น แล้วฟ้าล่ะ จะขนาดไหน ผมยกน้ำขึ้นมาดื่มเบา ๆ อีกอึก จ้องมองกลีบปากซีดเซียวที่กำลังแย้มยิ้มกว้างนั้น
“คุณหมอชอบฝนใช่ไหม”
ผมพ่นน้ำเก็กฮวยที่อยู่ในปากลงพื้นทันที หันขวับไปมองคนถามที่ยังทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งหัวเราะมองภาพเดียวกับผมอยู่ ผมปาดเช็ดน้ำที่ไหลเลอะเมื่อกี้ออก มองคนพูดดี ๆ อีกที
“เมื่อกี้คุณฟ้าพูดว่าอะไรนะครับ”
ฟ้ายิ้ม
“ฟ้าถามว่า คุณหมอชอบน้ำฝนใช่ไหมคะ”
ผมขมวดคิ้ว พยายามแปลคำถามให้ดี ๆ อีกที
“น้ำฝนเป็นเพื่อนน้องชายผม เป็นน้องชายคุณฟ้าด้วย ผมก็ต้องชอบเป็นธรรมดา”
ผมตอบกลบเกลื่อน ฟ้าหันมามองหน้าผมตรง ๆ
“น่าจะมากกว่านั้นนะ ฟ้าสังเกตมาพักแล้ว ตั้งแต่ที่บ้าน จนมาแน่ใจก็หลังจากมาเที่ยวด้วยกัน คุณหมอคงไม่สังเกตว่าสายตาคุณหมอ ไล่ตามฝนแค่ไหน”
ผมมองฟ้าอึ้ง ๆ
“ฟ้ารู้ว่าคุณหมอมาเพื่อจีบฟ้าช่วงแรก ๆ แต่หลัง ๆ ไม่น่าใช่ และฟ้าก็พอจะเดาออกว่าคุณหมอกำลังใช้ฟ้าเชื่อมไปหาใครอยู่ สิ่งที่ฟ้าอยากรู้คือ คุณหมอจริงจังแค่ไหน”
ผมนั่งนิ่ง นึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอด
“ผมไม่รู้”
ฟ้านิ่ง ผมก็นิ่ง
“ฟ้าไม่อยากให้ฝนเจ็บ”
ผมนั่งนิ่งเหมือนเดิม ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น
“แต่อย่างน้อย เรื่องเมื่อวานก็ทำให้ฟ้ารู้ว่าคุณหมอน่าจะชอบฝนมากระดับหนึ่ง ไม่งั้นคงไม่ซัดไอ้หมอนั่นที่ลวนลามฝนจนล้มคว่ำพอ ๆ กับไผ่หรอก”
“ผมขอโทษ”
ผมเอ่ยเสียงเบากับความผิดที่ตัวเองก่อ ไหนจะใช้ฟ้าเป็นตัวเชื่อมไปหาฝนด้วย
“ฟ้าไม่โกรธคุณหมอหรอก เพราะรู้ดีว่าเรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้ เหมือนใครหลาย ๆ คนที่เข้ามาในชีวิตฟ้า”
ฟ้านั่งนิ่ง เหมือนกำลังทบทวนอะไรบางอย่าง
และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ผ่านเข้ามาแล้วผ่านเลยไป หนำซ้ำยังใช้ฟ้าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอีกต่างหาก ผมเลวจริง ๆ อย่างที่ผมเคยบอกไว้นั่นแหละ ไม่ได้เลวธรรมดา เลวมาก ๆ ด้วย
เราสองคนพุ่งสายตาไปยังจุดเดียวกัน ฝนยังไม่รู้ตัวเพราะกำลังหัวเราะร่ากับเพื่อน
“ถ้าคุณหมอไม่คิดจะจริงจัง ฟ้าอยากให้คุณหมอเลิกสิ่งที่กำลังทำอยู่ ฟ้าไม่อยากให้ฝนเจ็บ”
ฝนหันมาเห็นเราสองคนพอดี มันหุบยิ้ม ขมวดคิ้วทำหน้าซีเรียส ฟ้าลุกขึ้นยืน
“ลองคิดดูให้ดีนะคะ”
ฝนรีบทิ้งขันน้ำ วิ่งตรงมาทางเราทันที
“เล่นจนปากซีดหมดแล้ว”
ฟ้าทักคนที่วิ่งเข้ามาใกล้
“หิวแล้ว ทำอะไรให้กินหน่อยดิพี่ฟ้า”
มันฉุดฟ้าเดินหนีผมทันที ผมหัวเราะหึ ๆ กับสิ่งที่มันทำ ค้ำมือไว้กับพื้นด้านหลัง มองคนอื่น ๆ เล่นน้ำกัน
ผมบอกไม่ได้หรอก ว่าผมควรจะจริงจังหรือไม่จริงจัง ขนาดผู้หญิง กว่าจะเจอคนถูกใจผมยังเลือกแล้วเลือกอีก แล้วการที่ผมมาเจอฝนในสภาพการณ์ที่ไม่มีอะไรทำให้เราลงตัวเลย มันจะผ่านไปได้ง่าย ๆ ยังไง แล้วฟ้ารู้ไหมว่าฝนมันเป็นเกย์ แถมยังมีแฟนแล้วคือเพื่อนสนิทอย่างไผ่ ผมค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอน หลับตาลง ปล่อยสติให้หายลับไปภายใต้เปลือกตานั้น
วันมะรืนพวกเราต้องเดินทางกลับแล้ว วันนี้พวกเด็ก ๆ ปล่อยผีกันอีกวัน ผมไม่ได้ลงไปสมทบด้วย เพราะโดนผู้ใหญ่ลากไปร่วมวงสนทนา ตราบจนผู้ใหญ่พากันเข้านอน พวกฝนยังคงนั่งรั่ว ดื่มกินกันเสียงดัง
ผมขอตัวเข้านอนก่อนไม่ต่างกับไอ้หมอนนท์ ผมหลับไปจนรู้สึกว่ามีใครมาเคาะประตู ผมค่อย ๆ ชันตัวลุกไม่ต่างกับหมอนนท์ที่ตื่นตาม
“ใคร”
มันครางถาม ผมสั่นหัว สลัดผ้าห่มลุกขึ้นยืน เที่ยงคืนแล้ว ยังได้ยินเสียงเย้กันอยู่ แต่แผ่วลงแล้ว พวกนั้นคงนั่งกินกันอยู่ พอเปิดประตูออก ผมก็ต้องเบิกตากว้าง รับร่างของคนที่แทบจะร่วงผล็อยลงกับพื้น
“น้ำฝน”
หมอนนท์มันครางเรียก คงตกใจไม่แพ้ผมที่เห็นฝนมายืนอยู่ตรงนี้
“ปีศาจ”
ฝนอ้อแอ้เรียก ยิ้มแหะ ๆ ชี้หน้าตาปรือ ๆ ใส่ผม
เรียกผมแบบนี้ เมาระดับพระกาฬเลยนี่
“เมาหนักเลย”
ไอ้หมอนนท์ทัก
“ปีศาจ ปีศาจ”
มันเรียกไม่หยุด ผมรับร่างมันเข้ามาไว้ในอ้อมแขนดี ๆ มันพยายามมุดหน้ากับอกผมมากขึ้นจนผมต้องโอบร่างมันเข้ามาในห้อง
“เอาไง”
หมอนนท์มันถามพร้อมมองหน้าผมสลับกับคนเมา
“ให้เด็กนี่นอนด้วยละกัน”
มันพยักหน้า ผมลากคนเมาไปทิ้งลงบนเตียง
“ฉันว่าฉันไปนอนโซฟาดีกว่า”
หมอนนท์ออกตัว
“ไม่ต้อง ฉันเองดีกว่า”
หมอนนท์โบกมือค้าน ยังไม่ทันที่มันหรือผมจะได้ลุก ฝนก็รั้งตัวผมลงไปนอน ลุกขึ้นมาคร่อม ผมมองคนตัวเล็กอึ้ง ๆ นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้า
“เด็กนี่เมาแล้วยั่วดีแฮะ”
“หึ สันดานเด็กร่านก็งี้แหละ”
ผมว่า ทั้งโมโหทั้งพอใจในเวลาเดียวกัน
“แกก็พูดไป อย่างน้อยฝนก็เดินมาหาแก แทนที่จะไปหาไผ่หรือผู้ชายคนอื่น”
ผมอึ้งไปกับคำมัน
ก็จริง
“ปีศาจ..ปีศาจพี่หมอ”
มันกระซิบเรียกยั่ว ๆ
“น่ารักแฮะ”
เพื่อนผมมันพูดกึ่งอึ้ง
ผมถีบมันไปเบา ๆ ที มันหัวเราะหึ ๆ
“ดูท่าเด็กนี่คงอยากให้แกกอด งั้นคืนนี้ฉันไปนอนแทนที่เด็กนี่ก็แล้วกัน”
“เดี๋ยว”
ผมห้ามได้แค่นั้น เพราะบนร่างยังมีคนเมา มันปิดประตูล็อกกลอนให้เรียบร้อย
“มีสติหน่อยฝน”
ผมเตือน มันยิ้มยั่วใส่ บดเบียดท่อนล่างเข้าหาผมมากขึ้น
ผมอยากกอดมันมาตลอดทั้งวันอยู่แล้ว เกรงใจเพื่อนก็เกรงใจ แต่เด็กร่านตรงหน้ามันก็ยังยั่วผมไม่หยุด จนผมชักทนไม่ไหว รั้งคอมันลงมาซุก
“นายผิดเองนะน้ำฝนที่มายั่วฉันแบบนี้”
ผมบอกมันไปแค่นั้น พลิกมันลงไปนอนแทนที่
To be Con..
มาอัพอีกตึ๋ง