เก่งxแว่น Part 1
ผมเจอเขาครั้งแรก...ตอนอายุเก้าขวบ
เขาเป็นครูพิเศษที่รับสอนตามบ้าน เห็นว่ามีฐานะค่อนข้างยากจนจึงต้องหาเงินเสริมทั้งที่มีงานประจำอยู่แล้ว เขาอายุมากกว่าผมถึงถึงสิบปี แวบแรกที่เห็น...ผมก็เผลอคิดว่าคนคนนี้ช่างมีบุคลิกที่งดงามจนละสายตาไม่ได้ ดูสูงค่ายิ่งกว่าลูกคุณหนูที่เคยเห็นซะอีก
“สวย...”
ดวงตาใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมเหลือบมองผมน้อยๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าเป็นแค่เด็กทะโมนปากมอม
“ขอบใจ...” เสียงทุ้มนุ่มที่เหมือนสายลมแผ่วชวนเคลิบเคลิ้ม ทำเอาใจสั่นระรัวจนไม่อาจห้ามตัวเองไหว
“แต่งงานกับผมนะ”
ห้ามไม่ไหว...จนแสดงความรักออกมาอย่างโผงผางเกินคาด
ตอนนั้นผมยังเด็ก ไม่รู้หรอกว่านั่นคือความรู้สึกของรักแรกพบ ที่ปนมาพร้อมกับความหลงใหลได้ปลื้ม ผมรู้แต่ว่าผมอยากเฝ้ามองคนคนนี้ไปตลอด ต่อให้เขาอยู่ท่ามกลางฝูงคนมากมาย ผมก็เชื่อว่าจะสามารถแยกแยะได้เพียงปรายตามองแค่ครั้งเดียว
ภาพของเขามันทาบทับในใจจนเต็มดวง
“เด็กน้อย...” เสียแต่อีกฝ่ายเห็นผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กกระเปี๊ยกเท่านั้น “เก็บคำนั้นให้คนสำคัญเถอะ”
คำกระเซ้า พร้อมรอยยิ้มหวาน กลับยิ่งทำให้ใจผมเต้นแรง
วินาทีนั้นผมก็ไม่อาจชอบใครได้อีกแล้ว
ผมยอมทำทุกอย่าง เพื่อจะได้ใกล้ชิดเขาให้มากขึ้น ถึงขนาดตั้งใจเรียนเพื่อให้เขาชม และภาคภูมิใจ แต่หลังจากเรียนจบเทอม
แรก เขาก็เลิกสอนพิเศษ...หายตัวไปอย่างเงียบเชียบ...โดยไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
ครอบครัวของเขาล้มละลาย
ไม่ว่าจะถามคนรู้จัก หรือตามหาแค่ไหน เขาก็เหมือนหายเข้ากลีบเมฆ
ทั้งหมดเพราะเจ้าหนี้ที่ตามตื๊อ จนต้องหนีหายไม่ติดต่อใครทั้งสิ้น บ้านที่เคยอาศัย ก็ถูกธนาคารยึดไป ไม่เหลือร่องรอยให้ผมสืบหา
มีเพียงภาพของเขา...ที่ผมประทับในใจไม่ลืม
พี่...
หลังจากนั้นอีกสิบปี ผมก็ได้เจอเขาอีกครั้ง
“โยนออกไปให้หมด”
น้ำเสียงที่ไม่มีวันลืม แม้ว่าผมจะเปลี่ยนไปแทบเป็นคนละคน จากเด็กตัวกระเปี๊ยกผอมแห้งจนโดนแซว กลับหันมาออกกำลังกายจนรูปร่างสูงใหญ่ ท้าตีท้าต่อยพยายามแสดงความแข็งแกร่งระรานคนอื่นไปทั่ว ตอนนั้น...ผมกำลังเมาอาละวาดเพราะแย่งผู้หญิงกับคู่กรณี ผมไม่ได้รักหล่อนหรอก แต่ผมเป็นพวกต้องการเซ็กซ์ เซ็กซ์ที่ไม่มีวันได้เติมเต็ม แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดช่องว่างในใจจากการรอคอยใครบางคนได้บ้าง
และคนคนนั้นก็อยู่เบื้องหน้าผม
เขา...ที่แม้จะโตขึ้นแต่ก็เหมือนในความทรงจำทุกๆ อย่าง โดยเฉพาะดวงตาใต้กรอบแว่นที่แสนล้ำค่านั่น เขา...ช่างมีกลิ่นอายและบรรยากาศแตกต่างจากคนอื่นในคลับโดยสิ้นเชิง แต่กลับทำให้ยิ่งโดดเด่น ราวกับหลุดมาในโลกโสมมที่เต็มไปด้วยความดิบเถื่อน แต่เขาช่างดูสะอาด...สูงส่ง...และงามสง่าเหลือเกิน
ใช่...ใช่ ‘เขา’ จริงๆ!
ทั้งที่ก่อนหน้านี้โดนหลายมือฉุดกระชากให้หยุด แต่เมื่อเห็นคนที่ตามหามาตลอดสิบปี ผมก็ทรุดลงไปคุกเข่าแทบเท้า
เขาสะดุ้งน้อยๆ มองผมอย่างตกใจ
...คงจะจำกันไม่ได้แล้ว
“พี่แว่น” ผมเรียกชื่อที่จำได้ไม่ลืม “แต่งงานกับผมนะ”
วินาทีนั้นทุกอย่างคล้ายถูกหยุดเวลาเอาไว้ เช่นเดียวกับความลุ้นระทึกในใจของผมที่ได้พูดในสิ่งที่อยากบอกมาตลอดสิบปี แต่ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะพออีกฝ่ายตั้งสติได้ เขาก็มองผมอย่างเย็นชา และหันไปออกคำสั่งกับคนข้างๆ โดยไม่คิดปรายตามองสักนิด
“ลากมันออกไป”
ไม่พูดเปล่า ยังเดินหนีกันอีกด้วย
“เดี๋ยว!” ผมรีบลุกขึ้น สะบัดตัวหนีจากกลุ่มคนที่เข้ามากระชากจนกระเด็นออกไป ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ยื้อผมไม่ได้หรอก “ผมอยากสมัครทำงานที่นี่ ผมต้องติดต่อใคร”
พี่แว่นขมวดคิ้ว ก่อนจะมองผมอย่างพิจารณา ข้างๆ กันคือชายรูปร่างสูงที่เดินลงมาจากชั้นสอง เห็นว่าคนชื่อ ‘เอก’ ไม่อยู่ จึงต้องเรียกให้อีกฝ่ายมาจัดการ
และคนคนนั้นก็มองผมอย่างไม่ถูกชะตาสุดขีด
“คิดจะสมัครเป็นพนักงานคิงส์คลับ ฝันหวานรึเปล่าไอ้น้อง” มันตั้งท่าจะผลักอกผมให้ล้ม แต่ดันโดนผมบีบข้อมือแน่นจนร้องลั่น
“ผมอยากสมัครงานจริงๆ เชื่อสิ ผมทำงานได้ดีกว่าหมอนี่แน่นอน” พูดจบร่างนั้นก็ทรุดฮวบ ข้อมือบิดผิดรูป หลังจากนี้คงต้องพาไปส่งโรงพยาบาล
ผมยิ้มเย็น ก่อนจะหันมาทำหน้าเฝ้ารออย่างคาดหวังเมื่อพี่แว่นไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
และยิ่งผิดหวัง เมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะเดินหันหลังจากไป
...อีกกี่ครั้ง...ต้องเดินจากผมไปอีกกี่ครั้งถึงจะพอ...
“ตามมา”
พลันหัวใจพองโตเมื่อได้ยินเสียงเรียกเป็นเชิงตอบรับ ผมรีบเดินไล่หลังเข้าหา ระริกระรี้สุดขีดอย่างห้ามใจไม่อยู่ แต่ไม่ว่าจะชวนคุยอีกกี่ครั้งอีกฝ่ายก็ไม่ยอมพูดด้วยสักที จะมีก็แค่อุปกรณ์สื่อสารนามไอแพดที่เป็นก้างขวางคอ
ในนั้นบรรจุรายละเอียดในคลับให้ผมทำความเข้าใจก่อนเซ็นสัญญา
คิง...เรือ...อัศวิน...บิชอป...และเบี้ย
คิงส์คลับเป็นที่ที่น่าสนใจจริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อคนตรงหน้าเป็นหนึ่งในบิชอป!
ถ้าอย่างนั้น...ถ้าอยากให้อีกฝ่ายสนใจ ถ้าต้องการจะยืนเทียบเคียง ผมก็ควรจะเป็น...
“ใครคืออัศวินในตอนนี้เหรอครับ”
คำตอบคือนิ้วเรียวสวยที่ชี้ไปยังชายซึ่งถูกลูกน้องช่วยกันประคองให้ไปโรงพยาบาลเพราะข้อมือบวมเป่งผิดรูป
นี่สินะที่เรียกว่าสวรรค์เป็นใจ!
หลังจากนั้นสามเดือน ผมก็ได้รับความไว้วางใจจากบอส ด้วยกำลังกายที่ค่อนข้างมากกว่าคนอื่น ด้วยสิ่งที่ผมพยายามฝึกแต่เด็กเพื่อปกป้องคนที่รัก...จึงถูกแต่งตั้งให้เป็นอัศวินแทนคนเดิมที่ลาออกจากตำแหน่งเพราะสู้หน้าไม่ไหว
ทว่า...มันกลับเป็นสามเดือนที่ทำให้ผมยิ่งทุกข์ทนกว่าเดิม
“พี่แว่น...พี่ไม่รับรักผม เพราะพี่ชอบบอสใช่มั้ย”
ทำไมผมจะไม่รู้ ในเมื่อผมเฝ้ามองแต่เขามาตลอด จับจ้องแค่เขา ห่วงหาแต่เขา ฉะนั้นแม้อีกฝ่ายจะเก็บอาการได้ดีขนาดไหน เก็บความรู้สึกได้มิดชิดจนแทบจับความรู้สึกไม่ได้ แต่การปรายตามองบอสบ่อยๆ ทุกครั้งเวลาเข้ามาทำงานในคลับ รวมทั้งน้ำเสียงที่คล้ายจะอ่อนลง ก็ทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนที่รักกำลังมีใจให้คนอื่น
พี่แว่นไม่ตอบ บางที...ผมคงไม่มีค่าพอให้เขายอมพูดด้วย
ทั้งที่คว้าตำแหน่งอัศวินมาได้แล้วแท้ๆ แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
ไม่สิ เขากลับยิ่งพยายามถอยห่าง ปฏิเสธความรู้สึกของผมซะด้วยซ้ำ!
“พี่แว่น พี่...จำผมไม่ได้เหรอ”
อีกฝ่ายส่ายหน้า มองด้วยสายตาไร้เยื่อใย
ผมแทบจะทรุดตัวอยู่ตรงนั้น
กว่าจะตั้งหลักได้ ผมก็ต้องตระเวนถามคนในคลับเพื่อทำความรู้จักกับอีกฝ่ายมากขึ้น ความรู้สึกผมไม่เปลี่ยนหรอก ผมแค่ต้องการรู้เท่านั้นว่าทำไมเขาถึงมาทำงานในคลับ...ทั้งที่ดูแตกต่างจากที่แห่งนี้เหลือเกิน
“ลองถามพี่เอกสิ พี่เอกก็อยู่ตั้งแต่รุ่นบุกเบิกเหมือนพี่แว่นนั่นแหละ”
ฉะนั้นผมจึงเข้าไปตีสนิทกับพี่เอก แม้จะอยู่ตำแหน่งเดียวกัน ทำงานเข้าขากันในบางโอกาส แต่พวกเราสองคนไม่เคยนั่งก๊งเหล้าอย่างสนิทสนมมาก่อน
“ชอบแว่นเหรอเราน่ะ”
ผมสะอึกเมื่อประโยคแรกหลังอารมณ์กรึ่มๆ คือคำพูดตรงไปตรงมาของพี่เอก เพราะหลังจากเข้ามาเป็นพนักงานในคิงส์คลับอย่างเต็มตัว ผมก็ไม่เคยบอกรักหรือแสดงท่าทางในอีกความหมายหนึ่งเพื่อไม่ให้พี่แว่นลำบากใจหรือคิดไล่ผมออกด้วยความรำคาญซะก่อน
“พี่เอกรู้มั้ย...ว่าทำไมพี่แว่นถึงมาทำงานในคลับ”
พี่เอกหมุนขวดเหล้า ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
“ถ้าจำไม่ผิด...ดูเหมือนว่าที่บ้านจะล้มละลาย ดอกเบี้ยที่ครอบครัวก่อไว้มากจนชาตินี้ไม่ว่าทำยังไงก็ใช้ไม่หมด แว่นมาเจอกับบอสตอนเข้ามาขอกู้เงิน ก่อนจะโดนทาบทามให้มาทำงานที่นี่เพราะบอสเห็นแวว” พี่เอกยอมเล่าง่ายเหลือเชื่อ แถมยังเรียกชื่อห้วนๆ ทั้งที่อายุน้อยกว่าพี่แว่นสองปี
จริงสิ พวกเขาเป็นรุ่นบุกเบิกเหมือนกัน คงจะสนิทกันมากสินะ
...อิจฉาชะมัด
“แค่สี่ปี แต่ก็ใช้หนี้มหาศาลนั่นไปเกือบครึ่ง แว่นเป็นคนเก่ง พอมีคนให้โอกาสเลยฉลุย”
ผมชักเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่แว่นถึงชอบบอส
เพราะบอสเข้ามาช่วยเหลือในช่วงที่พี่แว่นสิ้นหวัง ขณะที่ผมทำได้เพียงเพ้อฝันและเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ
ผมมันก็แค่เด็กกระเปี๊ยก เทียบเคียงบอสไม่ได้เลย
คนที่เก่งขนาดนั้น ฉลาด และไร้จุดอ่อน ผมยอมรับบอสทั้งใจและรู้ตัวว่าไม่มีวันสู้ได้ แต่กับพี่แว่นไม่ใช่...พี่แว่น...เหมาะสมกับบอส
ถึงจะยอมรับยาก แต่อย่างน้อย...ผมก็อยากสนับสนุนความรักของเขา
เพราะผมไม่มีความหวังเลย
ไม่มี...แม้แต่เสี้ยวหนึ่งซะด้วยซ้ำ!
แต่แล้วทุกอย่างก็กลับตาลปัตร
“แล้วบอสจะให้พวกเราเรียก...ราชินีของบอสว่ายังไง”
“ควีน”
เมื่อ ‘นิลกาฬ’ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในปราสาทหลังนี้!
ผมรีบหันไปมองหน้าพี่แว่น พบว่าอีกฝ่ายนิ่งค้างไร้ความรู้สึกไปแล้ว
ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้กันล่ะ ทั้งที่พยายามพิสูจน์ว่านิลกาฬไม่คู่ควร แต่ทำไมบอสถึงไปคว้ามันกลับมา แล้วยังแต่งตั้งเป็น ‘ควีน’
ทำไมถึงไม่มองคนข้างกายบ้าง!
ผมโกรธจัด ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมรับ ฉะนั้นถึงได้พูดท้าทายออกไป
“พวกเราจะให้คุณพิสูจน์ตัวเองหนึ่งเดือน ควีน ถ้าคุณทำให้พวกเรายอมรับได้ พวกเราก็จะยอมรับตำแหน่งนั้น แต่ถ้าไม่...”
ผมโค้งตัวน้อยๆ ให้บอส แม้จะยอมรับคนคนนี้จากใจ แต่ถ้าทำให้พี่แว่นของผมเจ็บช้ำ ผมก็ไม่คิดอยากติดตามคนคนนี้อีกแล้ว
“คิงส์คลับก็จะขาด ‘อัศวิน’ ไปหนึ่งคน พร้อมกับเบี้ยที่ติดตามเขา!”
แต่ใครเลยจะรู้...ว่าสุดท้ายแล้ว...คนของบอสนั้นเป็นของจริง
และใครเลยจะรู้...ว่าสุดท้ายแล้ว...คนที่ทำให้พี่แว่นเสียใจที่สุด...
...จะเป็นตัวผมเอง...
“พูดออกไปทำไม!” พี่แว่นถามผมเสียงเครือ ทั้งที่พยายามพูดกับนิลกาฬ...กับควีนว่าไม่คิดอะไรมาก แต่พอลับหลัง...พอคลับปิด เขาก็ลากผมออกมาเพื่อเคลียร์ความลับที่มีแค่เราสองคนที่รู้
เขาโกรธ...โกรธผมทั้งที่อยากจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ลึกที่สุด แต่ผมเองก็โกรธ...โกรธที่เขาทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แถมยังยิ้มให้กับควีน...ทั้งที่เฝ้ามองบอสและแอบหลงรักมานาน
ทั้งที่มาก่อนแท้ๆ...แล้วทำไม...
ทำไมถึงได้ทำเหมือนตัดใจ!
ความรักของผมน่ะไม่มีหวัง เพราะอย่างนั้น...ผมถึงอยากให้เขาสมหวัง...สักนิดก็ยังดี
“ฉันเกลียดนาย”
แม้จะโดนเกลียดก็ตาม...
ผมยืนนิ่ง ได้แต่มองคนที่แสนรักยกมือปิดหน้าด้วยความทดท้อ คนที่เยือกเย็นเสมอกำลังหวาดกลัว...กลัวว่าหากบอสรู้ความจริงแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไป กลัวว่าหากความลับนี้กระจายไปทั่ว...คนในคลับจะมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“เอาเถอะ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว” ท้ายที่สุด พี่แว่นก็ละมือออก สีหน้าแฝงความปลงตกและทำใจ “ควีนจะไม่ทำแบบนั้น”
ดวงตาที่แสดงออกยามนึกถึงคนที่ควรเกลียด...กลับเต็มไปด้วยความรักและให้อภัย
แล้วผมล่ะ...ผมคนนี้...
ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจปรากฎไม่หยุด แต่ผมก็พยายามยั้งมันเอาไว้ เพราะต่อให้คุกเข่า อ้อนวอนขอความรักของจากคนคนนี้อีกกี่ครั้ง ก็คงไม่พ้นคำปฏิเสธและรังเกียจอยู่ดี
“ผมขอโทษ”
“หยุดเถอะ”
“ผมขอโทษ”
“พอ...สักที” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่มักราบเรียบเสมอ กลับสั่นเครือในตอนท้าย
ครั้งนี้ผมห้ามตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ถือวิสาสะดึงพี่แว่นเข้ามากอด...ปลอบคนที่ผมทำร้ายด้วยตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพี่แว่นอยากเก็บความลับนี้มากแค่ไหน หากผมรู้ตัวว่าไม่คู่ควรกับอีกฝ่าย จนเลือกจะตัดใจและสนับสนุน พี่แว่นเองก็เข้าใจดีว่าไม่มีวันเคียงข้างบอส และหันไปสนับสนุนอีกคนหนึ่งที่เหมาะสมยิ่งกว่า
การกระทำของเราสองคนสวนทางกัน!
และ...เจ็บปวดมากมายพอกัน
“ผมขอโทษนะครับ” ผมกำชับอ้อมกอดแน่นเมื่ออีกฝ่ายขืนตัวน้อยๆ แต่สุดท้ายก็ยืนนิ่ง ก่อนจะทิ้งหน้าซบกับอกของผมอย่างอ่อนล้า
พี่แว่นเหนื่อย ผมเองก็เหนื่อย
บางทีพวกเราคนใดคนหนึ่งควรจะพอได้แล้ว
“ผมจะยอมรับควีน”
วางอคติลง แล้วหันมามองความเป็นจริง
หึ ถึงไม่อยากจะเชื่อ แต่ในใจผมนึกยอมรับนิลกาฬมาสักพักแล้ว และยิ่งมั่นใจเมื่อตอนไปทวงหนี้ด้วยกัน นิลกาฬเป็นคนพิเศษ เขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างในคลับ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ก็ทำให้คลับที่มักมีบรรยากาศเคร่งเครียดมีชีวิตชีวามากขึ้น เขาทำให้ปราสาทหลังนี้สมบูรณ์แบบ เติมเต็มในสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน
ทั้งวิธีการบ้าบิ่น ทั้งการตัดสินใจรวดเร็วฉับไว ทั้งไหวพริบและพลังใจที่พร้อมเผชิญหน้ากับทุกอย่าง
คนคนนั้นสมควรเคียงข้าง ‘คิง’
“ผมยอมแพ้แล้ว และพี่แว่นละครับ ยอมหรือยัง”
อีกฝ่ายพยายามดันตัวเองออกมา แต่ผมยังคงบังคับกอดเอาไว้แบบนั้น เพราะบางที...นี่อาจเป็นกอดครั้งสุดท้ายที่ผมจะฉวยโอกาสได้ตอนที่พี่แว่นยังอ่อนแอ
“ผมยอมรับควีน แล้วพี่แว่น...จะยอมรับผม...บ้างมั้ยครับ” ผมถามอย่างไม่คาดหวัง เพราะความรักนี้ช่างมืดมนและไร้หนทางเหลือเกิน
แต่ว่า...
“...ฉันจะลองคิดดู”
บางครั้ง ถ้าลองถอยหลังมาก้าวหนึ่ง
อาจจะเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเหลียวหลังกลับไปมอง และเจอกับใครอีกคนที่พร้อมแบกรับความผิดพลาดไปด้วยกัน
“ขอบคุณครับ”---------
วิ่งมาสารภาพบาปค่ะ...เราลืมลงไปตอนนึง!!! ความจริงตอนนี้ในหนังสือจะอยู่ก่อนตอนสามวันสามคืน ช่วงสรุปแต่ละคู่ แต่คงเพราะความหื่น เอ๊ย ความคิดถึงน้องนิลพี่คิง ก็เลยข้ามไปลงตอนสามวันสามคืนจนจบยันตอนพิเศษโดยลืมลงตอนของเก่งแว่นซะสนิท!!! //ขอขอบคุณนักอ่านท่านหนึ่งที่ได้หนังสือแล้วทักขึ้นมา QAQ
อนึ่ง ความจริงพี่แว่นไม่ใช่คนสวย แต่บุคลิกพี่ท่านดี ทำให้ดูแล้วน่ามอง ดูสง่า ดูเริ่ดไปหมด ส่วนเก่งหลงรักหัวปักหัวปำแต่เด็ก โตมาก็ยังนิสัยเด็ก ก็เลยออกแนวเด็กอวยของรักตัวเองซะมาก
ปล.ขอย้ำเรื่องนี้ไม่มาม่าค่ะ แต่ถ้านับความหน่วง คู่นี้ออกจะมาแรงกว่าพี่หมอบซะอีก 555
เพจนักเขียนที่กล้ำกลืนฝืนทน อย่างน้อยก็อยากจะยื้อพี่แว่นเอาไว้ เก่ง...นายแห้วไปเถอะ ชั้นจองพี่แว่นเฟ้ย!