“มึงมาได้ยังไง”
“สายของกูไม่ได้มีแค่กร”
ประโยคเดียว กระจ่างแจ้งทุกอย่าง ไอ้คิงที่โคตรจะรอบคอบและขี้หวงคนนั้นคงไม่กล้าปล่อยผมให้อยู่ในการดูแลของบิชอปซึ่งต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างสองตึก แต่คงจะมีคนในคณะผมที่ช่วยจับตาดูเอาไว้ด้วย
ใครวะ
ผมนึกสงสัย แต่นึกให้ตายยังไงก็นึกไม่ออก สายของมันต้องไม่ใช่คนในคลับแน่ๆ
“แล้วทำไมมึงโผล่มาได้จังหวะจังล่ะ”
“ก็กูยืนฟังอยู่หลังประตู ตามหลังมึงเข้ามาแค่แป็ปเดียว”
“ว่าไงนะ!” ผมตะโกนลั่นอย่างตกใจ ไอ้คิงแม่งตามหลังผมแต่แรกเลยเหรอวะ ผมรึกระทำการอุกอาจปิดบังผัว แต่ไอ้ผัวเสือกเดินตามต้อยๆ เนี่ยนะ!
โคตรรู้สึกเสียความมั่นใจ
“กูไม่ตั้งใจแสดงตัว ถ้ามึงจัดการได้กูก็จะทำไม่รู้เห็น เพราะกูออกคำสั่งพร่ำเพรื่อในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคลับไม่ได้ ความเชื่อถือของกูจะถูกเพ่งเล็ง แต่มึงทำได้ มึงเป็นควีน เป็นคนพิเศษที่ทุกคนต่างเข้าใจหากจะลงมือทำอะไรแปลกๆ ขึ้นมา”
“นี่มึงชมหรือด่ากูวะ”
“ชมสิ” ไอ้คิงยกยิ้มน้อยๆ ฮึ่ย หล่อบาดใจ “มึงทำได้ดีมาก”
วินาทีนั้น ผมรู้สึกเหมือนตาพร่าขึ้นมาชอบกล ไม่คิดไม่ฝันว่าไอ้คิงจะปล่อยออร่าในระยะประชิดขนาดนี้ ผมต้องเป็นโรคแพ้ไอ้คิงด้วยแน่ๆ ไม่งั้นทำไมเวลามันยิ้มสวยให้ทีไร สมงสมองเหมือนจะไปไม่เป็นทุกที
“ดีที่ไหน...กู...เกือบโดนยิงนะ” ผมพูดตะกุกตะกัก แบบว่าพูดแก้เก้อไปอย่างนั้นน่ะเข้าใจมั้ย แต่ดูไอ้คิงสิครับ ไม่ทันจบประโยค รัศมีพระราชาที่โคตรจะน่าซุกดันเสือกกลายเป็นเพชรฆาตซะอย่างนั้น สายตามันเย็นเยียบจนผมขนลุกซู่ ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน
ผมกลืนน้ำลาย แตะต้นแขนไอ้คิงที่กำปืนแน่นจนกลัวว่าจะลั่นเพื่อสงบจิตสงบใจ
“ว่าแต่มึงเรียกคนอื่นมาทำไมวะ ในบอกว่าออกคำสั่งเรื่องไม่เกี่ยวกับคลับไม่ได้ไง”
“นั่นเป็นกรณีที่มึงอยากช่วยสัตว์เลี้ยงของตัวเอง แต่ในกรณีนี้...มึงถูกยิง” พูดไปเสียงมันก็ฟังเหี้ยมขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันจะหันไปยิงสมศักดิ์อีกรอบ ผมก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะครับ
“เพื่อควีน...เหตุผลแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว”ผมพูดอะไรไม่ออก เพิ่งรับรู้ว่าชีวิตของผมผูกติดกับคนหลายคนมากแค่ไหน
อย่างน้อยก็ยังมีไอ้คิง และปราสาทของมัน
“ขอโทษนะ”
“เรื่องอะไร”
ผมไม่ตอบ แต่ซุกหน้ากับตัวมันน้อยๆ จะบอกได้ยังไงว่าตอนที่ผมถูกยิง ผมคิดถึงแต่ครอบครัวไอ้ชาย ไม่ได้นึกถึงใจมันสักนิด ผมแม่งโคตรเป็นคนเลวเลย
แต่หลังจากนี้ผมจะคิดถึงมันให้มากขึ้นนะ...สาบานด้วยชื่อนิลกาฬเลยเอ้า!
“เบี้ยสิบคนของกูล่ะ” ผมถามหลังไอ้คิงประคองให้ลุกขึ้นยืนหลังจู๋จี๋พอเป็นพิธี ไอ้ชายยังยืนอยู่ข้างๆ ผม แต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตา มันคงกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผมก็ไม่อยากไปกวนนัก
“กูสั่งให้รอข้างนอก”
“อ้อ” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหากระต่ายที่ยืนพิงกำแพงอย่างทุลักทุเลทำอะไรไม่ถูก ขนาดบิดตัวแก้เมื่อยที่โดนมัดตลอดคืนยังไม่กล้า
“ไม่เป็นไรนะมึง”
“พะ...พี่นิล เอ่อ...ควีน”
“เฮ้ย ไม่ต้องเรียกแบบนั้นหรอกน่า มึงไม่ใช่คนของคลับ” ผมพูดก่อนจะฉุกคิดได้ว่าไอ้กระต่ายแม่งอยู่ในสถานะที่ชวนสับสน จะบอกว่าไม่ใช่คนของคลับก็บอกไม่ได้เต็มปาก ในเมื่อถูกสั่งไปดูแลโรงงานซึ่งเอาไปจำหน่ายในคิงส์คลับ ได้เงินเดือนเทียบเท่าคนในคลับ แต่ดันเสือกไม่รู้อะไรสักอย่าง
จะบอกว่าไงดี ครึ่งผับครึ่งคลับเหรอวะ?
คิดแล้วผมก็ขมวดคิ้วมุ่น ตบบ่ากระต่ายแปะๆ เป็นเชิงว่าไม่ต้องกลัว ประเดี๋ยวทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
“สรุปแล้วมึงกับเบอร์หนึ่งนี่ยังไงกันแน่”
แต่ไม่วายกระซิบอย่างโคตรสงสัย โดยสายตาไม่ละไปจากหมาจิ้งจอกที่กำลังกระดิกหางให้พระราชา พวกมันสองคนคุยอะไรบางอย่าง คงจะออกคำสั่งเกี่ยวกับพวกที่กำลังเดินทางมาล่ะมั้ง แม่ง...หน้าตาระรื่นของเบอร์หนึ่งโคตรไร้ความน่าเชื่อถือเลยให้ตาย
“ผม...” กระต่ายหน้าแดงก่ำ โว๊ะ นี่มันยังไงกันแน่ อย่าบอกนะว่ามันหลงเสน่ห์หมาจิ้งจอก จะเลือกคู่ทั้งทีไม่ดูพันธุ์เลยนะมึง เป็นกระต่ายกินพืชอยู่แท้ๆ เสือกหย่อนผ้าเช็ดหน้ายั่วหมาล่าเนื้อ เดี๋ยวสักวันก็โดนขย้ำตายคากรงเล็บหรอก
ผมส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเบอร์หนึ่งที่น่าจะได้คำตอบชัดเจนมากกว่า
“สรุปมึงจะเอายังไงกับกระต่ายของกู”
เบอร์หนึ่งเลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าผมจะถามด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่องขนาดนี้ แน่ล่ะ ผมเลี้ยงของผมมานานนะเว้ย ถึงจะดื้อโดนแว้งกัดบ้าง แต่ยังไงกระต่ายก็เป็นกระต่ายอยู่วันยังค่ำ
“กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงดูเล่นนี่ครับควีน ผมก็ทำตามนั้น ให้น้ำให้อาหาร จับยัดใส่กรงคอยดูแล คงไม่ว่าอะไรนะครับ” เบอร์หนึ่งแม่งยิ้มตีเนียนชิบหาย สรุปคือตั้งใจกั๊กไว้หยอกเล่นว่างั้นเถอะ
“อย่าทำกระต่ายกูหนีเตลิดก็แล้วกัน”
“ผมเปิดกรงตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่คนที่กลับเข้ากรงให้ผมเลี้ยงน่ะคือกระต่ายของควีนต่างหากครับ” เบอร์หนึ่งพูดอย่างมั่นใจ เห็นแล้วโคตรน่าหมั่นไส้จนอดเตะตัดขาไม่ได้ มันก็ยืนให้ผมเตะด้วยนะ ร้องโอดโอยแสร้งทำเป็นทรุดพอขำขัน เห็นแล้วผมก็หมดอารมณ์ทำร้ายร่างกายไอ้หมาจิ้งจอกแสนเจ้าเล่ห์
กลับมาอ้อนผัวดีกว่า
ผมเดินไปหาไอ้คิงที่ยืนจิ้มโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ แต่พอเดินเข้าไปคุณผัวดันมองผ่านผมไปทักไอ้ชายซึ่งยังยืนทำสมาธิอยู่ซะงั้น
“มึงยังอยากเข้าคลับอยู่รึเปล่า”
ในที่สุดไอ้ชายก็เงยหน้าขึ้นสักที ผมโล่งใจที่มันไม่ได้ดูกล้ำกลืนฝืนทนเกินจะรับอย่างที่คิด
แต่เดี๋ยวก่อน มึงถามแบบนี้หมายความว่าไงวะไอ้คิง
ผมดึงแขนเสื้อคุณผัว แต่โดนมองเมินต่อไป...อะไรวะ เห็นเพื่อนเมียดีกว่าเมียแล้วเรอะ!
“อยาก” ไอ้ชายเหลือบมองผมเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับเสียงเรียบเหมือนตั้งใจไว้อยู่แล้ว เฮ้ย! ผมอุตส่าห์คิดแผนกับพี่หมอบเอาไว้ มึงจะมาทำเสียไม่ได้นะไอ้คิง!!!
ผมอยากจะกระชากผมไอ้ผัวที่ยิ้มหึๆ เป็นบ้า แต่ไม่ทันได้ทำประตูห้องก็ถูกเปิดพรวดพราดเข้ามาก่อน คนแรกคือพี่หมอบซึ่งมีสีหน้าตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด พี่แกกวาดตามองรอบห้อง เริ่มจากกระต่าย เบอร์หนึ่ง ไอ้สมศักดิ์ซึ่งโดนมัดมือเลือดอาบ ก่อนจะหยุดสายตาที่ผม ไอ้คิง และไอ้ชาย
ตอนแรกผมคิดว่าพี่แกจะโวยวายถามไถ่ตามประสาซะอีก แต่ปรากฏว่าพี่หมอบนิ่งมากครับ หลังสบตากับไอ้ชายด้วยสัญญาณเทเลพาทีอะไรบางอย่าง พี่แกก็เดินหลบให้พี่แว่นเข้ามาในห้อง พี่แว่นนั้นปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะเดินหน้านิ่งประกบอยู่ข้างๆ ไอ้คิง ขณะเดียวกันเบอร์หนึ่งก็เดินมายืนข้างผม จากนั้นไอ้เก่งและพี่เอก ก็เข้ามาขนาบคนละฝั่งโดยมีพี่หมอบยืนทิ้งท้าย
ตำแหน่งตามตารางหมากรุก ขาดก็แค่เรืออีกคนหนึ่ง
ผมรู้สึกฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก ถ้ามีเบี้ยยืนข้างหน้าด้วยคงจะได้อารมณ์มาก แต่ข้างหน้าผมตอนนี้มีแค่ชายและสมศักดิ์ ซึ่งไอ้คิงยังคงจ้องเพื่อนผมไว้เขม็ง ก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มเหยียด
“ยินดีต้อนรับ...สู่คิงส์คลับ”
------
ตอนนี้ยาวมาก ไม่ใช่อะไร ตั้งแต่ช่วงน้องนิลเข้าโกดัง เป็นเนื้อเรื่องที่เราแต่งเอาไว้ก่อนอยู่แล้วค่ะ ก็เลยจัดยาวๆ มาขนาดนี้ ส่วนเรื่องตำแหน่งยืน เรียงแบบนี้นะคะ
เรือ(พี่หมอบ)->อัศวิน(ไอ้เก่ง)->บิชอป(พี่แว่น)->คิง->ควีน<-บิชอป(เบอร์หนึ่ง)-<อัศวิน(พี่เอก)<-เรือ(แหว่ง) ค่ะ
เบอร์หนึ่งเป็นบิชอปข้างควีนเลยตามควีน พี่แว่นเป็นบิชอปข้างคิงเลยตามคิงช่วยฝั่งคลับค่ะ <3 ส่วนเก่งเป็นอัศวินข้างพี่แว่นก็เลยต้องปกป้องพี่แว่นกันไป ด้านพี่หมอบ...//จับชายมาวางข้างๆ จะได้ไม่เหงา 5555
ปล.แหว่งหมายถึงตำแหน่งแหว่งนะคะ ไม่ใช่ชื่อเรืออีกคน เราไม่ใจร้ายขนาดน้านนนน
เพจนักเขียนที่เริ่มใจหาย จะจบแล้วเหรอ ไม่นะ ไม่ อย่าทิ้งกันไปเลยหนุ่มๆ ของช้านนนนน!!