:Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: :Love ♥ no boundaries: ตอนพิเศษส่งท้าย บ๊ายบาย [END] 22.09.18  (อ่าน 800336 ครั้ง)

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #330 เมื่อ13-09-2015 15:43:54 »

ยักษ์นี่มันเด็กน้อยเอาแต่ใจชัด ๆ 5555

ออฟไลน์ wawa_piya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #331 เมื่อ13-09-2015 18:06:01 »

รอคู่นี้อยู่เบยยยยย

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #332 เมื่อ13-09-2015 20:09:03 »

 :เฮ้อ: :pig4:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #333 เมื่อ13-09-2015 20:53:14 »

ยักษ์เอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สงสารเอเรี่ยลบ้างเถอะ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #334 เมื่อ13-09-2015 22:07:26 »

อิยักษ์เอาแต่ใจตัวเองมากไปไหม

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #335 เมื่อ14-09-2015 01:16:51 »

หมั่นไส้ยักษ์แล้ว แรงดีเกิน รังแกเอเลี่ยนตลอด

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #336 เมื่อ14-09-2015 12:53:42 »

พี่ยักษ์อย่ารุนแรงกับเอเลี่ยนเยอะนักซิ
แค่เบาเบาลงหน่อยเอเลี่ยนน้องก็คงฟินแล้ว
 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 35%} 13.09.58::
«ตอบ #337 เมื่อ14-09-2015 20:43:34 »

รุนแรงไปแล้วไอ้ยักกกกษ์  :angry2: เอเลี่ยนตัวนิดเดียวเอง ฮ่วย

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #338 เมื่อ15-09-2015 18:30:44 »

EPISODE 10 [70%]


ผมแอบเสียดๆ ที่ทางเข้าด้านหลังของตัวเอง มันเสียดแปล๊บๆ เดาว่าคงเป็นแผลมุมใดมุมหนึ่งที่กลีบเนื้อด้านนอก ปกติร่างกายฝ่ายรองรับอย่างผม ถ้าเจ็บ ถ้าแสบโดยมากจะเป็นเพราะปากทางเข้าปริออก ส่วนด้านในก็มีช้ำชอกตามแต่ขนาดของอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่าขนาดอย่างวิคเตอร์แล้วทำแรงขนาดนั้น คงทำผมช้ำอยู่ไม่น้อย แต่ร่างกายคนเราก็มีความมหัศจรรย์ในตัวมันเอง เพราะมันก็ฟื้นฟูตัวมันเองได้ รอบก่อนออกมาคงไม่ใช่จุดกำเนิดความเจ็บหลัก น่าจะเป็นเพราะเมื่อเช้าที่เขากระแทกเข้ามาแรงเกินไป พอมาซ้ำอีกรอบมันเลยยิ่งเสียดแสบเข้าไปใหญ่ วิคเตอร์เห็นผมเดินกะเผลกๆ ก็ยิ้มแซว แต่ก็ยังมีน้ำใจมาช่วยพยุงผมเดินมารอลิฟต์
   

“หาเรื่องโกรธนายบ่อยๆ ดีกว่า” เขาว่าเสียงชื่นมื่น หน้าตาสดชื่นตามไปด้วย ผมแอบมองค้อนควักและก็ได้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา
   

“ถ้ามันไม่รัดไม่แน่นเหมือนเดิม รู้ไว้เลยนะ เพราะคุณนั่นแหละ” ผมขู่ฟ่อ วิคเตอร์หัวเราะอารมณ์ดี เขาก้มลงใช้จมูกขยี้แก้มขวาผมแรงๆ ผมแอบย่นหน้าเพราะได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเขา
   

“ถ้าสูบบุหรี่อีก ไม่ต้องมาจูบผมแล้วนะ รสบุหรี่ติดอยู่ในลิ้นเต็มเลย” ผมพูดพลางแลบลิ้นแผลบๆ ออกมาเร็วๆ กลิ่นขมๆ ของบุหรี่ติดอยู่ที่ลิ้นจนต้องเบ้หน้า
   

“เคยบอกแล้วไงว่าถ้าไม่อยากให้สูบ ต้องเอาจูบนายมาแลก”
   

“ก็อันนี้คุณหนีผมไปสูบนี่” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากร้ายกาจ มือซ้ายโอบไหล่ผมไว้แน่น เขาก้มมองผมครู่หนึ่ง ก่อนที่มือขวาเขาจะยื่นมาจับมือผมทั้งสองข้าง
   

“นาฬิกาไปไหน” ผมยิ้มแหยกับหน้านิ่งๆ ของเขา เพิ่งง้อกันไปเอง นี่จะโกรธกันอีกแล้วรึเปล่าเนี่ย
   

“อยู่ในกระเป๋าเป้ครับ เดี๋ยวผมกลับไปเอาก็ได้” ผมทำท่าจะเดินกลับไปที่ห้อง แต่วิคเตอร์จับไหล่ผมไว้แน่น
   

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันกลับไปเอาให้ ลิฟต์มาก็กดรอไว้แล้วกัน” เขาเดินกลับไปทางห้องพักของเรา ผมหันไปมองลิฟต์ พอมันขึ้นมาผมก็กดค้างไว้สักพักจนมันร้องเตือน ผมชะเง้อมองวิคเตอร์ ผ่านไปน่าจะหลายนาที เขาก็ก้าวยาวๆ เดินกลับมา ในมือมีนาฬิกาติดมือมาด้วย ผมเข้าไปรอเขาในลิฟต์ เขาเดินตามเข้ามา พอผมกดชั้นเสร็จ เขาก็ดึงข้อมือผมไปใส่นาฬิกาให้ทันที
   

“คราวหน้าห้ามลืมอีกนะ” เขามองหน้าผมด้วยสายตาดุ ผมบู้ปากใส่เขา วิคเตอร์ปล่อยมือผมออกตอนที่ใส่นาฬิกาให้เสร็จแล้ว
   

“ก็ผมไม่ชินนี่นา ปกติก็ดูจากมือถือตลอด”
   

“ไม่ชินก็ต้องใส่ ห้ามลืมอีก” เขาขี้หน้าคาดโทษผมไว้เลย ผมก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักสีหน้าจำยอม
   

ออสตินรออยู่หน้าทางเข้าโซนรับประทานอาหารของโรงแรมอยู่แล้ว นี่ก็ยังคงนิ่งไม่เสื่อมคลาย ทายาทอสูรของวิคเตอร์ชัดๆ ผมยิ้มไปให้แทนที่จะยิ้มตอบ กลับแค่ผงกหัวมาให้เล็กน้อย
   

“กินอะไร เดี๋ยวฉันไปตักให้ เดินไม่ไหวก็นั่งรออยู่นี่แหละ” วิคเตอร์บอกตอนที่เรามาถึงโต๊ะด้านในริมสุดที่ค่อนข้างดูเป็นส่วนตัวมากหน่อย
   

“เอาไข่ดาวสามฟอง เบคอนเยอะๆ ฮอทดอกเยอะๆ ราดซอสพริกนะ อ้อ ขออ็อมเล็ตด้วย” วิคเตอร์พยักหน้ารับ ยื่นมือถือมาให้ผม
   

“รหัสวันเกิดกับเดือนเกิดนาย” เขาบอกแค่นั้นแล้วเดินไปตรงโซนครัวที่มีถาดอาหารวางอยู่มากมาย ผมหันกลับมาเล่นมือถือของเขา แอบยิ้มเขินคนเดียวที่เขาใช้รหัสเกี่ยวกับตัวผม ไม่คิดว่าเขาจะจำด้วยซ้ำ ผมกดรหัสตามที่เขาบอก มันปล็ดล็อคได้จริง ผมเปิดโซเชียลไปเรื่อยเปื่อย มีการแจ้งเตือนเป็นล้าน (เหมือนเวอร์ แต่ผมว่าถึงนะ) แน่นอนละ เขาเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเฟซบุ๊ค ไอจีหรือทวิตเตอร์ คนเมนชั่นหาเขาตั้งมากมาย ไหนจะยอดกดไลค์ที่แล่นเรื่อยๆ ทั้งวันอีก
   

ผมเข้าไปดูอินสตาแกรมเขาซึ่งไม่ได้เข้าไปส่องสักพักแล้ว รูปล่าสุดที่เขาอัพคือรูปเจ้าไมเคิลกับฟอกซ์ที่นอนอยู่เคียงกัน ดูจากองค์ประกอบรูปแล้วน่าจะเป็นในครัวบ้านเขา รูปนี้อัพประมาณสองอาทิตย์ก่อน คนกดไลค์ตั้งหลายแสน ดูเหมือนจะเป็นรูปธรรมดาแต่แคปชั่นกลับทำเอาผมสะดุด
   

‘I’m gonna bring your mother back.’
   

ผมย่นคิ้วอย่างนึกสงสัยว่าไอ้สองตัวนี้มีแม่ด้วยเหรอ ก็ในเมื่อวิคเตอร์เก็บมันมาเลี้ยงทั้งคู่ ผมเก็บความสงสัยไว้ถามวิคเตอร์อีกที กดออกจากแอพไอจี เข้าไปดูรูปในแกลเลอร์รี่ในมือถือ เปิดเข้าไปภาพเซ็ทแรกก็ทำเอาผมแทบหน้าทิ่ม เมื่อมันเป็นภาพของใครคนหนึ่งนอนเปลือยหลังอยู่บนตียง มีผ้านวมห่มปิดช่วงล่างเอาไว้ ที่หน้าผมจะทิ่มก็เพราะรูปนั้นมันเป็นรูปผมเอง นี่เขาแอบถ่ายตอนผมหลับด้วยเหรอเนี่ย แล้วถ่ายไว้ซะเยอะเลยนะ แทบจะทุกมุม ดีที่ไม่มีตอนน้ำลายยืดอีก


เลื่อนๆ ลงมาก็เจอรูปไมเคิลกับฟอกซ์ในอิริยาบถต่างๆ ตามสถานที่มากมาย แล้วแต่ว่าเขาจะพาพวกมันไปไหน แล้วก็มีรูปเขากับพวกคุณเบน พอเลื่อนลงมาอีกหน่อยก็เจอรูปที่เราสองคนไปเที่ยวชมวิวนิวยอร์กด้วยกันคราวนั้น ตอนที่เขาให้นาฬิกาที่ซื้อมาให้ผม ผมอมยิ้มดีใจที่เขายังเก็บรูปพวกนี้เอาไว้


“หาชู้ฉันเจอรึยังล่ะ” เสียงหล่อๆ มาพร้อมกับจานสีขาวใบโตที่อัดแน่นด้วยของที่ผมรีเควสไป ผมยิ้มแก้มอิ่ม วิคเตอร์ยิ้มตอบกลับมา นั่งลงตรงข้ามผม ในจานเขามีของคล้ายๆ ผม ยกเว้นฮ็อทดอกแต่เอาขนมปังมาแทน


“เจอเพียบเลย มีคนมาแสดงตัวว่าเป็นเมียคุณตั้งเยอะ คนไทยก็มีนะ” เมื่อกี้ผมเห็นแวบๆ ในไอจี มีคอมเม้นต์สาวไทยด้วยในรูปไมเคิลกับฟอกซ์ เหล่าสาวๆ มาแสดงตัวว่าเป็นแม่เจ้าสองตัวนั้นเต็มไปหมด


“ทำใจนะ มีแฟนหล่ออย่างฉัน ใครๆ ก็อยากเป็นเมียฉันทั้งนั้น” ผมเบ้ปาก วิคเตอร์หัวเราะ ผมเลื่อนจานอาหารมาไว้ตรงหน้าและเริ่มตักกิน อืม… เบคอนอร่อยจัง


“ไมเคิลกับฟอกซ์มีแม่ด้วยเหรอ หมายถึงว่าแม่พวกมันที่คุณเคยผ่านตาคุณน่ะ คุณเก็บมันมาเลี้ยงไม่ใช่รึไง” วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นงงๆ ตอนที่เคี้ยวไข่ดาวอยู่


“ก็ไม่มีนี่”


“ก็คุณบอกว่าจะไปตามแม่พวกมันกลับมา รูปในอินสตาแกรมอะ” ผมว่าพลางจิ้มฮ็อทดอกเข้าปาก วิคเตอร์ทำหน้าเก็ทแล้วฉีกยิ้มน้อยๆ


“ก็นายไง” ผมอ้าปากหวอ มองรอยยิ้มพึงใจของวิคเตอร์ ก่อนจะเข้าใจกับความหมายที่เขาสื่อ ผมพยายามกลั้นยิ้มเขินๆ ของตัวเอง


“นี่ผมคลอดลูกเป็นหมากับแมวแล้วเหรอเนี่ย”


“ประหลาดอย่างนาย คลอดลูกเป็นควายยังได้เลย” วิคเตอร์หัวเราะร่า ผมแยกเขี้ยวใส่เขา หยิบทิชชูปาใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้


เรานั่งทานอาหารเช้าพลางพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย นึกประเด็นไหนออกก็พูดประเด็นนั้นแหละ ระหว่างนั้นก็มีหลายสายตาจับจ้องมองวิคเตอร์เป็นระยะ ผมคิดเสมอว่าพวกดารานักแสดงต่อให้ใส่หมวก ใส่แว่น แต่พวกเขาจะมีออร่าบางอย่างที่มนุษย์ปกติไม่มี แต่วิคเตอร์มี ยิ่งเดี๋ยวนี้เขายิ้มบ่อย เขายิ่งดูน่ามองมากขึ้น


“ไปกัน” เขาบอกหลังจากเราทานอาหารหมด ผมยกน้ำส้มขึ้นดื่ม ลุกขึ้นยืนได้ก็ค่อยๆ เดินอย่างเสียดๆ เคียงข้างเขาไป วิคเตอร์โอบไหล่ผมไว้ พาผมเดินออกไปจากห้องอาหาร มีสาวๆ ต่างชาติหุ่นดีอย่างกับนางแบบกลุ่มหนึ่งมองเขาตาค้าง คล้ายว่าน่าจะจำเขาได้ แต่วิคเตอร์ไม่ได้สนใจ เขามัวแต่ก้มมองว่าผมจะเดินถนัดมั้ย


“ฉันว้อทสแอพไปบอกให้ออสตินซื้อยาให้แล้ว”


“ถ้าคุณไม่รุนแรง ผมก็ไม่ต้องกินยาหรอก”


“ก็นายทำให้ฉันโกรธทำไม” เขาว่าหน้ามึน ผมได้แต่ตาปรือมองหน้าเขา กะอีแค่เรื่องนอนกอดตุ๊กตา ก็สามารถทำให้เป็นประเด็นได้ นี่ผมต้องเรียนรู้ชีวิตผู้ชายคนนี้อีกเยอะเลยสินะ


รถตู้คันเดิมจอดรออยู่หน้าโรงแรม มีบอดี้การ์ดคนไทยสามคนที่ไปรับผมที่มหาวิทยาลัยยืนรออยู่ด้วย ออสตินยื่นถุงยาพร้อมน้ำหนึ่งขวดมาให้วิคเตอร์ ในขณะที่ผมเดินขึ้นบนรถไปนั่งที่เดิม


“มานั่งนี่” ยังไม่ทันก้นจะถึงเบาะ ผมก็ถูกดึงให้ไปนั่งบนตักเขา แอบซี๊ดปากเบาๆ ตอนที่นั่งลงแล้วมันกระเทือนตรงกลีบเนื้อของซอกก้น


“กินยาซะ” ผมรับยาแล้วเอาไว้ในปาก ยื่นมือไปรับขวดน้ำที่เปิดไว้แล้ว กระดกน้ำตามลงไป


“คราวหลังห้ามกินยาแบบนี้อีกนะ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก” เขาว่าเสียงดุ หน้าดุ พอๆ กับพ่อผมไม่มีผิด ไอ้ความดุเหมือนพ่อของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้จะคบกันแล้วก็ตาม


ผมยิ้มยิงฟัน วิคเตอร์ส่ายหัวน้อยๆ ดันหัวผมลงไปซุกอกเขาไว้ ผมขยับตัวเพื่อให้นั่งถนัดขึ้น เอาหัวพิงอกเขาไว้นิ่งๆ วิคเตอร์ยื่นมือถือมาให้ผมเล่น ส่วนเขานั่งสูด นั่งดมหัวผมไปเรื่อย ผมกดดูนั่นดูนี่ในโทรศัพท์เขา ไม่มีเกมอะไรให้เล่นสักเกม ผมเลยเปลี่ยนเป็นเปิดกล้องถ่ายรูปถ่ายรูปเล่น นั่งเซลฟ์ฟี่คนเดียวแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ติดเสี้ยวหน้าหนวดๆ ของวิคเตอร์มาด้วยอยู่ดี


“Cheeze!” ผมฉีกยิ้มกว้าง กดถ่ายไปสองสามรูป ก่อนจะสรรหาคำมาพูดให้รูปปากตัวเองบิดเป็นรูปอย่างอื่น


“วิคเตอร์ถ่ายรูปกัน” ผมยกกล้องให้เห็นวิคเตอร์ชัดขึ้น เขากดจูบลงบนหน้าผากผมแต่สายตามองมาทางกล้อง ผมยิ้มแฉ่งกดถ่ายไปหลายช็อต มีบางช็อตที่เขาเลื่อนสายตาก้มลงมองผมโดยไม่ได้มองกล้อง


“ฉันจะอัพรูปนี้” เขาว่า ผมที่กำลังยิ้มๆ ถึงกับยิ้มเหวอ รีบดันหน้าออกจากอกอุ่นๆ ไปมองเขาด้วยสายตาตื่นๆ


“อัพไม่ได้ เดี๋ยวก็เป็นประเด็นอีกหรอก” วิคเตอร์มองผมหน้านิ่ง


“อายรึไงที่คบกับฉัน” โอ้โห! คิดได้ไงเนี่ย?!


“ผมว่าผมควรเป็นคนคิดแบบนั้นนะ”


“ฉันจะลง” โอเค ผมลืมไปว่ากำลังคุยกับผู้ชายที่ดื้อ มึน เอาแต่ใจที่สุดในโลกนี้อยู่


เขาหยิบมือถือไปจากมือผม จิ้มๆ กดๆ เข้าไปในอินสตาแกรม ผมมองด้วยอาการใจไม่ดีนัก คิดไปต่างๆ นาๆ กลัวจะเป็นข่าว เพราะผมเชื่อเลยว่า รูปที่เขาไปหาผมที่มหาวิทยาลัยเมื่อวานนี้ ตอนนี้คงเป็นกระแสในโซเชียลอยู่แน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแย่ กลัวว่ามันจะมีผลต่องานของเขา ผมมองหน้าจอ เขาไม่ได้เขียนแคปชั่นยาวมาก ใช้แค่อีโมชั่นรูปหัวใจ แต่ผมว่าแค่นั้นมันก็สื่อได้เยอะแล้ว เพราะรูปที่เขาเอาลงเป็นรูปเขากำลังก้มลงหอมเหม่งผม โดยไม่ได้มองกล้องแต่อย่างใด ส่วนผมในรูปก็ยิ้มแฉ่งจนแก้มอูม


“วิคเตอร์ ลงแคปชั่นว่าผมเป็นน้องชายหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แบบนี้…” เขาไม่ได้สนใจ ทำท่าจะกดอัพรูปจริงๆ ผมรีบคว้ามือเขาไว้ วิคเตอร์ก้มมองหน้าผมโดยไม่แสดงสีหน้าอาการใดๆ ผมหันไปมองด้านหน้ารถ ออสตินนั่งมองตรงไปทางถนน ส่วนบอดี้การ์ดที่ขับรถก็ไม่ได้หันมาสนใจอะไร อีกสองคนก็นั่งด้านหลังสุด


ผมยื่นหน้าไปจูบเขา ส่งลิ้นเข้าไปหาเขาเบาๆ วิคเตอร์ตอบรับอย่างอ่อนโยน ผมยกมือซ้ายขึ้นลูบแก้มสากเขาแผ่วเบา วิคเตอร์ลดมือขวาที่กำลังจะกดอัพรูปลง กดจูบหนักขึ้น ลิ้นเราเกี่ยวพันกันอย่างเชื่องช้าอยู่ครู่หนึ่งผมก็ค่อยๆ ดึงหน้าตัวเองออก


“นะครับ ผมเป็นห่วงคุณนะ” วิคเตอร์มองหน้าผมราวกับกำลังครุ่นคิด สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจเบาๆ ยกมือถือขึ้นมากดลบแล้วกดพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปใหม่ ผมยื่นหน้าไปดูก็เห็นแคปชั่นที่เขาเขียน


Little-bro


ผมยิ้มกว้างเป็นการขอบคุณ วิคเตอร์เบ้ปาก ผมยื่นหน้าไปจุ๊บคางสากๆ ของเขา ไอ้ยักษ์โคลงหัวเล็กน้อยก่อนจะกดอัพรูปลงบนอินสตาแกรม เหมือนจะแชร์ไปถึงเฟซบุ๊คกับทวิตเตอร์ด้วย


ผมว่าลงไปแบบนั้นก็ดี มันอาจจะช่วยกลบกระแสเรื่องเมื่อวานได้อยู่บ้าง ถึงกลบได้ไม่มาก แต่อย่างน้อยก็จะได้ไม่คิดกันไปไกลว่าผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันลึกซึ้ง (แม้จริงๆ จะโคตรลึกไปแล้วก็ตาม) แต่ก็อีก… รูปที่เขาลง ถ้าไม่คิดน้อยจนเกินไป ก็น่าจะระแคะระคายอยู่บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าความต่างเรื่องอายุทางใบหน้าของเราสองคนพอจะทำให้คนเชื่อว่าผมเป็นน้องเขาจริงๆ บ้างนะ


ผมนั่งเล่นมือถือเขามาตลอดทาง วิคเตอร์โอบกอดผมไว้นิ่งๆ เขาเอาคางเกยไว้บนหัวผมเบาๆ ส่วนผมก็นั่งเอาแก้มแนบอกอุ่นๆ ของเขาที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตของเขาขึ้นมา ต้องบอกเลยว่าผมไม่เคยมีประสบการณ์การเห็นยอดไลค์รูปในไอจีเยอะและเร็วขนาดนี้มาก่อน เขาลงไปแค่ห้านาที คนกดไลค์รุนแรงมาก คอมเม้นต์หลากหลายภาษาพุ่งไม่หยุดหย่อน แต่วิคเตอร์ปิดการแจ้งเตือนไว้ คืออัพแล้วอัพเลย จะไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ขึ้นมาโชว์บนหน้าจออีก มีคอมเม้นต์เป็นภาษาอังกฤษถามกันใหญ่ว่าผมเป็นน้องชายเขาจริงๆ เหรอ ทำไมถึงดูไม่เหมือนกันเลยสักนิด แล้วก็มีภาษาของประเทศอื่นปนอยู่ด้วย แน่นอนว่ามีภาษาไทยร่วมด้วย มีคอมเม้นต์กรีดร้องกันมากมาย สาววายต่างเข้ามาฟินกันไปตามๆ กัน


“ถึงแล้วครับ” เสียงของออสตินดึงให้ผมละความสนใจจากหน้าจอไปมองเขา ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แหวกม่านดูด้านนอกก็เห็นว่าคนขับเข้ามาจอดตรงลานจอดรถด้านหลังตึกคณะของผม รู้สึกขอบคุณเขามากที่ไม่ไปจอดในจุดเด่นๆ ของมหาวิทยาลัย


“เรียนเสร็จแล้วโทรมา เดี๋ยวฉันจะมารับ”


“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมนั่งรถไปหาคุณเองก็ได้”


“จะดื้ออีกแล้วใช่มั้ย” เขาถามเสียงขู่ แววตาสีน้ำผึ้งข้นจ้องอย่างเอาเรื่อง


“ก็ได้” แล้วผมก็ต้องตอบอย่างจำใจเพราะจำยอมอีกรอบ ผมทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะลงรถแต่ก็โดนเขารั้งเอวเอาไว้ก่อน ผมหันไปมองเขางงๆ


“ห้ามคุยกับผู้ชายคนไหนเกินห้านาทีหรือที่ดีที่สุดคือห้ามคุยเลย…” ผมอ้าปากหวอ กระพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างรู้สึกทึ่ง


“…โดยเฉพาะกับไอ้จูบแรก ห้ามไปยุ่งกับมันเด็ดขาด ถ้าฉันรู้ว่าแอบไปพบไปเจอกัน นายคงรู้นะว่าจะโดนอะไร” คือตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นอะ ผมกำลังงงกับคำสั่งเสียสติเหล่านี้ของเขาอยู่ คืออะไร คำสั่งพวกนี้มันคืออาร๊าย?!


“นี่คุณสั่งจริงๆ หรือคุณแค่อำผมเล่น” ผมลองหยั่งเชิงถาม เผื่อเขาจะพูดขู่ไปงั้น แต่จากสีหน้าอันจริงจัง ผมว่าไม่น่าจะอำเล่นแล้วละ


“ฉันหมายความตามนั้น…” ผมทำหน้าเหลือเชื่อ แต่อีกฝ่ายยังคงทำหน้านิ่งยืนยันกับสิ่งที่พูด


“…เพื่อนผู้ชายก็ห้ามเล่นอะไรกันเกินเลย ห้ามกอด ห้ามหอม ห้ามจับ ห้ามให้ผู้ชายคนไหนรู้จักนายแบบสนิทสนม ที่สำคัญห้ามยิ้มให้ผู้ชายคนไหน” ฮะ?!


“วิคเตอร์ คือ… มันเกินไปรึเปล่า ผมก็ต้องมีสังคมนะ”


“เพื่อนผู้หญิงไง ฉันก็ไม่ได้ห้ามอะไรนี่” เขารู้ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงแน่ๆ เลยไม่ได้สั่งห้ามหรือออกกฎบ้าบอเหมือนกับเพื่อนผู้ชายหรือผู้ชายคนอื่น


โอย! นี่ตูหน้าตาดีขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าดีจริง มีผัว เอ้ย! มีแฟนไปนานแล้ว นี่เพิ่งมามีเขาคนแรกนี่ไง


“วิคเตอร์…”


“…ไม่ต้องเถียงแล้ว ไม่งั้นฉันจะสั่งให้ออสตินอยู่เฝ้านายด้วย เอางั้นมั้ย” ผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้สึกเหมือนพะอืดพะอม วิคเตอร์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงให้เลือก แล้วทางเลือกที่เขาให้มาก็ไม่ได้ต่างกันสักนิด


“Yes. Yes. Yes.” ผมตอบเสียงประชด วิคเตอร์บีบเอวผมแน่น ตาคมของเขาจ้องดุดัน ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ยกมือตีมือเขาที่บีบเอวผมไว้อยู่รัวๆ


“วิคเตอร์ เจ็บ!” ผมบอกเสียงเข้ม พยายามแงะมือเขาออกจากเอว แต่มือเขายิ่งกว่าคีมเหล็ก จับแน่นจนผมเริ่มปวดเนื้อตรงที่โดนบีบ


“ออสติน” เขาส่งสัญญาณหาบอดี้การ์ดส่วนตัว สักพักประตูรถก็เปิดออก บอดี้การ์ดด้านหลังลุกขึ้นแล้วเดินลงไปจากรถ ประตูปิดลงอีกครั้ง ออสตินกับคนขับเปิดประตูลงจากรถตามสองคนก่อนหน้านั้นไป เหลือแต่ผมกับวิคเตอร์ที่ยังแง่งๆ ใส่กันอยู่ ผมพยายามแงะมือเขาออกจนในที่สุดก็ดึงออกสำเร็จ แต่น่าจะเป็นเพราะเขาดึงออกเองมากกว่า เพราะเขาเลื่อนแขนมาโอบรัดร่างผมแน่น ผมดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมแขนเขาแต่ก็ไม่เป็นผล วิคเตอร์ก้มหน้าลงมาไซ้ซอกคอผม ดูดเม้มเนื้อที่คอรุนแรง


“อ๊า… อย่าทำรอยนะ วิคเตอร์!” ผมตะเบ็งเรียกชื่อเขา พยายามเบี่ยงคอหนี แต่ด้วยพื้นที่แคบๆ ในอ้อมแขนเขาก็ทำเอาผมหนีไปไหนไม่รอด โดนเขาดูดคอเน้นๆ ไม่ยอมปล่อยสักที มีการเลื่อนลงไปดูดตรงอกที่โผล่พ้นเสื้อนิสิตขึ้นมาอีก ผมพยายามดิ้นยังไงก็ไม่หลุด สุดท้ายพอเขาทำรอยจนพอใจแล้ว เขาถึงยอมผละหน้าออกไป


“คุณเสียสติไปแล้วรึไง ผมต้องไปเรียนนะ คนอื่นเห็นเขาจะคิดยังไง?!” ผมถามอย่างเดือดดาล มองเขาอย่างโมโห วิคเตอร์ถลึงตาดุๆ กลับมา


“ห้ามไม่พอใจ บอกดีๆ แล้วไม่ฟังเอง” เขาว่าเสียงขู่


“คุณจะมาห้ามความรู้สึกผมได้ยังไง!” ผมพูดเสียงดังด้วยความโมโห ยกมือขึ้นมาทุบอกเขาดังตุบตับ วิคเตอร์เลื่อนมือมาจับข้อมือผมไว้แน่น


“แมท! อย่าเสียงดัง เดี๋ยวจะโดนเอาบนรถนี่แหละ อยากเดินขาเป๋ไปเรียนใช่มั้ย?!” เขาว่าอย่างมีอำนาจเหนือกว่า แววตาที่จ้องมานั้นดูน่ากลัว ผมพยายามจ้องสู้แล้ว แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับความดุในดวงตาของเขา เลยหันไปมองทางอื่น


“เลิกเรียนแล้วโทรมา อย่าเถลไถลที่ไหน” ผมหน้าบึ้งตึง เหลือบตาไปมองเขาอย่างโกรธเคือง ไม่ยอมตอบอะไรเขากลับไป


“เอเลี่ยน…”


“…รู้แล้วน่า” ผมบอกเสียงฟึดฟัด วิคเตอร์มองอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ นอกจากถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ คลายมือที่บีบข้อมือผมไว้แน่นออก ผมลุกขึ้นเปิดประตูรถตู้โดยไม่บอกลาเขาและไม่คิดจะพูดอะไรด้วยทั้งนั้น พอเดินลงจากรถได้ ผมก็เดินลิ่วๆ เข้าไปในตึก แม้จะเจ็บอยู่ แต่ผมกัดฟันเดินไปไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เสียงวิคเตอร์ตะโกนตามหลังมา


“นายเจอดัดนิสัยแน่!” ผมหันไปมองเขาอย่างฮึดฮัด ดวงตาวิคเตอร์ลุกวาว ผมหันไปยกนิ้วนางข้างซ้ายให้ (นิ้วกลางเลยไม่กล้าพอ) แล้วรีบหมุนตัวเดินเข้าไปในตึกทันที


นี่ผมมีแฟนหรือมีพ่อเพิ่มอีกคน ถึงตอนเด็กๆ พ่อจะดุคล้ายวิคเตอร์ แต่ตอนนี้พ่อไม่ดุอย่างนั้นแล้วสักหน่อย นี่พ่อถ่ายทอดพันธุกรรมอะไรให้ไอ้ยักษ์นั่นรึเปล่า


ผมไม่ทำตามหรอก ชอบสั่งอะไรเพี้ยนๆ ตลอด ไม่ให้ยิ้มเนี่ยนะ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2016 14:06:08 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #339 เมื่อ15-09-2015 18:58:05 »

ผีเข้าผีออกจังเลยวิคเตอร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
« ตอบ #339 เมื่อ: 15-09-2015 18:58:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #340 เมื่อ15-09-2015 19:29:57 »

อุ้วววว
ชอบวิคแบบนี้ ดูมีชีวิตกว่าตอนเจอกันครั้งแรกตั้งเยอะ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #341 เมื่อ15-09-2015 20:00:28 »

 o13 o13 o13

ยักษ์นี่หลงเอเลี่ยนหัวปักหัวปรำมากจ้า   คือแบบหึงหวงซ่ะเอเลี่ยนกระดิกตัวไม่ไดแระ  55555

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #342 เมื่อ15-09-2015 20:27:40 »

ยักษ์น่ารักกก หวงน่าดูเชียววว เอเลี่ยนเข้าใจยักษ์หน่อย รักเมียมากก็เงี้ยย  :hao7:

ออฟไลน์ starhihi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #343 เมื่อ15-09-2015 22:00:32 »

โดนยักษ์จับได้แล้วต้องทำใจนะเอเลี่ยนเอ้ย คิคิ

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #344 เมื่อ15-09-2015 22:10:39 »

เอเลี่ยนสู้ๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #345 เมื่อ15-09-2015 22:41:05 »

ยักษ์หวงเอเลี่ยนสุดๆ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #346 เมื่อ15-09-2015 22:57:02 »

แม้พี่วิค ขี้หึงขี้หวงจริง สงสารแมทจังพรุนหมดแล้วพี่วิค 5555+

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #347 เมื่อ16-09-2015 00:34:16 »

 :katai2-1: :katai2-1: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #348 เมื่อ16-09-2015 00:35:30 »

พี่ยักษ์เค้าหวงเอเลี่ยนน้อยของเค้า
 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #349 เมื่อ18-09-2015 12:23:44 »

อ่านทันแล้ว วิคเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
« ตอบ #349 เมื่อ: 18-09-2015 12:23:44 »





ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 70%} 15.09.58::
«ตอบ #350 เมื่อ18-09-2015 14:34:24 »

 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:


ตามอ่านมา 3 วันกว่าจะถึงปัจจุบัน ขอบอกว่าฟินมากกกกกก  :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:


ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #351 เมื่อ19-09-2015 11:09:59 »


EPISODE 10 [100%]



“อีแมทททท!” ผมมัวแต่เดินหน้าบึ้งหน้าตึงมาตามทางเลยลืมสนใจสิ่งรอบข้าง พอได้ยินเสียงเรียกของใครสักคนก็ทำให้สติที่หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ กลับคืนตัวตามปกติ หยุดเดินและหันไปมองหาต้นเสียง ก็เห็นเก้าโบกมือเรียก ผมหลับตาลง ผ่อนลมหายใจเอาความเครียดออกไปบ้าง ตั้งสติแล้วเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะประจำ บนโต๊ะมีเก้า แบม ไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม ส่วนแคทกับเหมียวไม่รู้หายไปไหน




“มาแล้วหรอจ๊าแม่เซเลบริตี้!” แบมเอ่ยแซว ผมนั่งลงด้วยสีหน้างงๆ




“เซเลบไรของแก” ผมถามพลางยื่นมือไปรับกระเป๋าเป้มาจากเก้า มาวางไว้บนตัก




“เอ๊า! ก็เหตุการณ์เมื่อวาน เขาคุยกันไปทั่วมหา’ลัยแล้วมั้งตอนเนี้ย ในเฟซบุ๊คแชร์เรื่องแกกันเต็มเลยนะเว้ย!”  ตอนแรกผมนึกประหลาดใจ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองก็คิดเรื่องนี้อยู่บ้างเลยไม่ได้ตกใจใหญ่โตอะไร




“แล้วนี่มึงกิ๊กกับไอ้พระเอกนั่นจริงหรอวะ” ไอ้วอร์มถาม สีหน้ามันอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ผมเองพอโดนถามขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบแบบไหน ตอบยังไง ไอ้พวกนี้มันก็เพื่อนนั่นแหละ มันคงไม่เอาไปบอกใครต่อหรอก เพียงแต่ผมไม่เคยคบกับใคร เลยไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามแนวนี้แบบไหน





“แกๆ แมทๆ วิคเตอร์เขาอัพรูปคู่แกลงไอจีด้วยอ่ะ สรุปว่าแกคบกับเขาหรอวะ เฮ้ย อะไรยังไง” เหมียวกับแคทวิ่งถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะสีหน้าตื่นเต้น ผมที่กำลังตึงๆ เพราะทะเลาะกับวิคเตอร์มาก็หลุดขำเพราะหน้าตาพวกมันโคตรตลก มีทั้งความจริงจังและความอยากรู้อยากเห็นปะปนกันไปหมด




“ก็ตามแคปชั่นอ่ะ ไม่ได้มีอะไรมากหรอก” ผมตอบปัดอย่างเรียบๆ ยังไม่กล้าพูดเต็มปากว่าผมคบเขาแล้ว




“เฮ้ย?! ใช่เหรอวะ แค่น้องชายจริงเหรอ คือโมเม้นต์ระหว่างแกกับเขา มันดูไม่น่าหยุดอยู่ที่แค่พี่ชายน้องชายอ่ะ” สีหน้าแคทบอกเต็มที่ว่าไม่อยากเชื่อกับสถานะที่ผมบอกไป ทุกสายตาในกลุ่มหันมามองผมอย่างรอคอยคำตอบ ผมยกมือเกาหัว รู้สึกเกิดอาการประหม่า




“กูว่าไม่ใช่แค่น้องชายหรอก…” ก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไร เสียงไอ้วอร์มก็ดังขึ้นพร้อมกับสายตามีแววรู้ทัน




“…พวกมึงดูที่คอมันดิ มึงอย่าบอกว่ายุงกัดนะไอ้แมท กูบอกเลยว่าไม่เชื่อ เพราะกูก็เคยโดนดูดคอมาก่อน” ผมเบิกตากว้างขึ้น ลูกตากลอกไปมา มองหน้าเพื่อนสลับซ้ายขวาแบบไม่แสดงอาการแตกตื่นเท่าไหร่นัก





แต่พอโดนกดดันมากๆ ผมเลยถอนหายใจและพยักหน้ารับ เท่านั้นแหละพวกเพื่อนสาวกระโดดโลดเต้นกรี๊ดกันยกใหญ่ ทำเอาโต๊ะรอบข้างและคนที่อยู่ในตึกหันมามอง แล้วพอทุกคนมองมาเห็นผม ก็พากันมองจับจ้องมาที่ผมนี่ไง




“แก๊! แกคบกับ…”




“…ชู่วว! อย่าเสียงดังสิ ฉันไม่ได้อยากประกาศให้คนอื่นรู้” ผมถลึงตามองเหมียวที่ตั้งท่าจะแหกปากดังพลางหันไปมองรอบๆ มีหลายสายตามองมาที่ผมอย่างเนียนๆ บ้าง อย่างเปิดเผยบ้าง แต่ผมไม่ได้ประหลาดใจหรอก แค่อึดอัดเบาๆ ปกติผมก็มีชีวิตอยู่แต่กับเพื่อนๆ ไม่ใช่คนโดดเด่นเป็นจุดสนใจอะไร แค่ใช้ชีวิตปกติธรรมดา แต่ ณ วันนึงที่ต้องมาโดนมองจับจ้อง โดนมองเพราะมีคนอยากเห็นหน้า อยากรู้จักรูปร่างหน้าตา ว่าคนเนี้ยเหรอ อะไรแบบนี้นี้ บางทีแอบประหม่าเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไง แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ก็ปล่อยให้เขามองไป พอเขาจดจำใบหน้าเราได้แล้ว เขาก็คงเลิกมอง ก็เหตุการณ์แบบนี้ถ้าเป็นผม ก็คงมองเหมือนกัน




“โอ๋ยยย! ก็อย่างที่ฉันบอก ที่เขามาหาแกเมื่อวาน ประชากรโซเชียลแชร์เต็มเฟซบุ๊คไปหมด แล้วยิ่งเมื่อเช้าเขาเอารูปคู่แกลง ตอนนี้มันยิ่งตอกย้ำกระแสกว่าแกกับเขาคบกัน” แบมมันพูดอย่างกับรายงานข่าวสารบ้านเมือง นี่ถ้ามันยังหาตัวตนไม่เจอว่าชอบอะไร ผมว่ามันเจอแล้วละ




“สาววายนี่ฟินกันไปครึ่งประเทศแล้วแก ไอ้ที่แชร์ๆ กันในเฟซนี่มีแต่โมเม้นต์ฟินๆ รูปก็มาจากเด็กมอเราทั้งนั้น” แคทช่วยยืนยันการรายงานข่าวของของแบมอีกเสียง




“ไอ้พวกคอมเม้นต์เหยียดเพศ คอมเม้นต์ด่า แกไม่ต้องวอร์รี่เลย เท่าที่ฉันเช็กมา มีคนตอกกลับแทนแกเยอะมาก” แบมรับช่วงต่อจากแคท พูดด้วยสีหนาสะใจเบาๆ ที่ได้พูดว่ามีคนตอกกลับแทนคนที่ด่าผม




“ใช่ พวกฉันเองถ้าเจอคอมเม้นต์ไหนเห้ๆ นะ ฉันก็ปะฉะดะไปละ แต่เสียดาย ฉะได้ไม่เต็มที่ เพราะฉันไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วแกกับเขาไปถึงขั้นไหน”  โอเคแบมแคท ถ้าแกสองคนไปเปิดรายการรายงานข่าววงการบันเทิง ฉันว่าสปอนเซอร์น่าจะเข้าเยอะนะ รับส่งกันดีมากจริงๆ




“แล้วนี่ พระเอกคนนั้นมันเป็นเกย์เหรอวะ กูก็ไม่เคยติดตามเขานะ ดูแต่ซีรีส์ที่เขาเล่น ดูมันไม่น่าเป็นอ่ะ” ไอ้แชมป์ถามสีหน้าสงสัย มือไม้มีการเอื้อมมาแหวกคอเสื้อผมดูรอยแดงๆ จากวิคเตอร์อีก ผมปัดมือมันออก แยกเขี้ยวใส่มัน จัดปกคอเสื้อให้ปิดตรงช่วงลำคอไว้ แม้จะไม่มิดก็ตามเถอะ เพราะตรงเหนืออกนี่ก็แดงรอยใหญ่เชียว




“มึงช้าไปละไอ้แชมป์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าชายหรือหญิง หรือเกย์ มันอยู่ที่ใจว่ารักหรือไม่รัก” เก้าเสริมพลางขว้างขนมถั่วตัดใส่หัวไอ้แชมป์




“ตอนแกเดินเข้ามาในตึก คนไม่มองแกกันเต็มเลยเหรอวะ” ผมสั่นหัวให้เหมียว สายตาแอบแวบไปดูรอบๆ ว่ายังมีคนมองผมอยู่มั้ย ก็ยังพอมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าตอนที่พวกเก้าแบมมันส่งเสียงกรี๊ดแรกๆ แล้ว สงสัยคงเริ่มจำหน้าผมได้แล้วมั้ง




“ไม่รู้อ่ะ ไม่ได้สนใจ” มัวแต่หงุดหงิดไอ้ยักษ์อยู่




“แกเตรียมรับมือกับความดังจากสามีฝรั่งชื่อดังได้เลยค่ะ” เหมียวบอกทำหน้าประมาณว่าเชื่อเจ๊แล้วจะดีเอง ผมยิ้มขำกับสีหน้าท่าทางของมัน




“โถ แล้วตอนอยู่นิวยอร์ก ไม่บอกฉันกับอีแบมเลย  เฮ้ย ไม่สิ ฉันถามแล้ว แต่แกหลอกว่าไม่ใช่”

   


“แล้วแกจะให้ฉันพูดว่าไงวะเก้า ให้ฉันประกาศอวดตัวว่ามีผัวเป็นดาราฮอลลีวูดเงี้ยหรอ แกว่ามันไม่แปลกเหรอวะ ขนาดเกิดเรื่องกับฉันเอง ฉันยังว่ามันดูเหลือเชื่ออยู่เลย” เก้าทำหน้าครุ่นคิดตามที่ผมพูด ผมเหมือนจะพยักหน้ารับกับคำพูดของตัวเอง แต่ก็ไม่ทีเดียว เลยได้แต่ทำสีหน้ายุ่งๆ เหมือนความคิดมันกำลังตีกันไปมา




“อ๊าย อีดอกกก เพื่อนกูโกอินเตอร์อ่ะ ประเด็นคือผัวเพื่อนหล่อ ผัวเพื่อนรวย ผัวเพื่อนดัง มีตังค์เยอะด้วย” แคทพูดเสียงยาน พร้อมลีลาไม้มือก็วาดลวดลายเต็มที่ ทั้งกลุ่มนั่งขำกับสีหน้าฟินเฟ่อของมัน




“ฉันเคยบอกแกแล้วอีแมท ว่าถ้าแกมี แกมีดีแน่ๆ ไอ้ที่แกบ่นว่าเหงา ไม่มีใครเอา ฉันว่าเนี่ยแหละ เขาเก็บแกไว้รอคนนี้ไง” ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าตัวเองเคยพูดแบบนี้ จนแบมมันพูดขึ้นมาอีกรอบนี่แหละ ถึงได้นึกขึ้นได้ว่า ผมเคยบ่นว่าเหงา ช่วงที่เพื่อนๆ พร้อมใจกันมีคนคุยครบทุกคน ยกเว้นผมที่โสดอยู่คนเดียว เปล่าเปลี่ยวเอกา ยังโชคดีว่าผมอยู่บ้าน เลยไม่ได้เหงาอะไรมาก เพราะพอเรียนเสร็จในแต่ล่ะวันผมก็กลับบ้าน ไม่ได้กลับไปอยู่หอคนเดียวให้เปลี่ยวใจ ในขณะที่เพื่อนๆ ออกไปตะลอนกับหวานใจตัวเอง




“คุ้มค่าสุด ไปฝึกงานแต่ได้ผัวกลับมาด้วย ทำไมฉันไม่เจอแบบนี้มั่งวะ” แคททำหน้าว่าเสียดายแบบตลกโปกฮา สีหน้ามันดูประมาณว่า ชีวิตกูทำไมไม่เป็นงี้นะ




“เล่าให้ฟังหน่อยดิว่า แกไปปิ๊งรักกันได้ไงวะ” เหมียวถามสีหน้าสนอกสนใจ ผมยิ้มแห้ง กวาดตามองเพื่อนทุกคนที่ทำหน้าว่าอยากรู้เหมือนเหมียว




“เรื่องมันยาว แล้วไม่ต้องขอให้เล่าได้มะ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็คบกันแล้วเนอะ” ถ้าให้เล่า ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากจุดไหนจริงๆ เอาจริงๆ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิคเตอร์ทำไมถึงได้มาชอบผม ส่วนผมเนี่ยแน่นอนว่าแอบชอบเขาก่อน แต่ความสัมพันธ์เราสองคนมันเริ่มจากจุดไหน ก็ตอบยากนะ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่มันมีหลายจุดที่น่าตอบ เลยเลือกไม่ตอบเลยแล้วกัน




“และกูว่าก็เอากันแล้วด้วย” เสียงโห่แซวดังมาจากไอ้แชมป์กับไอ้วอร์ม ผมถลึงตามองพวกมันสองตัว แต่ริมฝีปากก็ยิ้มเขิน ส่วนพวกเพื่อนนีกรีดร้องกระจองงองแงแต่ช้าแต่แม่พวงมาลัย บ่นงึมงำว่าเสียดายวิคเตอร์ ที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจไปชอบด้านหลัง แถมพรีเซ้นต์ว่าตัวเองก็มีทั้งหน้าทั้งหลัง ทำไมไม่เลือกพวกมันแทน ผมได้แต่เบ้ปากใส่พวกมันอย่างตลก




“ฉันว่าเรื่องแกต้องโรแมนติกแน่เลยว่ะ” แกพลาดละอีเก้า โรแมนติคเรอะ? หาได้น้อยจากผู้ชายคนนั้นที่สุดแล้ว




“อีโรติคน่ะสิ” ผมบอกเสียงสูงพร้อมกับย่นจมูกใส่เพื่อนๆ ส่วนพวกนั้นก็ส่งเสียงโห่ฮากันยกใหญ่ เหล่าน้องนีนี่กรี๊ดจนสงสารโต๊ะข้างๆ กับคนในตึกมาก ส่วนไอ้แชมป์กับไอ้วอร์มมองผมอย่างกรุ้มกริ่ม




“ถึงว่า ตั้งแต่กลับมาจากนิวยอร์ก ตูดมึงฟิตขึ้นเยอะ” โห อีแชมป์ นี่มึงสังเกตตูดกูตลอดเลยเหรอ




“แหม น้องแมทของพี่วอร์ม อยากลองก็ไม่บอก ไม่ต้องไปถึงนิวยอร์กหรอก บอกกูกับพี่แชมป์ก็ได้ครับ เดี๋ยวกูแซนด์วิชให้” แล้วไอ้สองมารก็หัวเราะเฮฮา ตีไม้ตีมือกันยกใหญ่ ผมหยิบขนมดถั่วตัดมาปาใส่มันสองคน




“ไอ้เชี่ยม! กูอ่ะพี่พวกมึงอีกนะ” ผมว่าเสียงแจ้ดๆ ใส่พวกมัน แทนที่จะสำนึกมันกลับหัวเราะเสียงดัง




 “เหยยย! ขนาดแมทมันพูดแค่นี้ ฉันว่าฉันเสร็จว่ะพวกแก”




“โอ๊ย อีแคท!” คราวนี้เป็นผมหัวเราะบ้าง คือเก้า แบม เหมียว พร้อมใจกันตะโกนด่าแบบไม่ได้ยัดกันด้วยนะ เล่นเอาแคทหน้าเหวอ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำ เพราะสามคนนั้นมันด่าพร้อมเพียงกันจริง




 “แต่แม่ง… แฟนมึงไม่ใช่ธรรมดา กูไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเทวดานะ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่มนุษย์เดินดินปกติอย่างเราๆ อ่ะ” ไอ้วอร์มออกความคิดเห็นหลังจากเสียงหัวเราะเริ่มเบาลง ผมหันไปมองมันแล้วเลิกคิ้วขึ้น




“เอาแบบไม่ดัดจริตนะ แค่มึงเป็นผู้ชายกับผู้ชาย บางทีก็ยังยากแล้วเลย แล้วนี่มึงแม่งเล่นมีผัวเป็นดารา เลเวลความยากก็ยิ่งมากเข้าไปอีกปะวะ” ผมเข้าใจความหมายของมันนะ และไม่ใช่ผมไม่คิด ผมก็คิดตลอด ซ้ำยังเคยพูดกับวิคเตอร์ด้วย




สองเดือนที่เขาบอกว่าหายไปเพื่อทบทวนตัวเอง เขาไม่ได้ไปทบทวนตัวเองในสถานบำบัดนิสัยหรือสถานดัดสันดานที่ไหน แต่เขายังคงใช้ชีวิตตามปกติของเขา ผมไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนในการทบทวนตัวเอง เขาทำยังไงถึงได้คำตอบให้กับตัวเอง แต่ที่สุดแล้ว วิคเตอร์ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยทั้งหมดเพื่อผม (ดูได้จากเหตุการณ์เมื่อเช้า) ผมเคยอยู่ในชีวิตของเขาช่วงหนึ่งและได้เห็นว่าวิคเตอร์ใช้ชีวิตอิสระมาตลอด ก่อนหน้าที่ผมจะเจอเขา ไม่รู้ว่าเขาเคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแบบผมขนาดไหน อย่างตอนนาตาชานั่นเขาก็ไม่ได้คบด้วยรัก ด้วยใจ ก็ตอนคบกับกับเธอ เขายังมาแทะเล็มผมอยู่เลย




ผมคิดว่าผมยังรู้จักเขาไม่หมดหรอก แน่ละ ทุกคู่ก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ทำความรู้จักกัน ขนาดพ่อกับแม่ผม ทุกวันนี้ยังมีเรื่องทะเลาะกันอยู่เรื่อยๆ เลย





“ผู้ชายปกติอย่างพวกกู สิ่งยั่วยุแม่งก็มีเยอะพอละ แล้วไอ้นั่นอ่ะ เป็นคนสาธารณะ แม่งสิ่งยั่วยุก็ต้องไม่ธรรมดาด้วย” ผมถอนหายใจด้วยสีหน้าคิดมาก แต่ก็ไม่อยากเก็บเอาใส่ใจให้ตัวเองนอยด์รับประทาน




“เรื่องนี้กูก็คิด ไม่ใช่ไม่คิดหรอก แต่กูก็ไม่อยากมานั่งเผื่อใจ เตรียมใจ จนไม่มีความสุข”




“เออ ดีแล้วละแก ทุกวันนี้ฉันคบกับแฟนฉันนะ ฉันก็ไม่เผื่อใจนะ คือก็ทำให้เต็มที่ ฉันว่ามันเผื่อใจยากว่ะ พอได้รักใครสักคน แม่งจะมาให้เผื่อใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายปะวะ อีกอย่างนะ เผื่อไม่เผื่อ ถ้าเลิกกันยังไงก็ต้องเสียใจอยู่ดีอ่ะ” เหมียวผู้ซึ่งเป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะและผ่านการคบใครมามากมายออกความเห็นบ้าง เหมียวไม่ถึงกับช่ำชอง แต่เหมียวเปลี่ยนแฟนบ่อย ไม่ใช่เพื่อวัดความสวยของตัวเอง แต่เหมียวบอกมันไปกันไม่รอดจริงๆ เหมือนพอคบกันไปแล้ว มีเรื่องนั้นเรื่องนี้มาให้ทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็จบความสัมพันธ์กันไป




“คนไม่เคยมีผัวแบบมึง อาจจะต้องปรับตัวหน่อย ไหนจะต้องปรับตัวเพื่อผัวมึงที่เป็นถึงดาราอีก” คือมึงพูดอย่างกับมึงเคยมีผัว




“กูว่าปล่อยให้มันจัดการตัวเองเถอะอีวอร์ม คนเขาคบกันเป็นเรื่องของเขาสองคน” เก้าว่าพลางเคี้ยวขนมเลย์กรุบๆ อย่างเมามันส์




“กูแค่บอกเฉยๆ แมทมันเคยมีแฟนที่ไหนล่ะ เอาตรงๆ ไม่ว่าจะเพศไหนอ่ะ คบกันมีเรื่องยาก มีเรื่องต้องผ่านไปด้วยกันทั้งนั้น…” ผมรับฟังและคิดตาม ผมไม่เคยมีแฟน ฉะนั้นไอ้เรื่องการคบกัน ผมไม่เคยสัมผัสเลยจริงๆ




“…แต่เอาจริงๆ มึงก็ทำทุกๆ วันให้มีความสุขที่สุดอย่างที่มึงคิดแหละ” วอร์มยักคิ้วให้ผม ส่วนผมก็ยิ้มอ่อนๆ กลับไปให้มันเป็นการขอบคุณ




“เออ สิ่งสำคัญตอนนี้คือมึงกับเขา ยังอยู่ด้วยกัน สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี…”




“ไปค่ะ อีแชมป์ ไปประกวดเดอะ สตาร์คนฟ้า ฟ้าดาวเลยค่ะ”  พวกเราหัวเราะร่วนให้กับวามฮาของแคทอีกครั้ง




บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี ให้มันตราตรึง… อยู่ในใจเผื่อไปถึงวันลาจาก…




ผมเชื่อมาตลอดว่าคนเรา รักกันยังไงถ้าวันนึงต้องจากก็คือจาก ไม่จากเป็นก็จากตาย การเจอกันไม่ว่าจะเพราะบุญหรือกรรมนำพา แต่ถ้าหมดวาสนา หมดกรรมต่อกันก็ต้องไปแม้จะพยายามรั้งไว้แค่ไหนก็ตาม





แต่เรื่องที่รู้วันนี้ ตอนนี้ ฉันก็มี…




แต่ความเคืองใจ!




ไอ้ยักษ์ ไอ้บ้า หวงไม่เข้าเรื่อง คำสั่งเพี้ยนๆ เคยมียังไงก็มีอยู่อย่างนั้น




แต่เอาจริงก็แอบรู้สึกสวยนะ แบบว่าผัว เอ้ย แฟนหวง -..- (เริ่มกลัวตัวเองแทนวิคเตอร์)



...................................................TBC.  :katai5:

เรื่องความคิดมากของแมทนี่ยังคงลอยอบอวลอยู่รอบๆ ตัวนาง แต่ไอ้นิสัยอันนี้นี่ตอมก็ปูให้เห็นตั้งแต่พาร์ทแรกแล้วว่านางจะคิดเยอะ คิดแยะมาก อย่าลืมว่าแมทเคยเห็นไลฟ์สไตล์วิคเตอร์มาก่อน ว่าชีวิตสามีตัวเองนั้นก่อนจะมาคบกับตัวเองนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งข้อนี้วิคเตอร์เองก็รู้ว่าแมทเห็นตัวเขาเงอใช้ชีวิตมายังไง (อยู่ในตอนที่แล้ว) ความคิดมากของแมทจะดีขึ้นค่ะ แต่คงไม่หายไปหรอก จนกว่าวิคเตอร์จะทำตัวให้รู้สึกว่าเขามั่นคงกับแมทจริงๆ อย่างที่แมทบอกละค่ะ สองเดือนที่หายไป วิคเตอร์ไม่ได้ไปเข้าสถานดัดนิสัยใดๆ เขายังคงใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขาเพิ่งคบกัน ให้เวลาพวกเขาในการเรียนรู้กันหน่อยเนอะ ^^



แจ้งข่าวหนังสือนิดหนึ่งค่ะ ปกติจะแจ้งในเพจกับทวิตเสมอ แต่กลัวบางคนไม่เห็นโพส จะเริ่มทำการจัดส่งวันจันทร์นี้แล้วนะคะ คาดว่าก่อนวันศุกร์คงส่งหนังสือหมดค่า

       
กำลังคิดว่าจุดพีค จุดตื่นเต้นใดๆ ของนิยายเรื่องนี้มีมั้ยเนี่ย - - ที่มีก็ไม่รู้จะสะพรึงแค่ไหน ต้องขออภัยหากใครต้องการความซาบซ่า หายากจีๆ เลอนิยายเรื่องเน้น่ะ วิคเตอร์ก็ไม่ใช่พระเอกขายฝันด้วยนะ -..- แมทเองก็เป็นเคะที่ไม่แมนเอาเสียเลย (เปิดเรื่องมานางก็เป็นงี้อยู่ละนะ ฮ่าา) คนที่ตามอ่านกันอยู่ทุกวันนี้นี่ ชอบความเรียบเรื่อยของเนื้อเรื่องกับความผีบ้าผีบอของวิคเตอร์กับแมทสินะ 55555

ขอบคุรคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ เลยนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2015 01:43:27 โดย ขุ่นเจ้ »

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #352 เมื่อ19-09-2015 11:29:52 »

ฮาเพื่อนแมท ดีนะที่มีเพื่อนดีและเข้าใจขนาดนี้ เราว่าต่อไปสิ่งที่จะหนักกว่านี้คือพวกอารมณ์แฟนคลับของวิคทั้งหลายนี่แหละ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #353 เมื่อ19-09-2015 12:07:29 »

ตอนนี้ยังไม่เท่าไร แต่ต่อไปเรื่อยๆชีวิตต้องยุ่งยากแน่ๆ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #354 เมื่อ19-09-2015 13:26:14 »

พี่แชมป์สาระดีมาก เด๋วให้วิคเตอร์หาสามีให้ 55555+

ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #355 เมื่อ19-09-2015 14:14:29 »

ชอบเรื่องนี้เพราะวิคเตอร์ดูเป็นวิคเตอร์นี่แหละ เขียนได้เป็นธรรมชาติดีนะคะ ติดตามต่อเรื่อยๆค่ะ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #356 เมื่อ19-09-2015 15:37:49 »

เราชอบแบบนี้จริงๆนะแระ  ค่อยๆเนียนรู้กันไปเรื่อยๆๆ   แมทรู้แมทเห็นสิ่งที่ยักษ์เป็นมาตลอด ถ้ามีอะไรเปลี่ยนปลงแมทจะรู้ได้ก่อนเสมอ  เพราะงั้นความมั่นใจที่จะทำให้แมทมั่นใจต้องดูที่ความมั่นคงของยักษ์   งุ้ยยย...อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #357 เมื่อ19-09-2015 23:55:40 »

จะหงุดหงิดหรือจะดีใจดีนะแมท ชักทำตัวไม่ถูก
สามีหึงขนาดนี้

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.10 100%} 19.09.58::
«ตอบ #358 เมื่อ20-09-2015 20:46:32 »

ตามอ่านจนทัน
ได้แต่หวังว่าพี่ยักษ์จะไม่ทำให้น้องเอเลี่ยนเสียใจ

ออฟไลน์ คุณเจ้

  • Follow your heart, but take the brain with.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-8
Re: ::Love ♥ no boundaries ||Only You|| {EP.11 50%%} 22.09.58::
«ตอบ #359 เมื่อ22-09-2015 18:11:55 »


Only You EP.11 :: Rude and Low. [50%]



ตกเย็น พอเลิกเรียนกับสอบย่อยเสร็จ ผมก็ขึ้นไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อไปทำเรื่องลากับทางภาคและรับใบรับรองการทำงานให้กับทางมหาวิทยาลัย แอบรู้สึกผิดที่ติ่งของหัวใจ อาจารย์ใช้คำดูดีไปหน่อยที่บอกว่าไปทำภารกิจให้กับทางมหาวิทยาลัย คือตั้งแต่เจอหน้ากัน ผมกับไอ้ยักษ์ก็มีแต่เรื่องบนเตียง ยังไม่ได้ทำสารประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยเลยสักนิด คิดแล้วก็สะกิดใจ ช่างเอาประโยคอันดูดีนั้นมาบังหน้า เพื่อหาเวลาไปจู๋จี๋กับแฟน
   



“แล้วสรุปเธอกิ๊กกับเขาจริงรึเปล่า นี่เขาคุยกันไปทั่วมหา’ลัยแล้วจ้ะ” อาจารย์ณัฐวัฒน์ถามตอนที่กำลังยืนรอเอกสารจากหัวหน้าภาคในห้องภาคภาษาตะวันตก ผมยิ้มหน้าแหย ตอบเสียงอ้อมแอ้ม
   



“เป็นพี่น้องครับอาจารย์” อาจารย์เบ้ปากใส่ผมแรงมาก แรงแบบว่าปากแทบจะบิดอยู่แล้ว
   



“พี่น้องท้องชนกันสนั่นเตียงล่ะสิ บุญดีนะยะเธอน่ะ ได้สามีทั้งทีมีดีกรีเป็นถึงพระเอกฮอลลีวูด” อาจารย์ไม่ต้องพูดดังก็ได้มั้งครับ คือในนี้คนไม่เยอะก็จริง แต่มันมีรุ่นน้องในเอกอยู่ด้วยนะ แล้วตอนนี้น้องๆ ก็มองมาทางผมและอมยิ้มให้ ผมยิ้มเหงือกแห้งกลับไป หันมามองหน้าอาจารย์ด้วยอาการเหงื่อตก
   



“ฉันก็ว่าแล้ว อะไรจะรีเควสขอเธอมาขนาดนั้น ไม่ยอมเอาคนอื่นด้วยนะ” อาจารย์แสร้งมองจิกด้วยความหมั่นไส้ ผมก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยได้เกาหัวแก้เก้อ
   



รออีกประมาณยี่สิบนาที อาจารย์ก็จัดการทำเรื่องลาให้กับผมได้ ผมเซ็นชื่อตัวเองลงตรงการรับรองเอกสารในส่วนของนิสิตผู้ไปปฏิบัติงานให้ทางมหาวิทยาลัย แม้จริงๆ จะเรียกได้ว่าไปทำเรื่องส่วนตัวมากกว่า แต่อาจารย์ณัฐวัฒน์ก็ให้กำลังใจผมว่า ยังไงมันก็มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง งานนี้เป็นงานระดับประเทศ เขารีเควสมาแบบนี้ทางมหาวิทยาลัยเองก็ได้หน้าได้ตาไปด้วย ฉะนั้นก็ให้ผมช่วยดูเขาให้เต็มที่ ส่วนเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของผมกับเขา อาจารย์เขาก็ไม่คิดจะบอกใคร เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม แต่จริงๆ ตอนนี้บอกไม่บอก คนก็เริ่มรับรู้กันเยอะแล้วละ
   



ผมลงลิฟต์มาข้างล่างตึก ในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ก็มีหลายคนหันมามองผมอย่างเนียนๆ บางคนแกล้งส่องกระจกบ้าง แกล้งเอา
มือถือมาเช็กหน้าตาตัวเองบ้าง ผมก็ได้แต่เฉย ผมคงห้ามให้ใครมองไม่ได้ แต่ขออย่างเดียวว่ามองแล้วอย่าเอาจอบมาขุดหัวผมก็แล้วกัน
   



“อะ แม่คนดังมาละ ไปๆ พวกมึง หิวมาก” พวกเรากำลังจะไปหาอะไรทาน ผมอยากกินส้มตำ น้ำตกหมู พวกนี้ก็เลยนัดกันว่าจะไปกินร้านประจำที่เราชอบไปกินกัน
   



“เออ พวกแฟนฉันไปด้วยนะแก แต่ว่ามันนั่งคนละโต๊ะ” เหมียวบอกตอนที่เราทุกคนเก็บของลุกขึ้นจากโต๊ะ เราพยักหน้ารับรู้ พากันเดินออกจากโต๊ะไป
   



ผมทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมา บางคนถึงขั้นยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผมเลยด้วยซ้ำ แอบอึดอัดเล็กๆ เริ่มพอจะเข้าใจความรู้สึกของพวกดารานักแสดงที่ชอบโดนตามถ่ายหน่อยๆ
   



“ทำใจนะมึง เดี๋ยวพอกระแสมันซาแล้ว เขาก็คงมองมึงน้อยลงเองแหละ” ผมยักหน้าขึ้นสองทีให้ไอวอร์ม เดินออกไปนอกตึกพร้อมเพื่อนๆ ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดูหน้าจอเป็นเบอร์ไม่คุ้นตา ผมขมวดคิ้ว แต่ก็กดรับสาย
   



“ฮัลโหล”
   



[Done? (เลิกเรียนรึยัง)] อ้อ วิคเตอร์นี่เอง ผมยังไม่ได้เมมเบอร์เขาที่เมืองไทยไว้ เพราะเพิ่งได้มือถือ แต่เขาเมมเบอร์ผมใส่ไว้ในเครื่องตั้งแต่เช้าแล้วละ
   



“Already, but I’m gonna go to have a dinner with friends. (เสร็จแล้วครับ แต่ผมกำลังจะไปทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆ)” ผมตอบเสียงเนือย หน้าตายังงอนเขาอยู่ เพื่อนๆ หันมามองอย่างตื่นเต้น
   





[And what about me? Dinner alone? แล้วฉันล่ะ อาหารเย็นโดดเดี่ยวงั้นเหรอ] น้ำเสียงเย็นชาดังมาตามสาย นึกหน้าเขาออกเลยว่าคงกำลังขึงตึงแค่ไหน ผมถอนหายใจ แต่เท้าก็ยังไม่หยุดเดินตามเพื่อน
   



“I will go with you. (เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน)”
   



[No. I want you to go to have a dinner with me. (ไม่ ฉันต้องการให้นายไปกินด้วย)]” เขาตอบเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ ผมย่นคิ้วอย่างไม่พอใจ อีกฝ่ายนิงเงียบรอฟังคำตอบจากผมอยู่
   



“Fine! Pick me up, now. (ก็ได้! มารับผมตอนนี้เลยละกัน)” ผมตอบเสียงกระแทกใส่โทรศัพท์
   



[You want a piece of me? (จะเล่นใช่มั้ย)] เขาถามเสียงขู่ ผมเม้มปาก แล้วถอนหายใจออกมา
   




“I’m sorry. Call me when you are here. (ขอโทษครับ โทรหาผมแล้วกันถ้าคุณถึงแล้ว)” ผมตอบเสียงตึง พอๆ กับใบหน้าตอนนี้ วิคเตอร์ไม่พูดอะไรแต่กดตัดสายไป ผมยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเซ็งๆ
   



“อ้าว นี่แกทะเลาะกันเหรอวะ” ผมหันหน้าเนือยๆ ไปมองแบม
   



“นิดหน่อย”
   



“อะไรวะ เพิ่งเจอกันเมื่อวาน มึงงอนกันละเหรอ” ไอ้แชมป์ถามสีหน้าเหลือเชื่อ
   



“อือ ปัญหาจุกๆ จิกๆ อ่ะ มีแฟนนี่ก็ยากเนอะ ตอนไม่มีใครกูก็อิสระดี ไม่เห็นต้องคอยรายงานหรือขออนุญาตจากใคร” ผมบ่นเซ็งๆ นึกถึงตัวเองเมื่อก่อนที่อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องพะว้าพะวงว่าใครจะโกรธจะงอนมั้ย ผมชิลนะ แค่มีเพลงให้ฟัง ผมก็เดินห้างได้คนเดียว กินข้าวคนเดียวก็ได้แล้ว ดูหนังก็ดูคนเดียวออกตั้งบ่อย
   



“ใช่ทุกคนซะที่ไหน อันนี้เป็นที่ผัวมึงละครับน้องแมท สงสัยคงหวงมึงจัด” พูดถึงตรงนี้แล้วก็ได้แต่ย่นจมูกเหมือนเหม็นอะไรสักอย่างจนเพื่อนๆ หัวเราะออกมา
   



“กูมีอะไรให้น่าหวงเนี่ย มึงดูสิ ถ้าหนังหน้ากูดี กูจะไม่ว่าเลย เออ ถ้ากูฮ็อต กูป๊อบปูล่ามาก ค่อยหวงก็ยังสมเหตุสมผล”
   



“สำหรับเขา มึงไม่หน้าเหี้ยไง แม้จริงๆ หน้ามึงจะเหี้ยก็ตาม”
   



“โถ อีวอร์ม! จะดีอยู่แล้วเชียว ไอ้แอนิมอล!” เหมือนมันจะให้กำลังใจ แต่ปิดท้ายเล่นซะแทบหัวทิ่ม ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
   



“แล้วนี่แกทะเลาะอะไรกัน ฉันอยากจะรู้อ่ะ ว่าพวกพระเอกดังๆ เวลาเขาทะเลาะกับแฟน เขาจะทะเลาะเรื่องอะไรกันบ้าง” แคทเดินถอยหลังมาถามด้วยอาการตื่นเต้น
   



“ก็แค่บอกว่าจะไปกินข้าวกับพวกแก แล้วเขารอกินข้าวด้วยอยู่” แคทอ้าปากหวอ สีหน้าแลดูตกใจมาก ตอนแรกผมคิดว่ามันจะต้องแบบว่าอึ้งที่ผมกับวิคเตอร์ทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ แต่เปล่าเลย
   



“เฮ้ยยย! น่ารั๊กอ้า! รอกินข้าวกับแฟน พอแฟนจะไม่ไปกินข้าวด้วยเลยงอน เฮ้ยๆๆๆ โมเมนต์ดีเว่อร์ ทำไมอดีตผัวกูไม่เป็นงี้บ้าง” แล้วเราทุกคนก็หัวเราะให้กับความฮาของแคทอีกครั้ง มันบ่นงุ้งงิ้งๆ คนเดียวว่าสมัยคบกับแฟนคนเก่า แฟนมันมึน เอาแต่ติดเกมส์ไม่ค่อยสนใจมัน สุดท้ายมันทนไม่ไหวก็เลยเลิกกันไป ปัจจุบันผู้ชายมีแฟนใหม่แล้ว ซึ่งก็เป็นผู้หญิงในเกมส์นั่นแหละ แคทเม้าท์ว่าวันๆ มันคงเอาแต่คุยกันผ่านเกมส์มากกว่าตัวจริง
   



“แล้วนี่มึงจะไปกินข้าวกับพวกกูอยู่ป้ะเนี่ย แฟนมึงไม่งอนเอาหรอ” ผมทำหน้าลำบากใจ ไม่อยากมีกรณีกับวิคเตอร์เพิ่ม แต่ก็อยากกินส้มตำกับหมูน้ำตก
   



“กินสักแปบก็ได้ จากโรงแรมมานี่ก็น่าจะทันสักจาน”
   



“โอย ลำบากเนาะมึง” ไอ้วอร์มมันว่าหน้านิ่ว
   



“แกไม่ชวนวิคเตอร์เขามากินด้วยเลยวะ จะได้แนะนำอาหารเด็ดของไทยให้เขากินด้วยไง” แคทเสนอแนะตาวาว ผมมองมันแล้วก็เริ่มมีสีหน้าคล้อยตาม
   



“เฮ้ยๆ ไม่เอาๆ มึงจะเอาเขามาทำไม กูทำตัวไม่ถูกนะ” ไอ้แชมป์แทรกเสียงลั่นพลางสั่นหัวรัวๆ แต่พวกผู้หญิงกลับร้องว่าเห็นด้วย เพราะอยากถ่ายรูปใกล้ชิดกับวิคเตอร์
   



“เหอะน่าไอ้แชมป์ ไอ้วอร์ม มึงก็ดูซีรีส์ที่เขาเล่นไม่ใช่รึไง ยังมาบ่นตอนล่าสุดให้กูฟังอยู่เลยว่าพระเอกโง่ เนี่ย มีโอกาสเจอนักแสดงแล้ว มึงบอกเขาไปเลยตรงๆ”
   



“โถ่ ไอ้เหมียว มึงคิดว่ากูจะกล้าพูดรึไง”
   



“หึ แต่กูพูดไปงั้นอ่ะ เอาเป็นว่าถ้าแมทชวนเขาได้ มึงก็ต้องไปกินด้วย” ไอ้สองมารทำหน้าเหมือนอยากจะอ้วก มันคงกลัวอึดอัดจนกินอาหารไม่อร่อย ผมเห็นแล้วก็สงสาร เลยลองพยายามเปลี่ยนความคิดสาวๆ แต่พวกนั้นบอกว่าให้ลองชวนวิคเตอร์ก่อน ผมเลยตัดสินใจลองโทรไปชวนเขาดู วิคเตอร์ทำน้ำเสียงประหลาดใจ ผมเลยต้องอธิบายว่าส้มตำคืออะไร เขาเลยบอกว่างั้นลองดูก็ได้
   



“กรี๊ดดด! เมื่อวานนี้กูถ่ายรูปเขาได้น้อยมาก วันนี้แหละมึง จะกดถ่ายไม่หยุดเลย!” แคทประกาศชัยชนะเมื่อตอนที่ผมหันไปบอกทุกคน
   





เรามาถึงร้านส้มตำเจ้าประจำที่อยู่ในซอยข้างๆ มหาวิทยาลัยของพวกเรา เป็นร้านคล้ายๆ เพิงหมาแหงน แต่ว่าไม่ได้ทรุดโทรม มีลานจอดรถให้ด้วยเนื่องจากลูกค้าร้านนี้จะแน่นมากแทบทุกวัน ทางร้านเลยขยับขยายพื้นที่ร้านให้กว้างกว่าเดิมในช่วงที่ผมอยู่ปีสอง แน่นอนว่าวันนี้ลูกค้าเยอะมากอีกเช่นเคย ส่วนมากก็เป็นนิสิตนักศึกษานั่นแหละ เรามองหาโต๊ะอยู่สักพัก พวกแฟนเหมียวก็ตะโกนเรียกให้ไปนั่งโต๊ะที่ใกล้กัน เหมียวแวบไปคุยกับแฟน ส่วนพวกเราก็นั่งลงบนเก้าอี้ ไอ้วอร์มยกเก้าอี้มาวางไว้ข้างผมตัวหนึ่ง คงกะเอามาให้วิคเตอร์นั่ง
   



“คนไหนแมทวะ” เสียงแว่วๆ ดังมาจากโต๊ะกลุ่มแฟนเหมียว ผมแอบตัวกระตุก หันไปมองวูบหนึ่งก็เห็นสายตาผู้ชายทั้งโต๊ะมองมาทางผม ก่อนที่จะใครสักคนส่งเสียงหัวเราะคล้ายว่าตลกอะไรสักอย่างออกมา
   



“ที่เขาแชร์กันในเฟซเยอะๆ ใช่มั้ยว่ามีแฟนเป็นฝรั่งแล้วเป็นดาราอ่ะ” ผมมองไปทางเหมียว มันได้แต่ยิ้มให้กับคนที่ถาม ผมรู้สึกขอบคุณมันที่ไม่ยืนยันหรือตอบรับกับคำถามนั้น
   



“เหี้ย ขุดทองกันมันส์เลยงานนี้” แล้วเสียงหัวเราะก็ดังตามมาอีก ผมเริ่มหน้าเสียกับเสียงหัวเราะนั้น แต่พวกเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มกลับหน้าตึง หันไปมองตาเขียวทันที แคทลุกขึ้นเป็นคนแรกแล้วเดินเข้าไปยืนมองหน้าพวกผู้ชายพวกนั้นเรียงตัวด้วยสายตาเอาเรื่อง
   



“นี่เรียนอยู่ปีสี่แล้วใช่มั้ยคะ” แคทถามน้ำเสียงเนิบนาบ แต่ว่ามันก็แฝงความเย็นยะเยือกเอาไว้
   



“ครับ ทำไมเหรอ” หนึ่งในที่ร่วมขบวนการหัวเราะเอ่ยบอก ทุกคนมองแคทงงๆ คนในร้านเริ่มหันมามองทางกลุ่มพวกเรา
   



“ไม่น่าเชื่อนะ ว่าเรียนมาจนจะจบแล้ว ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ในสมองอีก การศึกษาที่ได้รับมา ไม่ช่วยนำพาให้สมองคิดอะไรดีๆ เป็นบ้างเหรอ” พวกนั้นชะงักกันไป ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วเริ่มโต้กลับ
   



“อ้าวเธอ จู่ๆ ก็มาด่ากันนี่มันยังไงวะ”
   



“ช่วยแก้คำด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าจู่ๆ เรามาด่า คุณมาด่าเพื่อนเราก่อน”
   



“เฮ้ย แค่แซวเล่นปะวะ” อีกคนในกลุ่มนั้นพูดสีหน้าไม่พอใจ
   



“ถ้ากูบอกว่าแม่มึงเป็นชู้กับยามหน้ามอ มึงจะชอบใจปะ” ไอ้วอร์มที่นั่งเงียบๆ มาสักพักโพล่งขึ้นมา และนั่นทำให้จุดเดือดของอีกฝ่ายพุ่งขึ้นสูงทันที
   



“อ้าวไอ้เหี้ย มึงเล่นถึงแม่เลยเหรอ”
   



“มึงโกรธไร กูก็แซวเล่นเหมือนที่มึงแซวเพื่อนกูไง” ไอ้วอร์มยิ้มกลับไปให้ แต่มันเป็นยิ้มว่ามันพร้อมมีเรื่อง
   



“อ้าวๆ ถ้าจะมีเรื่องกันออกไปจากร้านป้าเลย อย่ามาทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน” เสียงป้าเจ้าของร้านดังขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดี ผมเองก็รู้สึกไม่ดีที่จู่ๆ ก็กลายเป็นชนวนให้คนทะเลาะกัน
   



“พวกมึงพอเถอะ คนเขามีปาก เขาก็พูดได้ทั้งนั้น ไม่ว่าผ่านไปอีกกี่ปีคนประเภทนี้ก็ยังอยู่ร่วมโลกไปพร้อมๆ กับแมลงสาบนั่นแหละ” อ้าว ผมไม่ได้อยากมีเรื่องนะ แต่ไอ้ปากดีๆ ที่วิคเตอร์ชอบด่า มันกลับรู้สึกไม่อยากยอม
   



“เยี่ยมมากอีแมท!” เก้ายกนิ้วโป้งมาให้ ผมลุกขึ้นยืนมองหน้าพวกนั้นแต่ล่ะคน พิจารณาหนังหน้าแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวพร้อมเบ้ปากหน่อยๆ
   



มักจะเป็นแบบนี้เสมอ พวกผู้ชายที่เหยียดเพศ (ใช่ว่าผู้หญิงไม่มี) หนังหน้าไม่ได้มีดีสักคน ผมไม่ได้อยากเอาหน้าตามาวัด แต่ในเมื่อเขาแสดงกิริยาต่ำๆ ออกมาก่อน ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องมองเนื้อหนังมังสาไปด้วย
   



“หล่อไม่เท่าแฟนเรา ยังปากเน่ากันอีกเหรอ เวลาแปรงฟัน ถามจริงว่าแปรงกันคนละกี่รอบอ่ะกว่าหมาจะหลุดออกจากปากได้”
   



ซ่า!
   



แล้วน้ำเปียกๆ ก็ถูกสาดเข้าหน้าผม ทั้งร้านร้องตกใจ ผมเองก็สะดุ้งตกใจไปด้วยเหมือนกัน เสียงป้าเจ้าของร้านเอ่ยไล่พวกเราให้ออกจากร้านทันที คนในร้านเริ่มนิ่งดูเหตุการณ์ บางคนเริ่มยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ หรือไม่แน่อาจถ่ายมาตั้งนานแล้ว
   



“เอ้! มึงบอกเพื่อนมึงให้ขอโทษเพื่อนกูเลยนะ!” เหมียวร้องเสียงดัง ตีไหล่แฟนมันดังป้าบ แฟนเหมียวคงกำลังงงๆ ว่าไปเกี่ยวอะไรกับเขา ผมรับทิชชูมาจากต๊อดแล้วซับน้ำออกจากหน้าเบาๆ
   



“ถ้าอยากโดนต่อย มึงพล่ามอีกดิ อีตุ๊ด!” ผมสะบัดหน้าไปมองอย่างโกรธจัด ผมรู้ว่าผมสู้มันไม่ได้หรอก ผมตัวเล็กกว่าตั้งเยอะ เทควันโด้ที่เคยเรียนมาก็แค่สายเหลืองพื้นๆ เอง
   



“นั่นปากเหรอวะ?!” เหมียวมองอย่างเดือดดาล แฟนเหมียวเรียกเพื่อนตัวเองให้รู้ตัว แต่ไอ้คนที่เอาน้ำสาดผมกลับเอาหน้าดำๆ หนังเหี่ยวๆ ย่นๆ ตาโปนๆ จ้องมาทางผมอย่างไม่ลดละ ส่วนคนอื่นๆ ที่ร่วมขบวนการหัวเราะเมื่อกี้ก็มองตาขวางเช่นกัน
   



“ออกไปๆ ออกไปเลย ไปมีเรื่องกันที่อื่น ถ้าโตขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้ ก็ไม่ต้องรับกันหรอกนะปริญญาน่ะ” ป้าเจ้าของร้านออกมายืนไล่ใกล้ๆ โต๊ะพวกเรา ผมขบกรามแน่นแล้วพ่นลมหายใจแรงๆ สะบัดหน้าหนีคนทุเรศพวกนั้น
   



“ไม่ต้องให้ออกหรอกป้า เดี๋ยวผมจัดการให้” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น พวกเราหันไปมองพร้อมกัน ผมมองด้วยความแปลกใจ
   



“เอิร์ท…” เขามองมาทางผม สีหน้าเขาเรียบนิ่ง ก่อนจะหันตาวาวๆ ไปมองพวกที่เอาน้ำสาดหน้าผม เพื่อนของเอิร์ทยืนเป็นแบคอัพนับสิบคนด้วยสีหน้านิ่งเช่นกัน
   



“นี่เราจะมาร่วมมีเรื่องด้วยรึไงเอิร์ท” ท่าทางเอิร์ทจะสนิทกับป้าเจ้าของร้านพอสมควรแฮะ
   



“ถ้ามีอะไรเสียหายเดี๋ยวผมจ่ายให้เองป้า ผมไม่เบี้ยวหรอก แต่ป้าไม่ควรเอาลูกค้านิสัยเหี้ยๆ แบบนี้ไว้ในร้าน เพราะเดี๋ยวความจังไรมันจะทำให้ป้าขายของไม่ออก” เอิร์ทกระแทกเสียงใส่หน้าไอ้พวกหน้าดำหนังเหี่ยว (หน้ามันดำๆ คล้ำๆ เกือบทุกคนเลยที่หัวเราะเยาะผมน่ะ)
   



“มึงว่าใครจังไร” หนึ่งในแก๊งค์หน้าดำหนังเหี่ยวลุกขึ้นถามสีหน้าโมโห
   



“โง่เนาะ เขาก็ด่าพวกมึงไงคะ กระแทกเสียงมาขนาดนั้น มึงว่ามวลเสียงแล่นผ่านอากาศไปด่าครกตำส้มตำของป้าเหรอ” แคทด่าสีหน้าเคียดแค้น แต่ผมมองว่ามันตลกมากกว่า แต่จะขำก็ขำไม่ได้ สถานการณ์กำลังเครียด
   



“ถ้าอยากมีเรื่องจริงๆ จัดมาเลยค่ะ นี่ไม่ได้ข่มนะคะ แต่บอกเลยว่า ชนะใสๆ นี่เป็นผู้หญิง แต่ตบแหลกนะคะ” พวกหน้าดำหนังเหี่ยวมองอย่างประเมิน เนื่องจากจำนวนคนฝั่งเอิร์ทกับฝั่งผมรวมกันแล้ว หนาแน่นกว่ากลุ่มพวกมันเยอะ และผมคิดว่าที่เหลือในกลุ่มอีกสี่ห้าคนก็คงไม่เอาด้วย เหลือพวกมันสามคนก็คงเละพอดีถ้าจะมีเรื่องจริงๆ
   



“โอ๊ย อีหนู อย่ามาตบกันในนี้นะ”
   



“หนูไม่ได้คิดจะตบเลยค่ะป้า ไม่ได้คิดจะมีเรื่องเลย…” แคทเงียบไป แล้วหันไปมองคนในร้าน




“…ถามในร้านก็ได้ว่าใครเริ่มก่อน ไม่ต้องถามหรอก เนี่ย คนอัดคลิปตั้งเยอะ อย่าลืมเอาไปลงโซเชียลนะคะใครที่ถ่ายคลิปไว้” พวกหน้าดำย่ำแย่ (ฉายาเปลี่ยนไปเรื่อย) มองไปรอบๆ ร้านด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะทุกสายตามองไปที่พวกมันเป็นหนึ่งเดียว ราวกับจะบอกว่าพวกมันนั่นแหละคือคนผิด




“มึงออกไปจากร้านเถอะ แล้วไม่ต้องมาคิดเล่นงานพวกกูแล้วก็เพื่อนกูทีหลังนะ ไม่งั้นมึงตายเงียบๆ แน่” เอิร์ทมองด้วยสายตาน่ากลัว แต่แน่ละว่าพวกนั้นมันคงไม่อยากเสียหน้า




“มึงคิดว่ากูกลัวมึงเหรอ” เอิร์ทหัวเราะเยาะเย้ยที่มุมปาก




“กูไม่ได้ให้กลัว กูให้มึงรู้จักรักษาชีวิตเอาไว้นอนในโลงสบายๆ ดีกว่า แล้วมึงจำไว้นะ ว่าโลกเขาไปไกลแล้ว ความคิดมึงมันเชยไปนานแล้ว”





“ไม่ใช่แค่โลกนี้นะ โลกในอดีตเขาก็มีชายรักชายมานานแล้ว รู้จักยุคกรีกโรมันมั้ยคะ อ๊ะ?! น่าจะไม่ เพราะดูจากหนังหน้าแล้วไม่น่าจะอ่านหนังสือดีๆ มีประโยชน์ออก” เก้าพูดแล้วยิ้มอ่อนจิกกัด แต่เล่นเอาให้สามขวานฟ้าหน้าดำคิ้วกระตุกไปตามๆ กัน แม้หน้ามันจะนิ่ง แต่สิ่งที่ซ่อนไม่มิดคือแววตาอันโกรธจัด




“แล้วไอ้คำว่าอัดถั่วดำ ขุดทอง อะไรทำนองนั้น พอเหอะ ครีเอทคำใหม่ๆ หน่อย น่าเบื่อว่ะคำพวกเนี้ย” ไอ้แชมป์เสริมทัพเก้าอีกที ผมมองหน้าเพื่อนๆ ตัวเองและพวกเอิร์ทด้วยความซึ้งใจ รู้สึกอบอุ่นหัวใจกับการปกป้องที่ได้รับเหลือเกิน




พวกผอมดำระยำบอนทั้งสามถึงกับอึกอักและมีสีหน้าเคียดแค้นเบาๆ เมื่อเจอไล่บี้ติดๆ กัน แถมเพื่อนในกลุ่มก็ยังไม่ช่วยอีก โดยเฉพาะแฟนเหมียวที่มองเพื่อนตัวเองอย่างผิดหวัง ไม่รู้ว่าเพราะเหมียวยืนค้ำหัวอยู่รึเปล่าเลยแสดงออกแบบนั้น




สุดท้ายพวกนั้นเลยเลือกที่จะเดินออกจากร้านไปพร้อมกันโดยมีเสียงโห่ไล่จากคนในร้านที่คงรอเวลาให้พวกมันเสียหน้าแบบนี้มาสักพักแล้ว เอิร์ทหันไปคุยกับป้าเจ้าของร้านสักพัก ป้าโวยวายหน่อยๆ แต่เอิร์ทกับเพื่อนที่น่าจะมากินบ่อยกว่าผมมากก็ออเซาะป้ากันคนละนิดคนละหน่อย ป้าแกเลยยอมแล้วเดินกลับเข้าไปที่เค้าน์เตอร์ทำอาหาร ผมนั่งลง ส่งยิ้มไปให้เอิร์ทที่ยิ้มตอบกลับมาอย่างอบอุ่น ผมทำปากว่า เดี๋ยวคุยกัน ให้เขา เอิร์ทพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งกับเพื่อนๆ ที่อยู่คนล่ะฝั่งกับผม ผมพยายามชะเง้อมองเพื่อนเอิร์ททุกคนจนพวกนั้นหันมา ผมเลยส่งยิ้มพร้อมโบกมือให้ ทุกคนยิ้มและโบกมือตอบกลับมาอย่างเป็นมิตรเช่นเคย




“ขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะครับ” แฟนเหมียวบอกด้วยสีหน้าไม่ดี ผมส่งยิ้มให้เขาแล้วส่ายหน้าไปมาเชื่องช้า




“ขอโทษแทนทำไม เจ้าตัวเขายังไม่รู้สึกผิดเลย”




“เราเคยเตือนมันหลายครั้งเรื่องปากหมา แต่มันคงแก้ยากแล้วละ” หนึ่งในกลุ่มนั้นอีกคนบอกอย่างเอือมๆ ผมยิ้มให้และยืนยันว่าไมเป็นไร




“คนที่ใจแคบแบบนี้ โตมาขนาดนี้ได้ยังไงวะ” แบมยื่นทิชชูให้ผมซับน้ำที่ยังติดๆ อยู่ที่หน้าประปราย




“นี่แหละ ความจริงของโลก ใช่ว่าทุกคนจะรับเรื่องแบบนี้ได้ อย่างประเทศไทยเราเปิดกว้างเรื่องนี้ก็จริง แต่ความจริงแล้วรับไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก” ผมบอกน้ำเสียงปลงๆ กับความจริงของประเทศไทย เมืองไทยขึ้นชื่อว่าเสรีภาพเรื่องของเพศมากที่สุดในเอเชียหรือในโลกเลยก็ว่าได้ แต่ยังมีคนไทยด้วยกันเองอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ยอมรับกับเสรีภาพตรงนั้น แม้นไม่เหยียดออกมาตรงๆ แต่เอาจริงๆ คนรับเรื่องนี้ได้อย่างบริสุทธิ์ใจนั้น มีไม่มากนักหรอก ปากว่าเปิดกว้าง รับได้ แต่การเหยียดเพศก็ยังมีให้เห็นอยู่เสมอจากในสังคมบ้านเรา ก็เหมือนกับเรื่องเหยียดสีผิว เรื่องชนชั้นวรรณะเช่นกัน



เพราะคำพูด จะพูดให้สวยหรูยังไงก็ได้





ใช่แค่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะประเทศไหนๆ แม้กระทั่งประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีพวกนี้อยู่ ไม่ว่าจะทั้งหญิงหรือชายนั่นแหละ อยู่ที่วาคนพวกนั้นจะแสดงออกยังไง



...................................................TBC.  :katai5:

 คนแบบนี้ในสังคมไทยเรายังมีอีกมากค่ะ ตอมเองก็เป็นแบบแมท ตอมเจอมาเยอะมาก พวกที่พูดสนุกปาก พูดไปเรื่อย โดยที่ไม่คำนึงถึงใจผู้อื่น คนแบบนี้ตอมไม่ให้ค่าเขาหรอกค่ะ แต่ยืมพฤติกรรมทรามๆ แบบนี้มาใช้ในนิยายหน่อยแล้วกันนะ 555555

ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากเลยค่ะ ที่อยู่เป็นเพื่อนกัน  :mew1:

ปล.กำลังจะเปิดเรื่องใหม่เร็วๆ นี้นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด