ตอนที่ 52 : คาโต๊ะ
พอเบอร์หนึ่งวกกลับมาอีกครั้ง ไอ้คิงก็สั่งให้ไปตามอัศวินทั้งสองคน รวมทั้งพี่แว่น และพี่หมอบให้เข้ามาพร้อมหน้าพร้อมตา
เพราะไม่อยากให้ผัวเหนื่อยเกินไป ผมเลยเป็นคนอธิบายเรื่องนักสืบเมื่อสักครู่และเรื่องของตำรวจที่เข้ามาตรวจค้นเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าเป็นการป้ายสีจากคนนอก พี่หมอบซึ่งนั่งประคบหน้าบนโซฟาถึงกับเลิกคิ้วงุนงง
“งั้นเสียงที่น้องนิลอัดมาล่ะ”
นี่ก็ย้ำจัง ผมยิ่งใจหายอยู่เพราะรู้สึกเหมือนนำพาความวินาศเข้าสู่คลับ
เพราะจนถึงตอนนี้ไอ้คิงแม่งก็ยังเหมือนทำใจไม่ได้
อยากจะกอดปลอบอยู่หรอก แต่สถานการณ์ไม่เหมาะ โดยเฉพาะเมื่อยังข้องใจกับพี่เอกโคตรๆ
“คือ...”
“ออกไปให้หมด” พอจบเรื่องไอ้คิงก็ออกคำสั่งทั้งที่ยังทำหน้าไม่สบอารมณ์สุดขีด พี่หมอบอ้าปากคล้ายจะถามเพราะจับได้ว่ามันทำตัวแปลกไป แต่พอเห็นผมส่งซิกห้ามปรามก็ตัดสินใจเดินนำเป็นคนแรก
“ยกเว้นเอก”
ไอ้คิงพูดทิ้งท้ายพร้อมกับเหลือบมองคนที่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างดีโดยมีพร็อพประดับเพิ่มเป็นผ้าพันแผลรอบศีรษะและพลาสเตอร์แปะเต็มหน้า พี่เอกนั่งคุกเข่ากับพื้นหน้าโต๊ะทำงานเพราะยังถูกไอ้เก่งคุมตัวตามคำสั่ง แต่ละคนมองหน้ากันเองแบบคาดเดาไม่ถูกว่าถ้าพี่เอกไม่ใช่คนทรยศแล้วทำไมไอ้คิงถึงทำหน้าเหี้ยมอยู่อีก เผลอๆ จะหนักกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ เกรงว่าถ้าทิ้งเอาไว้พี่เอกอาจจะโดนขย้ำตายเอาได้ ร้อนให้นิลกาฬต้องขยิบตาส่งซิกอีกรอบว่าไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยดูให้เอง
พี่หมอบยกนิ้วโป้งให้กำลังใจก่อนจะเดินออกคนแรก เบอร์หนึ่งยังติดลังเลเหมือนอยากสาระเนอยู่บ้างแต่เพราะไอ้คิงทำหน้าแย่มากจริงๆ เลยปิดปากสนิทแล้วไสหัวแต่โดยดี
พอประตูปิดลง กระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนก็ถูกปาใส่หน้าพี่เอกที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ความจริงด้วยสถานะที่พ้นจากการเป็นคนทรยศ จะลุกขึ้นยืนก็ยังได้ แต่ด้วยสังขารไม่ค่อยอำนวยเพราะแม้จะเช็ดหน้าเช็ดตาสะอาดสะอ้าน แต่รอยเลือดตามไรผมและเสื้อผ้ายังคงอยู่ พี่เอกจึงนั่งคุกเข่าอย่างสงบเสงี่ยมไร้ปากเสียง และหยิบกระดาษก้อนนั้นคลี่ออกด้วยความสับสน
ก่อนจะเบิกตากว้างและตัวแข็งค้างเมื่อเห็นชื่อที่ไม่ควรปรากฎ ณ ที่นี้
“ผม...”
“พูดให้ดี” ไอ้คิงแทรกเสียงเย็น ถ้าตามันพ่นแสงเลเซอร์ได้พี่เอกคงตายไปเก้าร้อยเก้าสิบเก้าครั้ง แต่ก็นับว่าเก็บอาการได้ดี ถ้าเปลี่ยนเป็นผมเผชิญหน้ากับคนที่รู้จักแม่ตัวเอง...คงไม่นิ่งได้เท่ามันหรอก
พี่เอกเงียบไปอึดใจหนึ่ง พับกระดาษแผ่นนั้นอย่างเรียบร้อย ก่อนจะยอมสารภาพออกมา
“บอสเข้าใจถูกแล้ว ผมถูกจ้างเพื่อช่วยเหลือบอส”
ไอ้คิงยังนิ่ง
“ผมรู้จักบอสมาก่อน” พี่เอกเอ่ยอย่างไม่คิดปิดบังอีกต่อไป “ผมเป็นคนของ ‘ท่าน’ แต่แรก”
เดดแอร์สิครับ
ผมมองไอ้คิง มองพี่เอก ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปบีบต้นขาผัวเบาๆ เผื่อว่าสติหลุดไปแล้ว
“บอสรู้ดีว่าอเล็กซ์เป็นหลานรักของท่าน การที่บอสชักชวนให้เขามาทำงานด้านนี้ ท่านย่อมอยากรู้ว่าบอสจะหลอกอเล็กซ์เพื่อหวังเงินหรือไม่ มีประวัติอย่างไร จึงรู้เรื่องนั้นเข้าโดยบังเอิญ...”
หรือก็คือ ไอ้เรื่องที่มันคิดว่านำหน้าปู่ไปก้าวหนึ่ง ลากอเล็กซ์มาเพื่อความสะใจ ความจริงแล้วโดนมองออกทั้งหมด
“ท่านไม่รู้จุดประสงค์ของบอสว่าทำไมถึงชวนอเล็กซ์ และเพราะไม่รู้จะเข้าหาบอสอย่างไรจึงส่งผมมาแทน การที่ท่านสนับสนุนและติดต่อกับบอสนั้นไม่ใช่เพื่ออเล็กซ์คนเดียว แต่ก็เพื่อตัวบอสเองด้วย...อย่างเมื่อสี่ปีก่อน...บอสมีทีท่าสนใจตึกนี้ ท่านก็ใช้อำนาจซื้อที่ดินล่วงหน้าแล้วให้ผมเป็นเจ้าของเพื่อติดต่อกับบอสโดยตรง เสนอขายให้ได้ แล้วแฝงตัวเป็นคนของบอส”
ผมเชื่อแล้วว่าเป็นปู่ของไอ้คิงจริงๆ ชอบวางแผนล่วงหน้าแล้วรอเหยื่อติดกับแบบมันเปี๊ยบ
“ผมไม่ได้ติดต่อกับท่านบ่อยนักเพื่อไม่ให้บอสจับได้ แต่มักทำเวลามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น อย่างเรื่องของควีน...” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบเหวอๆ พี่เอกพยักหน้ายืนยันอีกครั้งก่อนจะพูดต่อโดยไม่เว้นช่วง “และเรื่องของตำรวจ ท่านเป็นห่วงมากนะครับ และรอให้บอสเป็นฝ่ายไปหาโดยตลอด ท่านยอมรับบอสเป็นหลานอีกคนหนึ่ง”
คราวนี้ไอ้คิงแม่งเงียบ เงียบจนน่าเป็นห่วง
ผมขยับเข้าไปใกล้มันยิ่งขึ้นจนแทบจะเบียดตักกันรอมร่อ
“และที่ผมไม่สารภาพ เพราะรู้ดี...ว่าถ้าบอสรู้ บอสคงไม่เก็บผมไว้ใกล้ตัว”
พี่เอกพูดอย่างรู้ทันด้วยรอยยิ้มขื่นแบบคาดเดาชะตากรรมล่วงหน้าได้ ถ้ารู้จักปู่ของมัน ย่อมต้องรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวนี้ค่อนข้างซับซ้อน แถมไอ้คิงยังเป็นพวกรักแรงเกลียดแรง บทจะมีเหตุผลก็ทำได้ แต่บทจะไร้เหตุผลก็ทำดีเหมือนกัน มันยังเป็นคนปกตินะครับ เรื่องของอเล็กซ์เป็นข้อพิสูจน์
ความรู้สึกที่เหมือนว่าเป็นอิสระ ควบคุมทุกอย่างตามใจ แต่สุดท้ายก็ยังไม่พ้นถูกมองออก แม้จะด้วยความเป็นห่วง แต่สำหรับไอ้คิงคงเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกซะมากกว่า จะซาบซึ้งก็ไม่เต็มที่ จะรังเกียจก็ไม่เข้าท่า
“พี่เอก ออกไปก่อนเถอะครับ”
ผมเห็นท่าทางไอ้คิงไม่ค่อยโอเคโคตรๆ เลยหันไปออกคำสั่งกับพี่เอกแทน
รายนั้นลังเลนิดหน่อย แต่พอผมย้ำอีกรอบก็ยอมลุกออกไป
ผมสูดหายใจเฮือก เวลาไอ้คิงไม่ค่อยปกติ ผมต้องทำใจเย็นและมีสติให้มากที่สุด
“คิง” ผมเรียกเสียงอ่อน พออยู่กันสองต่อสอง ผมก็จับหน้าไอ้คิงให้หันมาสบตาตรงๆ ถึงจะยังเดาอารมณ์มันไม่ได้ แต่รู้ว่ามันคงกำลังเสียใจ ผิดหวัง และจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบขาดเหมือนเดิมไม่ไหว “มีอะไรจะพูดกับกูมั้ย”
ไอ้คิงส่ายหน้าช้าๆ คงไม่ค่อยอยากสู้หน้าผมสักเท่าไหร่ เพราะมันแกะมือผมออกแล้วเป็นฝ่ายกอดเมียแนบแน่น แต่ผมรู้ดี ตอนนี้มันกำลังสับสน และไม่แน่ใจว่าปู่คิดยังไงกับมันกันแน่ ไอ้คิงไม่เชื่อในความรัก และหนึ่งในนั้นคือความรักจากครอบครัว ขนาดพ่อกับแม่ยังทิ้งมัน แล้วกับปู่ที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มันจะทำใจได้ยังไงว่าเขาหวังดีกับมันจริงๆ
มันควรจะดีใจหรือระแวง
มันควรจะสงสัยหรือซาบซึ้ง
สัญชาตญาณในการระวังตัวเองที่แสนละเอียดรอบคอบทำให้มันคิดหลายตลบจนทำตัวไม่ถูก และเลือกจะซุกหน้ากับไหล่ของผมโดยไม่ยอมให้เห็นว่ากำลังว้าวุ่นใจขนาดไหน
“คิง...”
“มึงมีอะไรจะพูดกับกูมั้ย”
ผมชะงักเมื่อไอ้คิงกระซิบด้วยเสียงเบาหวิว เล่นเอานิลกาฬต้องใช้สมองอย่างหนักว่ามันหมายถึงอะไรกันวะ
นี่ต้องไปเรียนวิธีแปลภาษากายของบอสกับไอ้เก่งก่อนมั้ยนี่
“กูเป็นเมียมึงนะคิง”
เอาตำแหน่งเมียข่มก่อนแล้วกัน
“กูอยู่กับมึงตรงนี้ตลอดแหละ”
พูดจบแถมลูบหัวให้ด้วยเอ้า ไอ้คิงกอดผมแน่นขึ้น ไม่แน่ใจว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้องรึเปล่า
“เรื่องที่มึงมายังไม่ได้สะสางเลย” แต่มันเปลี่ยนเรื่องไวชิบหาย ไอ้คิงงึมงัมอยู่ข้างลำคอผม ให้ความรู้สึกจั๊กจี้นิดๆ
เอ่อ...ผมขอทำหูทวนลมได้มั้ย ใครผิดคำพูดนะ ไม่ใช่นิลกาฬหรอก ไม่ใช่มั้งงง
แต่ไอ้คิงเสือกรั้งเอวผมอย่างรู้ทัน
“กูมาก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง อย่าเข้มงวดกับกูเลยน่า” ผมพยายามเกลี้ยกล่อม รู้สึกใจชื้นขึ้นเพราะถ้ามันพูดล้อเล่นแบบนี้แสดงว่าเริ่มปรับความรู้สึกตัวเองได้แล้ว
“แล้วสิทธิ์สามข้อของกูล่ะ”
“กูให้มึงสามข้อเหมือนเดิมก็ได้”
นี่นิลกาฬยอมสุดๆ เลยนะ เห็นแก่มึงเลยนะเนี่ย!
แล้วมือไอ้คิงก็เริ่มยุกยิก
จากที่กอดหลังผมเอาไว้ เริ่มจะเลื้อยลงไปในกางเกง
“เอากัน” มันกระซิบเสียงพร่า
“ในห้องนี้เหรอวะ” ผมยังหวั่นๆ กับอาถรรพ์ ถ้ามีคนเข้ามาขวางประเดี๋ยวอารมณ์จะค้างเติ่งซะก่อน
“คำขอข้อแรกครั้งที่สองของกู เอามึงคาโต๊ะทำงาน”
ไม่พูดเปล่า ไอ้คิงยังรั้งเอวผมแล้วจับวางบนโต๊ะทันควัน มันปัดคอมพิวเตอร์ของตัวเองไปบนโต๊ะของผมเพื่อป้องกันไม่ให้ตกแตก ก่อนจะจัดการลอกคราบท่อนล่างของผมอย่างรวดเร็วประหนึ่งปอกเปลือกกล้วย
หน้าตามันดู...เอ่อ...หื่นกระหายมาก ผมแพ้ลุคนี้ไอ้คิงสุดๆ ล่อซะอยากจะเลียมังกรทั้งลำ
โดยเฉพาะมันที่กำลังสับสนแต่แน่วแน่เรื่องใต้สะดือเอามากๆ เหมือนอยากระบายอะไรสักอย่างออกไปเพื่อให้สมองโล่งขึ้น
เอาก็เอาวะ!
ผมลองล้วงมังกรดูเชิงก่อน จนตั้งโด่แข็งสู้มือแล้วห้องยังไม่โดนบุก ก็พอเดาออกว่าหลังไอ้คิงสำแดงเดชไปคงไม่มีใครกล้าเข้ามา อีกอย่าง คลับก็ปิดบริการอยู่ เรื่องลูกค้าขอเข้าพบน่ะตัดทิ้งได้เลย
อาถรรพ์โดนล้างชั่วคราวล่ะโว้ย
เสร็จนิลกาฬสิ
หรือนิลกาฬเสร็จไอ้คิงกันแน่วะ
ผมเพิ่งจะถอดเสื้อไอ้คิงโชว์รอยสักสวยๆ ไม่ทันไร พอจะก้มหน้าถอดกางเกงให้ไอ้คิงก็ดันร่างผมให้นอนหงายไปกับโต๊ะแล้วจัดการรูดซิบเอง อื้อหือ บอกเลยว่าหนอนน้อยถึงกับน้ำลายไหล เพราะพี่มังกรช่างเต่งตึงกำลังดี ชูคอขู่ขวัญจนสั่นสู้เลยขอบอก
ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงให้มากความ ไอ้คิงก็จัดการส่งมังกรเข้าถ้ำอย่างไม่รอรี ผมสะท้านเฮือกเพราะมันเล่นกระแทกเข้ามารวดเดียวจนแทบจุก ทั้งแน่นทั้งเจ็บจนคิ้วขมวด แต่พอไอ้คิงก้มจูบแล้วจับขาผมจัดแจงท่าทางพร้อมกระแทกซ้ำเข้ามาอีกรอบ ผมก็ยึดไหล่มันเอาไว้แล้วเด้งเอวสวนจนเข้าลึกกว่าเดิม
“อื้อ...ไอ้คิง”
คุณผัวแม่งบ้าไปแล้ว มันดูดลิ้นผมจนแทบจะกลืนไปเป็นส่วนหนึ่งของมันขณะที่ท่อนล่างสวนเข้าถี่ๆ จนผมต้องเป็นฝ่ายยกขาเกี่ยวกับเอวมันเพื่อความเร้าใจ เสียงกระทั้นหนักๆ ตามจังหวะชวนให้อารมณ์ยิ่งพุ่งสูง
“อ๊ะ คิง อื๊อ” มันยังจูบผมไม่เลิก ก็ดี จะได้ไม่ต้องกัดปากกลั้นเสียงด้วยกลัวว่าคนข้างนอกที่ยังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดจะได้ยินเข้าซะก่อน
“บะ...เบา”
เป็นครั้งแรกที่ผมบอกให้มันผ่อนแรง เพราะเสียงโต๊ะที่เลื่อนไถลตามแรงกระทุ้งชักจะดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงเสียงคราง ผมเริ่มจะยั้งไม่อยู่ด้วยความเสียวสะท้าน มันแม่งใส่มาไม่ยั้ง คิดว่าอยู่ในห้องคอนโดรึยังไง ขนาดจูบปิดปากผมยังต้องครางประท้วงอย่างอดไม่ได้ สวนมาแต่ละดอก ล่อซะขาผมสั่นไปหมด
แต่ดูจากหน้าไอ้คิง มันแม่งยั้งตัวเองไม่ได้แล้วว่ะ จากที่จูบปากก็เริ่มไล่มากัดตามลำคอและหัวไหล่ เลิกเสื้อผมขึ้นแล้วเลียตรงยอดอก ทั้งขบทั้งเม้มจนผมได้แต่ข่วนหลังมันเพื่อระบายความเสียวซ่าน ก่อนจะรีบอุดปากตัวเองเอาไว้เมื่อมันเร่งจังหวะระรัวจนตัวสะท้าน แผ่นหลังถูไถไปกับโต๊ะแข็งๆ แต่ผมรู้สึกเจ็บปนสุขที่ช่องทางด้านหลังมากกว่า
“อ๊ะ!”
จบไปหนึ่งยกที่อุดปาดแทบไม่ทัน ไอ้คิงไม่รอช้าพลิกตัวผมให้นอนตะแคง ส่วนนั้นควงคว้านจนสะดุ้งเฮือกเพราะหลั่งในจนอุ่นร้อนไปหมด มันยกขาผมข้างหนึ่งขึ้นพาดกับบ่าแล้วกระหน่ำสะโพกโดยไม่ยอมเว้นช่วง แถมยังย้ำแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะโถมตัวเข้ามาจังๆ น้ำหนักทั้งหมดกดเข้าในตัวผมจนแทบดิ้น โว้ย ถึงไม่มีใครมาขวาง แต่นิลกาฬที่ต้องกลั้นเสียงก็โคตรทรมานเลย
“อะ...ไอ้คิง”
ผมพยายามบอกให้มันเก็บพลังงานไปต่อที่ห้อง แต่ไอ้คิงเสือกก้มหน้าขบต้นขาผมที่พาดกับไหล่ตัวเองแล้วลากเลียพร้อมส่งสายตาพราวเสน่ห์จนใจแทบกระดอนออกจากอก โอเค กูยอม อยากจะทำอะไรก็ทำเลย นิลกาฬยอมแล้วโว้ย
“อ๊ะ อ๊า...”
เริ่มมีเสียงเล็ดลอด แต่เสียงโต๊ะสั่นกึกๆ ยังดังกว่า กว่าจะเสร็จไปอีกยกผมแทบจะกัดนิ้วตัวเองขาด ไอ้คิงคงจะเริ่มได้สติขึ้นมาบ้างหลังหน้ามืดตามัวเอาอารมณ์หลายๆ อย่างมาปนกับเซ็กซ์ ก็เลยจับผมไปนั่งตักบนเก้าอี้แล้วจูบปลอบพร้อมขยับเบาๆ แทน
“อา...”
ค่อยยังชั่ว ผมจับท้ายทอยไอ้คิงเอาไว้แล้วจูบตอบฉกลิ้นชุลมุน ตัวสะท้านเป็นระยะเมื่อมันสวนตัวขึ้นมาจังๆ แต่หลังบทรักอันร้อนแรงการทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับการเล่นประทัดแล้วค่อยจับไฟเย็น ปลอดภัยแต่ไม่เร้าใจ หลังขยับขึ้นๆ ลงๆ พักใหญ่ผมก็ลุกออกมาจากตักไอ้คิงแล้วนาบท่อนบนของตัวเองไปกับโต๊ะทำงาน ตอนมังกรลื่นหลุดจากถ้ำได้ยินเสียงชวนหน้าแดงด้วย แต่เรื่องเซ็กซ์นิลกาฬไม่เคยเขินอาย หลังจัดแจงท่าทางที่ไม่เจ็บหลัง และยกแขนเตรียมกัดระงับเสียงง่ายๆ แล้ว ผมก็หันก้นไปทางมันแล้วยักคิ้วยั่ว
“จัดมาเลยไอ้คิง”
จากนั้นมังกรก็ทะลวงถ้ำพรุนสมใจ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ไอ้คิงโทรหาพี่แว่นให้ตามพี่เอกเข้ามาอีกครั้ง ขณะที่ผมนั่งจัดแจงท่าทางหลังอาบน้ำไปรอบหนึ่งจนสบายตัว แต่ก็ยังเสียดๆ ช่วงล่าง แถมยังต้องหาผ้าพันคอมาปกปิดรอยจูบตรงช่วงลำคอกับลาดไหล่ที่ยังสดใหม่และแดงเห่ออย่างกับโดนยุงรุมตอมด้วย
พี่เอกค่อนข้างเตรียมใจพอสมควร ก่อนจะอ้าปากค้างอย่างหมดมาดเมื่อไอ้คิงบอกว่าไม่เอาความ แม้จะตีหน้านิ่งเหมือนเดิมแต่บรรยากาศแตกต่างจากตอนแรกลิบลับ ชิ พอได้ระบายอะไรหลายๆ อย่างออกไปในหลายๆ ความหมาย กอบโกยความรักจากนิลกาฬไปท่วมท้นจนต้องเช็ดโต๊ะเป็นระวิง ผัวผมก็กลับเป็นราชาที่เยือกเย็น
“บอส...” พี่เอกเรียกเสียงลังเลเหมือนคิดว่าหูฝาด “ผมยัง...”
“ได้ยินแล้วก็ออกไป” ไอ้คิงโอบเอวผมแน่น นี่ผมกำลังโดนอ้อนอยู่ใช่มั้ย คลอเคลียซะเชื่องเชียว ก่อนหน้านี้อย่างกับยักษ์อย่างกับมาร แทบจะถล่มถ้ำตายทั้งผัวทั้งเมีย
“คะ...ครับ” พี่เอกยังดูไม่อยากเชื่อ ไม่วายเหลือบมองผมอย่างถามความเห็น
“คิงส์คลับไม่มีกฎไล่คนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดออกนี่พี่ อีกอย่าง...เรื่องคราวนี้พี่ก็เป็นคนจ้างนักสืบไขข้อสงสัยด้วย ไม่งั้นคิงคงจุกอกแย่” ผมพยายามทำให้บรรยากาศกลับมาครื้นเครงเหมือนเก่า “แต่คราวหน้ามีอะไรบอกกับผมดีกว่านะพี่เอก คิงส์คลับมีปัญญาจ่ายค่าจ้างอยู่แล้ว จะได้ออกใบเสร็จให้ถูกคน”
“แล้วเรื่อง...”
“เรื่องนั้นพี่ช่วยทำเป็นไม่รู้เห็นก็แล้วกัน” ผมยิ้มเผล่ ก่อนจะแอบกระทุ้งศอกใส่ไอ้คิงที่ตีหน้านิ่งไม่รู้ร้อน “ถือซะว่าเป็นเหมือนเดิม พี่จะทำงานให้ใครก็ไม่เป็นไร ถ้านั่นเป็นการช่วยสนับสนุนคิงส์คลับ แต่หากเกิดเรื่องก็รายงานไอ้คิงสักหน่อย ถือว่าดีลกันได้”
“ขอบคุณครับบอส” พี่เอกยิ้มออกอย่างโล่งใจ “ขอบคุณครับควีน”
ผมฉีกยิ้มสดใสให้กำลังใจพี่เอกที่หอบสังขารเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าชื่นมื่นผิดกับตอนเข้ามาลิบลับ พอประตูปิดลงไอ้คิงก็บีบสะโพกผมจนร้องโอ๊ย นี่ผมทำอะไรผิด ทำไมต้องซ้ำแผลเก่าที่มันกัดซะเลือดซิบด้วยวะ ไอ้ผัวบ้าเลือดเอ๊ย พอผมยอมล่ะนับวันชักจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ วันดีคืนดีคงไม่ลุกมาถลกหนังกันหรอกนะ
“คิง พอเป็นเรื่องนี้ทีไรมึงแม่งเด็กเหมือนอเล็กซ์เลยว่ะ”
ใช่ว่าจะไม่เคยเจอมุมนี้ เพราะมันก็งอแงใส่ผมออกบ่อยไป แค่ไม่ชัดขนาดนี้ก็เท่านั้น
นึกยิ้มๆ ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องร้องจ๊ากเพราะไอ้คิงแม่งก้มมากัดปากล่างผม เชี่ย!
“กูยอมสละตัวเองขนาดนี้ยังมาทำร้ายกันอีก”
“หรือมึงจะผิดคำพูดอีกล่ะเมีย”
โอ๊ย คนมีความผิดติดตัวมันซวยแบบนี้นี่เอง โดนยกขึ้นมาพูดตลอดเลยโว้ย
“ว่าแต่...มึงโอเคกับผลแบบนี้จริงๆ นะ”
ขอย้อนความสักเล็กน้อย หลังผมโดนจัดหนักจนจิตวิญญาณโดนขยี้แทบแหลกสลายคาโต๊ะทำงานมันสมใจ ไอ้คิงก็ถามความเห็นว่าผมอยากให้ตัดสินเรื่องพี่เอกยังไง แน่นอนว่าภาพตอนพี่เอกโดนโขกหัวกับพื้นจนเลือดอาบยังติดตา ผมเลยตอบมันว่าจะทำไงก็ได้แต่อย่าเพิ่มแผลให้พี่แกอีก กูกลัวเลือด ไอ้สัด
ไอ้คิงที่ล้วงให้ผมไปทำหน้าคิดไปอย่างสำราญอารมณ์ก็เลยพยักหน้ารับง่ายๆ ก่อนจะสารภาพว่ามันเองก็ทำตัวไม่ถูก ความจริงการตัดขาดกับครอบครัวมันไม่ได้ง่ายอย่างในนิยาย โดยเฉพาะกับคุณปู่จอมเห่อหลานที่โดนลูกหนีไปหมด ฉะนั้นพอใจเย็นขึ้นมันก็พอเข้าใจว่าทำไมปู่ถึงทำแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายติดต่อไปหา ไว้ปู่เป็นฝ่ายมาเองค่อยว่ากัน แน่นอนมันจะไม่บอกพี่เอกให้ไปพูดกับปู่แบบนั้นหรอก เรื่องอะไรมันต้องเผยไต๋ด้วยล่ะ
สรุปแล้วแม่งซึนทั้งปู่ทั้งหลาน
ผมฟังแล้วก็ส่ายหัว ขอกระซิบบอกทุกๆ ท่านหน่อยแล้วกันว่าพอยกอคติออก ความจริงไอ้คิงแม่งดีใจสัดอ่ะ
แต่มันไม่พูดไง มันมาลงกับผมแทน ล่อซะเมียสุขจนล้นปรี่ ช้ำไปทั้งตัวเลยไอ้ห่าราก
โอเค ผมก็ชอบด้วย ไม่ต้องมามองอย่างรู้ทันแบบนั้น แต่ต้องเข้าใจว่าถึงจะปลื้มปริ่มแค่ไหนก็จัดบ่อยๆ ไม่ได้ ต้องเว้นนานๆ ให้พอกระชุ่มกระชวย เกิดต้องระทวยสามวันสามคืนแบบงวดก่อน บอกเลยนิลกาฬขอบาย
กลับเข้าเรื่องอีกครั้ง หลังจากเปิดอกคุยแล้ว สรุปไอ้คิงเลือกจะไม่ถือสา ปล่อยให้พี่เอกเป็นสายให้ปู่เหมือนเดิม หรือก็คืออย่างน้อยยังมีสายสัมพันธ์เชื่อมเอาไว้แม้จะเป็นแบบลับๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ก็เถอะ ที่สำคัญ พี่เอกเป็นคนทำงานเก่ง และซื่อสัตย์ การที่พี่แกอึกอึกไม่ยอมบอกทั้งที่ถูกกระทืบ แสดงความจริงใจระดับหนึ่งได้ว่าคงไม่อยากเห็นความร้าวฉานของมันกับปู่มากกว่าสภาพตัวเอง
เดิมทีไอ้คิงก็รักลูกน้องอยู่แล้ว และโคตรจะอวยอัศวินและบิชอป ก็ไม่แปลกหรอกที่สุดท้ายมันจะทำเห็นดีเห็นงามกับผมที่เสนอว่าให้ทุกอย่างกลับเป็นปกติ ให้พี่เอกทำงานกับปู่ไอ้คิงเหมือนเดิม แต่ก็ทำงานให้มันด้วย เป็นอันว่าวินวินทั้งสองฝ่าย
ผมค่อนข้างใจชื้นนะกับผลลัพธ์แบบนี้ อย่างน้อยก็เป็นการบ่งบอกว่าไอ้คิงที่ปิดใจเรื่องครอบครัวเริ่มจะยอมรับขึ้นมาแล้ว แต่ก็แอบเข้าข้างตัวเองด้วยว่าเพราะผมสอนให้มันรู้จักรัก ไอ้คิงที่ควรจะใจดำชิบหายเลยเลือกจะใจอ่อนตามเมีย เพราะถ้าไม่มีนิลกาฬสักคน...เมื่อกี้มันอาจโดนความสับสนครอบงำจนกลายเป็นก็อตซิลล่าอาละวาดแล้วมั้ง
ที่น่าตลก คือต่อหน้าพี่เอกมันก็เก๊กหน้าทำเป็นโกรธอยู่ ผัวใครวะท่ามากชิบหาย
ผมยิ้มจนแก้มแทบแตก รู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยมันคลี่คลายปมในใจ แม้จะด้วยวิธีหื่นกามสไตล์ผัวๆ เมียๆ แต่ก็ถูกจริตเป็นอย่างมาก
อู้ว...สะโพกกู
หลังนั่งพักไปครู่ใหญ่ผมก็บอกไอ้คิงว่าจะขอออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก มันพยักหน้ารับแบบเข้าใจแล้วเปิดคอมพิวเตอร์นั่งทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นแล้วผมก็ทั้งฉุนทั้งขัน
แต่พอเดินออกมาด้วยสภาพสวมผ้าพันคอและท่าเดินแปลกๆ คนในคลับพลันมองอย่างเห็นใจเหมือนผมเสียสละตัวเองให้มังกรจับกิน
เดี๋ยว กูต่างหากที่กินมังกร กินจนน้ำแตกคาถ้ำซะเอวเคล็ดเลยเนี่ย แล้วยังเจ็บข้อมือเพราะกัดกลั้นเสียงจนเป็นรอยฟัน แม้ตอนหลังจะเปลี่ยนไปกัดไหล่ไอ้คิงแทนจนเลือดกลบปากก็เถอะ...
สรุปงวดนี้ดุเด็ดเผ็ดมันส์มากครับ ได้เลือดกันทั้งคู่
แต่สังเกตจากสีหน้าหวาดๆ กึ่งโล่งใจของพวกลูกน้องแล้ว นับว่าคิดถูกล่ะครับที่ออกมา เพราะหลังคิงประชาทัณฑ์อัศวิน คงทำเอาลูกน้องหลายคนขวัญเสียน่าดู แม้พี่เอกจะออกจากห้องมาแบบครบสามสิบสอง แต่ถ้าผมไม่พูดให้ชัดเจนเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันได้ว่าคิงกับอัศวินยังมีเรื่องหมางใจ ส่งผลต่อการทำงานในอนาคต
“ควีน”
นั่นไง หน่วยกล้าตายเสนอหน้ามาถามแล้ว
“ไม่ต้องพูด เดี๋ยวฉันอธิบายเอง” มาดควีนถูกสวมทันควัน “เอาแบบง่ายๆ แล้วกันนะ สรุปว่าพี่เอกไม่ได้เป็นคนทรยศ...แต่เพราะท่าทางลับๆ ล่อๆ ทำให้คิงสงสัย ประจวบเหมาะกับเมื่อสัปดาห์ก่อนมีตำรวจมาขอตรวจค้น เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน ฉะนั้นหลังจากนี้ถ้าใครคิดจะทำอะไรก็ระวังหน่อย อย่าทำอะไรเองคนเดียว สะกิดบอกเพื่อนบอกฉันบ้าง จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ!”
ผมพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปขอบคุณพี่แว่นที่ช่วยรินน้ำผลไม้เย็นเฉียบชื่นใจมาให้แก้กระหาย ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงเคาน์เตอร์บาร์ชั้นสองครับ นั่งอยู่คนเดียวขณะที่คนอื่นๆ ยืนกันหมดอย่างตั้งใจฟัง ไอ้ชายก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำตัวเนียนกลมกลืนเป็นลูกน้องที่แสนเชื่อฟังซะงั้นเลย
“ว่าแต่พี่หมอบเถอะ” ผมหันไปพูดกับพี่หมอบที่เดินเข้าหาด้วยหน้าบวมๆ “ทำไมถึงได้หน้าเละแบบนี้ล่ะ พี่ไปกระตุ้นเท้าไอ้คิงเหรอ”
“เพราะน้องนิลต่างหาก” พี่หมอบค้อนตาใส่ผม “จู่ๆ ก็ให้คนมาตามพี่โดยไม่บอกอะไรก่อน พอมาถึงเห็นไอ้คิงกำลังซัดเอกเกือบตาย พี่ก็ต้องเข้าไปห้ามน่ะสิ แต่เข้าไปผิดจังหวะ เลยโดนหมัดมันเข้าเต็มๆ ซวยชะมัดเลย”
เอ่อ...ผมว่าไม่ใช่เพราะผมหรอก แต่เพราะพี่กากเกินไปต่างหาก เข้าไปขวาง แต่เสือกโดนเองเนี่ยนะ
“แถมคิงยังใส่สนับมืออีก พี่เลย...สลบเหมือดในหมัดเดียว”
ผมหันไปมองหน้าไอ้ชายที่ตามมาดูแลแฟนถึงฝั่งคลับแล้วทำหน้าว่าคนแบบนี้ทิ้งไปเถอะ นี่มันน่าอดสูเกินไปแล้ว
แต่ไอ้ชายส่ายหน้าตอบแล้วโอบไหล่พี่หมอบเอาไว้ เพื่อนผมศีลแตกเพราะพี่หมอบจริงๆ สินะ ชาติก่อนมันทำบุญหรือทำกรรมเยอะกันแน่วะเนี่ย
หลังพูดคุยอีกนิดหน่อยผมก็ตัดสินใจเดินไปหาพี่เอกที่ถูกห้อมล้อมด้วยลูกน้องตรงโซฟา แต่ละคนแหวกทางให้อย่างกับโมเสกมาเอง ก็ดี ผมจะได้คุยกับพี่แกสะดวกๆ หน่อย
“เอ่อ...ควีนครับ”
นายบีที่ค่อนข้างสนิทกับผมยืนบิดไปบิดมาด้วยสีหน้าพิลึก
“อะไร”
“นี่...ครับ”
ผมมองมันที่ถือเบาะรองนั่งแบบหนานุ่มพิเศษมาให้แล้วเป็นฝ่ายทำหน้าไปไม่เป็นซะเอง ก่อนจะบอกขอบใจแล้วเอามารองใต้ก้น เออ ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย เป็นลูกน้องที่รู้งานดีชะมัด
“ขอบคุณครับควีน”
พอแต่ละคนเริ่มแยกย้ายสลายตัว เพราะวันนี้ไอ้คิงสั่งปิดคลับเป็นพิเศษ พี่เอกก็หันมากล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำจริงใจ
“ไม่ต้องหรอกพี่” ผมรีบบอกปัด
“ยังไงผมก็ต้องขอบคุณ” พี่เอกยกยิ้ม ขนาดเจ็บยังทำเท่ได้อีก เห็นใจคนมีผัวกันหน่อยสิ “ผมเตรียมใจว่าจะถูกไล่ออกทั้งพิการ ไม่ก็เจ็บตัวไปอีกหลายเดือน หัวแตกแค่นี้ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
“พี่เอกก็นะ...”
ผมถอนหายใจเฮือก รู้สึกเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมหลังตึงเครียดมาตั้งนาน คนอื่นอาจเข้าใจว่าไอ้คิงรับบทหนัก แต่อย่าลืมสิครับว่าคนที่วิ่งร้อยเมตรจากคอนโด ต้องใช้สมองอย่างหนักหน่วงเพื่อตามสถานการณ์และความคิดผัว แล้วยังต้องตั้งสติเพื่อเป็นหลักยึดไอ้คิง คือผมนี่
ผมเนี่ยล่ะรับบทหนักสุด!
แต่แลกกับการที่คิงส์คลับยังมีสมาชิกคงเดิมและสมบูรณ์แบบ มันก็คุ้มล่ะวะ
ผมเอนหลังพิงอย่างสบายใจ พี่เอกยังพูดคุยเป็นปกติได้แสดงว่าสมองไม่ได้กระทบกระเทือนเท่าที่เห็น
แต่...
“ผมรู้อยู่แล้วว่าควีนต้องทำให้บอสยอมรับผมได้”
ไอ้เสียงพึมพำแว่วๆ ที่จงใจให้ได้ยินนี่มัน...
“ว่าไงนะพี่” ผมหันขวับ คำตอบที่ได้รับมีเพียงรอยยิ้มสุดเท่ของพี่เอก
“ความลับไม่มีในโลก จริงมั้ยครับควีน”
...พี่เอก อย่าบอกนะว่าไอ้คำพูดต้นเรื่องที่ทำให้ผมตงิดใจจนเสือกไปเจอความลับนั้นเข้าแท้จริงแล้วเป็นความตั้งใจของ...
“พี่ทำเพื่ออะไร” ผมพูดเสียงเบาเพราะกลัวใครได้ยิน
“ผมคิดว่าถึงเวลาที่บอสควรจะรู้ สี่ปีมานี้ผมนับถือบอสจากใจจริงนะครับ”
พี่เอกยังคงยิ้มเท่ที่เห็นแล้วชวนหวั่นไหว เหมือนว่าที่ผ่านมาพี่แกก็วางตัวลำบากพอดูกับการทำอะไรลับหลังไอ้คิงโดยพูดเรื่องนั้นไม่ได้ทั้งที่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับทางคลับ
“การที่ควีนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในคลับ อยู่เคียงข้างบอส ทำให้ผมตัดสินใจได้ดีขึ้น แต่ที่ผิดคาดคือโดนเปิดโปงในสถานการณ์ที่ไม่อำนวยเท่าไหร่”
จริงสินะ พี่เอกพูดเป็นนัยก่อนจะเกิดเรื่องตำรวจ คงไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องใหญ่ขนาดนี้
“นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”
ยังจะหัวเราะสบายๆ ได้อีก ผมล่ะยอมใจอัศวินคนนี้เลย
“ควีนก็ใช่ย่อยเลยนะครับ”
หมายถึงความเสือก หรือลีลากันล่ะ
เพื่อไม่ให้ขัดศรัทธา ผมเลยยิ้มรับอย่างมั่นใจ
“แน่อยู่แล้ว ก็ฉันคือนิลกาฬนี่นา!”
---------
จบเรื่องพี่เอกไป...พร้อมกับความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดดของหลายคู่
ทั้งเบอร์หนึ่งกระต่ายที่ได้ผลกระทบ ทั้งอเล็กซ์หญิงที่โดนทิ้ง...ซึ่งป่านนี้อาจจะโดนหญิงงาบไปแล้วก็เป็นได้ และที่สำคัญ...คือคิงนิล เป็นคนที่รับบทหนักสุด โดนจัดหนักสุด และโตขึ้นมากๆ
น้องนิล : สรุปได้กำไรหรือเสมอตัวกันแน่วะเนี่ย
โธ่ๆ กำไรสิจ๊ะ พี่เอกเชื่อใจควีนมากเลยน้า จากที่ไม่สนิทกับพี่เอกที่สุด ผ่านเหตุการณ์นี้ไปก็พูดคุยได้สบายบรือเลยล่ะน้องนิล ฮูเร่ๆ
เพจนักเขียนที่อยากบอกพี่คิงว่า...เผ็ดมากค่ะทูนหัว ทั้งแซ่บทั้งอร่อยในคราวเดียวปล.สำหรับพี่เอก อธิบายเพิ่มเติมกันงงว่า พี่แกก็ลำบากใจที่ต้องรับงานสองจ็อบ ต้องมาปกปิดคิง แต่จะให้บอกคิงไปตรงๆโดนกระทืบตายแน่ๆ เลยบอกอ้อมๆ ผ่านน้องนิลแทน เหมือนอย่างที่หลายคนในคลับมักเข้าหาน้องก่อนไปหาคิงเพื่อให้เรื่องมันเบาลง เพียงแต่พี่เอกซวยผิดสเต็ป เพราะมีเรื่องตำรวจเข้าแทรก จากที่น้องนิลจะเสือก เอ๊ย สืบทีละนิดให้เรื่องมันคลายช้าๆ เลยกลายเป็นลงตูมเดียว เล่นเอาใจหายใจคว่ำกันหมด
สรุป พี่เอกไปทำบุญสักหน่อยนะพี่ ถ้าไม่มีเพื่อนควงอิชั้นไปก็ได้ 555