!!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: !!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!  (อ่าน 417971 ครั้ง)

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไอ้เอสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

ออฟไลน์ New_Tai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
สงสาสพี่ตุลย์อ่ะ
เอสนี่ทำซวยตลอดดดดดดด!! 555+

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
คุณพ่อลูกสองดวงตกนะค่ะ ต้องไปทำบุญด่วน ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 6






             ผมอึ้งแดก ไอ้ตาลุงตุลย์งงแดก ส่วนไอ้นักกล้ามขนาดเท่าหัวผมสองคนกำลังจะไปแดก ผมอ้าปากพะงาบๆ พอเป็นคนที่รู้จักขึ้นมาความรู้สึกผิดบาปผมนี่พุ่งปรี๊ดจนผมชี้ พอไอ้คนที่มันกักตัวผมผละออก ผมรีบวิ่งหน้าตั้งแซงพวกมันไปคว้าข้อมือของคนดวงซวยแล้วรีบพาวิ่งทันที!


             “ฮะ เฮ้ย! อะไรเนี่ย” คนที่โดนผมลากตะโกนเสียงหลงขึ้นมา พอไอ้นักกล้ามสองคนนั้นเห็นผมวิ่งหนี มันก็คงเดาได้แล้วว่าเรื่องที่ผมพูดไปเป็นเรื่องโกหก ทั้งมันทั้งผมใส่เกียร์หมาแทบจะเห็นขาที่วิ่งเป็นวงกลม ฝุ่นตลบ หัวที่ต่างคนต่างเซ็ตมาตั้งชี้ฟูโดยไม่ต้องพึ่งฟีโน่มาก่อนหน้านี้!

             “อย่าเพิ่งถาม วิ่งก่อน!”

             “นี่มันเรื่องอะไรอีกวะเนี่ย นายหาเรื่องซวยให้ฉันอีกแล้วใช่ไหม!” เสียงเข้มของคนที่วิ่งตามแรงลากของผมถูกกดต่ำจนผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แต่ไอ้นักกล้ามที่วิ่งตามมาเหมือนจะกระโจนมาเหยียบผมนั่นน่ากลัวกว่าจึงยังต้องหนีก่อน


             วิ่งไป พูดไปมันเหนื่อยเว๊ย! วิ่งก่อน ตอบทีหลัง


             “ไอ้เหี้ยเอสสส มึง! คิดว่าจะหนีกูพ้นหรอ!” ไอ้กล้ามปูแฟนน้ำตาลตะโกนกวดอยู่ด้านหลัง


             ไม่พ้น ก็ต้องพ้นแหละงานนี้ มหา’ลัยก็ยังไม่ได้เรียน แต่งงานก็ยังไม่ได้แต่ง ยังไม่มีลูก ยังไม่มีหลาน ยังไม่มีเหลน กูจะไม่ยอมตายเด็ดขาดดดด~ อ่านปากน้องเอสนะคะ ไม่-เด็ด-ขาด!


             ผมหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่พวกมัน พอเห็นสายตาที่ไฟลุกโชน เพิ่มความเร็วจนแทบจะกระโดดกอดคอได้ ผมก็รู้ตัวว่าคิดผิดแท้ๆ ที่ไปยังกวนตีนใส่พวกมันอีก โอ๊ยย ไอ้ตัวกระผมก็ไม่ออกกำลังกายเข้าฟิตเนสบ่อย ไม่กินเวย์เป็นอาหารหลักด้วยจะเอาอะไรไปสู้กับพวกม๊านน ไอ้พวกนั่นกำลังจะเข้าสู่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วครับ ส่วนผมกำลังจะถอยหลังลงเหลือ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล๊วววว


             “นายหางานให้ฉันอีกแล้วสินะ...” ไอ้คนที่วิ่งตามแรงลากผมก็พูดเสียงเซ็งเหมือนไม่ทุกข์หนาวทุกข์ร้อนอะไร

             “ก็แบบ แฮ่กๆๆ กลัวพี่ชาย แฮ่กๆ ว่างไงครับ”

             “...” เขาเงียบ หันไปมองไอ้กล้ามปูสองคนที่ตามหลังมาแล้วถอนหายใจ “ไม่ได้วัดนิดเข้าวัดหน่อยทำไมถึงได้มีเจ้ากรรมนายเวรมาจองล้างจองผลาญขนาดนี้” ว่าแล้วจากฝีเท้าที่เหมือนจะวิ่งเหยาะตามผมก็เร่งสปีดมากขึ้นจนกลายเป็นผมเองที่ถูกลากซะงั้น


             เราทั้งสี่วิ่งไล่จับกันอยู่สักพักใหญ่ จนรู้สึกถึงเหงื่อที่ไหลโทรมไปทั่วร่างกับความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อที่ปวดตุ๊บร้องประท้วง ผมชักจะเหนื่อย คิดว่าปล่อยให้พวกมันต่อยซะให้พอแล้วไปพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลน่าจะดี แต่ไอ้คนที่ (เปลี่ยนมา) ลากผมดูเหมือนจะไม่ยอมตายใต้ดงตีน ก็เลยยังวิ่งหน้าตั้งอยู่เหมือนเดิม


             แหม ว่าแล้วก็นึกถึงตอนแรกที่เจอกันเลย ฝีเท้านี่เร็วแบบนี้แหละ ถามจริง ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นโจรปะหรืออะไร?


             พรึ่บ!


             “เหวออ~” ผมร้องเสียงหลงเมื่อคนที่ลากผมเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน ทางที่เขาพาผมเข้ามา...อย่าเรียกว่าทางเลย เรียกว่าซอกเถอะ ซอกจริงๆ ครับ เพราะมันเล็กมันจนต้องเบี่ยงข้างวิ่งแบบปูไปในซอกนั้น เล็กแบบอกกับท้องนี่ชิดตึกทั้งคู่อะครับ!

             “เหี้ยเอ๊ย! แม่ง เข้าไม่ได้ว่ะ ไปทางนู่นแล้วหาทางไปอีกซอยนึง!” แฟนของน้ำตาลสบถ ก่อนที่จะหันไปสั่งเพื่อนแล้ววิ่งไปอีกทาง ผมยิ้มกระหย่องในใจที่ตัวมันใหญ่เกินกว่าจะเข้ามาในซอกเล็กๆ นี่ได้

             “มาเร็วๆ ดิ้” ไอ้คนที่นำผมเร่ง “รีบออกมาแล้วจะได้วิ่งออกไปที่ถนนใหญ่ ทางที่กำลังจะทะลุไปเป็นที่ระหว่างซอยสองซอยไอ้พวกมันคงหัวหมุนหาไม่เจอไปสักพัก

             “รู้ที่รู้ทางโคตรดีเลยพี่”

             “ก็นี่มันทางลัดที่ฉันไปที่ทำงานทุกวัน ไม่รู้สิบ้าแล้ว!” หลังจากที่หลุดออกมาจากซอกตึกได้พวกเราก็พากันวิ่งต่อไปจนถึงถนนใหญ่ ระหว่างทางวิ่งผมแอบเห็นแฟนน้ำตาลกับเพื่อนผ่านซอกอาคารพาณิชย์ด้วย ท่าทางมันคงเอาจริงแล้วไม่จบแค่นี้


             ซวยอะไรของกูเนี่ย ไปจีบคนมีแฟนไม่พอ เสือกมีแฟนเป็นเดอะฮัคอีก!


             “เวรเอ๊ย เข้างานสายจนได้” หลังจากที่พักหอบหายใจอยู่ตามฟุตบาทข้างถนนใหญ่ ตาแก่ตุลย์ก็บ่นขึ้นมาทันที

             “ถึงจะไม่สายแต่พี่ชายไปทำงานสภาพนี้ไม่ได้หรอก คือมันเหี้ยมากอะครับ” ผมมองตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายนิ้วเท้า สภาพพี่แกแบบเสื้อเชิ้ตที่ใส่มาคือชุ่มเหงื่อไปหมด สูทที่พาดไว้ที่แขนก่อนหน้านี้ก็เปรอะสีขาวๆ จากการที่ต้องเดินผ่านช่องแคบเมื่อครู่ สภาพหน้า สภาพผมคือพังยับ ไม่ต่างกับผมเช่นกัน

             “มันใช่ความผิดฉันไหมละ?”


             ชะอุ้ย


             ผมก้มหน้า


             “แบบว่า...ผมไม่ตั้งใจอะ ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ชาย...” หูตูบ คอตก หางร่วง

             “เฮ้อ ช่างมัน มันก็เป็นแบบนี้แล้ว ดีนะเพิ่งปิดรอบวางแผน เลยไม่ค่อยมีงานเท่าไหร่ เดี๋ยวโทรลาหยุดเอาก็ได้” คนที่อายุมากกว่าพูดเสียงห้วนระคนเซ็งนิดๆ กับสถานการณ์ที่เจอ นั่นยิ่งทำให้ผมต้องรู้สึกผิดกว่าเดิม


             คือถ้าผมไม่รีบคว้าตัวเขาวิ่งให้เร็วกว่านี้ ก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แหละครับ ไม่เขาคนเดียวก็ผมด้วยได้นอนตายอยู่แทบเท้าไอ้พวกนั้นแล้ว


             “ขอโทษนะครับ” ผมพูดเสียงอ่อน

             “จะบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่ได้ เพราะมันเป็น แต่ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็ตั้งใจจะมาหานายอยู่แล้ว ถึงจะเจอกันในสถานการณ์ที่แบบเกินคาดไปหน่อยก็เถอะ แล้วนี่นายได้เอาของมาคืนไหม?”

             “เอามา” ผมพยักหน้า เมื่อวานก่อนกลับบ้านไอ้ปัน ผมนัดเจอเขาเอาไว้หลังเลิกงานที่เซเว่นตั้งใจจะเอากางเกงกับเงินค่าแท็กซี่ไปคืน “แต่...ของมันอยู่ในล็อคเกอร์ที่เซเว่นอะดิพี่ชาย” ผมพูดอู้อี้ไม่เต็มคำสักเท่าไหร่

             “แล้ว?”

             “ไอ้พวกนั้นต้องไปดักรอผมอยู่ที่เซเว่นแน่เลยอะ ไม่กล้ากลับไปทำงานต่อ”

             “โอ๊ย ให้ตาย แล้วนี่คราวนี้อะไรอีกละ ถึงเกือบได้โดนต่อยเอาแบบนั้น”

             “คือเขาหาว่าผมจีบแฟนเขาอะ แต่ผมไม่รู้ไงว่ามีแฟนแล้ว ถ้ารู้ว่ามีผมจะจีบไหมละ”

             “...ปัญหาบ้าบอชะมัด” เขาพูดน้ำเสียงระอา “แต่ก็เป็นปัญหาที่วัยรุ่นโดนฆ่าบ่อยละนะ”

             “นี่ไม่ได้ขู่ชะ?”

             “ขู่อะไร? แล้วจะเอาไงถ้างั้น”

             “พี่ชายจะไปไหนต่ออะ เห็นบอกว่าจะลางาน”

             “ก็กลับบ้านดิ”

             “กลับด้วยดิ”

             “ก็กลับบ้านตัวเองดิ”

             “เออจริง งั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วพอพวกมันไปแล้ว ผมจะเอาของจากล็อคเกอร์แล้วเอาไปคืนให้แล้วกัน”

             “อือ”


             พอตกลงกันได้แล้วเราต่างคนต่างก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ผมเลือกใช้ทางที่ผ่านเซเว่นที่ผมทำงานในทางกลับบ้านก่อนจะเห็นว่าไอ้นักกล้ามคนนึงอยู่แถวๆ หน้าเซเว่น ส่วนอีกคนก็น่าจะอยู่ด้านหลังตามที่ผมคาด ถอนหายใจอยู่บนรถเมล์อย่างเหนื่อยหน่ายกับปัญหาบ้าบอจุบจิบที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอ


             ผมจ่ายเงินให้กับมอไซค์ที่ต่อเข้ามาถึงหน้าบ้านของไอ้ปัน แต่บ้านของมันปิดเงียบเชียบจนผมใจไม่ดี พอเลื่อนสายตามองไปที่ประตูรั้วหน้าบ้านก็เห็นว่าถูกล็อคเอาไว้เป็นการบ่งบอกชัดเจนว่าคนในบ้านไม่อยู่สักคน จะโทรหาไอ้ปันก็ไม่ได้เพราะมือถือผมก็อยู่ในล็อคเกอร์ที่เซเว่นด้วย


             ไปไหนของมึงเนี่ยยย เก้าโมงเช้า ยังเวลานอนของมึงอยู่ไม่ใช่หรือไงไอ้ฝัด!


             ผมเท้าเอว


             “เอาไงดีวะ...” ผมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา จะรอหน้าบ้านอยู่แบบนี้ก็ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะมา กว่าจะไปที่ร้านหมูกระทะเฮียเปียวก็ห้าโมงเย็น กลับไปทำงานต่อก็ไม่ได้ จะไปเดินห้างฯ ฆ่าเวลาลูกเหรียญที่ผมแบ่งใส่ในกระเป๋ากางเกงไว้ก็ไม่พอค่ารถ

              “อื้ม...”














             ผมเงยหน้ามองป้ายเลขห้อง ‘B8002’ อีกครั้ง คราวนี้ผมไม่ลังเลเท่าไหร่ เพราะมาพึ่งใบบุญล้วนๆ เลยจัด เคาะประตูห้าครั้งซ้อน


             แอ๊ด...


             “นาย..”

             “แหะๆ ขอแวะมาอยู่ห้องนี้แป๊บนึงก่อนถึงเวลางานตอนห้าโมงเย็นได้เปล่าคร๊าบบ” ผมส่งสายตาปริบๆ เหมือนลูกหมาหลงทาง แววตาเว้าวอนชนิดที่ว่าไม่ช่วยเหลือนี่ ผมจะสาปแช่งและโพสลงเฟสบุ๊คประจาน

             “เข้ามาสิ” แต่คุณเจ้าของห้องสุดหล่อ (สรรพนามเปลี่ยนไปตามการใช้สอย) ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง “ตอนนี้ที่หนึ่งไม่อยู่หรอก อยู่โรงเรียน มีแต่ตอนต้นกับฉัน”

             “อ๋อครับ” ผมเดินเข้าไปข้างในห้องที่จะบอกว่าคุ้นเคยแล้วก็ไม่เชิง พอไม่มีไอ้เด็กที่หนึ่งให้ทะเลาะด้วย ผมก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก เลือกที่จะนั่งนิ่งๆ อยู่บนโซฟา ดูสารคดีสัตว์โลกที่เจ้าของเปิดทิ้งเอาไว้ แต่ผมก็ลืมไงว่าห้องนี้มันมีเด็ก! มันเงียบได้ไม่นานครับ สักพักเสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นมาจนผมสะดุ้ง ก้มหน้ามองตามเสียงนั่นก่อนจะเห็นว่าไอ้เด็กตอนต้นมันนั่งมองหน้าผมอยู่ที่พื้นแล้วร้องไห้เสียงดัง


             อะไรของเมิงงงง!


             “พี่ชาย ไอ้เด็กนี่มันร้องทำไมเนี่ยยย” ผมแหกปากบอกคนที่ทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัวซ้ำยังชี้นิ้วฟ้องตัวผู้ร้ายเสร็จสรรพ

             “ไม่มีอะไรหรอก หิวเฉยๆ ช่วยเล่นกับตอนต้นหน่อยสิ ฉันกำลังทำอาหารให้อยู่”

             “เล่นกับไอ้เด็กอ้วนนี่เนี่ยนะ!” ผมชี้ พอหันไปหามันก็เห็นว่ามันหยุดร้องแล้วทำหน้าเอ๋อๆ ตาแดงๆ ใส่ผมแทน แล้วตัวมันก็เอนไปเอนมาเหมือนพวกทรงตัวไม่ได้ ไอ้นี่ ชาติที่แล้วเกิดเป็นตุ๊กตาล้มลุกไง อยู่นิ่งๆ! ดิ๊

             “ก็แค่อุ้ม มันยากตรงไหนเนี่ย” แหม ไอ้คุณพ่อตุลย์ ตรงอุ้มเนี่ยแหละที่แม่งยาก จะไปรู้ไหมว่ากระดูกอะไรต่อกับอะไรแล้วหรือยัง เสือกจับไปคอหักกูทำไงอะ!

             “ผมไม่เคยอุ้มเด็ก!”

             “ก็ลองอุ้มดูสิ”

             “แล้วถ้ามันตายอะ”

             “นายก็จะตายตามลูกฉันไง”

             “ไม่อ๊าวววว โน ไม่! ผมจะไม่แตะต้องไอ้เด็กอ้วนนี่เด็ดขาด” ผมพูดเสียงหนักแน่นดึงขาทั้งสองข้างขึ้นมานั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟา แต่! มันครับ ไอ้เด็กอ้วนนั่นมันลุกเว้ยเฮ้ย มันยึดกับเบาะโซฟาครับแล้วก็ยืนขึ้น ดูเหมือนว่าแค่อยู่ในวัยแค่ยืนได้ เลยแค่ยืนจ้องหน้าผมอยู่แบบนั้น


             ไม่ต้องมองกูเลย กูเกลียดมึง รอมึงโตก่อนอายุ 14 แล้วกูจะมาเล่นด้วย!


             “พี่ชายเมื่อไหร่จะทำเสร็จเนี่ย ลูกพี่น่ากลัวมากอะ”

             “น่ากลัวอะไร นั่นลูกคนไม่ใช่ลูกเอเลี่ยนสักหน่อย” เจ้าของห้องพูดเสียงดุใส่ผม เสียงอะไรบางอย่างลงไปในกระทะที่ร้อนจัดดังฉู่ฉี่ และกลิ่นหอมๆ ของไข่ก็ลอยมาจนผมเผลอกลืนน้ำลาย “ถ้านายไม่กล้าอุ้มตอนต้นก็ดูเอาไว้ อย่าให้ล้ม อย่าให้สะดุด อย่าให้เผลอกลืนอะไรลงไปเข้าใจไหม?”

             “แค่ดูมันก็พอใช่ไหม?”

             “อือ”

             “ก็พอได้” ว่าเสร็จผมก็ใช้สายตาจับจ้องตรงไปที่มัน จ้อง จ้องและจ้องชนิดที่ว่าไม่ให้ขาดตกบกพร่งต่อหน้าที่


             ...


             ชิบหาย ตาแห้ง


             “ตอนต้นข้าวเช้ามาแล้วลูก” ไอ้คุณพ่อตุลย์เดินถือถ้วยขนาดกลางเข้ามาหาลูกชายคนเล็กที่ยังยืนจ้องผมอยู่ คนเป็นพ่ออุ้มเจ้าตัวอ้วนนั่นใส่เก้าอี้ทานข้าวขนาดย่อมเยาว์ที่ยกติดมือมาด้วย แล้วเอาถ้วยวางไว้ตรงหน้า


             กลิ่นหอมๆ ของไข่กวนใส่ชีส แฮมและเห็ดไม่ได้อยู่ในความสนใจของเด็กอ้วนตอนต้นนั่นเท่าไหร่ แต่อยู่ในความสนใจของผมทีไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าแบบเต็มๆ แอบสูดฟุดฟิดหวังให้กลิ่นหอมๆ ของมันเข้าอยู่ในกระเพาะของผมบ้าง


             ผมนั่งมองคุณพ่อตุลย์ป้อนข้าวลูกชายคนเล็กอยู่เงียบๆ อยู่บนโซฟาพลางกลืนน้ำลายลงคอ เวลาเห็นไอ้เด็กนั่นเบี่ยงหน้าเล่นตัวไม่กินก็อยากจะกระโจนงับช้อนนั้นแทน


             กูอยากกินครับ กูอยากกิน ฮืออออ


             ครืด...


             ผมได้ยินเสียงบางอย่างจากท้องของผม พอเสียงมาปุ๊บ อาการบิดมวนของผมก็มาได้ ความหิวที่มีอยู่เดิมเพิ่มดีกรีขึ้นอย่างหนักจนรู้ตัวอีกทีผมก็ลงจากโซฟานั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เก้าอี้ทานข้าวของไอ้เด็กอ้วนตอนต้นไปแล้ว


             “อะไร?” ไอ้คุณพ่อพอเห็นผมก็ขมวดคิ้วใส่ มือที่กำลังจะป้อนไข่กวนก็เป็นอันชะงักไปด้วย

             “คุณพ่อครับ” ผมทำตาปริบๆ ที่เคยใช้มานับครั้งไม่ถ้วน “ขอกินบ้างดิคร๊าบบ” ผมทำปากสั่นอย่างเว้าวอนที่สุด หวังให้คุณเจ้าของห้องสุดหล่อเห็นใจผมอีกสักครั้งแล้วตักไข่กวนนั้นเข้าปากผมที

             “ไม่”


             เพล้ง! ใจสลาย


             “ผมหิวอะะะะะ!”

             “โน่น เข้าครัวไปทำเอง” อีกฝ่ายไล่ ไม่สนใจท่าทางที่กำลังจะลงไปดิ้นอยู่บนพื้นของผม ส่ายหัวอย่างระอา พลางป้อนข้าวตอนต้นไปด้วย ไอ้เด็กนั่นตอนแรกๆ ก็เล่นตัวครับ กินบ้างไม่กินบ้าง พอเห็นกูอยากกินบ้าง แดกแม่งทุกคำเลยนะมึง!

             “กระผมทำเป็นแต่ไข่ดาวที่ไหม้เกรียม กับไข่เจียวที่ออกมาเป็นสีดำสนิท กระผมเองก็ยังอายุน้อย มันสมควรแล้วหรอครับที่จะให้เชื้อมะเร็งมาเข้าร่างของกระผมตอนนี้ ฮึก” ผมทำเสียงสะอื้นแถมให้ด้วยตอนท้ายเพื่อให้ดูน่าสงสาร

             “ฉันซื้อไข่ไว้เยอะ ใช้ทำได้เต็มที่ ทำสักร้อยครั้งเดี๋ยวก็ออกมากินได้เองแหละ”


             อื้อหือ หวงฝีมือไว้ให้เมียไง๊!?


             “วันนี้ผมคงมีแววอดตาย ผมทำอาหารได้โหลยโท่ย เผลอๆ อาจทำครัวพัง ห้องนี้ไหม้ จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน หรือไม่ผมก็ทำจานแตก ทำไข่ที่พี่ชายซื้อตุนไว้หมดเกลี้ยง จนลูกพี่ชายไม่มีอะไรจะกิน ต้องหิวท้องไส้กิ่ว หรือไม่ผมก็...”

             “จะให้กินคำนึงแล้วหุบปากซะ เดี๋ยวป้อนข้าวตอนต้นเสร็จ จะทำให้กิน” อาจเพราะความรำคาญผมที่ชักแม่น้ำทั้งห้าหกเจ็ดแปดเก้าสิบสายเลยสรุปตัดปัญหา ผมนี่ยิ้มแก้มแทบแยก ด้วยความดีใจไปกับกระเพาะอาหารกระโจมโถมตัวใส่ไอ้คุณพ่อตุลย์เต็มแรงจนเซ ไข่กวนที่อยู่ในช้อนเกือบจะหกลงกับพื้น “ไอ้นี่!”

             “ง่า อย่าดุเขา” ผมผละออกมาช้าๆ แล้วยิ้มแผ่อารมณ์ดี

             “ไปเอาช้อนมา กินช้อนเดียวกับเด็กไม่ได้”

             “ครับๆ” ผมเดินเข้าไปในครัว มองหาช้อน พอเห็นแล้วก็รีบหยิบแล้ววิ่งกลับมาที่เดิม “อะ ช้อน” ไอ้คุณพ่อตุลย์รับช้อนจากมือผม ตักไข่กวนในถ้วยขนาดกลางเล็กน้อยก่อนจะมาจ่อให้ที่ตรงปาก

             “ไม่มีแบบ ไอ้นั่นบ้างหรอ แบบ เครื่องบินมาแล้วว~”

             “คิดว่าตัวเองกี่ขวบ” อีกฝ่ายเลิกคิ้วตีหน้ายุ่งใส่

             “ก็อยากย้อนวัยอะไรบ้างเฉยๆ” ผมหัวเราะร่วน อ้าปากงับไข่กวนที่ถูกยื่นมาจ่อให้ตรงหน้า

             “ได้กินแล้วก็ไปนั่งรอนิ่งๆ ไป”

             “อะเค อย่าลืมทำอะไรให้ผมกินด้วยนะ จะอยู่นิ่งๆ แล้ว ไม่ดื้อ~”













             หลังจากที่ป้อนข้าวเช้าให้ไอ้เด็กอ้วนตอนต้นเสร็จ ผมก็ต้องมานั่งจับตาดูมันต่อบนโซฟา ตามคำสั่งของไอ้คุณพ่อตุลย์ที่กำลังเข้าครัวไปอีกรอบ ไม่นานนักกลิ่นหอมของๆ ไข่กวนก็ลอยมาปะทะจมูกพร้อมกับถ้วยไข่ขนาดใหญ่ที่อีกฝ่ายถือมา


             “เอาโต๊ะญี่ปุ่นข้างทีวีอะ กางเข้า แล้วก็ไปเอาข้าวสวยที่อยู่ที่เคาเตอร์มาด้วย”

             “ครับๆ” ผมรีบกุลีกุจอทำตามคำสั่งพวกนั้นอย่างรวดเร็ว


             ทันทีที่ผมวางจานข้าวเปล่าทั้งสองแล้วก็รีบนั่งเตรียมพร้อมกับการกินมื้อเช้า แต่ขณะที่ผมกำลังจะตักคำแรกเข้าปากแขนของผมก็ถูกมือมารเล็กป้อมๆ คว้าเอาไว้ ผมเลื่อนสายตาไปมองมันแล้วส่งสายตาเชือดเฉือนดัง ‘ชิ้ง’ ไปเฉือดคอมัน


             คือมึงอิ่มแล้วไง แต่กูยังไง อย่ามากวน เดี๋ยวก็เตะโด่งออกไปนอกห้องเลยนี่! สายโหดนะเว๊ย!


             “ตอนต้นมาหาพ่อนี่มา” ไอ้เด็กนั่นหันมองตามเสียงของคุณพ่อตุลย์ ท่าทางลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมคลานเต๊าะแต๊ะกลับไปอยู่ในอ้อมแขนของพ่อ และนั่นก็ทำให้ผมกับคนอีกคนได้เริ่มกินข้าวกันสักที

             “10 โมง...” ขณะที่ผมกำลังจะตักคำที่สองใส่ปาก สายตาเหลือบเห็นนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างฝา เวลาที่บ่งชี้อยู่นั่นทำให้ผมชะงักเหมือนตั้งนาฬิกาเตือนในตัวเองเอาไว้


             10 โมง...


             “เฮ้ย!” ผมร้อง

             “อะไรอีก? นายนี่วุ่นวายจริง”

             “ขอยืมคอมหน่อยฯ! มือถือก็ได้ อะไรก็ได้ที่ต่อเน็ตได้อะ!” ผมลุกขึ้นพรวดยืนทันทีด้วยความตื่นเต้นเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผมเฝ้ารอมาหลายต่อหลายวัน! “วันนี้ประกาศผลแอดมิชชั่น!”

             “อา ถ้างั้นเอามือถือฉันก็ได้ วางไว้แถวๆ โซฟาแหละหาดู” สิ้นคำผมก็พลิกตัวหามือถือที่ว่านั่นทันที ไม่ช้าไม่นานผมก็เจอกับโทรศัพท์เครื่องหรู แต่การตื่นเต้นที่ได้จับไอโฟนตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสารบบความคิดของผมเลยแม้แต่น้อย รีบกดๆ จิ้มๆ จึ้กๆ เข้าดูผลประกาศแอดมิชชั่นอย่างรวดเร็ว


             จะได้เรียนต่อ หรือจบสิ้นนั่งทำงานแล้วรอแอดปีหน้า!


             ตึกตัก...


             ตื่นเต้นกว่าตอนขอคบกับแฟนคนแรกอีก!


             ‘นาย อชิร โรจนรัตติกร’


             ผมเลื่อนลงช้าๆ มาที่มหาวิทยาลัย...


             “เยท!!” ผมร้องดังลั่นห้อง จนคนที่กำลังกินข้าวไปหยอกล้อกับลูกไปสะดุ้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเลยสักนิด ก้มมองดูมือถืออีกรอบอ่านชื่อของตัวเองและมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ผมทำได้! พ่อ แม่! ผมทำได้! ผมได้เข้ามหาวิทยาลัยที่เลือกเอาไว้อันดับหนึ่ง!


             มหาวิทยาลัยsss คณะพาณิชย์และบัญชี สาขา การเงิน โอ๊ย เหมือนได้กลิ่นเงิน เงิน เงิน เงิน! ของชอบของผมเอง~ อยากกรี๊ดครับ อยากกรี๊ดงานนี้ อยากสวมวิญญาณกระเทยแล้วกรี๊ดให้สมกับความดีใจ ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจไว้เลยนะเว๊ย น่าดีใจปะ ดีใจกับผมหน่อยสิครับ ฮิ้วววววววววววววววววว!!


             ผมยิ้มหน้าบานไม่หุบ กดจิ้มตึ๊กๆ ที่ไอโฟนเครื่องหรูนั่นอีกหลายต่อหลายครั้ง รีบหาข้อมูล วันสัมภาษณ์ วันจองหอ วันเข้าหอ และนู่นนี่เสร็จสรรพ ผมศึกษามาแล้วครับโชคดีที่คณะนี้ของมหาวิทยาลัยนี้ค่าเทอมไม่ได้แพงสักเท่าไหร่ ผมก็เลยโล่งใจไปหน่อย


             ‘ภาระค่าใช้จ่ายของคณะพาณิชย์และบัญชี มหาวิทยาลัยsss’


             พอเห็นหัวข้อผมก็ไม่รอช้าคลิกเข้าไปดูทันที เลื่อนดูหาสาขาของตัวเองก่อนจะยืนอ่านมันด้วยหัวใจที่เป็นสุข มีที่เรียนแล้วเว๊ย เป็นเด็กมหาวิทยาลัยแล้วเว๊ย! อนาคตอันลุกโลด ตั้งใจเรียนอีกสี่ปี ก็ไม่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแบบนี้แล้ว!


             ‘ถ้าเป็นหอสวัสดิการ จะมีให้ชำระ 6 เดือนกับ 1 ปี แต่ต้องจ่ายล่วงหน้า มีห้องพัดลม ห้องแอร์ และการ์เด้น เงินที่เสียส่วนนี้จะประมาณ 20,000- 30,000 โดยประมาณแล้วแต่ห้อง แต่ถ้าเป็นหอใน เดือนละ 300 เลือกได้ชำระ 6 เดือนหรือเป็นปี’


             แน่นอนอย่างผม วิถีคนจริง หอในอยู่แล้วครับ ก็ 1,800 บาทละนะ แต่ค่านี้ผมดูมานานแล้ว


             ‘ค่าเทอมจะอยู่ที่ 18,000 บาทชำระในวันรายงานตัว พอเปิดเทอมก็อาจจะมีค่าเก็บนิดหน่อยครับสัพเพเรหะของกิจกรรมและแต่ทางคณะก็จะประมาณอยู่ 500 บาท’


             ค่าเทอม 18,000 อื้ม...


             ...


             ค่าเทอม 18,000!


           

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
              ผมเบิกตากว้าง จำได้ว่าตอนที่ผมดูก่อนหน้านี้ มันยังไม่ถึงหมื่นเลยไม่ใช่หรือไงวะ! ผมรีบเปิดหน้าบราวเซอร์หาเว็บที่ผมดูครั้งนั้นทันทีเพื่อจะเอาเช็คให้แน่ใจว่าใครที่ถูกหรือผิด! 18,000 นี่มึงกะจะเก็บแล้วไปสร้างตึกต่อเลยใช่ไหมม คณะนี้มันต้องเสียอะไรนักหนาวะ ถึงต้องจ่ายแพงแบบนี้เนี่ย!


             ผมเลื่อนหาได้สักพักก็เจอเว็บที่ผมเข้าไปดูก่อนหน้า ไม่รอช้ารีบกดเข้าไปทันที อ่านเนื้อหาข้างในสองสามรอบก็เห็นว่าค่าเทอมไม่ได้แพงแบบนั้น! แต่ขณะที่ผมกำลังจะปิดสายตาเหลือบไปเห็นวันที่ที่ลงเขียนไว้


             2549...


             เชี่ย! ข้อมูลเก่า โอ๊ยยย ไอ้เอส โง่บรม เกิดมาไม่เคยอยากด่าตัวเองแบบนี้มาก่อน!


             18,000 ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ สำหรับผมนะครับ ไหนจะค่าหอ ค่าชุดนักศึกษา ค่าจิปาถะอื่นๆ ก็ประมาณสองหมื่นกว่าๆ แล้วผมต้องจ่ายทั้งหมดนี่ภายในหนึ่งเดือนหลังสอบประกาศผลสอบสัมภาษณ์อีกที ถึงผมจะไม่ใช้ตังเลยสักบาททั้งเดือน ก็หาเงินได้แค่ 15,000 เท่านั้นแหละครับ! แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วยที่ผมจะไม่ใช้เงินเลย ทุกวันนี้ผมทำงานสองที่ตั้งแต่ตีห้าถึงสี่ทุ่มไม่ก็เจ็ดโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม ถ้าทำงานอีกที่ผมก็อาจจะพอไว้แต่ผมนอนได้แค่วันละชั่วโมง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แล้วถ้าทำงานที่สามน้อยกว่า 8 ชั่วโมงก็ไม่มีทางหาเงินได้พออีกเหมือนกัน!


             ผมค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงที่พื้นอีกครั้ง ยื่นโทรศัพท์คืนให้กับผู้เป็นเจ้าของ นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างใช้ความคิด


             หรือผมจะขอยืมเงินป้าก่อน?


             แต่ถ้ายืมจำนวนเงินก็ไม่ใช่น้อยๆ ลูกเขาก็เข้ามหาวิทยาลัยปีนี้เหมือนกัน หนักเรื่องเงินแน่อยู่แล้ว จะไปรบกวนเขาก็ใช่เรื่อง แถมปฏิธานไว้แล้วว่าจะไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้เขา


             ป้าเพ็ญ ดีไหม? ตอนที่ห้องถูกเผาป้าแกบอกจะช่วยเรื่องเงิน แต่อพาร์ทเม้นท์แกเพิ่งถูกเผานะ! ถึงตัวตึกจะทำประกันไว้ แต่ก็ไม่รู้จะได้เยอะไหม แล้วต้องเสียค่าซื้อของใช้ น่าจะมีภาระเยอะอยู่ตอนนี้ ไปพึ่งเขาก็ไม่น่าจะดีเท่าไหร่


             เฮียเปียว ถึงทำงานกับแกมานานแต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดจะยืมเงินเป็นหมื่นได้ ยิ่งหัวหน้างานเซเว่นไม่ต้องพูดถึง ผมทำงานได้ไม่กี่วันเอง


             ...หรือผมทำงานเก็บเงินก่อนแล้วรอแอดปีหน้า


             เสียดายวะ ความฝันผม ความตั้งใจของผม พอไม่มีเงิน อะไรๆ ก็ยืดออกไปหมดเลยหรอวะ!


             “มีปัญหาเรื่องเงินหรอ?” ผมหันตามเสียงของคนที่นั่งจิ้มโทรศัพท์อยู่ตรงข้ามผม แต่ไม่ได้ตอบอะไร “เห็นบอกว่าผลแอดมิชชั่นออก ยิ้มปากจะฉีกถึงรูหูคงเข้าคณะที่ฝันสินะ แต่เห็นทำหน้าเครียดก็นึกสงสัย นายลืมปิดบราวเซอร์ก็เลยเห็นไอ้เว็บค่าใช้จ่ายอะไรเนี่ย”

             “...ก็ตามนั้นแหละครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก แค่จำนวนมันเยอะก็เลยอึ้งเฉยๆ แต่หาได้ สบายมาก!” ผมยิ้มพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะไม่ให้ความเครียดปะปนไปกับเสียงหัวเราะนั้น แตเสียงหัวเราะนั่นกับเหือดแห้งจนน่าเกลียด

             “หาได้?” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “นายหาเงินเรียนเองหรอ?”

             “อ้าว ไม่รู้หรอ?”

             “ไม่รู้ นึกว่านายทำงานหาเงินไปเที่ยว ไปนู่นไปนี่ตามภาษาวัยรุ่นเฉยๆ” เขาทำหน้าแปลกใจ ส่วนผมก็แค่หัวเราะเท่านั้น “แล้วพ่อแม่นายไม่ส่งหรอไง?”

             ผมส่ายหัว เลี่ยงที่จะพูดถึงพ่อแม่อีกครั้งว่าพวกท่านเสียแล้ว “ก็เห็นอยู่ใช่ไหมละ ก่อนหน้านี้ว่าผมอยู่อพาร์ทเม้นท์คนเดียว ก็โตแล้วนี่ครับ เรื่องของตัวเองก็ต้องจัดการเอง”

             “แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ ถ้านายมีปัญหาก็บอกพวกเขา จะได้ช่วยเหลือ การส่งเสียให้เรียนมันเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ทุกคนอยู่แล้ว ไม่ต้องมัวทำหยิ่งว่าโตหรอกหน่า”


             ผมไม่ได้หยิ่ง...แต่


             “พ่อแม่ผมส่งเสียให้ผมไม่ได้จริงๆ เอ่อ ท่านก็ อื้ม...” ผมอ้ำอึ้ง ไม่อยากโกหกเท่าไหร่แต่ก็ไม่อยากบอกความจริงด้วย “คือพ่อแม่ผมไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไร ภาระพวกเขาเยอะอยู่แล้วครับ ไม่อยากให้กู้หนี้ยืมสินด้วย มันเปลี่ยนเรื่องใหญ่ แค่เงินเรียนเอง ผมหาได้”

             “ถ้าหาได้ ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นอะ รู้ตัวบ้างไหมว่าหน้านี่เป็นยังไงบ้าง?”

             “ก็บอกแล้วไง ว่าอึ้งกับเงินเฉยๆ ผมก็เสียได้นะครับ” ผมปั้นยิ้ม ตักไข่กวนกิน ทั้งๆ ที่มันอร่อยและหอมหวาน แต่ผมกลับไม่ซึมซับรสชาตินั้นเท่าไหร่ มีแต่ความเครียดและเครียดอยู่ในหัวผมไปหมด

             “...ถ้านายไม่มีเงินฉันก็จะให้”

             “!”

             "แต่ของฟรีไม่มีในโลกนะรู้ปะ?"

             "มีบ้างเถอะ ผมเหนื่อยกับมุขนี้มากอะบอกตรง"

             "ไม่ ตอนนี้ฉันไม่อยากได้บุญเท่าไหร่ เพราะงั้นจะไม่มีการทำทาน"ผมพยายามจะขำ ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอผมอยู่ตะโกนบอกให้ผมปฏิเสธข้อเสนอนั่น แต่ความกดดัน ความคาดหวังของผมก็บอกให้ผมรับฟังมันต่อ


             แน่นอน ศักดิ์ศรีไม่ชนะ


             "...แล้วพี่ชายอยากได้อะไร?" ผมสบสายตาเข้มกับอีกฝ่าย ราวกับหยั่งเชิงกันและกันว่าจริงจังกับมันมากแค่ไหน ผมมองในสายตาเขา และผมตอบได้ว่าเขาพูดจริง และถ้าเขามองสายตาผมออก เขาก็รู้เช่นกันว่าผมก็พูดจริง “ไอ้ที่บอกจะให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กนี่ ไม่เอานะ คือซ้ำอะ”

             “ถ้าฉันให้นายเลี้ยงลูกฉัน ลูกฉันคงตาย แล้วฉันก็คงประสาทแดกตาย ไม่เป็นอันทำงานเพราะไม่รู้ว่าลูกจะตายหรือยัง”


             ก็พูดไป


             “แล้วพี่ชายอยากได้อะไร?”

             “นายได้เงินแบบไหน งานนายอะ”

             “รายวันอะ”

             “อื้ม อย่างที่บอกงานนี้ไม่ฟรีนะ พอได้เงินจากการทำงานก็เอามาให้ฉันเป็นการผ่อนหนี้”

             “เหมือนกับกู้แต่ไม่มีดอกเบี้ยสินะ”

             “ประมาณนั้น”


             เป็นข้อเสนอที่ผมรับได้ ไม่ดูเสียศักดิ์ศรีมากเท่าไหร่ ก็แค่ยืมเงิน กู้เงิน พอมีแล้วก็คืน ซึ่งผมแค่ขอเวลาเท่านั้น ผมต้องจ่ายเงินก่อนโตนั่นภายในหนึ่งเดือนซึ่งยากมากสำหรับผม แต่ถ้ามีเวลา เงินจำนวนนั้นผมหามาคืนได้แน่!


             “แล้วก็...” เขาพูดต่อ และท่าทางที่หมองไปเล็กน้อยทำให้ผมต้องตั้งใจฟัง “ถ้านายว่าง เวลาเลิกงาน เวลาเลิกเรียน ตอนไหนก็ได้ ตอนเอาเงินมาคืนก็ได้ ช่วยมาเล่นกับที่หนึ่งหน่อยได้ไหม?”

             “!” ผมเบิกตากว้าง “หมายถึงทะเลาะอะหรอ? หรือเล่นดีๆ ผมว่าไม่ดีมั้ง ที่หนึ่งคงไม่อยากให้ผมมายุ่งด้วยสักเท่าไหร่”

             “ไม่หรอก คนเป็นพ่อมองลูกอยู่เสมอ ถึงจะบอกว่าทะเลาะ ถึงจะบอกว่าสู้กัน แต่ใบหน้าของที่หนึ่งตอนที่มีนายมาเล่นด้วย มาทะเลาะด้วยก็ดูสนุกมาก ทั้งๆ ที่ฉันพยายามซื้อของเล่นอะไรให้ก็แล้วแต่ก็ไม่เคยเห็นที่หนึ่งจะสนุก หรือจะสนใจเลย ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะงั้น ถ้านายมาได้ จำนวนเงินทั้งหมดที่นายต้องใช้ฉันก็ให้ยืมก่อนได้”

             “...” ผมมองคนตรงหน้า ที่จ้องมองผมกลับมาด้วยสายตาจริงจัง ท่าทางเศร้าหมองเหมือนคนมีทุกข์ระคนน้อยใจนั่นทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น


             ถ้าสิ่งที่คนตรงหน้าผมเห็นจากไอ้เด็กที่หนึ่งนั่น ผมก็รู้ทำไมที่หนึ่งถึงทำแบบนั้น บ่อยครั้งที่ผมจะเห็นตัวเองซ้อนทับเด็กนั่นอยู่บ่อยๆ...


             “ได้” ผมตอบรับข้อเสนอ “ผมขอยืมเงิน 20,000 บาท แล้วจะเอาเงินมาคืนให้ทุกวัน แล้วก็จะมาเล่นกับที่หนึ่งให้

             “โอเค นายต้องการเมื่อไหร่ก็บอกฉัน ฉันพร้อมให้นายเสมอ”

             “ได้”


             ผมยิ้มให้เขา และเขาก็ยิ้มให้ผม แต่เป็นยิ้มของผลประโยชน์ที่เรามีต่อกัน


             และนั่นคือ สัญญา ‘อันที่ 1’





TBC

คือตอนนี้ยาวจริง ยาวกว่าตอนอื่น ตอนนี้เอสน้อยกลอยใจก็มีเฟิร์สบ่วงขึ้นมาแล้ว จะพาความซวย เอ๊ย ความสุข
มาหาแค่ไหน มาดูกัน อิอิ

ป.ล. นี่มีใครเอ็นดูน้องเอสบ้างไหม มีแต่เรียก ไอ้เอสสสสส 5555555555
#daddybelover

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่ตุลย์ก็ใจดีเหลือเกินค่ะ พอเอสบอกให้ป้อนไข่ให้ตัวเองคำหนึ่งก็ป้อนให้ง่ายๆ เลยนะคะ ถึงแม้ว่าจะแยกช้อนคนละคันกับน้องตอนต้นก็เถอะค่ะ น่ารักจริงๆ เลยเชียว~ :-[ ..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2015 11:05:15 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โหยยยย มาต่ออย่างไว ขอบคุณนะค้า สนุกมากๆเลย

เอสน่ารักกกก ขอให้ที่หนึ่งหลงรักเอสไวๆนะคะ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
'ไอ้เอสสสสสสสสสสสสสสสสส'

นี่เป็นคำเรียกที่เหมาะมากนะคะ  :laugh:
คือเห็นแล้วฮาทันที

เป็นกำลังใจให้คนเขียนและรอคอยเช่นเดมค่ะ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
พี่ตุลย์ใจดีมากๆ
ดีใจกับเอสที่จะได้เรียนแล้ว :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sugar_Halloween

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่ตุลย์หวานกับเอสอีกเยอะๆเลยนะ เค้าชอบ  :m4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ กาสะลอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านรวดที่เดียว อยากบอกว่าสนุก เอสดูท่าจะเกรียนดี ชอบที่หนึ่งกับตอนต้น รออ่านอยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
สัญญา 'อันที่ 1'
อย่างนี้เเสดงว่าต้องมีสัญญาอันที่ 2 3 4 5...ตามมาสินะ หึหึ ^0^
พี่ตุลย์คะ ดูท่าพี่จะซวยกับน้องเอสไปอีกนานอ่ะ 555

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 7





              “พ่อ อันธพาลมาอีกแล้วอะ!” ทันทีที่ไอ้เด็กที่หนึ่งเปิดประตูห้องให้ผม มันก็รีบวิ่งกลับไปนั่งข้างพ่อของตนที่นั่งอยู่บนโซฟาโดยมีเด็กอ้วน ลูกคนเล็กนั่งอยู่บนตัก


              ผมก้าวเดินก้าวเข้าไปในห้องนั้นช้าๆ ด้วยขาที่สั่นเทาก่อนจะกางแขนกางขาสไลด์นอนราบคว่ำหน้าไปกับพื้นกลางห้องนั่งเล่นในมือข้างขวากำเงินพิเศษที่เอามาใช้หนี้ ทันทีที่ผมกลายเป็นพรมมนุษย์ไอ้เด็กที่หนึ่งก็ลงจากโซฟาเอาดาบของเล่นมาปฃฟาดตามตัวผม สักพักผมที่เซ็ตไว้อย่างดีก็ถูกดึงรั้งด้วยมือป้อมๆ ของไอ้อ้วนตอนต้น ที่ไม่รู้ลงมาจากตักพ่อของมันตั้งแต่เมื่อไหร่


              เอาเล๊ย~ เต็มที่มึงจะตี จะเตะ จะดึงผมกูยังไงตอนนี้ก็เชิญ รอชาร์ตพลังแป๊บจะเอาคืนให้หมด!


              คือผมทำงานตั้งแต่เช้าถึงสี่ทุ่มเหมือนเดิมครับ ปกติแค่นั้นผมก็เหนื่อยจะตายห่า พอมาถึงหน้าคอนโดนี่ ลิฟต์เสียครับ! แล้วห้องของไอ้ครอบครัวนี่อยู่ล่างๆ คงกลัวโดนน้ำท่วมเลยอยู่ซะสูง กว่าผมจะปีนบันไดขึ้นมา แทบจะใช้คางลากมาแทน เป็นป็อก ป็อก ครืดกันเลยทีเดียว!


              “ตื่นมาเดี๋ยวนี้นะเจ้าม้า!” ไอ้เด็กที่หนึ่งนั่งทับหลังผม จับหูทั้งสองข้างแทนสายบังเหียนแล้วทำท่าเหมือนกำลังควบม้า ไอ้ตัวผมเรี่ยวแรงก็ถูกสูบไปหมดเกลี้ยงจะลุกขึ้นเล่นไปกับมันก็ไม่ไหว แต่จะหันไปมองมันให้ลงไปก็ทำไม่ได้ เพราะไอ้เด็กอ้วนอีกตัวกระชากหัวผมเอาไว้อยู่ ย้ำ กระชาก!


              แล้วไอ้พ่อมันนี่จะไม่คิดเอ่ยปากห้ามอะไรลูกเลยไงวะ!


              ผมแอบเบ้ปากใส่ 


              ตั้งแต่วันที่ผมกับไอ้ตาลุงตุลย์ตกลงทำสัญญายืมเงินกันเสร็จสรรพ ผมก็มาห้องนี้ทุกวันหลังเลิกงานตอนสี่ทุ่ม เออ! ผมยังทำงานที่เซเว่นสาขาเดิมครับ ผมไม่อยากเปลี่ยนงานเท่าไหร่ เพราะแปลว่าที่ๆ งานที่ผมทำไปก่อนหน้านี้จะชวดเงินทั้งหมด ก็เลยเอาเรื่องแฟนกล้ามปูที่จะฆ่าผมไปเล่าให้น้ำตาลฟัง เธอแก้ปัญหายังไงผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครมาจองเวรผมที่เซเว่นแล้ว ผมก็เลยได้ทำงานต่อ แถมกางเกงกับเงินค่าแท็กซี่ผมก็คืนแล้วด้วย


              แต่ตอนนี้มีหนี้ใหม่มาแทนแล้วเรียบร้อย


              ผมเอาเงินพิเศษที่ผมได้เป็นรายวันมาคืนให้ทุกวัน แล้วก็มาเล่น (ทะเลาะ) กับไอ้เด็กที่หนึ่งตามข้อตกลงให้อีกหนึ่งชั่วโมง พอที่หนึ่งนอนผมก็กลับ ราวๆ ประมาณห้าทุ่มถึงห้าทุ่มครึ่ง


              ผมทำแบบนี้มาประมาณสี่วันได้แล้วครับ ถ้าวันไหนผมเหนื่อยมาก พอที่หนึ่งหลับผมก็กลับเลยไม่อิดออด แต่ถ้าผมยังพอไหว บางทีก็มานั่งคุยกับไอ้คุณพ่อที่ชอบทำหน้ายากใส่ผม


              “เฮ้ย หลับยัง?” เสียงทุ้มๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง พูดขึ้นเสียงเบา ผมลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ มองคนที่กำลังนั่งยองๆ มองผมอยู่ โดยมีเหล่าลูกๆ ของมันยังคงรังควานผมไม่หยุดหย่อน

              “พี่ชายเอาลูกออกไปดิ้ ตอนแรกก็จะไม่ตายแต่ตอนนี้กำลังจะตายละเนี่ย ให้พักแป๊บนึงดิ ลิฟต์เสียอะ ผมขึ้นบันไดมา ขาลาก เหนื่อย เครียด กินเหล้า!”

              “นายนี่มันไร้สาระจริงๆ เลย” คนที่อายุมากกว่าส่ายหน้าระอากับผม ก่อนที่จะอุ้มตอนต้นออกจากการถลกหนังหัวผม

              “ไอ้ตัวที่อยู่บนหลังด้วย”

              “แล้วเอาตัวนี้ไปกระชากหัวต่อ?”

              “นี่กวนตีน?”

              “นี่พูดแบบนี้แล้วใช่?”

              “ขี้เกียจจะมีมารยาทด้วยแล้ว” ผมยิ้มกว้างพร้อมยักคิ้วลิ่วตากวนโอ๊ยคนตรงหน้าหนึ่งดอกก่อนจะโดนดีดปากหนึ่งทีจากคนที่ผมไปกวนโอ๊ยใส่


              ทำไมต้องรุนแรง เสียใจ! TT TT


              “หึ เห็นบอกว่าเหนื่อยจะกินอะไหมละ?” เจ้าของห้องหัวเราะน้อยที่มุมปาก ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘อาหาร’ หูหางผมก็ตั้งขึ้นมา เรี่ยวแรงที่เหมือนจะหดหายก็พุ่งพรวดประหนึ่งกำลังเฮือกสุดท้าย

              “จะทำอะไรให้กินหรอ?”


              เห็นประกายในแววตาฉันไหม~


              “ทำอะไรละ? นี่มันกี่โมงแล้ว จะบอกว่าถ้าหิวก็ไปต้มมาม่าเอาไป ซื้อเผื่อเอาไว้”


              ผมช็อค...


              คลับคล้ายคลับคลาว่าน้ำตาจะคลอๆ เหมือนสาวสวยหมวยเอ็กซ์ที่เต้นอยู่อะโกโก้อยู่ตรงหน้า เดินเข้ามาพอผมกำลังจะเอื้อมมือไปจับก็เดินไปอีกทางอย่างนั้นลย ฮืออ


              “เรื่องอาหารไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ!”

              “แล้วฉันไปล้อเล่นอะไร ก็ถามว่าจะกินอะไรไหมเฉยๆ ถ้ากินก็ไปต้มมาม่าเอา ไม่ได้บอกสักคำเลยว่าเดี๋ยวจะทำให้นะ” ไอ้ตาแก่ตุลย์พูดสีหน้าเรียบเหมือนไม่ได้กวนประสามแต่อย่างใด แต่ไอ้ท่าทางแบบนั้นแหละที่ผมว่าแม่งกวนประสาท


              โมโหหิวครับ โมโหหิวพูดเลย!


              “น้ำใจงามครับ คนในบ้านนี้ ผมรึอุตสาห์ส่งหนี้ให้ทุกวัน เพื่อแสดงความซื่อสัตย์ว่าไม่โกง ตามคำสอนโตไปไม่โกง ลำบากลำบนดึกๆ ดื่นๆ มาหาทุกวัน วันนี้ลิฟต์ก็พังก็ยังอุตสาห์ถ่อร่างขึ้นมา พอมาถึงแรงก็ไม่มี ไอ้ลูกของพี่ชายก็...”

              “ทำให้ก็พอแล้วใช่ไหม?” เขาหมวดคิ้ว ติดหงุดหงิดรำคาญแม่น้ำหลายสายที่ผมชักมา พอเห็นเขาลุกผมก็ยิ้มกว้าง แอบทำหน้าหน้าเหนือแบบผู้ชนะ


              แหม มุขนี้ได้ผล เดี๋ยวผมจะเอามาใช่บ่อยๆ อิอิ!


              “เอ้าไอ้เด็กขี้แพ้! รีบจับพี่เอาไว้แน่นๆ เลยไอ้น้องเดี๋ยวจะควบแล้ว” พอเห็นแววของอาหารเรี่ยวแรงผมก็หวนขึ้นมา รีบลุกขึ้นเป็นนอนคว่ำเป็นท่าคลาน เตรียมไปหาเจ้าของห้องที่เขาครัวไปทำอาหารให้ผมแล้ว

              “อย่ามาเรียกที่หนึ่งว่าขี้แพ้นะ!” ไอ้เด็กที่นั่งอยู่บนหลังผม ใช้แขนใช้ขาเกี่ยวผมเอาไว้แน่นไม่วาย พอผมแอบเหน็บหน่อยก็ยังมีทุบไหล่ผมด้วยนะ

              “ก็คุณน้องที่หนึ่งแข่งเกมส์อะไรกับพี่ก็ไม่เห็นชนะสักทีนี่คร๊าบบบ ศึกของเราจะครบร้อยแล้วมั้งเนี่ย ชนะพี่สักครั้งยังถามจริง” ผมหัวเราะเสียงดังลั่นห้องแบบเอาให้รู้เลยว่าสะใจมาก ไอ้เด็กที่อยู่บนหลังผมก็คงเจ็บใจ ไม่ได้เถียงอะไร แต่สองมือที่ทุบผมยังกับผมเป็นกลองทัด

              “ถ้านายจะมาที่นี่ ก็เอาตอนต้นมาด้วย”

              “หะ?” ไอ้คนที่เหมือนว่ากำลังต้มมาม่าให้ผม หันมาเห็นผมที่เตรียมจะเล่นขี่ม้าไปหาในครัวร้องบอกขึ้นพร้อมกับเพยิดหน้าไปทางไอ้อ้วนอีกตัวนึงที่นั่งกลมๆ ตาแป๋วๆ อยู่บนโซฟา


              ผมหันมอง...


              กูจะพามึงยังไงวะ พาขี่หลังอีกก็กลัวแม่งจะร่วงตกตุ๊บลงไป แต่จะห้อยกระเตงไว้ตรงอกก็ใช่ที่อ่ะ ผมอุ้มเด็กมือเดียวไม่เป็น สองมือก็อุ้มไม่เป็น แถมผมไม่สามารถเดินคลานเข่าได้ด้วยมือเพียงมีเดียว


              “ที่หนึ่ง”

              “อะไรเจ้าม้า?”

              “อุ้มตอนต้นมานั่งทีหลังด้วยได้ไหม? แล้วจับน้องเอาไว้ไม่ให้ร่วง”

              “ได้ๆ” ว่าแล้วที่หนึ่งก็ลงจากหลังผม ไปอุ้มไอ้เด็กอ้วนมานั่งที่หลังผมแล้วตัวเองก็ตามขึ้นมาโดยจับทั้งไว้ไม่ให้ตกและยึดน้องเอาไว้ไม่ให้ร่วงด้วย “พร้อมแล้ว ไปเลย!”

              “โอ๊ส!” ผมร้องเสียงฮึมเหิม ก่อนจะคลานเข่าไปหาคนที่กำลังยกจานมาม่ามาไว้ที่โต๊ะกินข้าวพอดี “เอ้า ผู้โดยสารทุกท่าน ตอนนี้BTSบริการส่งถึงท่านถึงที่หมายแล้ว กรุณาลงจากรถด้วย ให้ไว เพราะหลังจะหักแล้วโว๊ย!”

              “เด็กๆ ลงจากหลังพี่เขาเร็ว” ไอ้เจ้าของห้องช่วยอุ้มตอนต้นออกจากหลัง ส่วนไอ้เด็กที่หนึ่งก็ลงจากหลังผมไป ทันทีที่ผมลุกขึ้นยืนเสียงกระดูกก็ดังลั่นกรอบๆ จนไอ้สามคนที่เหลือหันพรึ่บมาตามเสียง

              “มองไร ไม่เคยเห็นคนกระดูกลั่นไง”

              “เสียงดังขนาดหนัก นึกว่าจะตาย” ไอ้คุณพ่อตุลย์ยักไหล่พร้อมทำหน้ากวนที่นานน๊านนานนานจะได้เห็นครั้งมาให้แล้วพาลูกๆ ของตัวเองกลับไปนั่งบนโซฟาตามเดิม


              อะไรวะ พอยิ่งรู้จัก ยิ่งกวนประสาทหรอ?


              ผมเบ้ปากใส่กลุ่มพ่อลูกสองนั่นสามทีซ้อน ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับมาม่ารสต้มยำกุ้งที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งยั่วน้ำลาย


              เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ขอแดกแล้วครับ~











              ผมนั่งพิงหลังไปกับขอบเบาะโซฟา ทันทีที่ผมกินมาม่าเสร็จ เก็บถ้วยเก็บจานเรียบร้อยผมก็รีบบึ่งมาเล่นกับที่หนึ่งโดยมีตอนต้นคลานมาผสมโรงบ้างบางที ให้ปะป๊าตุลย์หัวหมุนตามลูกออกจากวงล้อมของศึกระหว่างเจ้าชายเอสและคนตัดหญ้าที่หนึ่ง (ความลำเอียงมีอยู่จริง)


              คือหลงคิดว่าพลังงานจะฟื้นมาเต็มร้อยไง เลยเล่นแบบจัดเต็มไม่มีหมกเม็ด ลืมเวลา รู้ตัวอีกทีพลังชีวิตผมก็เข้าขีดแดงอีกครั้ง


              กูกำลังจะตายอีกแล้ววว~


              แต่วันนี้ผมใช้แรงกายเยอะจริง คือเยอะกว่าปกติ พอพยายามถ่างตาที่เริ่มปรือๆ ก็เพิ่งสังเกตได้ว่านี่มันเที่ยงคืนนิดๆ แล้วเลยว่าปกติของผมไปชั่วโมง


              ...อื้ม เวร ผมเริ่มคิดอะไรไม่ออก หัวหนัก ตาหนักๆ แรงที่จะไปโช้งเช้งฟันดาบของเล่นกับไอ้เด็กที่หนึ่งก็เริ่มหมดแรง
             

              ที่อธิบายยาวมาจนถึงบรรทัดล่าสุด สรุป คือวันนี้ผมใช้แรงเยอะมาก และผมง่วงแล้ว


              “เฮ้ย! เจ้าปีศาจร้ายลุกขึ้นมาสู้กับข้าเดี๋ยวนี้!” ผมรู้สึกว่าตัวผมถูกเขย่าจนเจ็บช่วงสะบักที่ไปกระแทกกับเบาะโซฟา แต่เปลือกตาของผมก็หนักอึ้งจนกว่าจะฝืนลืมตาขึ้นมาดู


              คือง่วง ง่วงมากจริงๆ ทั้งเหนื่อย ทั้งอิ่ม


              “ที่หนึ่ง เดี๋ยวค่อยเล่นต่อพรุ่งนี้ลูก วันนี้ไปอาบน้ำนอนดีกว่า พี่เอสเขาหมดแรงแล้ว” ผมได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของใครบางคนพูดเสียงอ่อนโยน อืม..ผมชอบเสียงนี้จัง แต่เหมือนไม่ได้พูดกับผม

              “แต่ว่า...”

              “ลูกดูสภาพปีศาจของลูก ไม่ไหวแล้วน่ะ แยกย้ายกันไปพักก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้สู้กันใหม่ โอเคไหมครับ?”

              “...ก็ได้ครับ”


              ผมพาตัวเองปีนป่ายไปบนโซฟา มือที่เหยียดเต็มที่แตะเข้ากับงสิ่งมีชีวิตอ้วนๆ ที่คงนั่งทำหน้าโง่ๆ อยู่


              ...อื้ม ไอ้เด็กตอนต้นสินะ


              ปกติผมไม่ชอบแตะเด็กหรือยุ่งกับเด็กเท่าไหร่ แต่ผมวินาทีนี้คือความง่วงชนะทุกสิ่ง แล้วไม่รู้มันเป็นอะไรกับผมนักหนา พอเห็นอยู่ใกล้ๆ ก็คลานมายุ่งด้วยทุกที แต่ตอนนี้ยอมครับ มึงจะทำอะไรทำเลยยยยเผลอๆ ผมเอามือโอบตูดมันไว้อีก กลัวว่ามันจะเผลอเล่นแล้วตกลงไปจากโซฟา


              …


              …


              พรึ่บ…


              ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ห่มอยู่บนตัวผม และความอบอุ่นจากสิ่งนั่นทำให้ผมขยับซุกหน้าลงกับมัน แต่สักพักผมก็รู้สึกถึงอะไรที่อุ่นกว่ารดอยู่บนผิวแก้ม


              “ฝันดี” ตามด้วยเสียงแผ่วเบากระซิบข้างหู ราวกับสายลมพัดชวนให้หลับฝันดั่งคำพูดนั้น


              สวิซต์ไฟที่อยู่ไม่ไกลนัก ถูกใครบางคนกดปิดลง จนทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด ไม่ต่างกับวิวทิวทัศน์ข้างนอก เสียงของฝีเท้าดังห่างออกไป ก่อนจะตามมาด้วยเสียงประตูห้องนอนที่ถูกปิดลง


              ราตรีสวัสดิ์






             
TBC
รับรู้ถึงกลิ่นอายอะไรไหม... อิอิ

มีข่าวมาบอก คือ วันที่ 11 ไปภูเก็ตจ๊า กลับ 16 น๊า ก็เลยไม่ได้อัพต่อ แต่สัญญาว่ากลับมาปุ๊บจะอัพให้ปั๊บเลย TT TT


ป.ล.1 วันนี้เจอคาแรคเตอร์ของไอ้เอสแล้วววว เห็นปุ๊บ แบบร้อง เอสเลย อ่านกฎแล้วประมาณว่าคงไม่น่าจะอัพรูปให้ดูได้ ฮือออ
ป.ล. 2 ส่วนอันนี้ เห็นแล้วก็ร้อง ไอ้เอส! อีกเหมือนกัน 5555555555555555555555555

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ชอบเรื่องนี้มากเลยยย น่ารักมาก  :hao7: ชอบเอสมากอ่ะ ฮืออออ เหนื่อยมากมั้ยเอส  :hao5: กด Skip ข้ามไปวันที่ 16 เลยได้มั้ยยยย เดินทางปลอดภัยนะค้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2015 03:53:51 โดย Moose »

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
555 จากภาพคือมันใช่อ่ะ   :m20: :m20: :m20:  รอยาวเลยหื้อๆ :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกมากจริงๆ

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ยังไม่ได้อ่านตอนที่7แต่ขอเม้นถึงตอนที่หกหน่อย
ตอนเอสเครียดเรื่องค่าเทอมกะพูดถึงพ่อแม่ผมนี่น้ำตาไหลเลย สงสารจัดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
อ่านตอนที่7จบละ
แบบว่าน่าร้ากกกก โอ้ย
นี่แค่กระซิบราตรีสวัสดิ์เฉยๆยังฟินขนาดนี้
เมื่อไหร่จะรักกันน้อออออ อิอิ

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
ฉันสัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่างจากตุลย์...อุกรี๊ดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เห้ยๆๆๆ คุณพ่อยอดฝันดีใกล้เกินไปป่ะคะ


.....  นั่งรอนักเขียนมาอัพนะคะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ทำไมพี่ตุลย์ไม่ชวนเอสมาอยู่ด้วยกันเสียเลยล่ะคะ น่าสงสารเอสออกน้าที่ทำงานหนักทั้งวันยังไม่พอ กว่าจะได้กลับบ้านไปนอนเวลาก็ปาเข้าไปค่อนคืนแล้วด้วยน่ะ ที่สำคัญน้องที่หนึ่งกับตอนต้นจะได้มีเพื่อนเล่นตลอดเวลาเลยไงล่ะค้าา ^^ ดีออกน้าา~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2015 19:08:23 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อื่ม..(นั่งกอดอก ยกมือข้างหนึ่งมาลูบคาง พยักหน้าเบาๆ) ไอ้เอส เป็นเด็กดีกว่าที่คิดนะ ไม่น่าเชื่อ

พี่ตุลย์ รู้จักไอ้เอสมาสักพักแล้วนะ แม้การเจอแต่ละครั้ง มันจะมีแต่เรื่องซวยๆ แต่พี่ก็ต้องยอมรับใช่ใหม

ว่าตื่นเต้นดี แล้ว ไอ้เอสมันก็มีดีกว่าที่มองเห็นใช่ปะ สงสารมันนะ ให้มันมาอยู่ด้วยซิ

มันจะได้ ไม่ต้องเหนื่อยไปกว่านี้  แล้วลูกพี่ก็จะได้มีเพื่อนเล่นด้วยงัย

(เฮ๊ย..อย่าบอกนะว่าพี่แอบจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ไอ้เอส อร๊างงงงงง)

ออฟไลน์ ทิวสนที

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไอ้เอสแม่งเกรียนหนักมากกกกกกกก

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ไอ้เอส ของเราออกจะเปนเด็กดีนะเนี่ยยยยย
ตอนที่ไม่เริ่มกวนตรีนอ่ะนะ 5555
เอสเริ่มเข้าใกล้ตอนต้นได้บ้างรึยังเนี่ย ตอนต้นออกจะสนใจพี่เอสขนาดนี้ ^0^

เอ๊~~~ พี่ตุลย์แอยจุ๊บราตรีสวัสดิ์หราาาา หลงเสน่ห์ไอ้เกรียนเข้าแล้วละเซ่ 555555

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
หูย พ่อตุลย์น่ารักอ่ะ มีการบอกฝันดีด้วย
เริ่มใกล้ชิดเข้าไปเรื่อยๆ อิอิ

ชอบไอ้เอสเวลาเล่นกับเด็กๆ เกรียนดี 55555+
น่ารักด้วย ชอบไอ่เด็กอ้วนอ่ะ
น้องหนึงก็ฮามาก 5555+

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ตอนนี้มาซะน่ารักเลยนะคะ  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด