Only You EP.42 [35%]Special Viewpoint from Victor. แมทสงบลงแล้ว กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง เขาหลับตั้งแต่บ่ายสามเกือบบ่ายสี่จนตอนนี้สามทุ่มกว่าและผมเองก็นั่งเฝ้าเขาอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เขาหลับ ไม่กล้าลุกไปไหนเพราะกลัวเขาหนีหรือหายไป แม้กระทั่งจะเข้าห้องน้ำผมก็ยังกังวล รีบเข้ารีบออกมา ตอนที่ออกมาแล้วยังเจอเขานอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ผมรู้สึกโล่งอกมาจริงๆ
ผมนั่งมองหน้าเขาด้วยสายตารวดร้าว หัวใจยังคงเต้นตุบๆ อย่างเนิบนาบ ผมเอื้อมมือตัวเองไปจับมือเขาทั้งสองขึ้นมามองรอยแผลตรงข้อมือจากคมกุญแจมือ มันแดงเถือก มีเลือดคั่ง เป็นรอยขีดข่วนรอบข้อมือ ผมขบกรามแน่น น้ำตารื้นที่ขอบตาทั้งสองข้าง ผมโน้มหน้าลงไปจูบข้อมือเขาทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบาแล้ววางมือเขาไว้บนผ้านวม เอื้อมมือซ้ายไปลูบผมที่ปรกหน้าผากเขาอยู่ แมทผ่อนลมหายใจน้อยๆ ผมโน้มตัวไปจูบหน้าผากเขาหนึ่งทีและกดจมูกหอมหน้าผาก แช่ไว้สักพักก็ดึงตัวกลับไปนั่งมองเขาตามเดิม
ผมก้มลงมองรอยสักชื่อแมทบนอกซ้ายของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอีกที ถ้าคนเราจะมีใครสักคนที่เรารู้สึกว่าเรารักแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน แมทนี่แหละคือคนนั้นของผม ความรักของเราสองคนมันไม่ได้เริ่มแบบจุดไฟติดทันที แล้วทุกวันนี้ผมยังไม่รู้ตัวเลยว่าไปรักแมทตอนไหน ต้องการเขาขนาดนี้เมื่อไหร่ รู้สึกขาดเขาไม่ได้จนจะตายขนาดนี้ตอนไหนก็ยังไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมมีเขาอยู่ในชีวิตแล้วผมมีความสุข ชีวิตผมสมบูรณ์แบบ
“อือ…” ผมขยับตัวตั้งตรงขึ้นอีกนิด มองแมทที่ค่อยๆ ลืมตา เขาหันมามองผมงงๆ สักแปบก่อนที่จะหลับตาลงอีกสักพักแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่
เรามองตากัน ผมมองเขาอย่างระแวดระวัง แมทมองผมเหมือนกำลังคิดพิจารณา ซึ่งผมกลัวความคิดในหัวของเขามาก ผมเลยลุกขึ้นยืนหลังค่อมน้อยๆ ถลกผ้านวมสีน้ำตาลเข้มแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้านวม ค่อยๆ ยกหัวแมทขึ้นมานอนบนอกตัวเอง แขนซ้ายโอบกอดร่างของเขาไว้ แมทนอนนิ่ง ไม่ได้กระเถิบเข้ามาใกล้ เป็นผมเองที่ต้องโอบให้เขาเข้ามาชิดกับผมไว้ให้มากๆ ผมก้มลงหอมกลางกระหม่อมเขาแบบที่ชอบทำ มือขวายกขึ้นมาลูบหัวเขาเบาๆ
“Are you alright? (โอเคไหม)” ผมถามเสียงกระซิบ แมทกระแอมคอนิดหน่อยก่อนตอบเสียงแหบแผ่วๆ
“I’m tired. (ผมเหนื่อย)” หัวใจผมกระตุกก่อนที่จะรู้สึกบีบรัด ผมหยุดลูบหัวเขา ใช้แขนขวากอดร่างของเขาไว้ในอ้อมกอดตัวเอง แมทยังคงนอนนิ่ง ผมเริ่มใจคอไม่ดี แต่ก็พยายามคุมสติตัวเองดีๆ ทั้งที่จริงๆ ในหัวมันรวนๆ แปรปรวนแปลกๆ ต่อมความรู้สึกก็คล้ายจะฝ่อ
“นอนเถอะ เดี๋ยวก็จะดีขึ้นนะ” ผมกล่อมเขาเสียงสั่น กดจมูกลงบนหัวเขา สูดดมกลิ่นหอมของแชมพู ผมเหลือบสายตาไปมองข้อมือเขาที่เป็นแผลแล้วก็กลืนน้ำลายลงคออันแห้งผาก
“ปล่อยผมไปได้มั้ย”
“ไม่” ผมตอบทันที หัวใจเริ่มสะเทือน ในหัวมันวูบวาบเหมือนเพิ่งโดนเหวี่ยงไปมาแล้วกลับมายืนตรงๆ แบบเซๆ ผมกอดแมทไว้แน่น จนเขาร้องครางประท้วงแต่ผมไม่กล้าคลายอ้อมกอดออกจากตัวเขา ผมกลัวเขาจะหนีผมไป
“วิคเตอร์ ผมอึดอัด…” เขาครางอ้อนวอนเสียงอ่อน ผมย่นคิ้วนิดหนึ่ง ชั่งใจสักพักก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมแขนตัวเองที่โอบร่างของเขาเอาไว้ แมทผ่อนลมหายใจแผ่วเบา เขาไม่ได้ขยับหนีออกจากอก ผมเลยรู้สึกโล่งใจหน่อยๆ
“นอนเถอะนะ ตื่นมาเดี๋ยวหาอะไรอร่อยๆ กินกัน” เขาไม่ตอบรับอะไรกลับมา ได้แต่นอนหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจยาวๆ ผมแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้องนอนแล้วครุ่นคิด ในอกสั่นไหวไม่มั่นคง ผมไม่อยากได้ยินคำนั้นจากปากเขา ไม่ว่าจะพูดด้วยรูปประโยคไหนก็ตามแต่ถ้าความหมายคือจะไปจากผม อยากเลิก อยากพักเรื่องระหว่างเรา ผมไม่อยากได้ยินทั้งนั้น
แมทหลับไปอีกรอบแล้ว ผมใช้แขนซ้ายโอบเขาเอาไว้แน่นพอประมาณ ไม่กล้าหลับตาลงกลัวว่าเขาจะแอบหนีผมไปตอนผมหลับ ผมเลยลืมตาไว้ อันที่จริงผมไม่ง่วงเลยด้วยซ้ำ เพราะในหัวมันไม่สงบเลย ยิ่งในใจยิ่งไปกันใหญ่ แต่ผมแค่กลัวว่าจะเผลองีบเพราะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ผมเผลอหลับไปแวบหนึ่งแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่ก็ยังเห็นว่าแมทนอนอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน ผมเริ่มวางใจขึ้นนิดหนึ่ง เริ่มคิดน้อยลงเลยผ่อนคลายตัวเองด้วยการนอนหลับ แขนซ้ายโอบร่างแมทไว้แน่น เขาคงยังเพลียอยู่เลยงีบยาวซะนานขนาดนี้ แต่ดีแล้วละ เขาจะได้ไม่ไปไหน นอนอยู่บนเตียงด้วยกันนี่แหละ
ผมลืมตาตื่นอีกทีตอนหกโมงเช้า รู้สึกได้แทบจะทันทีว่าแขนซ้ายตัวเองโล่ง พอหันไปมองก็ไม่เห็นร่างของแมทแล้ว หัวใจผมหล่นวูบทันที ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง มองหาแมทรอบห้องด้วยสายตาตื่นตระหนก ผมสะบัดผ้านวมออกจากตัว เดินไปดูเขาในห้องน้ำก็ไม่เจอ ในห้องแต่งตัวก็ไม่เจอ นอกระเบียงก็ไม่มีแม้แต่เงาเขา
ผมเริ่มยืนหันรีหันขวาง ลมหายใจเริ่มกระชั้นชิดถี่ ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามคุมสติตัวเองดีๆ แล้วเข้าไปเช็กในห้องแต่งตัวอีกทีว่าเสื้อผ้าเขายังอยู่มั้ย มันทำให้ผมโล่งไปใจไปนิดเมื่อเสื้อผ้าเขายังอยู่ไม่ได้หายไปไหน ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เดินออกจากห้องนอนลงไปชั้นล่าง เลี้ยวขวาเมื่อลงบันไดไปทางห้องนอนออสติน
ก๊อกๆ
ผมเคาะประตูห้องนอนออสติน ปกติเขาจะตื่นไม่เกินเจ็ดโมงเช้า ตอนนี้คงน่าจะตื่นแล้วแต่อาจจะยังไม่ออกมาจากห้อง ผมยืนรอไม่นานเขาก็เปิดประตูออกมาเจอผมด้วยสีหน้างงๆ ปนประหลาดใจ
“ครับคุณเรย์มอนด์”
“แมทหายไป” ออสตินไม่ได้มีอาการตกใจจนทำผมเสียสติไปด้วย แต่เขามีสติกว่าผมมาก เขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ไมเคิลเดินออกมาคลอเคลียที่ขา ผมก้มลงไปขยี้หัวมันเบาๆ แวบหนึ่ง
“ลองโทรหาเขารึยังครับ” ผมสั่นหัว มีสติพาตัวเองลงมาข้างล่างได้ผมว่าตัวเองก็เก่งมากแล้ว ออสตินกดมือถือแล้วเอาขึ้นแนบหู ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
“ปิดเครื่องครับ แบบนี้คงตามจากสัญญาณโทรศัพท์ยากด้วย” หัวใจผมเต้นแรงขึ้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ขมับทั้งสองข้างเต้นตุบๆ สองมือกำแน่น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงหนักๆ แล้วไม่ทันห้ามตัวเอง ผมก็ชกกำแพงไปเต็มทั้งสองหมัดและทำท่าจะชกอีกแต่ออสตินรีบยกมือห้ามไว้
“เอาเวลามาทำร้ายตัวเองไปตามหาคุณแมทดีกว่ามั้ยครับ” ผมหายใจหนักหน่วง ในหัวเหมือนมีอะไรถีบผนังหัวแรงๆ ข้างในอกก็รู้สึกเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงจนควบคุมยาก
“จะไปตามที่ไหน” ผมถามเสียงเครียด ไม่สนใจอาการเจ็บและแดงเถือกตรงมือของตัวเอง
“เดี๋ยวผมให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยหาอีกแรงครับ” ผมทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับ ผ่อนลมหายใจออกทางปากและจมูกรัวๆ สักพักก่อนที่จะสูดเข้าปอดแรงๆ แล้วพ่นออกแรงๆ อีกหนึ่งที หมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเพื่อนตัวเอง
“ฮัลโหล ไอ้เบน… แมทหายไป… ไม่รู้… อืม… ทะเลาะกัน… ก็แรง… เปล่า! ไม่ได้มีใคร!... เป็นเรื่องของฉันสองคนเท่านั้น ฉันไม่ได้มีชู้โว้ย!!!... เออ! หยุดด่าฉันแล้วช่วยเอาสมองของแกคิดตามหาแมทที!” ผมกำหมัดแน่น ยืนหายใจหอบเพราะโกรธที่โดนเพื่อนหาว่าแอบไปนอนกับใครอีก ไอ้เบนเงียบไม่ตอบโต้นั่นเลยทำให้ผมต้องดึงสติตัวเองกลับมาเร็วๆ
“ขอโทษ ฉันกำลังสติแตก ฉันเป็นห่วงเขา” ผมบอกเสียงอ่อน ไอ้เบนถอนหายใจเบาๆ
[พาสปอร์ตเขายังอยู่มั้ย] มันไม่ได้ต่อว่าแต่ถามกลับมาอย่างใจเย็น ผมเดินไปค้นตรงลิ้นชักข้างเตียงก็ยังเห็นพาสปอร์ตเขาอยู่ในนั้นไม่ได้ไปไหน
“อยู่ เสื้อผ้าเขาก็อยู่นะ คงหายไปชุดเดียวนั่นแหละ”
[งั้นแกก็วางใจได้ เขายังอยู่ในนิวยอร์กนี่แหละ]
“แกจะให้ฉันวางใจได้ยังไง ถ้าเกิดแมทไปเจอกับไอ้ฌอณล่ะ!” ผมว่าเสียงห้วนสะบัดกับการที่มันบอกให้ผมวางใจทั้งๆ ที่ตอนนี้แมทจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้
[ฉันหมายถึงให้วางใจว่าเขาไม่ได้หนีแกกลับไทยหรือหนีไปประเทศอื่น] ไอ้เบนว่าเสียงเหวี่ยงนิดๆ กลับมา ผมหลับตาลงแล้วถอนหายใจแผ่วๆ
“อืม” ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไร ผมกังวล ผมสับสน ผมเป็นห่วงเขา และในขณะเดียวกันผมก็โกรธเขามากด้วยที่หายไปแบบนี้
[ลองไปตามหาเขาที่บรู๊คลินดู บ้านที่เขาเคยมาพักตอนมาอเมริกาเมื่อปีก่อน เผื่อเขาจะกลับไปเยี่ยมบ้านนั้น] ผมรับปากมันว่าจะไปทั้งที่ในใจคิดว่าช่วงเวลานี้แมทคงไม่ไปเยี่ยมใครหรือเยี่ยมชมอะไรหรอก
[จริงๆ แล้วบางทีแกก็น่าจะลองปล่อยแมทไปก่อน เขาอาจจะอยากอยู่คนเดียวสักพัก]
“ไม่” ผมตอบอย่างดื้อดึง จะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้ไง ผมเป็นห่วงเขาจะตายห่าแล้ว
[งั้นลองไปดูที่นั่นก่อน แต่ถ้าไม่เจอ แกไม่ต้องไปตามหาเขาที่ไหนอีก ให้กลับไปรอที่บ้าน ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวแมทก็กลับมาเอง] ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเชื่อมั่นแบบนั้น
[พื้นที่ส่วนตัวน่ะ เข้าใจมั้ย] ไม่เข้าใจ ไม่พร้อมเข้าใจอะไรทั้งนั้น เริ่มรู้สึกว่าไอ้เบนพูดอะไรที่เข้าใจยากแบบแมทตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมตัดบทกดวางสายจากไอ้เบน เดินลงไปหาออสตินที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
“ผมติดต่อเพื่อนตำรวจที่มาหาคุณแมทคราวก่อนแล้วนะครับ เขาบอกว่าถ้าเจอจะรีบติดต่อกลับมา” ผมกดหน้าลงนิดเดียว ขมับเต้นตุบๆ จนนึกรำคาญ
“นายอยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันจะออกไปดูบ้านที่เขาอยู่ตอนมาทำงานกับฉัน ถ้าเขากลับมาที่บ้าน โทรบอกฉันด่วน”
“ครับ คุณเรย์มอนด์” ผมเดินไปทางประตูบ้านด้วยอาการใจว้าวุ่นที่ไม่ยอมสงบลงง่ายๆ ถ้าไอ้เบนมันเชื่อว่าแมทจะกลับมาหาผมเอง ผมก็เชื่อว่าแมทไม่อยู่ที่บ้านหลังนั้น ช่วงเวลานี้เขาต้องพยายามหนีไปไหนก็ได้ที่ผมจะไม่สามารถตามเขาเจอได้ง่ายๆ
แล้วมันก็เป็นจริงตามนั้น ผมมาที่บ้านหลังนั้นในบรู๊คลิน ป้าเจ้าของบ้านจำแมทได้ แต่เธอบอกว่าแมทไม่ได้มาที่นี่ เธอยังประหลาดใจด้วยว่าแมทย้ายมาอยู่นิวยอร์กตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่ได้พูดอะไรยืดยาว รีบตัดบทสนทนาทันที เริ่มร้อนใจเข้าไปอีกเมื่อไม่เจอเขา และตอนนี้ผมเหมือนคนตาบอด มองไม่เห็นวี่แววเขาเลยสักนิด ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะไปตามหาแมทได้ที่ไหน นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาควรจะไปอยู่ที่ไหนในเมืองใหญ่โตแบบนี้
ผมนั่งเอาหัวพิงพนักเบาะรถ สองมือกำพวงมาลัยรถแน่น จ้องมองถนนเบื้องหน้าด้วยความเครียด ยิ่งเครียดก็ยิ่งคิดไม่ออกว่าจะไปตามหาแมทที่ไหน ผมเลยระบายด้วยการทุบพวงมาลัยแรงๆ แล้วหันหมัดขวาไปชกกระจกรถแรงๆ หนึ่งที ผมนั่งก้มหน้าหายใจหอบ รู้สึกคล้ายว่าแกนสมองบิดเป็นเกลียวจนปวดหัวตุบๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองถนนอีกรอบแล้วบอกตัวเองให้กลับบ้าน แต่สักพักก็นึกถึงร้านจีอันนาขึ้นมา ผมเลยสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
พอมาถึงร้านกาแฟจีอันนาในย่านเวสท์วิลเลจ ผมก็เดินเข้าไปด้านในอย่างเร็ว ไม่สนใจสายตาที่กำลังมองมาที่ตัวเองอย่างสนอกสนใจ ในหัวผมคิดอย่างเดียวว่าขอให้เจอแมทที่นี่ แต่คำตอบของจีอันนาก็ทำเอาใจที่แป้วอยู่แล้วแป้วเข้าไปอีกถึงขั้นหม่นหมอง
“เขาจะมาหาฉันทำไมกันล่ะวิคเตอร์” ผมกำหมัดแน่นแล้วทุบเค้าน์เตอร์ดังปัก! จนพนักงานเงยหน้าหน้าขึ้นมองตื่นๆ ผมขบกรามแน่น อยากจะอาละวาดให้ลั่นร้าน แต่ก็ยังพอจะยับยั้งตัวเองได้บ้างว่าไม่ควรอาละวาดที่นี่ทั้งที่ไม่มีใครทำอะไรให้ผม
“แล้วเขาหนีนายทำไมเนี่ย” จีอันน่าถามอย่างงงๆ ผมไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหัวจนเธอถอนหายใจเบาๆ
“ฉันไม่รู้เรื่องหรอกนะ แต่ถ้ารักเขามากขนาดนี้ ก็ช่วยรักและรักษาเขาให้ดีๆ ผู้ชายนี่เป็นอะไรกัน จะมาเห็นความสำคัญตอนหายไปเนี่ยเหรอ” เธอย่นคิ้วไม่เข้าใจ ผมทำหน้าเซ็ง แล้วตอบด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ
“ฉันไม่ใช่ไอ้ชาร์ลีนะ แฟนฉันสำคัญกับฉันเสมอ และฉันไม่ได้เพิ่งเห็นความสำคัญของเขา” จีอันน่ายิ้มมุมปากขวาหน่อยๆ แล้วว่าเสียงเรียบ
“เห็นความสำคัญของเขาให้ตลอดแล้วกันนะวิคเตอร์ อย่าเผลอลืมล่ะว่าเขาสำคัญกับนายขนาดไหน” ผมขมวดคิ้วมองเธออย่างไม่เข้าใจบ้าง จีอันน่ายิ้มเศร้าพอๆ กับแววตา เธอก้มหน้ากลับไปทำงานตามเดิม ผมมองเธอครู่หนึ่งแล้วก็กวาดสายตาไปมองรอบร้าน พอไม่เห็นวี่แววของแมทจริงๆ ผมก็เอ่ยลาจีอันน่า เธอเงยหน้ามองผมแวบเดียวแล้วก็พยักหน้าให้เท่านั้น
ผมเดินออกจากร้านจีอันน่ากลับไปที่รถตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดไม่หายเลยระบายอีกทีด้วยการกระทืบตัวรถเต็มๆ เท้า แต่ดูท่าวัสดุรถมันจะดีจริง เพราะไม่ยุบไม่บุบ แค่เป็นรอยเปื้อนดำๆ ผมกวาดสายตามองรอบย่านเวสท์วิลเลจเผื่อจะเจอแมทเพราะเขาชอบย่านนี้ แต่ยิ่งมองก็ยิ่งเวียนหัว ช่วงเวลาเช้าๆ คนเดินกันเต็มไปหมด แล้วพอไม่เห็นวี่แววเขาผมก็ยิ่งหงุดหงิด ผมกระชากประตูรถเปิดออกแล้วกระแทกตัวลง ปิดประตูดังปัง! ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
ผมกะว่าจะกลับบ้าน กลับไปรอที่นั่นอย่างที่ไอ้เบนบอก แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมขับรถไปสำนักงานของเอมิลี่ตอนเก้าโมง ผมไม่ได้ตั้งใจมาหาเธอ แต่ผมมาที่นี่เผื่อว่าจะเจอแมททั้งที่ในใจลึกๆ ของผมรู้ว่าแมทไม่มีทางมาที่นี่ มันง่ายเกินไปที่ผมจะพบตัวเขา
“นายทำอะไรแมทอีกเนี่ย” เอมิลี่บิดปากและกอดอกมองหน้าผมอยู่บนเก้าอี้ ผมนั่งหน้าเซ็งอยู่ตรงข้ามกับเธอ ไม่รู้จะพูดถึงประเด็นนี้ยังไงเลยเลือกที่จะส่ายหัวแทนคำตอบ เอมิลี่มองหน้าผมแล้วถอนหายใจ ผมเจอคนถอนหายใจใส่สามคนได้แล้วมั้ง รวมตัวเองก็เป็นสี่แล้วเนี่ย
“ฉันหมดหนทางจะแนะนำจริงๆ วิคเตอร์ บางทีนายอาจทำได้แค่รอให้แมทกลับมาเอง” พูดเหมือนไอ้เบนเป๊ะ แค่พูดคนละแบบ ผมรู้ว่าทุกคนก็จนปัญญาที่จะช่วย เพราะแมทหายไปเงียบๆ ไม่ติดต่อคนรอบข้างผมเลย แถมยังปิดการสื่อสารทุกอย่าง ผมลองยกมือถือขึ้นมากดโทรหาเขาอีกรอบอย่างมีความหวังแต่ความหวังก็ดับวูบอีกรอบเช่นกันเมื่อเขายังคงปิดเครื่อง
“ถ้าแมทมาที่นี่รีบติดต่อฉันด้วยแล้วกัน” เอมิลี่พยักหน้ารับน้อยๆ ผมลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องด้วยอาการร้อนใจที่ยังไม่ลดลง
ตอนนี้ผมอยากเห็นชื่อออสตินบนหน้าจอโทรศัพท์ที่สุด อยากให้เขาโทรบอกผมว่าแมทกลับไปที่บ้านแล้ว แต่ก็ไม่มีการติดต่อจากเขา ผมหลับตาแน่น ยกสองมือกุมหัวที่ปวดตุบๆ แล้วก้มหน้าลงกับพวงมาลัย ความรู้สึกกลัวจนหวั่นไหวในอกทำให้ผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ ผมกลัวแมทหายไปแล้วไม่กลับมาหาผมอีก ผมกลัวเขาจะหนีผมไปไกลๆ จนผมตามเขากลับมาไม่ได้ ผมกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายอะไรหรือเปล่าตอนนี้ ผมกลัวมีคนทำร้ายเขาโดยเฉพาะไอ้ฌอณ
ผมกลัวไปหมด ผมกลัวเสียเขาไป
ผมขับรถตามหาแมทจนถึงบ่ายโมง แต่ก็ไม่พบเขาเลยจริงๆ ผมขับรถกลับบ้านในสภาพจิตล่องลอย ในอกผมกลวงโบ๋ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ที่ยังขยับได้ก็ขยับเหมือนขยับไปอย่างนั้นให้ร่างมันเดินไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย ผมไม่ได้หาเขาเอาเป็นเอาตาย เพราะผมแทบจะหมดหวังแล้ว ผมกลัวจนสติมันเบลอและชัทดาวน์ไปในที่สุด หัวสมองปิดกั้นความรู้สึกใดๆ นอกจากคิดถึงแมท ผมรู้แค่ว่าพบอยากหาเขาให้เจอ แต่ทำยังไงก็ไม่เจอ ยิ่งหา ก็ยิ่งกลัว ผมเลยพาตัวเองในสภาพนิ่งเงียบกลับมาที่บ้าน
ออสตินส่ายหัวด้วยใบหน้าเครียดๆ เป็นเชิงบอกว่าเขาก็ยังหาแมทไม่เจอเช่นกัน ผมไม่ตอบรับอะไรเขา เดินเอื่อยๆ ไปนอนบนโซฟาในห้องโถง นอนมองเพดานนิ่งๆ ปล่อยน้ำตาไหลเงียบๆ โดยไม่ได้เช็ดมัน ผมไม่มีแรงแม้กระทั่งจะสะอื้น
“ทานข้าวก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวจะหมดแรงตามหาคุณแมท” เสียงออสตินเหมือนลอยมาจากที่ไหนไกลๆ สักที่ ตอนแรกมันได้ยินค่อยๆ แล้วสักพักก็ได้ยินดังขึ้น ผมนอนนิ่งมองเพดาน กะพริบตาไล่น้ำตาสักพักก็พูดกับออสตินเสียงเบา
“นายว่าแมทจะกลับมาหาฉันมั้ย” ผมถามอย่างหมดหวัง ผมไม่รู้อะไรแล้ว ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ผมตาบอดไปแล้ว ผมมองไม่เห็นเลยว่าแมทอยู่ที่ไหนกับใครตอนนี้ และเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง
“กลับสิครับ เขารักคุณมากนะครับ” ผมแค่นยิ้ม อันนั้นผมรู้ แมทรักผม ผมรู้ว่าเขารักผม อาจจะไม่เหมือนที่ผมรักเขา แต่เขาก็รักผม และตอนนี้ผมก็ยังคิดว่าเขายังรักผมอยู่ แม้เขาจะหายไปก็ตาม ผมอาจจะมั่นใจมากไป แต่ความหวังเดียวของผมตอนนี้คือขอให้เขายังรักผมมากพอจนยอมที่จะกลับมาหาผม
“ฉันกลัวเขาเป็นอะไร” ผมหลับตาลง น้ำตาไหลอีกเป็นสาย ผมกลัวว่าเขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย กลัวเขาโดนใครทำร้ายร่างกาย ภาพที่เขาเจ็บตัวเพราะโดนไอ้เหี้ยฌอณทำร้ายยังติดตาผมอยู่ ผมกลัวว่าถ้าผมหาเขาไม่เจอ เขาจะมีสภาพที่เลวร้ายกว่านั้น แค่คิดผมก็ยิ่งกลัวจับใจเข้าไปอีก
“นายว่าฉันรักแมทมากมั้ย” ผมถามออสตินอย่างเลื่อนลอย สติยังมีอยู่แต่บอกได้เลยว่ามันไม่เต็มร้อยหรอก
“ไม่รู้หรอกครับ แต่คุณแมทก็ทำให้คุณจะเป็นจะตายแบบนี้ได้” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา ไม่ได้หันไปมองว่าออสตินทำหน้าตายังไง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ แม้จะมีน้ำตาติดมาด้วยก็เถอะ
“ใช่ ฉันเหมือนจะตายเลย” เพราะแมทก็เหมือนชีวิตผม ถ้าเขาหายไปหรือเป็นอะไรไป ผมคิดว่าก็เหมือนชีวิตผมจากไปแล้ว
เห็นความสำคัญของเขาให้ได้ตลอดนะ… เสียงของจีอันนาดังขึ้นในหัว ทำให้คิ้วผมขมวดอีกครั้งกับประโยคนั้น มันไม่ได้ตีความยาก แต่เธออยากจะบอกอะไรผมงั้นเหรอ ผมดูจะให้ความสำคัญกับแมทไม่นานงั้นเหรอ
“ทานข้าวเถอะนะครับ คุณควรทานตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าคุณแมทรู้เขาคงงอนคุณอีก” ใช่ แมทไม่อยากให้ผมขาดอาหารเช้า เขาจะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ผมตามเวลาเสมอ เขาบอกว่าผมควรจะกินข้าวเช้าไม่เกินเก้าโมง เพราะกระเพาะคนเรากำลังรับอาหารมื้อเช้าได้ดี ถ้าผมงอแงไม่กินเขาก็จะงอน งอนเพราะเป็นห่วงผม
“ฉันอยากให้เขารู้จังว่าฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย” นายอยู่ไหนนะแมท…
เมียหนีง่ะะะ แต่ก็เป็นไปตามสูตรพระเอกละเนาะพี่ยักษ์ แบบว่าเมียหนี แล้วต้องตามง้อ 555555 ไม่มีซีนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมิใช่นิยายยย
จะเจอหรือเปล่าอันนี้ต้องมาลุ้นกันอีกที เอาใจช่วยพี่ยักษ์กันไปปป
ชีวิตของทั้งสองก็สุขทุกข์สลับกันไปเนอะ แต่บางคนอาจบอกว่า แลจะทุกข์มากกว่าสุข 55555
อีกหนึ่งตอนก็จิจบพาร์ท Only You แล้นนะคะ ใกล้ปิดพาร์ทล้าว
ลงจบแล้ว ตอมจะขอเบรกเรื่องนี้ไว้สักพัก ขอไปโฟกัสที่แม่เรียวกับพี่เขี้ยวก่อน ขอไปปั่นสต็อกบทเรื่องนั้นให้ได้เยอะๆ ก่อนค่ะ ถึงคนอ่านจะไม่ได้มากมายแต่ก็ยังมีคนรออ่านอยู่อะน้อออ ยังไงก็ขออัพให้คนที่ติดตามอยู่ได้อ่านเนาะะ ขอเขียนเรื่องนั้นเก็บไว้เยอะๆ ก่อนนะคะ จะได้อัพบ่อยๆ ไม่หายไปเป็นเดือนๆ แบบนี้อีก คือฝืนสมองตัวเองมากจริงๆ ค่ะกับการเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมๆ กัน เลยจะขอโฟกัสแม่เรียวสักพัก พอได้ตอนเยอะๆ แล้วแล้วจะกลับมาเขียนเรื่องนี้ ยังไงก็ไม่หนีหายค่ะ เพราะพาร์ทหน้าก็ไฟนอลแล้ว เรื่องราวของยักษ์กับเอเลี่ยนจะสะดุดนานมิด้ายยย
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ นะคะ