เย็นวันนั้นผมเดินเข้าคลับพร้อมไอ้คิง โดยมีพี่หมอบและไอ้ชายเดินตามไล่หลัง
“สวัสดีครับคิง”
พี่เอกยังคงยืนในตำแหน่งเดิมข้างประตู โค้งตัวน้อยๆ เหมือนว่าเมื่อเช้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีนะที่ก่อนหน้านี้ผมเล่าเรื่องลำดับชั้นในคลับให้ไอ้ชายฟังบ้างแล้ว และมันเองก็พอรู้จากพี่หมอบ ไม่งั้นคงตกใจกับการกระทำที่โคตรโอเว่อร์ของบรรดาพลพรรคลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของไอ้คิง
“สวัสดีครับควีน”
และของผมด้วย!
แปลกชะมัด ทำไมจู่ๆ ทุกคนก็พร้อมใจกันพูดทักทายผมกันหมดล่ะ พี่เอกไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่เพราะก่อนหน้านี้แม้จะไม่พูดเต็มปากแต่ก็เริ่มโค้งตัวให้ผมจนชินตาไปแล้ว แต่พวกเบี้ยคนอื่นๆ นี่สิ แม้จะทำพอเป็นพิธี แต่ก็ไม่เคยพูดออกมาเต็มปากเต็มคำ ดูจากสายตาที่มองสำรวจผมขึ้นลงแล้ว...คาดว่าเรื่องเมื่อเช้าคงจะกระจายทั่ว
จริงสิ ถ้าพี่หมอบรู้ คนในคลับก็ต้องรู้ เหมือนกับที่เบอร์หนึ่งรู้ คนอื่นแม่งก็รู้กันทั่ว คนในคลับสนิทสนมกันสุดๆ ความลับแทบไม่ปิดบังต่อกัน เสียก็แต่เวลาเล่าปากต่อปากแล้วโคตรมั่วนิ่ม อย่าบอกนะว่าข่าวกระจายผิดอีก เล่าว่าผมโดนยิงไส้ทะลุอะไรประมาณนั้น
แต่ท่าทางก็ไม่ได้กระโตกกระตากมากนี่หว่า พี่หมอบเล่าอะไรไปเนี่ย
ผมเหลือบตามองพี่หมอบที่ทักทายกับคนอื่นอย่างสนิทสนม จนเหมือนคนขายหวยที่ชวนคุยได้ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงยันตาแป๊ะเมายา เลยตัดสินใจว่าอย่าไปคิดมาก แม้จะรู้สึกสังหรณ์แปลกๆ ก็เถอะ
และมันก็เป็นจริงเมื่อพวกผมเดินไปถึงชั้นสอง
ไอ้เก่ง ซึ่งเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดพนักงานสุภาพโค้งตัวให้ไอ้คิง ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น
“สวัสดีครับคิง!”
ไอ้คิงพยักหน้าน้อยๆ แต่ยังไม่ขยับไปไหน เพราะไอ้เก่งยืนขวาง ก้มตัวอยู่อย่างนั้น
มันเงียบไปพักใหญ่จนผมชักเป็นตะคริว ก่อนจะตะโกนเสียงดังเหมือนจะให้คนในชั้นสองได้ยินทั้งหมด
“สวัสดีครับควีน!”
ชะเว้ยเฮ้ย!!!
ผมเกาะแขนไอ้คิงเพื่อไม่ให้ตกใจจนกลิ้งตกบันไดซะก่อน ไอ้เก่งพูดจบก็เงยหน้า จนเห็นหูแดงก่ำชัดเจน ก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ รูปปั้นอียิปต์ที่คล้ายจะสะอาดสะอ้านขึ้นกว่าเดิมทั้งที่ก่อนหน้านี้มันแอบปาแก้วเหล้าของลูกค้าใส่แล้วหาว่าเป็นลูกหลง จนอานูบิสของผมมีรอยบากตรงหน้าผากประหนึ่งโดนประกาศท้ารบ
แต่ในวันนี้คนคนนั้นกลับ...ยอมรับผม!?
นี่มันอะไรกันวะ ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ความจริงเรื่องในวันนี้ผมควรโดนด่าซะด้วยซ้ำที่เอาตัวเองไปหาอันตรายโดยไม่คิด ไปช่วยคนที่ไม่เกี่ยวกับคลับ แล้วเสือกลากเอาเบี้ยอีกสิบคนไปใช้งานนอกเวลาอีกต่างหาก แต่ไหงทุกอย่างกลับตาลปัตรแบบนี้ล่ะ นิลกาฬโคตรไม่เข้าใจ!
“ไปเถอะ”
ไอ้คิงดันเอวผมให้เดินผ่านหน้าไอ้เก่งซึ่งหลุบตามองพื้น สรุปเอาไงกันแน่วะ ผมอยากจะไปกระชากคอเสื้อถามให้ชัดๆ เป็นบ้าว่าสรุปคิดยังไงกับผมกันแน่ คงไม่ใช่ว่าเมื่อวันก่อนทำความลับพี่แว่นแตก ก็เลยโดนพี่แว่นบังคับให้ทำแบบนี้หรอกนะ ถ้าเป็นจริง ผมจะโมโหมาก และจะโกรธพี่แว่นมากๆ ด้วย
ผมหันไปมองพี่แว่นตรงเคาท์เตอร์ทันที แต่พี่แว่นกลับแค่ก้มหัวทักทายอย่างน่ามองประหนึ่งข้าหลวงสูงศักดิ์ ไม่พูดไม่จาสักคำแถมยังสบตาผมอย่างไม่เหมือนคนมีความผิดสักนิด
...หรือไม่ใช่พี่แว่น?
ไม่มีทางล่ะ คนไม่มีสมองอย่างไอ้เก่งน่ะเหรอจู่ๆ จะคิดเองได้ ผมไม่เชื่อ!
“น้องนิล ยืนทำอะไรอยู่น่ะ” พี่หมอบสะกิดถามเมื่อเห็นผมยื้อยุดกับไอ้คิง อยู่หน้าประตูออฟฟิศ ไม่ยอมเข้าไปสักที
ตอนแรกผมตั้งใจจะขอเวลาคุยกับพี่แว่นสักครู่ แต่พอเห็นไอ้ชายมองคิงส์คลับอย่างแปลกตาเหมือนหลงเข้ามาอีกโลกหนึ่ง โดยเฉพาะการตกแต่งชั้นสองที่ทำให้อ้าปากค้างเป็นพิเศษ ผมก็นึกได้ว่ายังมีอีกเรื่องต้องจัดการ
ไอ้คิงยอมให้ไอ้ชายตามก้นพี่หมอบ แสดงว่าต้องมีอะไรจะพูดด้วยแน่ๆ หรือมันจะยอมกลับคำ?
ไม่ล่ะ ไอ้คิงคงไม่ยอมปล่อยคนที่เข้ามาง่ายๆ แบบนี้ออกไปแน่นอน!
ผมรีบเปิดประตูเดินเข้าไปพร้อมไอ้คิง มันเดินไปนั่งตรงโซฟา ลากเอวผมมาด้วย แต่ผมแกะมือมันออก แล้วเดินไปเตรียมเครื่องดื่มเพราะคิดว่าคงต้องมีเรื่องให้หวาดวิตกจนต้องจิบน้ำเมาแก้เครียดแหงๆ
แต่พอเปิดตู้เย็น...ผมก็ต้องตกใจเพราะมีแต่น้ำผลไม้แช่เต็มไปหมด
เดี๋ยวนะ ก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่ามีแต่ขวดเบียร์นี่หว่า!
ผมหันไปมองไอ้คิง ไอ้คิงก็มองผม มันจุดบุหรี่ขึ้นสูบ นั่งเอนหลังกางแขนวางอำนาจแต่เสือกยักคิ้วล้อเลียนจนผมหลุดยิ้มออกมา
งั้นก็ดื่มน้ำผลไม้กันให้หมดนี่ล่ะ!
ผมหยิบกล่องน้ำองุ่นมาตั้งไว้บนโต๊ะตรงกลางพร้อมแก้วเปล่าสี่ใบ ก่อนจะเดินไปนั่งทางขวาพิงไหล่ไอ้คิงซึ่งวางแขนพาดรออยู่แล้ว
“หืม ทำไมมีน้ำผลไม้ในห้องด้วยล่ะ” พี่หมอบถามกึ่งอึ้งตะลึง
“ไม่รู้สิพี่ ไอ้คิงคงเล่นกลล่ะมั้ง” ผมตอบพลางศอกใส่เอวมันเป็นเชิงหยอก แต่คุณผัวเพียงหัวเราะหึหึแล้วพ่นควันออกมาจนผมไอค่อกแค่ก มันตกใจรีบดับบุหรี่ทิ้งทันที ความจริงผมไม่ได้แพ้ควันบุหรี่อะไรหรอกนะครับ ไม่งั้นคงตายไปตั้งแต่ตอนเจอมันครั้งแรกแล้ว แต่สงสัยเพราะเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน เครียดๆ เรื่องพี่แว่นกับไอ้เก่ง บวกกับตอนเช้าไปอยู่ในห้องที่มีแต่ฝุ่น ภูมิต้านทานผมเลยต่ำกว่าปกติล่ะมั้ง
แต่ขอยืนยันอีกครั้ง ผมไม่ได้จะเป็นจะตายอะไร ก็แค่รู้สึกระคายคอนิดหน่อยเท่านั้นเอง
“นิล” ชายรินน้ำส่งให้ผม ต่อหน้าต่อตาแฟนและผัวกูเลยนะเฮ้ย
“อืม...ขอบใจ” ผมรับมาเจื่อนๆ รู้สึกบรรยากาศไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ไอ้คิงโอบเอวผมแน่น ส่วนพี่หมอบก็นิ่งผิดปกติและเหลือบมองไอ้ชายอย่างกังวลแกมตัดพ้อ
โอ๊ย อึดอัดว่ะครับ
“คิง มึงจะเอายังไง สรุปจะรับชายจริงๆ เหรอ” ผมรีบเอ่ยเข้าเรื่อง วางแก้วที่ดื่มไปได้แค่ครึ่งเดียวกับโต๊ะ
“ถ้ามันอยากเข้า กูก็รับ”
“เราอยากเข้า” ไอ้ชายรีบพูดทันที “อย่าห้ามเลยนะนิล...นะหมอบ เราไม่อยากเป็นคนนอกที่ถูกกันทั้งที่คนอื่นๆ แอบทำอะไรลับหลังในเรื่องผิดกฏหมายหรอกนะ”
ผมขนลุกซู่...สายตาคาดโทษของไอ้ชายทำเอานั่งขยุกขยิกอย่างร้อนตัว
“ถ้ารู้ว่ามันไม่ดี ก็อย่าเอาตัวเข้ามายุ่งด้วยสิวะ”
“แล้วจะปล่อยนิลไว้คนเดียวได้ยังไง!” ชายพูดเสียงดัง ผมสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่ามันจะจริงจังขนาดนี้ โธ่ ไอ้ชาย มองหน้าพี่หมอบนิดนึงสิวะว่าสลดขนาดไหน ถึงพี่แกจะอยู่ในคลับมาก่อนผม แต่ใช่ว่าจะทำเป็นเมินได้หรอกนะ
ผมจับมือไอ้คิง เรียกหาตัวช่วยพิเศษ
“กูรับมึง”
ไอ้ผัวเชี่ย!
“แต่มึงมันอ่อนประสบการณ์ยิ่งกว่าเด็กฝึกใหม่ซะอีก ถ้าคิดจะทำงานในคลับ ยังเร็วไปร้อยปี”
สิบปีก็พอมั้งไอ้คิง...
“หมายความว่าไง”
สองหนุ่มจ้องตากันเขม็ง ถ้าเป็นในหนังอาจจะมีกระแสไฟฟ้าแล่นวูบวาบ
“กูรับมึงในฐานะเด็กฝึกงาน มึงเรียนรู้อยู่ข้างตัวไอ้หมอบไปก่อน ตอนนี้ทางผับขาดคน มึงก็อยู่ช่วยในตำแหน่งนั้นก็แล้วกัน”
จริงสิ พอเบอร์หนึ่งไปคุมที่โรงงาน พี่หมอบก็เริ่มทำงานที่ผับหนักขึ้น เสียแต่พี่แกหูตาไม่ค่อยไวเท่าบิชอปคนเก่งสักเท่าไหร่ ก็เลยอาจจะดูแลไม่ค่อยทั่วถึงนัก
พอรู้ว่าไอ้คิงจะส่งชายไปทำงานฝั่งผับ ผมก็โล่งอกโล่งใจขึ้นมาทันที
เฮ้อ...ผมควรจะเชื่อใจผัวสินะ ไอ้คิงมันคงไม่โง่ให้ไอ้ชายเข้ามาจับงานผิดกฏหมายทั้งที่โคตรมีใจรักความยุติธรรมได้หรอก มีหวังได้ทะเลาะกันตายพอดี
“แต่...” ไอ้ชายทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนอยากจะแย้งว่าผมอยู่ที่ไหนมันก็จะตามมาเฝ้าไม่ห่าง
“ทำไม ไม่อยากอยู่กับหมอบรึไง” ไอ้คิงแค่นยิ้มเหยียด สายตาโคตรดูแคลนจนผมกลัวพวกมันจะลุกมาต่อยกันสักยกเอามากๆ ซึ่งดูจากสภาพผมและพี่หมอบที่ไม่ค่อยช่วยอะไรแล้ว หากพวกมันซัดหมัดใส่กันจริงๆ อาจจะห้ามกันไม่ไหวว่ะ
ผมรีบเอื้อมมือไปบีบต้นขาไอ้คิง ใจเย็นๆ ผัว นั่นเพื่อนกู เพื่อนสนิทมากๆ ของกูด้วย
ส่วนไอ้ชาย...จงหันไปมองข้างๆ แล้วโปรดท่องไว้ให้ขึ้นใจ นั่นแฟนมึง แฟนที่โดนจับสวนทวารไปหลายรอบของมึง!
ไม่รู้ว่าการสะกดจิตของผมได้ผล หรือเพราะพวกมันไม่กล้าพอจะตะลุมบอน ไอ้คิงกับไอ้ชายเลยแค่จ้องหน้ากันนิ่งจนผมชักหวั่นว่ามันคงไม่หันมากินกันเองหรอกนะ ก่อนจะโล่งใจเมื่อไอ้ชายเป็นฝ่ายหลบตาเมื่อพี่หมอบยกมือแตะไหล่
“ถ้ามึงไม่อยาก...”
“ไม่เป็นไรพี่ ผมอยู่ช่วยพี่ดีกว่า” ไอ้ชายยอมรับในที่สุด หน้าตาเซื่องขึ้นมาทันที “ขอโทษ...”
“เออ ไม่เป็นไรน่า กูเข้าใจ”
โว้ย พี่หมอบ ทำไมพี่เป็นนางเอกขนาดนี้ ทำไมพี่ไม่ตบจูบมันสักทีให้ลุ่มหลงไปเลยล่ะวะ ขัดใจนิลกาฬเหลือหลาย
คิดไม่ทันขาดคำ พี่หมอบซึ่งนั่งหน้ายิ้มจู่ๆ ก็บีบคางไอ้ชายแล้วประกบจูบแรงๆ ด้วยสายตาดุเดือดเลือดพล่านประหนึ่งความอดทนสิ้นสุด ผมสะดุ้งเฮือก มองคนสองคนที่จูบแลกลิ้นกันตรงหน้าแล้วตกตะลึงพูดอะไรไม่ออก พี่หมอบแม่งอ่านใจผมได้ป่ะวะ แต่ยังขาดตบอยู่นะพี่ ถ้าจะให้มันส์ต้องเจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ สิถึงจะสะใจ
“แฮ่ก...”
พี่หมอบ...เพิ่งจะชมอยู่แหม่บๆ จูบแค่นี้ล่อซะหอบแฮ่กเลยเหรอพี่
พอผมหันไปมองไอ้ชาย...พอกัน นั่งหอบทั้งคู่ อ่อนหัดกันเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่ากลัวจะต่อยาวผมคงจับคุณผัวจูบโชว์ทำสถิติแลกลิ้นยาวยี่สิบนาทีไปแล้ว
เอิ่ม...นึกแล้วก็ชักอยากว่ะ
“เสร็จแล้วก็ออกไป”
ไอ้คิงโบกมือไล่เพื่อนที่ยังนั่งกอบโกยอากาศอย่างไม่ไยดี
“พาคนของมึงไปด้วย ต่อแต่นี้มันเป็นลูกน้องมึง”
“เออ ใจว่ะคิง” พี่หมอบดึงชายที่ยังหันมามองผมอย่างติดใจน้อยๆ ให้ออกไปทางประตูฝั่งผับด้วยกัน สุดท้ายแล้วไอ้คิงก็เป็นคิวปิดตัวจริงเหรอวะ นี่นิลกาฬทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้างเนี่ย โคตรเซ็งเลย
ผมนั่งเท้าคางกับเข่าตัวเอง พอประตูปิดลง ก็แทบจะร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ไอ้คิงก็โอบเอวผมไปนั่งตักแล้วประกบปากลงมา
อือหือ บอกเลยว่านิลกาฬรอเวลานี้นานแล้ว
สองลิ้นอุ่นร้อนพัวพันอย่างกับหนวดปลาหมึก หากให้เปรียบเปรยคงเหมือนช้างศึกที่ขับเคี่ยวกันโดยแบ่งเป็นฝ่ายน้ำเงินและฝ่ายแดง สีแดงยกให้ไอ้คิงไปแล้วกัน หัวมันเด่นขนาดนี้ แถมมันก็รุกผมก่อนด้วย
ฝ่ายแดงตวัดงวงคว้านเข้ามา ก่อนจะถูกฝ่ายน้ำเงินโรมรันเกี่ยวกวัดไม่ยอมแพ้ ศึกนี้ยาวนานนัก ทำให้เลือดหลั่งรินเป็นน้ำใสไหลเยิ้มออกมาตามขอบปาก คาดว่าเอนไซม์คงจะเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แต่กระนั้นสองช้างศึกก็ยังไม่ยอมแพ้
“อื้อ!”
ผมเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ มันก็พลิกตัวผมให้นอนราบกับโซฟา ก่อนจะเอียงศีรษะให้กดจูบแนบแน่นขึ้น
นะ...นี่มัน...ฝ่ายแดงเริ่มเล่นไม้ตายใช้กลวิธีก่อกวน ใช้กองทัพเสริมเป็นฝ่ามือที่เริ่มล้วงเข้ามาใต้สาบเสื้อ สะกิดกับจุดพิฆาตของฝ่ายน้ำเงินจนตัวอ่อนเปลี้ย แต่กระนั้นฝ่ายน้ำเงินก็ไม่ยอมแพ้ ยกสองเท้าขึ้นเกี่ยวรอบเอวฝ่ายแดงก่อนจะเป็นฝ่ายพลิกตัวทาบทับด้านบนแล้วแลกลิ้นลึกล้ำกว่าเดิม
ฝ่ายน้ำเงินเริ่มกลวิธีอันชั่วร้าย ปรือตามองด้วยสายตายั่วไม่พอยังจับมือฝ่ายแดงให้แปะกับหน้าอกตัวเองอย่างไร้ยางอายสิ้นดี ฝ่ายแดงเห็นเช่นนั้นก็บดขยี้ตุ่มเล็กๆ สีชมพูหวาน หารู้ไม่ว่าโดนล่อให้ติดกับเต็มเปาจนเปิดช่องโหว่ช่วงล่างออกมา
“!!!”
ฝ่ายแดงกระตุกตัวน้อยๆ เมื่อฝ่ายน้ำเงินจัดการเผด็จศึกขุนพลมังกรอันชั่วร้าย จับเป็นตัวประกันให้ยอมความ ทว่ามันไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ แปลงร่างเป็นขั้นสูงประหนึ่งอุลตร้าแมนบินไปเพิ่มพลังที่ดวงจันทร์ จนขนาดขยายขึ้นหลายเท่าชนิดที่ฝ่ายน้ำเงินแทบจะทานรับไม่ไหว จากที่บีบเค้นอย่างตั้งใจฆ่าให้ตาย กลายเป็นทั้งลูบทั้งรูดเพื่อเพิ่มพลังเสียนี่
เห็นทีศึกนี้ฝ่ายน้ำเงินจะแปรพรรคเสียแล้ว ฝ่ายแดงเห็นช่องว่างก็รีบบุกตีโดยไม่รอรี พลิกตัวกลับขึ้นคร่อม ก่อนจะกระชากปราการช่วงล่างของฝ่ายน้ำเงินให้เผชิญหน้าในศึกสุดท้าย เสียแต่ขุนผลที่ออกมาช่างแตกต่างนัก นี่มันเอาหนอนน้อยไปชนกับพญามังกรเห็นๆ!
“อา...คิง”
ฝ่ายน้ำเงินเพลี้ยพล้ำเต็มแก่เมื่อหนอนโดนมังกรบดเบียดจนแทบสิ้นชีวี การศึกตอนบนถูกหยุดยั้งชั่วคราวเมื่อฝ่ายแดงเริ่มไล้ปลายลิ้นมาคลอเคลียตรงลำคอแล้วดูดเม้มจนเกิดเสียงดังจ๊วบ คาดว่าฝ่ายน้ำเงินคงได้ปราชัยแน่แท้แล้ว...
แต่ว่า...
“บอสครับ มีลูกค้าขอเข้าพบครับ”
วินาทีนั้น...ไม่ว่าจะมังกรฝั่งแดง และหนอนฝั่งน้ำเงิน ต่างมอดม้วยมรณาพร้อมๆ กัน
แม่งเอ๊ย!!!
ผมกับไอ้คิงรีบใส่กางเกงทั้งที่ตายังมองกันเชื่อมด้วยความอยากกระสัน โดยเฉพาะตัวผมที่จินตนาการไปไกลลิบ ถึงกระทั่งยามประตูเมืองถูกตีพ่ายด้วยพญามังกรทะลวงหนักๆ ทำเอาหนอนน้อยกระอักเลือดสีข้นออกมาเพื่อจำนน แต่ว่า...ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝัน! ฮึก!!!
“เข้ามา”
ไอ้เก่งที่เคาะประตูได้ถูกจังหวะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผมกับไอ้คิงนั่งกองกันอยู่ตรงโซฟา ในสภาพที่ค่อนข้างจะผ่านศึกอย่างโชกโชน
“บอสครับ มีคนอยากติดต่อขอกู้เงิน ไม่ทราบว่า...สะดวกมั้ยครับ”
มาถามตอนนี้มันทันมั้ยวะ! ผมเสยผมตัวเองก่อนจะพยักหน้าตอบรับแทนไอ้คิงอย่างหงุดหงิด ปล่อยให้ไอ้เก่งไปตามตัวลูกค้าอันน่าสาปแช่งเข้ามา ก่อนจะชะงักเมื่อคุณผัวจูบปากเบาๆ ด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีเกินคาด
“พรุ่งนี้กูหยุด”
“ทำไมล่ะ”
“วันต่อมาก็หยุด”
ผมขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย ก่อนจะเริ่มเผยยิ้มออกมาบ้างเมื่อนึกอะไรออก
อะฮ้า ดูท่าการศึกจะได้เริ่มใหม่เร็วๆ นี้ซะแล้วสิ
“สามวันสามคืนของเราใช่มั้ย”
แถมยังเป็นศึกยืดเยื้อซะด้วย!
“เตรียมตัวรึยังเมีย”
“พร้อมตั้งนานแล้ว คุณผัว” ผมหัวเราะพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อรอรับลูกค้าด้วยอารมณ์ระรื่นกว่าเดิม
หลังพายุพัดผ่าน ท้องฟ้าก็สดใส
หวังก็แต่จะไม่ฟ้าเหลืองล่ะนะ
--------------
ในที่สุดก็แฮปปี้เอนดิ้งค่ะ เนื้อหาภาคแรกจะจบลงตรงนี้ ต่อไปจะเหมือนเป็นตอนเสริมซะมากกว่าเกี่ยวกับสามวันสามคืนของคู่ผัวเมีย และทิ้งท้ายเกี่ยวกับเรืออีกคนที่จะกลับมาจากตปท. ที่เกริ่นไว้ตั้งแต่พาร์ทคิงแรกๆ มีตัวตนจริงนะคะคนนี้ ไม่ได้เเหว่ง และไม่ได้ชื่อแหว่งด้วย 555
ตอนนี้เรื่องหลักเหลืออีกประมาณสองตอน แต่ก่อนจะไปสามวันสามคืน จะเป็นสรุปเกี่ยวกับคู่อื่นๆ ก่อนค่ะ เบอร์หนึ่งกระต่าย ชายหมอบ แล้วก็เก่งแว่น ค่อยมาจบที่คิงนิล ว่าแต่...น้องนิลนี่นับวันยิ่งเพ้อใช่ย่อยจริงๆ //ยอม
ปล.เห็นคนถามว่าเปิดพรีเมื่อไหร่ คือ...เปิดอยู่แล้วนะคะ เปิดสักพักแล้วด้วย จิ้มลิ้งเพจข้างล่างได้เลยค่ะ
เพจนักเขียนที่เร่งปั่นเพื่อจะได้มีเวลาจัดไฟล์เล่มสองในต้นเดือนหน้า แล้วเข็นส่งโรงพิมพ์เจ้าค่ะ //ที่อัพรัวๆ คือไฟลนก้นแล้ว 
ทิ้งท้ายอีกนิดเผื่อกลัวว่าเราจะทำไม่ทัน แล้วเงินที่โอนมาจะทำเยี่ยงไร ไม่ต้องห่วงนะคะ...เราเคยบอกแล้วว่าช่วงหลังเราเเต่งตุนไว้ก่อน ตอนนี้เลยเหลือแค่สรุปคู่อื่นๆ ( ที่คงไม่ยาวมาก ตอนละไม่กี่หน้า) ส่วนสามวันสามคืน ยันตอนจบภาคหนึ่ง รวบตอนพิเศษอีกสี่ตอน เราแต่งจบหมดแล้วค่า ^0^! //จุดพลุ