ตอนที่ 26เหมือนนานมากแล้วที่ไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้ รู้สึกนานจริงๆ ที่ไม่ได้ถูกเขาสัมผัสไปทั้งตัว ผมอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้ว่าสัมผัสของพี่พ่ายนั้นรุนแรงและโหยหามากกว่าแต่ก่อน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาไม่ยอมปล่อยผม อ่อนแรงแค่ไหนแต่ร่างกายของเราก็ยังเชื่อมต่อกัน ผมแทบสำลักความสุขตาย ยิ่งได้กอดเขาไว้ ยิ่งรู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังจะถูกหลอมละลายเพราะความร้อนจากเขา
“พี่พ่าย...”
“หืม”
“ผมไม่ไหวแล้ว”
ไม่มีแรงแล้วจริงๆ แถมยังง่วงมาก เพิ่งสามทุ่มเท่านั้น แต่ผมก็ไม่อยากจะลุกไปไหน ข้าวเที่ยง ข้าวเย็น ยังไม่ได้กินเลยสักมื้อ เพราะตอนแรกคิดไว้ว่าดูมวยเสร็จจะไปหาอะไรกิน แต่ก็ดันมาถูกพี่พ่ายกินซะก่อน นี่โดนจัดหนักมาตั้งแต่บ่ายสี่โมงแล้ว ผมหลับไปรอบหนึ่ง ตื่นมาก็ยังโดนอีก เหลือเชื่อเลยจริงๆ แทบอยากร้องไห้ เพราะตอนนี้ขาแทบจะหุบไม่ลงอยู่แล้ว
“ไม่หิวรึไง”
“พี่หิวเหรอ”
“อืม”
“ต้มมาม่าเอาไหมล่ะ”
“ไปทำมาดิ”
“ทำเองไม่ได้รึไง บอกอยู่ว่าไม่ไหว ยังจะใช้อีก”
กำลังหงุดหงิดได้ที่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมจำเป็นต้องลุกไปหากางเกงบอลมาใส่ แล้วเดินไปเปิดประตู
“อ้าว เพี้ยนนอนอยู่เหรอ ผมซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝาก คิดว่าคงยังไม่ได้กินอะไรอ่ะ” โกยื่นถุงก๋วยเตี๋ยวมาให้ เขามองสำรวจผมที่ไม่ทันได้คิดอะไร แต่พอเห็นว่าโกหน้าแดงแล้วผมก็ทันได้รู้ตัวว่าไม่ได้ใส่เสื้อ โกคงเห็นรอยดูดทุกรอยบนผิวผมเป็นแน่ อืม...แต่คงยกเว้นที่ต้นขา เพราะผมใส่กางเกงอยู่ เดี๋ยว! นี่ไม่ใช่เวลามาวิเคราะห์นะ!
“เอ่อ ขอบใจนะ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเรายังไม่ได้กินอ่ะ”
“ผมนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นข้างล่างอ่ะ ว่าจะรอชวนเพี้ยนไปกินข้าว แต่ก็ไม่เห็นลงมา ว่าจะขึ้นมาเคาะห้องก็คิดว่าคงนอนอยู่ เอ่อ...ว่าแต่ว่า อยู่กับแฟนเหรอ”
ผมทำหน้าปั้นยาก ตอบคำถามของโกไม่ถูก เขาคงเห็นพี่พ่ายนอนอยู่ที่เตียง และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็คงบอกได้ดีว่าผมกำลังทำอะไร ใบหน้าของโกแดงจัดขึ้นไปอีกเมื่อมองหน้าผม
“ใครมาน่ะ” เสียงของพี่พ่ายถามขึ้นมา ...ห้องนี้มันเล็กเท่ารูหนูอย่างที่เขาบอกจริงๆ ด้วย เพราะแค่เปิดประตูก็เห็นทุกส่วนของห้องแล้ว เพราะฉะนั้นคนบนเตียงกับคนหน้าประตูก็อยู่ห่างกันไม่มาก
“เอ่อ เพื่อนข้างห้องน่ะพี่ โก ยังไงพรุ่งนี้ไปกินด้วยกันนะ ขอบใจอีกครั้งที่ซื้อมาให้”
“อืมๆ ไม่เป็นไร งั้นผมเข้าห้องก่อนนะ”
“อื้ม”
ผมมองโกเดินไปที่ห้องข้างๆ ยิ้มให้เขาที่หันมายิ้มให้ก่อนจะเข้าห้องไป แล้วก็เดินเอาก๋วยเตี๋ยวมาวางไว้ที่โต๊ะกระจก
“ใคร”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าเพื่อนข้างห้อง”
“มึงมาไม่ทันไรมีเพื่อนแล้วรึไง”
“แน่สิ ผมมันคนอัธยาศัยดี ใครจะหน้าไม่รับแขกอย่างพี่ล่ะ”
พี่พ่ายขว้างหมอนมาใส่ผม แต่ผมก็รับมันไว้ได้ “มากินก๋วยเตี๋ยวสิ พี่หิวไม่ใช่รึไง”
“กูไม่กิน”
“หอมมากเลยนะ คงอร่อยน่าดู”
“เอาไปทิ้ง”
“ทำไมอ่ะ เขาอุตส่าห์ซื้อมาฝาก”
ถ้าเอาไปทิ้งก็เสียน้ำใจน่ะสิ ผมว่าในเมื่อมีคนตั้งใจซื้อมาให้ เราก็ควรรับน้ำใจของเขาไว้ไม่ใช่เหรอ
“กับคนที่เพิ่งเจอ อย่าไปไว้ใจให้มาก”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่กับพี่ดรีม ก็มีคนข้างห้องซื้อของมาฝากบ่อยๆ เรื่องปกติจะตายไป”
พี่พ่ายคิดมากจริงๆ ขี้ระแวงอย่างนี้ชีวิตจะมีความสุขได้ยังไงกันนะ
“ทำไมต้องทำหน้าอึ้งอย่างนั้นอ่ะ มีอะไรรึเปล่าพี่”
“มึงจำหน้าคนที่อยู่ข้างห้องได้ไหม”
“หลายปีแล้วอ่ะ ใครจะไปจำได้ แต่เขาก็ใจดีจริงๆ แหละ เคยคุยกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็ซื้อขนมซื้อข้าวมาให้ มีน้ำใจจริงๆ นะ”
พี่พ่ายขมวดคิ้วมองหน้าผมเข้าไปใหญ่ แต่ไอ้สายตาที่มองมาเหมือนผมโง่ซะเต็มประดานี่มันหมายความว่ายังไง แค่ตอบรับน้ำใจคนอื่นมันมีอะไรแปลกมากเหรอ!
“อย่ารับของจากคนแปลกหน้าอีกเข้าใจไหม”
“ทำไมอ่ะ”
“มึงโตมาได้ยังไงโดยที่ไม่ถูกแก๊งลักเด็กจับไปวะ”
“ก็โตมานี่แล้วไง”
“ยังจะเถียง!”
“แล้วจะกินไหมล่ะก๋วยเตี๋ยวน่ะ เขาไม่ได้ใส่อะไรไม่ดีหรอกนะ โกดูเป็นคนดีจะตายไป สเปคเลย”
“พูดอีกกูจะตบให้ปากฉีก”
“โฮะๆ หึงใช่ม้า”
“พูดมาก”
ไม่ปฏิเสธด้วย คงรู้สึกขึ้นมาบ้างแล้วสิว่าผมไม่ใช่ของตาย
“นี่พี่พ่าย”
“อะไร”
“ผมรักพี่ก็จริงนะ แต่ถ้าเจอผู้ชายที่ดีและหล่อกว่า ผมก็เลิกรักพี่ได้ง่ายๆ เลยล่ะ ผมก็เป็นคนใจง่ายแบบนี้แหละ เพราะงั้นพี่ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก จะทำเหมือนผมเป็นเมียเก็บหรืออะไรก็ได้ ในเมื่อเราก็ไปได้ไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว พี่มีลูกมีเมีย มีคนที่พี่ลืมไม่ได้อยู่ ส่วนผม...อีกเดี๋ยวก็คงเจอกับคนที่รักผมจริงๆ ถ้างั้นระหว่างนี้...มามีความสุขไปด้วยกันเถอะนะ ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ทิ้งเรื่องอื่นไว้ข้างหลังก็พอ”
“อืม”
“ว่าแต่คืนนี้จะค้างที่นี่ไหม”
“มึงจะไม่กลับไปอยู่ที่บ้านรึไง”
“ผมจ่ายค่าประกันไปแล้วอ่ะ อีกอย่าง...ให้อยู่กับพี่ทุกวันก็เบื่อแย่ ห่างๆ กันสักหน่อยให้คิดถึงดีกว่า”
“งั้นกูจะให้ไอ้เกมมานอนเป็นเพื่อน”
“ไม่ๆ ไม่ต้องรบกวนพี่เกม ผมมีเพื่อนแล้ว ผมอยู่ได้ วันดีคืนดีอาจให้โกมานอนเป็นเพื่อน...โอ้ยยย! ฮ่าๆๆ พี่พ่ายอย่าขว้างหมอนมาดิ เฮ้ยๆๆๆ นาฬิกาก็ไม่ได้ อันนั้นแพงนะ พี่กิ๊ฟซื้อจากฝรั่งเศสมาให้เลยนะเฮ้ย!”
“มีแรงเถียงกูขนาดนี้ก็มาต่อกันได้แล้วมั้ง”
“โอ้ยยย พอเหอะพี่ อาบน้ำอาบท่ากินข้าวอะไรบ้าง เพิ่งสามสี่ทุ่ม ให้คนอื่นเขานอนกันก่อนเหอะ เราค่อยจัดเต็มกันนะ”
“หึ ความคิดดีนี่”
“แน่อยู่แล้ว”
วังวนเดิมๆ แต่ผมรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป ...ที่ชัดเจนได้ก็คือ...เราคุยกันมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา
“เพี้ยน”
ผมเจอกับโกตอนกำลังเดินขึ้นห้อง เพิ่งเลิกงานมา โกก็คงเพิ่งเลิกเหมือนกัน เพราะอยู่ในชุดฟอร์มอยู่เลย
“อ้าว หวัดดี กินข้าวรึยังโก”
“ยังเลย”
“งั้นไปกินกันไหม เดี๋ยวผมเอากระเป๋าไปเก็บก่อน”
“โอเคๆ ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน ถ้าเสร็จแล้วจะไปหาที่ห้องนะ”
อาทิตย์กว่าๆ แล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่ มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นหลายครั้ง ครั้งแรกคือประตูห้องมีรอยถูกงัด แต่ของในห้องไม่มีอะไรหาย ผมติดต่อบอกเจ้าของอพาร์ทเม้นให้แจ้งตำรวจให้ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า คงอย่างที่พี่เกมบอกว่าแจ้งตำรวจก็ไม่ได้ช่วยอะไร และพอเป็นเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาไป ไม่มีจะสืบหาคนร้ายด้วยซ้ำ เหมือนนั่งรอให้มันโผล่หน้ามามอบตัวเอง บอกแค่ว่ายังไงก็อาจจะไม่ได้ตัว เพราะแถวนี้ก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เลยไม่มีผู้ต้องสงสัยสักคน ครั้งที่สองเกิดขึ้นตอนที่ผมกำลังนั่งเชียร์มวยอยู่กับโกที่ห้องนั่งเล่นรวมชั้นหนึ่ง มีผู้ชายหน้าตาดุๆ มาด้อมๆ มองๆ ที่ประตูรั้ว เดินผ่านไปมา วนเวียนอยู่จนถึงกลางดึก แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับไป ผมแน่ใจว่ายังไงก็ต้องเป็นคนของไอ้มาวิน ไอ้นี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆ ที่แน่ใจก็เพราะพอมันเห็นรถของพี่พ่ายมันก็หนีไปทันทีนั่นแหละ
“วันนี้จะกินอะไร หรือจะผัดมาม่ากินกัน” อาหารชาวหอก็คือมาม่า ผมกับโกต้มกินด้วยกันประจำ เพิ่งมารู้ว่ามาม่าจะอร่อยก็ต่อเมื่อกินกับเพื่อน
“อื้อ ผัดมาม่าก็ได้ ขี้เกียจออกไปกินข้างนอกเหมือนกัน”
“งั้นมาช่วยทำเลย”
“ก็ได้ๆ”
ความจริงผัดมาม่ามันก็ไม่ได้ยากอะไร และที่โกบอกให้ช่วย ก็แค่ช่วยยืนดูและมีหน้าที่ชิมเท่านั้น
“อร่อยไหม”
“อื้ม อร่อยๆ ใส่ไข่ด้วยนะ”
“ครับๆ ได้ตามที่ขอครับ”
“อิอิ”
“ว่าแต่โกไม่พาแฟนมาอยู่ด้วยอ่ะ อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ”
โกหันมายิ้มให้ ใบหน้าขาวนั้นขึ้นสีจางๆ “ผมยังไม่มีแฟนหรอก”
“โหยยย เป็นหนุ่มเวอร์จิ้นเหรอเนี่ย”
“ยังไม่มีแฟนก็ไม่ได้หมายถึงว่าเวอร์จิ้นซะหน่อย”
“จริงง่ะ”
“อืม จริงสิ ลองไหมล่ะ”
“ฮ่าๆๆ ไม่เอาๆ”
“แล้วแฟนเพี้ยนล่ะ ทำไมไม่มาอยู่ด้วย” โกถามด้วยสีหน้าจริงจัง อืม...ผมว่านะ ผมมีเสน่ห์พอตัวเลยทีเดียวล่ะ ไม่งั้น...คนตรงหน้าคงไม่ทำสีหน้าแบบนี้แน่ๆ
“ไม่ใช่แฟนหรอก” ผมยิ้มให้โกแล้วส่งจานไปให้ “เขามีลูกมีเมียแล้วน่ะ แถมยังมีผู้หญิงที่เลี้ยงไว้อีกคนด้วย”
“อ้าว...แล้วทำไม...”
“เราแย่กว่าที่คิดใช่ไหมล่ะ”
“ผู้ชายคนนั้นต่างหากล่ะที่แย่” โกตอบกลับมาด้วยความกังวล เขาดูเป็นห่วงผมมากจริงๆ “ถ้าไม่ใช่แฟน เพี้ยนก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาหรอก จะว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวก็ได้นะ แต่แบบนี้มันไม่มีอะไรดีเลย เพี้ยนก็เจ็บใช่ไหมล่ะ ผมรู้นะ”
“ไม่เจ็บซะหน่อย โกไม่ต้องห่วงหรอกน่า เราก็ไม่ได้จริงจังกับเขานักหรอก อิอิ”
“งั้นถ้าไม่จริงจังกับเขา ลองทำความรู้จักกับคนอื่นด้วยได้ไหม”
“หืม...คนอื่น? ใครเหรอ?”
“ก็...” ใบหน้าของโกแดงก่ำ ผมแกล้งยื่นมือไปใกล้ๆ กับแก้มของเขา ยังไม่ทันได้ทำอะไร ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา
“พี่พ่าย...” เขามีกุญแจห้องผมและชอบเปิดเข้ามาโดยไม่เคาะ
“อ้าว มีแขกเหรอ” คำถามและรอยยิ้มของพี่พ่ายทำให้ผมหน้าชาไปเล็กน้อย มันฟังราวกับกำลังดูถูก “มาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ” โกตอบกลับไป สายตาที่มองพี่พ่ายไม่ได้มีความเป็นมิตรเลยสักนิด ต่างจากทุกครั้งที่พวกเขาเจอกันมาก “ไม่ได้ขัดจังหวะอะไร มากินด้วยกันสิครับ ผมกับเพี้ยนทำไว้เยอะเหมือนกัน”
“ไม่ล่ะ...ผมแค่แวะมาดู นึกว่าหมาที่เลี้ยงไว้มันจะเหงา แต่พอเห็นคนอื่นมาช่วยเล่นกับมันแล้วก็เบาใจ ยังไงก็เล่นให้พอดีนะ เจ้าของมันค่อนข้างหวง”
พี่พ่ายพูดจบก็เดินออกไปเลย ผมกำลังจะเดินตามแต่โกก็จับแขนไว้
“มากินกันเถอะนะ ถ้าเย็นคงไม่อร่อย”
“โกกินไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวเรามา”
“แต่...”
“เขาคงอารมณ์ไม่ดีน่ะ เราขอไปคุยกับเขาหน่อยนะ”
“อื้ม ยังไงก็ต้องกลับมากินนะ”
“โอเคๆ”
ผมรีบวิ่งออกจากห้อง ลงไปข้างล่าง เกือบไม่ทันเพราะพี่พ่ายกำลังจะขับรถออกไป ดีที่ขวางทางรถไว้ได้ และโชคดีที่เขาเบรกทัน ไม่งั้นผมคงกระเด็น
“มาหาผมไม่ใช่เหรอ ทำไมรีบกลับอ่ะ”
“...”
“พี่พ่าย ผมกับโกเป็นแค่เพื่อนกันนะ”
“จะให้กูเชื่อเหรอว่ามึงยังไม่ได้กับมัน นิสัยมึงเป็นยังไงกูรู้ดี”
ผมได้แต่ยิ้มแล้วลูบมือเขาเบาๆ แม้คำพูดของเขาจะทำให้เสียใจ แต่ผมก็ไม่อยากทะเลาะด้วย นอกจากเจอกันที่ทำงานแค่บางครั้งแล้ว ก็ไม่ได้เจอกันที่อื่นอีกเลย ผมกลับไปเยี่ยมพี่เกมบ้าง แต่ก็ไม่เจอพี่พ่าย ช่วงนี้เขาข้ามไปฝั่งพม่าบ่อยๆ เพราะต้องไปจัดการอะไรหลายอย่าง เราก็เลยได้คุยกันน้อยลง อยู่ที่ทำงานก็ไม่กล้าคุยมาก ความจริงไม่กล้ากวนเขาต่างหาก เห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดกับแฟ้มเอกสารแล้วก็ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ
“ยังไม่ได้ ผมเป็นของพี่คนเดียวนะ ไม่เชื่อจะพิสูจน์ไหม”
“อย่าท้า”
“ไม่ได้ท้า ให้ทำจริงๆ ไม่มาหาหลายวันเลย ผมเหงารู้รึเปล่า”
พี่พ่ายไม่ตอบแต่ดึงผมเข้าไปจูบ ก่อนจะผละออกแล้วยอมลงจากรถเดินขึ้นห้องพร้อมผม กลับมาที่ห้องก็ไม่เห็นโกแล้ว มีแต่โน๊ตที่บอกว่าขอตัวกลับห้องก็แค่นั้น
“ห้ามพาใครเข้าห้องอีก” พี่พ่ายขยำกระดาษที่มีลายมือสวยๆ ของโกทิ้ง ผมอมยิ้มแล้วเข้าไปกอดเขาไว้
“ทำไมครับ พี่หวงเหรอ”
“คิดว่าไง”
“คิดว่าหวงแน่ๆ”
“ห่วงต่างหาก”
ผมหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน “พี่พ่ายปากหวานอ่ะ”
“ลองชิมแล้วหรือไง”
“ชิมเมื่อกี้”
“ชิมอีกไหม”
“ม่ายยยยย คืนนี้พี่ต้องดูซีรีย์เป็นเพื่อนผม ผมไปยืมของพี่เกมมา เพราะฉะนั้น...ไม่ทำนะวันนี้”
“หึ ตามใจ”
“งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม”
ก่อนเขาจะไปอาบน้ำก็ดึงผมไปจูบจนแข้งขาอ่อนแรงไปหมด ...สำหรับผมแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดว่าเขารู้สึกยังไง ไม่ต้องกังวลว่าการกระทำของเขามีจุดประสงค์อะไร ...ในเมื่อผมว่าแบบนี้ก็มีความสุขดี
ไม่ได้อยู่ในฐานะแฟน ไม่ได้อยู่ในฐานะของคนที่วิ่งตาม แต่อยู่ในฐานะเด็กคนหนึ่งที่เขาเลี้ยงไว้ เขาจะเมตตาเอ็นดูยังไงก็เป็นเรื่องของเขา เพราะสำหรับพี่พ่ายนั้น ผมว่าเขาเป็นคนชัดเจนคนหนึ่ง พอผมเสนอตัวว่าจะวางตัวเองไว้ในจุดไหน ระหว่างเราก็ไม่มานั่งดราม่าใส่กันอีก เขาให้ผม ตามใจผม เหมือนกับที่ให้น้องเดียร์ ผมไม่รู้ว่ามากน้อยกว่ากันยังไง แต่รูปแบบนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากบ้านเล็กของพวกคนรวยเท่าไหร่ ค่าห้องค่าประกันที่ผมจ่ายไปพี่พ่ายก็จ่ายคืนให้หมด แถมยังบอกจะจ่ายให้ทุกเดือนด้วย เขาไม่บังคับให้ผมกลับไปอยู่ที่บ้านอีกแล้ว และถ้าว่างเขาก็จะมาค้าง บางวันอยู่ด้วยจนเช้า แต่บางวันก็กลับไปตอนดึกๆ
ผมรู้...ว่าแบบนี้มันน่าสมเพชกว่าเดิมมาก แต่อีกไม่นานก็คงจะจบลงแล้ว ขอให้ผมได้ยื้อต่อไปอีกสักนิด...นี่คงเป็นเฮือกสุดท้ายของคนอย่างผมแล้วจริงๆ
“มันต้องร้องไห้ขนาดนี้เลยรึไง” พี่พ่ายทำเสียงหงุดหงิดใส่ เขาให้ผมหนุนแขนดูซีรีย์อยู่
“ก็มันเศร้านี่นา พระเอกใจร้ายเป็นบ้าเลย! นึกว่าเป็นพระเอกแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ พระรองยังดีกว่าตั้งเยอะ ทำไมคนเป็นพระเอกต้องมีเหตุผลเยอะแยะมากมายก็ไม่รู้ รักก็บอกรัก ไม่รักก็บอกไม่รัก มันยากตรงไหนกัน พี่ว่าป่ะ”
“มึงอินเกินไปนะ”
“ก็ถ้าผมเป็นนางเอก ผมจะไม่เลือกพระเอกหรอก!”
“เออๆ ไม่ต้องร้องละ” เขาเช็ดน้ำตาให้ผมแรงๆ แล้วก็ดึงเข้าไปกอด ผมเลยต้องละสายตาจากจอแม็คบุ๊คของพี่พ่ายมาซุกหน้าลงกับอกของเขาเต็มๆ
“พี่พ่าย”
“อะไร”
“ถ้าผมไม่อยู่แล้ว จะเสียใจไหม”
“...”
“ถ้าผมตาย พี่จะร้องไห้รึเปล่า”
“อย่าพูดเรื่องแบบนี้ กูไม่ชอบ”
“แฮ่ๆ ขอโทษๆ อื้อออ กอดแน่นไปแล้ว”
“มีเรื่องอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นไหม”
พี่พ่ายจะถามแบบนี้บ่อยๆ แต่คำตอบที่ผมให้เขาในทุกครั้งก็คือ “ไม่มี พี่หวังจะให้มีอะไรแปลกไปกว่าผมอีกเหรอ”
“ไม่มีก็ดีแล้ว”
“จะว่าไปก็อยากให้มีเหมือนกันน้า อยากเห็นพี่พ่ายเป็นห่วงอ่า”
“บ้ารึไงมึงน่ะ แค่นี้ก็ห่วงไม่รู้จะห่วงยังไงแล้ว”
ผมจิกเล็บลงบนฝ่ามือของตัวเอง ยิ่งมันเจ็บมากเท่าไหร่...ผมจะได้รู้สึกตัวมากเท่านั้น
“อื้อ ดีใจจัง”
“เงยหน้าขึ้นหน่อย”
“หือ” ผมยอมเงยหน้าขึ้น ก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อริมฝีปากของพี่พ่ายบรรจงจรดลงมาที่หน้าผาก ความอุ่นนุ่มจากริมฝีปากนั้นทำให้ผมหอมแก้มของเขากลับเป็นการตอบแทน
“ช่วงนี้งานยุ่งเหรอ ออฟฟิศก็ไม่ค่อยเข้า”
“อืม”
“แล้วไอ้มาวินล่ะ พี่เจอมันรึยัง”
“ไม่ดูซีรีย์ต่อรึไง”
พอถามเรื่องไอ้มาวินทีไร พี่พ่ายจะเบี่ยงประเด็นทุกที
“ดูๆ” ในเมื่อเขาไม่อยากพูดถึง ผมก็ตามใจ การไม่ขัดไม่เถียงจะทำให้เราอยู่ด้วยกันได้นานกว่า เวลาพี่พ่ายอารมณ์เสียแล้วเขาจะหนีกลับไปเลย และคืนนี้ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น
ผมกลับมาดูซีรีย์ต่อ ต้องย้อนกลับไปอีกเพราะเมื่อกี้ไม่ได้กดหยุดไว้ ส่วนพี่พ่ายเขาก็ดูด้วยนะ แต่ไม่ได้อินตามอย่างผมหรอก
“โอยยย จูบกันแล้ววว จูบกันแล้ววววววว! งื้อออออ” ทำไมเวลาพระเอกกับนางเอกจูบกันมันไม่เห็นจะมีน้ำลายอะไรออกมาเหมือนอย่างตอนที่ผมจูบกับพี่พ่ายเลยอ่ะ เขามีเทคนิคยังไงวะ หรือแค่บดปากกันเฉยๆ ไม่ได้แลกลิ้นกัน
“อยากโดนเหมือนกันรึไงเรา” พี่พ่ายที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลัง เกยคางบนไหล่ผมแล้วคลึงเล่น มือของเขาก็ลูบวนเข้าไปใต้เสื้อกล้ามของผมสักพักแล้ว เวลานอนเล่นด้วยกันแบบนี้เขาก็ทำบ่อยๆ มือใหญ่นั้นบางทีก็แกล้งบีบแรงบ้าง แกล้งสัมผัสเบาๆ ให้จั๊กจี้บ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะให้ดูซีรีย์ด้วยเขาก็คงเบื่อ
“ไม่ เดี๋ยวคืนนี้ก็ดูไม่จบกันพอดี”
“ดูจบก็ดึก พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่ไง”
“อือ แต่มันก็ไม่ดึกมากหรอก ผมตื่นไหว”
“แน่ใจ ไม่ใช่ว่าสายอีก คราวนี้กูตัดเงินเดือนทั้งเดือนนะ”
“ตัดไปเลย ขอค่าขนมที่พี่เอาก็ได้”
“ใครบอกจะให้”
“ถ้าพี่ไม่ให้ก็ขอพี่กิ๊ฟ ไม่งั้นก็ยืมที่โก มีคนเต็มใจให้ผมเยอะแยะไป”
พี่พ่ายจับตัวผมให้นอนหงายอยู่ใต้ร่างเขาทันที แถมสายตาที่จ้องมองมายังทำให้ผมไม่กล้าสบตาด้วยอีก มันกรุ้มกริ่มแปลกๆ นานๆ ทีจะได้เห็นเขาใช้สายตาเจ้าชู้แบบนี้
“กล้าเหรอ”
“ไม่กล้าหรอก”
เขาก้มลงมากัดริมฝีปากล่างของผมแล้วดูดมันเล่น ก่อนจะผละออกไป “อยากได้เท่าไหร่ครับ”
“ไหนบอกไม่ให้ไง”
“ยังไม่ได้พูด”
“พูด เมื่อกี้เลย”
“ตีความผิดเอง”
“งื้อ พ่ายอปป้าชอบแกล้งอ่ะ”
“เราก็ชอบโดนแกล้งไม่ใช่รึไง”
“ใช่ก็ได้”
ครืดดดดดด ครืดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ของพี่พ่ายดันมาสั่นขัดจังหวะซะงั้น ผมเอื้อมมือไปหยิบมันมาจากบนหัวเตียงอีกฝั่ง ในขณะที่พี่พ่ายกำลังให้ความสนใจอยู่กับซอกคอของผม
“พี่ น้องเดียร์โทรมา”
“อืม”
“ผมตัดสายได้ไหม” ที่จริงผมกดตัดสายไปแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่เวลาของเธอ แต่เป็นเวลาของผมต่างหาก
“ตัดไปแล้วจะถามทำไม”
“พี่ไม่ได้ไปหาน้องเดียร์บ้างเหรอ ทำไมโทรจิกบ่อยจัง น่ารำคาญ”
“อืม ไม่ได้ไป” แค่คำว่าไม่ได้ไปของเขา ก็ทำให้ผมยิ้มกว้างแล้ว มันต้องให้ได้อย่างนี้!
“ทำไมอ่ะ”
“ทำหน้าดีใจขนาดนี้ยังจะถามเหตุผลอะไรอีก”
“ก็สงสัยนี่นา...เพราะผมรึเปล่าน้า”
พี่พ่ายกัดคอผมค่อนข้างแรง แถมยังใช้ลิ้นดุนดันอีก คงได้รอยแน่ๆ เลย “แล้วคิดว่าเพราะใคร กูถึงต้องเทียวมาห้องรูหนูอย่างนี้”
“ไม่ได้มาหาบ่อยเหอะ ไม่ต้องบ่น”
“มา แต่มึงไม่เห็นเอง ใครจะปล่อยให้อยู่คนเดียว”
“พี่รักผมแล้วใช่ม้า อิอิ”
“เพ้อเจ้อ”
เวลาพูดว่าเพ้อเจ้อ ก็ไม่ต้องยิ้มอ่อนโยนแบบนี้หรอก ผมจะละลาย...
“คืนนี้ผมจะดูซีรีย์จบไหมอ่ะ ต้องมาย้อนดูอีก”
“ซีรีย์มึงจะดูเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนกูอารมณ์ดีไม่ได้มีบ่อยๆ”
“อืม พูดถูกแฮะ งั้น...อยากโดนคนอารมณ์ดีกอดจัง”
“ให้ท่า?”
“จะเอาไหมล่ะ”
“หึ ตามคำขอ”
ถ้าช่วงเวลาดีๆ อย่างนี้ มีบ่อยๆ ก็คงดี ...แต่ยิ่งดีมากเท่าไหร่...ผมกลับยิ่งรู้สึกว่า กำลังหลอกตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ...พี่กิ๊ฟครับ...ถ้าผมตื่นจากฝันไม่ได้...พี่จะยัง...อยู่ข้างผมใช่ไหม
...................................................TBC....................................................
ค่อยๆ รักกันเบาๆ อะไรของนังเพี้ยน มันจะมากไปแล้วนะะะะะ อ่อยผู้ชายของเราได้ยังไงงงงงง
