ตอนที่ 19เป็นเช้าที่ดีมาก เพราะพอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ได้เห็นหน้าพี่พ่ายเป็นคนแรก เขาตื่นก่อนผม แต่ก็ไม่ไปไหน กลับนั่งพิงหลังกับหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ
“อรุณสวัสดิ์” ผมพูดเสียงเบาแล้วก็ยิ้มกว้างไปให้ เขาเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัว
“พี่พ่าย”
“หืม”
“อ่านอะไรอยู่เหรอ” ผมมุดเข้าไปอยู่ในวงแขนของเขาแล้วก้มลงมองหนังสือในมือ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเขาอ่านอะไรเพราะมีแต่ภาษาอังกฤษ
“คิ้วขมวดเชียว” พี่พ่ายก้มลงมองหน้า แล้วหอมหน้าผากผมไปหนึ่งที ผมเลยหอมแก้มเขาเป็นการแลกเปลี่ยน
“เราเหมือนคู่แต่งงานใหม่ที่มาฮันนีมูนเลยเนอะ”
ผมชอบแบบนี้จัง ชอบที่ได้เจอเขาเมื่อลืมตา ชอบที่ได้สัมผัสเขาในยามที่อยากแสดงความรัก ความรู้สึกที่เป็นอิสระในการคิดแบบนี้...ผมรู้ว่าบางทีมันก็น่ากลัวว่าตัวเองจะคิดไปไกลและคาดหวังจากพี่พ่ายมากจนเกินไป แต่พอเขาทำอย่างนี้แล้ว...ต่อให้เก่งมาจากไหน ก็คงไม่มีวันเอาชนะผู้ชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อย่างเขาได้หรอก
การลงทุนมีความเสี่ยง...แต่ถ้าไม่ยอมเสี่ยงก็คงจะไม่ได้อะไรกลับคืนมา
“หิวรึยัง” พี่พ่ายถาม
“ก็ไม่เท่าไหร่ครับ พี่พ่ายล่ะ หิวรึเปล่า”
“อืม”
“งั้นรอผมแป๊บนึงนะ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวลงไปกินอาหารเช้ากัน”
พี่พ่ายพยักหน้า ผมก็เลยค่อยๆ ลุกออกจากเตียง ตอนนี้สังขารยังกระเทือนมากไม่ได้ครับ ต้องค่อยๆ เดินค่อยๆ เยื้องย่าง คิดไปแล้วก็ทรมาน ไม่อยากจะทำครั้งต่อไปเลยจริงๆ ถ้ามีครั้งหน้าขอให้ผมได้เสียบเขาแทนจะดีกว่า
พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็ลงไปห้องอาหารพร้อมพี่พ่าย ที่นั่นผมเจอน้องเดียร์กับพี่กิ๊ฟด้วย น้องเดียร์ยังดูสวยใสมากแม้ไร้เครื่องสำอาง พี่กิ๊ฟก็เช่นกัน แต่เธอตาบวมเล็กน้อย
“ป๋าขา ทางนี้ค่ะ” น้องเดียร์ร้องเรียกพี่พ่าย เขาเลยเดินนำผมไปก่อน โดยที่ผมไม่ทันจะได้คว้ามือไว้ด้วยซ้ำ...
“หลับสบายไหม” พี่พ่ายยกมือขึ้นลูบหัวน้องเดียร์ที่ยิ้มตอบกลับมา เธอตอบเสียงร่าเริง ไม่ได้เหมือนคนที่ถูกทิ้งให้นอนคนเดียวเลยแม้แต่น้อย
“สบายค่ะป๋า ป๋ากับพี่เพี้ยนล่ะคะนอนหลับสบายกันรึเปล่า เดียร์ขอโทษนะคะพี่เพี้ยนที่ป๋าไปรบกวน พอดีว่าเดียร์เป็นวันนั้นของเดือนน่ะค่ะ แหะๆ”
ผมมองหน้าพี่พ่ายอย่างขอคำอธิบาย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจจะให้คำตอบ เขาไม่เหลือบแลสายตามามองผมเลยสักนิดเมื่อมีน้องเดียร์อยู่ตรงหน้า คงเพราะใบหน้าสวยหวานที่ผมครุ่นคิดอยู่หลายครั้งว่าค่อนข้างเหมือนกับหน้าแม่ของลูกเขานั้นหน้ามองกว่าหน้าของผมก็เป็นได้
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบกลับไปพลางแค่นยิ้ม ก่อนจะนั่งลงข้างๆ พี่กิ๊ฟ
“ขอบคุณน้าพี่เพี้ยน เดี๋ยวยังไงเดียร์ไปหยิบขนมปังกระเทียมมาให้นะคะ ป๋าไปช่วยเดียร์ถือจานหน่อยได้ไหมคะ”
“อืม”
ผมปล่อยให้พี่พ่ายเดินตามน้องเดียร์ไป ได้แค่มองตามแผ่นหลังของเขาเท่านั้น
อีกแล้ว...เขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว...เขาเป็นบ้าเหรอ ป่วยเป็นโรคประสาทเข้าขั้นรุนแรงรึไง สับสนในตัวเองมากใช่ไหม ถึงได้เป็นคนแบบนี้
“เพี้ยน”
ทั้งโมโหทั้งรู้สึกแย่อยู่ดีๆ พี่กิ๊ฟก็ส่งเสียงเรียกพลางแตะหลังมือผมเบาๆ
“ก็ไหนบอกจะไปนอนกับ...”
“ผมคงโดนปั่นหัวเล่นน่ะครับ งงไม่ต่างจากพี่นักหรอก” ผมตอบอย่างค่อนข้างหงุดหงิด แต่พอปรับอารมณ์ให้เข้าที่ ก็คิดได้ว่าไม่ควรพาลใส่เธอ
“ขอโทษครับ ว่าแต่พี่กิ๊ฟได้นอนรึเปล่าเนี่ย”
“อืม ก็นิดหน่อยค่ะ”
“พี่กิ๊ฟต้องพักผ่อนให้มากๆ น้า ไม่งั้นจะไม่สวย”
“สวยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนี่คะ”
ผมตัดสินใจหยุดบทสนทนาไว้แค่นั้น ไม่ได้ต่อให้มันยาวอีก เพราะฟังดูแล้วมันค่อนข้างจะนำไปสู่ประเด็นดราม่าที่ผมก่อกับเธอไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา
“ผมขอตัวกลับไปนอนต่อนะครับ ตื่นเช้าเกินไปก็เลยง่วงๆ” ผมบอกพี่กิ๊ฟก่อนจะลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจเล็กน้อย
“ค่ะ พักผ่อนเยอะๆ นะคะ เพิ่งหายป่วยด้วย”
“ครับ ผมไปนะ”
อย่างที่บอกว่าผมไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้น แค่เพราะพี่พ่ายบอกว่าหิว ผมก็เลยอยากมาด้วย แต่ถ้ารู้ว่าเขามีคนรอกินด้วยอยู่แล้ว จะมาให้โง่เหรอครับ
ผมกลับมาถึงห้อง ก็เอาแม็คบุ๊คของพี่พ่ายมาเปิดดูซีรีย์ออนไลน์ ตอนนี้กำลังติดเรื่อง The Heirs เพิ่งจะได้มีโอกาสดูทั้งๆ ที่พี่เกมส่งลิ้งมาให้ทางไลน์ตั้งนานแล้ว
“ว่าก็ว่าเถอะ คิมทันนี่มันพี่น้องที่พลัดพรากจากกันไปหลายสิบปีของเราชัดๆ”
ให้ตายยยยยยย แล้วไอ้ชเวยองโดนี่มัน... หล่อร้ายคล้ายพ่ายอปป้าของผมเลยอ่า!! จะพระรองหรือตัวโกงก็ไม่รู้แหละ แต่ผมเทใจให้คนนี้หมดเลยย เอาไปเลย เอาไป เอาหัวใจผมไปได้เลย!!! งานนี้ต้องส่งไลน์ไปขอบคุณพี่เกมซะแล้ว!
‘พี่เกม ผมชักลังเลแล้วว่าจะเป็นชอนซงอีหรือชาอึนซังดี!’
‘เฮ้ยยย ดูแล้วเหรอ ใช่ไหมๆ พี่บอกแล้วว่าคิมทันน่ะเป็นผู้ชายที่โคตรเจ๋ง’
‘ผมไม่ชอบคิมทัน ผมชอบชเวยองโดอ่ะพี่เกม!’
‘5555 ก็คิดไว้แล้วล่ะว่าเพี้ยนต้องชอบไอ้หมอนั่นมากกว่า แล้วนี่กลับบ้านเป็นไง สนุกไหม’
‘พี่เกม ผมกราบขอโทษนะพี่ ผมโกหกอ่ะว่ากลับบ้าน ที่จริงผมมาเที่ยวทะเล’
‘เอ้า จริง! จังหวัดไหน ป๋ามันไปตรวจงานที่ภูเก็ตนะ ระวังเจอมันเข้า 555’
ไม่ทันแล้วล่ะพี่เกม เจอกันแล้ว แล้วก็โดนบทลงโทษสวาทจากเขาแล้วด้วย โอ้ยย แต่ผมไม่เล่าหรอก ผมอาย
‘ยังไงกลับไปจะหาของฝากไปให้พี่น้า เอาไรดีอ่ะ เปลือกหอยมะ’
‘เอาอะไรก็ได้ แค่เพี้ยนตั้งใจเอามาฝากเถอะ เออ พี่ฝากซื้อปลาหมึกแห้งสักโลสองโลนะ ไอ้เอมันชอบกินปลาหมึกแห้งอ่ะ มันชอบกินแกล้มเบียร์’
‘แหม รู้ใจกันเชียวน้า’
‘ก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปีนี่หว่า’
‘ฮั่นแหนะ’
‘ไปๆ ไปดูซีรีย์ต่อได้ละ พี่จะไปทำข้าวเช้าแล้ว’
‘โอเคๆ แล้วเจอกันที่บ้านนะพี่’
ผมวางมือถือลงข้างตัวแล้วตั้งหน้าตั้งตากัดหมอนดูยองโดของผมต่อ ตอนนี้พี่พ่ายน่ะชิดซ้ายไปเลย ผมจะเก็บตังค์ไปเกาหลีเพื่อชเวยองโดนี่แหละ แต่โทเมเนเจ้อไม่ต้องน้อยใจหรอกนะ ยังไงก็เป็นที่หนึ่งในใจผมเสมอออออ
ผมใช้เวลาดูซีรีย์ไปหลายชั่วโมง ในขณะนั้นพี่พ่ายก็ไม่ได้กลับมาที่ห้อง คงจะไปเที่ยวเล่นกับน้องเดียร์ตามประสา ซึ่งผมไม่ได้โทรตามหรือคิดอะไรให้มากความ คือมันก็เจ็บนะครับ แต่ตอนนี้ผมชิน ชินกับอาการผีเข้าผีออกของพี่พ่าย ยิ่งผมดิ้นตามผมก็ยิ่งเหนื่อย เพราะฉะนั้นผมควรใช้เวลากับผู้ชายคนใหม่ของผมดีกว่า ชเวยองโด!!!
แกร๊ก! แอ๊ดดดด
ประตูถูกเปิดเข้ามาโดยผู้ชายที่หายหัวไปทั้งวัน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ผมกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านซับอยู่ นี่ถ้าตอนเรียนขยันได้ขนาดนี้ A ทุกวิชาจะหนีไปไหนพ้น
“กินอะไรบ้างรึยัง”
“ยัง”
“แล้วทำไมไม่ไปกิน”
“ไม่หิว”
พี่พ่ายเดินมาที่เตียง ใช้มือพับหน้าจอลงแล้วจ้องหน้าผม
“พี่พ่าย! ผมกำลังดูอยู่นะ” กำลังถึงฉากสำคัญแล้ว! แต่ฟิลก็มาสะดุดเพราะการกระทำอันเอาแต่ใจของพี่พ่าย
“ไปกินข้าว”
ผมเม้มปากมองหน้าเขา “พี่ออกไปกับคนอื่นผมยังไม่ว่าอะไรสักคำ แต่พอกลับมาก็มาบังคับนั่นนี่ ผมควรทำตามพี่บอกไหม”
“แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องเถียงเหรอวะ กูบอกให้ไปกินข้าวก็เพื่อตัวมึงเอง ยังจะมาชวนทะเลาะ”
“โอเคๆ งั้นก็ไปกันสิครับ จะกินที่ไหนล่ะ หรือจะโทรสั่ง”
“กูกินแล้ว มึงจะสั่งมาที่ห้องก็ได้ แต่ต้องไปกินที่ระเบียง กูไม่ชอบให้มีกลิ่นอาหารในห้อง”
ผมมองหน้าพี่พ่ายอยู่สักพัก ก่อนจะลุกจากเตียง เดินชนไหล่เขาอย่างจงใจ
“ถ้าไร้พ่ายที่เป็นแฟนผมเขากลับมาแล้ว ก็ช่วยโทรบอกผมด้วยนะครับ ส่วนคุณ จะไปตายที่ไหนก็ไป อั่ก!”
โดนเฮดล็อคเข้าอย่างจัง ผมตกใจแทบกัดลิ้นตัวเอง ในขณะที่ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของพี่พ่ายก็รัดผมแน่นขึ้น
“พะ...พี่”
“ทำตัวดีๆ เข้าใจไหม กูไม่ชอบคนจู้จี้จุกจิก ประชดประชัน” พี่พ่ายบอกเสียงเรียบ “เป็นแฟนก็ต้องอดทน อยู่ในที่ของมึงไป ให้เป็นแฟน ไม่ได้ให้มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว”
ผมแค่นยิ้ม รับฟังอย่างสงบไม่ได้โต้เถียง พี่พ่ายจึงปล่อยผมเป็นอิสระ ผมหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา แล้วค้อมหัวเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วครับ ได้ตามที่พี่ต้องการ ผมจะอยู่ในที่ของผม ขอบคุณที่เตือน”
มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว แต่เพราะผมเลือกเองที่จะอยู่ตรงนี้ ...ทั้งๆ ที่หลงคิดไปว่ามันจะมีแต่เรื่องดีๆ สุดท้าย...ไร้พ่ายก็เป็นเหมือนดั่งสายลมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนเดิม
ทำไมถึงเชื่อว่าความรักของผมจะเปลี่ยนเขาได้ ทำไมถึงหลงเพ้อฝันไปกับความอ่อนโยนที่มีแค่บางคราวของเขา ทำไมผมถึงได้คิดว่าตัวเองจะพิเศษกว่าคนอื่น ในเมื่อ...ไม่เคยมีคำตอบที่ชัดเจนเลยสักครั้งกับความข้องใจของผม
“งั้นผมลงไปกินที่ห้องอาหารนะครับ”
“อืม รีบไปรีบกลับ”
ผมหันหลังให้เขาหลับตาลงเพียงครู่ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปที่ประตู ...ผมอดทนเก่งอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก
“สวัสดี”
ผมกำลังมองบรรยากาศของทะเลยามค่ำคืนพลางจิบไวน์อยู่ที่โต๊ะริมกระจกใสบานใหญ่ของห้องอาหารอยู่เพียงลำพัง แต่แล้วคำสวัสดีจากเสียงที่ฟังดูโคตรกวนตีนและเสียงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามขยับก็ทำให้ต้องกลับมาให้ความสนใจกับผู้ชายตรงหน้า
ไอ้มาวิน...
มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! แล้วนี่มันจงใจเข้ามาทักผม!
“ไง ไม่ได้เจอตั้งนาน โตขึ้นเยอะนี่ ยังจำพี่ชายคนนี้ได้ไหม เมื่อก่อนเราก็เคยเจอกันบ่อยๆ นะ แต่ก็ไม่ได้พูดคุยกันสักที”
“ครับ”
“แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยละกัน พี่ชื่อมาวิน”
“ครับ แล้วไง มีธุระอะไรกับผมอย่างงั้นเหรอ”
“ก็เปล่าครับ เห็นว่านั่งกินอยู่คนเดียว ก็เลยเข้ามาทัก”
ผมค่อนข้างแปลกใจ ที่มันไม่ลังเลเลยสักนิดว่าผมใช่เด็กที่มันเคยเจอเมื่อหลายปีก่อนรึเปล่า ผ่านมาตั้งเจ็ดแปดปี และผมก็โตขึ้นมาก แต่มันกลับมั่นใจว่าผมก็คือเด็กที่มันเจอที่หอพักของพี่สาว
“ต้องการอะไร”
รอยยิ้มหยันของมันน่าสะอิดสะเอียนพอๆ กับสายตาที่มองมา แต่ผมไม่นึกกลัวมันแต่อย่างใด
“พี่รู้มาว่าตอนนี้...น้องคบกับเจ้านายของพี่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่า ก็เลย...”
“ถ้าหมายถึงพี่พ่าย ก็ใช่ครับ เราเพิ่งตกลงคบกัน”
“อย่างงั้นเหรอ...” มันทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “ยังไงก็ขอให้มีความสุขนะครับ”
ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งการอวยพร ผมรู้ว่ามันเหมือนการเย้ยหยัน ไอ้เวรนี่คงตามพี่พ่ายมาและคงกำลังอิจฉาในจุดที่ผมยืน เหมือนอย่างที่เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยอิจฉามัน ...อิจฉาที่ได้ยืนอยู่ข้างๆ คนที่ตัวเองรัก
“ไม่ต้องให้ใครบอก ผมก็มีความสุขอยู่แล้วล่ะ ก็พี่พ่ายน่ะรักผมมาก จะไปไหนก็ต้องพาผมไปด้วย เราห่างกันนานๆ ไม่ได้เลย นี่พอเขามาตรวจงานที่นี่ ก็บังคับให้ผมมาด้วยอีก เจ้านายของพี่นี่เหมือนเด็กเลยนะครับ แต่น่ารักดี แถมยังเป็นเด็กซนด้วย ชอบกวนผมทุกคืนเลย ทำเอาไม่ค่อยจะได้นอน” ผมตอบแล้วกระตุกยิ้มกลับไปบ้าง สังเกตเห็นแววตาที่วูบไหวของมันเล็กน้อย แต่รอยยิ้มเสแสร้งนั่นก็ยังคงเปื้อนอยู่บนใบหน้า
“งั้นก็ระวัง...จะสำลักความสุขจน...ตาย”
“ขอบคุณที่เตือน แล้วนี่มีธุระเหรอครับ ถึงได้มาทะเล หรือตามใครมา”
“มาทำงานน่ะ”
“เหรอครับ งั้นก็พยายามเข้านะ ขอให้งานสำเร็จไปด้วยดี ผมขอตัวก่อนล่ะ ปล่อยให้แฟนรอที่ห้องนานๆ เดี๋ยวเขาจะหงุดหงิดเอา”
ผมฉีกยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน ดื่มไวน์ให้หมดแก้วแล้วเดินออกมาจากห้องอาหารเพื่อกลับห้องพัก
หึ! ไอ้เด็กอวดดี
รอยยิ้มโง่ๆ ของมันทำให้มาวินนึกเวทนาในใจ
รักมาก? ขาดไม่ได้? สำหรับไร้พ่ายที่โตมากับเขา ผู้ชายคนนั้นไม่รู้จักคำพวกนี้หรอก ไอ้เด็กโง่นั่นมันก็แค่พร่ำเพ้อไปเอง
เขารู้ดี...รู้ดีทีเดียว
‘นายคบกับมันทำไมครับ ลืมน้องสาวของผมไปแล้วเหรอ’
มาวินรู้ว่าไร้พ่ายมาที่ภูเก็ตด้วยเรื่องงาน มีกำหนดพักอยู่ที่รีสอร์ทแห่งนี้หนึ่งสัปดาห์ แต่เขาที่เป็นเลขากลับไม่รู้เลยว่าเจ้านายมาด้วยงานอะไร เขารู้สึกข้องใจในการกระทำของไร้พ่ายในตอนนี้ เพราะบังเอิญได้เห็นสิ่งที่เจ้านายทำกับมัน...ทั้งที่ระเบียงและที่โขดหินนั่น การกระทำเหล่านั้นทำให้เขาสับสนว่าความจริงแล้ว...เจ้านายคิดและรู้สึกอย่างไรกับเหยื่อที่กำลังล่า
‘เดี๋ยวนี้ผมต้องรายงานคุณด้วยหรือ มาวิน’ น้ำเสียงตอบกลับมานั้นยังเยียบเย็นจับขั้วหัวใจ สายตาที่ทอดมองไปยังทะเลเบื้องหน้าก็ว่างเปล่า
‘ไม่ใช่อย่างนั้นครับนาย แต่ผมแค่สงสัยว่าสิ่งที่นายทำอยู่มันคืออะไร นายก็เห็นว่าไอ้เด็กอวดดีนั่นมันรักนายจนยอมตายแทนได้ แต่ทำไมนายยังไม่ลงมือสักที จะปล่อยให้มันยืดเยื้อไปถึงเมื่อไหร่’
ยิ่งนานวันมาวินก็ยิ่งหวั่น หัวใจของไร้พ่ายไม่ได้ถูกสร้างจากเหล็กกล้า เขายังเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกรัก แม้จะดูเย็นชามากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นจากความเป็นมนุษย์ได้
‘ผมยังต้องการมากกว่านี้’
‘ถ้าเป็นอย่างนั้น...ผมก็อยากขอคำยืนยัน...นายไม่ได้ตกหลุมรักมันใช่ไหมครับ’
‘ไม่...ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น’
‘ขอบคุณครับ’
มาวินคลี่ยิ้ม ลงจากเก้าอี้ผ้าใบมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไร้พ่าย ค่อยๆ ใช้มือยกเท้าของเจ้านายขึ้นทีละข้างเพื่อปัดทรายสกปรกออกแล้วสวมรองเท้าราคาแพงให้
‘ผมดีใจที่ได้ทำทุกอย่างเพื่อนาย ขอบคุณที่สละเวลามาพบผม และขอโทษสำหรับความบังอาจที่ผมข้องใจและสงสัยในการกระทำของนาย’ มาวินก้มลงสัมผัสรองเท้าของไร้พ่ายด้วยริมฝีปาก สำหรับเขาแล้ว...มีสิทธิ์สัมผัสได้แค่ตรงนี้เท่านั้น
‘อืม ไปทำงานของคุณต่อ แล้วอย่าได้คิดสงสัยอะไรอีก’
‘ครับ’
ไร้พ่ายเดินจากไปแล้ว แต่มาวินก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม... เขาเชื่ออย่างหมดหัวใจกับสิ่งที่ไร้พ่ายบอกเพราะมันเป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่เขา...ก็ไม่อยากปล่อยให้ไอ้เด็กอวดดีนั่นได้ใจไปมากกว่านี้ เอาเถอะ...เมื่อถึงเวลา...เขาจะส่งมันไปลงนรกเอง...
เจอไอ้มาวินนี่ทำเอาไวน์รสชาติดีๆ กร่อยไปหมด และยิ่งหมดรสชาติเข้าไปอีกเมื่อมาเจอหน้าบึ้งๆ ของพี่พ่าย
“ช้า” เขาพูด ดึงผมเข้าไปใกล้จนหน้าชิด ริมฝีปากเกือบชนแต่ผมเบี่ยงหลบได้ “ดื่มมารึไง”
“อืม นิดหน่อย”
“ใครอนุญาต”
“ปล่อยเถอะ ผมจะไปอาบน้ำ”
“เพี้ยน” เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเรียกอยู่ข้างๆ หู พร้อมกับสัมผัสเปียกชื้นจากลิ้นร้อนๆ ของพี่พ่ายที่ลากเลียบริเวณใบหูเรื่อยลงมาถึงต้นคอ
“ฮื้อออ พ่าย...ดะ...เดี๋ยวก่อน” ผมยกมือยันอกพี่พ่ายไว้ เขายอมหยุดแล้วมองมาพลางคลี่ยิ้ม
ผมตามพี่ไม่ทันแล้วนะ...ตกลง...พี่จะเอายังไงกับผมกันแน่
“พรุ่งนี้...จะพาไปดำน้ำ” พี่พ่ายใช้นิ้วไล้ไปตามแก้มผม เกลี่ยเล่นบริเวณริมฝีปากล่าง แล้วสอดมันเข้ามาในโพรงปาก ผมเผลอดูดมันเล็กน้อย ในขณะที่เขาทำหน้าพอใจ
“อยากไปไหม”
“อืม...” ผมครางรับ พูดอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น เพราะกำลังดูดเลียนิ้วของพี่พ่าย เขาขยับเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง มือข้างที่ยังว่างก็กำลังลูบไล้อยู่บริเวณต้นขาของผม ไม่นานก็ดึงรั้งกางเกงขาสั้นที่ผมใส่อยู่ให้ร่นลงไปถึงข้อเท้า ก่อนเขาจะดึงนิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายออก ผมมองตามอย่างเสียดาย
“พ่าย...อาบน้ำให้หน่อย”
“หึ เด็กน้อย อยากแล้วไง?”
“อื้ม...อยาก...อยากได้ของพ่าย ใจจะขาดอยู่แล้ว”
พี่พ่ายหัวเราะ ก้มลงมากัดคอผมค่อนข้างแรง แล้วก็ผละออก “พี่จะให้...ตามที่ต้องการ”
ตอนนี้แม้แต่ชเวยองโดหรือโทเมเนเจ้อ...ก็สู้เสน่ห์ของพ่ายอปป้าไม่ได้ ผมยอมใจ...คนอะไรจะน่าหลงได้ขนาดนี้
“พ่าย...พ่าย...” เสียงครวญครางของคนใต้ร่างของไร้พ่ายดังขึ้นไม่หยุด น้ำใสๆ ปริ่มอยู่ที่หางตาแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาผ่อนจังหวะในการกระแทกกระทั้นเข้าใส่ร่างของคนตรงหน้าเลยสักนิด กลับยิ่งเพิ่มความแรงและความเร็วให้มากขึ้น เพราะอยากได้ยินเสียงเรียกที่ราวกับจะขาดใจ อยากได้ยินเสียงแห่งความต้องการและความปรารถนาที่จะไม่มีวันสิ้นสุด
“แฮ่ก...แฮ่ก...” เขาหยุดกลางครัน พลางหอบหายใจ พละกำลังที่ใช้ไปบวกกับแรงตอดรัดถี่ยิบทำเอาเหนื่อยเหมือนกับออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันมาหลายชั่วโมง ในขณะที่อีกคนทำหน้าจะร้องไห้เพราะจังหวะที่ถูกหยุดลงกะทันหัน สะโพกเนียนจึงขยับส่ายไปมาเพื่อประท้วง
“พ่าย...อย่าแกล้งได้ไหม ขยับสักที ทำๆ หยุดๆ อย่างนี้ เมื่อไหร่จะเสร็จ” คนตรงหน้าบอกด้วยความหงุดหงิด แต่เขาก็ยังไม่ยอมขยับ แม้แก่นกายแกร่งจะปวดตุบเพราะแรงบีบรัดจากช่องทางร้อน แต่ก็ยังกัดฟันทนเพื่อมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เวลาทำหน้างอก็น่ารักดี เขาถึงได้ชอบแกล้งให้ได้หงุดหงิดบ่อยๆ
“ฮื้ออออ อึดอัดจะตายอยู่แล้ว พี่พ่ายยย” ยิ่งสะโพกเนียนที่เขาใช้มือขยำมันมาหลายชั่วโมงส่ายขยับมากเท่าไหร่ ความอดทนของเขาก็ยิ่งถดถอยลงมากเท่านั้น เขาจึงยกร่างข้างใต้ขึ้น พลิกให้อีกฝ่ายได้ทุรนทุรายอยู่บนตัวเขา
“อย่ามองนะ! โคตรน่าอายเลย!” เด็กบ้า...ร้องโวยวายแต่ยังคงทำใจกล้ามองสบตากับเขา “จุกอ่ะพี่พ่าย ทำไมมันยาวขนาดนี้เนี่ย”
เด็กน้อยร้องท้วง หน้างอขัดใจ พลางก้มลงมองส่วนที่เชื่อมกันด้วยใบหน้าแดงก่ำ สะโพกนั้นขยับยกขึ้นทีละน้อยแต่ก็ยังไม่สุดความยาวของแก่นกายเขาสักที เขาครางเสียงต่ำ ยิ่งได้เห็นการกระทำของคนตรงหน้า สิ่งที่อยู่ภายในช่องทางร้อนก็ยิ่งบวมเป่งราวกับจะระเบิดออกมา จนเมื่อสะโพกนั้นเคลื่อนขึ้นไปจนถึงปลายยอด เด็กน้อยก็แกล้งบีบรัดส่วนหัวของเขาเล่น มิหนำซ้ำยังวนสะโพกไปมา เขากัดฟันแน่นเพราะความทรมาน ก่อนสองมือจะจับเอวของเด็กที่กำลังเล่นซนไว้แล้วดึงลงอย่างรวดเร็วให้ช่องทางร้อนนั้นครอบครองแก่นกายของเขาจนหมดสิ้น
“อ๊า! พ่าย! ไอ้บ้า!” เด็กน้อยร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ก่อนจะก้มลงมาแนบหน้าหอบหายใจอยู่กับอกของเขา
“ไม่ไหวแล้วหรือไง”
“อื้อ...ชอบแกล้งจัง อ้ะ...อาาา อื้มม รู้สึกดีจังเลยพ่าย อาาา”
“หึ เสียงลามกเชียว”
“ใครที่ทำให้เป็นอย่างนี้ล่ะ”
เขาไม่ได้ให้คำตอบ กลับกระแทกตัวสวนกับสะโพกที่ขยับลงมาตอดรัด เด็กน้อยยื่นหน้าเข้ามารับจูบจากเขา ใบหน้าที่กำลังหลงมัวเมาไปกับรสสัมผัสนั้นบอกกับเขากลายๆ ว่าเจ้าของของมัน...กำลังจะขาดเขาไม่ได้
สำหรับไร้พ่าย...เด็กน้อยคนนี้เป็นเพียงแค่...อาหารว่างที่อยากกินเมื่อไหร่ก็ได้กิน ความรักที่ทำให้คนโง่งมยังคงเป็นอาวุธที่ใช้ได้ดีเสมอไม่ได้ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน เขาอาจจะเล่นสนุกกับมันมากเกินไป มีบางครั้งที่อดสงสารไม่ได้ และบางครั้งที่เผลอคิดไปว่ากำลังมีความสุขและรู้สึกดีๆ กับมัน แต่นั่น...ก็เป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
ละครฉากนี้ หากมีความรู้สึกจริงมาเกี่ยวข้องแม้เพียงนิด ทุกอย่างก็คงพัง แต่เขายังไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง...ถ้าไม่นับ เรื่องที่มันช่วยชีวิตเขาไว้ ...และทุกครั้งที่หวนคิดไป...ก็ทำให้เขาอบอุ่นในหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด ...เขากดความรู้สึกนี้ไว้...แล้วผนึกอยู่ในความทรงจำ เขาไม่อาจรู้สึกอะไรกับมันได้...เพราะถ้าปล่อยความรู้สึกมากเกินไป ความรู้สึกผิดต่อผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา...จะเข้ามากัดกินใจแทน
เพราะฉะนั้นเขาไม่ควรลืมว่ากำลังทำอะไร...
“เพี้ยน...”
“หื้ม...”
“รักกูมากแค่ไหน”
เด็กน้อยมุดหน้าลงกับอกเขา ใบหูแดงก่ำ ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน พี่พ่ายล่ะ รักผมบ้างรึเปล่า”
เขาไม่ได้ตอบคำถาม บ่อยครั้งที่เขามักจะใช้ความเงียบให้อีกฝ่ายสับสน
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรน้า งั้นผมคิดเอาเองละกันว่าพี่รักผม อิอิ”
“หึ เด็กบ้า”
นั่นแหละดี...คิดไปแบบนั้นแล้วความรู้สึกของมันจะเพิ่มมากขึ้น ให้มีมากกว่าที่มีให้กับพี่สาวของมัน มากจนไม่คิดแค้นหากวันหนึ่งมันรู้ความจริงขึ้นมาว่าพี่สาวของมันฆ่าตัวตายเพราะสาเหตุอะไร
ไร้พ่าย...ไม่คิดกลัวการแก้แค้นหากว่าเขาตัวคนเดียว แต่เขามีครอบครัว มีลูกที่น่ารักที่เป็นจุดอ่อน เขาต้องคิดให้รอบคอบ เพราะตั้งแต่ที่ได้รู้จักคนบ้าๆ แบบมันเขาก็เริ่มเสียการควบคุม ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลยตั้งแต่วันนั้น เขารับมือกับคนที่มีแผนการได้ แต่รับมือกับคนที่ดับเครื่องชนเข้าใส่และยอมตายแบบไม่กลัวตายอย่างมันไม่ได้
เพี้ยน...อยู่เหนือความเข้าใจมากเกินไป
มันเข้าหาเขาราวกับกำลังเล่นเกม ทำทีราวกับมีความลับซับซ้อนมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร เขามาแน่ใจว่ามันเป็นแค่คนบ้าก็เมื่อไม่นานมานี้ แต่เพราะความแน่ใจนั้น...กลับทำให้นึกหวั่น แม้มันจะดูบ้าๆ เพี้ยนๆ เวลาอยู่กับเขา แต่ยังมีอีกมุมที่เขาไม่รู้จักจนกระทั่งได้มาเห็นกับตาตัวเองที่นี่ แม้มันจะบอกว่ารักเขามากแต่ก็ยังโกหกเพื่อมาหาคนอื่น ความเย็นชาและมุมมืดในใจมันที่แสดงออกมาเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าเขา...ทำให้มันกลายเป็นอีกคนที่เขาไม่รู้จัก แววตาที่ไม่เคยลืมคนในอดีตของมันกลับทำให้เขานึกหวั่นใจว่าหากวันไหนที่มันได้รู้ความจริง...มันจะหันมีดมาแทงเขาไหม มันจะทำให้เขาสูญเสียอย่างที่มันเคยเจอหรือเปล่า...
ในเมื่อผู้หญิงที่มันรักและลูกของมัน...ต้องจากไปแค่เพราะ...
เอาเถอะ...ถ้าความรักที่มันมีให้เขามากพอที่จะยอมรับได้...วันนั้นเขาจะปล่อยมันไป
เขามองใบหน้าที่กำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาของมัน ร่างกายที่กำลังเคลื่อนไหวตอบรับแรงกระแทกของเขา และรอยแดงเป็นจ้ำๆ บนผิวขาวๆ ยอดอกมันวาวดูบวมนิดๆ เพราะเขาทั้งจูบทั้งกัดมาหลายชั่วโมง
“จำความรู้สึกที่มีกูไว้ จำไว้เพี้ยน”
“อาาาา พ่าย...พ่าย...มะ...ไม่ไหวแล้ว แฮ่ก...แฮ่ก...อ้าาา”
เสียงครางยาวกับแรงตอดรัดถี่ยิบ พร้อมกับที่ร่างของมันกระตุกแรงๆ ส่งผลทำให้เขาเสร็จตามไปด้วย ไร้พ่ายปล่อยให้ช่องทางร้อนนั้นบีบรัดและรีดเอาน้ำขาวขุ่นออกจากตัวเขา และเพราะคราวนี้ไม่ได้สวมถุงยางป้องกัน น้ำรักจึงถูกฉีดเข้าไปเต็มช่องทางแล้วค่อยๆ ไหลอาบหน้าขาของคนที่กำลังซบลงกับอกของเขา
มันหลับไปทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน หลับไปทั้งๆ ที่ของของเขายังคงเต็มแน่นอยู่ในช่องทางของมัน เขาดึงตัวมันขึ้นมาจูบอย่างอดใจไม่ไหว แม้จะไม่ได้รัก แต่เขาก็รู้สึกดีที่ได้อยู่กับมัน...รู้สึกดีที่ได้เป็นความสุขของมัน
ความจริงก็ไม่อยากยอมรับ...ว่าในละครแต่ละฉากที่ได้เล่นไป...ไม่ได้มีฉากไหนที่เขา...ไม่รู้สึก
เพราะงั้นถึงได้แต่ภาวนา...ให้อย่ามากไปกว่านี้...อย่ามากไปกว่าความรู้สึกดีที่ไม่ควรเกิดขึ้น
..........................................................TBC.......................................................

พี่ชายยยยยย ฉันหลงรักพี่อย่างโงหัวไม่ขึ้นแล้วววววว
ขอโทษที่ให้รอค่ะ
