‘คิง’ part 4
ตั้งแต่นิลกาฬยอมอยู่กับผมอีกครั้ง ยอมปรับตัวกับคิงส์คลับ ผมทั้งโล่งใจและหวั่นใจ
ถึงผมจะบอกว่าไม่ยอมปล่อย แม้ผมจะชิงพานิลกาฬมาแนะนำตัวในฐานะควีน แต่ผมรู้...ว่าถ้านิลกาฬอยากจะไปเมื่อไหร่ ต่อให้มีเพียงทางตัน ต่อให้ผมยืนขวางพร้อมลูกน้องล้อมกรอบห้ามปราม นิลกาฬก็จะหาทางหนีออกไปจนได้
ผมมีอำนาจแค่ในคลับ แต่นอกเหนือจากนั้น...อำนาจตกอยู่ในมือของนิลกาฬ
นั่นคือความกลัวของผม
ความหวาดหวั่นที่ไม่แสดงออกมา นอกจากการเฝ้ามองและนำเสนอคลับอย่างใจเย็น นิลกาฬอาจจะคิดว่าผมเย็นชาที่ปล่อยเขานั่งอยู่คนเดียว แต่เพราะผมรู้ดีว่าคลับนี้จะปลอดภัยสำหรับเขา...สำหรับเรา ผมจึงอยากให้เขาจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ผมอยากให้เขาอยู่เคียงข้างในฐานะ ‘ควีน’ ที่ได้รับการยอมรับ ผมรู้ว่าเขาจะทำได้ เหมือนที่เขาทำให้ผมรู้จัก ‘รัก’
“มึงนี่ซึนฯชิบหาย”
“ซึนฯอะไรของมึง”
“ก็ไอ้ที่มึงทำอยู่นี่ไง ไอ้พวกปากไม่ตรงกับใจ การกระทำคนละอย่างกับคำพูด ไอ้คิง ถ้ามึงจะจ้องหน้าจอกล้องวงจรปิดตลอดเวลาขนาดนั้นทำไมไม่ไปนั่งข้างๆ น้องนิลเลยล่ะวะ”
ไอ้หมอบถามอย่างอดไม่ได้เพราะตั้งแต่มันเข้ามาผมก็ไม่ได้เงยหน้ามองมันสักครั้ง
ผมก็แค่อยากมั่นใจว่าจะไม่คลาดสายตาจากนิลกาฬ
“ถ้ากูไปนั่งข้างๆ พวกลูกน้องก็คงไม่มีวันได้รู้จักนิล”
“หมายถึงความพิเศษของน้องนิลที่ไม่เหมือนคู่นอนคนอื่นๆ ของมึงใช่ม่ะ” ไอ้หมอบยกยิ้ม ถึงจะตีฝีปากสู้นิลกาฬไม่ได้ แต่ความจริงหมอบเอ็นดูเมียผมมาก สังเกตได้จากที่เรียก ‘น้องนิล’ ทุกคำนั่นแหละ “ดูเหมือนเอกจะเข้าใจเรื่องนั้นแล้วนะ ความจริง...ไม่ว่าใครถ้าได้คุยกับน้องนิล เห็นวิธีการคิดและการจัดการของน้อง ก็ต้องรู้สึกบ้างล่ะน่าว่ามึงเลือกคนไม่ผิด”
พลันไอ้หมอบทำหน้าเครียด
“ยกเว้นไอ้เก่ง”
“เก่งรู้หน้าที่”
“แต่ก็รู้วิธียั่วโมโหคนอื่นด้วย”
“นิลกาฬไม่เต้มตามคนอื่นง่ายขนาดนั้นหรอก” ผมพูดอย่างมั่นใจ ก่อนจะเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้หมอบที่กุมท้องทุบฝ่ามือกับโต๊ะรัวๆ อย่างอดกลั้น
“คิง...มึงแม่งโคตรหลงน้องเลยว่ะ รู้มั้ยว่าสิ่งที่มึงกำลังทำโคตรเหมือนคนอวดเมียที่อยากให้ใครต่อใครเห็นว่าน้องมีดีแค่ไหน มึงจะได้เดินควงแบบยืดอกดีใจที่จะเห็นคนชื่นชมน้องมากกว่าคิดดูถูก”
“กูอยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ” ผมยอมรับ ยิ่งทำให้ไอ้หมอบยิ้มกว้างจนแทบฉีกถึงรูหู
“คิง เวลามึงมีความรักแล้วน่ารักดีว่ะ”
“กูก็แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ เหมือนที่กูทำมาตลอด” ผมตอบ “แค่ตอนนี้คิดเผื่อนิลกาฬด้วยก็เท่านั้น”
“เชี่ย เพื่อนกูโคตรเปลี่ยนไป ถ้าไอ้เวรนั่นรู้แม่งต้องล้อมึงแน่ๆ”
‘ไอ้เวรนั่น’ คือเรืออีกคนที่ป่านนี้คงกำลังนั่งคร่ำเคร่งอยู่ต่างประเทศเพราะต้องเรียนให้จบตามกำหนดที่ทางบ้านขอเอาไว้ สาเหตุก็เพราะมาหุ้นทำคลับกับผมนี่ล่ะ ครอบครัวมันไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่เพราะไอ้เวรนี่ตัดสินใจแน่วแน่ ก็เลยเสนอข้อแลกเปลี่ยนโดยการให้มันคว้าปริญญาจากเมืองนอกมาเป็นของปลอบใจแทน
รายนั้นไม่ค่อยจะถูกกับไอ้หมอบเท่าไหร่เพราะนิสัยต่างกันลิบลับ
“ถ้ากล้าล้อก็ลองดู กูไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเอามาล้อเล่น”
“มึงยังไม่ได้บอกมัน?”
“กูไม่เห็นจำเป็นต้องเล่าให้ใครฟัง ถ้ามันกลับมาเห็นก็รู้เอง”
“มันได้ช็อคตาตั้งน่ะสิ” ไอ้หมอบเดา “พระราชาไร้จุดอ่อน...จู่ๆ ก็มีเมียเป็นตัวเป็นตน”
“ก็กูรักของกู”
“ฮึ่ย” ไอ้หมอบลูบแขน “กูว่ามึงไม่ใช่พวกซึนเดเระแล้วว่ะ มึงแม่งพูดตรงจนบางครั้งกูยังอายแทน”
ผมยักคิ้วกวน นานครั้งก็มีอารมณ์ขี้เล่นแบบนี้เหมือนกัน ทำเอาไอ้หมอบอ้าปากค้างแถมยังผงะเดินถอยหลังเหมือนเห็นผี ผมเลยไม่สนใจมันอีก แต่หันมาจับจ้องกรอบเล็กๆ ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นภาพเชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิด
“โต๊ะของน้องนิลที่มึงสั่งทำล่ะ”
“เสร็จพรุ่งนี้”
“แล้วคอมพิวเตอร์นี่ล่ะ” หมอบชี้ไปที่เครื่องคอมอีกเครื่องที่วางตั้งตะแคงข้างเพราะพื้นที่วางไม่เพียงพอ
“กูกำลังจะลงโปรแกรม”
“โคตรลำเอียง ขนาดกูแม่งแทบไม่ให้แตะ”
“ก็มึงไม่ใช่เมีย”
“เออ กูก็ไม่ได้อยากแตะนักหรอก แค่นี้ก็ปวดกบาลจะแย่ ขอดูแลผับอย่างเดียวก็พอ”
“แล้วมึงจะบ่นทำไม”
ไอ้หมอบนิ่งสนิท ไม่ใช่แค่นิลกาฬหรอกที่ตอกกลับมันบ่อยๆ จนสะอึก เพราะปกติเพื่อนผมคนนี้ก็เป็นคนต่อล้อต่อเถียงกับใครไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ มันกาก
“คิง”
ผมเหลือบตามองเพื่อนที่จนป่านนี้ก็ยังเดินวนไปเวียนมาไม่เห็นไปทำงานสักที ความจริงแล้วหมอบเป็นห่วงนิลกาฬ แต่เพราะโดนผมห้ามก็เลยไม่กล้าเดินไปฝั่งคลับ จะหาว่าผมคิดเยอะก็ได้ แต่ถ้าให้ไอ้หมอบไปนั่งคู่กับเมียผม มีหวังมัวแต่โดนน้องนิลของมันแกล้งจนไม่เป็นอันทำอะไรทั้งคู่น่ะสิ
‘กร’ หรือ ‘เบอร์หนึ่ง’ คือตัวเลือกที่ดี ไอ้เด็กนี่มันรู้สถานการณ์ว่าตอนไหนควรพูดอะไรและควรจะทำตัวยังไงให้ได้ประโยชน์ที่สุด อย่างการสอนนิลกาฬเล่นโป๊กเกอร์ มันก็แกล้งแพ้เพื่อให้เมียผมรู้สึกสนุกและกลมกลืนไปกับบรรยากาศของคลับ ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่เล่นโป๊กเกอร์เก่งที่สุดน่ะคือบิชอปหน้าซื่อคนนั้นนั่นแหละ
“มึงทุ่มขนาดนี้ ถ้าวันหนึ่งน้องนิลบอกว่า ‘ไม่’ มึงจะทำยังไงวะ”
“กูไม่รู้” ผมมองภาพบนหน้าจอ ในใจรู้สึกวูบไหวอย่างประหลาด “กูไม่รู้...”
“เอ่อ...คิง เดี๋ยวกูมานะ ขอไปส่งไอ้ชายก่อน”
“เดี๋ยว”
“อะไร”
ผมมองนิลกาฬที่เลิกคิ้วทำหน้าเหวอเมื่อผมห้าม ถึงจะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ผมรู้ว่ามันกำลังปกปิดอะไรเอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่ไปซื้อของด้วยกันและเหมือนจะเห็นใครเข้ามันก็เหมือนมีอะไรคาใจมาตลอด ทั้งที่ผมพูดเป็นเชิงถามอีกฝ่ายก็ไม่ยอมคายออกมาสักที
เป็นความลับขนาดนั้นเลยรึไง
ผมยอมรับว่าอยากรู้ ผมอยากรู้ทุกเรื่องของนิลกาฬนั่นแหละ ไม่ว่าจะดีจะร้ายมันก็คงไม่แย่ไปกว่าการที่จะไม่มีคนคนนี้อยู่ด้วยกัน หมอบบอกว่าผมหลงนิลกาฬขนาดหนัก ก็คงใช่ เพราะผมไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษแบบนี้กับใคร
ฉะนั้นเมื่อเข้าใจ ถึงได้กลายเป็นความรู้สึกที่รุนแรงและพยายามยึดเอาไว้สุดความสามารถ
“มึงอยากให้กูช่วยอะไรมั้ย”
“เอ่อ...ไม่วะ กูแค่จะไปช่วยพี่หมอบปิดร้าน มึงก็ทำงานของมึงไปเถอะ”
ผมไม่ตอบ แต่นั่งมองหน้ามันด้วยสายตากดดันน้อยๆ ก่อนจะรีบหลบตาเมื่อเห็นมันปั้นหน้าอึดอัดไปไม่เป็น
‘ถ้าวันหนึ่งน้องนิลบอกว่า ‘ไม่’ มึงจะทำยังไงวะ’
ผมต้องข่มความรู้สึกตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกินขอบเขตที่อีกฝ่ายไม่ต้องการ
ความสัมพันธ์ของพวกเราเหมือนจะพัฒนา แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนย่ำอยู่กับที่
ทั้งที่สารภาพรักออกไป แต่นิลกาฬก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมฟัง มันทำให้ผมเสียความมั่นใจจนแทบไม่กล้าเอ่ยออกมาอีก ผมไม่ควรรีบร้อน อดีตของนิลกาฬย่ำแย่มาก แต่ผมคงไม่ผิดใช่มั้ย หากบางครั้งก็รู้สึกอย่างรีบเร่งช่วงเวลานี้ให้ผ่านพ้นไป ให้พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่กระอักกระอ่วนนอกเหนือจากการคุยกันเรื่องเซ็กซ์หรือเรื่องคลับ
ผมก็แค่อยากอยู่กับเขาในฐานะของคนรักเท่านั้นเอง
แต่ว่า...
“กูกับไอ้คิงคบกัน ไม่ใช่เพื่อยกระดับตัวเอง แต่เพราะเซ็กซ์ โอเค กูยอมรับว่าแอบหวังเงินในกระเป๋ามันบ้าง แต่นั่นก็ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนในฐานะที่มันเสียบกู มันก็ต้องขุนกูด้วย แต่ในตอนนี้พวกเราคบกันเพราะไอ้หมอนั่นมันรักกู และมันก็เชี่ยไม่ยอมปล่อยกู ถ้าไม่ติดว่าเซ็กซ์มันดีและที่นี่น่าสนุก กูก็ไม่คิดจะทนเพราะแค่เหตุผลที่ว่ามันรวยและเป็นเจ้าของผับให้มึงเอาไปอวดคนอื่นหรอก!”
ผมควรดีใจใช่มั้ยที่เขาคบโดยไม่หวังผลอะไรจากผม
แต่ทำไมถึงเสียใจกันล่ะ...
อ่า...ใช่...เพราะนิลกาฬเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เพราะเขาไม่เคยยึดติดกับตัวของผม ผมถึงได้หลงรักและเป็นฝ่ายไล่ตามเขา ผมรู้ข้อนี้ดี ฉะนั้นเมื่อได้ฟังจึงไม่รู้สึกพิเศษอะไร
นอกจากความปวดใจ
ปวดใจกับความจริงที่ว่าผมรั้งนิลกาฬให้อยู่ข้างๆ ได้ด้วยเซ็กซ์และปราสาทหลังนี้
แล้วความรักของผมล่ะ...นิลกาฬไม่เคยเห็นเลยใช่มั้ย ที่ไม่ให้ผมพูด เพราะไม่ได้พยายามทำความเข้าใจ แต่ไม่คิดที่จะเข้าใจใช่รึเปล่า
ผมอาจจะคิดมาก แต่ท่าทางของนิลกาฬก็ทำให้ผมคิดมาตลอด อีกฝ่ายเหมือนเห็นความรักของผมเป็นของตาย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าผมไม่เป็นฝ่ายเข้าหาก่อน เขาจะหันมายิ้มและคลอเคลียผมบ้างมั้ย
“หึ”
ผมหัวเราะขื่น จุดบุหรี่ขึ้นสูบ ตอนแรกแค่อยากจะปลอบใจตัวเองสักครู่ แต่ความรู้สึกบางอย่างก็บอกให้ผมยืนรอนิลกาฬตรงนี้ ให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าผมกำลังเสียใจ
ถ้าตอนนั้นนิลกาฬทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผมก็คิดว่าอาจต้องตั้งต้นใหม่อีกครั้ง
ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่ผมก็แค่จะตั้งหลักใหม่ เหมือนการตั้งศูนย์ถ่วงเพื่อตระหนักถึงสถานะตัวเองว่ามีค่าในใจนิลกาฬมากแค่ไหน และผมควรจะทำตัวยังไงไม่ให้เขานึกรำคาญเข้าซะก่อน
ผมก็แค่ไม่อยากให้เขาพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกมา
“คิง กูไม่รู้จริงๆ ว่ามึงต้องทำยังไง แต่ว่า...”
ผมยืนนิ่ง รู้สึกถึงชายเสื้อที่ถูกขยำแน่น
“กูพอใจกับตอนนี้นะ ทั้งเซ็กซ์ ทั้งคลับ และทุกสิ่งทุกอย่าง”
น้ำเสียงที่เหมือนกับลังเลทำให้ผมทอดถอนใจ
“รวมทั้งตัวมึงด้วย”
ก่อนจะกลายเป็นพองโตเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
ผมเอี้ยวหน้าหันไปมองเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องพบกับภาพของคนอวดเก่งที่ยืนหลับตาปี๋หน้าแดงก่ำ ผมหลุดยิ้ม พร้อมความรู้สึกที่ท่วมท้นจนแทบไม่อยากเก็บกลั้นไว้ได้
ผมกระชากนิลกาฬมาจูบ
จูบด้วยความเสน่หาและขอบคุณ และอีกฝ่ายก็ตอบสนองได้ดี สังเกตจากการสอดลิ้นตอบอย่างเก้ๆ กังๆ ...ทั้งที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้มากแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับทำเหมือนเด็กฝึกหัดจนทำให้ผมลอบมองตาประกายพราว
“หลับตาทำไม”
ผมถามคนที่ยังหลับตาปี๋จนหัวคิ้วย่น
“อย่าถามสิวะ”
“หน้ามึงแดงนะ”
“อย่าทักด้วยไอ้สัด มึงช่วยทำเป็นไม่เห็นทีเถอะ”
นิลกาฬยกมือปิดหน้า ทำให้ผมอดที่จะโยกศีรษะร่างนั้นอย่างหยอกล้อไม่ได้
ความอัดอั้นในใจเหมือนถูกคลี่คลายออกมาเปลาะหนึ่ง
อย่างน้อย...‘ควีน’ ก็ยังไม่ใจร้ายกับ ‘คิง’ เกินไป!
-----
บางครั้งการอยู่ด้วยกันก็ต้องแคร์ความรู้สึกของอีกฝ่ายบ้าง น้องนิลอาจจะคิดว่าพี่คิงรัก จนลืมมองไปบ้างว่าความสัมพันธ์ตอนนี้แม้จะเหมือนมั่นคงในสายตาคนนอก แต่กับอีกคนนั้นยังมีความไม่มั่นใจตลอดเวลา สองคนนี้ก็ยังคงพยายามเรียนรู้กันต่อไป..
ปล.ไม่รู้มียังจำได้รึเปล่าว่าเบอร์หนึ่งเป็นคนแจกไพ่ตอนสอนน้องนิลเล่นโป๊กเกอร์ เบอร์หนึ่งจงใจให้นิลชนะจะได้สนุกกับคลับค่ะ ส่วนเรื่องที่ว่าเบอร์หนึ่งเก่งโป๊กเกอร์ที่สุดเนี่ย...คนส่วนใหญ่จะเล่นแบบเกทับไปมาว่าตัวเองไพ่ดีใช่มั้ยคะ แต่เบอร์หนึ่งเป็นประเภททำเหมือนไพ่ตัวเองไม่ดีแต่ก็ฝืนเล่นเหมือนยอมอ่อน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามทุ่มเงินมาเยอะๆ แล้วก็เสร็จหมู...ยิ่งถ้าเป็นฝ่ายแจกไพ่จะเป็นคนลูกเล่นแพรวพราวได้เนียนมาก ขนาดน้องนิลยังไม่ทันสังเกตว่าไพ่โดนเสิร์ฟใส่มือมาเลย นึกว่าดวงดี 555
นี่แหละบิชอปที่อายุน้อยสุดของคิงส์คลับค่ะ ^0^
ปลล.แอบมีเรืออีกคนแว่บๆ ด้วยนะเออ
เพจนักเขียนที่รักน้องนิลแต่อยากได้พี่คิงเป็นผัวจังเลยค่ะ โฮรวก!//วิ่งไปกรีดร้องเอาหัวทุบฝาผนังโป๊กๆ