บทที่ 31 บทส่งท้าย
[/b]
Yonah Say สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือความเจ็บแปลบที่หัวไหล่เพราะถูกฉีดยาสลบเข้าตัว ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืด เวิ้งว้างว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา มันอาจเป็นความฝันหรือไม่ก็โลกหลังความตาย คิดได้แบบนั้นมันก็ชวนให้ใจหายวาบ...ไม่จริงนะ ผมอาจจะแค่หลับไป คนที่ผมเฝ้าภาวนาให้ตามมาช่วยคงไม่ได้มาช้าเกินไป นึกถึงดวงตาสีฟ้าสดใสนั่นแล้วรู้สึกมีความหวัง...นี่สินะที่เขาว่าหากนึกถึงคนที่เรารักมันมักทำให้เรามีพลังขึ้นมาได้ จะว่าไป รอทเองป่านนี้คงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ผมหนีมาแบบนี้ อยากเจอหมอนั่นจัง.
..อยากเจอ...อยากเจอ พลันภาพรอบตัวก็เปลี่ยนไป
รอท!...ผมร้องเรียกคนที่อยู่ตรงหน้าหากแต่ไม่มีเสียงใดออกจากปาก ตอนนี้ผมนั่งคร่อมอยู่บนร่างของคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด แต่ทำไมดวงตาคู่นั้นดูเจ็บปวดและสิ้นหวังนัก นอกจากนั้นมือของผมยังกำลังบีบคออีกฝ่ายแน่น...ไม่นี่ไม่ใช่ผม แต่เป็นร่างผมที่คงโดนลูซิเฟอร์ชิงไปแล้ว ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้! ผมได้แต่กรีดร้องในใจอย่างบ้าคลัง ฆ่าไม่ได้ ผมพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดคล้ายมือตัวเองออก...หยุด เชี่ย กูบอกให้หยุด ลูซิเฟอร์ห่าเหวอะไรกูไม่สน นั่นแฟนกู นี่ตัวกูเอาคืนมา...
"เจ้าเด็กบ้า ออกไปจากหัวข้า...อ๊าก... เจ้าควรจะตาย วิญญาณเจ้าควรจะตาย....เจ้าก็ด้วย" ลูซิเฟอร์ตวาดลั่นก่อนมือที่ผมพยายามออกแรงรั้งไว้จะถูกแรงมหาศาลยื้อไปคว้าเอาหอกลองกินุสก่อนกระชากขึ้นสูงอย่างคุมไม่อยู่หมายจะปลิดชีพคนที่ผมรัก รอทหลับตารับชะตากรรมตัวเองลงอย่างสงบ
...ไม่!!! มึงต่างหากที่ต้องตาย งั้นก็ตายไปพร้อมๆ กันนี่แหละ... ฉึก!!! หอกลองกินุสปักลงบนอกผมด้วยมือตัวเอง.
..สำเร็จ...ผมทำสำเร็จ แม้จะเจ็บปวดจากบาดแผลแต่เมื่อมองหน้ารอทที่จ้องผมตอบอย่างตื่นตะลึงพลันให้รู้สึกเบาใจขึ้นทันใด มันปลอดภัยถึงสภาพสะบักสบอมเพียงใดมันก็ยังปลอดภัย จนผมหลุดยิ้มออกมาอย่างดีใจลืมความเจ็บปวดและเลือดที่ไหนนองพื้นไปสิ้น
"รอท" ผมเรียกมันเสียงแผ่วเมื่อภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนไปพร้อมๆ กับเรี่ยวแรงที่จางหาย แย่แล้วเวลาของผมกำลังหมด ผมยังไม่ได้บอกรักมันเลย ไม่เอา...ผมยังไม่อยากตาย แต่เหมือนร่างกายผมคงยื้อต่อไปไม่ไหวเพราะตอนนี้ได้ล้มฟุบลงบนตัวอีกคน
...รอทมึงกอดกูสิ...ขอเวลาอีกนิด...ยังไม่ใช่ตอนนี้... ราวกลับร่างนั้นล่องลอยว่างเปล่า ปราศจากความรู้สึก รอบตัวสว่างจ้าไปหมด ความตายรู้สึกแบบนี้หรอ งั้น...ผมจะได้ไปเจอแม่กับไอ้ธีรแล้วสิ แต่เดี๋ยวนะ เหมือนผมจะได้ยินใครร้องไห้จากที่ไกลๆ ใครนะเสียงคุ้นจัง ผมเดินเข้าหาเสียงนั้น มันชัดขึ้นชัดขึ้น...
รอท!! "โย...ฟื้นสิ...โย อย่าทิ้งผมไป" เสียงสะอื้นนั้นดังอยู่ข้างหู พาให้หัวใจสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ผมรับรู้ถึงแรงกอดที่รัดตัวผมแน่น ก่อนตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่ฝันหรือโลกหลังความตาย...เพราะผมยังไม่ตาย และนี่คือความจริงที่เมื่อลืมตาผมก็เจอกับคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด และมันกำลังร่ำไห้เรียกชื่อผมไม่หยุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ไม่ยักรู้...ว่าคนอย่างนายก็ร้องไห้เป็น" ผมถามเสียงเบา ยิ้มขำเมื่อเห็นหน้าเหวอๆ ของไอ้คุณรอท
"
โย!" ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นร้องลั่นออกมาอย่างประหลาดใจที่ผมยังไม่ตาย อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผมเองยังงง แม้แต่แผลตรงกลางอกก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว
"นายยังไม่ตาย" ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นดูยินดีและสับสน "ทำไม!?"
"จะ...จะไปรู้หรอ...อ๊ะ เบา หายใจไม่ออก" ผมโวยเพราะรอทดันกอดผมแน่นจนเริ่มหายใจไม่ออก "นี่ปราสาทอาร์เคนหรอ"
"ใช่..." ผมมองไปรอบๆ ตอนนี้เราอยู่ในห้องโถงที่โดมกระจกด้านบนแตกกระจุย เสา พื้น หน้าต่าง ทุกสิ่งทุ่งอย่างในนี้ล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายจากการต่อสู้ รวมถึงสภาพแต่ละคนเหมือนเพิ่งผ่านศึกสงครามมา บ้างอยู่ในร่างอมนุษย์บ้างบาดเจ็บจนเพื่อนต้องช่วยพยุงบอกให้รู้ว่าทุกคนทุ่มสุดตัวเพื่อนช่วยผม...จนอดรู้สึกซาบซึ้งใจไม่ได้
"ขอบคุณ...ขอบคุณทุกคนที่มาช่วย" ผมบอกพร้อมมองหน้าทุกๆ คน ที่เพียงแค่ยิ้มตอบกลับมา ผมมองหาตัวการที่ทำให้ต้องมาอยู่ตรงนี้...ไอ้สารเลวนั่นโดนจัดการไปแล้วหรือยัง
"มันตายไปแล้ว" ไอ้ข้าวบอกพลางหลบให้ผมเห็นศพของมัน ซึ่งอัลไสวเดอร์กำลังนั่งมองอยู่ไม่ห่าง เดาว่าพ่อคงเสียใจเพราะยังไงนั่นก็พี่ชายเขา
"มันจบแล้วสินะ" ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพร้อมหันมายิ้มให้รอท
"ใช่...มันจบแล้ว กลับบ้านกันเถอะ"
"อืม"
....................................................................
หลังจากปิดเทอมอันแสนวุ่นวายชีวิตวัยรุ่นของผมก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งในเทอมสอง ถึงแม้ที่ผ่านมาผมได้สูญเสียคนสำคัญไปถึงสองคนแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยเพราะตอนนี้ผมมีพ่อที่ขี้บ่นไม่แพ้แม่ษาเลย แล้วก็ไอ้คุณรอทที่ตามติดผมไม่ต่างจากเงา เรื่องที่เกิดขึ้นที่ปราสาทอาร์เคนใช่ว่าจะได้ผ่านไปเงียบๆ พ่อโดนคดีนิดหน่อยเพราะกลุ่มคนของพ่อดันเคยไปสร้างความยุ่งยากให้กับพวกสภาจึงต้องมีการทำงานชดใช้ความผิดด้วยการเขียนตำราพิธีกรรมและภูมิเวทย์ต่างๆ แก่ห้องสุดของสภากลาง ส่วนรอทก็โดนสอบหนักแถมยังต้องเขียนรายงานยาวเหยียดเรื่องของการเกณฑ์คนของสภามาใช้ในเรื่องส่วนตัว แถมยังโดนพี่ซอนเน่บังคับไปทำงานแทนทันทีเมื่อเรียนจบ ช่วงนี้ใช้ชีวิตสบายๆครับปีสามเทอมสองไม่มีอะไรมากสำหรับมัน แถมงานนักล่าตอนนี้ก็มีคนมาทำแทนแล้วครับ ได้ยินมาว่าเป็นลูกบุญธรรมของพี่ชายรอทมาจากตระกูลราเวน...ก็ตามชื่อเลยครับ ราเวน เป็นเผ่าอีกาครับ คล้ายๆ พวกมนุษย์หมาป่าเพราะพวกนี้กลายร่างเป็นอีกาได้ครับ ส่วนผมตอนแรกก็ร่ำร้องอยากทำงานนักล่าของสภาแต่จากเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้ขอทำตัวเป็นเด็กมหาลัยธรรมดาดีกว่าครับ
"ถามจริง วันๆ นายไม่มีเรียนหรือไงฮะ " ผมหันไปว่าไอ้คนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างกาย เอ่อวันนี้เรียนเพนท์ครับ ออกมาวาดรูปนอกสถานที่กันเป็นพระราชวังใกล้ๆ มหาลัยนี่แหละ ส่วนไอ้คุณรอทก็อย่างเช่นทุกวันถ้ามันว่างก็จะตามมาเฝ้าผม
"มีวิชาบรรยายโดดได้ ค่อยเข้าสอบเอา" ครับ...เข้าใจครับว่ามึงเก่ง ผมได้แต่มองมันแบบหน่ายๆ เอาเถอะครับผมเริ่มชินกับการโดนเพื่อนในคณะแซวแล้วครับ แต่ที่ไม่ชินคงเป็นหมาสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่นอนกระดิกหางดิ๊กๆ อยู่ข้างไอ้ข้าวหอมนี่ละครับ
"พี่หมอมึงไม่เข้าเวรหรือไงวะ" ฟังไม่ผิดหรอกครับนั่นพี่ริคขวัญใจน้องข้าวนั่นแหละครับ ผมเคยบอกไปหรือยังว่าแวร์วูฟนะ มีสามร่าง มนุษย์ มนุษย์หมาป่า แล้วก็หมาป่าครับ
"กูก็ไม่รู้วะ กูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องห่วงกูมาก นี่ถ้าเสียการเสียงานจะทำไงวะแม่ง" มันหันไปดุ จนพี่ริคถึงกลับครางหงิงๆ เอิ่ม...เหมือนหมากลัวเจ้าของเลยครับ ปัญหามันเกิดก็ตั้งแต่ไอ้เพื่อนรักมันตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองเป็นซัคคิวบัสเพราะต้องการพลังมาช่วยผม แต่ก็อย่างที่รู้กันเผ่าพันธุ์นี้เขามีดีเรื่องเสน่ห์ทางเพศ ไอ้ข้าวมันเลยราศีจับออร่าวิ้งวับดึงดูดให้คนเข้ามาแจกขนมจีบอย่างช่วยไม่ได้ เดือดร้อนพี่หมอต้องมาเฝ้าถ้าว่าง ครั้นจะใส่เสื้อกราวมานั่งเฝ้ามันก็ไม่เนียนเลยมาในร่างหมาป่า จนกลายเป็นหมากันหมาอยู่อย่างนี้ละครับ
"อ๊ายย...ไอ้ข้าว หมาที่ไหนวะ" นั่นไงครับความชุลมุนกำลังจะเริ่มเมื่อแก๊งสาวๆ กรูกันเข้ามาลูบมาคลำขนนิ่มๆ ของไอ้พี่ริค แถมพี่ท่านยังกระดิกหางรับ เรียกคะแนนนิยมไปอีกครับ...เฮ้อ! เพลียแทนเพื่อน
"โย...งานเสร็จยัง" คนข้างตัวถามขึ้น ก่อนที่ผมจะมองสำรวจเฟลมผ้าใบของตัวเอง
"หืม...ก็เสร็จแล้วละ"
"งั้นกลับกันเถอะ" มันรบเร้า พลางเก็บของให้ผมเสร็จสรรพ
"ละ...แล้วไม่รอไอ้ข้าวกับพี่หมอหรอ"
"กลับไปก่อนเลยมึง ของกูอีกนาน" ไอ้ข้าวบอกพลางโบกมือไล่ผมด้วยครับ "ไปเลยชิ่วๆ"
"เออ! แล้วเจอกัน"
ไอ้คุณรอทจูงมือผมให้เดินตาม ไอ้อาการมองนาฬิการัวๆ บ่งบอกว่ามันรีบ...จะไปไหนของเขานะ มันเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งในรถก่อนตัวมันจะเอาอุปกรณ์ทั้งหมดไปวางที่เบาะหลังแล้วมาประจำที่คนขับ นัยน์ตาสีฟ้ามองผมเป็นประกายโชวสิ่งที่อยู่ในมือ...ผ้าเช็ดหน้า!!?
"เฮ้ย! จะทำอะไร" ผมเอี้ยวตัวหลบเมื่อมันทำท่าจะเอาผ้าปิดตาผม
"มีเซอไพร์นิดหน่อย...น่า...ไม่เอาไปทิ้งที่ไหนหรอก" มันยิ้มกว้างยืนยันในสิ่งที่พูด...เซอไพร์ห่าอะไรวะ คงไม่ลากเอาอมนุษย์ทั่วสารทิศมาโชวร่างจริงหรือไม่ก็โชวคลังแสงที่มีขีปนาวุธให้ดูหรอกนะ ผมพยักหน้าเออออกับมันไป เอาเถอะการที่เกือบตายมาสองครั้งผัวผมมันประคบประหงมเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน มันคงไม่ทำอะไรอันรายกับผมหรอกครับ รอทผูกผ้าปิดตาก่อนขโมยจูบหน้าผากผมไปที รับรู้ถึงเสียงเครื่องยนต์ที่เริ่มทำงานกับแรงกระชากจากรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง...เพิ่งสี่โมงเย็นกว่าๆ มันจะรีบไปไหนวะ มองก็ไม่เห็นแถมคลอด้วยเพลงป๊อปสบายๆ ผมจึงตัดสินใจเอนเบาะนอนไว้ถึงที่ให้รอทปลุกเอาแล้วกัน
เสียงเปิดประตูฝั่งคนขับดึงผมออกจากนิทราก่อนที่รอทจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ผมก่อนที่จะจูงผมเดินออกไป ดินอ่อนนุ่ม เสียงคลื่น สายลมพัดอ่อน และแสงสีส้มที่ลอดผ่านผ้าปิดตาผืนบางบอกให้รู้ว่าที่นี่คือทะเล กลิ่นดอกไม้อ่อนๆ ที่ลอยมาตามลมทำเอาผมหลุดยิ้มกับบรรยากาศแสนสงบของสถานที่แห่งนี้ อยากรู้แล้วสิว่ามันจะเซอไพร์ผมด้วยอะไร...ตื่นเต้นจริงจัง
"ถึงแล้วครับ" มันกระซิบข้างหูให้ขนลุกวาบ ก่อนจะค่อยๆ แกะผ้าปิดตาออกอย่างเบามือ บ้านตากอากาศชั้นเดียวสไตล์โคโลเนียลปรากฏต่อสายตา รอบบ้านเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ พร้อมกับสระว่ายน้ำที่ดูกลืนไปกับวิวทะเลซึ่งตอนนี้อาบไปด้วยแสงสีแดงของอาทิตย์อัสดง คงไม่มีคำนิยามใดนอกจาก...สวย ทั้งบรรยากาศทั้งตัวบ้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายแห่งการพักพิง
"ชอบไหม" ผมยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้ารับรัวๆ
"ชอบสิ สวยมากเลย...บ้านนายหรอ"
"เปล่า...นี่บ้านของเรา" มือกร้านคว้ามือผมไปจับ ดวงตาสีฟ้ามองผมพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น พลันให้ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ โอ๊ย...เขิน หยุดมองซักทีเถอะ เราต่างคนต่างเงียบเมื่ออีกคนยังยิ้มกว้างส่วนผมก็เอาแต่หลบสายตานั่น ถึงเราจะนอนด้วยกันอยู่ด้วยกันทุกวัน จนเหมือนมีอีกคนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่เราไม่เคยได้ทำอะไรพิเศษให้กันอย่างมอบดอกไม้ ดินเนอร์ใต้แสงเทียนหรือของขวัญแทนใจให้กันดังเช่นคู่อื่นๆ นั่นทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกในตอนนี้
"ต...เตรียมไว้นานแล้วหรอ" ผมถามเสียงเบา
"ก็...ตั้งแต่จบเรื่องนั่นแหละ" รอทตอบพลางเสตามองไปรอบๆ ไอ้อาการบีบมือผมเป็นพักๆ อย่าบอกนะว่ามันกำลังเขิน!!! "ที่เกือบเสียนายไป มันทำให้ผมได้รู้ว่าควรทำอะไรให้นายบ้าง แต่ติดที่ว่าโยก็เป็นผู้ชายก็ไม่รู้ว่าอะไรที่จะทำให้นายประทับใจได้ สร้อย แหวนหรือช่อดอกไม้ก็ไม่รู้ว่านายจะถูกใจหรือเปล่า ก็เลยมานั่งคิดว่าอะไรละที่ผมอยากให้นายมากที่สุด...แล้วผมก็ได้คำตอบ" มันกลับมาสบตาผมจริงจัง
"แล้วอะไรละ"
"บ้านไง บ้านที่เป็นของเราสองคน...เพราะสิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือการใช้ชีวิตอยู่กับนาย..." คำตอบที่ได้รับนำพาความอบอุ่นมาสู่ใจ ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอเหมือนกับผมที่แม้จะผ่านเรื่องร้ายๆ มาแต่ตอนนี้ผมกลับกำลังมีความสุขกับคนตรงหน้า
"ขอบคุณนะ ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ" ผมโถมเข้ากอดร่างสูงซบลงกับอกกว้างนั่น ปลาบปลื้มจนน้ำตาซึม
"อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ" เสียงทุ้มเอ่ย...มันไม่ต่างจากคำขอแต่งงานเลยให้ตายสิ ผมแทบละลายลงตรงนี้แล้วนะ
"อืม" สุขจนพูดไม่ออกเลยครับ
"ผมรักโยนะ"
"อืม"
"นี่จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ" มันว่าพลางเชยคางให้มองหน้ามัน
"พะ...พูดอะไร"
"โยรักผมหรือเปล่า" อ๋อนึกว่าอะไร ยังจะมาทวง
"รู้อยู่แล้วจะถามทำไม" ผมเฉไฉ ทั้งเขินทั้งอาย ไอ้คำง่ายๆ แม่งพูดยากจังวะ...
อ๊ากกกก!!! "ไม่พูดจะรู้ได้ไง...หืม!!!" ใบหน้าคมดูขัดใจ
"ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้"
"แค่บอกรักผม...น่า...พูดหน่อยนะ" มันอ้อน เห็นแล้วอยากแกล้งเลยครับ
"ไม่พูดจะทำไม" ยักคิ้วน้อยๆ กวนตีนมัน ไอ้รอทตีหน้านิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายชวนให้ผมเสียวสันหลังวาบ "
เฮ๊ย!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่มันอุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาว "จะ...จะทำอะไร"
"เค้นคำว่ารักจากคนปากแข็ง" มันว่าก่อนจะกดจูบลงมาโดยที่ผมไม่ทันได้แย้ง บทจูบร้อนแรงดำเนินไปพร้อมกับไอ้แวมไพร์หื่นกามจะก้าวยาวๆ เข้าไปในบ้าน ให้ตายสิคืนนี้ผมจะปากแข็งกับมันไปได้ซักกี่น้ำ...
จบเถอะ Talk Talk
[/b]
-จบแล้วกรี๊ดดดดดดดดดดด เดี๋ยวจะมีตอนพิเศษมาแถมให้นะค่ะ
ขอโทษที่อัพช้ามัวแต่ไปนั่งวาดรูป ฮ่าๆ
-อยากให้สรุปติชมให้หน่อยค่ะเพราะจะได้เอาไปปรับปรุงเรื่องต่อไปค่ะ ...ส่วนตัวที่รู้ว่าเป็นจุดบอดของงเราคงเปน คำผิด จับฉากโรเเมนติกทั้งหลายค่ะ
-ไอ้เรื่องรวมเล่มหน้าปกเสดแล้วค่าาา แต่เราไม่เคยทำเลย ใครพอมีโรงพิมพ์ ที่พิมพ์จำนวนน้อยได้ แนะนำหลังไมกันมาด้วยเน้อ อีบุ๊คก็น่าสนเนอะ
หากเสนอและได้ราคาที่แน่นอนจะมาบอกอีกทีนะค่ะ บางทีเราควรทำโพลสำรจซักนิด
-นี่เป็นหน้าปกค่ะ งานดรออิ้งสีไม้ ของจริงแผ่น A3 ค่ะเพื่อที่แสกนแล้วภาพจะสวยคมชัด เดี๋ยวต้องไปทำเพิ่ม ในphotoshop ใส่ฟร้อนเเต่งกรอบ อีกนิดค่ะ
-สุดท้ายนี้ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ ที่ทำให้จิตนาการเพ้อฝันของเราดูเป็นสิ่งมีค่าขึ้นมาค่ะ ขอบคุณจากใจเลย...โปรเจคใหม่เจอกันเร็วๆ นี้ค่ะ