ตอนที่ 38
“ขับรถดีๆ ด้วย แล้วอย่าไปเถลไถล แม่จะนั่งเครื่องไปวันอังคาร แกไปรอรับที่สนามบินก็แล้วกัน ไฟล์ทบินตอนเช้า อย่าจำเวลาผิดแล้วมารับตอนเย็นล่ะ ไม่งั้น...น่าดู”
แม่สั่งเสียงเข้ม ผมจึงพยักหน้ารับแต่โดยดี พร้อมยกมือไหว้แนบไหล่เพื่อขอบคุณสำหรับค่าน้ำมันรถ ค่ากินค่าเที่ยวที่แม่จัดใส่กระเป๋าตังค์มาให้ในจำนวนที่ค่อนข้างชื่นใจ ตอนแรกยืนยันจะให้พ่อดิวไปกับผมด้วย แต่พอผมบอกว่าจะอยู่เที่ยวกับไอ้ยิวที่เชียงรายก่อน แม่ก็กลับคำ ให้พ่อดิวไปกับแม่แทน
ผมขับรถออกจากเชียงใหม่ตอนเกือบๆ บ่ายสองโมงแล้ว กว่าจะถึงเชียงรายก็มืดค่ำ แถมช่วงนี้ทางเชียงรายซ่อมแซมถนนอยู่หลายจุด ทำให้รถติดกันเป็นแถวยาวจนน่าหงุดหงิด พอขับเข้าถึงตัวเมืองเชียงรายได้แล้วผมก็ต้องแวะเซเว่นเพื่อหาซื้อซิมการ์ดใหม่ ไม่งั้นก็คงติดต่อหาไอ้ยิวไม่ได้
เหมือนที่หักซิมทิ้งไปเป็นการเพิ่มปัญหาให้ตัวเองอย่างไรก็ไม่รู้
“สวัสดีครับ” เสียงที่ตอบกลับมาสุภาพจนผมต้องเช็คเบอร์ที่โทรอีกครั้งว่ากดเลขอะไรผิดไปไหม
“อยู่ไหนแล้ววะ”
“ใครอ่ะ... ไอ้เพี้ยนเหรอ” อืม...นี่แหละไอ้ยิว พอจับทางได้ว่าเป็นผม น้ำเสียงมันก็เปลี่ยน
“เออดิ กูมาถึงตัวเมืองแล้วเนี่ย มึงอยู่ไหน”
“อยู่บ้าน”
“มึงบอกทางไปบ้านมึงมา กูจำไม่ได้แล้ว” เคยมาตั้งกะสมัยเป็นหนุ่มน้อย จนตอนนี้ชักจะเหลือน้อยแล้ว ผมจำทางไม่ได้หรอก ไม่ได้โง่เลยจริงๆ นะ แค่ความจำไม่ดี
“เดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้”
“โอเค เดี๋ยวเจอกัน”
ผมวางสายจากไอ้ยิว จากนั้นก็ล็อคอินเข้าเฟซบุ๊ค แล้วจึงมาคิดได้ว่า ไม่น่าหักซิมทิ้งเลยจริงๆ โปรเน็ตรายเดือนก็เพิ่งเติมไป เสียดายที่ไม่ทันได้คิด... เสียดายเงินนนนนนนนนนน!
ไอ้ยิวส่งโลเคชั่นมาให้ทางเมสเซนเจอร์เรียบร้อย แต่เอาจริงๆ ผมดูไอ้แผนที่นี่ไม่เป็นหรอกครับ แถมเนวิเกเตอร์แม่งยังเสือกพูดภาษาอังกฤษ คือมันมีภาษาไทยรึเปล่าผมไม่รู้ หรือถึงมันมีผมก็ไม่รู้วิธีที่จะเปลี่ยนภาษา ตอนนี้รู้แค่ว่าบ้านไอ้ยิวอยู่แม่จัน
‘เทิร์นเลฟฟฟฟฟ’
ไอ้เหี้ย เทิร์นเลฟนี่คืออะไรวะ! ผมถึงกับตะลึงในสำเนียงเสียงภาษา จับใจความได้แค่คำว่าเทิร์น แต่แม่งไม่มีที่ให้เทิร์นสักที่ แล้วจะให้ไปเทิร์นที่ไหน ซ้ายก็ป่าต้นสัก ขวาก็เกาะกลางถนน หรือพอเจอยูเทิร์นผมต้องเลี้ยว อันนี้ก็ได้แต่เดากันไป แต่พอเจอยูเทิร์นแล้วเทิร์นไปตามมันบอก...มันกลับ... เหมือนพายเรือในอ่าง
นังผู้หญิงนี่ก็พูดไปเถอะ ฟังไม่รู้เรื่องสักอย่างเดียว ผมขับวนไปวนมา ยูเทิร์นไปเจ็ดแปดรอบละ มันยังบอกให้เทิร์นๆ อยู่ได้ ไม่รู้ว่าเนวิเกเตอร์มันมีปัญหาหรือผมกันแน่ที่มี
ครืดดดดดดด ครืดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ว่าไงไอ้ยิว” มันโทรมาก็ดี จะได้ด่าหน่อยว่ามันส่งโลเคชั่นอะไรมา ทำไมมันถึงได้งงแตกปานนี้วะ
“มึงถึงไหนแล้ว”
“กูขับรถอยู่ บ้านมึงแม่งโคตรลึกลับอ่ะ กูเทิร์นแล้วเทิร์นอีกก็ไม่ถึงสักที”
“ไอ้เหี้ย ทางมาบ้านกูไม่ต้องยูเทิร์น มึงยูเทิร์นหาพระแสงอะไรของมึง”
“ก็นังผู้หญิงที่มึงให้มันนำทางกูเนี่ย บอกกูเทิร์น”
ไอ้ยิวมันจะมาโวยวายใส่ผมไม่ได้นะ ก็ไอ้แผนที่ที่มันให้มานั่นแหละบอกทางผิด ผมผิดอะไรที่ตรงไหนไม่ทราบ
“โอเคๆ ตอนนี้มึงผ่านมอแม่ฟ้ามายัง”
“เออ ตอนนี้กูอยู่หมู่บ้านอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ เห็นป้ายแว้บๆ แต่อ่านไม่ทัน”
“งั้นขับมาเรื่อยๆ ก่อน เจอป้ายแล้วค่อยบอกกูว่ามึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูบอกทางเอง”
“มึงทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกกูก็ถึงนานแล้วป่ะ”
“โทษที กูลืมว่ามึงโง่”
ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมมี ผมคงเลิกคบกับคนอย่างมันไปแล้ว ไม่รู้ก็คือไม่รู้ไง ไม่ใช่โง่ โปรดเข้าใจใหม่ด้วย
หลังจากถูกไอ้ยิวมันด่าว่าโง่ไปตลอดทาง ผมก็มาถึงบ้านมันจนได้ คือบ้านมันโคตรลึกลับ สาบานเลยว่าถ้าพี่พ่ายขับมาเองก็ไม่มีทางมาถึงภายในสถิติเวลาที่ผมทำไว้ในตอนนี้หรอก
“จ่ายตังค์ค่าโทรคืนมาให้กูด้วย สิ้นเดือนนี้ค่าโทรกูบานแน่ คนห่าอะไร กูบอกให้เลี้ยวขวา มึงเสือกเลี้ยวซ้าย”
“ก็ขวามึงกับขวากูมันเหมือนกันไหม”
“คนปกติมันก็ต้องคิดว่าขวาก็คือขวา ไม่ใช่บอกขวาแล้วคิดว่าซ้ายอย่างมึง”
“ก็ยังดีที่กูรู้จักขวาซ้ายป่ะล่ะ แล้วนี่มึงจะบ่นกูได้อีกเหรอ บ้านมึงแม่งโคตรลึกลับอ่ะ”
“ถ้ามึงแค่ขับตรงมาแล้วเลี้ยวขวาตรงสี่แยกไฟแดง ขับเข้ามาอีกไม่กี่เมตร มันจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่มึงโง่ขับวนไปวนมาเองไง มาๆ เข้ามาก่อน แม่กับพ่อกูรอแดกข้าวจนจะหลับรอได้อยู่ละ”
เถียงมันไม่ได้สักคำ อันที่จริงผมไม่อยากจะเถียงมากกว่า เรื่องไร้สาระทั้งนั้น
บ้านไอ้ยิวเมื่อสมัยอดีตกาลนานหลายปีที่ผมเคยมานั้นมันเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง มาตอนนี้ได้กลายเป็นบ้านสองชั้นไปแล้ว ไอ้ยิวเคยให้ผมวาดแบบให้เมื่อหลายปีก่อน เพราะพ่อมันอยากต่อเติมบ้านแต่ยังคงอยากรักษาส่วนที่เป็นไม้ไว้ ครอบครัวของมันมีกันอยู่สามคนก็จริง แต่ว่าบางครั้งบางทีก็จะมีญาติทางแม่ที่มาจากภาคใต้ขึ้นมาเยี่ยมบ้าง เลยต้องทำห้องนอนแขกไว้สองสามห้อง
พ่อกับแม่ของมันก็ใจดีครับ ไม่ได้ปากจัดเหมือนมันหรอก พ่อแม่ไอ้ยิวรับราชการทั้งคู่ แม่มันเป็นครูจึงค่อนข้างดุหน่อย เจ้าระเบียบและเข้มงวดนิดๆ ส่วนพ่อของมันเป็นนายอำเภอ ใจดีมาก และตามใจลูกมากด้วย
“พ่อแม่ สวัสดีครับ”
“แม่ก็นึกเป็นห่วงอยู่เชียว คิดว่าน้องเพี้ยนอาจจะหลงทาง”
“มันก็หลงจริงๆ นั่นแหละแม่ ไม่รู้ว่าโง่หรืออะไร”
พ่อกับแม่ของไอ้ยิวพากันหัวเราะ แล้วก็ชวนผมไปนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน แอบรู้สึกผิดที่ให้พวกท่านต้องรอมากินเอาตอนเกือบสามทุ่ม
นั่งกินข้าวกันไปคุยกันไป เป็นตามประสาคนไม่ได้เจอกันหลายปี ก็พูดคุยถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่กันบ้าง สุดท้ายก็วกเข้าเรื่องไอ้ยิวที่ตัดสินใจจะลาออกแล้วกลับมาหางานทำที่เชียงราย พ่อกับแม่ของมันก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะยังไงก็คงอยากให้ลูกชายกลับมาทำงานใกล้ๆ บ้านอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลในการลาออกนั้น ผมคิดว่าพ่อกับแม่ของมันคงทราบดี แต่ไม่ได้มีใครเอ่ยถึง
“ความจริงแม่อยากให้ค้างที่นี่สักคืนก่อน ขับรถตอนกลางคืนมันอันตราย แม่เป็นห่วง”
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ ยังไม่กลับกรุงเทพหรอก คืนนี้จะไปพักในตัวเมือง ยิวจะพาไอ้เพี้ยนไปเที่ยวสักหน่อย ไม่ได้ไปเที่ยวกับมันมาตั้งนานแล้ว” ไอ้ยิวเป็นลูกที่โชคดีที่ถึงแม้แม่มันจะเข้มงวดเจ้าระเบียบ แต่แม่มันคงไม่เคยตีมันเลย ต่างจากผมถ้าได้ลองบอกว่าจะไปเที่ยวผับในเมืองคงได้โดนไล่ให้ไปนั่งสีซอให้ไอ้บุญทึ่งฟังแน่
“เอางั้นเหรอลูก แต่ถ้าเมาก็อย่าขับรถนะ”
“รับทราบครับคุณนาย”
“เพี้ยน แม่ฝากดูแลยิวด้วยนะลูก” คุณนายแม่ไอ้ยิวหันมาฝากฝังลูกชายกับผมก่อนจะกอดหอมกันราวกับจะจากกันไปเป็นปี ทั้งๆ ที่ไอ้ยิวไปทำเรื่องลาออกที่กรุงเทพแค่สองสามวันก็คงกลับมาแล้ว
“ได้ครับแม่”
“ยิวต่างหากที่ต้องดูแลมัน ไอ้นี่มันน่าเป็นห่วงกว่ายิวอีก” ไอ้ยิวนี่มันปากดีจริงๆ
“เอาเถอะๆ ไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้”
“งั้นไว้เจอกันนะครับแม่”
ผมกับไอ้ยิวกอดลาแม่กันคนละที และก็ยกมือสวัสดีพ่อ พวกท่านเดินมาส่งที่รถ ร่ำลากันอีกครั้งก็ได้ฤกษ์ออกเที่ยวในคืนนี้
ไอ้ยิวเป็นคนแนะนำร้าน แต่กว่าจะขับมาถึงร้านได้มันกับผมก็แทบจะฆ่ากันไปหลายครั้ง เพราะมันนำทางไม่ดีไง ไม่ได้เกี่ยวกับว่าผมขับไปคนละทางกับที่มันบอกหรอกนะ
ผมขับรถเข้าไปจอดในลานดินกว้างๆ ข้างๆ ร้าน ไฟสักดวงจะมาติดก็ไม่มี เกือบเสยท้ายบีเอ็มสีดำป้ายทะเบียนสวยไปแล้ว ดีที่ไอ้ยิวมันบอกให้ผมเบรกทัน ไม่งั้นแค่ขายซิวิคลูกรักชดใช้ก็คงไม่พอค่าอะไหล่
“คนเยอะว่ะ จะมีที่นั่งป่ะวะ” ผมอดถามไม่ได้จริงๆ เพราะพอลงจากรถแล้วลองมองเข้าไปในร้านก็ถึงกับเหวอ ทั้งโต๊ะข้างในร้านและโต๊ะที่จัดวางอยู่ด้านนอกถูกจับจองเกือบหมดแล้ว
ชื่อร้านฮาร์ดคอร์ ทั้งพนักงานและลูกค้าก็ดูจะฮาร์ดคอร์ไปตามๆ กัน แต่ที่จะดูอ่อนหวานหน่อยก็เห็นจะเป็นสาวเชียร์เบียร์เชียร์เหล้านั่นแหละครับที่น่าดูชมสำหรับชายหนุ่มวัยกลัดมันเป็นที่สุด
“มี” ไอ้ยิวตอบอย่างมั่นใจพร้อมกับเดินนำผมไปที่ทางเข้า มีพนักงานนั่งอยู่สองสามคนเพื่อขอตรวจบัตรประจำตัวประชาชนจะได้กันพวกที่อายุไม่ถึงไม่ให้เข้าไปได้ แต่หน้าไอ้ยิวไม่ต้องเอ่ยขอดูบัตรเลยครับ แค่หน้ามันก็เป็นใบเบิกทาง มาหนักใจกับหน้าผมนี่สิ เด็กซะไม่รู้ว่าย่างยี่สิบหกหรือสิบหกกันแน่
“นัดเพื่อนไว้ครับ” ไอ้ยิวยื่นบัตรให้พร้อมบอกอย่างชัดเจน แต่ผมนี่งงไปแล้วว่ามันนัดใคร ไม่เห็นจะบอกกันสักคำเลยว่าจะมีคนอื่นมาร่วมด้วย
“ครับ เชิญครับ”
พนักงานไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เห็นอายุพวกผมแล้วก็เชื้อเชิญให้เข้าไปในร้าน แต่ไอ้ยิวมันก็พาผมเดินวกไปยังโต๊ะที่จัดอยู่ด้านนอกซึ่งอยู่อีกฝั่งของทางเข้าและอยู่ใกล้กับพื้นยกสูงนิดๆ ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงสดของนักร้องนักดนตรีที่ตอนนี้กำลังเล่นเพลงสบายๆ สไตล์ร้านเหล้าให้ฟังกันอยู่ แถมยังเป็นเพลงโดนใจคนอกหักซะด้วย
แต่...มันจะไม่มีอะไรดึงดูดสายตาของผมไปจากนักร้องบนเวทีตอนนี้ได้เลย...ถ้าไม่ใช่...
“ทำไมมาช้าจัง”
ชิบ...
“พี่เกม”
หาย...
จะไม่ให้ผมตกใจได้ยังไง... พี่เกมมาอยู่ที่นี่ แถมข้างๆ เขายังมี...ผู้ชายที่ผมไม่อยากเจอหน้าสักเท่าไหร่ด้วย
พี่พ่ายยังอยู่ในชุดสูท ผมก็ถูกเซทเสยเป็นทรงไปข้างหลัง แม้หน้าตาจะบึ้งตึง แต่ก็ยอมรับว่าทั้งเนื้อทั้งตัวดูแพงมาก ดูผิดที่ผิดทางกับบรรยากาศของร้านนั่งชิวและโต๊ะไม้แข็งๆ นี้ แถมข้างๆ ยังมีชั้นวางน้ำแข็งและขวดเบียร์ไฮเนเก้นอีกหลายขวดพร้อมกับสาวเชียร์เบียร์นุ่งสั้นหน้าตาจิ้มลิ้มยืนส่งยิ้มหวานๆ คอยเติมเบียร์เติมน้ำแข็งให้ด้วย
ไม่เข้า...ไม่เข้ากันเลยสักนิด
โซฟาแดง...บริกรผูกหูกระต่าย บรรยากาศหรูหราเรียบง่าย ดูสบายๆ แบบไม่ต้องมานั่งหลังแทบชนกับโต๊ะข้างหลังนั่นสิถึงจะเหมาะกับเขา
แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงเหมาะไม่เหมาะ มันอยู่ตรงที่เขามาได้ยังไง...ทั้งที่คุยกันล่าสุดยังบอกว่างานยุ่ง ติดประชุมนั่นนู่นนี่อยู่เลย
“ไอ้ยิว...ทำไมมึงไม่บอกกู” ผมกระซิบพร้อมกับหยิกแขนมันไปแรงๆ ไอ้ยิวมันเลยรีบสะบัดตัวออกห่างแล้วไปนั่งลงข้างๆ พี่เกม เหลือเก้าอี้ตัวเดียวให้ผมต้องนั่งติดกับพี่พ่าย
ผมยืนลังเล มองซ้ายทีขวาทีเพราะไม่รู้จะโฟกัสสายตาไว้ตรงไหน หน้าพี่พ่าย...หน้าพี่พ่าย...หรือหน้าพี่พ่ายดี เลือกไม่ถูกเลย
“มานั่ง” เขาสั่งเสียงเข้ม สายตาดุจัด บ่งชัดว่าถ้าผมยังขืนยืนมองอยู่อย่างนี้ อาจได้ล้มทั้งยืนเพราะเท้าเบอร์สี่สิบกว่าของเขาแน่
ผมจึงขยับเก้าอี้ออกมาห่างๆ แต่ขาของเขาก็เกี่ยวขาเก้าอี้ที่ผมจะนั่งไว้ ทำให้พอผมขยับมันออก เก้าอี้มันก็เด้งกลับไปที่เดิม หรือใกล้กว่าเดิมด้วยซ้ำ
“เพี้ยน นั่งลงๆ สั่งกับแกล้มก่อน จะกินอะไรสั่งเลยนะ” พี่เกมบอกพลางส่งยิ้มตาหยีมาให้ ดูใจดี แต่แอบแฝง ไอ้ยิวน่ะเพื่อนทรยศชัดเจนแล้ว แต่พี่เกมนี่ทำไมถึงไม่คิดจะบอกผมเลยวะว่าพี่พ่ายจะมา
ผมยอมนั่งลงบนเก้าอี้ที่แทบจะเบียดกับเก้าอี้ของพี่พ่าย ไหล่เกย ขาเบียด แต่พี่พ่ายก็ไม่ยอมขยับ ทำตัวเหมือนพวกขาดความอบอุ่นทั้งๆ ที่ใส่สูทผ้าหนาๆ ในร้านที่คนแออัดแบบนี้คงร้อนมากแน่ๆ
“พี่เกมมาได้ไงอ่ะ” ผมเลิกคิดเรื่องการแต่งตัวของพี่พ่ายแล้วหันมาเพ่งเล็งพี่เกม
“นั่นสิ มาได้ไงนะ” พี่เกมถามกลับกวนๆ
“บอกมาเลย จะมาเชียงรายก็ไม่มีไลน์มาบอก แถมไม่โทรมาล่วงหน้าอีก ใจร้ายอ่ะ”
“พี่ไลน์ไปแล้ว แต่ไม่เห็นเพี้ยนจะตอบอะไรกลับมาเลยนี่นา โทรหาก็ไม่ติด” พี่เกมยิ้มแล้วเหลือบมองไปที่พี่พ่าย ก่อนจะส่งแก้วเบียร์ที่แม่สาวสวยนุ่งสั้นรินมาให้ผม “ติดต่อไม่ได้จนคนแถวนี้นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เลยล่ะ”
“พูดมาก” พี่พ่ายว่ากลับเสียงนิ่งๆ แต่ผมก็กลั้นยิ้มแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่ได้ยิน แม้ในใจตอนนี้กำลังกำมือแน่น ร้องเยสๆ อยู่ก็เถอะ
“อ๋อ...โทษทีครับพี่” เกือบลืมว่าเปลี่ยนเบอร์ใหม่ ไอดีไลน์เดิมก็หายไปด้วย เพราะผมใช้พ่วงกับเบอร์มือถือ
เฮ้อ...ปัญหาตามมาเป็นพรวนเลย
“ไม่ติดหรอกพี่เกม ไอ้โง่นี่มันเปลี่ยนเบอร์ใหม่” ไอ้ยิวพูดสอดขึ้นมา จนผมอยากจะส่งมะเหงกไปยัดปากให้มันหุบปากซะเหลือเกิน
“อ้าว...เปลี่ยนทำไมอ่ะเพี้ยน” พี่เกมถาม แต่สายตานี่คือรู้ทันว่าผมเปลี่ยนเบอร์ทำไม แถมยังแสยะยิ้มไปให้พี่พ่ายด้วย
“ไม่มีเหตุผลอะไรหรอกพี่ แค่อยากเปลี่ยน ว่าแต่พี่กับไอ้ยิวไปรู้จักกันตอนไหนอ่ะ” เห็นแล้วก็สงสัย...อะไรคือคุยกันเหมือนเป็นรู้จักตั้งแต่เกิด
“ก็ตอนที่ติดต่อหาเพี้ยนไม่ได้นี่แหละ ใครบางคนเลยบอกให้พี่โทรหาน้องยิว ก็เลยได้คุยกัน”
ใครบางคนที่ว่านี่...คงเป็นไอ้หน้าหงิกที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมแน่ๆ
“ผมนึกว่ารู้จักมานานแล้วซะอีก ที่ไหนได้... ไอ้ห่านี่ก็ทำอย่างกะสนิทกับพี่เขามาเป็นชาติ” ถึงขั้นหักหลังผม ไอ้ยิวนี่มันน่าฆ่าทิ้งจริงๆ พามาเจอสถานการณ์กระอั่กกระอ่วนกลางร้านเหล้า แทนที่จะได้มาจิบเบียร์ คลอเคลียนักร้องทางสายตา ตอนนี้แม้แต่เพลงที่กำลังเล่นอยู่ผมยังฟังไม่รู้เรื่อง ต้องมานั่งเกร็งแล้วเกร็งอีกอยู่นี่
ไอ้ยิวยักไหล่แบบกูไม่แคร์ กูไม่แยแส แล้วก็หันไปชวนพี่เกมคุยราวกับมันมีเรื่องจะเม้าให้พี่เกมฟังเป็นสิบๆ เรื่อง และเพราะเป็นอย่างนี้ผมถึงต้องนั่งจิบเบียร์เงียบๆ ไปคนเดียว
“เอามือถือมา” เสียงกระซิบดุๆ ดังขึ้นใกล้ๆ ราวกับโจรกรรโชกทรัพย์ที่กำลังข่มขู่เอาของมีค่า ผมชะงักมือที่กำลังจะยกเบียร์ขึ้นจิบพร้อมกับหันไปมอง
“เอาไปทำไม”
“เอามา”
“พี่คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไร” ผมสบตากับพี่พ่ายที่เอาแต่ส่งสายตาดุๆ มาให้ คิ้วเข้มๆ ก็ขมวดเป็นปม “ว่างนักเหรอ”
แค่โทรมาหายังทำไม่ได้ บอกไม่ว่าง บอกติดงาน ติดประชุม ตอนนี้มานั่งทำห่านอะไรอยู่ที่นี่ล่ะ ธุรกิจล้มละลายไปแล้วรึไงถึงได้โผล่หน้ามาให้เห็น
“หนึ่ง”
“...”
“สอง”
“...”
“สาม”
“โอ้ย!” ผมรีบผละออกห่างจากหมาบ้าที่บังอาจกัดแก้มของผมซะเต็มแรง เจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่ไอ้หมาบ้าก็ไม่ได้สำนึก กลับมายิ้มสะใจ
“เล่นอะไรกัน” พี่เกมถามเสียงกลั้วหัวเราะ ไอ้ยิวที่เห็นผมกุมแก้มตัวเองก็หัวเราะขึ้นมาอีกคน
“ไม่ได้เล่น เพื่อนพี่มันบ้า”
“เออนะ พี่ไม่เถียง ฮ่าๆ” พี่เกมเห็นหน้าเพื่อนพี่ไหม มันกำลังจะกัดพี่แล้ว
“ปากมากไอ้เกม”
“หึหึ เบื่อไอ้พวกขี้เก๊ก กูไปเข้าห้องน้ำดีกว่าว่ะ”
“พี่เกม ยิวไปด้วย”
ไอ้ยิวแม่งทำตัวติดกับพี่เกมเป็นลูกลิง แล้วถ้ามันไป ผมก็ต้องนั่งอยู่กับพี่พ่ายในโหมดหมาบ้าสองคนเหรอ เออ ไม่นับรวมประชากรไส้เดือนในร้านละกันที่กำลังดิ้นแด่วๆ อยู่ใกล้ๆ เพลงก็กำลังจังหวะสนุกเลยนะ ถ้ามาแบบอารมณ์ดีๆ ผมคงนั่งโยก ร้องคลอไปด้วย แต่มาอารมณ์หงุดหงิดพร้อมกับมีคนอึนๆ อยู่ข้างๆ นี่คงทำได้แค่กระดกเบียร์แก้วแล้วแก้วเล่านั่นแหละครับ ดีที่มันก็ไม่ได้ห้ามอะไรนะ รู้สึกได้ว่ามองอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะหันไปมองหรอก ผมมองสาวๆ โต๊ะข้างๆ ผู้ชายที่นั่งโต๊ะไกลออกไป และนักร้องบนเวทียังเจริญหูเจริญตากว่าเยอะ ถึงมันจะเป็นการทำให้คอผมแทบเคล็ดก็ตาม
ผมดื่มเบียร์ไปหลายแก้วแล้ว...ไอ้ยิวกับพี่เกมก็ยังไม่กลับมาที่โต๊ะสักที จนตอนนี้เพลงเริ่มเพราะติดหู ร่างกายเริ่มโยกไปตามจังหวะจนไหล่ไปชนกับคนข้างๆ เบาๆ นั่นแหละครับถึงได้รู้ว่าเบียร์เริ่มออกฤทธิ์แล้ว ตอนนี้ถึงได้ใจกล้ามองหน้าคนที่ไหล่กำลังชนกันได้ แถมเขายังโอบมือมาที่เอวของผมด้วย
“มึงเปลี่ยนเบอร์ทำไม” น้ำเสียงแผ่วเบากับคำถามที่ทำให้ผมต้องยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพิงศีรษะกับไหล่ของเขา
“โกรธ” ผมตอบไปตามตรง “น้อยใจด้วย”
“หึ” พี่พ่ายยิ้มมุมปาก แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มไปอึกใหญ่ “คิดไหมว่าทำอย่างนี้ จะโดนอะไร”
“ไม่คิด ไม่อยากคิด พี่มันก็ดีแต่ตบหัวแล้วลูบหลัง แต่ผมบอกไว้เลยนะว่าพี่ตบมาทีหัวผมแทบหลุด เพราะฉะนั้นแค่ลูบหลังมันไม่หายง่ายๆ หรอก”
พี่พ่ายเขารู้ว่าผมแพ้ทาง แค่เขาโผล่หน้ามาให้เห็นผมก็ใจอ่อนแล้ว มันลืมไปหมดจริงๆ ว่าทำไมถึงได้โกรธ ทำไมถึงน้อยใจ ...แต่ถ้าผมยังใจอ่อนอย่างนี้ทุกครั้ง...ผมก็อาจจะถูกเขาปั่นหัวเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมอาจจะกลายเป็นฝ่ายที่วิ่งตามเขาอยู่แค่ฝ่ายเดียวอีกก็ได้
...เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมอยากให้เขา...วิ่งตามผมบ้าง แค่สักนิดก็ยังดี
“แล้วต้องทำยังไง”
“ไม่รู้”
“รู้หน่อย...กูต้องบินด่วนมาหาถึงเชียงราย อย่าให้เสียเที่ยว”
“มันไม่เกี่ยวกับผมนี่”
“เกี่ยว”
“ไม่คุยแล้ว ผมจะไปเข้าห้องน้ำ ปวดฉี่”
“อืม”
พี่พ่ายยอมปล่อยตัวผมง่ายๆ ไม่ได้รั้ง ไม่มีบอกจะไปด้วย เขาเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรเลยจริงๆ หรือเป็นคนประเภทได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไรรึเปล่าวะ
ผมลุกขึ้นด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย พยายามเดินไม่ให้ไปชนกับโต๊ะอื่นเพราะความโลกเอียงของตัวเองเป็นเหตุ เห็นไอ้ยิวกับพี่เกมอยู่ที่โต๊ะของใครสักคนแว้บๆ แต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปทัก เพราะเห็นกำลังคุยถูกคอกันดีกับกลุ่มเด็กผู้ชายหน้าตาดีที่อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า
“อ้าว! เพี้ยน!” ใคร...ใครมาทัก คนที่เชียงรายมีใครที่ผมรู้จักนอกจากไอ้ยิวด้วยเหรอ...
เดี๋ยวนะ...หน้าตาอย่างนี้มัน...
“โก!”
“ครับ” ทั้งรอยยิ้ม ทั้งรูปร่างและการแต่งตัวก็ทำเอาจำได้ว่าเป็นใคร “ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกนะเนี่ย ตอนที่ย้ายออกไปก็ไม่บอกกันเลย ผมไปเคาะห้อง ตกใจแทบแย่ที่คนมาเปิดประตูเป็นป้าแก่ๆ ใส่แว่นอ่ะ”
“ขอโทษที เราย้ายออกกะทันหัน เกือบไม่ได้เงินประกันหอคืนด้วยนะ แต่โชคดีที่ป้าเขาเห็นใจ แล้วโกเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”
ผมดีใจที่ได้เจอเพื่อนข้างห้องสมัยยังทำงานอยู่บริษัทของพี่พ่ายที่แม่สาย โกก็ยังเหมือนเดิม ดูอัธยาศัยดีและเป็นสุภาพชน
“ก็เรื่อยๆ แหละ ว่าแต่เพี้ยนมากับใครเหรอ” โกยิ้มจนตาแทบปิด ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาคนที่มากับผม
“มากับเพื่อนแล้วก็พวกพี่ๆ น่ะ แล้วโกล่ะ”
“มากับเพื่อนเหมือนกัน อยู่โต๊ะตรงนั้นอ่ะ ไปนั่งด้วยกันก่อนไหม นานๆ เจอกันที” ผมมองไปยังกลุ่มเพื่อนของโกที่อยู่ติดๆ กับโต๊ะของกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังคุยถูกคอกับพี่เกมและไอ้ยิวอยู่
“ได้ๆ แต่แค่แป๊บเดียวนะ มีคนรออยู่ที่โต๊ะอ่ะ”
“แฟน?”
“อ่า...จะว่ายังไงดี” มันก็ไม่ได้ยากนักหรอกที่จะตอบว่า ‘ใช่ มากับแฟน’ แต่ผมก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่ได้พูดออกไป...
“งั้น...มาทางนี้เลยเพี้ยน” โกคว้าแขนผมแล้วดึงเบาๆ เป็นเชิงให้เดินตาม ผมไปถึงโต๊ะที่เพื่อนๆ ของโกนั่งกันอยู่ กล่าวทักทายแนะนำตัวกันไป แอบเห็นพี่เกมและไอ้ยิวมองมาด้วย แต่ผมก็แค่ยักคิ้วกลับไปให้
“ตอนนี้เพี้ยนอยู่ที่ไหนเหรอ” โกถามพร้อมกับส่งแก้วเหล้ามา ผมรับไว้อย่างค่อนข้างลำบากใจ เหล้าเพียวๆ ไม่มีน้ำไม่มีโซดา แถมเกือบครึ่งแก้ว ไอ้โกมันกะมอมเหล้าผมเลยเหรอ ยิ่งผมเป็นประเภทกินเบียร์พร้อมกับเหล้าไม่ได้ กินทีไรเป็นต้องเมาอย่างหมา
“เราอยู่เชียงใหม่อ่ะตอนนี้ ทำงานที่ไร่” ผมตอบพร้อมกับยกดื่มรวดเดียว ไอ้หยา...บาดคอชิบหาย โลกเอียงเพิ่มขึ้นอีกหลายองศาแล้วตอนนี้
“สนุกไหม”
“อืม สนุกดี เรามีเพื่อนใหม่แล้วด้วยนะ ชื่อบุญทึ่ง”
“ฮ่าๆๆ ชื่อน่ารักจัง”
“ใช่ม้า...บุญทึ่งก็น่ารักมากๆ ด้วยนะ นี่ๆ เราจะเล่าให้ฟัง...”
โกเหมือนจะชอบบุญทึ่งมาก เพราะยิ่งผมเล่า เขาก็ยิ่งยิ้ม หัวเราะเสียงดังด้วย แถมเขายังดูจะชอบทุกเรื่องในไร่ที่ผมเล่าให้ฟัง ยิ่งคุยยิ่งสนุก หรือเพราะแอลกอฮอล์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่รู้
“เพี้ยนเมาแล้ว”
“ยังไม่เมา เรายังไหว เราสู้ตาย”
“ครับๆ ยังไม่เมาเลย หูตาเยิ้มขนาดนี้ แก้มแดงด้วย”
โกยกมือขึ้นลูบที่แก้มของผม “รอยอะไรอ่ะ”
“หมากัด”
“หืม จริงเหรอ”
“อือ หมาตัวโต ดุมากด้วย”
โกยิ้มอีกแล้ว คราวนี้รอยยิ้มของเขาเห็นได้ชัดกว่าเดิมมาก...เหมือนเข้ามาใกล้มากขึ้น...มากขึ้นทุกที
“เหมือนรอยฟัน...ของคนเลย” โกพูดเสียงเบา “...ของใครอ่ะเพี้ยน”
ผมได้ยินประโยคคำถาม แต่ไม่ทันได้คิดหาคำตอบ ก็มีคนมาตอบแทนให้
“ของกู” น้ำเสียงเรียบๆ แต่ดังชัดเจนไปทั้งโต๊ะ คาดว่าคนโต๊ะใกล้เคียงก็คงได้ยินด้วยเพราะเป็นจังหวะที่นักร้องกำลังเลือกเพลงที่จะร้องจากรีเควสของลูกค้าอยู่พอดี
พี่พ่าย...
ไหล่ของผมเริ่มเจ็บเพราะแรงบีบจากมือของพี่พ่าย ผมไม่ได้โง่จนไม่เข้าใจว่าเขาโมโหด้วยเรื่องอะไร ส่วนเล็กๆ มันดีใจที่จู่ๆ ก็บังเอิญมีเหตุการณ์มาทำให้เขาแสดงความหึงหวงขนาดนี้ แต่พอมองดูดีๆ แล้ว...ผมรู้สึกแย่มากกว่ารู้สึกดี เพราะพี่พ่ายที่โมโหจนแทบฆ่าคนได้ขนาดนี้...ผมกลัว
“ใครวะ” เพื่อนคนหนึ่งของโกถามขึ้น แล้วทำท่าจะเข้ามาผลักอกพี่พ่ายที่เมื่อกี้ผลักโกให้ออกห่างจากผม “เสือกเหี้ยไร”
พี่พ่ายไม่ตอบแต่กลับก้าวเข้าไปหาคนตั้งคำถาม ผมคว้าแขนเขาไว้ไม่ทัน หรือถ้าคว้าทันก็ไม่รู้จะสู้แรงได้รึเปล่า
“แฟนกู กูเสือกได้ไหม” ด้วยเพราะคำถามนี้ เพื่อนของโกที่กำลังจะอ้าปากพูดถึงกับหุบปากฉับกันทุกคน ส่วนโกได้แต่ส่งสายตามาทางผมเป็นเชิงถาม ผมถึงได้พยักหน้ากลับไปเพื่อยืนยัน ความจริงโกเจอพี่พ่ายอยู่หลายครั้งตอนที่ผมยังอยู่ที่ห้องข้างๆ เขา แต่โกคงจะจำพี่พ่ายไม่ได้ถึงทำหน้างงใส่ผมขนาดนี้
เพื่อนของโกแต่ละคนก็ดูจะซ่าพอตัว แต่ขนาดตัวของพี่พ่ายได้เปรียบเพื่อนของโกทุกคน ดูเป็นมวยคนละรุ่น แต่ถ้าจะหาเรื่องกับตีนหลายๆ คู่นี่ผมคิดว่าไร้พ่ายก็ไร้พ่ายเถอะ ไม่น่ารอด...ทำเอาไอ้ที่มึนๆ กรึ่มๆ เมื่อกี้เริ่มสร่างไปทีละนิด
“พี่ ไปเถอะ” ผมเดินเข้าไปดึงแขนพี่พ่ายให้ถอยห่างออกจากเพื่อนของโก “คนมองกันใหญ่แล้ว”
แต่พี่พ่ายก็ยังคงนิ่ง จ้องหน้าพวกเพื่อนๆ ของโกทีละคนแล้วก็มาหยุดที่โก “มีธุระอะไรกับแฟนกูอีกไหม”
“เอ่อ...ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมไม่ได้เจอเพี้ยนนานแล้ว ก็เลยอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย แค่ทักทายกันน่ะครับ...ไม่ได้มีอะไรอย่างที่คิด...เนอะเพี้ยน”
“อื้ม” ผมรีบพยักหน้า แต่พี่พ่ายก็ยังคงนิ่ง “พี่...ไปเถอะ...นะ ขอร้อง”
เพราะผมบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้มีอะไรอย่างที่พี่พ่ายคิด ผมจึงไม่อยากให้เขาไปมีเรื่องแค่เพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี้
สุดท้ายพี่พ่ายก็ยอมหันหลังเดินกลับ ไม่ลืมที่จะลากผมไปด้วย แต่ก้าวไปได้แค่ไม่กี่ก้าว หูก็แว่วเสียงใครสักคนในกลุ่มของโกพูดขึ้นว่า ‘มันคิดว่าแฟนมันเป็นผู้หญิงไงวะ ทำมาหึงหวง เกือบได้อายต่อยผู้ชายแย่งตุ๊ดแล้วไหมล่ะ ไอ้โก มึงนะมึง ไปเอาไอ้พวกวิปริตมาแดกเหล้าด้วยซะได้’
ผมไม่ได้ห้ามพี่พ่ายเลยตอนที่เขาเดินกลับไปที่โต๊ะของโกแล้วต่อยไอ้ปากเสียนั่นจนมันล้มคว่ำไปกับพื้น เรียกเสียงกรี๊ดเบาๆ จากผู้หญิงที่เห็นเหตุการณ์แทบทุกคน เพราะต่อยแรงมาก เห็นฟันกระเด็นออกจากปากเลย
“พี่ครับ ผมขอโทษแทนเพื่อนด้วยครับ มันเมาน่ะครับ ขอโทษจริงๆ นะครับพี่ อย่าเอาเรื่องมันเลยนะครับ” โกยกมือไหว้ขอโทษ พลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาทางผม ตอนแรกผมก็อยากจะให้พี่พ่ายต่อยไอ้ปากเสียนั่นอีกสักหมัดเหมือนกัน แต่คนในร้านเริ่มให้ความสนใจกับบริเวณนี้แล้ว แถมพนักงานก็กำลังเดินมาทางนี้อีก ผมจึงเข้าไปดึงแขนของพี่พ่ายเพื่อลากเขากลับโต๊ะ
“ถ้ายังอยากแก่ตายก็ระวังปากมึงไว้” พี่พ่ายชี้หน้าไอ้ปากเสียที่กำลังเลือดกลบปากก่อนจะเดินตามแรงดึงของผม
ชิบ...หมัดหนักมากแน่ๆ ไอ้หมอนั่นโดนทีเดียวฟันหลุดไปสองซี่ ไม่อยากคิดว่ากรามจะยังอยู่ดีด้วยรึเปล่า ตอนที่ต่อยผมเขายังดูไม่โมโหมากขนาดนี้เลย
“ป๋า...เกิดอะไรขึ้น” พี่เกมที่คงเห็นเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แล้วแต่ก็ยังแสร้งถาม ไอ้พี่นี่ก็ไม่เคยคิดจะไปห้าม แต่บางทีมีพี่เกมอาจจะดีกว่าพี่เอก็ได้ เพราะรายนั้นอาจจะไปช่วยพี่พ่ายกระทืบเพื่อนของโกด้วยซ้ำ
“กูจะกลับ มึงเคลียร์ที่ร้านด้วย”
“เออๆ ได้ งั้นเพี้ยนกลับกับป๋าเลยนะ เดี๋ยวให้น้องยิวกลับกับพี่”
“เอ่อ...โอเคครับ”
“คืนนี้มึงตายแน่ไอ้เพี้ยน แรดดีนัก” ไอ้ยิวเข้ามากระซิบพร้อมยกมือเชือดคอให้เห็น
ผมไม่อยากเถียงอะไรแล้วตอนนี้ ยอมส่งกุญแจรถของตัวเองให้พี่เกม ตบหัวไอ้ยิวไปหนึ่งทีก่อนจะเดินตามหลังพี่พ่ายที่เดินตัวปลิวไปที่ลานจอดรถแล้ว ผมเดินตามจนทัน พอขึ้นนั่งบนที่นั่งข้างๆ คนขับของ BM ป้ายทะเบียนสวยที่ผมเกือบเสยท้ายก็ทำเอาแทบอ้วกกับแรงกระชากตอนออกรถ พี่พ่ายขับรถเร็วมาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะขับไปที่ไหน ส่วนผมก็ได้แต่นั่งเงียบๆ เพราะมึนหัว อยากคายของเก่าออกมาแต่ก็กลั้นไว้เพราะราคารถที่กำลังนั่งอยู่ทำให้นึกเสียดายขึ้นมา