ตอนที่ 17
“คุยนานปะครับ? เดี๋ยวผมจะได้เอาหนมมากินด้วย” สิ้นคำ ผู้หญิงตรงหน้าผมก็อ้าปากค้างประมาณว่า เออ มึงเห็นหน้ากูไหมว่าจริงจังอะไรประมาณนี้ แต่ผมไม่ชอบให้ชีวิตซีเรียสครับ บอกแล้วไงอนาคตจะไปเป็นตัวตลกครับ คิคิ
“คุย...ฉันคุยด้วยไม่นาน”
“แล้วจะคุยเรื่องอะไรครับ การเมือง ศาสนา เศรษฐกิจ ผมขอออกไปหาข้อมูลก่อนได้ไหม ไม่อยากโชว์โง่ครับ”
“ฉันไม่ได้จะคุยเรื่องนั้น...”
“เรื่องงานสวนผมก็ไม่เก่งนะ”
“...”
“เรื่องงานครัวผมก็ไม่ถนัด”
ผมยิ้ม นี่ไม่ได้กวนเลยนะครับ มันเป็นไปเอง~ ถ้าเป็นพี่ตุลย์ไม่อยู่ฟังผมพูดถึงตอนนี้หรอกครับ เดินออกจากห้องไปแล้ว หรือไม่ก็ยันผมออกจากห้องไปแล้วเนี่ย แต่ดูเหมือนว่าอาเจ๊ (สรรพนามเปลี่ยนไปตามความชอบ) อยากจะคุยกับผมมาก ก็เลยยังอดทนกับนิสัยแบบเอสเอสอยู่
“ฉันจะคุยเรื่องตุลย์
“ผมไม่รู้วันเกิด ไม่รู้กรุ๊ปเลือด ไม่รู้ส่วนสูง ไม่รู้น้ำหนัก ไม่รู้อะไรเลยครับ แต่เดี๋ยวผมไปถามพี่ตุลย์ให้เอาไหม? เพื่อเขายังเก็บใบสูติบัตรอยู่” ผมกระพริบตาปริบๆ แสนซื่อสุดอะไรสุด
นี่ไม่ได้อยากกวนเลยนะครับ แต่ผมรับรู้ถึงลางหาเรื่องมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วอะ แล้วผมก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าหน้าตัวเมีย ไปตีกับผู้หญิงไง แล้วผมควรทำไงวะ ถ้าเกิดเจ๊เขามาหาเรื่องผมอะ
...ปล้ำเลยไหม?
"นายเป็นหรือเปล่า?”
“หะ?” ผมหันขวับกลับมาคอแทบเคล็ด สายตาของพี่สาวคนสวยที่มองผมนี่ สายตาเดียวกับตอนที่แม่พี่ตุลย์มองผม หรือไม่ก็ตอนที่ป้าสร้อยเห็นผมครั้งแรกไม่มีผิด ความรู้สึกเหมือนกับกำลังโดนหยามทำให้ผมคิ้วกระตุกขึ้นมา อย่าลืม ผมน่ะ เป็นพวกฆ่าได้หยามไม่ได้อยู่แล้ว
ทำไมวะ? แค่เด็กผู้ชายอายุน้อยกว่าสิบปีมารู้จัก มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันนี่ มันไม่มีเหตุผลอะไรอื่นรองรับนอกจากขายน้ำ เป็นเกย์ เลยหรอวะ? แบบก็แค่พี่น้องที่รู้จักกันเนี่ย มันเป็นไปไม่ได้เลยไง๊!?
“ฉันถามว่านายเป็น...พวกชอบผู้ชาย...”
“ผมไม่ได้เป็นครับ” ชักหงุดหงิด
“แน่?” ดวงตาที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางมาอย่างหรี่มองมาตรงมา ผมจ้องมองกลับไปก่อนจะพูดช้าๆ ชัดๆ
“ผม-ชอบ-ผู้-หญิง”
“...”
“...”
“...”
“ถ้าจะคิดนานขนาดนี้ลองเลยไหมพี่สาว?” อ้าว เวร เผลอคิดดังไปหน่อย พอเห็นหน้าอึ้งๆ ปนไม่ชอบใจของอีกฝ่ายผมก็รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน จนแทบจะคุกเข่าขอโทษ พลาดครับพลาด เราต้องเก็บความเป็นผู้ชายไว้ในใจสิครับ ฮึบ!
“สรุปว่านายไม่ใช่?”
“ไม่ใช่ครับ”
“แล้วทำไมนายถึงได้มา...สนิท”
“ผมอาจจะต้องเล่าอยู่มาประมาณสองวันหนึ่งคืนพี่สาวมีเวลาว่างพอฟังไหมละ?”
“ไม่ละ บอกไว้ก่อน ว่าฉันชอบตุลย์”
“อะหะ” ผมลากเสียงยาว ไม่อยากจะบอกเลยว่า ผมรับรู้ได้ตั้งแต่วินาทีที่เขาเจอพี่ตุลย์แล้ว หน้าตา ท่าทางไม่มีอะไรปิดบังอะไรเลยสักอย่าง เออ แต่ประเด็นจะมาบอกผมทำไมวะ ไม่เข้าใจ กลัวผมแย่ง? กลัวผมหลงรัก? หรืออะไร ยังไง? ผมเป็นผู้ชายนะเฮ้ย ไม่รู้สึกยังไงบ้างหรอ มาตั้งแง่กับผมเนี่ย “นี่ พี่สาว”
“?”
“งั้น...ให้ผมช่วยเอาปะคร๊าบ~” ผมยิ้มทะเล้น ไม่สนใจท่าทางที่มองผมอย่างไม่ไว้ใจ
“จะมาช่วยฉันทำไม?”
“ก็ผมใจดีไง” ผมผิวปากเดินเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอยออกจากห้องที่หนึ่ง ตรงไปหาพี่ตุลย์ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่กับตอนต้น
“ที่หนึ่งหลับไปแล้วเรียบร้อยใช่ไหม?”
“ใช่” ผมตอบพลางทรุดตัวไปนั่งข้างๆ พอหางตาเหลือบเห็นเจ๊พลอยไพลินเดินออกมาจากห้องก็อดไม่ได้ที่จะหันมาพิจารณาคนที่นั่งอยู่ข้างกาย ผู้ชายที่มีผู้หญิงสวยขนาดนั้นหลงรัก
หน้าตา อื้ม ที่จริงหน้าตาดีนะ แต่เพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวไม่คิดจะสนใจดูแลตัวเองหรืออะไรยังไง ถึงดูหมองๆ เป็นอารมณ์แบบ เห็นแว๊บแรกแล้วไม่หันอะครับ ต้องพิจารณาอยู่สักพักถึงจะรู้ว่าเขาก็หล่อเหมือนกัน
รูปร่าง ผ่านเลยได้ไหม เอาแบบไม่อคติเลยนะ ดีมาก สูง ขนาดผมเองก็สูงแล้วนะ แต่พี่ตุลย์สูงกว่าผมอีก (แต่ไม่กี่เซ็นหรอก) แถมพี่เขามีกล้ามเนื้อด้วย ผมเดาว่านี่น่าจะมาจากการเลี้ยงลูก ผมเคยได้ยินมาว่าเลี้ยงลูกนี่เหนือกว่าออกกำลังกายอีก
หน้าที่การงาน...ดีไหมวะ ผมไม่รู้แหะอันนี้ แต่มีการงานทำนี่ก็น่าจะดีแล้วนะ มีบ้าน มีรถก็ถือว่าเจ๋งอยู่ละมั้ง
นิสัย...รักลูก แต่จริงจังเกินไป ผมเล่นมุขอะไรไปนี่ถ้าถือสากก็คงเอามาตีหัวผมแบะไปแล้ว บ้างาน ตอนนี้ก็คงลดลงแล้วมั้ง แต่ผมว่าถ้าเป็นคนรักอาจไม่เวิร์กก็ได้นะ น่าจะเป็นคนแข็งๆ ไม่โรแมนติก หรือไม่ก็เป็นพวกรักแต่ไม่แสดงออก
“จ้องหน้าฉันทำไม?”
“พี่หล่อดี” ผมยิ้มแผ่กว้างให้กับเสี้ยวหน้าด้านข้าง สายตาดุๆ ปรายตามองผมเล็กน้อย “นี่ มีคนเข้ามาหาพี่บ้างปะ แบบเข้ามาจีบไรเงี่ย?”
“ฉันมีลูกแล้วนะ”
“ผมไม่ได้ถามว่าพี่มีลูกยัง ผมถามว่ามีใครมายุ่งกับพี่บ้างไหม?”
“ก็ไม่นะ”
ผมเลิกคิ้วชักไม่แน่ใจว่าไม่มี หรือพี่แกไม่รู้กันแน่
“ตุลย์ ยืมครัวหน่อยนะ” เสียงหวานของเจ๊พลอยไพลินดังแทรก พี่ตุลย์ละความสนใจจากผมชะโงกหน้าไปมองในครัว
“ลินจะทำอะไรหรอ?”
“ทำอาหารไว้กินตอนเช้าไง เหมือนที่ฉันเคยมาทำเมื่อก่อน...ตุลย์มาช่วยกันหน่อยสิ”
“คงไม่ได้อะลิน ตอนต้นยังไม่นอนเลยต้องอยู่ดู”
ผมเหลือบมองพี่สาวคนสวยที่มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแต่ไอ้พี่ตุลย์คนบื้อคงไม่ได้สังเกต “พี่ก็เอาตอนต้นใส่เก้าอี้ฝึกเดินอะ เดี๋ยวผมอยู่เล่นอยู่ดูให้”
“ไหนชอบบอกว่าไม่ถูกกับเด็ก” พี่ตุลย์เลิกคิ้วสงสัยใส่
“ก็...เพื่อนพี่เขาไม่รู้ไม่ใช่หรอว่าของอยู่ตรงไหนบ้าง ตู้เย็นมีอะไรบ้าง พี่ไปช่วยเขาน่าจะดีกว่ามั้ง”
“...” พี่ตุลย์มองหน้าผมเล็กน้อยเหมือนกำลังชั่งใจระหว่างทิ้งลูกไว้กับเด็กดีอย่างผม หรือจะให้เพื่อนตัวเองไปเสี่ยงกับครัวโดยลำพัง “ถ้างั้นก็ฝากไว้หน่อยแล้วกัน ฉันใส่เก้าอี้ฝึกเดินไว้นะ ลากๆ ไถๆ ก็พอ”
“รับทราบครับ” ผมขานรับเสียงดัง พี่ตุลย์พยักหน้าหงึกๆ ให้ผมสองสามที เอาลูกคนเล็กของตัวเองใส่เก้าอี้ฝึกเดินแล้วเข็นมาให้ผม ส่วนตัวของเขาก็เดินเข้าไปในครัวอยู่กับเจ๊พลอยไพลิน
ผมชะเง้อมองสองคนที่อยู่ในครัวเล็กน้อย เห็นว่าไปได้ด้วยดีก็หันมาหาตอนต้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝึกเดิน
“หมู ไม่รู้ว่าพ่อตุลย์อยากได้แม่ใหม่ไหม แต่ดูเหมือนว่ามีคนอยากได้พ่อตุลย์ ไปเป็นพ่อของลูกเขานะ”
“อา แอ๊!”
“อะไร? ตะคอกหรอ! ไม่พอใจก็ไปเข้าฝันไปด่าพ่อตัวเองเอาแล้วกัน” ผมไถตัวจากโซฟาลงมานั่งพื้นพร้อมคว้ารีโมทลงมาด้วย
…
หลังจากที่นั่งดูทีวีกับเด็กอ้วนไปได้ประมาณสิบนาที เสียงพูดคุย หัวเราะคิกคักที่ดังอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ผมต้องหันไปกำชับตอนต้นให้อยู่เฉยๆ ส่วนตัวเองก็เดินเนียนเข้ามาอยู่ในครัวข้างๆ เจ๊พลอยไพลิน เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ในครัวหน้าเคาเตอร์มีมนุษย์วัยเจริญเติบโตเต็มที่สามคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานกันอยู่
ผมเคยดูละครครับ นางเอกนี่เหมือนจะเป็นโรคโปลิโอแบบเฉพาะเวลา อยู่ใกล้พระเอกทีไรเป็นต้องเซไปชน แล้วนางเอกก็เงยหน้าขึ้นก็จะเผลอสบตาปิ๊งๆ กับพระเอก อะไรแบบนั้น งานนี้เลยครับผมเลยจะเอาฉากนี้แหละเป็นฉากเปิดตัวกามเทพอย่างผม
ว่าแล้วก็...
“หิวน้ำจัง” ผมจงใจพูดเสียงดังให้อีกสองคนได้ยิน แสร้งทรุดตัวนั่งยองๆ ก่อนจะใช้สะโพกกระแทกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ!
ปึง!
“ว๊ายย!”
“เฮ้ย!”
โครม! ก๊อง! เพล้ง!
ชะอุ้ย...
ผมหัวเราะแห้งๆ ให้พี่ตุลย์ที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นโดยมีเจ๊พลอยไพลินนอนทับและเครื่องใช้ในจำพวกหม้อจานช้อนส้อมก็ล่วงลงมาพร้อมกันอยู่รอบๆ นี่ถ้ามีมีดอยู่แถวนั้นก็เสียบหัวพี่สาวคนสวยทะลุท้องพี่ตุลย์ไปแล้วเนี่ย
“โอ๊ะ ตอนต้นเรียกผ่านทางโทรจิต สงสัยอยากให้ไปเล่นด้วย ถ้างั้นผมไปก่อนนะ” งานนี้โกยเลยครับ โกย จะเกลียดเด็กยังไงตอนนี้รักแล้วครับ รักก่อนเลย ฉันจะไปหาแกเดี๋ยวนี้ไอ้น้องชายสุดที่รัก!
หมับ!
“จะไปไหนเอส”
ผมหันคอกึกๆ เลี้ยวมองคนที่คว้าคอเสื้อผมไว้ แต่พอเห็นหน้าของพี่ตุลย์ก็รู้สึกประหนึ่งยื่นคออยู่บนกิโยติน
“ไปหา...ตอนต้น ทิ้งเด็กเล็กไว้คนเดียวไม่น่าจะดีเท่าไหร่นะ”
“ไม่ต้องอะ” พี่ตุลย์ว่าเสียงเหี้ยมก่อนจะหันไปหาพี่สาวคนสวยที่มองอยู่ด้านหลัง “ลินทำต่อไปได้เลยนะ เดี๋ยวผมจะพาเอสกับตอนต้นเข้านอนก่อน”
ไม่เป็นไรครับ ผมเข้านอนเองได้ครับ orz
“ดะ ได้ เดี๋ยวฉันเตรียมข้าวเช้าเสร็จก็จะไปนอนกับที่หนึ่งแล้วละ”
“โอเค ถ้างั้นเอส ปะ เราไปนอนกันเถอะ” ว่าแล้วพี่ตุลย์ก็ลากคอเสื้อผมไปหาตอนต้น อุ้มเด็กอ้วนนั่นด้วยแขนของเดียวก่อนจะลากผมพุ่งตรงไปยังห้องนอน
ไหนบอกเข้านอน ทำไมฟิลลิ่งเหมือนจะไปตายงี้อะ TT
50%
ผมยื่นก้มหน้าสำนักผิดอยู่หน้าห้องนอนที่หนึ่งในเวลาเช้าตรู่ เช้ามาก...ประมาณตีสี่ได้มั้ง คือเมื่อคืนพี่ตุลย์บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่ค่อนข้างร้ายแรง ถ้าเกิดตอนนั้นต้มน้ำอยู่ หรือกำลังถือมีดอยู่อะไรอย่างนั้นมันอันตรายควรจะไปขอโทษเจ๊พลอยไพลินซะ ซึ่งผมก็เห็นด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ ก็เลยจะมาขอโทษ แต่เมื่อคืน พี่ตุลย์ให้ผมนั่งสำนักผิด แล้วนั่งไปนั่งมาเพลิน หลับยาว ตื่นมาอีกทีตอนตีสี่เนี่ย
อื้ม ตีสี่ โดนปลุกให้มาฟังคำขอโทษตอนนี้ผมต้องโดนตบกลับมาด้วยแน่นอน
“เอาวะ ทำผิดก็ต้องขอโทษ”
ผมเปิดประตูห้องนอนของที่หนึ่งอย่างถือวิสาสะ แต่แทนที่ผมจะเห็นพี่สาวคนสวยนอนหลับอยู่กับไอ้เด็กที่หนึ่งนั่น ผมกลับเห็นเจ๊แกนั่งพิมพ์โน๊ตบุ๊คๆ ต๊อกๆ มุมหนึ่งของห้องโดยที่เด็กที่หนึ่งหลับปุ๊บอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว
“มีอะไร?”
“ตื่นไวจังเลยนะครับ”
“ฉันยังไม่ได้นอนต่างหาก ยังปรับเวลากับประเทศไทยไม่ได้” ผมร้องเสียงอ๋อไปเบาๆ “แล้วมีธุระอะไร?”
“คือ ผมจะมาขอโทษเรื่องเมื่อวาน...ในครัวครับ” ผมพูดเสียงอ่อนสำนักผิดอย่างจริงใจไม่แกล้งทำ
“...” เจ๊พลอยไพลินไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นเดินตรงมาหาผมที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน ใบหน้าเอาเรื่องจนผมรู้สึกไม่ชอบมาพากล “เมื่อวานนายตั้งใจใช่ไหม?”
“เฮ้ย ผมเปล่า จริงๆ ก็ตั้งใจจะชนแหละ ให้พี่สาวเซไปชนพี่ตุลย์จะได้มีโมเม้นโรแมนติกไง แต่ผมเป็นผู้ชายแรงมันเลยมากหน่อย ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำถึงขั้นล้มระเนระนาดขนาดนั้นเลยนะ”
“นายทำ เพราะจะเรียกร้องความสนใจจากตุลย์ใช่ไหม? ถ้าไม่ใช่แล้วตุลย์จะพานายเข้านอนทำไม!”
เดี๋ยว แล้วมันเกี่ยวอะไรวะ คือ ไอ้คุณเจ้าของบ้านทำเองปะ ผมไม่ได้บอกให้พี่ตุลย์พาผมเข้านอนเลยเถอะ แล้วที่สำคัญก็ไม่ได้พาเข้านอนด้วย พาเข้าไปอบรมชัดๆ!
“ผมเปล่า ผมไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากใครทั้งนั้นแหละ” ผมพูดอย่างใจเย็น ในเมื่อคนตรงหน้าของผมกำลังร้อนด้วยความคิดบ้าบอคอแตก ผมก็เลือกที่จะไม่เดือดให้ระเบิดตูมตามไปด้วย
“ถ้างั้นฉันขอถาม ทำไมนายต้องเข้ามาครัวตอนที่ฉันกับตุลย์อยู่ด้วยกัน นายรู้นี่ว่าฉันชอบตุลย์ก็แปลว่า ฉันก็ต้องอยากอยู่กับเขาแค่สองคนอยู่แล้ว!”
“ผมแค่อยากจะช่วยพี่สาว”
“ฉันไม่ได้ขอให้นายช่วย!”
“เอ้า!” ผมส่งเสียงจิ๊ปากอย่างเริ่มมีน้ำโห “ก็พี่สาวมองว่าผมเป็นเกย์ไมใช่ไง หาว่าผมนี่แมงดาไรงี้ ผมก็อุตสาห์หวังดีจะช่วย พี่สาวจะได้รู้ว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่คิดจะมาจับพี่ตุลย์ของพี่หรอก!”
“ถ้านายอยากช่วย วิธีที่ดีที่สุด คือ ออกไปจากที่นี่...เอาตรงๆ เลยนะ ฉันไม่ชอบที่นายสนิทกับทุกคนในบ้านนี้!”
แล้วมันหนักหัวเจ๊ตรงไหนเนี่ยยยยย!
“ผมว่าพี่ไร้สาระแล้ววะ เพิ่งกลับจากต่างประเทศใช่ไหม สงสัยจะแจ๊ตแล็ก เป็นเมนส์ หรืออยู่ต่างประเทศไรงี้มากไปแล้วมั้ง” ผมว่าตั้งท่าจะเดินเลี่ยงออกมา ถือว่าขอโทษแล้วหมดหน้าที่ จะได้ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานที่เซเว่นต่อ แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินออกมาเจ๊พลอยไพลิน (และอีกสักพักจะเลื่อนไปเป็นป้าละ) ก็จับแขนของผมให้หมุนตัวกลับมาเสียก่อน
“เมื่อก่อนก็มีคนเข้ามายุ่งกับตุลย์ รู้ว่าเขามีลูกก็จะเข้าทางลูก ฉันเห็นมาเยอะ ทำไมฉันจะดูนายไม่ออก! นายก็แค่เอาความเป็นผู้ชายมาช่วยด้วยใช่ไหมละ ตุลย์หรือใครๆ ก็จะได้ไม่สังเกตว่าที่จริงนายมันคิดไม่ซื่อ”
“ขอโทษนะครับ พี่สาวช่วยเลิกเพ้อได้ไหม ดูละครมากไปหรือเปล่า พี่สาวอายุจะเลขสี่แล้วหน่า มีวิจารณญาณในการรับชมละครได้แล้วมั้ง สมมุติว่าผมบริสุทธิ์ใจนะ สนิทกับพี่ตุลย์เฉยๆ ควรทำเลวกับลูกเขาหรอหรือไง ควรจะเตะโชว์พ่อมันเลยดีไหม หรือยังไง มันเป็นเรื่องปกติปะที่ก็ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์กับลูกเจ้าของบ้านเหมือนกันอ่ะ แล้วเป็นผู้ชายนี่ยังไง คือไม่ว่าผมจะเพศอะไร ถ้าพี่สาวคิดจะหาเรื่องก็หาได้หมดแหละไม่ต้องมาอ้าง”
“แล้วทำไมนายต้องใช้คำว่า ‘สมมุติว่า’ ด้วย!?”
อะไรเนี่ยยยยยยย นี่ใช่ไหมที่เขาบอกว่าผู้หญิงแม่ง โคตรงี่เง่า!
“เฮ้อ!!” ผมจงใจถอนหายใจใส่เสียงดังๆ บ่งบอกชัดเจนว่าผมเริ่มไม่โอเคกับคนตรงหน้าแล้ว “เอางี้นะ ผมจะไม่เข้าเสือกเรื่องของพวกพี่แล้ว โอเคไหม? จบปิ้ง” ผมพูดตัดปัญหา ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมง่ายๆ เสียที
“ฉันขอบอกนายไว้ด้วยความหวังดี ผู้ชายกับผู้ชายมันเป็นไปไม่ได้ ถ้านายคิดอะไรกับตุลย์อยู่เลิกซะ ถึงนายแกล้งมาขัดฉันอีกก็ไม่ได้ผลหรอก”
ใจเย็นไว้ นั่นผู้หญิง นั่นผู้หญิง...
ผมเงียบไม่อยากจะตอบโต้ เพราะยังซะคนตรงหน้าผมก็คือผู้หญิง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะทำหน้าตาเหนือผมมาก็ตามที
ผมไม่คิดจะตีกับเธอเรื่องผู้ชายหรอกนะครับ บ้าเปล่า ผมก็ผู้ชายนะเฮ้ย! คิดได้ไงถึงมาพูดเรื่องประมาณนี้กับผู้ชายที่อยู่ในวัยจริญพันธุ์อย่างผม พูดแบบชั่วๆ เลยนะ ถ้าผมปล้ำเธอพิสูจน์ไปว่าผมชายแท้ ทุกอย่างก็จบแล้วเนี่ย สะใจด้วย ได้พวกอิโก้สูงมาเป็นเมีย
แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่ได้ชั่ว
“ขอย้ำอีกที ให้รีบออกไปจากบ้านนี้ดีกว่า ที่นี่เคยเป็นที่ของฉัน ถ้ายังอยู่อาจจะเห็นภาพบาดตาบาดใจก็ได้นะ”
ผมเดินออกจากห้องนอนของที่หนึ่ง ก่อนที่จะปิดประตูผมก็ไม่ลืมยิ้มหวานหยดย้อยให้กับผู้หญิงตรงหน้า
ปฏิเสธยังไง ก็จะคิดว่าผมนี่เป็นเกย์ เป็นแมงดาให้ได้สินะ ได้...ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเจอเลย คนอย่างเอสฆ่าได้หยามไม่ได้อยู่แล้ว
“พระพุทธเจ้าเขาสอนให้อยู่กับปัจจุบันนะครับพี่สาว คนอดีตๆ อะ จบแล้วจบเลย : ) ”
TBCครบ 100% อยากขอแนะนำพี่พลอยไพลินจังเลยค่ะ
อย่าไปยุ่งกับเอสเลย ขนาดแม่ของพี่ตุลย์นางก็จัดมาแล้ว 55555555
#daddybelover