Chapter 76 ติวเตอร์ (น้ำฝน) 150%
พอออกจากบ้านหลังนั้นมา พี่หมอดูจะขรึมลงถนัดตา ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องงานหรือเรื่องอะไรอยู่ ผมไม่ได้ถาม เพราะตัวผมเองก็มีเรื่องไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน
เรื่องพี่ดีน...
เรื่องที่เขาจูบผม....
มันเหมือนเป็นชนักปักหลังชิ้นใหญ่ ผมควรจะเล่าให้พี่หมอฟัง แต่ผมไม่อยากให้มีเรื่อง ผมอยากให้เรื่องทุกอย่างจบลงตรงที่เขาคนนั้นแค่เล่นพิเรนทร์แล้วเลิกแล้วต่อกันแค่นั้น
ไม่คิดว่าวันนี้จะมาเจอกันในสภาพนี้
พี่หมอค่อย ๆ ชะลอจอดรถเทียบไว้หน้าประตูรั้ว แต่ยังไม่ดับเครื่อง ผมกดปลดสายเบลท์ออกเบา ๆ พี่หมอยังคงนั่งนิ่ง ความนิ่งนั้นทำเอาผมไม่กล้าขยับทำอะไรต่อ
“ฝน”
เสียงเรียกของพี่หมอเย็นเฉียบ มันเย็นไปถึงขั้วหัวใจเลย ผมหันไปมอง พี่หมอนิ่งมาก แต่เป็นความนิ่งเหมือนก่อนพายุจะเกิด
“มีอะไรที่ยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า” พี่แกถามโดยไม่หันมามอง
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่ควรจะเล่า แต่ยังไม่เล่า”
พี่หมอหันมาสบตาตรง ๆ
“ไม่มี”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ ตอบกลับเสียงพร่า
“รู้จักดีนได้ยังไง”
“พี่ดีนเป็นเพื่อนพี่ต้าร์ เอ่อ…เพื่อนรุ่นพี่ผมอีกที”
ผมไม่ได้บอกพี่หมอว่าพี่ต้าร์คือคนที่มาขอเบอร์ ขืนรู้คงจบไม่ดีแน่
“ต้าร์คือใคร ไม่เคยเห็นในกลุ่ม” นั่นไงล่ะ ความซวยคืบคลานเข้ามาแล้ว
“แค่เพื่อนรุ่นพี่”
“แค่เพื่อนรุ่นพี่? เพื่อนระดับไหน พวกไผ่กับตันรู้จักหรือเปล่า”
“ไม่รู้”
“คนกลุ่มไหน ฉันเคยเห็นหรือเปล่า”
พี่หมอจี้ ผมเหงื่อตก กัดปากแน่น ขืนเล่ามากกว่านี้ พี่หมอต้องรู้แน่ ๆ
“เล่าให้ละเอียดฝน อย่าให้ฉันต้องสืบเอาเอง”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ จำใจต้องเปิดปาก
“พี่ต้าร์ คือคนที่วิ่งมาขอเบอร์ผมตอนเล่นน้ำสงกรานต์”
พี่หมอทำท่าคิด หรี่ตามองผม ผมค่อย ๆ ถอยร่นไปติดประตูรถ
“นายแอบติดต่อกัน”
“ผมเปล่าแอบ พี่ก็รู้ว่าวันนั้นผมไม่ได้ให้เบอร์เขาไป แต่หินมันให้เฟซ แล้วผมเผลอกดรับเพราะยายชนแขน ผมเลยเลยตามเลย เราพูดคุยกันบ้างผ่านเฟซ แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย เขามากินอาหารที่ร้านบ้าง อะ เอ่อ และดูเหมือนเขาจะชอบผมอยู่ แต่เข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นแฟนไผ่เลยไม่กล้ารุกต่อ”
“ทำไมไม่เล่าให้ฉันฟัง”
“ก็กลัวพี่หมอโกรธ”
“ใช่ โกรธแน่ มีคนมาจีบเมียตัวเองใครจะไม่โกรธ แล้วที่โกรธมากคือนายไม่ยอมเล่าให้ฉันฟัง”
ผมเม้มปากแน่น
“แล้วดีนล่ะ รู้จักกันลึกซึ้งแค่ไหน”
“ไม่ลึกซึ้งอะไร เป็นคนในกลุ่มพี่ต้าร์”
พี่หมอโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ปล่อยรังสีคุกคามเต็มที่
“ไม่ลึกซึ้ง แล้วปล่อยให้มันมาจูบได้ยังไง”
ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าพี่หมอจะรู้
“พะ พี่รู้ได้ไง”
“หึ ยังไม่ทันได้แต่งก็คิดจะสวมเขาให้ฉันแล้วรึไง”
“ผมเปล่า” ผมบอกเสียงเครือ “วันที่พี่ให้ผมทำอาหารไปส่ง ผมออกไปยืนรอแท็กซี่ พี่ดีนขับรถผ่านมาพอดีเลยจอดรับและอาสามาส่ง ขากลับก็ยังอาสารับกลับ เขาขอค่ารถ แล้วก็จูบผม”
ผมกัดปากเบา ๆ ความกลัวที่เคยหายไปย้อนกลับมาอีกครั้ง พี่หมอวันนี้ เหมือนพี่หมอช่วงแรก ๆ ที่ผมรู้จักเลย
“เต็มใจหรือถูกบังคับ”
“ถูกบังคับ”
ผมน้ำตาร่วงเผาะ ตัวสั่นขึ้นมานิด ๆ
“ตอนไปส่งที่โรงพยาบาล มันบอกหรือเปล่าว่าจะรอ”
ผมส่ายหัวไปมา
“ผมไม่คิดว่าเขาจะยังอยู่ แต่ถ้าเขาเป็นลูกชายของอาจารย์หมอจริงก็น่าจะมาหาพ่อ” ผมคาดเดาเอา
“ก่อนหน้านี้ มันมีท่าทีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี ยกเว้น…”
“อะไร”
“สายตา เวลามองผม รู้สึกไม่น่าไว้วางใจ”
พี่หมอกัดกรามกรอด น้ำตาผมร่วงหนักกว่าเดิม หลังแนบติดประตูรถแน่นขึ้น พี่หมอปลดสายเบลท์ออก ขยับมารวมผมเข้าไปกอดแน่น
“ครั้งหน้ามีอะไรเล่าให้ฟังอย่าปิดบัง เข้าใจไหม”
ผมพยักหน้ารับกับอกกว้าง
“จำไว้นะ ไปไหนมาไหนอย่าให้ห่างไผ่”
ผมขมวดคิ้วเงยหน้ามองพี่หมองง ๆ
“ทำไม”
พี่หมอทำท่าจะพูด ก่อนเงียบเสียงลง นิ่งคิดอีกรอบมองตาผม
“ดีน เด็กนั่น”
ผมนิ่งฟัง พี่หมอมีสีหน้าลังเล
“มันไม่ชอบหน้าฉัน เพราะฉันได้รับความรักในฐานะลูกชายในระหว่างที่ลูกชายตัวจริงอย่างมันถูกส่งไปเรียนต่างประเทศเพียงลำพัง เด็กที่เคยถูกพะเน้าพะนอด้วยความรักมาตลอด วันหนึ่งถูกส่งให้ไปยืนบนลำแข้งตัวเอง บางคนก็สำเร็จเป็นผู้เป็นคนกลับมา บางส่วนก็ตรงกันข้าม ซึ่งดีน น่าจะเป็นอย่างหลัง ดีนเกเรมาก จนอาจารย์หมอต้องเรียกกลับมาดูแลเอง”
“แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วย”
ผมถามงง ๆ โกรธพี่หมอก็ไปแก้แค้นพี่หมอสิ มายุ่งอะไรกับผม พี่หมอยกยิ้ม
“ใครคือคนที่ฉันรักที่สุดตอนนี้”
พี่หมอถาม ผมนิ่งคิด พยายามเรียบเรียงว่ามีใครบ้าง แต่สายตาพี่หมอที่มองมานั้นบ่งบอกว่าคนนั้นเป็นใคร
ผมชี้หน้าตัวเอง
“ใช่ การแก้แค้นน่ะ ทำกับคนที่แค้นโดยตรงไม่ทำให้เจ็บปวดได้เท่ากับทำให้คนรักของคนคนนั้นเจ็บปวดหรอกนะ เหมือนที่ฉันเคยทำกับไผ่ และดีนกำลังจะใช้นายเป็นเหยื่อด้วยอีกคน”
ผมขนลุกเกรียว ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
พี่หมอให้ผมกลับเข้าบ้าน ผมมานอนเอามือก่ายหน้าผาก คิดถึงสิ่งที่พี่หมอพูด ผมอยากให้สิ่งที่พี่หมอพูดไม่ใช่เรื่องจริง แต่พอนึกถึงสายตาพี่ดีน นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ในร้าน และตอนไปส่งผมที่โรงพยาบาล มันก็ดูน่าเชื่อถือไม่น้อย
ผมนอนพลิกตัวไปมา ทั้งหวาดกลัวว่าจะโดนทำอะไร และเป็นห่วงพี่หมอด้วย ถ้าพี่ดีนเกิดเล่นไม่ซื่อขึ้นมาจะทำไง ผมเด้งตัวลุก คว้ามือถือมากดโทรออกทันที ปลายสายตอบรับงัวเงีย
“หลับแล้วเหรอมึง”
“มีอะไร”
“กูมีเรื่องไม่สบายใจ”
“ว่ามา”
น้ำเสียงมันเปลี่ยนจากงัวเงียเป็นขึงขังทันที ดูเหมือนมันจะคอยตื่นตัวเรื่องผมเสมอ และอีกอย่าง ไม่บ่อยที่ผมจะเล่าเรื่องไม่สบายใจให้มันฟัง ผมเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ให้มันฟัง
“ชักเห็นเงาสะท้อนตัวเองแฮะ”
“ยังไง” ผมถามงง ๆ
“ไอ้ห่าดีนนั่น มันเหมือนกู แต่อาการน่าจะหนักกว่า เพราะกูยังมีแม่ แต่เพิ่มพ่อและพี่ชายมา แต่มันถูกส่งไปอยู่ห่างไกล ในขณะที่คนอื่นมาทำหน้าที่ลูกชาย มันอาการหนักกว่ากูแน่ ๆ โรคหวงพ่อแม่”
ผมนั่งอึ้งฟัง
“แล้วกูควรทำไง”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำตามที่ผัวมึงบอกก็พอคืออยู่ใกล้ ๆ กูไว้ ถ้าพวกนั้นมาที่ร้านก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า อย่าไปไหนมาไหนเพียงลำพัง เจตนามันต้องการแก้แค้นพี่หมอแน่ ๆ กูเป็นเพื่อนมึง แค่แกล้งหลอกว่าเป็นแฟน แต่มัน กูคิดว่ามันน่าจะเอาจริง”
ผมขนลุกเกรียว
“ไผ่...”
“นอนหลับไหม ไม่หลับ กูจะขับรถไปนอนด้วย”
“ไม่ต้องหรอก ดึกแล้ว มึงเองก็เพิ่งตื่น เดี๋ยวรถคว่ำ กูปั๊มให้พ่อแม่ไม่ได้นะ”
“มึงโดนพี่หมอปั๊มแทบตายยังไม่ท้อง ไม่ต้องมาพูดมาก” ถ้ามันอยู่ตรงนี้ ผมคงถีบมันไปแล้ว “อยู่นั่นแหละ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึง”
แล้วครึ่งชั่วโมงต่อมา มันก็มานอนข้าง ๆ ผม เอาชุดกับกระเป๋านักเรียนมาด้วย
“มึงไม่สบายใจขนาดนี้ ทำไมไอ้เชี่ยนั่นถึงปล่อยมึงไว้คนเดียวแบบนี้ได้”
“เขากลัวอดใจไม่ไหว พรุ่งนี้กูจะไปโรงเรียนไม่ได้น่ะสิ”
“ไอ้…” มันจบคำพูดไว้แค่นั้น พลิกหันมากอดผมไว้หลวม ๆ “นอนเถอะ ดึกแล้ว” แล้วมันก็หลับตาลง
ผมขยับเข้าไปใกล้มันมากขึ้น ซุกหน้าเข้ากับแผงอกกว้าง สูดกลิ่นตัวมันเข้าปอด ผมว่าตัวไผ่ต้องมีสารอะไรอยู่แน่ ๆ ถึงทำให้ผมรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้แบบนี้ จากที่นอนไม่หลับก่อนหน้า เปลือกตาผมก็หนักอึ้งลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันก็ปิดลง สำนึกสุดท้ายก่อนสติจะเลือนหาย มีเสียงหนึ่งล่องลอยมาแต่ไกลคล้าย ๆ กับความฝัน
เสียงนั้นผ่อนคลาย เป็นน้ำเสียงที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
เสียงของทิวไผ่...
“ยกเว้นพี่หมอแล้ว กูไม่ยอมให้มึงตกเป็นเมียใครอีกแล้วนะฝน”
ชีวิตนี้ดี๊ดี มีสารถีคอยรับคอยส่ง
“อ้าว ไผ่ โผล่มาตอนไหนลูก”
พ่อทักทันทีที่เห็นผมกับไผ่เดินลงบันไดไปด้วยกัน เพราะตอนที่ไผ่มา ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว
“เออแน่ะ กลางคืนอยู่กับคนพี่ตื่นมากลายร่างเป็นคนน้อง”
พ่อแซว
“หมาฝนมันนอนไม่หลับพ่อ ผมเลยต้องบิดแมง’ไซค์มานอนกอดมันเมื่อคืน”
มันเดินไปนั่งยังเก้าอี้ประจำตัว ทำเสมือนเป็นลูกบ้านนี้ไปอย่างเนียน ๆ ผมว่าบางทีมันก็ตีเนียนเสียยิ่งกว่าพี่หมออีก
“เป็นไรลูก” แม่ถามด้วยความเป็นห่วง “ทะเลาะกับพี่หมอเหรอ”
ผมส่ายหัวไปมา
“ไม่ใช่เรื่องพี่หมอหรอก เรื่องอื่น”
“เล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้ไหม”
แม่เสนอเสียงนุ่ม ผมยิ้มให้ท่านทั้งคู่
“อย่าดีกว่าครับ ได้พูดคุยกับไผ่ผมก็สบายใจแล้ว”
“มันหาเรื่องอ้อนผมไปงั้นเองแม่ อย่าคิดมากเลย พี่ฟ้า เพิ่มข้าวอีกหน่อย แค่นี้ไม่พอหรอก ผมกินเยอะอย่าลืมดิ”
ดูมันสั่ง กูเป็นน้องยังไม่กล้าสั่งพี่กูแบบนี้เลย = =
“ปกติเวลาผมไม่สบายใจพอมีไผ่ ผมหลับง่ายขึ้นเยอะ”
ผมบอกพ่อกับแม่ พวกท่านพากันมองยิ้ม ๆ
เราซิ่งไปโรงเรียนด้วยกัน พอเจอแก๊ง ไผ่มันก็เล่าให้เพื่อน ๆ ในโขลงฟัง หินนี่โดนเพื่อนโบกหัวแรงครบทุกคน
“เป็นไง ส.ใส่เกือกให้เฟซไอ้ฝนกับคนอื่นดีนัก เป็นไง ผิดคำไอ้ไผ่มันพูดไหม ถึงพี่ต้าร์จะไม่ได้เป็นโรคจิตโดยตรง แต่ไอ้คนที่ชื่อพี่ดีนคนนั้นดูหนักกว่าอีก กูก็สังเกตเห็นตั้งแต่ร้านอาหารแล้ว กูเคยเตือนฝนมันด้วย”
น้ำตาลมันบอกด้วยน้ำเสียงซีเรียส มันสังเกตเห็นและเตือนผมก่อนใครจริง ๆ
“แล้วเอาไง”
“ไม่ไง พวกมึงก็ช่วยกันเป็นหูเป็นตาหน่อย จำไว้นะว่ามันเหมือนกู แต่อาการหนักกว่ากู โรคหวงพ่อแม่รักษายาก ต้องได้รับความรักสุด ๆ”
พวกนั้นพากันพยักหน้าเข้าใจ
“แม่มหมาฝน เสนียดเอ้ย เสน่ห์แรงนะมึง”
“กูไม่ได้ทำ”
“กูว่าไม่ใช่แค่ฝนนะที่อยู่ในอันตราย พี่หมอด้วย”
ผมเห็นด้วย
“พี่หมอน่ะกูไม่ห่วงหรอก มั่นใจว่าเอาตัวรอดได้ กูห่วงแต่ฝน มันเป็นเหยื่อให้กูมาครั้งหนึ่งแล้ว กูไม่อยากให้มันเป็นอีก ครั้งก่อนแค่เหยื่อล่อ แต่ครั้งนี้ เป็นเหยื่อที่ไอ้ห่าดีนนั่นมันจ้องจะตะครุบจริง ๆ ถ้ามันกล้าจูบฝนได้ง่าย ๆ แบบนั้นโดยไม่คิดอะไร แปลว่ามันต้องเป็นพวกไบ หรือไม่ก็เกย์”
ผมเครียดหนักกว่าเดิม ผมไม่อยากตกเป็นเมียใครพร่ำเพรื่อ โดยเฉพาะเป็นเมียเพื่อความแค้นของคนอื่น
ผมจำเหตุการณ์ก่อนที่พี่หมอจะรักผมได้ดี ทั้งสีหน้า ทั้งความรุนแรงที่ได้รับ ผมไม่อยากเจอแบบนั้นอีกแล้ว
“ฝน” ไผ่มันดึงผมเข้าไปหา “อย่าคิดมากน่า มันอาจแค่ขู่ ไม่ได้คิดทำอะไรเลว ๆ เหมือนพี่หมอก็ได้” มันกอดผมแน่น ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังสั่นอยู่ “ไม่มีอะไรมาทำร้ายมึงได้หรอก กูอยู่ทั้งคน พวกนี้ก็อยู่” มันปลอบใจ ทุกคนเข้ามารุมปลอบใจ
พวกมันรู้ดีครับว่าก่อนหน้านี้ผมเจออะไรมาบ้าง หนักหนาสาหัสแค่ไหน และไม่มีใครอยากให้ผมต้องเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันซ้ำ ๆ อีก
“มึงอยากไม่ตกเป็นเหยื่อไหมล่ะ”
ไผ่มันดันผมออกมาพูด ผมมองหน้ามัน รอดูว่ามีวิธีไหนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อได้บ้าง
“เลิกรักพี่หมอสิ”
ผมขมวดคิ้ว
“บ้า ทำได้ ทำไปนานแล้ว”
“งั้นก็รักมันให้มาก ๆ เอาชนิดที่ว่า ต่อให้มีอะไรพยายามมาพรากพวกมึงทั้งสองออกจากกันก็ไม่มีทางทำได้”
บางทีมึงก็สุดขั้วไปนะไผ่ = =
[100%]
พวกเราปรึกษาหารือเพื่อหาทางหนีทีไล่ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งคนเจ้าวางแผนอย่างน้ำหวานก็เก่งในการสร้างสถานการณ์และหาทางแก้ไขไว้ในทุกกรณี
อย่างน้อยเตรียมไว้ดีกว่าต้องสูญเสียทีหลัง
พอจบจากเรื่องซีเรียสของผม ไผ่มันก็โอดใหญ่เพราะพี่หมอนนท์ตอบตกลงเรื่องสอนหนังสือให้มันแล้ว มันบอกอยากฆ่าตัวตาย เชื่อได้เลยว่าคงเป็นการสอนที่น่าดูชมทีเดียวเชียว ส่วนผม พ่อพี่หมอนัดให้เริ่มสอนอาทิตย์หน้า โดยพ่อจะเป็นคนออกค่าสอนพิเศษให้ทั้งหมด แต่พ่อแม่ผมบอกจะรับผิดชอบเอง ยื้อกันไปมาเลยได้ข้อสรุปว่าคนละครึ่งทาง ออกสองบ้านเลย
ในที่สุด วันนรกสำหรับไผ่ก็มาถึง มันได้เรียนพิเศษก่อนผมเพราะพี่หมอนนท์ตีตารางได้ก่อน พี่หมอนนท์เต็มใจสอนสุด ๆ วันแรกไผ่มันลากให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งผมก็มา
ผิดคาดไปหน่อยก็ตรงที่พี่หมอนนท์ดันลากเพื่อนตัวเองมาด้วย ไผ่มันเดือดใหญ่ เพราะแทนที่ผมจะมาช่วย กลับกลายเป็นเอาผมมาให้พี่หมอเสียเฉย
ผมนั่งหัวเราะ มองไผ่ที่นั่งเรียนหน้าหงิก โดยมีพี่หมอนนท์ยืนสอนเหมือนนายทหารฝึกหน่วยรบ
“นายเริ่มเรียนวันไหน” พี่หมอถาม
“วันจันทร์”
ผมตอบกลับสั้น ๆ ตอนนี้ผมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนพิงแผงอกกว้างของพี่หมออยู่ ส่วนพี่หมอ มือหนึ่งโอบผมไว้ อีกมือถือหนังสือพลิกอ่านด้วยนิ้ว หนังสือที่แกอ่าน คงทำเอาผมสลบตั้งแต่สามบรรทัดแรก เพราะเป็นหนังสือวิชาการแพทย์ ตัวหนังสือเล็กเท่าตีนเห็บ พี่หมอต้องใส่แว่นอ่าน
ผมแอบลอบมอง เวลาใส่แว่นก็หล่อแบบผู้ใหญ่ดี แต่ไม่ใส่หน้าจะอ่อนกว่า
“เพิ่งรู้ว่าหน้าฉันเหมือนหนังสือการ์ตูน”
พี่หมอพูดโดยไม่ละสายตาไปจากหนังสือ
“ใครว่า กำลังหาตีนกาคนแก่อยู่ต่างหาก”
“ระวังจะลุกไม่ขึ้นเพราะคนแก่ล่ะ ยิ่งชอบกินหญ้าอ่อนอยู่ด้วย”
ไม่พูดเปล่า โคแก่ยังสาธิตเสมือนจริงด้วยการจับหน้าผมแหงนขึ้นเบา ๆ แล้วกดจูบลงมา ผมดิ้นขลุกขลัก แต่สักพักก็ต้องสมยอม
“อะแฮ้ม อย่ามาสวีทกันให้ส้นตีนกูกระตุกแถวนี้”
พี่หมอถอนปากออก ผมรีบก้มหน้า
“ขัดขวางคนอื่นเขาสวีทกันมันบาปนะไผ่”
พี่หมอติง
“กูไม่เห็นคนว่ะ เห็นแต่ตัวเหี้ยเลียปากกัน”
“ไอ้ไผ่!!”
ผมรีบลุกขึ้นไล่เตะมันทันที มันรีบถอยร่น รับทั้งลูกหมัดและลูกเตะจากผม มันไม่สู้ผมคืนหรอกครับ หัวเราะร่วนรับมือรับเท้าผมไป มันถอยหลังร่นไปเรื่อย ๆ จนชนพี่หมอนนท์เข้า รายนั้นรับมันไว้ มันรีบเด้งตัวออกทันทีเหมือนหนอนถูกน้ำร้อนลวก
“อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวกู”
“ทำเป็นหวงตัวไปได้ ผู้หญิงก็ไม่ใช่”
“กูกลัวเสนียดตกใส่”
“ปากแบบนี้น่าจูบสั่งสอน”
“กล้าทำก็ลองดู”
“จุ๊ ๆ ๆ ๆ” พี่หมอนนท์ส่ายนิ้วชี้ไปมาใกล้ปาก “อย่าท้าครับ มันไม่ดี”
ไผ่มันย่างสามขุมเข้าไปใกล้
“กูบอกว่าถ้ามึงกล้าก็ลองดู เพราะมึงจะได้ตายก่อนถึงตัวกู”
“แน่ใจ”
แล้วสองสายตาก็สบกันนิ่งค้างแบบนั้นคล้ายกำลังวัดความอึดทางสายตากันอยู่
ผมเลิกสนใจคนทั้งคู่ กลับไปนั่งอ่านหนังสือบนตักพี่หมอต่อ รายนั้นนั่งอ่านเงียบ ๆ คล้ายกับจะไม่ใส่ใจหรือเห็นจนชินตาแล้ว
วันนี้ครูสอนพิเศษจะมาสอนวันแรกครับ ผมรีบกลับจากโรงเรียนมารอข้างล่าง แต่เสียงค่อนข้างดัง ผมเลยขึ้นไปรออยู่บนห้องแทน บอกป้าแม่บ้านไว้แล้วว่าถ้าครูมาให้ตรงขึ้นห้องได้เลย รอไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ
“น้องฝน ครูสอนพิเศษมาแล้วค่ะ”
“ครับ”
ผมรับปาก เดินไปเปิดประตู ก่อนเบิกตาค้างไว้แบบนั้น
“พี่ต้าร์”
“บังเอิญจัง”
“ครับ”
ผมอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าบังเอิญจริง หรือพี่มันจงใจ ผมรีบเชิญพี่ต้าร์เข้ามา บอกให้พี่นุ่นนำของกินมาเสิร์ฟด้วย
“ห้องเรียบง่ายกว่าที่คิด”
“พี่ต้าร์สอนพิเศษประจำเหรอ”
“ครับ พี่เป็นครูสอนพิเศษที่สถาบันติวเตอร์ เขาหาคนมาสอนตามบ้านคนหนึ่ง พอดีพี่อยู่ใกล้ พอเห็นว่าเป็นใครพี่ก็เลยรีบรับปาก”
พี่ต้าร์มองผมอย่างมีความหมาย ผมนั่งอึดอัด
“ผมว่าเราเริ่มเรียนกันเลยดีกว่าครับ”
เหมือนชักศึกเข้าบ้านแฮะ
ถ้าตัดเรื่องพี่มันคิดมาจีบผม ผมว่าพี่ต้าร์สอนดีนะ สอนเป็นขั้นเป็นตอน สอนเข้าใจง่าย แถมยังใจดีอีกต่างหาก แผลบ ๆ ก็ผ่านไปสองชั่วโมง ค่าตัวพี่ต้าร์แพงมาก พ่อผมกับพ่อพี่หมอทุ่มกันน่าดู ผมเลยต้องตั้งใจเรียนนิด
“ให้สอนนักเรียนน่ารักแบบนี้ พี่อยากสอนให้ทุกวันเลย”
ผมยิ้มแหะ ๆ ตอบรับ
“พี่ต้าร์” ผมเม้มปากแน่น หรือว่าจะบอกพี่ต้าร์ไปตรง ๆ ดีว่ามีแฟนแล้ว พี่แกจะได้ตัดใจ “คือ…ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้พี่ต้าร์ชอบผมนะ แต่ว่า ผมมีแฟนแล้ว”
พี่ต้าร์นั่งนิ่ง
“ไผ่...คนนั้นเหรอ”
ผมส่ายหัวไปมา
“ไม่ใช่ไผ่ แต่เป็นพี่ของไผ่”
“เหรอ” พี่ต้าร์ยิ้มเจื่อน
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำถามนั้น
“ผู้ชายครับ”
พี่ต้าร์ยิ้มไม่เต็มปากนัก
“พี่ก็ว่างั้นแหละ ฝนเหมาะกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอีก”
ผมขมวดคิ้วมอง
“ตรงไหน”
“ก็ตรงน่ารัก”
“ผมออกจะหล่อ”
ยอมไม่ได้ครับเรื่องนี้ ต้องเอาให้ถึงที่สุด
“ครับ หล่อ คำว่าน่ารักของพี่ไม่ใช่หน้าตา แต่เป็นนิสัยและความรู้สึกเวลาอยู่ด้วย เวลาได้มองตา หน้าตาเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น”
พี่ต้าร์มองตาผม จนเป็นผมเองที่หลุบตาหลบหนี
“อกหักซะแล้วพี่”
“ขอโทษครับ”
ผมบอกอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ใช่ความผิดของฝนซะหน่อย อย่าคิดมากเลย ถึงไม่ได้เป็นแฟนงั้นพี่ขอสมัครเป็นพี่ชายสักคนได้ไหม ได้น้องน่ารัก ๆ แบบฝน พี่ว่าพี่คงเป็นพี่ชายที่โชคดีที่สุดในโลกแน่ ๆ”
ผมมองหน้าคนพูด
“จะดีเหรอครับ แล้วความรู้สึกของพี่ล่ะ”
“พี่โอเค ไม่ได้คาดหวังไว้แต่แรกอยู่แล้ว”
ผมยิ้มให้คนตรงหน้า ยิ้มเหมือนที่ผมเคยยิ้มให้ไผ่ ต้อนรับพี่ชายคนใหม่เข้าบ้าน
“แต่ถ้าเราขืนยิ้มแบบนี้ให้พี่บ่อย ๆ พี่อาจแย่งฝนมาจากแฟนฝนก็ได้นะ”
ผมหุบยิ้มลงฉับ ชักจะเชื่อสิ่งที่ไผ่พูดละ เรื่องรอยยิ้มผมเนี่ย ผมยิ้มแหะ ๆ ใส่ ชวนพี่ต้าร์อยู่ทานข้าวด้วยกันซึ่งพี่แกก็ตอบรับโดยดี พี่ฟ้าแซวใหญ่ ว่าลูกชายบ้านนี้ก็ทำเอาหัวกระไดบ้านไม่เคยแห้งเหมือนกัน
“เดินทางดี ๆ นะครับ”
ผมบอก หลังเดินออกมาส่งคนตัวสูงนอกประตูรั้ว แกเอารถยนต์ส่วนตัวมา จอดไว้หน้าบ้านพอดี มิน่าค่าตัวแพง พี่ต้าร์มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ลูบหัวผมเบา ๆ ที
“เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ครับ” ผมพยักหน้า ยิ้มส่ง พี่ต้าร์เดินอ้อมไปเปิดประตูรถ โบกมือให้อีกครั้ง ผมโบกกลับนิด ๆ แล้วประตูบานนั้นก็ปิดตัวลง ผมยืนมองจนรถคันนั้นเคลื่อนที่หายไป
พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมอ้าปากค้าง ขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที
[To Be Con...]
เดาสิ ใครเอ่ยยย
ก. พี่หมอ ข.พี่ดีน #เม้นท์นะคะคนดี ^^
ปล. เจอคำผิดสะกิดได้นะคะ ^^