Chapter : 96 : อยากรู้...หมาป่า...รับน้อง
[น้ำฝน...♡] พาร์ท 2
“พี่จะซื้อไปให้…”
พี่หมอค้างคำพูดไว้แค่นั้น คลายปล่อยผมออก
“ไปหยิบมันมาก่อนสิ แล้วพี่จะบอก”
ผมรีบลุกไปหยิบมาถือไว้ทันทีทั้งถุง
“แกะถุงออกก่อน”
ผมทำตามอย่างว่าง่าย แกะถุงวางไว้บนโต๊ะ
“ดึงป้ายยี่ห้อออกด้วย”
“หะ!”
“ดึง”
พี่หมอสั่งเสียงเฉียบขาด ผมดึงออกแรงดังปึด วางป้ายไว้บนโต๊ะ
“แล้วสวมมันลงบนหัว”
ผมอ้าปากค้าง รู้ได้ทันทีว่าพี่หมอซื้อมาให้ใคร ผมมันโง่เองที่เดาเกมไม่ออก
“ไม่เอา เล่นอะไรอุตริ”
ผมรีบหันไปโยนมันลงบนโต๊ะทันที ไม่คิดว่าพี่หมอจะเล่นอุตริแบบนี้
“พี่อุตส่าห์ซื้อให้”
“ผมไม่ใช่หมา”
พี่หมอลุกไปหยิบมาสวมลงบนหัวของผม ผมรีบดึงออกทันที
“อย่าดึงสิ”
พี่หมอรั้งมือผมไว้ ผมหน้าง้ำ
“เล่นอะไรพิเรนทร์”
“อยากให้พี่ชอบหมาไม่ใช่เหรอ เห็นฝนใส่แบบนี้บ่อยๆ พี่จะได้ชอบหมาไง”
ผมมองหน้าพี่หมอแบบไม่ไว้ใจ พี่หมอยิ้มนิดหนึ่ง ล้วงหยิบมือถือมากดถ่าย
“ไม่เอา อย่าถ่าย ทุเรศน่า”
“น่ารักดีออก”
ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำบอกนั้น แล้วพี่หมอก็ยืนจิ้มๆ อะไรสักอย่างในมือถือ พี่หมอหัวเราะ ส่งสิ่งที่อยู่หน้าจอมาให้ผมดู ผมอ้าปากค้าง เพราะพี่แกเล่นเอาภาพผมลงเฟซ พี่หมอนนท์เพิ่งสมัครให้เพื่อนตัวเองตอนอยู่ชายหาด และภาพผมเป็นภาพแรกสุดของพี่หมอด้วย พี่แกขึ้นสถานะสั้นๆ ว่า
‘หมาน้อยของผม’
ทั้งเพื่อน ทั้งคนในครอบครัวและคนอื่นๆ พากันเข้ามากดไลค์เพียบ ผมหน้าร้อนผ่าว โวยวายลั่น พี่หมอแค่หัวเราะ ผมรีบหยิบหูหมานั้นไปสวมให้คนตัวสูง แล้วกดถ่ายบ้าง
เอาดิ แกล้งกูมา กูแกล้งกลับ
ผมรีบเอาลงเฟซทันทีโดยขึ้นสถานะว่า..
‘หมาเหมือนกัน’
หวังประจาน แท็กไปหาพี่หมอด้วย ทั้งเพื่อนผมเพื่อนพี่หมอ คนในครอบครัวพากันกดไลค์กระจุย ไม่ต่างกับคนอื่นๆ
หินผา : “พี่หมอหล่อ เหมือนไซบีเรียนหรือหมาป่าเลย แต่มึงอ่ะฝน เหมือนหมาวัดขี้เรื้อน”
หินมันเม้นท์มาเป็นคนแรก ผมหน้าบึ้ง ในขณะที่พี่หมอนั่งขำจนน่าเกลียด
อะไรวะ กูอุตส่าห์ลงหวังประจาน ไหงตัวเองโดนด่าได้
ตันตัน : “พี่หมอโคตรดูดี แต่มึงอ่ะฝน กูไม่อยากพูดว่ะ”
ทิวไผ่ พ่อน้องเท่ : “เอามันลงเฟซทำไมให้อัปมงคลเฟซ”
ก็ตามสไตล์มัน
นฤมล : “ฝนนี่เก่งนะ ทำเพื่อนพี่เชื่องได้”
ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำพี่มล
ซูซี่ มามี๊รักหนุ่มๆ : “ต๊ายตาย น่าหม่ำนะหมาตัวนี้”
โทษครับพี่ หมาตัวนี้ของผม
พีม : “พี่หมอหล่ออ่ะ”
มีแต่คนชมมากกว่าด่า แล้วก็มีคนก๊อปเอาภาพผมตอนใส่หูหมาที่อยู่ในเฟซพี่หมอมาแปะไว้ในภาพเดียวกับพี่หมอ ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบกันอย่างเห็นได้ชัด
คนอื่นชมว่าผมน่ารักแต่เพื่อนๆ ผมมันด่าว่าผมขี้เหร่ แต่พี่หมอหล่อ รู้ได้เลยว่ามันมองกันสองมาตรฐานขนาดไหน
พี่หมอยืนอ่านข้างผม ยังขำไม่หยุดทั้งที่หัวยังมีหูหมาอยู่ ผมชักโมโห รีบกดปิดผลักคนตัวสูงอย่างโมโหลงไปนั่งแหมะข้างเตียง พี่หมอหัวเราะร่า สีหน้าตอนนี้ดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับใบหน้าอันแสนดุดันอย่างช่วงแรกๆ ที่ผมเคยเจอ
“เออ ไม่เกิดมาหล่อบ้างให้มันรู้ไป”
ผมว่างอนๆ พี่หมอเลิกคิ้วสูง รั้งเอาตัวผมเข้าไปยืนอยู่ในอ้อมแขนทั้งที่ตัวเองยังนั่งอยู่ เงยหน้ามอง
“ฝนชอบหมาไม่ใช่เหรอ”
ผมพยักหน้ารับนิดๆ พี่หมอจ้องผมตาวาว
“ตอนนี้พี่เป็นหมาแล้วนะ น้ำฝนชอบไหม”
ผมอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าพี่หมอจะมาเล่นมุกนี้
“ชอบไหม” พี่หมอถามยั่ว
“ผมชอบหมาตัวเล็กๆ ไม่ชอบหมาตัวโตๆ”
ผมอ้อมแอ้มบอก พี่หมอยิ้มในดวงตา โอบผมเหวี่ยงลงไปนอนแหมะบนเตียงขึ้นคร่อมด้านบน
ผมหน้าเห่อร้อน มองพี่หมอเวอร์ชั่นหมาป่า หัวใจผมไหวแรงนิดๆ กับภาพที่เห็น
หรือว่าผมจะเป็นโรคจิตจริงๆ
พี่หมอแกล้งเลียปากตัวเองนิดๆ ทำท่าหื่นกระหาย เลือดในกายผมวิ่งพล่าน
“อยากกินเนื้อสดแฮะ”
พี่หมอแกล้งเลียปากอีกรอบ ผมตัวแทบไหม้ จะละลายไปกับสายตาหื่นกระหายนั้น พี่หมอไม่ได้แตะต้องอะไรผมเลย เพียงแต่ใช้สายตาโลมเลีย แต่สายตานั้นทำเอาผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่าเลย
“จะให้พี่กินส่วนไหนในร่างกายก่อนดี”
พี่หมอจ้องหน้าผม เลื่อนสายตาต่ำลงไปที่ริมฝีปาก ลำคอ แผงอก และส่วนกลางลำตัว ผมเผลอเอามือกุมไว้ เพราะสายตานั้นทำเอาผมตื่นนิดๆ พี่หมอจับมือผมออก เลิกคิ้วนิดๆ เพราะปฏิกิริยานั้น
[50%]
“อยากให้กินส่วนไหนก่อนดี”
พี่หมอถามยั่วอีกรอบ
พับผ่าสิ!
ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเกมยั่วของอีกฝ่าย แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกหวิวไหวขนาดนี้ พี่หมอยังไม่ได้แตะเนื้อต้องตัว แต่ผมก็รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมานิดๆ พี่หมอยกยิ้ม
“ให้กินส่วนไหนก่อนดีครับ” พี่หมอถามอีกรอบเสียงพร่า “หมาตัวนี้อยากกินเหยื่อจะแย่แล้ว”
ไม่พูดเปล่า พี่แกยังจับมือผมไปกุมบางส่วนของตัวเองไว้ ผมอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าหมาป่าน้อยจะตื่น
“ให้กินตรงไหนดี”
พี่หมอถามเสียงยั่ว คลึงมือผมบดกับส่วนนั้น ผมบีบมันไว้เบาๆ อย่างหลงกลต้องมนต์
ผมไม่ตอบอะไร ดึงมือตัวเองมาโอบรอบลำคอแกร่งไว้ ดึงลงมากดจูบ ผมทนไม่ไหวแล้วครับ พี่มันยั่วเหลือเกิน ยั่วจนผมทนไม่ไหว เป็นฝ่ายยอมแพ้ซะเอง พี่หมอจูบตอบ ร่างกายร้อนผ่าวราวกับตัวจะไหม้ พี่หมอเคยบอกว่าปกติผมเป็นคนขี้อาย แต่อย่าให้ได้ร้อน ผมจะกลายร่างจากน้ำฝนเป็นน้ำมันทันที
ผมไม่รู้ว่าพี่หมอพูดจริงหรือแค่แซวเล่น แต่ผมก็ผู้ชายคนหนึ่ง ความต้องการก็มีปกติอย่างที่ผู้ชายทั่วไปเขามีกัน ที่ผมร้อนอย่างนี้ไม่ใช่เพราะผมหรอก แต่เป็นเพราะพี่หมอนั่นแหละ พี่หมอไม่รู้หรอกว่าเวลาที่ตัวเองมีอารมณ์ จะเซ็กซี่ขนาดไหน ทั้งเสียงทุ้มๆ ทั้งสีหน้าเซ็กซี่
พอผมเห็นมันก็อดไม่ได้ที่จะหลุดเข้าไปในโลกนั้นของพี่หมอ รู้ตัวอีกที ผมก็ทั้งเรียกร้องให้พี่หมอรุนแรง หรือไม่ก็เป็นฝ่ายเดินเกมเอง
ครั้งนี้หมาป่าตัวโตทำเอาผมรู้สึกเหมือนจะคลั่งตายเอาให้ได้ แม้เนื้อตัวจะเปลือยเปล่า แต่พี่หมอก็ยังไม่ยอมถอดหูหมาออก มันดูดีจนผมเผลอคิดไปจริงๆ ว่าพี่หมอเป็นมนุษย์หมาป่าจริงๆ และมนุษย์หมาป่าตัวนี้กำลังทำให้ผมคลั่งตาย
ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตผมมาถึงแล้วครับ ช่วงสอบไฟนอลเพื่อจบ กระทั่งวันปัจฉิม ผมเดินตัวผ่องไปโรงเรียน แต่ทันทีที่พิธีปัจฉิมจบ เสื้อผมก็พรุนไปด้วยรอยปากกาที่มีทั้งสีแดง สีดำ สีชมพู ส้ม เขียว ฟ้า เอากันแทบทุกจุด ไม่เว้นแม้แต่ด้านใน ทุกคนมีสภาพไม่ต่างกันครับ ของผมจะเยอะหน่อย เพราะคนจากห้องอื่นๆ มาขอเขียนโดยที่ผมก็ไม่รู้จักมักจี่พวกเขา
ผมแทบร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะต่อไปนี้ ผมจะไม่ได้มาโรงเรียนอีกแล้ว ไม่ได้พบครู ไม่ได้พบเพื่อนๆ แบบที่เคยพบ ความทรงจำดีๆ ที่ไม่อาจหวนคืน
“ที่ว่างสำหรับกูอยู่ตรงไหน”
น้ำหวานมันพูดไปน้ำตาไหลไป ถือปากกาไว้มองหาพื้นที่ว่างบนเสื้อผม
“ร้องไห้ทำไม” ผมถามเพื่อน
“แล้วมึงเสือกตาแดงทำไม”
ผมเม้มปากแน่น เถียงไม่ออก ด้านนอกเต็มหมดแล้ว มันเลยเลิกชายเสื้อขึ้นไปเขียนด้านในแทน เขียนยาวเป็นแพเลย
“มึงห้ามซักนะ เสื้อตัวนี้”
“กูไม่ซักหรอก จะอัดกรอบเก็บไว้ให้เหลนกูดูเล่น”
“มีลูกให้ได้ก่อนเถอะ”
มันจิ้มปากกาใส่แขนผมแรง ผมร้องโอ๊ย ชักแขนหนี แล้วผมก็เขียนใส่เสื้อมันบ้าง เขียนให้ผู้หญิงต้องระวังนิดหนึ่งครับ เดี๋ยวถูกส่วนที่ไม่ควรถูกเข้า ถึงมันจะไม่คิดมากก็เถอะ
ผมเดินไปให้อาจารย์ช่วยเซ็นให้ คนแรกสุดเลยคือเจ้โหด อาจารย์สุดที่รักของพวกเรา เจ้โหดยืนน้ำตาไหล เขียนไปเช็ดขี้มูกไป
“หาแฟนใหม่ให้ได้นะเจ้ อย่าอยู่บนคานนาน”
“จะมีผู้ชายคนไหนมาเอาฉันกันยะ”
“มันต้องมีน่า ว่างๆ ไปนั่งร้านผมก็ได้ ผู้ชายน่าหม่ำเยอะ”
“แหม เห็นฉันเป็นอะไร”
“เป็นอาจารย์ที่ผมรักที่สุดไง”
ผมยิ้มให้แก แกปล่อยโฮรวบกอดผมแน่น สะอื้นฮัก แล้วพวกผมในห้องก็เฮโลมากอดเจ้แกแน่น
“ตั้งแต่เจ้สอนมา เพิ่งมีพวกนายนี่แหละ ที่ทำให้เจ้ปวดหัวที่สุด แต่ก็รักที่สุดเหมือนกัน”
เจ้สารภาพ ผมหัวเราะ รีบปาดน้ำตาออก
เราไปให้อาจารย์คนอื่นช่วยเซ็นให้ ก่อนยกโขยงกันไปกินเลี้ยงกันที่ร้านผม เพราะเป็นแหล่งรวมที่ดีที่สุด ไปกันยกห้องเลยครับ อาจารย์ที่สนิทด้วย ซึ่งพี่ฟ้าเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว พอไปถึงพวกเราก็ลงมือกินกันได้เลย มื้อนี้ฟรีครับ พ่อผมเลี้ยง
“เอาล่ะ ขอให้ทุกคนมีความสุข”
ใครสักคนชูแก้วน้ำแดงขึ้น(โนแอลกอฮอล์ครับ) พวกเราทุกคนยกตาม ผมยิ้ม กล้ำกลืนบางความรู้สึกลงคอ ไผ่มันรวบคอผมไปกอด ยิ้มให้ด้วยสีหน้าเข้มแข็ง
ผมอยากเข้มแข็งให้ได้อย่างมันบ้าง ยกเว้นเรื่องของผมแล้ว ผมไม่เคยเห็นมันร้องไห้เรื่องอะไรเลย
ทุกงานเลี้ยงต้องมีเลิกรา งานนี้ก็เหมือนกัน เพื่อนผมทยอยโบกมือลาเพื่อกลับบ้านใครบ้านมัน เดินทางไปสู่อนาคตของใครของมัน บางคนได้ไปเรียนต่อนอก ที่เหลือก็รอลุ้นว่าจะติดมหา’ลัยไหน บางคนก็รู้แล้ว
ใจผมหวิวแหว่งหายไปทีละนิด ตามจำนวนเพื่อนที่เดินห่างกันออกไปจนเหลือไว้เพียงกลุ่มเพื่อนสนิทที่ยังนั่งมองหน้ากันอยู่บนโต๊ะสุดท้าย
“ใจหายเนอะ” ตามันว่า
“แต่ต่อให้เรียนจบ พวกเราก็ยังไม่จบ”
มันยกแก้วน้ำหวานขึ้น พวกผมยกตาม
“สัญญา!!”
พวกเราตะโกนลั่นพร้อมกัน ผมปาดน้ำตาออกเบาๆ
“ร้องไห้ทำไมวะหมาฝน”
น้ำหวานมันด่า ทั้งที่มันก็ปาดน้ำตาเหมือนกัน
“ขี้ตีนไอ้ตันมันกระเด็นใส่ต่างหาก”
ผมโบ้ย ทุกคนหัวเราะ พีมกับหินก็ร้อง มีตัน ไผ่ แล้วก็ตาที่ใจแข็งเป็นหิน น้ำตาลแค่ตาคลอเท่านั้น
ก่อนจาก พวกผมลุกขึ้นยืน กอดคอกันล้อมเป็นวงกลม แล้วตะโกน “เพื่อนกันตลอดไป!!” เสียงนั้นกระหึ่มไปทั่วทั้งใจผมเลย
[ต่อ 100%]
แล้วพวกเราก็พากันแยกย้าย พวกผู้หญิงกลับใครกลับมันด้วยแท็กซี่ ตันกลับพร้อมพีมเพราะบ้านใกล้กัน หินซิ่งมอ’ไซค์กลับ ส่วนผมกับไผ่ตกลงกันว่าจะนอนค้างที่นี่เพื่ออยู่กับครอบครัว
“ใจหายเนอะ”
ผมพูดขึ้นมาลอยๆ หลังเห็นแผ่นหลังหินหายลับไปจากท้องถนน ไผ่ตบหลังผมเบาๆ
“ไม่ได้จากกันไปไหนนี่ เรายังเป็นเพื่อนกัน”
ผมหันไปมองคนพูด ยิ้มให้มันนิดๆ พากันเดินเข้าบ้าน
“ยินดีด้วยนะ ในที่สุดก็เรียนจบสักที” พี่ฟ้าแสดงความยินดี ผมยิ้มให้ “ไม่น่าเชื่อว่าไผ่จะตัดสินใจเรียนหมอ”
ไผ่ยักไหล่
“รวยเร็วดี”
พี่ฟ้าตีแขนมันเพี้ยะ ก่อนจ้องหน้ามันเขม็ง ตอนนี้พ่อกับแม่พากันขึ้นนอนกันหมดแล้วครับ เหลือแค่เราสามคน
ตั้งแต่ผมย้ายไปอยู่กับพี่หมอ ผมแทบไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะเตรียมสอบหนัก พี่สาวของผมยังคงสวยงามน่ารักเหมือนเดิม ดูเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย รู้มาเลาๆ ว่ามีหนุ่มมาจีบพี่ฟ้าด้วย
“นี่ ได้ข่าวว่ามีหนุ่มลูกครึ่งมาจีบเหรอ”
ไผ่มันแซว พี่ฟ้ายู่หน้าน่ารัก
“ชิ ตอนแรกว่าจะไม่เปิดใจให้ใครจีบ เพราะคิดว่ามีใครบางคนกำลังจีบอยู่ แต่สงสัยเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นแล้วล่ะมั้ง”
ไผ่เลิกคิ้วสูง
“ใคร”
“เพื่อนสนิทน้องชาย”
ทั้งไผ่ทั้งผมพากันอึ้ง
“ดีนะที่ยังไม่ได้เผลอใจให้ไปมาก ไม่งั้นเจ็บแน่ๆ”
พี่ฟ้าบอกต่อเสียงแผ่ว ไผ่หลบตาพี่ฟ้าวูบ ผมเองก็พลอยรู้สึกผิดตามไปด้วย
“ทำไมนะ ผู้ชายที่เข้าหาพี่ ถึงได้หันไปกินกันเองจนหมด”
ผมกับไผ่พากันตกตะลึง
“คะ ใครกินใคร”
ไผ่ถามเสียงเบา พี่ฟ้าเลิกคิ้ว ก่อนอมลม ส่งสายตาตัดพ้อมาให้
“คุณหมอแซมมาจีบพี่ ก็หันไปสอยฝน คุณหมอนนท์มาจีบพี่ก็หันไปสอยไผ่แทน”
ทั้งผมทั้งไผ่พาเบิกตากว้าง
“พูดเรื่องอะไร!”
ไผ่มันถามต่อเสียงเหี้ยม
“ไม่ต้องมาปิดบังเลย” พี่ฟ้าชี้หน้าไผ่ “คนอื่นอาจไม่สังเกต แต่พี่เห็นว่าไผ่กับคุณหมอนนท์…”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น!!”
มันตะคอกใส่พี่ฟ้าเสียงดังจนพี่ฟ้ากับผมสะดุ้ง สีหน้ากรุ่นไปด้วยความโมโห ก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“โทษที ง่วง ขอขึ้นนอนก่อน”
แล้วมันก็หันหลังเดินลิ่วๆ ขึ้นห้องผมไป พี่ฟ้ามองตาม ก่อนหันกลับมามองหน้าผม
“รู้ถึงไหน รู้ได้ไง” ผมถาม
“ก็สังเกตเอาสิ หมอนนท์แสดงออกขนาดนั้น”
“เก่งเกินไปแล้ว ขนาดเพื่อนๆ ในกลุ่มยังไม่มีใครรู้เลย”
“ถ้ามองตามตลอดก็เห็น แล้วไปไงมาไง”
ผมชั่งใจชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่ฟ้าฟัง
“กรรมตามสนองสินะ”
พี่ฟ้าสรุปเสียงเบา
“ตอนแรกฝนเชียร์ไผ่กับพี่ฟ้านะ แต่ตอนนี้…”
ผมหยุดคำไว้แค่นั้น เม้มปากแน่น มันสายไปซะแล้ว เพราะพี่หมอนนท์คงไม่ยอมปล่อยให้ไผ่เป็นอิสระแน่ๆ และตัวไผ่เองก็คงไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์กับพี่ฟ้า เพราะศักดิ์ศรีมันถูกพี่หมอนนท์ย่ำยีไปหมดแล้ว
“พี่ฟ้ายังชอบไผ่อยู่ไหม”
ผมถามต่อเสียงเบา พี่ฟ้านิ่งคิด
“ชอบสิ” และก่อนที่ผมจะเปิดปากพูดอะไร พี่ฟ้าก็บอกต่อ “แต่ชอบแบบน้องชายนะ”
“จริงๆ ก่อนหน้านี้ก็คิดอย่างน้องชายมาตลอด มันเกือบจะเปลี่ยนสถานะแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องของฝนมาเบรกไว้ก่อน ตอนนี้มันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ไผ่คือน้องชายพี่ไม่ต่างกับฝนนั่นแหละ”
ผมพยักหน้าเข้าใจ
ผมเดินกลับเข้าห้อง ไผ่มันอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว นั่งเหยียดขายาวอยู่บนที่นอนหลังพิงกำแพงไว้
“พี่ฟ้ารู้แล้วใช่ไหม”
มันถามโดยไม่มองหน้า ผมครางอื้อตอบรับ มันค่อยๆ กระถดทิ้งตัวลงนอนหงาย หลับตา พ่นลมหายใจแรง “รีบไปอาบน้ำเถอะ” แล้วออกปากไล่ผมเสียงเบา ผมพยักหน้าคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
รู้สึกสงสารมันเหมือนกันครับ
ใช้เวลาไม่นานผมก็ออกมาข้างนอก มันนอนลืมตามองเพดาน พอผมขยับลงไปทิ้งตัวลงนอน มันก็พลิกมากอดผมไว้ทันที ผมก็นอนนิ่งให้มันกอด ก่อนขยับพลิกหันหน้าเข้าหามัน
ผมชอบกลิ่นตัวไผ่ มันเป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ผมเลื่อนมือไปวางไว้ยังตำแหน่งหัวใจมันเอง มันก้มมองแต่ไม่พูดอะไร
“ใจมึงแข็งมากเลยนะไผ่”
มันไม่พูดอะไร ผมฟังเสียงหัวใจมันเต้นไปเรื่อยๆ
พี่หมอนนท์จะเอาชนะหัวใจอันกร้าวแกร่งดวงนี้ได้ไหมนะ
“ตอนนั้นถ้ามึงตกลงปลงใจกับพี่ฟ้า เรื่องมันอาจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้”
“หึ แต่กูว่าดีแล้ว เกิดกูได้คบกับพี่ฟ้า แล้วไอ้นั่นมาขืนใจกู แล้วบังคับให้กูเลิกกับพี่ฟ้าเหมือนที่พี่หมอเคยบังคับให้มึงเลิกกับกู คนที่เจ็บคงเป็นพี่ฟ้า”
ก็จริง
“แล้วตอนนี้ ในหัวใจมึงมีพี่หมอนนท์อยู่สักเศษเสี้ยวไหม”
ผมถามเสียงแผ่ว มันไม่ตอบ ผมนอนฟังเสียงหัวใจมันไปเรื่อยๆ เคลิ้มๆ กำลังจะหลับ หูแว่วได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“กูจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด หมาฝน”
_________________ทาสแค้น__________________
คุยกะคนเขียน: ข้อดีของการเขียนนิยายยาว ๆ คือได้ตามติดชีวิตตัวละครที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นฮยอกแจจากซินซ่า น้องกายจากคิสเลิฟ พี่เชนคิสเลิฟ หนานอิน(เวอร์เก่า)คนเจ้าอารมณ์ แล้วก็มาน้องน้ำฝนนี่แหละ ทำดีต่อกันเข้าไว้ จะได้มีเรื่องดี ๆ เอาไว้เก็บเป็นความทรงจำ
ปล. ที่หายหัวคือไปปากช่องมาค่ะ สี่ทุ่มคืนนี้ต้องตีรถขึ้นเชียงใหม่อีก ไปประมาณสามสี่วันแล้วจะวกกลับมากรุงเทพเพื่อไปรับหนังสือเรื่องพี่ตัวร้ายกับนายตัวดีไปแพ็คต่อที่พิษณุโลก เดินสายอลังมาก ฮ่า ๆ แต่มิต้องห่วง งวดนี้หิ้วคอมไปด้วย (ตอนไปโคราชไม่ได้เอาคอมไป)
งานหลักไม่ให้ขาด งานอดิเรกก็อย่าให้พร่อง สาววายสตรอง!!!!
เม้นท์ให้กำลังใจคนเขียนด้วยน้าาาาา
#เปิดจองหนังสือ Memew >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162