!!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: !!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!  (อ่าน 419029 ครั้ง)

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
แหมๆ ความคิดชั่วทั้งตัว ทั้งเพื่อนเลยนะครับ แทนที่จะห้ามกัน แบบนี้เพื่อนกินอย่างเดียวสินะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เป็นเพื่อนที่ดีมากจิงๆ เพื่อนเจ๊ลินเนี่ย หึ!
ส่งเสริมให้เพื่อนทำแต่ละอย่างดีๆทั้งนั๊น ศักดิ์ศรีความเป็นผู้หญิงยังจะมีไหม ถ้าต้องทำขนาดนั้น คุ้มไหม
ความรับผิดชอบเกิดขึ้นมาจากความผิดพลาด ไม่ใช่ความรักอ่ะเจ๊!!!

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 23




               สวัสดีครับ เรามาเจอกับเอสหอมจอมซนอีกแล้ว อันดับแรกผมประกาศก่อน ผม...เป็นเด็กมหา’ลัย เต็มตัวแล้วเฟ้ยยยย! เมื่อวานผมได้ใส่ชุดนักศึกษาครั้งแรกไปเข้ามหา’ลัยมาแล้ว ปริ่มมาก จนแทบจะจุดธูปเรียกผีพ่อผีแม่มาหาที่มหา’ลัยกันเลย แต่ว่าได้ยินเรื่องผีๆ จากพวกรุ่นพี่สักก่อน ผมไม่อยากเอาผีพ่อผีแม่มาเป็นเอฟเฟ็คประกอบฉาก ก็เลยยังไม่จุดธูปเรียกที


               แต่เข้ามหา’ลัยก็ไม่ค่อยแตกต่างจากเดิมตรงไหนหรอกครับ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยู่ในช่วงรับน้องไปอีกสักพัก แถมที่อยู่ผมก็ต้องยังอยู่กับพี่ตุลย์ไปอีกกว่าจะจบเทอมแรก แล้วก็ย้ายไปอยู่กับ แชงคูสหัวแดงตอนเทอมสอง สรุปก็คือแค่เปลี่ยนจากไปทำงานก็ไปเป็นมหา’ลัยแทน กิจกรรมจบก็กลับบ้านพี่ตุลย์ มาอยู่กับที่หนึ่งกับตอนต้นอยู่ดี


               พูดถึงพี่ตุลย์...อ๊ากกกกกกกกกกกกก แม้จะผ่านเกือบอาทิตย์แล้วแต่พอนึกถึงฉากนั้นก็อยากจะเอาหัวยัดลงไปในไหแล้วไม่ต้องโผล่หน้าขึ้นมาอีก! มันเสียเชิงชายของนายเอสยิ่งนัก! ผมขอเล่าย้อนความ หลังจากโดนพี่ตุลย์ จู...เอ่อ เออ! โดนจูบนั่นแหละ! วันต่อมาผมก็รีบปรี่ไปหาไอ้ปันเลยนะ


               ‘อ๋อ ผู้หญิงคนนั้นจูบมึงหรอ? เออๆ แป๊บนะ กูเล่นเกมอยู่ด้วยว่ะ...กูกำลังจะตายแล้ว! สัส ตายเลย! ถึงไหนแล้วนะ เออ มีอยู่สองกรณี ไม่เขาชอบมึง ก็เป็นคนขี้เล่นมากจนจูบใครก็ได้ กูไม่รู้ว่ะ ไม่ได้เป็นผู้ฆญิงคนนั้น’


               ไอ้ห่านี่ สนใจเรื่องของผมมากอ่ะ


               พอไปคุยกับไอ้ปันเสร็จ ผมก็กลับมาคิดแหละ ว่าถึงพี่ตุลย์จะไม่ใช่พวกขี้เล่นติดออกจะเป็นคนจริงจังด้วยซ้ำ แต่พี่เขาอาจจะเป็นจำพวกแบบไม่ซีเรียสเรื่องจูบ กอดไรงี้ก็ได้นะ ผมก็เลยว่าจะโยนเรื่องนี้ออกจากสมอง


               แต่พอกลับห้องเท่านั้นแหละ!


               รู้เลยว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่พี่ตุลย์ซีเรียสหรือเปล่า แต่ประเด็นคือผมซีเรียส!


               คิดดูนะ เป็นบ้าปะ ตั้งแต่วันนั้น พี่ตุลย์พูดอะไรผมก็เผลอจ้องปากพี่แกตลอด เลยต้องก้มหน้าคุย มองนก มองฟ้า มองดินไปเรื่อย หนักสุดคือเผลอเสริชหาข้อมูลเกี่ยวกับเกย์เลยด้วยซ้ำ แต่พอรู้ตัวผมก็รีบปิดมันอย่างไวแล้วไม่เคยกดเข้าไปดูอะไรพวกนั้นอีก


               ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ...


               สุดท้ายตลอดสี่วันก่อนเข้ามหา’ลัยผมเลยพยายามไม่ข้องแวะอะไรกับพี่ตุลย์เกินเหตุ ไปที่ทำงานของพี่ตุลย์อีก ระวังคำพูดทุกอย่าง ปิดทุกช่องทางที่พี่ตุลย์จะหาเรื่องมาแกล้งผมทุกกรณี


               ผมแม่งโคตรกระวนกระวายเลยว่ะ ไม่เหมือนอีกคนที่ทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง เคยขมวดคิ้วใส่ผมยังไง เคยทำหน้าตาใส่ผมยังไงก็ทำเหมือนเดิมหมด


               ที่จริงมันก็ดีใช่ไหมครับ? ที่พี่ตุลย์ไม่ทำตัวแปลกไป ใช่ ก็ดีแล้วไง เป็นเหมือนเดิมแบบที่ผมต้องการ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเกลียดฉิบ


               เป็นคนทำให้ผมรู้สึกแท้ๆ แต่ตัวเองกลับยังไม่รู้สึกอะไรเลย...















               “ที่หนึ่งไปอาบน้ำไปลูกไป อาบน้ำดึกกว่านี้เดี๋ยวเป็นหวัดนะ” พี่ตุลย์ที่กำลังเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำบอกกับลูกชายคนโตที่นั่งเล่นเกมเพลย์ทูกับผมอยู่หน้าทีวี

               “เดี๋ยวอาบครับ รอผ่านด่านนี้ก่อน!”

               “เลือดแดงขนาดนั้นแล้วเนี่ย ไม่ผ่านหรอก”
               
               “ถ้าผ่านด่านนี้ไปได้ เลือดที่หนึ่งก็ขึ้นแล้ว!”

               “นี่เรายังไม่เจอบอสเลย ไม่รอดแหงะแซะ สงสัยจะเหลือพี่สู้อยู่คนเดียวแล้วมั้ง” ผมหัวเราะเสียงเหี้ยมพลางกดรัวจอยสติ๊กจนนิ้วแทบล็อค ถึงจะมีตอนต้นคลานขึ้นมานั่งเล่นอยู่บนตักด้วยแต่ก็หาใช่เป็นอุปสรรคของเซียนเกมเอสหรอกจะบอกให้~

               “ผ่านประตูนี้ไป ก็เจอบอสแล้ว!”

               “ในห้องนั้นพวกซอมบี้โคตรเยอะ พี่ว่าที่หนึ่งนอนตายอยู่ห้องนั้นแหละ”

               “งั้นมาดูเลย!”


               เราสองคนกดจอยสติ้กยิงปืนกราดใส่ซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาทำร้าย โดยมีเสียงซาวของผมกับที่หนึ่งคอยดังทำหน้าที่แทนเกมไม่หยุดปากจนในที่สุด!


               ที่หนึ่งตายอยู่ที่ครับ อิอิ


               “ว๊าาา ไก่อ่อนตายซะแล้ว เหลือเจ้าป่าอย่างท่านเอสผู้นี้ไปสู้กับบอสเพียงลำพัง~” ผมยักคิ้ว

               “งั้นมาเล่นอีกรอบเลย! แก้มือ”

               “ได้อยู่แล้ว งั้นมาเริ่ม...”

               “ไม่ได้หรอก” ผู้เป็นเจ้าของห้องหิ้วปีกของที่หนึ่งให้ลุกขึ้นจากหน้าทีวี “สัญญากับพ่อว่าจบด่านนี้จะไปอาบน้ำใช่ไหม? ถ้างั้นลูกก็ต้องไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยกลับมาเล่น”

               “ถ้างั้นอันธพาลรอก่อนนะ เดี๋ยวที่หนึ่งจะกลับมาเล่นใหม่!” ที่หนึ่งพูดเสร็จก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดหยิบผ้าขนหนูแล้ววิ่งไปห้องน้ำ ทิ้งให้บริเวณห้องรับแขกเหลือเพียงผมที่นั่งโหลดเริ่มเกมใหม่อยู่หน้าทีวีโดยมีตอนต้นนั่งอยู่บนตัก กับพี่ตุลย์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง

               “ฉันขอเล่นสักตาได้ไหม?”

               “ไม่ได้หรอก ผมจะเล่นกับที่หนึ่ง เดี๋ยวที่หนึ่งก็อาบน้ำเสร็จแล้ว” ผมบอกกับคนที่กำลังทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ผมแทนที่ที่หนึ่ง

               “ฉันเล่นเกมพวกนี้ไม่เก่งหรอก คงตายก่อนที่ที่หนึ่งอาบน้ำเสร็จอยู่แล้ว”

               “...ก็ตามใจ งั้นเดี๋ยวผมตั้งค่าให้เล่นคนเดียว”

               “นายก็เล่นด้วยกันสิ”

               “ไม่เอาอะ ผมขี้เกียจแล้ว”

               “ขี้เกียจแต่รอเล่นกับที่หนึ่งเนี่ยนะ?”

               “...” ผมเงียบ ไม่มีอะไรจะตอบหรือแย้งอีกฝ่ายทั้งนั้น สิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุดคือลุกออกห่างจากพี่ตุลย์ต่างหาก


               มันไม่ปลอดภัย...


               “แค่ด้วยกันด่านเดียวก็ไม่ได้หรอ?”


               ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วยวะ


               “เฮ้อ...แค่ด่านเดียวนะ”


               สุดท้ายก็กลายเป็นว่าผมกับพี่ตุลย์ก็เล่นเกมด้วยกัน แต่เป็นการเล่นเกมที่อึดอัดที่สุดที่ผมเคยมีมา มีแต่เสียงเอฟเฟ็คจากตัวเกม แต่ไม่มีเสียงการพูดกันระหว่างเรา หรือเสียงโวยวายใดๆ ทั้งสิ้นจากผม มันเงียบจนรู้สึกใจไม่ดีแทบจะทนไม่ไหวอยากไปดึงปลั๊กออกแล้วลุกเข้าห้องนอนไปเสียดื้อๆ


               “นายโกรธอะไรฉันอยู่?” แต่อยู่ดีๆ เสียงทุ้มของพี่ตุลย์ก็ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

               “ไม่นี่ ผมไม่ได้โกรธอะไรพี่สักหน่อย” ผมตอบ ก่อนที่เราทั้งสองจะเงียบลงไปอีกครั้ง มีเพียงนิ้วมือของแต่ละฝ่ายที่ยังขยับกดบังคับตัวละครในเกมไปมา

               “หรอ”


               ผมเกลียดบรรยากาศแบบนี้ฉิบ


               “แล้ว...ทำไมพี่คิดอย่างนั้นละ?”

               “ก็แค่รู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้น”

               ผมหัวเราะเสียงแห้ง “พี่คิดไปเองแล้วแหละถ้างั้นอะ”

               “งั้นนายรู้ตัวบ้างไหม?ว่านาย...กำลังคุยกับฉันน้อยลง”

               “ไม่นะ ก็เหมือนเดิมแหละครับ”

               “ลองคิดดีๆ


               ผมเม้มปาก ผมรู้ตัวดีว่าผมคุยกับพี่ตุลย์น้อยลง ใช่สิ! ก็ผมต้องระวังคำพูดของตัวเองให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้พี่ตุลย์แกล้งผมได้อีก เพื่อไม่ให้พี่ตุลย์มาแหย่ผมได้ไง!


               “ก็...ก็ คงยุ่งอยู่กับมหา’ลัยแหละครับ ไม่มีอะไรหรอก กังวลเรื่องมหา’ลัยอยู่อะไรอย่างนั้นก็เลยไม่ได้กวนประสาทพี่เท่าไหร่ไง”
               
               “แล้วเรื่องมหา’ลัย ฉันกับนายตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าเดี๋ยวตอนเช้าฉันจะเป็นคนไปส่ง ถ้าเลิกเย็นให้โทรมาบอก จะได้ไปรับกลับด้วย แล้วทำไมถึงไปเองกลับเอง”

               “ผมก็แค่ไม่อยากรบกวนพี่มากไง แค่นี้ผมเป็นภาระให้พี่ไม่พออีกหรอ? มหา’ลัยผมนั่งรถเมล์ก็ถึงแล้ว อีกอย่างคนก็ไม่ได้เยอะเหมือนตอนนู้นไม่ต้องเอารถพี่ไปหรอกหน่า”


               รู้สึกโชคดีชะมัดที่ตอนนี้ผมกำลังเล่นเกมอยู่ ไม่งั้นมือของคนโกหกอย่างผมที่ขยับยุกยิกอยู่ตลอดเวลาคงไม่รู้เอาไปไว้ไหนเลย


               “นายไม่มาที่ทำงานฉันเลยนะ”

               “ก็พี่บอกเองว่าไม่ให้มา ไม่ให้พาตอนต้นมา พี่ต้องการอะไรจากผมหะ?” ผมกระชากห้วนๆ ด้วยความหงุดหงิด ความว้าวุ่นในใจที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ผมเองก็ไม่รู้ ทำให้การเล่นเกมของผมเริ่มไม่รู้เรื่องจนเผลอโดนโจมตีเลือดลดลงไปอย่างรวดเร็ว!

               “ใช่ฉันบอก แต่นายก็ยังดื้อพาตอนต้นมาไม่ใช่หรอ?”

               “แล้วมันจะแปลกมากหรอ ที่ผมเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ไม่ไปที่ทำงานพี่อีกน่ะ! พี่จะมาตื้อถามอะไรไร้สาระทำไม!” ผมเผลอตวาดเสียงดัง ก่อนจะรู้สึกตัวถึงการกระทำแย่ๆ เหมือนเห็นสีหน้าของพี่ตุลย์ที่มีต่อการกระทำของผม “โทษที ผม...”

               “ที่ฉันมาถาม ก็เพราะว่าฉันอยากให้เราอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ นายโกรธอะไร ไม่พอใจอะไร ฉันก็แค่อยากให้นายบอกออกมาตรงๆ แต่ถ้ามันทำให้นายรำคาญก็ขอโทษด้วยแล้วกัน” พี่ตุลย์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนน่าใจหาย เขาตั้งท่าจะลุกขึ้นไป แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้ผมรีบคว้าข้อมือของพี่ตุลย์เอาไว้แล้วดึงเขาให้กลับมานั่งลงที่เดิม!


               อะไรบางอย่าง ที่เป็นความรู้สึกว่า...ถ้าผมไม่รั้งเขาไว้ ไม่ว่าในฐานะใด เขาจะไม่สนใจผมอีกเลย


               “ผม...”

               “...” พี่ตุลย์เงียบ แต่ก็จ้องมองตรงมาอย่างใจจดใจจ่อในสิ่งที่ผมกำลังจะพูด


               นั่นสินะ พี่ตุลย์ก็ยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ ให้ผมทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ผมกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว แค่ผมทำตัวเหมือนเดิม เป็นคนเดิม ไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ ให้เหมือนกัน เราก็จะเป็นเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านๆ มา นี่ผมทำไรอยู่วะ? ผมกระวนกระวายใจไปทำไม ผมตีตัวออกห่างจากพี่ตุลย์เขาทำไม?


               “พี่...เดาๆ ไว้บ้างไหมอะ ว่าทำไมผมเป็นแบบนี้?”

               “ก็คิดไว้อยู่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า”

               “พี่คิดว่าไงละ?”

               “คิดว่านายแปลกๆ ไป ตั้งแต่วันที่ฉันจูบ...”

               “นั่นแหละ แล้วพี่มาจูบผมทำไม?”

               พี่ตุลย์ร้องเสียง ‘อ๋อ’ ลากยาวเบาๆ “สรุปโกรธเรื่องนี้อยู่สินะ”

               “ใช่สิ ก็พี่เล่นแรงเกินไปแล้วนะ!”

               “ฉันเล่นแรง? ไม่ใช่เอสหรอที่มาจูบฉันก่อน”

               “ก็ดูพี่พูดสิ ตกหลุมรักบ้างละ รักบ้างละ หวงบ้างละ มันควรจะพูดแบบนั้นกับผู้ชายไหมอะ?!”

               “...โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษด้วยนะที่ทำให้นายรู้สึกไม่ดี หายโกรธเถอะ เพราะฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วล่ะ”


               อึก...


               “นั่นสินะ ขอนึกก่อนว่าถ้าหายแล้ว ผมจะได้ปนะโยชน์อะไรบ้าง อันดับแรกก็มีรถไปรับไปส่งที่มหา’ลัย”

               “จะได้ไม่เก็บกดจนอกแตกตาย” พี่ตุลย์หัวเราะในลำคอ

               ผมหัวเราะบ้าง “เกี่ยวไหมเนี่ย?”

               “เกี่ยวมั้ง” เขาหัวเราะ “ถ้างั้นก็ โอเคแล้วสินะ”

               “ครับ~”


               ผมคิดว่า ผมกำลังโกหกนะ...


               “อันธพาล ที่หนึ่งมาแล้ว! อ้าว พ่อแอบเล่นเกมของที่หนึ่งอยู่หรอครับ?”

               “เล่นรอลูกไง” พี่ตุลย์หันไปพูดกับที่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาที่ผม “ฉันไปละ เดี๋ยวไปทำงานต่อแล้ว” พูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนที่ที่หนึ่งกลับมานั่งเล่นเกมข้างผมอีกครั้ง

               “โอเคแล้วสินะ”


               ไม่อ่ะ...ทำไมผมไม่รู้สึกโอเคเลย








TBC
มันใกล้ละะะ

ฟิลลิ่งอารมณ์ของคนอารมณ์ดีอย่างเอสนี่เป็นอะไรที่แบบ ยากแท้จะหยั่งถึง จนต้องกินเวลา
มาอัพวันนี้เลย ฮอลลล แล้วเจอกันพรุ่งนี้ อารมณ์จะต้องต่อเนื่องงง~~
#daddybelover

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮ่อลลลลลลลลลลลลลลล


พี่ตุลย์อ่ะรู้สินะว่าเด็กคิดอะไร ถ้างั้นจีบเด็กเถอะเว้ยยยยยยยย

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
เอส~ เริ่มรู้สึกหวั่นไหวแล้วสินะคะ แถมยังต้องโกหกหัวใจตัวเองอีก มันเป็นอะไรที่รู้สึกแย่มากเลยเน้ออ.. :o12:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
วัยรุ่นสับสน

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
พึ่งเข้ามาอ่าน..ชอบบบบบบบบบบ..แล้วจะมาอ่านต่อนะคะ.. :heaven :heaven :heaven

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
พึ่ตุลย์ทำให้วัยรุ่นกลุ้มใจ

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
เอสคงต้องถามใจตัวเองแล้วว่าคิดยังไงกับตุลย์  ส่วนตุลย์อาจคิดกับเอสบ้างแล้ว ถึงได้เชื่อฟังเอสที่บอกให้ตุลย์ถอยห่างจากลิน


ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
แบบว่าอึมครึมมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ตกลงใครหวั่นไหวว่ะเนี่ย

ออฟไลน์ hpimmc

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เอสนิน่าจะสับสนอยู่
ส่วนพี่ตุลย์นิน่าจะชอบแล้วละ

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เอสหวั่นไหวใช่ม่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เอสสสสสสส นายกำลังทำให้เรื่องมันแย่นะเอส
ถ้าพี่ตุลย์ถอดใจขึ้นมา แระเอสพึ่งรู้ใจตัวเองจะทำยังไง๊!!!!!!! -"-

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ตุลแกล้งน้องอยู่ใช่ปะเนี่ย
หรือซึนจริง งื้ออออ

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
เอสเอ๋ยยยย เริ่มรวนเรแล้วใช่ไหม ใจน่ะ พี่ตุลย์ก็อย่าแกล้งให้มันมากนักจะได้ไหม ทั้งๆที่น่าจะพอรู้อยู่แท้ๆ
ปล.รอตอนต่อไปจ้าาา

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เอสกำลังสับสนเราควรหาอะไรมากระตุ้นสินะ  อิอิ. สู้ๆนะเอสรักก็บอกพี่ตุลย์ไปเลย

ออฟไลน์ kukkikkooka

  • insomnia~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
น้องเอสโหมดนี้น่าสงสารมากก

อยากเห็นนุ้งเอสคนเกรียนคนเดิม  :hao5:

แอบเคืองพี่ตุลย์อ่ะ ไม่คิดอะไรจริงๆเหรอออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เราก็ไม่โอเคคค อะไรอ่ะ เหมือนจะเดินหน้า แต่ก็ถอยหลังลงมาอีกแล้ว หน่วงแทนเอสเลย...

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เราชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องพ่อหนุ่มหัวแดงนะ
รู้สึกคนเขียนเขียนรักใสๆได้ดีกว่าเรื่องแนวนั้นอ้ะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ไม่สบายใจจริงหรอก เชื่อเถอะ!!!

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
บทเอสคิดมากนี่เหมือนนานๆทีจะได้เห็น หวั่นไหวแล้วสินะ~ ตุลอย่ารอช้า รุกเข้าๆๆ เจ๊พลอยจะกลับมาแล้ววววว

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เฮ๊ยอย่าบอกนะว่าเอสหายเครียด


แล้วพี่ตุลย์จะเครียดเอง

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ใจเย็นๆไอ้เอส คิดให้ดีๆว่าเรารู้สึกยังไงกับพี่ตุ
ุลย์กันแน่
เอสมาโหมดนี้ แปลกไปเลย คงสับสนสินะ

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
วัยรุ่นเข้าใจยากส์  5555555555

ออฟไลน์ Babylon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
รออยู่น้า มาต่อไวๆน้อ ค้างงะ :katai5:
สรุปว่าพี่ตุลย์นี่ชอบจริงๆจังๆแล้วใช่ป่ะพี่  :o8:
เฉาเลยดิเอส รีบๆรู้ตัวได้แล้ว สงสัยต้องให้ เพื่อนกระซิบก่อนถึงจะรู้ตัว :เฮ้อ:

ออฟไลน์ onekiss

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao3: :hao3: :hao3:
เอสอีผู้ร้ายปากแข็งชอบก้บอกไปสิ5555

ชะนีนางมีแผ่นร้ายๆอีกแล้วนะ

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 24




              “เอส ฝากดูตอนต้นกับที่หนึ่งด้วยนะ” ผมที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมองตามเสียง ก่อนจะเห็นพี่ตุลย์ในชุดทักซิโด้สีดำสนิทดูเรียบร้อยผิดหูผิดตากำลังเดินออกมาจากห้องนอน

              “พี่จะไปแล้วหรอ? ผมยังไม่ได้เซ็ตเลย” ผมว่าพลางลุกเดินเข้าไปหา

              “มันก็ไม่ได้ยุ่งอะไรนี่”

              “ใส่ขนาดนี้แล้วจะไม่เซ็ตผมหน่อยหรอ? เดี๋ยวผมเซ็ตให้เอาไหม?”

              “แต่ฉันว่า...” พี่ตุลย์จับเส้นผมของตนเองเล็กน้อย แต่ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นคว้าข้อมืออีกฝ่ายลากเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

              “เดี๋ยวผมจะโชว์ฝีมือให้ดู รับรองว่าพี่หล่อเกินหน้าเจ้าบ่าวของงานแน่นอน” ผมพูดพร้อมกับหยิบกระปุกเจลแต่งผม แต่หลังจากที่ผมหมุนตัวกลับมา ก็ต้องชะงักค้าง เมื่อรู้สึกถึงร่างของใครบางคนกำลังอยู่ใกล้เกินไป ใกล้จนได้กลิ่นโคโลญ


              ใกล้จนเป็นระยะอันตราย...


              แต่ผมเกลียดอะไรที่สุดรู้ไหม?


              เกลียดที่ผมดันหวั่นไหว ทั้งๆ ที่พี่ตุลย์ไม่ได้ทำอะไรเลย...


              “เอส?”

              “หะ? เอ่อ...พี่เถิบออกไปหน่อยดิ” ผมแสร้งพูดเสียงห้วนอย่างไม่ค่อยพอใจนักพลางใช้กระปุกเจลดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง หลังจากที่ตุลย์ยอมเดินถอยออกไปแล้ว ผมก็ค่อยเปิดกระปุกเจล ควักออกมาเล็กน้อยแล้วเริ่มลงมือเซ็ตผมให้คนตรงหน้า

              “ทำออกมาดีๆ นะ”

              “รู้แล้วหน่า”

              “...นายมือสั่นนะเอส”


              ไม่ใช่แค่มือหรอก ใจผมด้วย! บอกผมดิว่าผมควรทำยังไง ถ้ามีใครคนหนึ่งมองผมอยู่ตลอดแบบนี้!


              “พี่...หลับตาได้ไหม?”

              “ทำไม?”

              “บอกให้หลับก็หลับเถอะหน่า” ผมพูดเสียงระคนหงุดหงิด แม้พี่ตุลย์จะมีสีหน้าแปลกใจสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร ยอมหลับตาลงตามที่ผมบอกแต่โดยดี


              ผม...พยายามแล้วนะ


              ตลอดเกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพยายามแล้วที่จะทำตัวเหมือนเดิม



















              ผมมองผู้ชายรูปร่างสูงสมส่วนในชุดทักซิโด้สีดำสนิทเสริมความสง่าที่กำลังบอกลาลูกของตัวเองสองคนอยู่ที่โซฟา แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างก็ยังสังเกตเห็นได้ถึงความลังเลที่จะทิ้งลูกไปในเวลาสองทุ่มเช่นนี้ จนกระทั้งที่หนึ่งต้องย้ำแล้วย้ำอีก ว่าเขากับน้องอยู่บ้านได้ เพราะผมเองก็อยู่บ้านและป้าสร้อยก็อยู่ข้างๆ หากมีอะไรเดือดร้อนก็สามารถรีบไปหาได้ทันทีอยู่แล้วนั่นแหละ พี่ตุลย์ถึงยอมที่จะลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้อง แต่ก็ไม่วายกันมากำชับกับผมที่ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างประตูห้องนอน


              “เดี๋ยวผมดูแลให้หน่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ผมย้ำ พี่ตุลย์พยักหน้าให้ผมสองสามครั้งก่อนที่เขาจะปิดประตูไม้อัดสีขาวลง และทันทีที่เขาไม่อยู่ในห้องแล้ว ผมก็ถอนหายใจออกมาทรุดตัวลงนั่งขันเข่ากับพื้นห้องตรงนั้นพร้อมกับความอึดอัดใจ


              รู้สึกแย่ยังไงไม่รู้ ที่ดันคิดว่า ช่วงเวลาที่สบายใจที่สุดของผม คือช่วงเวลาที่ไม่มีพี่ตุลย์อยู่ห้อง ทั้งๆ ที่พี่ตุลย์ก็ไม่เคยพูด ไม่เคยทำอะไรให้ผมไหวหวั่นอีกนับตั้งแต่วันนั้น มีแต่ตัวผมเองที่กลับสรรหาสารพัดให้ตัวเองหวั่นไหวไม่หยุดหย่อน


              อ๊ากกกกกกกกกกกกก!! ไอ้เอส มึงเป็นอะไรเนี่ย มึงบอกว่าจะเกรียน ฮา บ้าบอเหมือนเดิมไม่ใช่ไง? พี่ตุลย์เขายังไม่เป็นอะไรเลย เขายังปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง แล้วมึงอะ เป็นอะไร! ตอนนี้มีแค่มึงคนเดียวเลยที่ไม่เหมือนเดิม!


              มีแค่มึงคนเดียวเลย...ที่เปลี่ยนไป


              “อันธพาล เป็นอะไร?” ผมเงยหน้ามองที่หนึ่งที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ ผมเปลี่ยนจากการชันเข่ามาเป็นนั่งขัดสมาธิ ส่งยิ้มกวนๆ ให้มันเหมือนปกติราวกับในใจผมไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น

              “กำลังคิดว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีแค่ พี่ ที่หนึ่ง กับตอนต้นจะทำอะไรกันดี?”
             
              “เดี๋ยวที่หนึ่งจะไปทำการบ้าน แล้วก็ดูการ์ตูน เสร็จแล้วที่หนึ่งก็จะไปนอนแล้วละ พ่อบอกว่าให้ที่หนึ่งนอนเร็ว”

              “ถ้าพ่อบอกแบบนั้นก็ต้องทำตามนั้นละนะ งั้นที่หนึ่งก็ไปทำการบ้านไป เดี๋ยวพี่กับตอนต้นจะนั่งเล่นอยู่หน้าทีวีเนี่ยแหละ การ์ตูนมาเมื่อไหร่แล้วจะเข้าไปเรียก”

              “ได้ๆ”


              พอที่หนึ่งไปแล้ว ผมก็เดินกลับเข้าไปหยิบโน๊ตบุ๊คในห้องพี่ตุลย์ตั้งใจจะเอามาหาอะไรดูระหว่างดูตอนต้นที่หลังจากยืนคล่องแล้ว เดินเต๊าะแตะสามสี่ก้าวได้บ้างก็ชักจะซนกว่าปกติ


              “หมู มาดูหนังด้วยกันไหม?”

              “แอร๊” เด็กอ้วนที่กำลังเกาะผนักโซฟาส่งเสียง เดินเต๊าะแตะตรงมาทางผม แต่ก็ล้มลงก่อนจะได้มาถึงตัก เดือดร้อนผมต้องรีบอุ้มมันขึ้นมาเช็คหัวเช็คหางแล้วพามันมานั่งลงข้างๆ ดูหนังฝรั่งที่ผมกำลังจะเปิด นี่ถ้าไอ้ปันมาเห็นเรื่องที่ผมเปิด มันต้องพาผมไปกินยาพานอนแหงๆ ผมชอบแนวหนังบู๊ครับ แฟนตาซี ไซไฟ ไม่ถูกโฉลกกับหนังรักเลยสักนิด แต่หนังที่ผมกำลังจะดูกลับเป็นหนังรักซะอย่างนั้น ไม่รู้ดิ ผมก็แค่มีความรู้สึกว่าอยากดูเฉยๆ 


              บางที ผมอาจจะแค่อยากรู้จักสิ่งที่เรียกว่า ‘รัก’ มากขึ้นละมั้ง
















              รถฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่น 2.4 EL NAVI สีดำสนิทจอดเทียบหน้าคอนโดฯ แห่งหนึ่ง ผู้เป็นเจ้าของรถเดินลงมาพิงตัวรถพลางกดเบอร์หาคนที่ชวนตนไปงานแต่งงานของเพื่อนร่วมสำนักพิมพ์ด้วยกัน เสียงรอสายดังขึ้นอึดใจก่อนที่สายจะถูกตัดทิ้ง ไม่กี่นาทีต่อมาประตูคอนโดฯ ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กของหญิงสาวในชุดราตรีสีชมพูอ่อนยิ่งเครื่องสำอางที่เธอแต่งแต้มในคืนนี้เป็นโทนสีเดียวกันทั้งสิ้น ยิ่งทำให้เธอดูอ่อนหวานราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย


              “รอนานไหมตุลย์?” เธอส่งยิ้มให้กับคนที่ยืนรอเธอ

              “ไม่หรอก เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” เขาตอบ

              “วันนี้ตุลย์หล่อจังเลย” เธอเอ่ยปากชมเขาพลางเดินเข้าไปนั่งในราชรถสีดำสนิทโดยมีสารถีที่วันนี้เขาเองก็หล่อเหลาดูดีราวกับเจ้าชายรูปงามเป็นผู้เปิดประตูให้

              “วันนี้ลินก็สวยเหมือนกัน”

              “ขอบคุณ” เธอยิ้มหวาน และเขาเองก็ยิ้มตอบ ก่อนจะเดินอ้อมไปที่นั่งด้านคนขับ และไม่รอช้ารถสีดำก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากคอนโดฯ ตรงไปยังโรงแรมที่มีการจัดงานแต่งงานของเพื่อนร่วมสำนักพิมพ์


              โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มร้ายกาจที่เต็มไปด้วยความอยากได้อยากมีจะฉายขึ้นบนใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มมาอย่างสวยหวานของคนที่นั่งอยู่ข้างกาย!

















              ภายในห้องประชุมของโรงแรมที่ใช้จัดเป็นงานแต่งงาน กว้างขวางและเต็มไปด้วยผู้คน แต่ส่วนใหญ่ตุลย์และพลอยไพลินก็มักจะคุ้นหน้าแขกรับเชิญดีเพราะไม่พ้นเป็นเพื่อนร่วมสำนักพิมพ์แทบทั้งสิ้น หากเป็นคนที่เขาไม่คุ้นหน้าค่าตาก็ไม่ต้องเดาให้มากความ ก็คงจะเป็นแขกรับเชิญของฝ่ายเจ้าบ่าวที่ทำงานอยู่บริษัทอื่นนั่นเอง


              “โอ๊ย คู่นี้มาแย่งซีนเจ้าภาพหรอค่ะ” ในขณะที่ตุลย์กำลังเขียนอวยพรคู่บ่าวสาว ผู้หญิงในชุดสีชมพูเช่นเดียวกับคู่ของเขาในวันนี้ผู้ที่มีหน้าที่ต้อนรับแขกก็เอ่ยแซวทั้งสองขึ้นมา

              “นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานแต่งงานเพื่อนนะ จะแต่งมาให้เต็มกว่านี้อยู่”

              “ยังเต็มได้มากกว่านี้อีกหรอ?”

              “ได้มากกว่านี้อีก” พลอยไพลินพูดอย่างขำขันพร้อมกับหัวเราะเสียงหวานอย่างอารมณ์ดี เธอเพยิดหน้าไปทางชายหนุ่มที่ยังเขียนอวยพรอยู่เป็นสัญญาณบอกให้เพื่อนเริ่มทำสิ่งที่ทั้งสองได้ตกลงไว้ก่อนหน้านี้

              “นี่ตุลย์ แล้ว...เมื่อไหร่จะแต่งงานอะคะ”

              “แต่งกับใครครับ?” ตุลย์วางปากกาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าโต๊ะเขียนอวยพรบ่าวสาวและต้อนรับแขก
             
              “แหม ยังมาถามอีก ก็วันนี้ควงกับใครมาก็แต่งกับคนนั้นไงคะ”

              “ลี!” พลอยไพลินแสร้งเอ็ดเพื่อนอย่างเขินอาย โดยที่ตุลย์ผู้ที่ถูกแซวทำเพียงยิ้มให้กับอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น

              “ถ้าแต่งเมื่อไหร่ก็อย่าลืมร่อนการ์ดมาด้วยนะคะ ตั้งหน้าตั้งตารอจะไปร่วมเลยค่ะ”


              ตุลย์ยังคงยิ้ม เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับคำพูดเชิงนี้เต็มที อันที่จริงแล้วคำพูดล้อแซวแบบนี้มีมาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว แต่เพราะเขาปล่อยให้มันผ่านไปตลอดไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ แต่พอได้มีใครคนหนึ่ง...เด็กตัวแสบที่ได้เข้ามาอยู่ในชีวิต เตือนสติว่านี่คือสิ่งที่คนภายนอกเห็นจากการกระทำที่ไม่กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน เขาก็รู้สึกตัวว่าคำพูดนั้นมันน่าอึดอัดราวกับหินก้อนใหญ่ที่ถมลงมาบนตัวเพื่อให้เขาตกลงไปในหลุมอะไรสักอย่าง


              “ผมคงไม่กล้าแต่งกับลินหรอกครับ ไม่อยากจะโดนผู้ชายคนอื่นมารุมฆ่าเอาน่ะ”


              แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะพูดอย่างรักษาหน้าของอีกฝ่ายที่เป็นผู้หญิง


              “ไม่มีใครหรอกค่ะ ก็ลินกับตุลย์ออกจะประกาศตัวกันซะขนาดนั้นนิค่ะ”

              “คิดอย่างนั้นหรอครับ?” ตุลย์ยิ้ม แม้จะอยากจะพูดอธิบายสิ่งที่คนตรงหน้าเข้าใจผิด แต่มันคือการหักหน้าผู้หญิงที่มาด้วย สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงพาพลอยไพลินออกมาจากที่ตรงนั้น เดินไปหาบ่าวสาวที่ยืนต้อนรับแขกและถ่ายรูปกับผู้มาร่วมงานอยู่ที่ซุ้มหน้าประตู ทันทีที่เจ้าสาวหันมาเห็นเพื่อนของตนเอง เธอก็ไม่รอช้าที่จะดึงตุลย์และเพื่อนของเธอเข้ามาอยู่ในซุ้ม แม้ว่าพลอยไพลินกับผู้เป็นเจ้าสาวอยากจะคุยบางเรื่องด้วยกันเสียหน่อย แต่เพราะแขกที่มาอย่างไม่หยุดหย่อน หลังจากถ่ายรูปด้วยกันเสร็จเธอก็เลยทำได้เพียงแค่สื่อสารไปทางสายตาแล้วปล่อยให้ตุลย์กับพลอยไพลินเข้าด้านในของงาน

              “เห็นแบบนี้แล้วฉันอยากจะแต่งงานบ้างเลย อายุอานามไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ยังโสดอยู่อีก” เสียงหวานพูดขึ้นเมื่อเขาทั้งสองเดินไปนั่งบนโต๊ะทรงกลมที่เจ้าภาพจัดเอาไว้ให้อยู่ด้านหน้าของงาน

              “อย่างลินน่ะ หาแฟนไม่ยากอยู่แล้ว”

              “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันคงไม่โสดอยู่แบบนี้หรอกหน่า” ตุลย์เลือกจะหัวเราะแทนการพูดจาที่เขาไม่ค่อยจะถนัดสักเท่าไหร่นัก “แล้วตุลย์ละ?”

              “หื้ม?”

              “เห็นแบบนี้ แล้วไม่อยากแต่งงานบ้างหรอ?”

              “ไม่นะ อาจเพราะผมข้ามขั้นมีลูกไปแล้วละมั้ง แถมยังเป็นผู้ชายอีก ก็เลยไม่ฝันที่จะเข้างานวิวาห์กับเขาหรอก”

              “หรอ” เธอยิ้ม ก่อนจะเงยหน้ามองป้ายวิวาห์ที่ติดอยู่หน้าเวที

              ถ้างั้นเดี๋ยววันนี้เธอเนี่ยแหละ จะทำให้เขาได้แต่งงานเอง!














              ติ๊ก...ติ๊ก


              เสียงนาฬิกาดังขึ้นอยู่ในห้องขนาดกลางที่เงียบสนิท เอสเด็กหนุ่มที่มาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวเหลือบตามองเข็มนาฬิกาก่อนจะเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มสี่สิบสี่ เกือบจะห้าทุ่มแล้ว แต่เขากลับยังไม่ง่วงนอนเลยสักนิด ทั้งๆ ที่ช่วงกลางวันก็เรียนจนเหนื่อย และพรุ่งนี้ก็ยังมีเรียนตอนเช้าอีกด้วยซ้ำ


              “เฮ้อ...” เขาถอนหายใจ นึกขอบคุณตอนต้นกับที่หนึ่งที่เข้านอนเร็วกว่าปกติทิ้งเขาเอาไว้ให้อยู่คนเดียวกับอารมณ์และจิตใจที่กำลังสับสนจนแทบจะหาทางออกไม่เจอ


              เสียงพูดคุยในหนังเรื่องที่สองยังดังอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็เบื่อหน่ายจนต้องกดปิดมันลง เปลี่ยนหน้าจอยูทูปขึ้น นิ้วเรียวจ่ออยู่ที่แป้นพิมพ์ ก่อนที่ ‘ท’ จะถูกพิมพ์เป็นตัวแรกจนกลายเป็นคำว่า ‘ที่’ ในที่สุด


              ‘ที่-คิด-ถึง-เพราะ-รัก-เธอ-ใช่-ไหม’


              Enter 














              บรรยากาศที่อบอวนไปด้วยความรักจบลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แม้จะเป็นงานวิวาห์ที่จัดเพียงไม่นานแต่ก็เต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะ รอยยิ้มและคราบน้ำตาแห่งความดีใจของคนสองคนที่กำลังได้เริ่มต้นเขียนบทนิยายความรักตอนใหม่


              ช่วงเวลาห้าทุ่มครึ่ง แขกทั้งหลายเริ่มทยอยออกจากงานโดยมีบ่าวสาวเจ้าภาพกล่าวขอบคุณอยู่หน้าประตู อันที่จริง ‘ตุลา’หรือ ‘ตุลย์’ ก็ควรจะเป็นหนึ่งในแขกที่ได้กลับบ้านไปหาลูกชายทั้งหลายของตัวเองเช่นกัน แต่เขากลับโดนพลอยไพลินและกลุ่มเพื่อนของเธอรั้งตัวเอาไว้เสียก่อนเพื่อร่วม After partyเช่นเดียวกับคนอีกประมาณห้าสิบคนซึ่งล้วนเป็นผู้ร่วมงานในสำนักพิมพ์เดียวกันแทบทั้งสิ้น


              “ขอโทษที่ให้รอ คลับที่จองไว้อยู่ชั้นใต้ดินของโรงแรมนะคะทุกคน วันนี้ฉันกับหนุ่มใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่อวันนี้เลยนะ ต้องฉลองกันให้เต็มที่!” เสียงอารมณ์ดีของผู้เป็นเจ้าสาวดังปลุกระดมคนที่ยังเหลืออยู่ ก่อนที่เธอจะเดินนำหน้าสามีหมาดๆ และคนอื่นๆ ไปยังคลับชั้นใต้ดินของโรงแรม

              “ลิน ผมไม่ไปได้ไหม?” ตุลย์กระซิบบอกกับคนที่เดินรั้งท้ายอยู่ข้างๆ

              “ไปเถอะนะ วันนี้มันมีแค่วันเดียวนะ ตุลย์น่าจะพักผ่อนสักวันนะ”

              “แต่ว่าลูกผม...”

              “ตอนนี้เด็กๆ คงเข้านอนหมดแล้วล่ะ ตุลย์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ แถมเอสก็น่าจะอยู่ที่ห้องด้วยไม่ใช่หรอ?”

              “มันก็ใช่”

              “ถ้างั้นก็ไม่ต้องกังวลแล้วแหละ นะ ไปฉลองด้วยกันเถอะ แค่ไม่กี่ชั่วโมง ตุลย์ก็ได้กลับบ้านแล้วละ” เธอบอกก่อนจะควงแขนอีกฝ่ายพากึ่งเดินกึ่งลากแทบจะแซงคนนำไปยังคลับชั้นใต้ดินอย่างเร่งรีบ


              ใช่สิ เธอจะให้ผู้ชายที่หมายปองกลับไปก่อนได้ไง เมื่อสิ่งที่เธอวางแผนไว้กับเพื่อนของเธอก็คือช่วงเวลานี้!











ต่ออีกหนึ่งกระทู้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด