!!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: !!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!  (อ่าน 419132 ครั้ง)

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 o22


เอสลืมน้อง!!! กลับมาเอาน้องไปด้วยสิ  :ling1:

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
ตายแล้วเอส อย่าทิ้งน้องไว้สิ
เป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
คิดถึงงงงงงงงง

คิดถึงเด็กอ้วนกับเอส

มาต่อลแล้วรอตอนต่อไปนะค่ะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เอสนายลิมน้องได้ไงงงงงงงงง

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
อีเอส ที่หนึ่งต้องเป็นอะไรหนักแหงๆเบย  เอากับสิอิเอส หมดคำจะพูด

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ้ยยย เอสลืมน้องได้ไง ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะแบบนี้

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อีเอสสสสสสส

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เอสสสสสสสสสสส แกลืมน้องได้ยังง้ายยยยยย. กลับมาก่อนนนนนนนนน  :ling1: :z6: :z6:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
เอ้ยยยยนี่เอสลืมที่หนึ่งหรอเนี่ย โดนพี่ตุลย์จัดหนักแน่บอกเลย โกรธเอสว่ะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อ้าวววววว เอสทำไมมัวแต่เมาขี้ตาขนาดเน้
ที่หนึ่งป่วยนะเว้ยยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ตายยยยเอสเบลอแน่เลยลืมน้องไปได้
น้องป่วยอยู่นะเอสรีบนึกได้เร็วๆด้วย

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่ตุลย์โทร.มาเตือนเอสอีกสักรอบก็ดีนะคะ เพราะถ้ามัวรอให้เจ้าตัวเขานึกได้เองก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นอาการของที่หนึ่งจะหนักขึ้นหรือเปล่าเนี่ยสิ~

ออฟไลน์ Baruda

  • มีความสุข
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
เอสจะทะเลาะกับพี่ตุลย์ป่ะเนี่ยยยย Orz  ทำไมลืมน้องได้เล่าเอสสสสสสสสส
โอยยยยยยย ปวดหมอง  เด็กทั้งคนนะเว้ยงงกับเอส

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็นเรื่องแน่ๆ!!!!!!!!

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ง่ะ เอสลืมน้อง สงสัยคิดว่าน้องไป รร. สินะ
ถ้าพี่ตุลย์รู้คงมีปากเสียงกันอีกแน่เลย :(

ออฟไลน์ zerea

  • แด่...คนที่หัวใจมีรัก...มั่นคง ยาวนาน ตลอดไป><
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=35633.msg2204628#msg2204628
มาปักหลักเป็นขาประจำอีกคนจ้า
ตกใจเอสลืมน้อง  :serius2:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
งานงอกละเอส

ออฟไลน์ kukkikkooka

  • insomnia~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
เอสลืมอะไรรึเปล่าาาาาา

ขอให้ที่หนึ่งไม่เป็นอะไรมากนะ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เอสเอ๊ยยยยย น้องป่วยหนักละนั่นนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ไอ้เอส ความรับผิดชอบของแกอยู่ที่หน๊ายยยยยยย :m31:



ที่หนึ่งเป็นไข้หนัก จะชักตายอยู่แล้ว



แกช่างลืมน้องได้ โถที่หนึ่ง หนูต้องหาข้าวหายากินเองมีชีวิตอยู่



รอพ่อรอน้องกลับมาหาตอนเย็นนะลูก อย่าเพิ่งช๊อคตายไปก่อน



ส่วนไอ้เอส ไอ้คนสติไม่เสถียร อย่าไปหวังพึ่งพาอะไรมันเลย :z6:

ออฟไลน์ ~@มาวินฮับ@~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
 :katai1:รอว่าพี่ตุลย์จะจัดการยังไงกับเอส ที่หนึ่งดูแลตัวเองนะลูก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2015 20:49:19 โดย ~@มาวินฮับ@~ »

ออฟไลน์ onekiss

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :serius2: :serius2: :serius2:



เอสลืมน้องได้ไงเนี้ย

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
อิเอสสสสสสส

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เจ้าเอสกลับมาดูน้องเลยนะ เดี๋ยวได้มีมาม่ากะดาลิ้งแกแน่  :angry2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เฮ้ยๆๆๆ เด็กละ นอนป่วยอยู่อะลืมหิ้วไปด้วยปะ?? :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
               
ตอนที่ 31
*ต่อจาก 50%






                “มึงบอกมีเรื่องจะคุยด้วย แล้วนี่คืออะไร” ผมพูดเสียงเข้มชี้นิ้วไปที่เคาเตอร์ขายตั๋วหนังที่มีพนักงานประจำอยู่หนึ่งคน แถมยังเพิ่งเปิดระบบเมื่อตะกี้นี้เลย ในใจคงนินทาพวกผมสองคนอยู่ว่ามึงจะมาแต่เช้ากันทำไม ช่วยกูเปิดโรงหรอ?

                “ก็มาดูหนังไง”

                “ก็รู้ กูเรียนมาอยู่ แต่ประเด็นคือมึงโทรหากู บอกกูว่ามึงมีเรื่องจะคุยด้วย แล้ว...คืออะไรที่กูกับมึงมาโผล่อยู่ที่หน้าโรงหนังได้หะ!”

                “กูมีเรื่องจะคุยกับมึงจริงๆ เว๊ย! แต่เพื่อนที่มอกูแม่งคะยั้นคะยอให้กูไปดู inside out ฉิบหาย ก็เลยว่าไหนๆ มึงกับกูว่างตรงกันทั้งที ดูหนังก่อนแล้วค่อยคุยก็ไม่สายใช่เปล่าวะ อิอิ”

                “อิอิ พ่อง”

                “เขาบอก อิอิ จะทำให้ประโยคน่ารักขึ้น”

                “ไอ้สัส อิอิ” ผมพูดกวนตีน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ครับ หลวมตัวมากับมันจนถึงหน้าโรงหนังแล้วก็คงต้องตามใจมันสถานเดียว เอาตรงๆ ผมไม่อยากดูหนังเลย ไม่ใช่ว่าไม่ชอบดูหนังในโรงนะ แต่เสียดายเงินครับ ตอนนี้รายได้เดียวที่ผมมีคือเงินที่ไอ้พี่ตุลย์ให้มาเนียนๆ โดยการใช้ไปซื้อของแล้วไม่เอาเงินทอนนั่นแหละ

                “เอาเถอะหน่า เดี๋ยววันนี้กูเลี้ยงเอง เต็มที่!”

                “ไม่ต้อง เดี๋ยวกูจ่ายเอง”

                “เฮ้ย ไม่เป็นไร กูเป็นคนลากมึงมา เดี๋ยวกูเลี้ยง”

                “รอเป็นเงินที่มึงหาได้เองก่อน แล้วเดี๋ยวกูจะให้มึงเลี้ยงสมใจอยาก แต่ตอนนี้มึงเก็บเงินของมึงไปแดกข้าวในอนาคตเถอะ” ผมยักคิ้วแล้วเดินนำไอ้ปันไปที่เคาเตอร์ขายตั๋วหนังที่ตอนนี้พนักงานพร้อมจะบริการแล้ว

                “Inside Out Soundtrack ครับ” ผมบอกกับพี่พนักงานผู้หญิง


                พอมาดูใกล้ๆ อย่างนี้แล้วน่ารักจังแหะ ตั้งแต่ผมออกมาจากงานพิเศษก็ไม่ค่อยเจอคนสวยเลย ตั้งใจไว้ว่าจะไปหาในมหา’ลัย แต่ก็ไม่รู้ทำไมช่างอาภัพนัก สวยก็หายาก ที่สวยมากก็มีผัวแล้ว ฮือออ


                “รอบแรก ตอน 11:15 นะคะ” คนสวยยิ้มหวาน ใจบริการ น่ารักที่สุดอะ

                “ครับ” ว่าแล้วผมก็ยิ้มหวานตอบกลับไป “อะ เฮ้ย! อะไรของมึงเนี่ยปัน” ผมเฮ้วเสียงหลงเมื่อไอ้ปันมันดังคอเสื้อผมไปข้างหลังแล้วมันก็เข้ามาแทรกจัดการซื้อตั๋วหนังแทน จริงๆ ผมก็โวยวายเป็นพิธีแหละ ชินแล้วครับ ไอ้เหี้ยนี่สกัดดาวรุ่งของผมทุกทีตั้งแต่อยู่ ม.ปลาย แต่ถึงอย่างนั้นความหล่อก็ไม่เข้าใครออกใคร โดนสกัดแค่ไหน ก็ต้องมีสาวน้อย สาวใหญ่ วัยสาวงามเดินเข้ามาในดวงพงไพรของเอสผู้นี้~

                “ปะ มึงไปหาอะไรกินกัน มีเวลาประมาณชั่วโมง”
               
                “แล้วค่าตั๋วเท่าไหร่?”

                “เออ เดี๋ยวค่อยจ่าย ไปหาร้านกินก่อนๆ แล้วเดี๋ยวกูจะเล่าเรื่องที่กูเรียกมึงมาคุยให้ฟัง”
















                12: 53 น.


                “เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจจากผู้ชายในสุดสูทดังขึ้นก่อนจะปรากฎร่างของเขาเดินเข้ามาในห้องทำงานที่มีป้าย ‘Sales Department’ อยู่เหนือประตู

                “ตุลย์ได้กินข้าวกลางวันหรือยังเนี่ย?” เพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้ที่สุดเอ่ยทัก ผู้ที่เข้ามาใหม่

                “ระหว่างตอนกลับจากไปดูร้านหนังสือแวะซื้อที่เซเว่นกินแล้วครับ” ตุลย์ตอบพลางเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง เขาถอดสูทพาดไว้บนผนักเก้าอี้ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะโทรหาเอส ถามไถ่เรื่องของที่หนึ่งที่เขาฝากฝังเอาไว้เมื่อเช้า

                “ตุลย์! มาพอดีเลย กำลังจะประชุมเรื่องยอดผลิตแล้วเนี่ย!” เสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องทำงาน ทำให้ตุลย์ต้องวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะแล้วหันไปตอบอีกฝ่าย

                “ไหนบอกประชุมบ่ายสองไงครับ? ผมยังไม่ได้สรุปประเมินที่ไปดูเลย”

                “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นว่ามีธุระมั้ง ช่างเถอะ เอาข้อมูลดิบในหัวเนี่ยแหละไปประชุม เอาเอกสารมาให้พร้อมด้วยนะ เอาเรื่องอื่นของนักเขียน ‘สายลม’ มาด้วยนะ เผื่อคุยเรื่องพิมพ์ครั้งที่สามอีก อีกสิบห้านาทีเจอกันที่ห้องประชุมสอง” 

                “ครับ” ตุลย์ตอบ เขามองโทรศัพท์ที่ยังคาอยู่ที่เบอร์ของเอส แต่สุดท้ายก็นำมันกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบเอกสารของนักเขียนรายดังกล่าว ที่เขาจัดเอาไว้เป็นหมวดหมู่ระเบียบเรียบร้อยอยู่ก่อนแล้วพุ่งออกไปจากห้องของฝ่ายขาย


                วันปิดรอบของพวกบรรณาธิการ จบไปก็กลายเป็นวันหัวหมุนของฝ่ายขายแทน!
















                13:50 น.


                “เรื่องที่กูอยากคุยกับมึงก็มีเท่านี้เนี่ยแหละ” ผมถอนหายใจหลังจากที่เล่าเรื่องที่อยู่ในใจให้เพื่อนสนิทฟัง สรุปแล้ววันนี้ที่ผมกับมันมาคุยกันก็เรื่องความรักของแต่ละคนเนี่ยแหละครับ ผมใช้คำว่าเรื่องความรักนะ ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง ไอ้ปันเล่าเรื่องผู้หญิงที่มันรู้สึกดีด้วยกันจริง แต่ประเด็นคือเรื่องที่ผมเล่านี่แม่งเป็นเรื่องของผู้ชาย!

                “ที่กูแปลกใจมากกว่า คือทำไมมึงถึงมาปรึกษาเรื่องนี้เนี่ยแหละ ปกติไม่เคยเห็นมีปัญหาเลยไอ้เรื่องแบบนี้”

                “เออหน่า ก็กูรู้สึกไปแล้ว”


                จริงๆ อยากบอกใจจะขาดครับ ว่าที่กูเล่าเนี่ยอีกฝ่ายเป็นผู้ชายนะ แล้วคนที่โดนเสียบเนี่ยน่าจะเป็นกู เพราะงั้นถึงได้มาวุ่นวายอยู่นี่ไงวะ!


                “กูแนะนำไม่ได้ว่ะ บอกเลย นอกจากอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ปล่อยให้มันเกิดไป เขาอยากก็สนองเขา สมมุติว่ามันไม่สู้จริงๆ หดแล้วหดอีก ถึงจะรู้สึกผิดกับผู้หญิงคนนั้นไปหน่อย แต่มึงก็คิดถึงหน้าคนอื่นเอาไว้แล้วกัน”


                ประเด็นคือมันไม่ใช่เรื่องนั้น


                ...มั้ง จริงๆ ก็อาจ ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะสู้หรือจะถอย แค่คิดว่ากูต้องอยู่ร่างนี่ สมองก็สั่งให้ถอยดีกว่า ไม่เอา~ ดีกว่า


                “คือมันไม่มีอะไรเปลี่ยนใจให้เขาไม่อยากกับกูได้เลยใช่ไหมวะ?”

                “มีนะ แค่มึงกับเขาเลิกกันไปเลย มึงก็ไปมีคนใหม่ซะ แค่นั้นแหละ เขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นอยากฆ่ามึงแทน”

                “ไอ้สัส วิธีนี้กูไม่เอาเว๊ย!”

                “ถ้างั้นอีกวิธี คือปล่อยให้มันเป็นไป ปล่อยให้มันเกิด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดกูขอย้ำอีกที”

                “เฮ้อ...” ผมถอนหายใจ ที่มาคุยกับไอ้ปันก็เพราะผมไม่อยากให้มันเกิด ไม่ใช่ให้ไอ้ปันมาย้ำกับผมแบบนี้สักหน่อย

                “หรือไม่ก็เลิกกัน”

                “...”


                แบบนั้น ผมก็ไม่เอา
 
















                ตุลย์เดินก้าวยาวๆ มาที่ห้องพักของตนเองพร้อมกับลูกคนเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน เหงื่อโทรมกายและใบหน้าจนสูทที่ใส่อยู่ชื้นทางด้านหลัง แม้เขาจะรู้ว่าเอสดูแลที่หนึ่งเอาไว้ให้อยู่ตามที่ฝากไว้ตอนเช้า แต่ทุกครั้งที่เป็นเรื่องของลูก มันก็ยากจริงๆ ที่จะอยู่สุขได้


                แกร๊ก!


                เสียงไขกุญแจดังขึ้นพร้อมกับประตูไม้อัดสีขาวเปิดออก ปรากฎห้องว่างๆ ที่ไม่มีใครเลย


                ...ไม่มีใครอยู่ แม้กระทั้งคนที่เขาบอกว่าให้ดูแลที่หนึ่งเอาไว้


                “เอส!” เสียงเข้มร้องเรียกทั่วห้อง ขณะวางตอนต้นไว้บนโซฟา แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากผู้เป็นเจ้าของชื่อ ภายในท้องเริ่มบิดมวนด้วยความรู้สึกที่ตีรวนอยู่ในอก แต่สมองก็ยังคิดในแง่ดีว่า เอสอาจจะแค่ลงไปซื้อของด้านล่างเท่านั้น แม้ว่าตอนที่ขึ้นมานั้นเขาจะไม่เห็นผู้ชายคนนั้นอยู่เลย!


                ฝีเท้าหนักๆ เดินตรงไปยังห้องนอนของลูกชายคนโต เปิดมันออกอย่างเบามือที่สุดสิ่งแรกที่เขากวาดตามองคือคนที่เขาหวังอย่างยิ่งว่าจะอยู่เฝ้าลูกของเขาในห้อง แต่เมื่อไม่เห็นใครนอกจากที่หนึ่งที่นอนฟืดฟาดอยู่บนเตียงความรู้สึกจุกแน่นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น


                “พ่อ?”

                “ที่หนึ่ง เป็นไงบ้างลูก? ได้กินข้าวบ้างหรือยัง? กินยาหรือยังลูก?”

                “ยังครับ”

                “พี่เอสไม่ได้เอาอะไรให้เลยหรอ?”

                “พี่เอส? ที่หนึ่งตื่นก็ไม่เจอใครแล้วอะ วันนี้ที่หนึ่งลุกไปกินน้ำครั้งเดียวแล้วก็นอนอยู่บนเตียงตลอดเลย”

                “...หรอ อย่างนั้นหรอ” เสียงเข้มนั่นเรียบจนน่ากลัว “ที่หนึ่งรอแป๊บนะ เดี๋ยวพ่อทำให้อะไรให้กินแล้วก็จะได้กินยาด้วย”
               
                “ครับ”


                ตุลย์ลูบผมที่เปียกซกจากเหงื่อของลูกชายคนโตแผ่วเบา ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องนอนของลูกชาย ตุลย์มองความว่างเปล่าไร้ซึ่งแววของคนที่เขาฝากฝังอีกครั้ง ความรู้สึกในใจเดือดจนแทบปะทุแต่ก็ต้องเก็บกักเอาไว้ ทำได้แค่เบือนหน้าหนีแล้วเดินเข้าไปในครัว


                สุดท้าย ก็กลายเป็นแค่เด็กที่หวังพึ่งไม่ได้ อย่างนั้นหรอ?



















                “อ้าว ทำไมกลับมาเร็วจังเพิ่งจะบ่ายสองครึ่งเอง” ผมที่เดินเข้าห้องมาเอ่ยถามพี่ตุลย์ที่นั่งอยู่กับตอนต้นบนโซฟาหน้าทีวี ผู้เป็นเจ้าของห้องเบือนหน้ามาหาผมเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงมาหาเช่นเดียวกับผมที่เดินเข้าไปหาเหมือนกัน


                ฉิบหาย คำพูดของไอ้ปันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ


                “ไปไหนมา?”

                “หะ? ก็...ไปบ้านเพื่อนอะ ไอ้ปันเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยม”

                “ไปตั้งแต่กี่โมง?”


                ผมขมวดคิ้วกับการถามจี้ของคนตรงหน้า ทั้งสีหน้าแววตามันดูจริงจังจนผมรู้สึกไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตอบคำถามของอีกฝ่าย


                “ก็ไปตั้งแต่เช้า จำไม่ได้ว่ากี่โมงอะ พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ดูทีวีแป๊บนึงแล้วก็อาบน้ำไปเลย”

                “แปลว่าออกจากห้องหลังจากที่ฉันไปทำงานแป๊บเดียว?”

                “ก็...ประมาณนั้นแหละ” ผมพยักหน้า “ทำไมอะ? มีไรเปล่า?”

                “นายจำที่ฉันบอกก่อนจะออกไปทำงานได้ไหม?” ในขณะที่พี่ตุลย์เอ่ยถามประโยคนี้ขึ้น ทั้งสีหน้าและแววตาก็เปลี่ยนไป และมันทำให้ผมรู้สึกอันตรายอะไรบางอย่างขึ้นมา

                “เอ่อ...

                “ว่าไง? จำได้ไหมก่อนที่ฉันจะไปทำงาน ฉันฝากฝังอะไรไว้?”

                “...” ผมเงียบ ผมจำได้ดีว่าตอนที่ผมล้างหน้าแปรงฟันก่อนหน้านี้พี่ตุลย์พูดอะไรบางอย่างกับผม แต่ที่มันเป็นปัญหาคือผมจำไม่ได้แม้แต่นิดเดียวว่าพี่ตุลย์พูดอะไร!

                “ว่าไง? ที่เงียบนี่คืออะไร?”

                “ผม...” ผมอ้ำอึ้ง เผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างเหนียวหนืด

                “เอส จำได้ไหมว่าเมื่อเช้าฉันพูดอะไร!”

                “ผม...เฮ้อ! โอเคๆ ผมจำไม่ได้ โทษทีๆ ตอนเช้าที่พี่พูด ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเลยอะ”

                “งั้นฟังฉันให้ดีๆ เมื่อเช้าฉันบอกนายว่า ‘ที่หนึ่งไม่สบาย ฝากดูแลด้วยนะ นอนซมอยู่ในห้อง’!”

                “!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “แล้วที่หนึ่งกินยาหรือยัง!” ผมถามเสียงดังด้วยความตกใจ ตั้งท่าจะเดินไปที่ห้องนอนของที่หนึ่ง แต่มือของพี่ตุลย์กับกระชากผมเอาไว้ให้กลับมายืนอยู่ที่เดิม

                “ที่หนึ่งกินยาแล้วก็หลับไปแล้ว”

                “หรอ ถ้างั้นก็ดีไป โล่งอก ได้นอนสักตื่นก็คงหาย” ผมถอนหายใจก่อนจะรู้สึกเจ็บจี๊ดที่แขนบริเวณที่พี่ตุลย์กำลังจับ กำลังจะเงยหน้าขึ้นไปโวยแต่ผมก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาด้วยความโกรธเกรี้ยว

                “เพิ่งคิดได้หรอว่าต้องเป็นห่วง!? มีเวลาเป็นห่วงทั้งวัน แต่มัวไปอยู่ที่ไหน!?”

                “ถ้าผมรู้ว่าที่หนึ่งอยู่ในห้อง ผมก็ไม่ออกไปหาเพื่อนหรอกหน่า!” ผมขึ้นเสียงบ้างด้วยความหงุดหงิดที่พี่ตุลย์ใช้กำลังกับผม ผมผิดผมรู้ตัวที่แม่งมัวแต่เมาขี้ตาจนไม่ได้ฟังที่พี่ตุลย์บอกเมื่อเช้า แต่มันผิดมากจนต้องมาบีบแขนผมแทบจะหักคามือแบบนี้เลยไหม! ถ้าที่หนึ่งเป็นอะไรไป จะซ้อมผม ผมไม่ว่า! แต่นี่ที่หนึ่งก็ไม่เป็นอะไร!

                “แล้วทำไมนายถึงไม่รู้ ในเมื่อฉันบอกไปตั้งแต่เช้าแล้ว!”

                “ก็ผมบอกพี่ไปแล้วไงว่าผมไม่ได้ตั้งใจฟัง ก็คนมันเพิ่งตื่น กำลังล้างหน้าแปรงฟันอยู่ มาบอกอะไรตอนที่ยุ่งๆ เล่า!”

                “พอนอนแล้วสมองตายหรอไง! ตื่นมาระบบประสาทนี่ไม่ทำงานเลยใช่ไหม!? แล้วล้างหน้าแปรงฟันนี่มันยุ่งมากงั้นหรอ? ยุ่งมากจนฟังอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม!”

                “ทำไมพี่ต้องพูดแบบนี้กับผมด้วยวะ! เออผมผิดที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่ที่หนึ่งก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนี่ ที่หนึ่งอายุจะสิบขวบแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว!”

                “แล้วนายจะรอให้ที่หนึ่งเป็นอะไรก่อนใช่ไหมเอสถึงจะสำนักผิดในความไม่ใส่ใจของตัวเองได้! รอให้ล้มหัวฟาดพื้น เลือดไหลนองก่อนใช่ไหมถึงจะรู้ตัวว่าปล่อยเด็กที่อายุ ‘แค่’ จะสิบขวบไว้อยู่คนเดียวมันอันตรายแค่ไหน!”

                “สิบขวบมันโตพอดูแลตัวเองได้แล้ว ถ้าที่หนึ่งมันดูแลตัวเองไม่ได้ต้องให้คนอยู่เฝ้าก็เพราะพี่คอยโอ๋ ประคบประหงมแบบนี้เนี่ยแหละ!”

                “ฉันไม่ได้กำลังพูดถึงเรื่องว่าที่หนึ่งดูแลตัวเองได้หรือยัง แต่ฉันกำลังพูดถึงเรื่องที่นายมันไม่ใส่ใจ เอส! ฉันอุตสาห์ไว้ใจให้นายดูแลลูกชายฉันแท้ๆ ไม่ต้องมาอ้างเรื่องอื่นเหตุผลเดียวที่นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดตอนเช้าก็เพราะนายเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง!”

                ผมกำหมัดแน่น กัดฟันกรอดด้วยความโมโห “ขอบคุณครับที่ ‘อุตสาห์’ ไว้ใจผม แต่เออผมมันคิดแต่เรื่องของตัวเอง ถ้าเป็นห่วงมากนัก ทำไมพี่ถึงไม่หยุดงานมาดูเองอะ เป็นพ่อมันไม่ใช่หรอไง!!”

                “นายเองก็เป็นครอบครัวของที่หนึ่งเหมือนกันนี่!”

                “ผมไม่ใช่! เกี่ยวโยงกันทางสายเลือดหรืออะไรก็ไม่มี! คนที่ควรทำจะดูแลที่หนึ่ง มันก็คือพี่ที่เป็นพ่อ ถ้าจะด่าก็ด่าตัวเอง ไม่ใช่มาด่าคนนอกอย่างผม!”

                “ฮึก...แงงงงงงง!”


                เสียงร้องไห้จ๊าของตอนต้นดังขึ้น ผมกับพี่ตุลย์หันไปมองพร้อมกัน แต่พี่ตุลย์ผู้เป็นพ่อเป็นฝ่ายที่หันหลังจากผมเดินเข้าไปอุ้มตอนต้น และจังหวะที่พี่ตุลย์หันกลับมาหาผมที่ยังหอบหายใจด้วยความฉุนเฉียว ความผิดหวังที่อยู่ในสายตาของพี่ตุลย์ ก็ราวกับมีค้อนปอนด์อันใหญ่กระแทกที่หัวอย่างจัง!


                และนั่นผมก็เพิ่งรู้ตัวว่า คำพูดที่พูดออกไป เป็นอะไรที่เหี้ยที่สุดเท่าที่ผมเคยพูดมา


                “พ่อครับ ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า? เสียดังเข้าไปในห้องของที่หนึ่งเลย” ที่หนึ่งที่มีคูลฟีเวอร์แปะอยู่ที่หน้าผากเดินเข้ามายังบริเวณ “อ้าว แล้วตอนต้นร้องไห้ทำไมครับ?”

                “น้องงอแงปกติ ไม่มีอะไรหรอกครับ คุยกันธรรมดาเนี่ยแหละแต่พ่อใช้เสียงดังไปหน่อย ขอโทษนะ” พี่ตุลย์เดินอุ้มตอนต้นเข้าไปหาลูกชายคนโต

                “แน่ใจนะครับ?”

                “แน่ใจสิ พ่อว่าลูกกลับไปนอนดีกว่า พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไข้ไวๆ” ว่าแล้วเขาก็ดันหลังที่หนึ่งให้กลับไปห้องนอนของตัวเอง เด็กนั่นก็หมุนตัวกลับไปอย่างว่าง่ายแม้จะแอบลอบมองกลับมาที่ผมหลายต่อหลายครั้ง


                ปัง...


                ทันทีที่ประตูห้องนอนของที่หนึ่งปิดลง ผมก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาตั้งท่าจะอธิบายสิ่งที่ผมพูดออกไป แต่ทุกอย่างก็ต้องกลืนหายกลับลงไปในลำคอกับสายตาที่ตัดพ้อและเต็มไปด้วยความผิดหวังของพี่ตุลย์


                “ฉันก็เพิ่งรู้ ว่านายคิดแบบนี้เอส”


                ปัง...


                พูดเสร็จ พี่ตุลย์ก็เดินอุ้มตอนต้นเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ทิ้งผมที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ก้มหน้าสำนึกผิด สุดท้ายแล้วผมมันก็แค่เด็กวัยรุ่นคนนึงที่ระงับอารมณ์ไม่ได้ และสนใจแต่เรื่องของตัวเอง!


                “นายเองก็มีครอบครัวเหมือนกัน ไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอกรู้ไหม?”

                “นายอยู่กับฉัน นายก็ต้องเป็นคนของครอบครัวฉันสิ”


                “...”


                โถ่เว๊ย!


100%
*ต่อกระทู้ด้านล่าง

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
*ต่อจาก 100%



                ผมปล่อยให้ตัวเองได้นั่งคิดทบทวนเกือบสองชั่วโมง ผมคิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ คิดทุกคำพูด คิดทุกอย่าง ทุกหนทางที่มันอาจจะเกิดในอนาคต จนกระทั้งผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะคิดฟุ้งซ่านเกินไปเลยตัดสินใจที่จะลุกขึ้น หันมองประตูห้องนอนของพี่ตุลย์ก่อนจะเดินผ่านมันไป ตรงไปยังห้องนอนของที่หนึ่ง คนที่ผมทำผิดไว้มากที่สุด


                ก๊อก ก๊อก...


                ผมเคาะตามมารยาทก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของที่หนึ่ง ห้องนอนของเด็กชายวัยเก้าที่เต็มไปด้วยของเล่นและตัวการ์ตูนมีร่างของเจ้าของห้องนอนอยู่บนเตียงเดี่ยว ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาใช้หลังมือวัดความร้อนที่แก้มของที่หนึ่ง รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าที่หนึ่งไข้ทุเลาลงมากแล้ว


                “...”


                “แล้วนายจะรอให้ที่หนึ่งเป็นอะไรก่อนใช่ไหมเอสถึงจะสำนักผิดในความไม่ใส่ใจของตัวเองได้!”


                ตอนนั้นผมเถียงพี่ตุลย์อยู่ในใจนะ ‘เอ้า ก็กูบอกว่ากูไม่ได้ยิน ไม่ได้ยินก็คือไม่ได้ยิน มันแปลว่าไม่ใส่ใจตรงไหนวะ!’ แต่พอได้คิดผมถึงรู้ว่า ใช่ พี่ตุลย์พูดถูก เพราะผมมันไม่ใส่ใจเอง ถ้าผมให้ความสำคัญกับไอ้เด็กนี่มากพอ ต่อให้พูดเสียงเบาแค่ไหน ผมก็ต้องได้ยิน ถ้าผมคิดเรื่องของตัวเองให้น้อยลงอีกนิด ใส่ใจเรื่องของคนอื่นให้มากขึ้น มันไม่มีทางเลยที่ผมจะไม่รู้ว่าที่หนึ่งกำลังไม่สบาย


                ผมทรุดตัวคุกเข่าลงข้างเตียง ตอนนั้นที่ผมนั่งคิดอยู่บนโซฟา ผมคิดด้วยนะว่าสมมุติว่าที่หนึ่งเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไงดี สมมุติว่าเด็กนั่นเกิดปวดหัวล้มฟาดพื้นไปอย่างที่พี่ตุลย์บอก แล้วจะทำยังไง ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งรู้สึกตัวเองมันแย่! ที่ไม่ใส่ใจฟังคำพูดของพี่ตุลย์เลยแม้แต่นิดเดียว


                “อื้ม...อันธพาลหรอ?”

                “เปล่า นี่พี่เอส” ผมตอบไอ้เด็กแสบที่ปรือตาขึ้นมามองผมเล็กน้อย “เป็นไงบ้างอะ? อยากได้อะไรไหม?”

                “ไม่อะ แต่รู้สึกตัวหนักมากเลย”

                “ผีอำหรือเปล่า” ผมพูดหยอกพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ถ้าเป็นปกติไอ้เด็กนี่คงโวยวายออกมาแล้ว แต่มันคงหมดแรงจริงๆ เลยไม่สวนอะรไกลับมาสักคำ “งั้นพี่ไปละ นอนซะ นอนเยอะๆ จะได้หายไวๆ”

                “อืม”


                ผมมองที่หนึ่งที่หลับตาลงไปแล้วก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องนอน เตรียมจะออกจากห้องให้ที่หนึ่งได้พักผ่อนเต็มที่แต่ก็ไม่วายหันกลับไปหาคนที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอีกรอบ “ขอโทษด้วยนะ”


                “ขอโทษที่หนึ่งทำไมอะ?” เด็กนั่นตอบทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา

                “ที่วันนี้ไม่อยู่ดูแล”

                “ที่หนึ่งโตแล้ว ดูแลตัวเองได้”

                “หรอออ” ผมลากเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ พอรู้สบายใจขึ้นแล้วผมก็ค่อยๆ เดินออกมาจากห้อง ปิดประตูห้องนอนของที่หนึ่งอย่างเบามือที่สุด ถอนหายใจโล่งอกกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของใครอีกคน ที่ผมก็รู้สึกผิดไม่แพ้กัน


                เพี๊ยะ!


                ผมตบปากพล่อยๆ ของตัวเองเป็นการลงโทษและเรียกขวัญไปในตัว เปิดประตูสอดตัวเองเข้าไปข้างใน ผมรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าผมเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจผม ไม่แม้แต่จะปรายตามองผม


                ผมรู้สึกแย่ แต่ก็รู้ตัวดีว่าผมไม่มีสิทธิอะไรในเมื่อผมเป็นคนทำให้เขารู้สึกไม่ดีก่อน


                “...”

                “...”

                “ขอโทษนะ”

                “เรื่องอะไร?”

                “เรื่องของที่หนึ่ง” ผมก้มหน้าพูดเสียงเบา “ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว มันเป็นอย่างที่พี่พูด เพราะผมเองที่ไม่ใส่ใจ สนใจแต่เรื่องของตัวเองจนไม่ได้ยินสิ่งที่พี่บอกเมื่อเช้า ผมรู้ตัวว่าผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่ทำอีก พี่ยกโทษให้ผมได้ไหม?”

                “...” พี่ตุลย์เงียบไม่ตอบแต่กลับหันมาสบตากับผมราวกับต้องการค้นหาความรู้สึกจริงๆ ข้างใน ผมเองก็สบตาตอบกลับไปเพราะผมอยากให้รู้ว่าผมสำนึกผิดกับทุกเรื่อง และต้องการให้เขายกโทษให้ผมจริงๆ “เฮ้อ...ที่จริงแล้วฉันเองก็คงผิด เอาแต่คิดว่า ’เดี๋ยวก่อนๆ คงไม่เป็นไร’ จนไม่ได้โทรย้ำเลยสักครั้ง ถ้าฉันเป็นกังวลเรื่องของที่หนึ่งอีกสักนิด ฉันก็คงโทรมาเตือนไปแล้ว”

                “...”


                ผมไม่อยากให้พี่ตุลย์คิดว่าตัวเองผิด ผมรู้ดีว่าเขาใส่ใจที่หนึ่งมากกว่าใครๆ ผมอยากให้เขาตำหนิผมมากกว่าตำหนิตัวเอง


                “เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ ฉันเองก็มีส่วนผิดด้วยแล้วอีกอย่างก็ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดกับลูกชายของฉันด้วย”

                “พี่จะยกโทษให้ผมหรอ?”

                “อืม ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอเอส ว่า ‘จะไม่ทำอีก’ แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรต้องไม่ยกโทษให้อีก?”

                “พี่ไม่ได้ประชดผมใช่ไหม?”

                “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วที่ต้องมานั่งประชดประชันกัน โกรธก็คือโกรธ ไม่ก็คือไม่ นายใช้เวลาอยู่ข้างนอกจนคิดได้ว่าตัวเองผิด แล้วคิดว่าฉันที่อยู่ในนี้จะไม่คิดอะไรบ้างเลยหรือยังไง? ฉันก็คิดเหมือนกัน ที่บอกว่าต้องทำงานก็เป็นข้ออ้างเท่านั้นแหละ ฉันลางานได้ สุดท้ายแล้วก็เพราะว่านายกับฉันยังใส่ใจที่หนึ่งไม่มากพอก็แค่นั้น”

                “...”

                “ฉันยกโทษให้นายและฉันเองก็ยกโทษให้ตัวเองด้วย ทั้งนายและฉัน ‘จะไม่ทำอีก’” แล้วรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฎขึ้น ผมมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลายก่อนจะเดินเข้าไปหา แล้วนั่งลงขอบเตียงหันหลังให้กับคนที่อยู่ก่อน

                “ตอนงานวันแม่ พี่บอกว่าผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้เหมือนกัน ผมดีใจมากเลยนะ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าที่พี่พูดตอนนั้นเพราะบรรยากาศมันพาไปหรือพูดให้ผมดีใจเล่นๆ แต่ไม่ว่าอะไรผมก็ดีใจกับมันมากจริงๆ

                “...”

                “ตั้งแต่พ่อผมตาย ก็ไม่เคยมีใครพูดกับผมแบบนี้เลยสักครั้ง ไม่มีใครทำกับผมเหมือนผมเป็นครอบครัวของเขาเหมือนกัน พอพี่พูดกับผมวันนั้น มันก็มีความคิดนึงขึ้นมาว่า นี่คือครอบครัวของผม แต่ลึกๆ ผมก็คงคิดแหละว่า ‘ใช่หรือเปล่าวะ? ครอบครัวกับคนที่ไม่มีสายเลือดเดียวกันแน่นะ อาจจะพูดไปอย่างงั้นก็ได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่คนนอกเหมือนเดิม’ ผมยอบรับนะ ว่าผมพูดพล่อยๆ เองแหละ พูดไม่คิด ไม่ใช้สมอง ปากไม่ดี แต่ผมก็อยากให้พี่เข้าใจ...ผมอยากเป็นครอบครัวของพี่ด้วย ผมไม่ได้คิดว่าพี่ ที่หนึ่ง ตอนต้นเป็นคนนอก เพียงแค่ลึกๆ ผมไม่มีความมั่นใจ กลัวว่าพี่ไม่ได้คิดเหมือนกัน”

                “นายก็รู้ดีว่าฉันไม่ใช่คนปากพล่อย”

                “ก็รู้ แต่ทำยังไงได้ เห็นผมเป็นแบบนี้ ก็มีบางเรื่องที่ไม่มั่นใจเหมือนกันนั่นแหละ” ผมหันขวับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง “แต่ก็ขอโทษนะ ถึงอย่างนั้นแต่ผมก็พูดไม่ดี ทำให้พี่เสียความรู้สึก”

                “นายเป็นครอบครัวของฉัน เป็นคนของครอบครัวนี้”

                “...” ผมทำได้เพียงแค่รับฟังและมองตาคนที่พูดคำว่า ‘ครอบครัว’ กับผมอีกครั้ง

                “ฉันจะบอกนายแบบนี้ จนกว่านายจะมั่นใจ จนกว่าไม่ว่าจะโมโหมากแค่ไหน นายจะไม่พูดแบบนั้นออกมาอีก”   


                ผมหัวเราะ เอนตัวลงนอนบนเตียงเดียวกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก ใช้ทั้งแขนทั้งขาก่ายไอ้พี่ตุลย์เอาไว้แน่น จมหน้าตัวเองเอาไว้กับเอวของอีกฝ่าย ความตื้นตันประหลาดๆ นี่ทำให้ผมรู้สึกอยากร้องไห้และอยากจะหัวเราะไปพร้อมๆ กัน


                ตอนนี้ผมเก็ทเรื่อง Inside out ที่ไปดูกับไอ้ปันเลย พอเราสุขหลังจากเศร้า ความสุขนั้นแม่งเท่าทวีคูณอะ


                “วันนี้นอนด้วยกันไหม?”

                “นอน~”





TBC
คิดถึงไอ้เอสกันอยู่ไหมมมมมมมมมม อย่าเพิ่งลืมกันนะะะะ
กรี๊ดดดด ยังอยู่ในลิมิต 1 อาทิตย์ เอาแบบตอนยาวโคตรๆ มาให้เป็นการขอโทษ ฮือออออออ
วันนี้ปั่นจนหัวฟู เพราะว่า บาสคณะคนเขียนได้ที่สอง เย้!
และด้วยเป็นการฉลอง และ ขอโทษไปในตัว พรุ่งนี้รอเลย ตอนพิเศษ รับรองว่าพิเศษแน่นอน!
พรุ่งนี้นะ รอเลยนะ รอเลยยยย!

#daddybelover



สปอย ตอนพิเศษ
' คือตอนเย็นๆ มันเป็นฟิลลิ่งคนเพิ่งดีกันไง คือเก็ทปะ แต่ตอนนี้...คือกูว่ามันไม่ใช่ '
' อยากจับนมผม อยากทำอะไร ทำเลยครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ ไม่รู้สึกหรอก บอกเลย '

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 o13

ยกนิ้วให้เอสเลย

ชอบที่เอสเป็นคนมีเหตุผล รักฮิมมากๆ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด