<< Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>  (อ่าน 63734 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 


ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด   
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ 
เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม 
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
 
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)   


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2016 15:23:09 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >> บทนำ
«ตอบ #1 เมื่อ15-06-2015 12:30:18 »



                                                                   Heart

                                                            หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                                                     บทนำ


ค.ศ.2128


         ในยุคแห่งความก้าวล้ำของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่แสวงหาการอยู่รอดของชีวิตบนโลกที่เต็มไปด้วย

มลภาวะที่เป็นพิษ ความร้อนของโลกที่สูงขึ้นจากภาวะเรือนกระจกทำให้แผ่นดินแห้งแล้ง เกษตรกรรมลดน้อย พืชพรรณ

ธัญญาหารจากธรรมชาติราคาแพงยิ่งกว่าน้ำมัน ประชากรบนโลกดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารสังเคราะห์



       สเต็มเซลล์ เป็นผลจากการทดลองที่เป็นที่กล่าวขาน ว่าจะสามารถผลิตอวัยวะของร่างกายขึ้นใหม่ โดยนำเซลล์

ของคนที่สมบูรณ์แข็งแรงมาเพาะเนื้อเยื่อแล้วเลี้ยงให้เป็นอวัยวะที่ต้องการนำไปสับเปลี่ยนให้คนป่วย โดยที่ไม่ต้องรอ

การบริจาคจากคนที่เสียชีวิต แต่มันก็เป็นการทดลองที่ยังไม่เสถียร โดยเกิดการผิดพลาดขึ้นในบางครั้ง ที่องค์การ

วิทยาศาสตร์โลก ( World Science Organization:WSO)ต้องปิดเป็นความลับ และยังเกิดกรณีซื้อขายเซลล์ หรือการ

ลักพาตัวคนที่สมบูรณ์ เพื่อขโมยเซลล์ในร่างกายไปใช้จนเจ้าของร่างเสียชีวิต


           สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการต่อต้านจากแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่ง ที่มีความเห็นว่าการผลิต สเต็มเซลล์

เป็นการฝืนธรรมชาติ ทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี และยังคงยืนยันที่จะใช้การรักษาแก่ผู้ป่วยด้วยวิถีทางแห่งยารักษา

โรค กับการผ่าตัดแบบดั้งเดิม การต่อต้านนำมาซึ่งความขัดแย้งในองค์กรแพทย์ จนถึงกับมีแพทย์ที่มีฝีมือดีขอถอนตัว

จากองค์กร แล้วไปให้การรักษาอย่างลับๆ แก่ประชากร จนกลายเป็น องค์กรแพทย์ใต้ดิน











stem cell คืออะไร
เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตหรือสเต็มเซลล์ เป็นเซลล์ตัวอ่อนของโลหิตที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มวัย ซึ่งมีความสามารถในการเติบโตไปเป็นเซลล์เม็ดโลหิตแดง เซลล์เม็ดโลหิตขาว เกล็ดโลหิต และส่วนประกอบต่างๆ ของโลหิต
ส่วนไขกระดูก มีลักษณะเป็นโพรงและมีเนื้อเยื่ออ่อนนุ่มเหมือนเยลลี่ เป็นที่พำนักอาศัยของสเต็มเซลล์ ไขกระดูกนั้น จะพบได้ในแกนกลางกระดูกท่อนใหญ่ๆ ของร่างกาย  เช่น กระดูกแขน  กระดูกขา  กระดูกเชิงกราน เป็นต้น           ไขกระดูกจึงเปรียบเสมือนโรงงานขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่ในการผลิตเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตหรือสเต็มเซลล์นั่นเอง

    นอกเหนือจากสเต็มเซลล์จะมีปริมาณมากอยู่ในไขกระดูกแล้ว สเต็มเซลล์บางส่วนยังกระจายตัวอยู่ในกระแสโลหิตที่ไหลเวียนในร่างกายอีกด้วย  รวมทั้งสายสะดือรกเด็กแรกเกิดก็อุดมไปด้วยสเต็มเซลล์เช่นกัน
สเต็มเซลล์มีหลายชนิดแต่งต่างกัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแต่ละอวัยวะจะมีสเต็มเซลล์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับอวัยวะนั้น ตัวอย่างเช่นเลือดของเราที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเลือดสเต็มเซลล์ที่อยู่ในไขกระดูก นี่คือสเต็มแซลล์จากเนื้อเยื้อที่โตเต็มวัยแล้ว (Adult Stem Cell) นอกจ่างนั้นสเต็มเซลล์จะอยู่ที่ในตัวอ่อนมนุษย์และเมื่อนักวิทยาศาสตร์ปลูกเซลล์เหล่านี้ เซลล์พวกนี้คือ  ”สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์” (Embryonic Stem Cell)  นักวิทยาศาสตร์กำลังตื่นเต้นกับสเต็มเซลล์ตัวอ่อน เพราะว่าหน้าที่ของสเต็มเซลล์ตัวอ่อนที่สามารถสร้างทุกอวัยวะรวมทั้งเนื้อเยื่อในร่างกายในช่วงการเติบโตของมนุษย์  สิ่งที่หมายถึงนี้ก็คือสเต็มเซลล์ตัวอ่อนเป็นเหมือนเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความสามารถที่จะถูกพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่น ๆ ของร่างกายได้ ยกตัวอย่างเช่นสเต็มเซลล์เม็ดเลือดสามารถทำได้แต่เลือด แต่สเต็มแซลล์ตัวอ่อน สามารถทำ เลือด, กระดูก, ผิวหนัง, สมอง และอวัยวะอื่นๆได้นอกจากนี้สเต็มแซลล์ตัวอ่อนมีโปรแกรมธรรมชาติที่สามารถสร้างเนื้อเยื่อหรือแม้กระทั่งอวัยวะ ดีกว่าสเต็มเซลล์ที่โตแล้วที่ไม่สามารถที่จะผลิตเซลล์ชนิดอื่นได้  ทำให้สเต็มเซลล์อ่อนมีคุณสมบัติที่สามารถรักษาโรคที่เซลล์เสื่อมได้ สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนที่นักวิทยาศาสตร์เอามาเจริญเติบโตส่วนใหญ่ได้มาจากแซลล์ที่เหลือจากการทำกิ๊ฟ เซลล์ที่เหลือเหล่านี้ถ้าไม่ใช้ก็จะถูกโยนทิ้งไปอยู่แล้ว



สเต็มเซลล์จะเปลี่ยนวิธีที่แพทธ์จะรักษาเราในอนาคตได้อย่างไร

หน้าที่ธรรมชาติของสเต็มเซลล์คือการทำเซลล์ใหม่เพื่อมาทดแทนเซลล์เก่า นักวิทยาศาสตร์จึงคิดว่าสเต็มเซลล์น่าจะสามารถนำมาใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยจากโรคต่างๆได้ เมื่อผู้ป่วยได้รับสเต็มเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ปลูกมาจากสเต็มเซลล์ ความสามารถในธรรมชาติของสเต็มเซลล์ก็จะทำหน้าที่รักษาโรคนั้นด้วยการซ่อมแซมอวัยวะที่เสื่อมโทรม ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยจากโรคหัวใจล้มเหลวอาจจะได้ประโยชน์จากการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เพราะสเต็มเซลล์อาจจะทำหน้าที่ซ่อนแซมหัวใจได้ สเต็มเซลล์ในร่างกายของเราเองไม่มีความสามารถพอที่จะรักษาบาดแผล เวลาหัวใจวาย สเต็มเซลล์ของหัวใจไม่มีความสามารถพอที่จะรักษาห้วใจได้ แต่ว่าถ้าหัวใจได้รับสเต็มเซลล์ใหม่เยอะสเต็มเซลล์พ่วงนี้จะมีประสิทธิภาพมากว่า ดังนั้นการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จะช่วยผู้ป่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการรักษาแผลเพราะว่าร่างกายมีสเต็มเซลล์ไม่พอ การใช้สเต็มเซลล์เพื่อรักษาโรคยังไม่สมบูรณ์และยังอยู่ในขั้นวิจัยทดลอง การใช้สเต็มเซลล์รักษาตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยเพราะว่าเซลล์พวกนี้มีโอกาศกลายเป็นเนี้องอกถ้าใช้ไม่ถูกวิธี และถ้าใช้สเต็มเซลล์จากคนอื่นภูมคุ้มกันของเราก็จะปฎิเสธและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ อย่างไรก็ตามสเต็มเซลล์ก็ยังเป็นเซลล์ที่ให้ความหวังสูงและมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนการรักษาโรคในไม่นานนี้ ในอนาคตเราอาจจะรู้จักใครสักคนหรื่อตัวเองที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ สเต็มเซลล์เป็นเซลล์ที่ให้ความหวังในทางการแพทย์อย่างมาก ในอนาคตเราอาจจะสามารถใช้สเต็มเซลล์เพื่อรักษาโรงมะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคพาร์กินสัน โรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม, โรคเลือดขี้นสมอง, โรคฮันติงตัน, โรคบาดเจ็บไขสันหลังและโรคอื่นๆ อีกมากมาย

ขอบคุณความรู้จาก www.ipscell.com





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2015 12:36:03 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                          Heart

                                หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                       บทที่ 1

   
      ปลายมีดคมกรีดลงบนเนื้อเยื่อรูปร่างแปลกประหลาด แล้วอีกมือใช้คีมปลายแหลมกดบีบ

ก่อนจะคีบมันโยนลงในชามรูปไตอย่างมั่นใจเมื่อสามารถตัดมันออกจากอวัยวะของร่างกายได้ 

ผู้กระทำผ่อนลมหายใจเบาๆ อยู่ภายใต้หน้ากากซิลิโคนที่ใส่เพื่อป้องกันเชื้อโรคจากการผ่าตัด

และใช้เพื่อปิดบังใบหน้าของผู้สวมใส่ไปด้วย ก่อนที่เขาจะยกท่อนแขนปาดเหงื่อบริเวณหน้าผาก


      การผ่าตัดครั้งนี้ยุ่งยากกว่าที่คิด เพราะเนื้อร้ายชิ้นนี้เป็นเนื้อชิ้นใหญ่และอยู่ใกล้กับเนื้อดีของอวัยวะ

ที่เสี่ยงต่อการสูญเสียเลือดหากคนที่ลงมือไม่มีความแม่นยำและชำนาญพอ เขาใช้เวลาไปมาก

กว่าจะค่อยๆเลาะมันออกจนหมดแล้วลงมือเย็บปิดบาดแผล ในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสมบูรณ์


      เขาถอดถุงมือทิ้งลงตะกร้าแล้วเดินไปล้างมือ ก่อนที่จะผลักประตูห้องผ่าตัดออกไปเผชิญหน้ากับ

ผู้ว่าจ้างที่ปรี่เข้ามาหาทันทีเมื่อเขาก้าวออกไป


           “ลูกชายผมเป็นอย่างไรบ้างครับ เฮอคิวลิส”


            ดวงตาเยือกเย็นหันไปสบกับแววตาห่วงใยจากชายร่างท้วมที่ใช้มืออวบอูมเกาะท่อนแขนเขาไว้


            “ปลอดภัย”


            คำพูดสั้นๆง่ายๆนั้น ทำให้ผู้เป็นบิดาของคนที่นอนสลบอยู่ข้างในถอนหายใจอย่างโล่งอก

พลางยิ้มและกล่าวขอบคุณอย่างละล่ำละลัก


             “ขอบคุณจริงๆ หมอเฮอคิวลิส ถ้าไม่ได้คุณลูกชายคนเดียวของผมต้องตายแน่ๆ ผมไม่น่า

ไปเชื่อพวกดับบลิวเอสโอเลยว่ามันจะเพาะเนื้อเยื่อที่ตับได้สำเร็จ ดูสิ อุตส่าห์หวังว่าลูกจะหายกลับ

เกิดเป็นมะเร็งทับซ้อนไปอีก”


             ผู้เป็นบิดาของคนไข้หยิบกระเป๋าใบหนักส่งให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยังคงใส่หน้ากากซิลิโคนอยู่


            “นี่เงินค่าจ้างสำหรับคุณ สิบล้านเอเชียดอลล่าร์ ผมไม่เสียดายสักนิดที่มันสามารถช่วยลูกผม

ไว้ได้”


              ร่างสูงก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรับกระเป๋าใส่เงินมูลค่ามหาศาลมากระชับไว้ในมือ ก่อนที่จะ

เดินจากไปทีมงานผ่าตัดเริ่มทยอยออกมาจากภายในห้อง ผู้เป็นบิดาของคนไข้ตรงเข้าไปถามด้วย

ความสงสัย


             “คุณพยาบาล หมอเฮอคิวลิสตัวจริงเป็นใคร หน้าตาอย่างไร พวกคุณเคยเห็นไหม”


พยาบาลอาวุโสคนหนึ่งหันมาตอบ


              “พวกเราไม่เคยเห็นหน้าของคุณหมอหรอกและไม่มีความจำเป็นด้วย เรารู้แค่ว่าเขาเป็น

หมอที่ต้องคอยมาแก้ไขปัญหาให้คนอย่างพวกคุณที่เชื่อมั่นในคำโฆษณาของดับบลิวเอสโอ

แล้วเกิดผลเสียตามมาอย่างลูกชายของคุณนี่แหละ”


             “ใช่” พยาบาลอีกคนหนึ่งหันมาสนับสนุน


              “แล้วเงินค่าจ้างที่เก็บจากพวกคุณแพงๆ คุณหมอก็นำมันมาเปิดห้องผ่าตัดและห้องพักฟื้นลับๆที่นี่

เพื่อผ่าตัดให้คนที่ได้รับผลกระทบจากการทดลองสเต็มเซลล์ที่ยากจนไงล่ะ”









                ชายหนุ่มร่างสูงขาวใส่แว่นตาทรงเหลี่ยม ยืนขรึมอยู่หน้ากรอบผ้าใบสีขาวที่ขึงจนตึงอยู่ครู่หนึ่ง

แล้วจึงใช้ปลายพู่กันแต่งแต้มสีลงไปอย่างมั่นใจ เขาใช้สมาธิอยู่กับการระบายสีสันเป็นเวลานาน

จนกระทั่งได้ยินเสียงการเคลื่อนที่ของรถเข็นไฟฟ้าเข้ามาใกล้ จึงได้หยุดมือแล้วหันไปมองหญิงสาว

ผิวขาวหน้าตาหมดจดที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเอ็นดู


              “พี่เอก มัวแต่วาดรูปจนลืมเวลาอีกแล้ว น้องเรียกไปทานข้าวตั้งนานยังไม่ยอมไปเลย”


               สาวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูแต่น่าเสียดายที่ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็นเป็นหลักหน้ามุ่ยเมื่อเอ่ยกับคน

เป็นพี่ ร่างสูงจึงก้มตัวลงไปสบตากับน้องสาวอย่างรักใคร่


              “โทษทีแอม พี่กำลังมีไอเดียเลยเพลินไปหน่อย”


             สาวน้อยยิ้มกว้างทำหน้าซุกซน กดปุ่มให้รถเข็นเคลื่อนที่มาหยุดหน้าผืนผ้าใบฝีมือของคนเป็นพี่


        “ไหนดูหน่อย คราวนี้รูปอะไร”


          หญิงสาวพิจารณาสีบนผืนผ้าใบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถอนหายใจ


         “เมื่อไหร่พี่เอกจะเลิกวาดรูปแนวแอ็ปสแต็กสีเศร้าๆอย่างนี้เสียทีนะ ดูสิ มีจนเต็มแกลอรี่แล้ว

วาดแนวอื่นไม่ได้เหรอ”


        เอก หรือชื่อจริงว่า ศรุต เลิกคิ้วขำ


          “ทำไมจะให้พี่เลิกล่ะแอม แนวนี้มันก็ขายดีนะ ดูสิคนก็จองรอซื้อเต็มไปหมด”


      “คนคิดอะไรก็มักจะแสดงสิ่งนั้นออกมาในงานศิลปะ แอมว่าในใจพี่เอกมีคงมีแต่เรื่องไม่สดใส”


        น้องสาวพูดจริงจังอย่างห่วงใย


   “แล้วแอมจะให้พี่แก้ปัญหายังไงล่ะ แม่คนช่างคิด”


   ศรุตขยี้ผมคนเป็นน้องเล่น คนบนรถเข็นได้แต่ยกมือปัดป้อง


   “ไม่เห็นจะยาก พี่เอกก็ลองหาแฟนดูสักคน เดี๋ยวหัวใจมันสดใสรูปที่วาดมามันก็สดชื่นตามเองแหละ”


   แอม หรือ ศุภัคชญา ยักคิ้วแผลบทำหน้าทะเล้น ก่อนที่สองพี่น้องจะหันความสนใจไปที่รั้วสูงหน้าบ้านเมื่อ


ได้ยินเสียงเตือนว่ามียานพาหนะมาจอด


         ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแล่นมาจอด ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะยื่นมือมาสแกนลายนิ้วมือ

ตรงหน้าประตูแล้วประตูรั้วก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ ยานยนต์จึงเคลื่อนมาจอดอยู่หน้าตัวบ้าน

สาวน้อยบนรถเข็นหน้าสุกปลั่งเมื่อเห็นคนที่มาเยือนเดินผิวปากเข้ามาในเขตตัวบ้านอย่างอารมณ์ดี


   “ว่าไง ไอ้เด็กเนิร์ด วันนี้แวะมาได้ไง”


   ศรุตเอ่ยทักอย่างสนิทสนม พลางมองน้องสาวอย่างเอ็นดูเมื่อตอนนี้หน้าเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพู

จิรวิชญ์ยิ้มตอบกลับ พลางเผื่อแผ่รอยยิ้มมาให้สาวน้อยบนรถเข็น


   “ก็คิดถึง ก็เลยเลี้ยวมานี่ก่อนเข้าบ้าน ไม่ได้แวะมาคุยนานแล้ว คิดถึงพี่บ้างไหมแอม”


   ต้นประโยคเขาตอบคนที่อาวุโสสูงกว่า แต่ท้ายประโยคกลับหันไปถามคนที่นั่งหน้าแดง ศุภัคชญาเงยหน้า

มองเพื่อนบ้านที่ไปมาหาสู่กันตั้งแต่วัยเด็กแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ยิ่งเมื่อสบตากับดวงตาที่ก้มต่ำมามอง

เลือดบนใบหน้าก็ฉีดเป็นริ้วจนแดงไปถึงใบหู เมื่อยู่ต่อหน้าพี่ชายข้างบ้านคนนี้ คนที่เคยพูดเจื้อยแจ้ว

กับพี่ชายแท้ๆ กลับกลายเป็นคนขี้อายไปได้


   “ก็ คิดค่ะ”


   สาวน้อยอึกอักตอบ จนจิรวิชญ์ต้องคุกเข่าลง เพื่อให้เห็นใบหน้าสาวน้อยชัดๆ


   “อะไรนะ พี่เจมส์ไม่ได้ยินแอมเลย พูดดังกว่านี้ไม่ได้เหรอ”


   ศุภัคชญายิ่งหน้าแดงเมื่อเห็นกิริยาดังกล่าว ศรุตรีบคว้าคอเสื้อของจิรวิชญ์แล้วดึงขึ้นมา


   “เฮ้ย เกรงใจกันบ้าง คนเป็นพี่ชายยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่นี่ เห็นกันตั้งแต่เกิดแล้วยังจะมาจีบกัน

อยู่ได้”


   แล้วศรุตก็ลากคอเสื้อจิรวิชญ์มานั่งบนเก้าอี้ในห้องรับแขกจนได้


   “งานเป็นไงบ้าง”


   “ก็ดีพี่”


   จิรวิชญ์ตอบ แต่ดวงตากลับมองแต่สาวน้อยที่กดปุ่มรถเข็นให้เคลื่อนที่ตามคำสั่งเพื่อหาเครื่องดื่มมาต้อนรับ

คนมาเยือน


   “ผมได้โปรเจ็คเพาะเนื้อเยื่อส่วนกระดูกต้นขาที่กำลังอยากทำพอดี ก็เลยตั้งใจเป็นพิเศษ”


   จิรวิชญ์ นักวิทยาศาสตร์ในองค์การวิทยาศาสตร์โลก กล่าวอย่างมุ่งมั่นก่อนหันมาคุยอย่างจริงจังกับศรุต


   “ผมรู้ว่าพี่ไม่เห็นด้วยกับการทดลองเหล่านี้ แต่ทุกวันนี้มันก็พัฒนาขึ้นมากจนสามารถเพาะสเต็มเซลล์

จนกลายเป็นอวัยวะที่ต้องการได้แล้ว แม้จะยังไม่เสถียร ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ของพวกผมที่จะพัฒนาต่อ”


   “พัฒนาแม้ว่าแกจะรู้อยู่ว่า ยัยแอมคือตัวอย่างของผลพวงจากความผิดพลาดงั้นหรือ”


   ศรุตถามเสียงขื่น เมื่อกล่าวถึงน้องสาวที่เกิดมาโชคร้ายที่เป็นอัมพาตที่ขาตั้งแต่แรกเกิด ผู้เป็นบิดา

ต้องแสวงหาการรักษาจนไปพึ่งองค์การวิทยาศาสตร์โลกให้ช่วยเหลือ แต่กลับยิ่งหนักกว่าเดิมเมื่อเด็กหญิง

ตัวน้อยเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ แต่กลับได้รับผลข้างเคียงจนกลายเป็นเนื้อร้ายตามมา


   “นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ผมต้องยิ่งพัฒนา”


   จิรวิชญ์กล่าวหนักแน่น


   “ผมอยากให้แอมหายแล้วเดินได้เหมือนคนอื่น เหมือนอย่างที่พี่ตัดสินใจเรียนแพทย์เพื่อรักษาแอม

และผมก็เสียดายอย่างที่สุดที่พี่วางมือทั้งที่ยังรุ่งโรจน์”


   ศรุตถอนหายใจ


   “พี่ไม่เห็นด้วยกับงานของแก แต่ก็ดีใจที่แกตั้งใจทำงาน เอาเถอะขอให้แกทำสำเร็จตามทฤษฎี

ของแกก็แล้วกัน ว่าแต่มานี่มีอะไรหรือเปล่า”


   จิรวิชญ์ยิ้มกว้าง


   “พรุ่งนี้ผมหยุด ได้เวเคชั่นหลายวัน เลยมาชวนพี่กับแอมไปเที่ยวนอกเมืองกัน ไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้ว”








มีต่ออีกนิด



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2015 13:32:17 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้






                 “นอกเมือง” ของจิรวิชญ์ คือพื้นที่ที่ห่างออกไปจากที่ตั้งของนิวเซ็นเตอร์ ในขณะที่นิวเซ็นเตอร์

เจริญไปด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย แต่รอบนอกออกไปได้ถูกจัดแบ่งเป็นพื้นที่ “โอลด์ทาวน์” เพื่อรักษา

วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุดทั้งสถานที่และธรรมชาติ แม้จะทำได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากน้ำท่วม

ครั้งใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อนได้เข้าทำลายงานประติมากรรมที่มีแต่โบราณจนเกือบหมด ผู้คนที่มาอยู่

”โอลด์ทาวน์” จึงเป็นประชากรที่ไม่นิยมการเปลี่ยนแปลง รวมถึงคนยากจนระดับการศึกษาน้อยที่

ไม่สามารถเข้าไปประกอบอาชีพในนิวเซ็นเตอร์ด้วย


               ยานยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้า เคลื่อนที่มาในอากาศอย่างเงียบสงบ แล้วค่อยๆเอียงตัวแล่นลงจอด

ในบริเวณที่จัดไว้ให้นักท่องเที่ยว จิรวิชญ์และศรุตกดปุ่มให้ประตูยานยนต์หมุนเปิดก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสอง

จะลงมายืนอยู่ภายนอกแล้วจิรวิชญ์ก็กระวีกระวาดเปิดประตูยานยนต์ด้านหลัง เพื่อดึงรถเข็นไฟฟ้าแบบพับ

ได้ออกมาดึงประกอบเป็นรูปทรงอย่างชำนาญ ก่อนที่จะทำท่าเข้าไปอุ้มคนโดยสารอีกคนที่อยู่ด้านหลัง

ศรุตดึงคอเสื้อหนุ่มรุ่นน้องข้างบ้านเป็นการห้ามปราม จิรวิชญ์ได้แต่หันกลับยิ้มอย่างเจี๋ยมเจี้ยม 

ต้องปล่อยให้คนเป็นพี่ชายแท้ๆเข้าไปอุ้มน้องสาวออกมาอย่างทะนุถนอมแล้วจึงวางร่างของสาวน้อย

ผู้โชคร้ายลงบนรถเข็น

                ศุภัคชญายิ้มสดชื่นเมื่อได้มาเที่ยวกับพี่ชายสองคนอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้มานาน

ตั้งแต่เธอเริ่มมีเนื้อร้ายต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาล ส่วนพี่ชายของเธอก็กำลังคร่ำเคร่งกับการ

เรียนอย่างหนัก และยิ่งเมื่อบิดามารดาของเธอและศรุตประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เธอก็ยังไม่ได้มีโอกาส

ได้มาเปิดหูเปิดตาบ่อยนัก คราวนี้จิรวิชญ์ใช้สีข้างดันตัวศรุตออกแล้วแย่งเป็นคนเข็นรถ เขาก้มลงไป

พูดกับสาวน้อย


  “วันนี้ให้พี่เจมส์เป็นสารถีเข็นรถให้นะแอม พี่จะพาแอมเที่ยวทั้งวันเลยนะ”


   หญิงสาวคนเดียวยิ้มพลางพยักหน้ารับ ศรุตได้แต่มองอย่างหมั่นไส้แม้จะรู้อยู่ว่าทั้งสองมีใจให้

กันมานานแล้ว



   ศรุตไม่เคยมีความรัก ถ้าไม่นับรวมถึงความรักในเครือญาติ ชายหนุ่มเห็นเป็นเรื่องน่ารำคาญเสียด้วยซ้ำ

ที่จะต้องแบ่งเวลาไปดูแลใครต่อใคร ชีวิตของเขาจึงมีแต่เรียน และทำงานเวลาว่างแทนที่จะนัดเดทกับผู้หญิง

เขากลับใช้เวลานั้นมาฝึกฝนงานอดิเรกที่กลายมาเป็นอาชีพในตอนนี้หลังจากลาออกจากอาชีพแพทย์

นั่นก็คือวาดรูป ซึ่งก็มีแต่รูปวิวทิวทัศน์และรูปแอ็ปสแต็กที่คนเป็นน้องสาวค่อนขอดบ่อยๆว่ามีแต่แนว

รุนแรง หม่นเศร้า

             แล้วจะให้เขาวาดรูปสดใสได้อย่างไร ก็เขายังไม่รู้เลยว่าความรักเป็นอย่างไร

   แต่ก็ไม่ใช่ว่าชีวิตเขาจะขาดสีสัน ก็ในเมื่อศรุตก็เป็นผู้ชายที่จัดว่าหล่อเหลา และสมบูรณ์แบบทั้งการเรียน

และฐานะครอบครัว ต้องใช้คำโบราณว่า หัวกระไดบ้านไม่แห้ง เมื่อชายหนุ่มยังอยู่ช่วงวัยรุ่น มีสาวๆเดินเข้า

เดินออกในบ้านไม่เว้นแต่ละวัน จนบิดามารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ในช่วงนั้นระอา แถมยังมีบางครั้งที่รถไฟชนกัน

จนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ชายหนุ่มก็ได้แต่ตัดความสัมพันธ์ โดยที่ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะเจ็บช้ำน้ำใจ

หรือเปล่า ศรุตจึงได้ชื่อว่าเป็นเพลบอยหนุ่มเจ้าสำราญในสังคม จนเพิ่งจะมาเพลาๆเมื่อตอนที่จบมาทำงาน

แพทย์นี่เอง


        ชีวิตนี้เขาคงวาดรูปสีสดใสอย่างที่น้องสาวอยากให้ทำไม่ได้ ศรุตบอกกับตัวเองเมื่อเดินตามจิรวิชญ์ที่

เข็นรถให้ศุภัคชญาเดินชมบ้านเรือนรุ่นเก่า



   สายตาที่ไร้จุดหมายของชายหนุ่มหยุดลงเมื่อเดินผ่านพื้นที่ว่างระหว่างตึกที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านขายต้นไม้

หลังคาทำจากวัสดุโปร่งแสงที่ทำให้แสงอาทิตย์ลอดผ่านมาได้ ศรุตมองเข้าไปด้านในเห็นต้นไม้หน้าตา

แปลกๆ วางอยู่มากมายต้นไม้ เป็นของหายากในยุคนี้ เมื่อภาวะเรือนกระจกเข้าครอบงำโลก จนสภาพอากาศ

เลวร้ายการเกษตรกรรมตามธรรมชาติจึงแทบจะไม่มี การผลิตผักและผลไม้จึงต้องใช้เทคโนโลยีต่างๆเข้า

มาช่วย อย่างเช่นอุตสาหกรรมปลูกพืชในน้ำ หรือการใช้ GMO ตัดต่อพันธุกรรมอาหารจนกลายเป็นเรื่องปกติ

ศุภัคชญาเหลือบเห็นคนเป็นพี่ชายชะงัก หญิงสาวจึงบอกให้จิรวิชญ์เข็นรถมาหยุดเคียงข้าง


  “โอ้โห ร้านขายต้นไม้ น่ารักจัง เราแวะดูก่อนนะคะพี่เอก”


  ศุภัคชญาสะกิดพี่ชาย ศรุตจึงยิ้มเป็นทำนองอนุญาต ทั้งหมดจึงได้ตรงเข้าไปในร้าน


   ภายในจัดอย่างมีระเบียบ ด้านข้างสองฝั่งทำเป็นชั้นแบบขั้นบันได แต่ละชั้นจะมีต้นไม้ปลูก

ในกระถางวางอยู่อย่างสวยงาม ตรงพื้นกลางร้านจัดวางด้วยไม้กระถางที่ต้นใหญ่ขึ้นมา บางต้นมีดอกสีสัน

สวยงามให้ได้ยลโฉม ศุภัคชญายิ้มกว้างอย่างถูกใจ

   เสียงเซ็นเซอร์เตือนเมื่อมีลูกค้าเข้าร้านดังขึ้นเป็นเสียงนกร้อง ก่อนที่จะมีเสียงขลุกขลักจากด้านใน


  “สวัสดีคร้าบ เชิญชมต้นไม้สวยๆน่ารักๆคร้าบ”


  เสียงใสนุ่มดังขึ้นจากด้านใน ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัว แล้วเดินตรงมาหาคนมาเยือนทั้งสาม



   ทันทีที่ร่างเพรียวบางเดินเร็วๆมาหยุดยืนแล้วเงยหน้ามาสบตา หัวใจของศรุตก็กระตุก

มันสะดุ้งวาบเหมือนเวลาที่หลับสนิท แล้วต้องผวาตื่นเมื่อฝันว่าตกจากที่สูงจนต้องลุกขึ้นมานั่งสงบสติ

อารมณ์ อย่างเช่นตอนนี้ที่เขาได้แต่จ้องมองหน้ายาวเรียวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อที่หยดลงมาจากไรผม

ใบหน้าเปื้อนคราบดินแต่ก็ยังปกปิดความเนียนนุ่มไม่มิด ปากอิ่มแดงเรื่อกับดวงตาคู่หวานที่จ้องตอบมา

อย่างที่ทำให้ใจเขาแกว่งไม่มีสาเหตุ

   กลับกลายเป็นเจ้าของร้านที่เรียกสติกลับมาได้ก่อน ปากอิ่มคลี่ยิ้มสดใสก่อนที่จะเอ่ยทักทาย


  “อยากได้ต้นอะไร เข้ามาชมกันก่อนนะครับ”


  ศรุตกระพริบตาเรียกสติแล้วก็ได้แต่ยืนนิ่ง ปล่อยให้จิรวิชญ์เข็นรถของศุภัชญาผ่านร่างเข้าไปภายใน

ร้านก่อนที่จะเดินตามเข้าไปอย่างงงๆ


  “ต้นไม้สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ ปลูกเองหรือคะ”


  สาวน้อยถามด้วยรอยยิ้ม พลางหยิบต้นไม้ต้นน้อยในกระถางที่วางอยู่บนชั้นวางขึ้นมาชื่นชม 

เจ้าของร้านจึงได้ละสายตาจากร่างสูงแกร่ง ผิวขาวคิ้วเข้ม มาตอบสาวน้อยอย่างใส่ใจ


  “ครับผม ปลูกเองหมดเลย อยากได้ต้นอะไรเป็นพิเศษไหม”


  ศุภัคชญาส่ายหน้า


  “แอมไม่รู้จักต้นไม้เลยค่ะ ไม่รู้เลยว่าชื่ออะไรหน้าตาอย่างไร ก็เลยไม่รู้ว่าอยากได้ต้นอะไรเป็นพิเศษ

แต่อยากเลี้ยงต้นไม้นะ แนะนำแอมหน่อยได้ไหม”


  ศรุตจึงหันไปปรามคนเป็นน้อง


  “เลี้ยงไม่เป็น ปลูกไม่เป็นแล้วจะซื้อไปทำไมล่ะเรา เลี้ยงไปเกิดมันไม่โตตายไป เดี๋ยวก็มาเสียใจร้องไห้อีก”


  ศุภัคชญาหน้าจ๋อย ก่อนที่จะเงยหน้ามาอ้อนคนเป็นพี่


  “ก็แอมเหงานี่พี่เอก อยากมีอะไรทำบ้าง พี่เอกให้แอมลองเลี้ยงต้นไม้นะ นะคะ”


  เจ้าของร้านยืนอมยิ้มฟังพี่น้องเถียงกัน ก่อนที่จะเสนอความเห็น


  “ถ้าปลูกไม่เป็น เดี๋ยวเราสอนให้นะ ไม่ยากหรอก”


  ร่างโปร่งหันไปพูดกับสาวน้อยในรถเข็น เมื่อเห็นว่าอายุน่าจะไล่เลี่ยกัน


  “เธอชื่อแอมเหรอ เราชื่อนัท”


  เสียงแนะนำตัวกับสาวน้อย แต่ดวงตากลับมองไปที่ร่างที่ยืนกอดอกอยู่ด้านข้างเหมือนจะให้รับรู้ไปด้วย


  “เธอเอาต้นไม้ไป แล้วเราจะไปช่วยดูให้ที่บ้านดีไหม”


  ศุภัคชญาตาโต ยิ้มอย่างดีใจ พลางละล่ำละลักถาม


  “จริงเหรอ ไปได้จริงนะ ดีจัง เราจะได้มีเพื่อนคุยด้วย พี่เอกซื้อเถอะนะคะ นะ”


  หญิงสาวคนเดียวหันไปอ้อน จนพี่ชายต้องถอนหายใจ


  “ตามใจ แต่ถ้าเลี้ยงแล้วมันตาย ห้ามร้องไห้นะ”


  ศุภัคชญา ยิ้มรับ


  “ไม่ตายหรอกค่ะ ก็เดี๋ยวนัทจะไปช่วยสอนไง ใช่ไหมนัท แล้วจะให้เราเลี้ยงต้นอะไรดีล่ะ”


  สาวน้อยร่างพิการหันไปพูดคุยกับเจ้าของร้านอย่างสนิทสนมอย่างรวดเร็ว เจ้าของร้านยิ้มตอบ

ก่อนเดินไปที่ชั้นวางต้นไม้แล้วหยิบกระถางต้นไม้ออกมา


  ต้นไม้รูปร่างแปลกตาอยู่ในกระถางใบพอเหมาะ เป็นใบเดี่ยวฉ่ำน้ำรูปหัวใจ

แต่แทนที่เจ้าของร้านจะส่งให้สาวน้อย กลับเดินเลยไปที่คนเป็นพี่ชายก่อนที่จะยื่นให้


  “เอาต้นนี้ไปนะ เลี้ยงง่ายหน่อย ต้นนี้คือ ต้นโฮย่าที่ชื่อสายพันธุ์ว่า Sweetheart Hoya”


  เจ้าของร้านยื่นต้นไม้ในกระถางน้อยส่งให้ คนที่มองและยื่นมือมารับอย่างงงๆ


  ศรุตรับต้นไม้จากมือเจ้าของร้าน ปลายนิ้วเรียวที่ส่งต้นไม้ให้สัมผัสที่หลังมือเขาเพียงแผ่วเบา

แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาร้อนวูบ




                                                  TBC



สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เกิดขึ้นในยุคอนาคตเลยนะจ๊ะ เป็นแนวใสๆไร้มลพิษ ใครชอบอ่านก็ฝากไว้ในอ้อมใจ

ช่วยเม้นท์ติชมบ้างน้า

 :3123: :3123: :3123: :3123:








[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2015 13:44:00 โดย Belove »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :L1:  เจิมค่ะ

ได้ความแปลกใหม่ทุกครั้งที่เปิดเรื่องใหม่เลยนะคะ ใสๆเราชอบ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องนัทจะจีบพี่เอกเหรอคะเนี่ย :-[ .. เขินจังเลยน้า~ ติดตามจ้าา.. :L2:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                       Heart

                              หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                   บทที่ 2



ศรุตรีบกระชับอุ้งมือกับกระถางต้นไม้และชักมือกลับเพื่อหลีกหนีการแตะต้องจาก

เจ้าของปลายนิ้วเรียวที่เป็นคนเดียวกับเจ้าของตาหวานวิบๆวับๆที่ยืนอยู่ตรงหน้า

ชายหนุ่มบอกตัวเองว่าอาการร้อนซู่ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเป็นเพียงเพราะความขัดเขิน

ที่มีต่อคนแปลกหน้าเท่านั้น ไม่ใช่เพราะอิทธิพลของเจ้าของร้านขายต้นไม้



เสียงเตือนจากนาฬิกาข้อมือที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยดังขึ้นเบาๆ เหมือนเป็นระฆัง

ห้ามยกและเรียกสติศรุตกลับมาได้ เขาก้มหน้าไปมองสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนจอดิสเพลย์

ของนาฬิกาเป็นอักษร Hแล้วจึงรีบเดินออกไปภายนอกของร้าน

ศรุตจึงไม่ทันได้เห็นดวงตาที่มองมาด้วยความหมายลึกซึ้งพร้อมรอยยิ้มที่คลี่ออกทันที

ที่ศรุตคล้อยหลัง ก่อนที่เจ้าของร้านขายต้นไม้จะหันไปพูดคุยให้ความสนใจกับศุภัคชญา



มือที่ถือกระถางต้นไม้รูปหัวใจกดไปที่ปุ่มเล็กๆบนหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นตัวเปิดเครื่องรับสัญญาณ

โทรศัพท์ แล้วหน้าปัดนาฬิกาก็เปลี่ยนเป็นภาพของคนที่ติดต่อเข้ามา ศรุตปรับสีหน้าจริงจัง

ก่อนที่จะเริ่มพูดคุย


“ว่าไงเคน”


ชายหนุ่มบนหน้าปัดนาฬิกาโครงสร้างใบหน้าเป็นลูกครึ่งหน้าตาอารมณ์ดี ใส่แว่นสีดำยิ้มกว้าง

เป็นการทักทาย


“มีงานเข้ามาให้ทำอีกแล้วครับคุณหมอ”


ศรุตหน้าขรึมลง เขาไม่ได้ชอบที่จะต้องทำงานนี้เลย ยิ่งมีคนติดต่อเข้ามามากเท่าใด

ยิ่งแสดงว่าคนที่ได้รับผลร้ายจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากลับมากขึ้นทุกที เขาถอนหายใจแผ่วเบา


“คราวนี้เป็นใคร แล้วเป็นอะไรมาล่ะเคน”


กล่าวถามคนที่ทำหน้าที่นายหน้าติดต่องานกึ่งเลขา ดูแลงานภายใต้อาชีพแพทย์ใต้ดิน

นาม “เฮอคิวลิส”


“เป็นลูกของอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งครับหมอ แต่งานนี้ไม่รู้ว่าคุณหมอจะให้รับหรือเปล่า

คนไข้ไม่ได้เกิดเนื้องอกจากการผ่าตัดปลูกถ่ายสเต็มเซลล์  แต่เขาเกิดภาวะภูมิคุ้มกันร่างกาย

ต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย”


แพทย์ในเงามืดขมวดคิ้ว การรักษาเรื่องนี้ไม่ใช่ทางถนัดในเมื่อทางของเขาคือ ศัลยกรรม


“แล้วทำไมเขาติดต่อมาที่ผมได้ล่ะ”


เคนยักไหล่ก่อนอธิบายที่มา


“ไม่ทราบครับหมอ เขาบอกแต่ว่า แพทย์จากดับบลิวเอสโอ ไม่รับผิดชอบอาการลูกเขา

เขาก็เลยต้องหาคนที่เก่งพอที่จะรักษาได้ แต่ก็ไม่รู้จะพึ่งใคร แล้วเขาก็ได้ยินชื่อเสียงของ

คุณหมอเลยลองติดต่อมา คุณหมอจะให้ผมทำไงต่อ”


ศรุตนิ่งคิด แล้วตัดสินใจ


“คุณส่งข้อมูลมาให้ผมก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวค่ำวันนี้ผมจะกลับไปดูให้ละเอียด ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย

แต่ถ้าไม่ได้ จะได้ให้หมอคนอื่นมาช่วย”


ชายหนุ่มกดปิดการติดต่อเมื่อเคนรับคำสั่ง ก่อนที่จะมองไปที่บรรดาตึกสูงที่ตั้งอยู่ไกลลิบตา


ธรรมชาติสร้างสรรค์วัฏจักรที่ดีงามมาให้มวลมนุษยชาติแล้ว จะมีก็แต่มนุษย์ที่ไม่ยอมรับ

ความเป็นไปของธรรมชาติ เขาไม่เข้าใจ คนเราจะฝืนธรรมชาติไปเพื่ออะไร







ศรุตเดินกลับเข้ามาภายในร้านต้นไม้เพื่อเห็นภาพสมาชิกที่เหลืออยู่คุยกันอย่างถูกคอ

แม้แต่จิรวิชญ์เองก็ยังดูพูดคุยสนุกสนานกับเจ้าของร้านที่ยิ้มกว้างจนเขานึกค่อนในใจ

จะร่าเริงเกินไปหรือเปล่า


คนเป็นน้องสาวหันมายิ้มให้


“พี่เอก นัทเก่งมากเลยค่ะ รู้จักต้นไม้ในอดีตเยอะแยะเลย”


ศรุตหันไปเลิกคิ้วมองคนเป็นน้อง


“หอสมุดกลางสหประชาชาติก็มีข้อมูลเรื่องต้นไม้มากมาย ถ้าแอมอยากเก่งอย่างเขา

ก็ไปหาข้อมูลได้ พี่ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลก”


คำพูดประโยคเดียวทำให้คนที่เหลือเงียบกริบ ศรุตยักไหล่เมื่อรู้ว่าตนเป็นคนทำลาย

บรรยากาศสนุกสนานไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่ควรจะใส่ใจมากนัก เขาบอกตัวเอง


“กลับกันได้แล้วมั้ง มากันนานแล้ว”


เขาเอ่ยปากกับน้องสาวและน้องชายข้างบ้าน ก่อนที่จะต้องรู้สึก “แปลกๆ”

เมื่อหันไปสบตากับดวงตาคู่หวาน


บ้าฉิบ...


จะมองไปทางอื่นบ้างไม่ได้หรือไงนะ ทำไมเมื่อหันไปจะต้องได้สบตากับดวงตาแวววาว

นั่นทุกครั้ง จนเหมือนเขาจะเข้าไปอยู่ในลานสายตาของเจ้าหนุ่มคนนี้ตลอดเวลา

สายตาคู่นั้นเบนความสนใจไปที่หญิงสาวเพียงคนเดียวที่นั่งบนรถเข็น


“แล้วเราจะแวะไปหานะแอม พี่เจมส์ด้วยนะครับ ที่อยู่ที่บอกมาหาไม่ยาก

แอมเอาต้นไม้วางที่ระเบียงห้องก็ได้นะ ไม่ต้องรดน้ำบ่อยล่ะวันละนิดก็พอ

แล้วเดี๋ยวเราจะแวะเอาปุ๋ยไปให้”


ศุภัคชญายิ้มกว้างกับเพื่อนใหม่แทนคำขอบคุณ ศรุตส่ายศีรษะอย่างระอา

ก่อนที่ยื่นกระถางต้นไม้ที่ถืออยู่ในมือให้คนเป็นน้อง แล้วชิงเข็นรถเข็นออก

จากร้านอย่างรวดเร็ว








ธนัทมองตามทั้งสามคนไปจนลับตา ก่อนที่แววตาที่ศรุตแอบค่อนขอดว่าแวววาว

จะผ่อนแสงลง เขาเอื้อมมือมาวางบริเวณแผ่นอกด้านซ้ายที่เป็นที่ตั้งของหัวใจ

ราวกับจะปลอบให้มันเต้นช้าลง


ชื่อ เอก งั้นเหรอ


รำพึงเบาๆ เพื่อให้มันฝังรากลงไปในความรู้สึก ปลายนิ้วที่แตะหลังมือแกร่งยัง

ร้อนวูบแม้กระทั่งตอนนี้


ดวงตาดุที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่น กับคิ้วที่มักจะขมวดเป็นปมโดยที่เจ้าของมันคงไม่รู้ตัว

ยังคงวนเวียนจนหนุ่มน้อยแทบจะกลับไปแยกหน่อต้นไม้ที่ทำค้างไว้หลังร้านไม่ได้


ถ้ายิ้มสักหน่อย โลกคงสว่างไสวกว่านี้

ปลายนิ้วที่สัมผัสเพียงหลังมือของคนยิ้มยากวางอยู่ตรงหัวใจ เป็นปณิธานที่ธนัทตั้งไว้

เขาจะเป็นคนที่ทำให้คนๆนี้ยิ้มอย่างสดใสให้ได้










ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่เอกรู้ตัวหรือยังคะเนี่ยว่าถูกน้องนัทเขาจองตัวเอาไว้แล้วน้าา :m3: ..อย่าเพิ่งไปยิ้มให้ใครเสียก่อนล่ะ ^___________^

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
แหมมมมม่ นู๋นี่ไม่ค่อยอ่อยเลยนะนัททททท    :hao6:
มาต่อไวๆนะฮะ   :')

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แหม่ ไม่ค่อยจะ...เลยน่ะนัท

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                             Heart

                                       หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                          บทที่ 3


          เฮอคิวลิสขมวดคิ้วเมื่อเรียกดูข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สามมิติ

ที่ฉายแสงอยู่บนโต๊ะ

          คนไข้รายล่าสุดที่ติดต่อเข้ามาอาการแย่กว่าที่คิด เมื่อได้รับการผ่าตัด

เปลี่ยนดวงตาทั้งสองข้างแล้วเกิดอาการที่เรียกว่า ร่างกายปฏิเสธสิ่งแปลกปลอม

จนมีไข้สูงเนื้อเยื่อในร่างกายบวมจากการที่ไตไม่ทำงาน และที่สำคัญ

ดวงตากลับไปมองไม่เห็นอีกครั้ง

          เฮอคิวลิสโบกมือปิดภาพทั้งหมดแล้วหันไปมองจอคอมพิวเตอร์

เรืองแสงอีกจอหนึ่งที่ปรากฏภาพของเคน ลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนรับงาน

พลางถอนหายใจเมื่อสบตา


    “ว่าไงครับคุณหมอ”


    “ยากกว่าที่คิดนะเคน แล้วตอนนี้คนไข้อยู่ที่ไหน”

         
        เคนฉายจอไปด้านหลังของเขาให้เห็นภาพของคนที่นอนหายใจรวยริน

อยู่ในที่ครอบออกซิเจนเบื้องหลัง


     “อยู่ที่คลินิกของคุณหมอนี่แหละครับ พ่อของคนไข้ไม่ยอมไปไหนเลย

จะขอให้คุณหมอช่วยให้ได้”


            เคนถอนหายใจอย่างคนลำบากใจ

       
          “ผมก็รู้ว่ามันเกินกำลัง แต่ก็ไม่รู้จะบอกยังไง คุณหมอมาดูหน่อยได้ไหมครับ”





            ร่างสูงก้าวเข้ามาให้ห้องที่ปรับอากาศไว้จนเย็นฉ่ำ ภายในห้องมีแคปซูลแก้ว

ขนาดพอดีกับตัวคนตั้งอยู่กลางห้อง เฮอคิวลิสเดินตรงไปยังแคปซูลแก้วที่หล่อเลี้ยง

ภายในไว้ด้วยออกซิเจนความดันสูงแล้วนั่งลงข้างๆ เขาเลื่อนเปิดช่องเล็กด้านข้างของ

แคปซูลเพื่อสื่อสารกับร่างที่เคยบอบบางแต่ตอนนี้กำลังบวมเนื่องจากไตไม่ทำงาน

             ร่างที่หายใจรวยรินหันมาตามเสียงที่เลื่อนเปิด แม้ดวงตาจะปรับโฟกัส

ไม่ได้แต่คนที่นอนอยู่ภายในก็พยายามตะแคงหูฟังเสียงที่เกิดขึ้น


         “ใครคะ”


          เสียงแหบโหยแผ่วเบาดังออกมาจากลำคอที่แห้งผาก จากดวงหน้าที่มองออกว่า

เคยสวยใสตามวัยที่ยังแรกรุ่น ล้อมกรอบไปด้วยผมดำยาวที่แห้งกรอบ ทำให้เฮอคิวลิสมอง

อย่างสงสาร


          จะมีอีกกี่ชีวิต ที่ต้องยอมทำเพื่อให้ร่างกายเป็นปกติเหมือนคนอื่น

ยอมแม้กระทั่งเสี่ยงเปลี่ยนอวัยวะ จนไม่คำนึงถึงผลเสียร้ายแรงที่อาจตามมา

คนเป็นแพทย์ทั้งร่างกายและจิตใจเอื้อมมือเข้าไปในช่องเล็กแล้วกุมมือบางกระชับแน่น

เพื่อส่งกำลังใจ เมื่อเห็นสภาพนั้น คนที่นอนอยู่ในแคปซูลอายุมากกว่าคนเป็นน้องสาว

ไม่มากนักยิ่งทำให้เขานึกถึงสภาพของคนเป็นน้อง

          เฮอคิวลิสหันไปสบตากับชายวัยกลางคนที่ยืนอย่างมีความหวังอยู่ข้าง

แคปซูล คนเป็นพ่อที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนเป็นลูกหายเป็นปกติใบหน้าที่ปกปิดด้วยหน้ากาก

ซิลิโคนเสียเกินครึ่งจนแทบไม่เห็นสีหน้า กล่าวกับเขาอย่างมุ่งมั่น


         “ตกลง ผมจะรักษาลูกสาวของคุณ ถ้าผมรักษาไม่ได้ ผมก็จะไปตามหา

คนที่รักษาได้ มารักษาให้จนได้”

   
           ชายคนนั้นยิ้มทันทีน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้ม เขาคุกเข่าลงต่อหน้า

ร่างที่มองไม่ออกว่าเป็นใคร


        “ขอบคุณครับ เฮอคิวลิส ขอบคุณจริงๆ”


          เฮอคิวลิสพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหันความสนใจไปหาร่างที่ตะแคงข้างมาหา

เขาอยู่ในแคปซูลแก้ว แล้วใช้อีกมือกุมมือเขาไว้


   “ช่วยฉันด้วยนะคะ เฮอคิวลิส”


   เขามองใบหน้านั้นแล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน


   “คุณชื่ออะไร”


   ใบหน้าที่เงี่ยหูฟังพูดอย่างอ่อนระโหย


   “มีนค่ะ ฉันชื่อมีน”








       เขายืนหลบอยู่ที่มุมตึกเมื่อเห็นร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาเข็นรถให้น้องสาว

ตัวน้อยผ่านมาช้าๆท่ามกลางสวนที่จัดแต่งขึ้นโดยเฉพาะ เด็กหนุ่มผิวขาวเข็นรถเข็นผ่าน

มุมตึกเพื่อพาคนที่นั่งหน้าตาโยเยมาพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยที่ไม่เห็นเจ้าของสายตา

ที่แอบมองอยู่ตรงนี้ ทุกวันๆ

        ร่างสูงเจ้าของดวงตายาวรีที่เพิ่งเติบโตเป็นหนุ่มวัยรุ่น ขมวดคิ้วเมื่อสัมผัส

ถึงบางสิ่งที่แอบมอง เขาหันขวับไปตามที่สัญชาตญาณบอก แต่ก็ไม่เห็นร่างน้อยตัวอวบ

แก้มยุ้ยวัยเดียวกับคนที่นั่งงอแงบนรถเข็น ที่รีบหลบหัวทุยเข้าไปที่เงาตึกอีกครั้ง

เขาแอบเห็น คนที่เป็นวัยรุ่นทำปากจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะหันเหความสนใจ

ไปที่สาวน้อยที่เริ่มร้องไห้แล้วปลอบโยนอย่างรักใคร่



         ธนัทลืมตาจากนิทราแล้วอมยิ้มอย่างผาสุกเมื่อรู้ว่าตนเองฝันถึงสิ่งที่ผ่านมา

ในวัยเด็กอีกครั้ง

        กี่ปีแล้วที่เฝ้าฝันถึงคนที่อยู่ในห้วงความคิด กับคนที่เคยแอบมองในวัยเด็ก

อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะหายไปเมื่อความจำเป็นสิ้นสุด แต่ก็ไม่เคยหายไปจาก

ความทรงจำจนเมื่อพรหมลิขิตเล่นตลกให้คนๆนั้นก้าวเข้ามาหา เขาจำได้ในทันทีที่สบตา

กับดวงตายาวรีที่ขรึมอยู่เสมอคู่นั้น ว่านี่คือคนที่เขาเฝ้าฝันมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา

ตอนนี้คนๆนั้นมาแล้ว กลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง และธนัทจะไม่ปล่อยให้คนที่อยู่ในความฝัน

หลุดลอยออกจากชีวิตไปเหมือนตอนวัยเยาว์อีก

       เด็กน้อยตัวอวบอ้วนที่เติบโตมาเป็นวัยรุ่นจนร่างสูงพอๆกับคนที่อยู่ในความฝัน

แต่ก็ยังบางกว่า ใบหน้าเรียวประกอบกับตาหวานชวนฝันที่สาวๆ เคยชมอยู่บ่อยครั้ง

แต่ธนัทก็ไม่เคยให้ความสนใจเป็นพิเศษ

       จะสนใจได้อย่างไร ในเมื่อในใจมีแต่ใครคนนั้น

        เขาสะบัดผ้าห่มออกจากตัว แล้วลุกจากเตียงนอนเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย

จนสดชื่น ก่อนที่จะออกมาภายนอก คว้าจักรยานยนต์คันเก่ง แล้วกดปุ่มสตาร์ท

จักรยานยนต์ลอยจากพื้นดินขึ้นกลางอากาศแล้วแล่นฉิวตรงไปสู่เข้าสู่ใจกลางนิวเซ็นเตอร์

ใช้เวลาไม่นานธนัทก็มาหยุดอยู่ที่ประตูรั้วบ้านหลังใหญ่ เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มสแกนลายนิ้วมือ

ศรุตชะงักปลายพู่กันที่กำลังจรดอยู่บนผืนผ้าใบ คิ้วเข้มขมวดชนกันเมื่อได้ยินเสียงเตือนว่า

มีอาคันตุกะที่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ร่างสูงวางพู่กันลงกับถาดสีแล้วก้าวเดินไปที่ประตูรั้ว

แต่ก็ไม่ทันกับรถเข็นไฟฟ้าที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปก่อนหน้า พลางเปิดประตูต้อนรับอาคันตุกะ

อย่างตื่นเต้น



        ร่างที่ก้าวเข้ามาในเขตบ้านพร้อมศุภัคชญา เป็นฝ่ายที่ทำให้เจ้าของบ้านชะงัก

เมื่อสบตากับตาหวานๆ ที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มที่สดใส


        “สวัสดีครับ พี่เอก”



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2015 23:12:14 โดย Belove »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องนัทแอบรักพี่เอกตั้งแต่ยังเล็กเลยเหรอคะเนี่ย งื้อ~ น่ารักจังเลยน้าา >\\\\\\< พี่เอกก็อย่าใจร้ายกับน้องนักสิคะ ยิ่งพี่เอกจิ๊จ๊ะบ่อยๆ น้องนัทก็น้อยใจแย่เลยสิ~

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทำไมอ่านแล้วมันตะหงิดว่าจะไม่ฟีลกู๊ดดด ล่ะ ฮ่าาาา

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                     Heart

                               หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                    บทที่ 4



       เฮอคิวลิสถอนหายใจแรงๆ เพื่อระบายความเครียดในขณะที่จ้องมองไปยังร่าง

อ่อนแอที่ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในแคปซูลออกซิเจนความดันสูง ต้องยอมรับว่า

การรักษาด้านอายุรกรรมไม่ใช่ทางถนัด และยิ่งในคนไข้ที่อาการหนักอย่างมีน

เขาทุ่มเทรักษาตามทฤษฎีมาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง หญิงสาวอาการพ้นขีดอันตราย

แต่ยังคงสภาพเดิมอยู่จนเขาต้องตัดสินใจหาตัวช่วย

          เฮอคิวลิสยกข้อมือซ้ายที่มีนาฬิกาขึ้นมากดปุ่มเล็กๆที่หน้าจอ ฟังก์ชันโทรศัพท์

ก็ทำงานเมื่อหน้าจอเรืองแสงสีเขียวฉายขึ้นมาจากหน้าปัดนาฬิกา เขาจึงส่งคำสั่ง

โทรออกด้วยเสียงออกไป


        “หมอชิน”


        รออยู่ไม่นานปลายสายก็รับโทรศัพท์ ปรากฏเป็นภาพของชายหนุ่มลูกครึ่งอารมณ์ดี

ในจอเรืองแสง ชายหนุ่มในจอยักคิ้วมาให้เฮอคิวลิสก่อนเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม


    “ว่าไงไอ้เสือ”


     เฮอคิวลิสที่ซ่อนใบหน้าอยู่ภายใต้หน้ากากซิลิโคนหัวเราะหึหึกับความทะเล้นของ

ผู้เป็นเพื่อน ก่อนตอบกลับไปด้วยความคุ้นเคย


   “สบายดี ยังไม่ตาย”

         แพทย์หนุ่มในจอเรืองแสงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำตอบ


   “เออ ไม่ตายก็ดีแล้ว นึกว่าดับบลิวเอสโอตามเฉ่งแล้วเก็บสมองเอ็งไปสต๊าฟเสียแล้ว

มัวแต่เล่นตามเก็บตกเคสหนักๆทั้งนั้นนี่หว่า แล้วนี่ติดต่อมามีอะไรด่วนหรือเปล่า”

           เฮอคิวลิสหน้าขรึมเมื่อคนเป็นเพื่อนถาม เขาใช้มือขวากดปุ่มเรืองแสงสามมิติที่ลอยอยู่

ในอากาศส่งข้อมูลผ่านหน้าจอไปให้อีกฝ่าย แล้วจึงรออยู่ชั่วครู่เพื่อให้อีกฝั่งศึกษาข้อมูล

คนเป็นเพื่อนเมื่ออ่านข้อมูลแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังจนแทบไม่เหลือเค้าคนขี้เล่น


   “แรงนี่หว่า เคสนี้”


         เฮอคิวลิสพยักหน้ายอมรับ


  “ใช่ เกินกำลังและไม่ถนัดด้วย ก็เลยต้องรบกวนเอ็งที่เป็นถึงอาจารย์แพทย์ในมหาวิทยาลัย

ให้มาช่วย ว่าแต่จะมาช่วยในคลินิคเถื่อนๆ ที่มีแต่เครื่องมือเก่าเก็บโบราณ แล้วแถมยังมี

ดับบลิวเอสโอมาแอบส่องบ่อยๆ ไหวไหมล่ะ”


   “เฮ้ยๆ”
 

         คนอารมณ์ดีโบกมือวุ่นวาย


   “ไอ้เรื่องกลัวนี่ไม่ใช่นิสัย แล้วไอ้ที่ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยได้ก็เพราะแอบหาเรื่องทำวิจัยไว้ยัน

กับไอ้พวกนั้นแหละ ตกลง ข้าจะช่วย แล้วไอ้คลินิคเถื่อนโบราณเก่าเก็บของเอ็งน่ะอยู่ที่ไหน

บอกพิกัดมา จะได้รีบไปดูคนไข้ชักช้าไม่ทันการนะโว้ย”

      เฮอคิวลิสคลี่ยิ้มอย่างพอใจ เขาส่งพิกัดที่ตั้งคลินิคไปให้ผู้เป็นเพื่อนแล้วจึงกดปุ่มปิดฟังก์ชันโทรศัพท์

เขาเดินไปนั่งข้างๆแคปซูล เอื้อมมือเข้าไปในช่องเล็กๆเพื่อสัมผัสที่หลังมือของมีนอย่างเห็นใจ

มีนเอื้อมมือมากุมมือเฮอคิวลิสน้ำตาแห่งความท้อแท้หยดไหล


   “ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยและอยู่เป็นเพื่อน เฮอคิวลิส”







        ศรุตเริ่มหงุดหงิดตัวเองที่มัวแต่คอยชำเลืองมองร่างบางที่กำลังคุยและหัวเราะกับศุภัคชญา

อย่างสนุกสนานอยู่เป็นเวลานานจนงานวาดรูปของเขาไม่ขยับ

          ช่างจะหัวเราะร่าเริงเหมือนกับชีวิตไม่เคยเจอเรื่องร้ายแรง นี่ถ้าไม่เป็นห่วงคนเป็นน้องสาว

ไม่มีทางหรอกที่เขาจะมองให้เสียเวลา

          เขาหลับตาลงพยายามรวบรวมสมาธิไว้กับผืนผ้าใบตรงหน้า เมื่อลืมตาขึ้นมือที่ถือพู่กันอยู่

เตรียมที่จะจรดมันเพื่อแต้มสี แต่ก็ต้องสะดุ้งจนพู่กันหล่นจากมือร่วงใส่จานสีเมื่อได้ยินเสียงนุ่ม

พูดขึ้นใกล้ตัว


  “วาดรูปอะไรครับพี่เอก”


         ใบหน้าหวานที่เขาลอบมองตอนนี้มาอยู่ใกล้ๆ ยืนเคียงข้างอยู่ตรงหน้าผืนผ้าใบมองงานเขียน

ที่มีอยู่ไม่ถึงครึ่งทางอย่างสนใจ


  “พี่เอกถนัดวาดภาพแอ็บสแต็กหรือครับ แต่ผมว่าสีมันหม่นไปหน่อยนะเพิ่มสีสดใสอีกนิด

จะสวยมากเลย”


          ไม่ได้ขอให้วิจารย์เลยนะ ศรุตย้อนในใจ ภายนอกได้แต่นิ่งเงียบ


   “ไม่สนใจวาดภาพทิวทัศน์บ้างหรือครับ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีจิตรกรคนไหนวาดเลย ว่าแต่...”


       คนหน้าหวานชะงักคำพูด พลางเอียงหน้ามายิ้มให้คนหน้าขรึม


    “ไม่ไปดูต้นไม้กับผมและแอมหรือครับ เห็นมองไปบ่อยๆ”


         ศรุตหน้าตึง เมื่อถูกจับได้ เขาหันไปถามเสียงแข็ง


   “ใคร ใครมองนายกัน เข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า ฉันมองยัยแอมหรอกไม่ใช่มองนาย”


             ธนัทหัวเราะพรืดกับท่าทีไว้ตัวของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ


  “คร้าบ ไม่มองก็ไม่มอง ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่ต้องทำหน้าบึ้งอย่างนั้นก็ได้นะ เดี๋ยวจะเมื่อยแย่”


            หนุ่มน้อยหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะกระเซ้า ยิ่งทำให้หน้าขรึมขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก


   “อ้าว พี่เอกคงไม่เห็น สีเปื้อนที่หน้าแน่ะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้นะ”


           โดยที่ศรุตห้ามไม่ทัน ธนัทคว้ากระดาษทำความสะอาดผืนนุ่มที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเดินมาใกล้

ใกล้จนลมหายใจของศรุตสะดุดไปจังหวะหนึ่ง และยิ่งเมื่อเจ้าของดวงตาเป็นประกายคู่นั้นใช้กระดาษ

ทำความสะอาดบรรจงเช็ดรอยสีบนใบหน้าเขาก็ยิ่งยืนนิ่งเหมือนโดนสต๊าฟ


     “พอได้แล้ว”


         ศรุตคว้าข้อมือเรียวข้างนั้นไว้ให้หยุดเช็ด แต่เหมือนมีแรงดึงดูดของสัมผัสที่มือนุ่มที่ทำให้เขา

ค้างมันไว้ในท่านั้น ใบหน้าเนียนของธนัทสุกปลั่งในทันที หนุ่มน้อยหลบสายตาไปทางอื่นก่อน

พึมพำเบาๆ


   “ไม่ให้เช็ด ก็ปล่อยมือผมเถอะครับพี่เอก”


          ศรุตจึงได้รู้สึกตัวและรีบปล่อยข้อมือข้างนั้นอย่างตกใจที่ตนเองเป็นฝ่ายเกาะกุมมือนั้นไว้

ส่วนธนัทแทบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นร่างที่หนากว่ารีบหันหน้า

เข้าหาผืนผ้าใบและหยิบพู่กันมาถือในมือราวกับมีโลกส่วนตัว เขาก็ยิ่งนึกสนุกที่จะเย้าแหย่


   “ตรงนี้ไม่เติมสีชมพูอีกหน่อยหรือครับ โทนจะได้ซอฟลง...”


   “ตรงนี้เพิ่มแบบให้มันคล้ายๆดอกไม้ มันจะสดใสขึ้นนะ...”


   “หยุดพูดเสียทีได้ไหม ชาติก่อนมีคนห้ามพูดเหรอ”


         ศรุตส่งเสียงดังอย่างเหลืออด จนธนัทหัวเราะคิก แหย่คนขี้เก๊กนี่สนุกใช่เล่นเลย


   “อ๊ะ ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ ตะกี้แอมเล่าให้ฟังว่าพี่เอกเป็นหมอ ทำไมเลิกเสียล่ะครับ”


          แววตาเย้าแหย่เมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นแววตาที่บอกความจริงจังในคำพูด

    “ไม่ใช่เรื่องของคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวอย่างนายที่จะต้องรู้”


          ศรุตเอ่ยเสียงเย็นชาจนแววตาซุกซนนั้นอ่อนแสงลง ธนัทลอบถอนหายใจแผ่วเบา


    “คุยอะไรกันคะ พี่เอก นัท”


       รถเข็นไฟฟ้าพาศุภัคชญามาขัดจังหวะอึมครึมได้พอดี ธนัทฝืนคลี่ยิ้มให้สาวน้อย


   “เรามาดูภาพที่พี่เอกวาดน่ะ สวยดีนะ”


            ศุภัคญายิ้มกว้าง


   “ใช่ไหมล่ะ เราบอกแล้วว่าพี่ชายเราวาดรูปสวย เสียอย่างเดียวมีแต่สีมืดๆ นี่เราบอก

ตั้งหลายทีแล้วนะว่าให้หาแฟนหัวใจมันจะได้สดใสใช้สีสว่างๆได้เสียที ก็เพราะโสดอยู่

อย่างนี้สีที่ใช้มันเลยมืดสนิท”


   “ยัยแอม”


           ศรุตถลึงตาใส่น้องสาว พลางเหลือบมองคนที่ยืนยิ้ม


  “พูดน้อยๆหน่อยเถอะเรา”


          ศุภัคชญาหัวเราะอย่างถูกใจ


    “โอเค๊ โอเค ไม่กวนแล้วก็ได้ ไปเหอะนัท ไปดูรูปต้นไม้ในคอมพิวเตอร์ในบ้านกันดีกว่า


         ปล่อยตาฤาษีขี้เก๊กวาดรูปไปคนเดียวเหอะ”

            สาวน้อยชักชวนเพื่อนใหม่ พลางบังคับรถเข็นไฟฟ้าให้หมุนกลับเข้าไปในบ้าน 

ธนัทเดินตามศุภัคชญา แต่ก็ไม่วายยิ้มพราย ก่อนหันมาพูดกับศรุตทิ้งท้าย



  “อย่าลืมนะครับพี่เอก คิดจะวาดรูปทิวทัศน์บอกผมเลยนะ ผมจะพาไป”


TBC



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2015 14:01:19 โดย Belove »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มๆ ก่อน
พี่เอกคะ อย่าเพิ่งซึนค่ะ 555555
นัทบุกมาอ่อยถึงที่แล้ว พี่ต้องต้อนรับดีๆ สิคะ หึๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2015 20:13:28 โดย boboman »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่เอกยอมๆ น้องเห้อ~ น้องนัทอุตส่าห์เสนอตัวมาเป็นไกด์ให้เลยนะค้าา ^^

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่เอกเสร็จน้องนัทแน่ 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
พี่เอกนี่ก็เย็นชาจังน๊าาาา  :hao6:
มาต่อไวๆนะฮะรอออ   :')

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                            Heart

                                  หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                         บทที่ 5



      เฮอคิวลิสอ่านผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของมีนอย่างพึงพอใจ เมื่ออาการบวมเริ่มหายไป

โดยการรักษาจากยาตัวใหม่ที่นำมาใช้โดย หมอชิน เพื่อนสนิทที่กำลังนั่งเล่นเกมจากจอเรืองแสง

สามมิติ เขาซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้หน้ากากซิลิโคนเช่นเดียวกับเฮอคิวลิส เพื่อเป็นการป้องกัน

เชื้อโรคไปสู่คนไข้พลางเหลือบมองมีนเป็นระยะ


     เฮอคิวลิสคลี่ยิ้มภายใต้หน้ากากเมื่อเห็นท่าทีของคนเป็นเพื่อน นายแพทย์ชินวุฒิกับท่วงท่าร่าเริง

ตลอดเวลาแต่เรียนเก่งและจริงจังกับการรักษาคนไข้เสมอ ไม่ผิดหวังจริงๆที่ไปขอความช่วยเหลือ

ในตอนนี้มีนไม่ต้องนอนในแคปซูลออกซิเจนความดันสูงอีกแล้ว แต่ยังคงต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ

และได้รับการช่วยด้วยออกซิเจนเพียงเล็กน้อย เฮอคิวลิสเดินไปตบบ่าคนเป็นเพื่อนเบาๆ


“ขอบใจนะที่มาช่วย คนไข้ดีขึ้นมากเหลือแต่เรื่องดวงตาที่มองไม่เห็น”


หมอชินถอนหายใจ


“นั่นสิ เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาให้จอประสาทตาฟื้นตัวอาจจะดีขึ้น แต่ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่”


เฮอคิวลิสขมวดคิ้ว ก่อนรำพึงเบาๆ


“ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาด้วยสิ งั้นให้มีนกลับไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้วเอ็งไปเยี่ยมเป็นระยะดีไหม”


หมอชินนิ่งคิด


“งั้นก็ได้ แต่ข้ายังเปิดเผยตัวไม่ได้นะโว้ย ไอ้ยาที่เอามารักษานี่ยังอยู่ในการวิจัยขั้นสุดท้ายอยู่เลย

เดี๋ยวโดนส่อง”


เฮอคิวลิสตัดสินใจ


“ใช้ชื่อร่วมกับข้าไหม ไหนๆก็ยอมลงเรือลำเดียวกันแล้ว”


หมอชินเปิดปากหัวเราะ


“เออ เอาดิ มาเป็นหมอใต้ดินเวลาว่างๆกับเอ็งก็ดีเหมือนกัน เบื่อพวกนั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง

จะแย่อยู่แล้ว”


เฮอคิวลิสยื่นมือมาให้คนเป็นเพื่อนจับ


“ยินดีต้อนรับ”








      ศรุตหน้ามุ่ยตั้งแต่ขับยานยนต์เคลื่อนที่จากบ้านมาถึงโอลด์ทาวน์ เมื่อต้องมาที่นี่แทนจิรวิชญ์

ที่ส่งเสียงมาอ้อนวอนทางโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า


“น่า พี่เอก ไปแทนหน่อยงานเข้าจริงๆ”


จิรวิชญ์โอดโอยมาทางหน้าจอเรืองแสง


“สัญญากับแอมไว้ว่าจะไปรับต้นไม้ต้นใหม่ที่ร้านเจ้านัทมาให้แอม ถ้าไม่ได้มาเดี๋ยวคุณเธอ

จะงอนขี้เกียจง้อ”


“แกก็ไปวันที่ว่างก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องไปวันนี้เลย”


จำได้ว่าเขาพูดเสียงขุ่นเมื่อได้ยินสิ่งที่จิรวิชญ์ร้องขอ


“โอ้ยพี่ ไม่ว่างไปอีกนานเลย จริงๆมีวันนี้วันเดียวแหละที่ว่าง แต่บังเอิญไอ้เนื้อเยื่อที่เพาะไว้

มันดันได้ผลดีจนต้องรีบกลับไปดู นะพี่เอกนะ ช่วยหน่อยนะทำเป็นไม่รู้ฤทธิ์เวลายัยแอม

งอนไปได้”


จิรวิชญ์รบเร้าจนเขาทนไม่ได้แล้วก็ต้องมาที่นี่ ตอนนี้

       ศรุตเดินผ่านบ้านเรือนเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีอย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกว่ายิ่งใกล้ถึงร้านต้นไม้หัวใจ

ก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น เขาอยากจะยืดเวลาที่จะเห็นหน้าเจ้าของร้านต้นไม้ให้นานออกไปให้มากที่สุด

ในเมื่อเขาเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเมื่ออยู่ใกล้เจ้าเด็กที่ชื่อธนัทหัวใจเขามันถึงได้เต้นผิดจังหวะ

ตลอดเวลา


แต่ระยะทางก็มีข้อจำกัด เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าร้านต้นไม้ในที่สุด

ศรุตถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อก้าวผ่านหน้าร้านและเสียงเซ็นเซอร์ที่ตั้งไว้เป็นเสียงนกร้องดังขึ้น

ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงขลุกขลักจากด้านใน


“มาแล้วครับ มาแล้ว อยากได้ต้นไม้ต้นไหนเลือกได้เลยครับ อ้าว พี่เอก”


ศรุตยืนอึ้ง เมื่อได้สบตากับดวงตาเป็นประกายคู่นั้นอีกครั้ง


    ธนัทคลี่ยิ้มเมื่อเห็นคนที่ยืนนิ่งอยู่กลางร้านโดยไม่ได้ตั้งใจว่าคนๆนี้จะมาเยือน ยิ่งเมื่อเห็นท่าทาง

สับสนทำอะไรไม่ถูกเขายิ่งนึกขำ คนที่ยืนอยู่กลางร้านจะรู้ตัวหรือไม่ว่าตอนนี้ผิวหน้าขาวๆของเขา

มันสุกปลั่งเป็นสีชมพูไปทั้งหน้าแล้ว และมันยิ่งทำให้หัวใจของธนัทพองโตเหมือนลูกโป่ง

หนุ่มน้อยก้าวตรงไปหยุดยืนที่หน้าคนเป็นลูกค้า ก่อนเอ่ยถามเสียงนุ่ม


“มารับต้นไม้แทนพี่เจมส์หรือครับ”


ศรุตมองมาอย่างสงสัย


“เจมส์โทรมาบอกหรือว่าฉันจะมารับต้นไม้แทน”


ธนัทยักไหล่เอียงหน้ามองก่อนยักคิ้วให้อย่างทะเล้น


“เปล่าครับ พี่เจมส์ไม่ได้โทรมา พอดีว่าผมฉลาด ฮะๆ ล้อเล่น เดาเอาน่ะครับเพราะคิดว่า

พี่เอกคงไม่มาถ้าไม่จำเป็น”


ศรุตหน้าตึงเมื่อถูกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าดักคอ เขารีบเอ่ยถามถึงธุระที่จำเป็นต้องมา

“ไหนล่ะ ต้นไม้”


ธนัทหลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อเห็นท่าทีระวังตัวของศรุต นี่ธนัทกำลังสงสัยว่าตัวเขา

มีอะไรให้กลัวมากขนาดนั้นเลยหรือ หนุ่มน้อยถามตัวเองก่อนที่จะโค้งและผายมือให้คน

ที่ยืนตัวแข็งเป็นการเชื้อเชิญ


“เชิญครับคุณลูกค้าผมกำลังจัดให้ ตามผมมาด้านในเลยดีกว่า”


แล้วธนัทก็เดินยิ้มกริ่มนำหน้าโดยมีคนที่ปั้นสีหน้าบึ้งตึงเดินตามมาห่างๆ ผ่านประตูกระจก

เล็กๆ ที่กั้นเขตหน้าร้านเข้าไปด้านใน


เมื่อผ่านประตูกระจกกั้นก้าวสู่เขตหลังร้านเข้าไปเต็มตัวและได้มองอย่างเต็มตา ศรุตก็รู้สึกทึ่ง

ในสิ่งที่เห็น  พื้นที่ด้านหลังร้านกว้างกว่าที่คิด ขอบเขตทั้งหมดถูกกั้นไว้ด้วยเรือนกระจกที่สามารถ

รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ได้ และภายในถูกปรับอุณหภูมิให้พอเหมาะกับการปลูกต้นไม้ไม่ร้อน

อบอ้าวอย่างภายนอก ต้นไม้ถูกวางอย่างเป็นระเบียบอยู่บนชั้นวาง มีท่อส่งน้ำกระจายอยู่ด้านบน

เขาหันมามองหนุ่มน้อยอย่างประหลาดใจ


“ทั้งหมดนี่ นายทำคนเดียวหรือ”


ธนัทยิ้มรับอย่างภูมิใจ


“ใช่ครับ พี่เอก มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมรักและอยากจะทำ ผมอยากให้โลกนี้กลับมามีสีเขียวสดใสและมี

อากาศดีเหมือนธรรมชาติสมัยก่อน ผมอาจจะยังทำไม่ได้ตอนนี้แต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”

ดวงตาที่ขุ่นมัวเมื่อตอนที่เดินเข้ามาในร้านบัดนี้เริ่มฉายแววอ่อนโยน เมื่อได้ยินความฝันของคนที่มี

ชีวิตชีวาท่ามกลางสีเขียวของใบไม้และสีสันของดอกไม้หลากชนิดที่ปลูกกับมือ  เสียงที่เอ่ยถามต่อมา

จึงนุ่มลงกว่าที่ธนัทเคยได้ยิน


“แล้วคราวนี้จะเอาต้นอะไรให้ยัยแอมล่ะ”


ธนัทยิ้มกว้าง ก่อนเดินไปคว้าต้นไม้ใบเล็กๆอยู่บนก้านเดียวกันที่เจ้าของคล้องกระถางไว้ด้วยลวดสาม

เส้น ด้านบนเป็นตะขอมายื่นให้ศรุต

ศรุตมองอย่างสนใจ เขารับมันมายกขึ้นดูก่อนเอ่ยถามเจ้าของดวงตาเป็นประกายคู่นั้น


“มันชื่อต้นอะไร”


คนปลูกยิ้มอ่อนโยน ธนัทแอบสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆเพื่อระงับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อได้เห็น

คนตรงหน้าเลิกขมวดคิ้วและเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัวเป็นครั้งแรก


“มันอยู่ในสายพันธุ์ที่เรียกว่าเดฟ ครับพี่เอก ต้นนี้ชื่อว่า หัวใจล้านดวง”


ศรุตชะงักเมื่อได้ยินชื่อต้นไม้ เขาเงยหน้าสบตากับธนัทที่มองตอบมาด้วยสายตาที่เขาอ่านไม่ออก



“ต้นไม้มันมีหัวใจได้เป็นล้านดวง แต่คนเรามันมีหัวใจแค่ดวงเดียวนะครับพี่เอก มันเลยให้ใคร

ได้แค่ครั้งเดียว”



          TBC





เพลิงพ่าย นิยาย Bracon Incest
จบบริบูรณ์แล้วค่ะ เข้าไปอ่านและติชมกันได้ น้อมรับทุกคอมเม้นท์

เพลิงพ่าย


น้าใสของผม น้ำข้นน่ะของเขา แต่งตอนพิเศษ วันวิสาขบูชา
เมื่อพี่ก่อพาน้องเท็นไปเวียนเทียนยามหัวค่ำ และกลับมา ที่ห้องยามดึก
ไปอ่านกันได้เลย

น้ำใสของผม น้ำข้นน่ะของเขา










[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มๆๆ
คู่น้องนี่รู้ดีจริงๆ เปิดทางให้พี่ชายอยู่กับว่าที่แฟน คึๆๆ
หนูนัทแอบหยอดตอนท้ายนิดๆ นะ ดูท่าพ่อพระเอกของเราจะเป็นคนที่ซึนซะแล้วละม้างงง
รอตอนต่อไปฮับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2015 21:28:25 โดย boboman »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เริ่มมีอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ละ หุหุ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องนัทนี่ก็..ขยันหยอดพี่เอกจริงๆ เลยน้าา :-[ อ่านแล้วใจเต้นตูมตามไม่แพ้กันเลย ^^

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                    Heart

                            หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                 บทที่ 6




“ขอบคุณจริงๆเฮอคิวลิส”


ชายวัยกลางคนผู้เป็นบิดาของมีนคนไข้คนล่าสุดของเขาเอ่ยอย่างดีใจ

เมื่อเห็นคนเป็นลูกกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ มีเพียงสายออกซิเจนเส้นเล็ก

ใส่ไว้ที่จมูก อาการบวมตามร่างหายไปจนกลับไปเป็นสาวน้อยวัยใสที่หน้าตา

หมดจดงดงามตามเดิม


“บอกกับคุณตรงๆ ว่าเคสลูกสาวของคุณผมแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

คงต้องไปขอบคุณเพื่อนของผมที่หาวิธีมาช่วยจนสำเร็จ”


เฮอคิวลิสผายมือไปที่คนรักษาตัวจริงที่ปิดบังใบหน้าไว้ด้วยหน้ากากซิลิโคน

เช่นเดียวกับเฮอคิวลิส


ชายหนุ่มก้มหน้าน้อยๆเป็นการตอบรับรอยยิ้มและการโค้งศีรษะขอบคุณ

จากผู้เป็นบิดาของหญิงสาวในขณะที่ยืนอยู่ข้างเตียงของมีน


“อย่างไรก็ต้องขอบคุณหมอทั้งสองคนที่ทำให้ลูกผมพ้นความตายมาได้

และนี่ครับเงินสิบล้านเอเชียดอลล่าร์อย่างที่ตกลงไว้”


บิดาของมีนยกกระเป๋าใส่เงินส่งให้เฮอคิวลิส เขารับมันมาถือไว้ในมือ


“แต่ต้องบอกคุณอีกอย่าง ที่เรารักษาได้มีเพียงอาการภูมิคุ้มกันร่างกายต่อต้าน

สิ่งแปลกปลอมของมีนเท่านั้น แต่สำหรับดวงตาที่ยังมองไม่เห็นคงต้องใช้เวลา

ให้จอประสาทตายุบบวมและคืนสภาพ  โดยที่เราก็บอกไม่ได้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน”


ชินมองมีนอย่างเห็นใจ มือหนาเกาะกุมที่มือบางเพื่อให้กำลังใจ


"สู้นะ มีน ต้องมีสักวันที่คุณจะมองเห็น แล้วผมจะหาเวลาไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาลนะ”


นายแพทย์หนุ่มอารมณ์ดีกล่าวเสียงนุ่ม มีนยิ้มรับ


“ขอบคุณมากนะคะที่ให้กำลังใจมีนตลอดเลย ไม่ว่าคุณหมอจะเป็นใครมีนจะไม่ลืมเลย”


เขากระชับมืออุ่นอีกครั้งก่อนที่จะเดินหันหลังให้สาวน้อย

มีนกะพริบตาถี่ๆเมื่ออยู่ๆ แสงสว่างพร่าเลือนแทรกเข้ามาในความมืดมิด

หญิงสาวทำได้แค่เพ่งสายตาที่มัวราวกับมีเมฆหมอกมาบดบังมองร่างที่หันหลังเดินจากไป

โดยไม่เห็นใบหน้า จากหนึ่งคนเดินไปรวมกับอีกหนึ่งคน แล้วทั้งสองก็เดินออกไปจากห้องนี้


“ขอบคุณนะ เฮอคิวลิส”


มีนพึมพำเบาๆ


คนเป็นบิดามองตามนายแพทย์หนุ่มทั้งสองที่เดินออกไปจากคลินิคลับจนสุดสายตา

ก่อนหันมาถามเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ยังทำงานอยู่ในห้องพักฟื้น


“คุณพยาบาล หมอเฮอคิวลิสเป็นใครพวกคุณเคยเห็นหน้าไหม”


พยาบาลอาวุโสทำหน้าเบื่อหน่ายกับคำถามที่ได้ยินบ่อยครั้งเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง


“พวกเราไม่เคยเห็นหน้าของคุณหมอหรอกและไม่มีความจำเป็นด้วย เรารู้แค่ว่าเขาเป็นหมอ

ที่ต้องคอยมาแก้ไขปัญหาให้คนอย่างพวกคุณที่เชื่อมั่นในคำโฆษณาของดับบลิวเอสโอ

แล้วเกิดผลเสียตามมาอย่างลูกสาวของคุณนี่แหละ”


พยาบาลคนเดิมตอบด้วยถ้อยคำเดิมๆที่ต้องตอบเป็นประจำเช่นกัน








ศรุตขับยานยนต์ไฟฟ้ามาจอดหน้าบ้านตัวเองแล้วหิ้วต้นเดฟ “หัวใจล้านดวง” เดินเข้าบ้านอย่างงงๆ

คำพูดประโยคนั้นกับแววตาที่เขาไม่กล้าคาดเดาถึงความหมาย คล้ายจะสะกดให้หัวสมองของเขา

มันว่างเปล่าราวกับข้อมูลทั้งหมดถูกดีลีททิ้งไปจากคอมพิวเตอร์


“ต้นไม้มันมีหัวใจได้เป็นล้านดวงแต่คนเรามันมีหัวใจแค่ดวงเดียวนะครับพี่เอก

มันเลยให้ใครได้แค่ครั้งเดียว”



มีแต่ประโยคนี้เท่านั้นที่มันหมุนวนกลับไปกลับมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกือบจะทำให้เขาขับยานยนต์ไฟฟ้า

ไปชนกับยานยนต์ผู้อื่นกลางอากาศเสียหลายรอบ กว่าจะขับจากโอลด์ทาวน์มาถึงนิวซิตี้และแล่นลงจอดที่

หน้าบ้าน


ศรุตถือต้นเดฟหัวใจล้านดวงมาวางบนโต๊ะที่เขาใช้วางจานสีก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ

เขาเท้าแขนกับโต๊ะแล้วใช้หลังมือประสานรองไว้ใต้คางโดยที่สายตายังคงจับจ้องที่เจ้าต้นไม้ใน

กระถางเล็ก


เจ้าเด็กธนัทนั่นพูดอะไรต่อจากนั้นนะ


ศรุตนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องเมื่อธนัทพูดประโยคนั้นจบ


“ในเมื่อหัวใจมันมีดวงเดียวแล้วทำไมนายไม่เก็บไว้กับตัว จะเอาหัวใจตัวเองไปให้คนอื่นทำไม”


เขาเอ่ยถามเมื่อเจ้าเด็กธนัทพูดจาในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ ยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นที่ศรุตยอมรับว่ามันสวย

และหวานวางอยู่บนเครื่องหน้าที่ได้สัดส่วนมองกลับมาอย่างลึกซึ้ง เขายิ่งวางตัวไม่ถูก


“บางทีเราก็ไม่อยากเก็บมันไว้กับตัวหรอกครับพี่เอก”


เสียงทุ่มนุ่มตอบกลับมา


“บางทีเราก็อยากที่จะให้หัวใจกับใครบางคน เพื่อที่จะให้คนๆนั้นรับรู้ถึงความรู้สึกที่เรามีให้”


ศรุตจำได้ว่าเขาขมวดคิ้วอีกครั้ง


“ความรู้สึกอะไรของนายที่ต้องบอกด้วยหัวใจ”


เจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าช้อนตามองเขา จนศรุตรู้สึกได้อีกครั้งถึงระดับการเต้นของหัวใจที่เร็ว

และแรงขึ้น หลังจากที่พอจะควบคุมได้อยู่พักใหญ่


ธนัทก้าวเดินมาหาเขาก้าวหนึ่ง พอดีกับที่เขาก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง


“ความรู้สึกที่ไม่สามารถสั่งการได้ด้วยสมอง แต่ต้องใช้ความรู้สึกจากหัวใจที่เราเรียกกันว่า

ความรักไงครับพี่เอก”



ศรุตนิ่งอึ้ง เขามองผ่านเลนส์จากแว่นสายตากรอบดำที่สวมใส่เป็นประจำไปสบตากับดวงตา

คู่นั้นราวกับมีมนต์สะกด ธนัทก้าวเดินมาหาอีกก้าวแต่คราวนี้เขาได้แต่ยืนนิ่งไม่ได้ถอยหลังหนี

เมื่อร่างบางเอื้อมฝ่ามือเรียวมาวางทาบไว้ตรงหน้าอกด้านซ้ายที่เป็นที่ตั้งของหัวใจของเขา


“ถ้าพี่เอกมีความรัก ก็จะเข้าใจ”


เวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่มันกลับเนิ่นนานในความรู้สึกที่ปล่อยให้ธนัทวางมือสัมผัสที่หัวใจ

ศรุตหลับตาลงเรียกสติกลับมาหาตัว เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนที่จะยืดตัว

เต็มความสูงเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาเอ่ยด้วยเสียงตะกุกตะกักราวกับหนุ่มน้อยที่ขาดความมั่นใจ


“ดะ เดี๋ยว ฉัน กลับก่อนล่ะ มานานแล้ว ปะ ไปนะ”


แล้วเขาก็หันหลังกลับ เดินดุ่มๆ ออกจากร้านพร้อมเจ้าต้นเดฟชื่อประหลาดเพื่อที่จะมานั่งวนเวียน

คิดย้อนไปมาอยู่ตอนนี้


เสียงรถเข็นไฟฟ้าของศุภัคชญาผู้เป็นน้องสาวดังขึ้นใกล้ๆ ปลุกให้เขาหลุดจากภวังค์แล้วหันไปมอง

คนเป็นน้อง


“พี่เอกเป็นอะไร แอมเรียกตั้งนานไม่หือไม่อือเลย”


ศุภัคชญาต่อว่าเสียงไม่จริงจังนัก แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ


“แอมเรียกพี่ตอนไหน ไม่เห็นได้ยินเลย”


“อ้าว แอมเรียกตั้งแต่พี่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว พี่เอกก็เดินใจลอยเข้ามาไม่สนใจเสียงแอม

พี่เป็นอะไรเนี่ย แล้วไหนนัทฝากต้นอะไรมาให้คะ”


สาวน้อยบังคับรถเข็นจนมาอยู่ใกล้โต๊ะ พลางมองอย่างสนใจ


“ว้าว ต้นนี้แปลกดีเนอะ มันชื่ออะไรพี่เอก”


ศรุตมองตรงไปที่ต้นไม้ในกระถาง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงนุ่มโดยไม่รู้ตัว


“หัวใจล้านดวง”


ศุภัคชญาทำตาเชื่อมยิ้มพราวเมื่อได้ยิน


“โอ้ ชื่อโรแมนติคจังเลย แอมจะเอาไปแขวนที่หลังบ้าน”


“อย่าเลยแอม”


ศรุตเอ่ยห้ามเสียงดัง แล้วก็ต้องหลบสายตาคนเป็นน้องก่อนเอ่ยเสียงอึกอักอยู่ในคอ


“ต้นนี้พี่ขอนะ”


แล้วเขาก็ไม่รอฟังคำตอบจากศุภัคชญาที่ทำหน้างงๆ เมื่อเห็นคนเป็นพี่ชายคว้าลวด

ที่แขวนกระถางต้นไม้แล้วเดินหนีเข้าห้องที่อยู่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว





ชายหนุ่มหน้าคมผิวขาวใส่แว่นสายตากรอบดำยกกระถางใบน้อยที่บรรจุต้นไม้ขึ้นแขวน

ที่ระเบียงนอกห้อง แล้วยืนนิ่งมองมันอยู่นาน


ความรู้สึกที่ไม่สามารถสั่งการได้ด้วยสมอง แต่ต้องใช้ความรู้สึกจากหัวใจที่เรา

เรียกกันว่า ความรัก



ชาตินี้เขาจะเข้าใจมันบ้างไหม ชายหนุ่มถามตัวเองในใจ



TBC

 :n1: :n1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2015 20:27:12 โดย Belove »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
อ้าวๆๆ~ พี่เอกหวั่นไหวกะน้องนัทเข้าอย่างจังเลยนะเนี่ยย -..-
นัทก็อ่อยพี่แกเบาๆ
เอกมีการยึดต้นหัวใจฯ ไว้เป็นของตัวเองเฉย 5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-07-2015 20:56:27 โดย boboman »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่เอกคนบ้านี่~ ทั้งทื่อและก็ทึ่มเหลือเกินนะคะเนี่ย น้องนัทอุตส่าห์รุกขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกน้อ  ̄ε  ̄

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หัวใจคนขายก็ได้มาแล้ว ยังจะยึดต้นไม้น้องไว้อีกนะพี่เอก ฮ่าๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด