“เพี๊ยงปากแดง แก้มแดงด้วย” โดนเด็กอายุเกือบสามขวบล้อนี่...ผมควรจะเขินอายมากกว่านี้ไหม หรือผมควรจะอายพี่เอที่โผล่พรวดเข้ามาในโรงจอดรถมากกว่า เขากระแอมไอเสียงดัง ส่งยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายมาให้ ก่อนจะบอกว่าพี่เกมให้มาตามไปกินราดหน้า ผมรีบติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วเดินก้มหน้างุดตามพี่เอเข้ามาในบ้าน และตอนนี้ก็นั่งหน้าแดงอยู่ที่โซฟา ราดหน้าอะไรไม่ได้กินหรอก...อิ่ม อิ่มน้ำลายพี่พ่าย -_-
“เพี๊ยงไม่สบาย เลียกลดพยาบางด่วงงงงง” น้องโยตะโกนขึ้นด้วยท่าทางอลังการงานสร้างอีกตามเคย ก่อนน้องยะจะแสดงเป็นรถพยาบาล
“ปี้ป่อ ปี้ป่อ ปี้ป่อ”
รถพยาบาลน่ารักมาก จนผมอดยิ้มไม่ได้ ก้มลงไปหอมแก้มน้องยะทั้งซ้ายทั้งขวา ตามด้วยน้องโย ส่วนน้องนะนั้นเดินออกจากครัวมาพร้อมผ้าเย็น
“เพี๊ยง ป๋าบอกให้เอามาให้” น้องนะยื่นผ้ามา พร้อมกับเช็ดหน้าผมที่ก้มลงไปหาอย่างเบามือ
“ขอบคุณครับ”
น้องนะตั้งอกตั้งใจเช็ดหน้าให้ผม ในขณะที่แฝดอีกสองคนก็แย่งกันเข้ามาช่วย จนตอนนี้หน้าผมถูกมือป้อมๆ ทั้งสามมือแปะไปทั่วหน้า
เดี๋ยวนะลูก หน้าพี่เพี้ยนไม่ใช่พื้นนะ พวกหนูทำไมทำเหมือนถูบ้าน!
“ป๋า โยเก่งป่าวววววววววว”
“ยะก็เช็ดให้เพี๊ยงด้วย”
“เพี๊ยงบอกว่าขอบคุงนะด้วยล่ะ”
“อืม ไหนป๋าดูหน่อย”
“แก้มเพี๊ยงยังแดงอยู่เลยป๋า” ที่มันแดงเพราะโดนผ้าเย็นของพวกหนูถูน่ะครับ แต่พี่เพี้ยนไม่โวยวายหรอก ยอมใจ
“หึ” พี่พ่ายยิ้ม คลึงนิ้วลงบนแก้มของผมเบาๆ “เย็นนี้จะพาออกไปกินข้าวข้างนอก”
“อื้ม”
ตอนนี้หัวใจมันเต้นแรงจนผมไม่รู้จะพูดกับพี่พ่ายว่ายังไงดี พูดได้คำเดียวคือ อืม อือ ครับ คำสั้นๆ แค่ไม่กี่พยางค์ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่โดนจู่โจมด้วยจูบที่ร้อนแรงนั่นแล้ว
“พาลูกๆ ของพี่ไปอาบน้ำด้วย”
“ครับ”
ผมยอมแล้วครับพี่พ่าย...ยอมแล้วจริงๆ ช่วยรับเอาหัวใจของผมไปดูแลด้วยนะ แลกเปลี่ยนกัน...ก็มอบหัวใจของพี่มาให้ผมดูแล ผมจะทำให้ดีที่สุดเลย
พวกเรายกโขยงกันมาที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงราย พี่เอกับพี่เกมนั่งอยู่ตรงข้ามผมที่มีแฝดสามนั่งเก้าอี้เด็กคั่นกลางระหว่างผมกับพี่พ่าย ส่วนท่านประธานนั้นนั่งอยู่หัวโต๊ะ
ผมปล่อยให้คนอื่นๆ เลือกเมนูอาหาร เพราะผมกินอะไรก็ได้ ไม่อยากเรื่องมากในเมื่อเขาพามาเลี้ยง แต่ท่านประธานก็ใจดีมาก ถามว่าผมชอบกินอะไร ผมตอบกลับไปท่านก็หันไปบอกพนักงานให้ หลังจากที่สั่งอาหารกันเสร็จ ระหว่างรอผมก็แก้เบื่อด้วยการมองบรรยากาศรอบร้าน บางทีก็แอบมองพี่พ่ายที่เป็นจุดสนใจของสาวเล็กสาวใหญ่บริเวณรอบข้าง คงเพราะบุคลิกที่งามสง่า ท่วงท่าในการขยับตัวก็ดูดีอย่างไร้ที่ติ เขากำลังคุยเรื่องงานกับท่านประธานและพี่เอ จึงไม่รู้ว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองเขาอยู่ หนึ่งในนั้นก็มีสายตาของผมด้วย...
ที่จริงผมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...จะได้มาถึงจุดนี้
“เพี้ยน คืนนี้ดูซีรีย์กันไหม เรื่องใหม่ของโทมินจุนอปป้าของเพี้ยนน่ะ เห็นในเว็บมีหลายตอนแล้ว” พี่เกมเอ่ยถามข้ามโต๊ะ ทำให้ผมต้องละความสนใจจากพี่พ่ายมาร่วมบทสนทนากับพี่เกม
“อื้อๆ ดูครับๆ” ยังไงคืนนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว เพราะท่านประธานจะเล่านิทานให้กับพวกเด็กๆ ฟังเอง ที่จริงก็แอบเสียดาย แต่ถ้ามีแรงจูงใจเป็นซีรีย์เรื่องใหม่ล่ะก็ ผมยอมก็ได้
กว่าอาหารจะมาเสิร์ฟผมก็ฟังพี่เกมเล่าถึงซีรีย์เรื่องใหม่จนแทบไม่ต้องไปดูเองแล้ว แต่ก็ยังอยากเห็นหน้าโทเมเนเจ้ออีกอยู่ดี นี่ผมไม่ได้เป็นพวกคลั่งดาราอะไรเลยนะครับ โปรดอย่าเรียกผมว่าติ่ง แม้ตอนนี้ผมจะพัฒนาจนถึงขั้นเก็บตังค์ซื้ออัลบั้มของพวกบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ป วางโครงการจะไปเยือนประเทศเกาหลีในปีหน้า (หากมีตังค์เก็บ) ถึงอย่างนั้นก็กรุณาเรียกผมว่า แฟนบอยผู้มีความหลงใหลในความบันเทิง จะดีกว่า เพราะผมน่ะทึ่งทุกทีเวลาได้เห็นพวกเขาเต้นแบบเพาเวอร์ฟูลอย่างพร้อมเพียง ประหลาดใจทุกครั้งที่ได้เห็นพระเอกซีรีย์ร้องไห้ได้สมจริงสมจังราวกับพวกเขาต้องเจอความลำบากมาครึ่งค่อนชีวิต ผมน่ะ...ชอบความเป็นธรรมชาตินี้จนถึงขั้นหลงใหล บางทีผมก็คิดอยากให้ตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาว มันคงดีถ้าผมมีพลังวิเศษเหมือนโทเมเนเจ้อ คงดีกว่านี้...หากผมมีความสามารถหยุดเวลาไว้ได้...แค่สักห้าหรือสิบนาทีก็ยังดี
“เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า เป็นอะไรไปน่ะเรา” คำถามส่งตรงมาจากหัวโต๊ะ ตามมาด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของท่านประธาน “อาหารไม่ถูกปากเหรอ สั่งอย่างอื่นไหม”
“ไม่ใช่ครับไม่ใช่ ผมกินได้ทุกอย่างครับ แค่เผลอคิดอะไรนิดหน่อย แฮ่ๆ”
“เพี๊ยงเป็งคงบ้า ฮ่าๆ” เด็กๆ พากันล้อผมใหญ่ แต่ผมก็ไม่ได้โกรธ เป็นท่านประธานซะเองที่กำลังทำหน้าดุ
“เด็กๆ ครับ การชี้หน้าแล้วล้อคนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรทำ เป็นลูกผู้ชาย ต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ว่าจะกับใคร เพราะฉะนั้น ขอโทษพี่เพี้ยนนะครับ แล้วก็เรียกว่าพี่ด้วย เรียกเพี้ยนเฉยๆ ไม่ได้ รู้ไหม” ท่านประธานบทจะนิ่งก็เล่นเอาใจหาย แฝดสามทำหน้าสลดแล้วยกมือขึ้นขอโทษผม ยิ่งน้องยะเวลาทำหน้าเศร้าผมยิ่งใจจะขาด ทั้งแก้มทั้งตา ตกไปตามกันหมด เวลาโดนดุหนูต้องเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอลูกกกก
“ขอโทษคับ” เด็กๆ พูดขึ้นพร้อมกัน แต่ผมก็รีบส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไม่เป็นไรๆ พี่เพี้ยนไม่โกรธหรอก เอาไส้กรอกเพิ่มไหม พี่เพี้ยนตักให้”
“เอา! โยขอเยอะๆ” พอได้ของกินก็ร่าเริงขึ้นทันที เด็กหนอเด็ก ผมล่ะอิจฉาพวกเขาจริงๆ เจ็บสุดก็แค่หกล้มหรือโดนดุสินะ
“ยะด้วย”
“ป๋า นะจะเอาไส้กอกด้วย” เพราะน้องนะอยู่ห่างจากผม เขานั่งติดกับพี่พ่ายก็เลยหันไปอ้อนพี่พ่ายแทน
“ป๋าจะตักให้ ถ้าพวกหนูพูดมีหางเสียง เพี้ยน ถ้าใครไม่ขอดีๆ ก็ไม่ต้องให้”
จากนั้นพวกเด็กๆ ก็พูดมีหางเสียงทุกประโยค เห็นแล้วก็อดจะยิ้มกว้างๆ ไม่ได้ ถ้าผมมีลูก...ผมจะทำใจดุลูกเหมือนอย่างที่ท่านประธานกับพี่พ่ายทำได้ไหมนะ ยิ่งตีผมยิ่งไม่กล้า...คงเพราะผมไม่อยากถูกเกลียด
“เป็นเด็กดีกันจังเลย เก่งมากกกก กินเยอะๆ น้า”
“นี่ โยให้พี่เพี๊ยง” น้องโยยื่นไส้กรอกที่เห็นว่าน้องเอาเข้าปากไปแล้ว แต่ดันเอาออกมาเมื่อได้ยินคำชมจากผม
แต่ว่า...น้องโยลูก มันมีแต่น้ำลายของหนูนะ พี่เพี้ยนไม่ได้รังเกียจ แต่...
“พี่เพี๊ยง กิงๆ” ด้วยตาแป๋วที่มองมาอย่างบริสุทธิ์ใจ ผมก็เลยอ้าปากรับอย่างเสียมิได้
เอาเถอะ...น้ำลายของพ่อน้องโยก็กินมาแล้ว ไม่เป็นไรหรอก
พอทานกันไปจนอิ่มเกือบครบทุกคน เพราะยังเหลือน้องยะที่ยังจัดการกับไส้กรอกในจานของตัวเองไม่หมด ขนมหวานก็มาเสิร์ฟ ร้านนี้อาหารอร่อยทุกอย่าง ต้องจำชื่อร้านไว้ คราวหน้าจะได้มากินอีก แต่ว่า...ไม่ค่อยได้คุยกับพี่พ่ายเลยน้า แอบมองทีไรก็ติดคุยเรื่องงานทุกที อยากรู้จังว่าพี่พ่ายมีความสุขไหมที่ได้มากินข้าวกับทุกคนอย่างนี้
เฮ้อ...ถ้าได้นั่งข้างๆ คงดีเนอะ นั่งตรงนี้...เหมือนอยู่ไกลจากเขามากเลย ทั้งๆ ที่ก็มีแค่แฝดสามนั่งคั่นกลางแท้ๆ
หลังจากจัดการเช็คบิลเป็นที่เรียบร้อย โดยท่านประธานเป็นคนจ่าย พวกเราก็กลับขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์เจ็ดที่นั่งของพี่เกม น้องยะกับน้องนะนั่งกับท่านประธานที่เบาะในสุด ส่วนน้องโยตอนนี้หลับอยู่บนตักผมที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่พ่าย พี่เกมกับพี่เออยู่คู่กันที่เบาะหน้า พี่เอเป็นคนขับเหมือนตอนขามา มีพี่เกมคอยเป็นเบรกนั่งอยู่ข้างๆ เพราะพี่เอชอบเผลอขับเร็วโดยลืมว่ามีเด็กๆ นั่งมาด้วย พี่เกมถึงต้องคอยหยิกแขนเตือน
เสียงของน้องยะและน้องนะยังคงดังมาจากเบาะหลัง น้องๆ กำลังพูดคุยกับท่านประธานอยู่ แถมบางครั้งก็ยังร้องเพลงด้วย ผ่านไปแค่ไม่ถึงสิบนาที พวกเด็กๆ ก็หลับกันหมด หันไปมองข้างหลัง ท่านประธานก็หลับไปด้วย เอาเถอะ ปล่อยพวกเขาหลับไปดีกว่า คงอีกนานกว่าจะถึงบ้านเพราะมากินกันไกลจากอำเภอที่อยู่มาก ใช้เวลาเกือบชั่วโมงน่ะครับกว่าจะมาถึง นี่ขากลับก็คงถึงเกือบสี่ทุ่มแน่ๆ เลย แล้วจะปลุกเด็กๆ มาแปรงฟันได้ยังไงเนี่ย เรื่องแปรงฟันเป็นเรื่องใหญ่นะครับ ไม่แปรงฟันเดี๋ยวฟันผุ ไปหาหมอฟันก็เจ็บมากด้วย ผมนี่เกลียดหมอฟันมากเลย ไม่อยากให้เด็กๆ ต้องเจอแบบนั้น
“ไอ้เอ ช้าลงหน่อย” เสียงพี่เกมเตือนขึ้นเป็นระยะ ก่อนจะชวนพี่เอคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้คลายความง่วง เพราะขับรถตอนที่หนังท้องตึงในช่วงเวลาดึกๆ อย่างนี้มันอันตรายมาก เกิดพี่เอหลับขึ้นมา ได้ซวยกันหมดแน่
“คิดมากอะไรอยู่” พี่พ่ายถามขึ้น เสียงของเขาเบาแต่ผมก็ได้ยิน เพราะเขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหู
“ไม่ได้คิดอะไรเลย กำลังซึมซับความสุขที่ได้นั่งข้างๆ พี่อยู่ ทำไมถามงี้อ่ะ”
“อืม...ก็เห็นเงียบๆ”
เพราะในรถค่อนข้างมืด จะมีก็แค่แสงไฟตามถนนที่ส่องเข้ามาเป็นระยะคราวที่รถวิ่งผ่านกับมีแสงไฟจากรถคันที่ขับสวนมาเท่านั้น คนอื่นๆ จึงไม่รู้ว่าพี่พ่ายกำลังก้มลงมางับต้นคอผม ผมเอียงคอเพื่อให้ริมฝีปากของเขาสัมผัสได้ถนัด อีกทั้งยังควบคุมไม่ให้ตัวสั่นและกลั้นเสียงไว้ด้วย กลัวว่าจะทำให้น้องโยตื่น
“พ่าย พอแล้ว” ผมบอกเขาเบาๆ แต่ปลายลิ้นอุ่นๆ ของเขาก็ยังดุนดันกับผิวเนื้อตรงลำคอของผมไม่หยุด
“อะแฮ่ม! ป๋า กูถามว่าพรุ่งนี้จะข้ามฝั่งไปดูงานไหม” พี่เอใช้วิธีเดิมในการขัดจังหวะ แต่นั่นทำให้ผมอยากกราบขอบคุณเขาร้อยครั้ง เพราะนี่เรียกว่าการช่วยเหลือต่างหาก ไม่ใช่การขัดจังหวะ ในเมื่อผมกำลังจะบ้าตายไปกับสัมผัสของพี่พ่ายอยู่แล้ว เขาไม่เคยยั้งมือเลย
“ไป” พี่พ่ายตอบคำถาม เขายังไม่ผละออกจากบริเวณคอของผม “ช่วงเช้า ตอนบ่ายกูต้องไปส่งพ่อ”
“อะฮะ แล้วน้องเพี้ยนอ่ะ ไปพม่าด้วยกันไหม” พี่เกมหันกลับมาถามผม และในความมืดสลัวอย่างนี้...เขาก็คงมองเห็น ถึงได้รีบหันหน้ากลับไป
“เอ่อ...ผมไปด้วยได้เหรอครับ” ผมเป็นพนักงานระดับล่าง ที่วันนี้ก็ลาป่วยแบบไม่ได้ป่วยจริงๆ แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ต้องข้ามฝั่งไป งานที่ค้างอยู่ก็คงจะไม่เสร็จ
“ป๋าว่าไง น้องมันไปด้วยได้ไหม” พี่เอถาม
“ถามกูทำไม”
“เอ้า มึงใหญ่สุด” พี่เอกลั้วหัวเราะ
“พ่อกูก็นั่งอยู่”
“แต่พ่อมึงหลับไปแล้ว ว่าไง ให้น้องมันไปด้วยไหม”
พี่พ่ายเงยหน้าขึ้นสบตากับผม แว่นตาที่ถูกถอดออกไปตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนรถทำให้ผมได้เห็นแววตาของเขาชัด มองลึกลงไป...ก็เห็นแต่ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ ...ผมอ่านเขาไม่ออก
“อืม กูอนุญาต”
ผมยิ้ม ก่อนจะเผยอริมฝีปากขึ้น...ด้วยความเต็มใจรับจูบจากเขา
ตอนนี้...มีความสุขจังเลยครับพี่พ่าย ผมไม่อยากคิดมากเรื่องอื่นแล้ว
...........................................................TBC....................................................................
ใครที่ยังงงและสงสัย รอเมื่อถึงอดีตของเพี้ยนเปิดเผย คงน่าจะเข้าใจเอง

แต่โดยรวมแล้ว คิดว่าคงจะไม่มีอะไรให้น่าตกใจหรอก

อย่าคิดเอาพี่พ่ายของเราไปปล่อยที่เซ็นเวิร์ลนะ ไม่งั้นเราจะโกรธธธธธ

พึงระลึกไว้ว่าไร้พ่ายไม่ได้โง่ และเขาก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เขาไม่เคยเชื่อใจใครนอกจากตัวเอง กับมาวินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ใครจะรู้ว่ากับเพี้ยนเป็นละครหรือเรื่องจริงนอกไปจากเขากันล่ะ แล้วกับไอ้มาวินนั่นคือละครด้วยรึเปล่า หรือเขากำลังหลอกพวกเราทุกคนอยู่...ใครเล่าจะรู้ (พี่พ่ายน่ะเล่าทุกอย่างให้เราฟังคนเดียวย่ะพวกหล่อน

)