ตอนที่ 13
ครับ พี่ตุลย์เขาพึ่งพาได้ครับ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการพึ่งพามากที่สุดคือ โชค!!
“เมื่อกี้ผมยังเห็นอยู่เลยว่าห้องนี้ว่าง!” ผมลุกขึ้นพรวดพราดพูดเสียงดังทันทีด้วยความตกใจ เมื่อพนักงานห่วงใยไม่เท่าไหร่แต่ห่วงยางเยอะมาก แจ้งว่าห้องที่ผมจะจองดันมีคนลงชื่อไปแล้ว!
“ก็พอดีว่า ตอนที่เราขัดแย้งกันนิดหน่อยน่ะค่ะ ก็มีคนลงชื่อไปแล้วที่โต๊ะนู้นน่ะค่ะ”
“เฮ้ยพี่ นี่มันไม่ใช่ความผิดผมเลยนะ ถ้าพี่ไม่เรื่องเยอะ ป่านนี้ผมก็ได้จองห้องนั้นไปแล้ว แล้วพี่จะทำไงอะ ผมไม่มีห้องอยู่นะพี่!”
“น้องต้องไปดูที่บอร์ดใหม่นะคะ ว่ามีห้องไหนว่างอีกไหม หรือไม่ก็อาจจะต้องไปจองหออื่นอยู่...”
ผมอ้าปากค้าง
เฮ้ย! นี่มันเป็นความผิดผมหรอวะ มันจะมีหอไหนที่เดือนละ 300 แบบที่นี่อีกไหม หออื่น ยิ่งหอนอกแค่ค่าห้องก็ 3000 อัพแล้ว! ไม่นับค่าน้ำค่าไฟอีก ผมไม่ได้คาบช้อนทองท้อนเงินมาเกิดนะเว๊ย ตั้งแต่เด็กจนโตนี่กินข้าวด้วยช้อนสแตนเลสขอบอก!
“แต่ผมไม่ผิด พี่ต้อง...”
“เอาหน่าเอส ก็เราช้าเองนี่หน่า”
“เฮ้ยได้ไงอะ ผมไม่ได้เป็นคนทำให้ช้าสักหน่อย” ผมหันมาเฮ้วใส่ไอ้พี่ตุลย์ทันที สีหน้าอีกฝ่ายยังนิ่งเรียบเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไร ไม่สิ ไม่ใช่เหมือน พี่เขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยแหละ ก็เขามีบ้านพร้อม รถพร้อม ลูกพร้อม ขาดเมียกับหมาเท่านั้นเอง!
“กฎก็ย่อมเป็นกฎ ห้องโดนจองไปแล้วก็คือโดนจองไปแล้ว”
“เอางี้นะคะคุณพ่อ เดี๋ยวให้น้องเขาไปดูที่บอร์ดถ้าเจอห้องใหม่ที่ว่าง ก็มาแจ้ง จะรีบลงชื่อให้ก่อนใครเลยค่ะ”
“น่ะ เขาว่างั้นอะ รีบไปดูที่บอร์ดดิ” พี่ตุลย์เผยิดหน้าไปทางบอร์ดที่ติดแผนอาคาร ผมฟึดฟัดนิดหน่อยอย่างอารมณ์เสียแต่ก็ยอมเดินไปดูที่บอร์ดแต่โดยดี ไล่นิ้วดูอย่างละเอียด เบิกตากว้าง ยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ จนแทบจะเห็นถึงส่วนประกอบบอร์ด เช็ดครั้งที่สองก็แล้ว ครั้งที่สามก็แล้ว ผลออกมา...
ห้องเต็มแล้ว
งานน้ำตามา กระซิก ฮึกๆ
“ห้องเต็มแล้ว...” ผมเดินคอตกมาหาพี่ตุลย์อย่างท้อแท้ เข่าเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงทรุดลงไปที่พื้น ถ้าที่นี่เป็นบอร์ดเวย์คงจะเห็นสปอร์ตไลท์สีขาวส่องลงมาที่ผมแล้ว
“โอเค หมดก็คือหมด” พี่ตุลย์หยิบซองเอกสารของผมมาก่อนจะลุกขึ้นดันหลังผมออกไปจากสำนักงานขายด้วยกัน
“ทำไงดี ห้องหมดแล้ว”
“ก็ไปเช่าหออื่นไง ยากตรงไหน”
“มันยากตรงเงินเนี่ยแหละพี่ หอนอกเดือนนึงประมาณ ห้าพัน หกพัน แพงจะตายห่า ไม่ไหวหรอก”
“ก็ลองหาหอถูกๆ ดูไงที่ค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมกันไม่กันไม่เกิน สามพัน สู้ราคาไหวไหมเท่านี้?”
“...” ผมเงยหน้ามองพี่ตุลย์นิดนึง กรอกตาไปมาอย่างใช้หัว “ก็พอไหวอยู่นะ”
“ปะ งั้นไปหาหออื่นกัน” พี่ตุลย์ว่าพร้อมกับตั้งท่าจะเดินไปที่รถ แต่ผมก็คว้าตัวเองไว้ก่อน “อะไรอีก?”
“ถ้าหอถูก ก็แปลว่าต้องไกลถูกปะ เดินทางลำบาก แล้วผมจะเข้ามอยังไง เสียเงินหรอ ค่าวินมอไซค์ไปกลับประมาณสี่สิบบาท เดือนนึงคูณสามสิบ ประมาณ พันสอง...โอ้โห นี่ผมต้องเสียแค่ค่ารถกลับหออย่างเดียวพันสองเลยหรอ? แล้วถ้าเกิดผมมีเรียนตอนเช้า ว่างเที่ยงถึงเย็น แล้วมีเรียนอีกทีเย็นถึงดึกงี้ ก็เสียค่ารถสองเท่า...”
ตอนนี้นิ้วผมสิบนิ้วนี่ขยับยุบยิบตลอด ตัวเลขมากมายแทบด้วยบวกลบคูณหารอัดแน่นเต็มสอง พอเป็นเรื่องเงินเรื่องทองทีไรหัวจะแล่นเร็วเป็นพิเศษ
ผมเหลือบมองพี่ตุลย์ทีนึงเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองแรงตรงมา แต่ผมก็เลือกที่จะเมินมัน แล้ววุ่นวายอยู่กับการคิดรายได้ รายรับต่อ แล้วเนี่ยเข้ามหา’ ลัยแล้ว งานพิเศษผมก็ต้องออก เพราะเวลาเรียนเริ่มไม่แน่นอนแล้ว รายได้ผมแปลว่า 0 เลย! ต้องรอตารางมาก่อนถึงจะหางานพิเศษได้ กว่าจะมีรายได้ก็คงอีกสักพัก แถมไม่รู้เงินเดือนดีไหมอีก
โอ๊ย เกิดเป็นเอสนี่จะก็แย่เหมือนจะนะครับ แต่เรื่องดีก็เยอะนะเฮ้ย! 1. หล่อ 2. หล่อ 3. หล่อ! เห็นไหมข้อดีเยอะแยะ~
“ฉันว่านายมายืนคิดเลขอยู่ตรงนี้พอดีแหละ กว่าจะทำบัญชีในหัวเรียบร้อยมืด หอถูกหอแพงก็คงเต็มหมดแล้ว” พี่ตุลย์ว่าแบบจิกกัด คว้าที่ท้องแขนของผมเตรียมจะลากไปที่รถ แต่ผมก็ยังขืนตัวเอาไว้อยู่
“เราต้องวางแผนก่อนสิพี่!”
“แผนอะไรของมะ..เอ๊ย ของนายอีก!”
โอ้โห เมื่อกี้ครับ ชัดครับชัด คงจะหงุดหงิดผมจริงๆ ละมั้ง เกือบหลุด ‘มึง’ ออกมาเลยครับ!
แหม เมื่อกี้ยังเรียกว่า ลูกผมอยู่เลย ไอ้แก่เอ๊ย!
“ก็ต้องคิดวงเงินสูงสุดของ...”
“โอ๊ย ถ้างั้นอาจารย์ก็เลือกเมทให้ผมเองเลยครับ แล้วแต่อาจารย์เลย เชิญ!” เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาแทรกการสนทนาของผมกับตาลุงตุลย์และด้วยความเสือกที่มันฝังแน่นอยู่ในกมลก็ทำให้ผมต้องเลี้ยวหันไปดู
เหยด...แต่งตัวจี๊ดสาดด
คนที่ผมเห็นเป็นผู้ชายครับ ตัวสูงแต่บางในชุดนักศึกษาแบบไม่ค่อยถูกระเบียบเท่าไหร่ ผมสีแดงเพลิงกำลังคุย (ผมว่าแม่งเหมือนทะเลาะมากกว่า) กับผู้ชายอีกคนที่ตัวหนากว่า แต่ส่วนสูงก็เกือบจะพอๆ กัน เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตเหมือนพวกพนักงานบริษัท แต่เมื่อกี้เห็นเรียก ‘อาจารย์ๆ’ ก็น่าจะเป็นอาจารย์แหละ
แหม ขนาดได้ยินแบบไม่ตั้งใจฟังนะเนี่ย รายละเอียดยังเก็บอย่างดีอะ ผมนี่เฟริสคลาสจริงๆ ไม่ใช่เรื่องเสือกนะครับ เราจะว่าตัวเองทำไมละ! เรื่องหูดีต่างหาก ผมเป็น ไอ้เอส ร้อยหูครับ อิอิ
“ไม่ได้บอกให้ผมหาเมทใหม่อะไร? เห็นบ่นตลอด นี่บ่นเป็นเทอม เป็นปีแล้วนะอาจารย์!” ผู้ชายผมแดงคนนั้นยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอันดังเหมือนกำลังโมโหเต็มทีไม่หยุดหย่อน ส่วนอีกคนก็พูดธรรมดาครับ ผมก็เลยได้ยินไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แถมท่าทางเขาก็ไม่ได้โกรธเกรี้ยวอะไรเลยด้วย จะบอกว่าทะเลาะก็ เหมือนหงุดหงิดข้างเดียวอะครับ
“พี่ยืนอยู่ตรงนี้นะ” ผมหันไปพูดกับพี่ตุลย์ก่อนจะเดินย่องๆ เข้าไปหาสองคนนั้นเพื่อให้ได้ยินการบทสนทนาชัดเจนมากขึ้น
“ถ้านายอยากอยู่กับเมทต่อก็อยู่ไปสิ ไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“อยู่ไป อาจารย์ก็บ่นอะดิ ถ้าไม่พอใจมากนักก็หาเมทใหม่ให้ผมเองเลยไป”
“ไม่ได้ประชดใช่ไหม?” อาจารย์อะไรนั่นพูดเสียงห้วนเหมือนกำลังพยายามสะกดกั้นอารมณ์
“ไม่ได้ประชด!”
ผมหัวเราะเหอะๆ เล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหาสองคนนั้นด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ที่สุด
“ได้ยินมาต้องการเมทใหม่หรอครับ?”
“ใช่ครับ” ผู้ชายหัวแดงหันมาตอบ ผมค้างไปนิดหน่อยเมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่าย ตอนแรกเห็นแค่ด้านข้างก็พอเดาได้นะครับว่าหน้าตาดี แต่พอเห็นด้านหน้าแล้วพูดได้เลยว่าเป็นผู้ชายที่สวยครับ
เอ๊ย ไม่ดิ ผู้ชายที่ไหนจะสวยได้วะ! คือเขาหน้าตาดีครับ ตาคมๆ ปากสวยๆ หน้าเรียวๆ
“อยู่หออะไรหรอครับ?”
“หอสวัสดิการน่ะครับ เรซิเด้น อยู่อีกด้านนึงของมหา’ลัย”
แล้วมาทะเลาะอะไรกันตรงหน้าสำนักงานขายหอในวะ?
เฮ้ย! ไม่ดิ ผมเรียกโชคให้มาช่วยผมไง นี่ไง นี่ต้องเป็นโชคของผมแน่ๆ! ถ้ามีเมททุกอย่างก็ต้องหารครึ่งก็จะได้ลดรายจ่าย!
“ผมก็กำลังหาเมทอยู่นะครับ” ผมยกยิ้มขึ้นมาทันที ท่าทางเฟรนลี่เข้าถึงง่ายเนี่ยแหละ ความประทับใจแรกที่เอาไว้ใช้เขาหาผู้คนทุกวัยทุกเพศ
ผู้ชายหัวแดงดูงงไปสักหน่อย แต่สักพักก็ดูเหมือนจะเกทอะไรขึ้นมา พยักหน้าสองสามทีก่อนจะใช้สายตาคมเฉี่ยวราวกับเหยี่ยวจ้องมองผมอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า
เอ่อ...สายตาเขาแบบ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหม แต่มันรู้สึกอิโรติคอ่ะ ถ้าจะให้อธิบายแบบง่ายๆ ที่สุดเลยนะครับ สายตาที่ไล่มองดูผมเนี่ย เหมือนกำลังมองเนื้อหมูที่วางเปลือยอยู่บนแผงอะไรแบบนั้นเลย
ผมว่าฟีโรโมนทางเพศเขาโคตรฟุ้งอะ
“ชอบผู้ชายหรือเปล่าครับ?”
เย้ย! นี่เชิญชวนปะวะ? ถึงตอนเด็กจะใฝ่ฝันเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ตอนนี้พี่ไม่พร้อมจะเป็นยอดชายอะไรทั้งนั้นนะน้อง ถึงน้องสวย เอ็ก เซ็กซี่แค่ไหน ถ้ามีไอ้จ้อน เป็นอันจบกัน!
“โทษครับ ผมไม่ชอบ คือพ่อสอนให้กินนมตั้งแต่เด็กครับ กินไข่มันอ้วนครับ ก็เลยชอบกินนมมากกว่าอะครับ”
คนทั้งสองตรงหน้าผมอ้าปากค้างก่อนที่ผู้ชายหัวแดงจะหัวเราะลั่นจนตัวงอ
“ถึงผมจะเดินผูกผ้าขนหนูไปมาในห้องก็ไม่เป็นไรหรอครับ?”
“ไม่ครับ แต่ถ้ามีนมคัพเอฟก็ค่อยมาว่ากันอีกที”
“ฮ่าๆๆๆ เฮ้ย ชอบว่ะ” ผู้ชายหัวแดงเอื้อมมือมาตบไหล่ผม ก่อนจะหันไปหาใครอีกคนที่คงจะมาด้วยกัน “งั้นเอาคนนี้เป็นเมท โอเคไหม?”
“มันก็แล้วแต่นาย มาถามอะไรฉันละ?”
“ก็คนที่บ่นไม่พอใจมันอาจารย์ไม่ใช่ไง!?”
“ก็บอกว่าไม่ได้บ่นไง”
ไม่ครับ ไม่เอา ไม่ทะเลาะกันสิ
“งั้นผมเอาคนนี้แหละ” ผู้ชายหัวแดงว่าอย่างฉุนเฉียวก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ผมอยู่ห้องแอร์พิเศษนะ ห้องกว้าง มีเน็ต มีแอร์ มีไมโครเวฟ มีทีวี ห้องน้ำ หารกันก็ตกเดือนละ 2,300 ค่าน้ำค่าไฟ หอสวัสดิการค่อนข้างถูกเรทเดียวกับหอในแหละ หารสองเหมือนกันก็อยู่ประมาณ 200-500 บาท”
ถูกมาก น้ำตาจะไหล รวมค่าน้ำค่าไฟแล้วไม่ถึง 3,000 บาทแถมยังอยู่ในมหา’ ลัย มีห้องน้ำ มีแอร์อยู่ในห้องด้วย ฮืออ โชคดีจริงแท้ นี่มันเทวดามาโปรดชัดๆ
“โอเคครับ! แล้วผมต้องจ่ายเงินให้เลยไหม? ต้องเอาเอกสารอะไรไปยื่นที่หอไหมครับ?” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“แต่ว่า เมทผมน่ะครับ เขาไปทำเรื่องไว้แล้วว่าจะอยู่ห้องเดิมต่อเลยยังติดสัญญาหกเดือนอยู่”
“แปลว่า?”
“แปลว่า จะเข้ามาอยู่ได้ตอนเทอม 2 อะครับ เทอม 1 ผมต้องอยู่กับเมทคนนี้ก่อน แล้วถ้าเปิดเทอม 2 ยังอยู่กับผม ก็ค่อยมาทำเรื่องเอกสารที่สำนักงานน่ะครับ โอเคหรือเปล่า? จะปฏิเสธก็ได้นะ”
“ได้ครับ ไม่ปฏิเสธหรอก แค่เทอมเดียว เดี๋ยวผมไปอยู่ที่อื่นก่อนก็ได้ แล้วเทอม 2 ค่อยย้ายมาอยู่ด้วย”
“โอเค! ตามนั้น ถ้างั้นแลกเบอร์กันก่อน” ผู้ชายหัวแดงคนนั้นหยิบไอโฟนขึ้นมา พอเห็นผมมือถือหรูก็รู้สึกกระดากกระเดืองที่จะหยิบมือถือราคา 1990 บาทของตัวเอง
มือถือผมใครต่อใครก็เห็นมาเยอะนะครับ หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนโรงเรียน ผมก็ไม่เคยจะอาย แต่พอต้องโชว์ความยากเค้นของตัวเองกับเพื่อนใหม่ในสังคมใหม่นี่รู้สึกอายพิลึก
“นายชื่ออะไร?” เขาถามหลังจากที่ได้ยิงเบอร์มาที่เครื่องของผม
“เอสครับ”
“ชื่อเท่ดี งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเปิดเทอม 2 จะโทรไปหา”
“โอเคครับ บาย” ผมโบกมือลาให้ผู้ชายหัวแดงกับอาจารย์ๆ อะไรนั่นก่อนจะเดินก้มหน้าเมมเบอร์กลับไปหาพี่ตุลย์ที่ตอนนี้หลบแดดพิงต้มไม้รอผมอยู่
เอ้าเวร ผมไม่ได้ถามชื่อเขาเลยนี่หว่า! ช่างแม่ง พิมพ์ไปเลย ‘แชงคูส หัวแดง @ วันพีช’
“คุยอะไรกันตั้งนานสองนาน”
“ผมได้เมทแล้วนะพี่ ได้หออยู่ละ” ผมยิ้มกว้าง ยักคิ้วลิ่วตาให้อย่างอารมณ์ดี
“ก็ดีแล้ว ถ้างั้นกลับเลยไหม? ถ้ากลับตอนนี้ฉันยังพอไปทำงานช่วงบ่ายทันอยู่”
“แต่ผมยังมีปัญหาอยู่นิดหน่อย” ผมเท้าเอว ยกมือข้างหนึ่งเกาหัวแกรกๆ อย่างจนปัญญา มีเมท มีหอรอแล้วในเทอม 2 แต่เนี่ย เทอม 1 เนี่ยที่จะถึงเนี่ย เอาไงกับชีวิตดีละคร๊าบบบ!
“ปัญหาอะไรอีก?” พี่ตุลย์ขมวดคิ้วแน่น
“ก็คือ หอกับเมทที่ผมจะไปอยู่เนี่ย อยู่ได้ตอนเทอม 2 อะพี่...”
“แล้ว?”
ทำไมต้องทำเสียงห้วนขนาดนั้นด้วยวะ!
“แต่เทอมหนึ่งยังไม่มีที่อยู่...” แต่ก็ตอบเสียงแผ่ว “เรายังต้องหาหออยู่ชั่วคราวก่อนอะพี่”
“ต้องอยู่หอชั่วคราวอะไรนั่นกี่เดือน?”
“ก็ประมาณ 3-4 เดือน” ผมตอบไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ผมตั้งใจว่าช่วงปิดเทอมระหว่างเทอม 1 กับเทอม 2 จะกลับไปทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำอีกเหมือนเดิม เลยจะพึ่งใบบุญไอ้ปันซุกหัวนอนอีก
“งั้นอยู่คอนโดฯ ฉันไหม?”
“หา!?” ผมร้องลั่น ลั่นจริงๆ ครับ คนแถวนั่นนี่ถึงกับต้องเหลียวหันมอง “เฮ้ย ไม่เอาพี่ ไม่อยากรบกวนอะ”
“นายก็มาคอนโดฯ ฉันทุกวันอยู่แล้ว กะอีกแค่ค้างคืนไปเลย ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร”
มันมีก็ตรงพี่กับผมสนิทกันขนาดนั้นแล้วหรอไงเนี่ยแหละ!
“ไม่ดีกว่าพี่ หาหออยู่ดีกว่า” ผมปฏิเสธ ตั้งท่าจะเดินเลี่ยงแต่พี่ตุลย์กับดึงต้นแขนผมกลับมาที่เดิม
“หอเขาติดสัญญาหนึ่งปีกันทั้งนั้นแหละ ไม่มีหอไหนให้อยู่แค่ 3-4 เดือนหรอก”
“มันต้องมีแหละหน่า” จะเดินหนีอีก แต่พี่ตุลย์ก็ดึงผมกลับมาอีก
“อยู่คอนโดฯ ฉัน นายก็ไม่ต้องเสียค่าหอ อาจเสียค่ารถไปมหา’ลัยหน่อย แต่มหา’ ลัยกับคอนโดฯ ฉันก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมากเท่าไหร่ แถมนายก็ช่วยมาเล่นกับที่หนึ่งได้โดยไม่ต้องนั่งรถไปมา วินวินทั้งคู่”
“แต่ผมว่ามันไม่โอเคอะ อารมณ์แบบน้องเมียไปอยู่บ้านพี่สาวกับสามีของเขาอะไรแบบเนี่ย” ผมส่ายหัวปฏิเสธข้อเสนอนั้น ถึงแม้ว่าในหัวผมจะคิดคำนวณแล้วว่ามันวินวินอย่างที่พี่ตุลย์ว่าจริงๆ นั่นแหละ หากจะขาดทุนก็ขาดตรงที่ผมต้องสู้รบปรบมือกับไอ้เด็กสองตัวนั่นอะ
“น้องเมียอะไร? พี่สาวอะไร? อะไรของนายเนี่ย?” ขมวดคิ้วใส่ผมอีก
“โอ๊ย พี่ไม่เข้าใจฟิลลิ่งหรอ แบบเหมือน กขค.”
“กขค. ระหว่างใครละ ฉันกับผีหรือไง ก็รู้อยู่ว่าแม่ที่หนึ่งกับตอนต้นไม่ได้อยู่กับฉัน”
“แล้วถ้าแม่พี่มาเห็นจะทำไงละ! เดี๋ยวก็ว่าผมเป็นคนขายตัวอีกอะ!”
“ก็อธิบายสิเฮ้ย! เดี๋ยวโทรไปบอกแม่ฉันเอาไว้ก่อนเลยก็ได้”
“แล้วลูกพี่ละ!”
“ที่หนึ่งกับตอนต้นก็เจอหน้านายทุกวัน จะเจอเพิ่มอีกวันละยี่สิบชั่วโมงจะเป็นไร!”
ไอ้ยี่สิบชั่วโมงนั่นแหละที่เป็นปัญหา!
“ที่หนึ่งอาจจะไม่ยอมก็ได้!”
“ที่หนึ่งก็ต้องไปเรียนเหมือนกันไม่ได้เจอกันทั้งวันสักหน่อย ถ้างั้นเดี๋ยวฉันโทรถามที่หนึ่งก่อนแล้วค่อยโทรบอกแม่ โอเคไหม?”
“แต่...”
“จะแต่อะไรอีกวะ!”
ตะคอกใส่ผมทำไมมมมมม เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าคนหน้าตาดีอย่างผมมันแรร์ไอเทม ต้องทะนุถนอม ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมน่ะเฮ้ย!
“ผมไม่อยากรบกวนพี่อะ คือพี่ไม่ใช่เพื่อนที่รู้จักมาเป็นปีๆ ไง คือพี่เก็ทปะ?”
“ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ถ้านายยังหัวแข็งแบบนี้นะ งั้นค่าน้ำมันที่ต้องขับหาหอให้นายเนี่ย ฉันคิดรวมกับหนี้ 20,000 ด้วยนะ”
“อะไรวะ ชั่วอะดิอย่างนี้น่ะ”
“รถฉันไม่ได้กินน้ำเปล่านะ กว่าฉันจะหาหอที่ไม่ติดสัญญาหนึ่งปี แถมยังถูกตรงสเป็คนายหมดเนี่ย นู่นแหละ คงหาถึงอีกจังหวัด”
ก็เว่อร์ไป...
ผมเริ่มคอตก พอคิดตามที่พี่ตุลย์พูดก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมก็ไม่อยากจะรบกวนอะไรเขาอีกอะ
เอาละ เรามาทวนกันอีกครั้งดีกว่า
ตอนเจอกันครั้งแรก เขาต้องวิ่งหนีคนที่มาตีผม จ่ายค่าแท็กซี่ให้ผม ให้ผมยืมกางเกง ไปก่อเรื่องกับแม่เขาอีก ด่าลูกเขาด้วย หาเขาซวยตอนไอ้กล้ามปูนั่นอีก ยืมเงิน 20,000 แล้วเรื่องจิปาถะอีกเยอะที่ผมไปรบกวนเขาอะ
ผมหน้าตาดีครับ และจิตใจใฝ่คุณธรรมเหมือนคำขวัญโรงเรียนเด็กประถม มันเลยรู้สึกแบบ ผมกำลังรบกวนเขามากไปแล้วนะอะไรแบบนั้นอะ
เอาไงดีวะ...orz
“3”
“นับอะไรรร?”
“ตอบฉันมา จะเอาไง อยู่คอนโดฯ ฉันไปก่อน หรือจะหาหอแล้วจ่ายค่าน้ำมันมา”
ไอ้หน้าเลือด
“...”
“2”
“...”
“1...ถ้านับถึงศูนย์แล้วหมดโอกาส แปลว่าเลือกหาหอเลยนะ”
“...”
“ศู...”
“โอเคๆๆ” ผมพุ่งมือปิดปากไอ้พี่ตุลย์ แต่ดูเหมือนว่าจะรีบไปหน่อยเลยพาดเสยคางอีกฝ่ายเต็มๆ จนเกือบหงายหลัง
“โอเคคือ?”
ผมถอนหายใจช้อนตามองพี่ตุลย์อย่างจำยอม
“ขอรบกวนด้วยนะครับ”
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านเรา อันธพาล” ผมยืนก้มหน้าอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อหน้าที่หนึ่งที่ยืนกอดอกอยู่บนโซฟาเหมือนกำลังไว้เชิงผมโดยมีตอนต้นนั่งยุกยิกๆ เหมือนอยากจะยืนข้างพี่ชายบ้าง
“ขอรบกวนด้วยคร๊าบบ”
“อันธพาลกวาดบ้านได้ไหม?”
“ได้”
“ถูบ้านเป็นไหม?”
“เป็น”
“แล้วเช็ดทีวีละ? ล้างจาน? ซักผ้า? กรอกน้ำ? ซ่อมท่อ? จัดรองเท้า? ชงนม? เปลี่ยนผ้าอ้อม? พาตอนต้นไปอึ”
เดี๋ยวนะ นี่ผมมาอยู่อาศัยชั่วคราวหรือมาเป็นทาสอยู่ที่ห้องนี้กันแน่วะ
“ทำได้แต่ไม่ทำมีไรมะ?” ผมวางกระเป๋าเป้ที่ใส่ข้าวของลงข้างตัว พักขาหนึ่งข้าง กอดอก พยักหน้าให้เด็กที่หนึ่งอย่างหาเรื่อง
“นี่มันบ้านที่หนึ่งนะ” เด็กนั่นโวยวายที่ผมทำหือขึ้นมา
แหมะ อายุกี่ขวบทำเป็นวางอำนาจ โตขึ้นจะไปเป็นข้าราชการไหง?
“บ้านพ่อที่หนึ่งต่างหาก พ่อตุลย์เขาให้พี่อยู่ ถ้าพ่อตุลย์บอกให้ทำนู่นแหละถึงจะทำ ถ้าที่หนึ่งบอกให้ทำ พี่ก็ขอปฏิเสธนะไอ้หนู~”
เปี๊ยะ!
ผมดีดหน้าผากเหม่งๆ ไอ้เด็กที่หนึ่งหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ มันตั้งท่าจะโวยวาย แต่ผมรีบชาร์ตตัวล้มลงไปบนโซฟาทั้งคู่ ล็อคคอปิดปากเอาไว้แน่นก่อนที่จะได้แหกปากร้องเรียกเจ้าของห้องที่กำลังอาบน้ำอยู่
หึหึ ฝีมือพี่แกร่งแล้วน้อง อย่าหวังได้จะฟ้องพ่อเลยงานนี้
“แอร๊ย!” ผมหันมองเด็กอ้วนตอนต้นที่กำลังพยายามปีนขึ้นมาบนตัวผม มือป้อมๆ นั่นคว้าผมที่เซ็ตเอาไว้อย่างดีเป็นเชือกในการปีนขึ้นมา แต่เพราะมีทั้งสองข้างผมไม่ว่างพอที่จะเขี่ยมันออกไปเลยทำได้แต่แหกปากลั่นเรียกให้ไอ้คนที่อยู่ในห้องน้ำออกมาช่วย
“พี่ตุลย์ เด็กอ้วนมันจะกระชากหัวผมหลุดออกจากคอแล้วโว๊ย รีบออกมาช่วยผมดิวะ”
“อ่อยอี่อึ่งอะ!!”
ไอ้เด็กที่หนึ่งเริ่มดิ้น ข่วนไปทั่วทั้งมือและแขน ส่วนอีกตัวก็ยังกระชากหัวผมไม่ปล่อย เจ็บจี๊ดๆ ไปทั้งตัวจนไม่รู้จะร้องกับอันไหนก่อนดี
ฮืออ คนรักเด็กแม่ง รักตรงไหนเนี่ยยย ผมขอบอกกับคุณหญิงๆ ที่กำลังคิดจะมีลูกทุกคนเลยนะครับ เลี้ยงหมาเถอะ น่ารักเหมือนกัน ไม่เป็นภาระของลูกหลาน ไม่ดื้อด้วยนะ~
“ไอ้พี่ตุลย์!”
“เลิกล็อคคอได้แล้ว ที่หนึ่งหายใจไม่ออกแล้วนะ”
“อ๊า! แอร๊ย!”
“K.O. แล้ว K.O. หยุดดิ้น หยุดข่วน หยุดจิกหัวได้แล้ว จะตายแล้วว”
“อ้าว เล่นอะไรกัน ดูสนุกสนานนะ”
สนุกบ้าอะไรเนี่ย!
ผมเบือนสายตามองเจ้าของห้องที่พันผ้าขนหนูออกมาดูสามหนุ่มสามมุมที่กองเป็นก้อนขี้อยู่บนโซฟา พยายามส่งสายตาสุดตีนให้พี่แกเข้ามาช่วย แต่ไอ้พ่อตุลย์นั่นเอาแต่มองลูกแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่!
“ช่วยผมหน่อยสิ!”
“ได้ๆ แต่ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
ละ แล้วพี่แกก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนเลย เข้าไปเลย ไม่มีแกล้งด้วย
“เฮ้ย เดี๋ยว...กลับมาก่อนนน!!”
นี่ผมต้องเอาชีวิตวัยรุ่นอันสดใส มาตายอยู่ในคอนโดฯ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหรอวะเนี่ย น้ำตาจะมา!
TBCอยากจะถามพี่ตุลย์ว่ามันวินวินจริงๆ หรอคะพี่ อาจจะได้คนช่วยเล่นกับที่หนึ่งแต่อาจจะได้โรคประสาทมาเพิ่มนะคะ 5555555
มีตัวละครใหม่ (?) โผล่มาแล้วว รู้สึกชอบม๊า ชอบม๊า ~
#Daddybelover