หมออนุญาตให้ผมออกจากโรงพยาบาลในอีกวันต่อมา ผมกลับมาทำงานตามปกติ เป็นผมคนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา ใช่...เป็นคนเดิมก่อนหน้าที่จะรู้จักกับไร้พ่าย ผมคิดว่ามันคงไม่มีความจำเป็นที่ผมกับเขาจะพูดคุยกันอีกแล้ว ผมไม่ได้โกรธที่ใครๆ ต่างก็ปิดบังเรื่องต่างๆ กับผม พี่เกมกับพี่เอผมก็ปฏิบัติกับเขาเช่นเดิม เพราะที่ผ่านมา...ความรู้สึกที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด ส่วนพี่กิ๊ฟ ผมยังไม่มีเวลาเคลียร์กับเธอ เพราะเธอพาแฝดสามและท่านประธานไปเที่ยวพักร้อนกับครอบครัวของเธอที่ต่างประเทศ และยังไม่มีกำหนดกลับ
ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร...ในเมื่อโลกใบนี้ผู้คนต่างก็ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันเพื่อผลประโยชน์อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่กลไกของจิตใจมนุษย์เท่านั้น สำหรับไอ้มาวิน มันย้ายตัวเองมาประจำที่ไซต์งานที่ผมอยู่เป็นที่เรียบร้อยด้วยคำสั่งของท่านประธาน แม้แต่พี่พ่ายก็ยังขัดไม่ได้ ท่านประธานผู้ช่างไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเขา ท่านโง่เง่าไม่ต่างจากผม เกิดเรื่องมากมายภายในครอบครัวของท่าน แต่ก็ยังยิ้มชื่นอยู่กับหลานๆ ที่ไม่ประสีประสา ความเละเทะที่ลูกๆ เป็นคนก่อขึ้นมา ผู้เป็นพ่อไม่ได้มาร่วมรับรู้แม้แต่น้อย
คงคิด...ว่าคนอื่นๆ บนโลกนี้โง่กันหมด มีแต่ตัวเองที่ฉลาดอยู่คนเดียวล่ะมั้งครับ คนๆ นั้นน่ะ...
“ไง ตกกระป๋องแล้วเหรอครับ ไม่เดินชูคอเหมือนอาทิตย์ก่อนแล้วเหรอ” ไอ้มาวินเป็นอีกคนที่บางทีผมก็คิดว่ามันโง่ ถ้ามันจะสุขุม ใจเย็นกว่านี้ คงเป็นตัวอันตรายที่ผมนึกหวั่น แต่เพราะมันแสดงออกให้เห็นว่ามันเกลียดผมจนอยากจะฆ่ามากแค่ไหนนั่นแหละ ผมถึงได้ไม่กลัวเลย หากตัวเองต้องตาย ตำรวจคงพุ่งเป้าไปจับมันโดยทันที
มันมักจะแวะมาที่ออฟฟิศเพื่อมาส่งสายตาอาฆาตให้แล้วก็กลับออกไป แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกที่มันตัดสินใจเข้ามาคุยด้วย คงเพราะรู้ว่าวันนี้พี่เกมกับพี่เอไม่อยู่ที่ออฟฟิศล่ะมั้ง
“อย่างนี้ล่ะน้า... ของเล่นยังไงก็คือของเล่น พอเบื่อเขาก็ทิ้งขว้าง ไม่เหมือนคนที่เขาต้องการจริงๆ ไม่ว่ากี่ปีก็ยังได้เป็นที่หนึ่งเสมอ”
“หมายถึงตัวเองหรือน้องสาวเหรอครับที่เป็นที่หนึ่ง? หรือน้องเดียร์ที่เจ้านายของคุณกำลังกกกอดอยู่ทุกวันทุกคืน?”
“นี่มึงรู้เรื่อง...”
“ใช่สิครับ...ผมรู้ดีทีเดียวล่ะ แต่น้องสาวของคุณนี่...ยังเป็นที่หนึ่งได้ไหมนะ โอ๊ะ ทำหน้าตกใจเลยเหรอ อย่าลืมสิครับว่าผมก็เคยได้กับเจ้านายคุณมาก่อน นี่ที่จริงถ้าผมไม่เบื่อเขา ก็อยากจะสานต่อด้วยอยู่หรอก...แต่ไร้พ่ายน่ะเป็นผู้ชายที่โคตรน่าเบื่อ แถมยังซื่อบื้อไม่รู้แม้กระทั่งว่าลูกน้องตัวเองอยากได้เป็นผัวจนตัวสั่น โอ๊ะ ผมไม่ได้ว่าคุณนะครับ แค่พูดลอยๆ”
“มึง...!!” ไอ้มาวินแทบล้มโต๊ะ ติดที่ว่าโต๊ะที่ผมนั่งทำงานอยู่ตอนนี้มันไม่สามารถทำได้ ถึงได้เตะเก้าอี้ที่ตัวมันนั่งล้มคว่ำไปแทน ก่อนจะยกปืนขึ้นมาตรงหน้าผม
“ลูกน้องกูไม่น่าทำพลาด น่าจะแทงไอ้หมาปากดีอย่างมึงให้ตายไปซะ”
“หมาลอบกัดอย่างมึงมันก็มีดีแค่เห่าล่ะวะ แน่จริงมึงก็ยิงมา! ถ้ากูไม่ตาย มึงกับน้องมึงนั่นแหละที่จะตาย ทำให้เหมือนตอนที่พี่สาวกูตายดีไหม”
“ไอ้เพี้ยน!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
มีพี่พนักงานคนอื่นๆ ที่กลับมาจากพักกลางวันร้องลั่นออฟฟิศ ไอ้มาวินจ้องมาที่ผม โทสะของมันมากจนผมแน่ใจว่ามันคงลั่นไกในอีกไม่กี่วินาทีนี้
“พี่สาวของมึงมันโง่เอง โง่ๆ แบบนังนั่นก็สมควรตาย”
“กูไม่แปลกใจจริงๆ นะมึง...ว่าทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ เพราะไม่มีใครคอยสั่งสอนสิท่า ถึงได้ตัดสินเอาเองว่าคนโง่สมควรตาย งั้นกูจะสอนมึงเองว่า คนฉลาดอย่างมึงก็สมควรตายเหมือนกัน!”
ปัง! เพล้ง!
มันตั้งใจยิงไปโดนแจกันดอกไม้บนตู้เอกสารข้างหลังของผม แต่ผมก็ได้แค่ยืนยิ้ม ...ผมไม่กลัวตายหรอก ตอนนี้ก็ไม่ได้มีใจอยากจะมีชีวิตต่ออยู่แล้ว คนอย่างผม...คนอย่างผม...
“แม่งห่วยว่ะ ถ้าอยากฆ่ากูจริงๆ ก็เล็งให้ดีๆ ความกล้าระดับเด็กอนุบาลอย่างมึงนี่โคตรน่าสมเพช คงทำได้แค่รังแกเพศแม่สิท่า”
“ไอ้เหี้ย...คนอย่างมึง...”
ไม่ทันที่ไอ้มาวินจะได้ลั่นไกอีกครั้ง พี่พ่ายก็เข้ามาขัดจังหวะพอดี เขาคงวิ่งมา เพราะใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แถมยังได้ยินเสียงหอบเบาๆ ด้วย
“มากไปแล้วมาวิน!” เสียงตวาดของพี่พ่ายทำให้ทั้งผมและไอ้มาวินสะดุ้งโหยง มันหันกลับไปมองแล้วยอมลดปืนลงแต่โดยดี และโดยไม่ทันตั้งตัว พี่พ่ายก็ชักปืนออกมา เขาติดตั้งที่เก็บเสียงลงที่ปืนอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเล็งและเหนี่ยวไก
ผมอ้าปากค้างมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา เสียงปืนที่ดังขึ้นเล็กน้อยจากที่เก็บเสียงกับภาพไอ้มาวินล้มลงไปตรงหน้า เลือดไหลจากหัวไหล่ขวาอาบเสื้อเชิ้ตสีขาวของมัน ใบหน้าที่ไร้ความปราณีของพี่พ่ายทำให้ผมนึกกลัวขึ้นมาจับใจ ไม่เคย...ผมไม่เคยเห็นเขาทำหน้าแบบนี้เลย...แม้เขาจะโกรธมากแค่ไหน...ก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
“นาย...นายยิงผมทำไม...ยิงผมทำไม” น้ำตาของมันไหลออกมา ชั่วอึดใจเดียวที่ผมรู้สึกเวทนาสงสาร แต่แค่ไม่กี่วินาทีที่นึกถึงเรื่องที่มันทำ ความรู้สึกนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ด้วยความสะใจแทน
“ผมเตือนคุณแล้ว ว่าถ้าขัดคำสั่ง คุณเจอกับผมแน่ แต่คุณก็ยังทำ ที่นี่เป็นไซต์งานที่ผมรับผิดชอบ พนักงานของผมทุกคนอยู่ในความรับผิดชอบของผม แต่คุณก็ยังกล้าก่อเรื่อง ถ้าคุณไม่ฟังคำสั่งของผมแล้ว ตั้งแต่วันนี้...อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”
“มันก็แค่ข้ออ้าง! ที่นายยิงผมเพราะนายรักมัน! นายปกป้องมัน! นายบอกว่าผมขัดคำสั่ง แต่นายต่างหากที่ทรยศความเชื่อใจของผมก่อน!”
“ออกไป!”
“แล้วนายจะต้องเสียใจที่ทำกับผมแบบนี้”
“กูบอกให้ออกไป!”
ไอ้มาวินค่อยๆ ลุกขึ้น มันโซซัดโซเซไปมา พี่พนักงานที่จับกลุ่มกันอยู่มุมห้อง เฝ้ามองมาด้วยความกลัวนั้นร้องไห้ออกมาแทบทุกคน เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง คงไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้
“อย่าแจ้งตำรวจ ถ้าใครเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อ ผมจะฆ่าทิ้ง!” พี่พ่ายหันไปกำชับกับพวกพี่ๆ ที่ผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงมายื่นใบลาออกกันแน่ ก่อนเขาจะเดินมายืนตรงหน้าผม แล้ว...
เพียะ!
ใบหน้าผมหันไปตามแรงตบของเขา ความแรงที่เข้าปะทะทำให้ผมเผลอกัดริมฝีปากตัวเองจนได้เลือด
“ถ้ามึงอยากตายนัก ก็ไปตายที่อื่น!”
ความโกรธของพี่พ่ายทำให้ผมไม่กล้าเถียงอะไรกลับไป เพราะได้เห็นแล้วว่าคนๆ นี้ไม่พูดขู่เลยแม้แต่น้อย เขาเหนี่ยวไกปืนอย่างไม่ลังเล ความโหดเหี้ยมนั้นทำให้ไม่กล้าที่จะไปยั่วยุอารมณ์ของเขาในตอนนี้ ในเมื่อพี่พ่ายตอนที่โกรธผมเมื่อก่อนนั้นน่ากลัวน้อยกว่าตอนนี้นัก
“เรียกแม่บ้านมาทำความสะอาด” เขาหันไปสั่งกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่นั่งหน้าซีดอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองอยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันกลับมากระชากแขนผมให้เดินตามเข้าไปในห้องทำงานของเขา
แล้วนี่...ทำไมผมต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อยู่กับเขาสองต่อสองด้วยวะ เพราะหลังออกจากโรงพยาบาลผมก็เลี่ยงจะเจอเขามาตลอด ผมไม่มีอะไรจะพูดกับเขา...ไม่มีเรื่องที่ต้องเคลียร์กันอีกแล้ว เพราะตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าผมไม่ควรรักเขาต่อไป แม้ว่าในทุกๆ วัน ผมจะยังคิดถึงตอนที่เรามีความสุขด้วยกันก็ตาม
“จะให้คนย้ายโต๊ะทำงานเข้ามาในห้องของผม”
“ไม่จำเป็นครับ”
“ไม่ได้ถามความเห็น”
“ไอ้...”
“หึ...ไม่ด่าล่ะ”
“ผมไม่กล้าด่าหรอกครับ...ก็คุณเป็นเจ้านาย”
“เพิ่งรู้รึไง”
“ครับ เพิ่งรู้”
“ก็ดี”
“...”
“ตัดใจจากผมให้ได้ล่ะ...ไม่อยากต้องรู้สึกผิด”
ผมจับของที่อยู่ใกล้มือขว้างไปทางเขาทันที และตามด้วยสารพัดสิ่งของที่ผมจะหามาได้ แต่ขว้างไปเท่าไหร่ก็ไม่โดนตัวเขาเลยแม้แต่น้อย...คงเพราะ...ผมไม่อยากทำให้เขาต้องมีแผลอีก
ก็ถ้าไม่ทำเป็นโกรธ...ผมคงต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ
“ไม่เห็นต้องรู้สึกผิดอะไรนี่ เพราะตอนนี้ผมก็เกลียดคุณอยู่แล้ว คุณทำให้เมียและลูกของผมตาย แม้ว่าเธอจะเต็มใจก็เถอะนะ แต่ประเด็นมันก็อยู่แค่ว่าคุณได้กระจกตาไปแล้ว และก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาตลอด นั่นแหละผมจึงเกลียดคนอย่างคุณ อยากควักลูกตาออกมาอยู่หรอก แต่ชีวิตในคุกคงไม่เข้ากับผมเท่าไหร่ คงได้แต่แช่งให้คุณตายๆ ไปนั่นแหละนะ คนอย่างผมคงทำได้แค่นั้น”
เขาไม่รู้หรอก...ว่าผมต้องฝืนตัวเองมากแค่ไหนที่จะพูดคำเหล่านี้ออกไปได้ เราไม่มีทางเป็นคนรักกัน...ไม่มีความหวังนั้นมาตั้งแต่แรก แต่ผมก็ยัง...รักเขามากอยู่ดี
“ถ้าอยากได้...ผมจะคืนมันให้ ผมก็ไม่ได้อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“ไม่ต้อง! เอาคืนมาให้แล้วผมจะเอาไปทำอะไรได้! ไหนๆ ตอนนี้มันก็อยู่กับคุณแล้วนี่ พี่ก็คงอยากให้มันอยู่กับคนที่พี่รักด้วย ผมมันคนนอก ไม่ต้องมาสนใจความรู้สึกของผมหรอก! เพราะมันไม่ได้ทำให้คุณเป็นคนดีขึ้นมาเลยสักนิด”
“เป็นเด็กดีมากกว่าที่คิดนะ...”
“...”
“อ่อนโยนและก็โง่เหมือนอย่างที่พี่สาวคุณบอกไว้”
“...”
“แต่ยังไงก็...ขอบคุณ”
เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะยิ้มอย่างที่ผมมั่นใจว่ามันคงเป็นรอยยิ้มแรกที่มาจากใจของเขา รอยยิ้มที่พี่สาวของผมคงเห็นมานักต่อนัก รอยยิ้มที่ไม่มีวัน...เป็นของผม
พี่พ่ายกดโทรศัพท์เรียกให้คนเข้ามาเก็บกวาดห้องทำงาน ในขณะที่ผมได้แต่นั่งเงียบ...
หึ! อ่อนโยนเหรอ...พี่คิดผิดแล้ว ผมน่ะ...ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น แต่ที่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ก็เพราะเป็นพี่ต่างหากพี่พ่าย... เพราะผมรักพี่ไปแล้ว...ผมจะทำร้ายพี่ได้ยังไง แค่เห็นพี่เจ็บ...ผมก็เจ็บมากกว่าพี่หลายเท่า เหตุผลง่ายๆ แค่นี้...พี่ก็มองไม่ออกเหรอ... ทำไมถึงซื่อบื้อได้ขนาดนี้นะ
“แล้วไอ้มาวิน...คุณจะทำยังไงกับมัน ผมคิดว่ามันคงหาทางแก้แค้นอยู่แน่ๆ”
“เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง คุณไม่ต้องยุ่ง”
“แต่มันก็เป็นเรื่องของผมเหมือนกันนะ! มันมีปัญหากับผม!”
“ไม่เกี่ยวว่าเขาจะมีปัญหากับคุณ ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นพนักงานของผม อยู่ในความรับผิดชอบของผม”
“แค่พนักงานกระจอกๆ คนหนึ่ง ท่านรองประธานกรรมการไม่ต้องสนใจหรอกครับ”
“พนักงานทุกคนมีความสำคัญ ไม่มีพวกคุณบริษัทก็ไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเถียง ไปย้ายของเข้ามาในห้องทำงานผมได้แล้ว”
“สั่งเอาๆ เกิดมาทำเป็นแค่นี้เหรอ ผู้ชายน่าเบื่ออย่างคุณนี่ชาตินี้ก็หาเมียไม่ได้”
“ผมมีลูกสามคนและภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย สิ่งที่คุณคาดเดาคงไม่ใช่แล้วล่ะ”
“เออ! ไอ้บ้า!”
อดโมโหไม่ได้จริงๆ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องมาบอกหรอก! ผมรู้อยู่แล้วเว้ย! รู้อยู่แล้ว...ไม่ต้องมาบอกให้ใจมันเจ็บมากไปกว่านี้หรอก!
กว่าจะย้ายของเข้ามาในห้องทำงานของท่านรองประธานกรรมการเสร็จก็เล่นเอาหอบ โต๊ะทำงานของผมก็ย้ายมาอยู่ในมุมหนึ่งของห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ว่าแต่อย่างนี้ จะมีสมาธิทำงานได้ยังไงกันเล่า!
ก๊อกๆๆๆๆ
“ไอ้ป๋า!! เมื่อกี้แม่ค้าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆ ออฟฟิศเราที่มึงให้กูไปซื้อก๋วยเตี๋ยวนี่มาให้อ่ะ เขาบอกว่าได้ยินเสียงคล้ายๆ ปืนดังมาจากที่นี่ เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงวะ แล้วมีใครเป็นอะไรไหม”
ก็ถ้าป้าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวได้ยิน แล้วทำไมไม่แจ้งตำรวจให้มาที่นี่ แต่คิดอีกที ถ้ามาพี่พ่ายก็คงถูกจับเป็นคนแรกเพราะแม่งเสือกยิงคนไปแล้วหนึ่งคน แต่โชคยังดีที่แม่สายนั้นเป็นดินแดนแห่งความโกลาหลโดยแท้ มันจึงเป็นเหมือนเรื่องธรรมดาล่ะมั้งถ้าจะได้ยินเสียงทำนองนี้ หลายๆ คนคงนึกว่าหม้อแปลงระเบิด
“ถามเด็กนั่นดู” พี่พ่ายโบ้ยมาทางผม ในขณะที่พี่เอก็เบนเข็มมาที่ผมเช่นกัน
“เอ้า ต้นเหตุเพราะมึงเองเหรอ มีเรื่องอะไรวะ เล่าหน่อยๆ เอ้า นี่ก๋วยเตี๋ยว มีคนสั่งให้ซื้อมาให้ คิดว่าคงยังไม่ได้กินมื้อเที่ยง”
ผมมองไปทางพี่พ่าย รู้อยู่แล้วว่าคนที่จะใช้พี่เอได้มีแต่เขา แต่ผมก็ไม่ได้พูดขอบคุณกับเขาไป ไม่อยากต้องรู้สึกมีความหวังกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้หรอกครับ เพราะยังไงซะ...เขาก็ไม่มีทางคิดอะไรกับผมอยู่แล้ว
“ไอ้มาวินมันมาหาเรื่องผมน่ะครับ แต่คุณไร้พ่ายเขาไล่ไปให้แล้ว”
“โอ้โห นี่มันกล้า แต่ว่าทำไมเรียกกันซะห่างเหินอย่างนั้น เรียกพี่พ่ายอย่างเดิมก็ได้ พี่อนุญาต”
“มึงจะไม่ถามกูสักหน่อยเหรอไอ้เอ”
“ไม่อ่ะ ไม่ถาม กูเบื่อคนท่ามากอย่างมึง” พี่เอพูดจบก็โดนปากกาขว้างใส่ ตามสไตล์เดิมๆ ของพี่พ่าย ผมแอบหัวเราะเบาๆ แต่พอสบตากับเขาก็หยุดหัวเราะไปซะอย่างนั้น...
“แล้วไงต่ออ่ะ มันยอมกลับไปดีๆ เหรอ”
“ไม่หรอกครับ เขาโดนเพื่อนพี่เอยิงที่แขนอ่ะ ไม่รู้ตอนนี้เสียเลือดจนตายไปแล้วหรือยัง”
พอพูดขึ้นมาก็ชักจะเป็นกังวลเหมือนกัน ถ้าเกิดมันตายขึ้นมา พี่พ่ายไม่ต้องติดคุกเหรอ!
“ป๋า! ทำไมมึงวู่วามอย่างนี้! ไอ้ห่านี่ทำไรไม่คิดหน้าคิดหลังอีกละ ไอ้เกมรู้คงได้บ่นมึงจนหูชาแน่ๆ กูจะฟ้องมัน” พี่เอไม่ได้ดูซีเรียสอย่างที่เขาพูดเลย ราวกับเป็นเรื่องปกติมากกว่าที่ได้รู้ว่าพี่พ่ายชักปืนยิงคนได้อย่างไม่ลังเล
“พี่เอ สอนผมยิงปืนหน่อยสิ ผมอยากมีไว้ป้องกันตัวอ่ะ”
“ให้ป๋าสอนสิ นั่นเกือบติดทีมชาติเลยนะ คะแนนเต็มสิบให้ยี่สิบเลยอ่ะ”
“เอ่อ...งั้นก็ ไม่ดีกว่า แหะๆ”
“ทำไม เรียนกับผมมันมีปัญหาตรงไหน”
“มีปัญหาที่ตรงหน้าไม่รับแขกของคุณนั่นแหละครับ”
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆ เพี้ยนแม่งพูดถูกใจว่ะ”
“ผมพูดความจริงเหอะ”
หลังจากนั้นผมก็ได้รู้เลยว่าพี่พ่ายใช้ปากกายี่ห้อไหนบ้าง เพราะมีกี่ด้ามก็เล่นขว้างมาหมด เป็นพายุปากการาคาแพงที่ผมกับพี่เอต้องหลบใต้โต๊ะกันให้วุ่น...
นี่...พี่พ่าย... เป็นแบบนี้ดีแล้วสินะครับ ผมทำได้ดีแล้วใช่ไหม...
....................................................................TBC....................................................................
เพี้ยนซะอย่าง...ปรับตัวได้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงงงงง
ยังรักพี่พ่ายไม่เสื่อคลาย
