82 : ล่องลอย (น้ำฝน)
ผมนอนอยู่บนเตียงชิงช้า ทอดมองผืนน้ำสีฟ้ากว้างใหญ่ เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งดังซ่าเป็นระลอก นกกาบนฟากฟ้าโผบินเป็นกลุ่มก้อน ดำขาวสลับกันไป กลิ่นไอทะเลหอมสดชื่น บรรยากาศมันน่าผ่อนคลายและทำให้ผมมีความสุขได้
...แต่ไม่ใช่ตอนนี้
“พี่หมอ…”
ผมเอ่ยเรียกชื่อคนที่ผมรักหมดหัวใจ แต่เรียกเท่าไหร่ พี่หมอก็คงมาช่วยผมไม่ได้เหมือนครั้งที่แล้ว ผมหลับตาลง มองเห็นพี่หมอนั่งลงข้างๆ ลูบหัวผมเบาๆ เกลี่ยไล้มาที่แก้ม ก่อนก้มจูบซับที่ขมับอย่างที่พี่หมอเคยทำ ผมขยับมือหวังไขว่คว้ามือใหญ่นั้นไว้ แต่ภาพตรงหน้าพร่าเลือน พี่หมอค่อยๆ จางหายไป
“พี่หมอ…”
ผมเรียกอีกรอบ ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ผมเหลือบมองเพียงนิด เจ้าของฝีเท้าย่างสามขุมเข้ามาหา ในมือถือจานข้าวผัดเอามาวางไว้ข้างๆ เดินไปรินน้ำเปล่ามาวางไว้ให้
“เอ้า รีบๆ กินซะ จะได้มีแรงมาครางใต้ร่างพี่ดังๆ หน่อย”
ผมหลับตาลง ไม่ได้ขยับร่างกายไปไหน ร่างกายที่ผมควรจะเก็บไว้ให้พี่หมอเพียงคนเดียว ตอนนี้มันแปดเปื้อนแล้ว แปดเปื้อนด้วยน้ำมือของคนไร้สมอง ทำเพื่อตอบสนองความแค้นตัวเอง
“ลุก!”
ผมไม่ได้ทำตาม เหม่อมองออกไปไกล อยากกลายร่างเป็นนกโผบินไปหาพี่หมอ อยากแปลงร่างเป็นปลา แหวกว่ายไปสู่ท้องทะเล ขึ้นฝั่งไปหาพี่หมอ
“หึ ตามใจ ไม่มีแรงก็อย่าว่ากันละกัน”
แล้วพี่มันก็ยกจานข้าวไปวางไว้ที่อื่น ดึงม่านบังตาลง แล้วร่างนั้นก็มาคร่อมทับร่างผมไว้ ผมไม่ได้ตอบสนอง ไม่ร้องขอความเห็นใจ ไม่ก่นด่า ไม่ต่อสู้
ไม่ใช่ผมไม่อยากทำ แต่ที่ผมว่ามาทั้งหมดนั้น ผมทำมาหมดแล้ว
เป็นเวรเป็นกรรมอะไรของผมกันแน่ ถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้อยู่ร่ำไป
ผมกำมือแน่น ตอนเรือนร่างสูงใหญ่นั้นทาบทับลงมา มันไม่มีความรู้สึกอะไรนอกจากความใคร่ตามธรรมชาติ ปราศจากความรัก ผมหลับตาลง กรีดน้ำตาให้ไหลริน
“พี่หมอ”
ผมครางเรียกคนที่ผมรักเมื่อร่างกายถูกชักนำไปตามกระแสอารมณ์
“พี่ดีน ไม่ใช่พี่หมอ!!”
คนตรงหน้าดุตะคอกใส่ผมแรง ผมไม่ได้หวาดกลัวกับสิ่งนั้น เพราะผมกลัวจนเลิกกลัวแล้ว ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ที่ผมต้องมารองรับอารมณ์ของพี่ดีนแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน รอบด้านมีเพียงผืนทะเลกว้างใหญ่ อิสระของผมมีเพียงเตียงชิงช้านี้กับห้องนอนเท่านั้น
สภาพไม่ต่างกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ถึงเวลาก็ต้องกินข้าว อาบน้ำ เวลาที่เขาต้องการก็แค่นอนรอ
สภาพผมตอนนี้คงเหมือนมนุษย์ที่มีแต่ร่างหากไร้วิญญาณ
“พี่หมอ”
ผมยังครางเรียกไม่หยุด พี่ดีนกระชากดึงผมลุกขึ้นนั่ง เขย่าแรงจ้องเขม็ง
“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าพี่ดีนไม่ใช่พี่หมอ!! ทำไมต้องรักมันด้วย ทำไมถึงมีแต่คนรักมัน!!”
ผมไม่ได้โต้ตอบอะไร น้ำตาผมร่วง ผมไม่ได้กินข้าวมาสองมื้อแล้ว พลังงานที่สะสมไว้น้อยลงทุกที
ถ้าต้องอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ กับคนที่ไม่ได้รัก สู้ผมอดข้าวตายเสียดีกว่า
ผมผล็อยหลับไปเพราะหมดแรง ก่อนตื่นอีกครั้งท่ามกลางท้องฟ้าผืนเดิม ท้องพากันร้องเพราะความหิวโหย แต่ผมไม่อยากกิน ผมอยากหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้เร็วๆ แม้ว่าการหลุดพ้นนั้น จะนำไปสู่ความตายก็ตาม
ได้ยินเสียงเปิดประตู พี่ดีนเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารเซตใหญ่ ดูจะเป็นเซตที่ใหญ่กว่าปกติด้วย น้ำลายผมแตกพลั่ก ท้องพากันร้องโหยหาพลังงานมาเติม แต่จิตใจผมกลับต่อต้าน ผมมองเมิน พี่ดีนวางถาดอาหารไว้ข้างตัว
“กินเถอะ แล้วพี่จะพากลับไปส่งที่บ้าน”
ผมหันขวับไปมองทันที
“พี่พูดจริงๆ ใช่ไหม”
พี่ดีนพยักหน้า ผมยิ้มดีใจ รีบขยับไปตักอาหารกินอย่างว่าง่าย พี่ดีนยืนมองนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอะไร เพราะความหิว ผมเลยซัดแหลกจนหมดถาด หลังจากดื่มน้ำเสร็จ พี่ดีนยกถาดขึ้น เตรียมเดินออกไป
“พี่จะพาผมกลับเมื่อไหร่”
ผมรีบก้าวลงจากเตียงลุกไปหา พี่ดีนหันมามอง ยกยิ้ม
เป็นยิ้มที่ผมบอกได้คำเดียวว่าผมโดนหลอกเข้าให้แล้ว
“พี่หลอกผม!”
ผมทุบอีกคนไปแรงๆ หลายที พี่ดีนไม่พูดอะไร ก้าวออกจากห้องไป ได้ยินเสียงล็อกกุญแจจากด้านนอก ผมทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงกับพื้น กอดเข่าซบหน้าร้องไห้
……………
………
…
.
..50%
พระอาทิตย์ค่อยๆ ทิ้งตัวลงทางฝั่งตะวันตก พระจันทร์ที่ฉายแสงอ่อนๆ เริ่มสุกสกาวท่ามกลางแสงดาวนับล้านด้านบน
“พี่หมอ”
ผมได้แต่ครางเรียกชื่อของพี่หมอ เรียกราวกับจะย้ำไม่ให้ตัวเองหลงลืม เรียกเพื่อให้กระแสจิตที่แสนคิดถึงส่งตรงไปถึงเขา
ผมนอนหงาย เหม่อมองเพดานด้านบน แล้วน้ำตาผมก็ร่วงรินลงมาอีกรอบ
“พ่อครับ แม่ครับ พี่ฟ้า พี่หมอ ไผ่”
ผมคิดถึงทุกคนเหลือเกิน ป่านนี้ทุกคนคงกำลังตามหาผมกันให้วุ่น พี่หมอจะร้อนใจขนาดไหน แม่จะร้องไห้หนักแค่ไหน ไผ่จะเต้นขนาดไหน
……………
…….
…
.
“แต่งตัว จะพาไปเดินเล่นที่ตลาด”
พี่ดีนเดินเข้ามายื่นเสื้อผ้าให้ ผมหันไปมองแบบเลื่อนลอย ไม่ได้ตอบรับอะไร นั่งเหม่ออยู่อย่างเดิม
“ฝน!!”
ผมไม่ตอบรับต่อคำตะคอกนั้น พี่ดีนเดินเข้ามาใกล้ จับผมแก้ผ้า ใส่ชุดใหม่ให้ทั้งตัว ผมปล่อยให้พี่ดีนทำราวกับเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง
พี่ดีนจะได้ทุกอย่างจากผม แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ดีนไม่ได้คือหัวใจผมที่มีให้แก่พี่หมอเท่านั้น
“ฝน” พี่ดีนจ้องตาผม นัยน์ตานั้นพยายามร้องเรียกบางสิ่งจากผม “พี่รักฝนนะ” ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำรักนั้นแม้แต่น้อย
ความรักที่เห็นแก่ตัว
พี่ดีนพาผมขึ้นเรือ ขับออกจากเกาะไปขึ้นฝั่ง ขับรถจากฝั่งมุ่งตรงไปที่ตลาด ภาพตรงหน้าไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผมนัก พี่ดีนลากให้เดินไปทางไหน ผมก็แค่เดินตาม พี่ดีนให้กินอะไร ผมก็แค่กินตาม ทำตามคำสั่งราวกับตุ๊กตาตัวหนึ่งจริงๆ
และตอนนี้ผมกำลังนั่งกินสายไหมเงียบๆ มันละลายจนมือเหนียวเหนอะหนะ ผมใช้ลิ้นเลียทำความสะอาด กินหวังให้มันหมดๆ ไปตามคำสั่งเท่านั้น รสชาติของความอร่อยมันเป็นยังไง ผมไม่รู้ ต่อมรับของรสผมไม่ทำงานมานานแล้ว ทุกอย่างจืดชืดไปหมด
“ฝน…”
พี่ดีนทิ้งตัวลงมานั่งคุกเข่าตรงหน้า เงยหน้ามองผม ผมเสหลบ มองเมินไปที่อื่น พี่ดีนใช้มือแข็งแรงราวกับคีมเหล็ก บีบแรงดึงให้หันไปเผชิญหน้า บังคับให้จ้องตา
ผมทำตาม แต่ดวงตาผมมันมองทะลุลูกแก้วสีดำไปถึงใครบางคนที่ผมคิดถึง
“พี่หมอ”
พี่ดีนสะบัดหน้าผมออก ดันตัวลุกยืน คว้าแขนผม ลากลิ่วๆ ให้เดินตาม
……………
……..
…
.
เสียงเพลงดังมาจากวิทยุ ดีเจสาวส่งเสียงทักทายแบบเป็นกันเอง เพลงไหนที่ผมร้องได้ ผมก็ร้องคลอตามเบาๆ เพลงไหนร้องไม่ได้ก็นิ่งฟัง เหม่อมองท้องฟ้าสีคราม
แล้วท้องฟ้าสีครามของผมก็กลับกลายเป็นใบหน้าของคนที่พรากผมมาจากอกพี่หมอ ผมเลี่ยงหลบไปมองท้องฟ้าด้านอื่น แต่พี่ดีนก็ตามมาบดบัง ราวกับจะบังคับให้ผมมองแต่ตัวเอง ผมมองอย่างที่พี่แกต้องการ แต่มองทะลุไปถึงคนที่ผมรักอย่างเคย
“ทำยังไงฝนถึงจะรักพี่”
พี่ดีนซบหน้าผากลงมากับอกผม ผมไม่ได้ตอบอะไร เพลงใหม่ดังขึ้น เพลงนี้ผมรู้จัก ผมเคยร้องกับเพื่อนๆ มาก่อน ผมขยับปาก เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแผ่วเบา ทอดดวงตาขึ้นมองท้องฟ้า จ้องมองปุยเมฆ อยากฝากมันไปหาพี่หมอเหลือเกิน ฝากไปบอกว่า
ผมรักพี่หมอมากครับ
To be con...
ทุกอย่างมีเหตุผลของมันเสมอ อาจทำใจยากกันนิด ถ้าไม่ไหวจริงๆ รอสักสองสามตอนค่อยกลับมาอ่านอีกรอบก็ได้ค่ะ ดิ่งแค่ตอนนี้แหละ หลังจากนี้ก็ยิ้มแก้มปริอย่างมีความสุขกันแล้ว คนเขียนปรับบทไม่ได้จริงๆ เพราะมันเกี่ยวโยงกับความสุขที่จะตามมาทีหลัง ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เพียงแต่ต้องผ่านมันไปให้ได้เท่านั้น
ตอนหน้า พี่หมอก็ตามมาช่วยน้ำฝนได้แล้ว มาเป็นกำลังใจให้น้ำฝนเข้มแข็งดีกว่า เพื่อเฝ้ารอเวลาให้พี่หมอมาพบ ^^