<< Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << Heart หัวใจนี้มีเพียงเธอ >>  (อ่าน 63632 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                            Heart

                                     หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                          บทที่ 7



“ผมไม่สนใจว่าคุณจะคิดอย่างไร แต่ผมคิดว่าความคิดและข้อมูลที่ได้พบเจอมามันถูกต้อง

ผมต้องการให้คนที่เชื่อในสิ่งที่คุณพูดได้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด”


เฮอคิวลิสกล่าวอย่างเย็นชากับอีกฝ่ายที่ดั้นด้นเสาะหาเบอร์โทรศัพท์ของเขา และติดต่อเข้ามา

เพื่อต่อว่า เฮอคิวลิสยินยอมพูดคุยด้วยแต่ยอมแค่เพียงระบบเสียงเท่านั้น เขาไม่ยินยอมเปิดเผย

ใบหน้าทางจอภาพ อีกฝั่งที่โทรศัพท์เข้ามาจึงไม่ได้เห็นหน้าตาที่ปรากฏรอยยิ้มเชิงเยาะของเฮอคิวลิส

ผู้อำนวยการองค์การวิทยาศาสตร์โลก ที่มีชื่อว่าสุทัศน์ คงไม่ยอมลดตัวลงมาคุยกับเขาถ้าเขาไม่ได้เสนอ

หน้าตีพิมพ์บทความลงในวารสารทางการแพทย์ชื่อดังเพื่อตีแผ่ด้านเลวร้ายของการผ่าตัดปรับเปลี่ยน

อวัยวะที่มาจากการเพาะเนื้อเยื่อสเต็มเซลล์


“โธ่เอ๊ย เฮอคิวลิส ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใครเป็นหมอเถื่อนมาจากไหน”


เสียงนายสุทัศน์สบถ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


“การทดลองทางวิทยาศาสตร์มันก็ต้องมีการผิดพลาดบ้าง แต่ถ้าเทียบกับความสำเร็จที่ได้ความ

ผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันก็มีแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ที่คนที่ยินยอมให้ปรับเปลี่ยนต้องยอมรับความเสี่ยง”


เฮอคิวลิสขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน


“แม้ว่าความเสี่ยงนั้นจะต้องแลกด้วยชีวิตที่เลวร้ายงั้นหรือ”


เขาเอ่ยตอบเสียงแข็ง


“ถ้าคุณเกิดมาด้วยร่างกายที่สมบูรณ์ คุณก็ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคนที่เกิดมาพิการ หรือมีโรค

ประจำตัวหรอกว่าพวกเขาอยากที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ

และยินยอมที่จะเสี่ยงชีวิตแลกมา ทำไมเหรอ ในเมื่อชีวิตที่ไม่สมประกอบของพวกเขามันก็เหมือน

ตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่”


เฮอคิวลิสกัดฟันเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นของนายสุทัศน์ เขาปิดโทรศัพท์ลงทันทีด้วยความไม่พอใจ

ทำไมเขาจะไม่เข้าใจในเมื่อเขาก็มีน้องสาวที่พิการอย่างที่นายสุทัศน์พูด และรู้ดีว่าคนเป็นน้องดีใจแค่ไหน

ตอนที่ผ่าตัดเปลี่ยนขาแล้วสามารถเดินได้เหมือนคนปกติ แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือตอนที่ขาที่เปลี่ยนใหม่

เกิดเนื้อร้ายขึ้นและเข้าครองพื้นที่ไปถึงระบบประสาท กว่าเขาจะค่อยๆผ่าตัดเลาะเนื้อเยื่อที่เป็นเซลล์ร้าย

คุกคามชีวิตออกจากต้นขาจนหมด คนเป็นน้องสาวก็ต้องบอบช้ำยิ่งกว่าตอนผ่าตัดเปลี่ยนขา

และต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นตามเดิม


ให้คิดอย่างไร เขาก็ไม่มีวันที่จะเห็นดีเห็นงามไปกับองค์การวิทยาศาสตร์โลก








ธนัทกะพริบตาถี่ๆเมื่อเพิ่งตื่นจากนิทราในยามเช้าตรู่ เขาลุกขึ้นบิดตัวขับไล่อาการเมื่อยขบก่อนที่จะ

ลุกจากที่นอนไปอาบน้ำ หนุ่มน้อยเดินออกมาจากตึกแถวด้านหน้าฟาร์มต้นไม้ที่เขาใช้อยู่อาศัยห้องหนึ่ง

แล้วเข้าไปในร้านเริ่มงานดูแลต้นไม้อย่างที่ทำเป็นกิจวัตร


แต่วันนี้เขาทำด้วยรอยยิ้มที่สดใสเป็นพิเศษ เมื่อคิดถึงความฝันก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมา

ในความฝัน มันเป็นดินแดนวิเศษที่เขาไม่เคยเห็นกับสีเขียวของพรรณไม้ที่เขียวชอุ่มไปตลอดภูเขาสูงใน

ตอนกลางวัน พอตกกลางคืนท้องฟ้าก็ดารดาษไปด้วยหมู่ดาวนับพันที่แข่งกันส่องแสงระยิบระยับไปทั่ว

พรมสีดำของท้องฟ้า ธนัทแทบจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันเย็นชื้นในความฝันเสียด้วยซ้ำและยิ่งเมื่อใครบางคน

ในความฝันเดินเข้ามาใช้ผ้าผืนอุ่นห่มมาที่ร่างของเขาแล้วสวมกอดไว้ ตัวเขาหันไปยิ้มให้อย่างคุ้นเคยก่อนที่เขา

จะสะดุ้งตื่นจากนิทราอย่างเสียดาย


ท่าจะเป็นเอามากนะ ธนัท


ธนัทยิ้มให้ต้นไม้ที่เขารดน้ำอยู่ เมื่อขำตัวเองที่เขาคิดถึงคนที่ชอบขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลาจนเก็บไปฝัน

เขาทำงานที่รักและขายต้นไม้ไปถึงช่วงบ่าย ธนัทก็ปิดร้านเมื่อห้ามปรามความคิดถึงที่มีตลอดวันไม่ได้

หนุ่มน้อยคว้ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขึ้นมา แล้วขับมันลอยขึ้นไปในอากาศตรงเข้าสู่นิวซิตี้เพื่อที่จะมาจอด

และสแกนลายนิ้วมือที่รั้วบ้านหลังหนึ่ง ที่เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไปเมื่อศุภัคชญาได้ลงข้อมูลของเขา

เพิ่มเติมให้แล้ว



มาที่นี่เพื่อที่จะได้เห็นหน้าใครบางคน หน้าเข้มผิวขาวใส่แว่นกรอบดำยืนนิ่งอยู่หน้าผืนผ้าใบอยู่ที่


ลานกว้างหน้าบ้าน มีเพียงปลายนิ้วที่ขยับเพื่อแต่งแต้มสีเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าคนที่ธนัทตั้งใจมาหาไม่ใช่หุ่นยนต์

ศรุตเหลือบมองคนที่เดินยิ้มเข้ามา เขาพยายามรักษาระดับการแสดงออกไว้เพียงเพื่อจะปกปิดอาการหัวใจ

เต้นผิดจังหวะของตัวเอง ไม่แปลกใจที่เห็นธนัทเดินเข้ามาในบ้าน แต่สิ่งที่แปลกใจตนเองนั่นคือทำไม

เขากลับยินดีที่ได้เห็นหน้าหนุ่มน้อยคนนี้


“สวัสดีครับพี่เอก”


แขกที่มาเยือนส่งข้อความทักทาย เขาได้แต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ


“มาหาแอมเหรอ แอมไม่อยู่ไปซื้อของกับเจมส์”


ธนัทอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าที่เขามองเห็นและจับได้ว่าศรุตกำลังปิดบังความเก้อกระดากของตัวเองอยู่


“มาหาหัวใจครับ”


หนุ่มน้อยตอบกวนๆ แล้วก็แทบจะหัวเราะเมื่อศรุตยืนทำตาปริบๆ


“หมายถึงต้นโฮย่ากับหัวใจล้านดวงน่ะครับพี่เอก วันนี้หยิบปุ๋ยติดมือมาด้วยเดี๋ยวผมใส่ให้”


ศรุตเพิ่งได้สติ เขาวางพู่กันในมือลงบนถาดสี


“งั้นรอที่นี่ก่อน จะไปเอาต้นไม้มาให้”


ว่าแล้วเจ้าของบ้านก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน ธนัทถือโอกาสนี้เดินมาดูภาพที่อยู่บนผืนผ้าใบ

หนุ่มน้อยเอียงคอเมื่อเห็น เขานิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะหยิบสีที่วางเป็นระเบียบอยู่ในกล่องบนโต๊ะมาบีบใส่

ช่องที่ว่างในถาดสี แล้วจึงหยิบพู่กันมาป้ายสีลงไปในผืนผ้าใบ


“นายทำอะไร”


เสียงเจ้าของบ้านดังขึ้นธนัทจึงได้หยุดมือ และหันมาสบตากับศรุตที่หอบกระถางต้นไม้มาวางบนโต๊ะ


“ก็เห็นว่า ถ้ามุมนี้มันมีสีแบบนี้อยู่มันจะสวยขึ้น ขอโทษครับพี่เอกที่ก้าวก่ายเห็นแล้วมันอดใจไม่ได้”


ธนัทยอมรับ ศรุตหันไปมองผืนผ้าใบอีกครั้งอย่างพิจารณาเมื่อเห็นสิ่งที่เพิ่มเติมมาจากฝีมือของเขา


มันดูดีขึ้นมาจริงๆ ศรุตยอมรับกับตนเอง เขาหันมาให้ความสนใจกับคนมือบอนที่มีฝีมืออีกครั้ง


“ก็โอเคล่ะนะ ดูใช้ได้ ชอบวาดรูปด้วยเหรอนายน่ะ”


ศรุตเอ่ยถาม ธนัทยิ้มรับ

ทำไมจะไม่ชอบ ในเมื่อเขายืนแอบมองจิตรกรหนุ่มน้อยที่พยายามจับน้องสาวตัวเล็กให้นั่งนิ่งๆเป็นแบบ

อยู่ที่มุมตึกตั้งแต่เด็ก และเป็นสิ่งเดียวที่ธนัทพยายามที่จะเรียนรู้และฝึกฝนได้เพื่อที่จะเข้าใจความคิด

ของคนที่เขาแอบมอง


“มาครับ เดี๋ยวผมใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ก่อน”


ธนัทวิ่งกลับไปที่รถ เปิดช่องเก็บของแล้วคว้ากระป๋องสเปรย์ใส่น้ำผสมปุ๋ยเคมีก่อนวิ่งกลับมาที่โต๊ะ

หนุ่มน้อยบรรจงฉีดน้ำปุ๋ยใส่ต้นโฮย่า ใช้ช้อนปลูกอันเล็กพรวนดินให้ส่วนหัวใจล้านดวงเขาก็เด็ดกิ่ง

ที่งอกยาวออก มาเสียบลงไปกับกาบมะพร้าวที่อยู่ในกระถาง




ศรุตมองธนัทที่ตั้งใจทำงานอย่างเพลิดเพลิน เขาไม่รู้เลยว่าความรู้สึกสดใสที่มาพร้อมธนัทมัน

แทรกซึมเข้ามาตอนไหน มารู้ตัวอีกทีเมื่อธนัทยืดตัวตรงเงยหน้าขึ้นมาสบตา เขาก็แทบจะหุบรอยยิ้มไม่ทัน

จิตกรหนุ่มมองหน้าคนที่มาดูแลต้นไม้แล้วก็นึกขำ เมื่อสเปรย์น้ำที่ฉีดลงไปมันไปทำให้ผิวหน้าของดิน

ในกระถางเปียกและกระเด็นมาโดนใบหน้า ธนัทใช้มือป้ายเช็ดอย่างไม่ใส่ใจจนมันทิ้งคราบเป็นรอยดิน

บนหน้าหวาน


“นายนี่พอสนใจอะไรก็ลืมอย่างอื่นไปหมด ทำตัวเหมือนเด็กๆเลยนะ”


ศรุตพึมพำพลางเอื้อมมือขึ้นไปปัดคราบดินบนผิวหน้านุ่ม แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้สัมผัสหน้าเรียวและสบตา

กับดวงตาคู่หวานทำให้เขาแทบลืมทุกอย่างเมื่อได้สบตาใกล้ๆ ดวงตาที่ใสราวกับกระจกเรียกร้องให้มือ

ที่ปัดคราบดินเลื่อนไปลูบไล้ที่แก้มเนียนก่อนที่จะเลื่อนต่ำมาเชยคางมนแล้วดึงมาใกล้

ตัวเขาเองก็โน้มตัวเข้าหาราวกับมีแรงดึงดูด ใกล้จนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายก่อนที่สติของเขา

จะกลับคืนมาเพราะเสียงยานยนต์ที่จิรวิชญ์ขับเคลื่อนเข้ามาจอด ศรุตกะพริบตาปริบๆ เขารีบละมือจาก

ดวงหน้าหวานอย่างตกใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแล้วรีบหันหน้าเข้าหาผืนผ้าที่ลงสีค้างไว้ราวกับไม่อยากให้ธนัท

เห็นความสับสนที่เกิดขึ้นกับเขา


นั่นมันผู้ชายด้วยกันนะ ไอ้เอก ไอ้บ้า


เขาก่นด่าตัวเองในใจ เขาจะหวั่นไหวไปกับผู้ชายด้วยกันได้อย่างไร


“นัท คิดถึงจัง มานานหรือยัง”


เสียงศุภัคชญาดังมาก่อนตัวที่มีจิรวิชญ์เข็นรถตรงมาในวงสนทนา ศรุตได้ยินเสียงทั้งสามคุยอะไรกัน


แต่เขาจับใจความไม่ได้ ในเมื่อสมองยังคงสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น

สิ่งที่เขาพอจะได้ยินคือเสียงที่ศุภัคชญาชวนธนัทไปทำอาหารในห้องครัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหนุ่มน้อยเรียกขาน


“พี่เอกครับ”


เขาค่อยๆหันไปมองจึงเห็นรอยยิ้มของธนัทที่พูดก่อนเดินตามหลังจิรวิชญ์และศุภัคชญาเข้าไปในตัวบ้าน


“ผมดีใจนะที่วันนี้พี่เอกยิ้มได้เสียที พี่เอกรู้ไหมรอยยิ้มของพี่ทำให้โลกสดใสขึ้นอีกเยอะเลย”






TBC


 :n1: :n1:









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2015 19:47:32 โดย Belove »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มมม
เลขสวยจริงๆ บทที่ 7 วันที่ 7 เดือน 7 *O*
น้องนัทมันหยอดอีกแล้ววว มีเก็บไปฝันด้วย มโนเก่งนะเรา 555555
พี่เอกหวั่นไหวก็บอกกก 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2015 20:59:52 โดย boboman »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่เอกคะ? ความรักไม่มีคำว่า ผิด หรือคำว่า ถูก หรอกค่ะ แค่พี่รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกไปเช่นนั้นก็พอ ซื่อตรงกับตัวเองให้เหมือนกับตอนที่สวมบทบาทเป็น 'เฮอคิวลิส' มันจะดีมากๆ เลยนะคะเนี่ย ^^

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องนัทอ่ะลืมสิ่งรอบข้างเวลาตั้ฃใจทำอะไร
แต่ขุ่นพี่เอกอ่ะชอบลืมตัวเวลาน้องนัทอยุ่ข้างๆ นะค๊าาา

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ดองไว้อ่าน มาอ่านอีกทีจุใจเลย   คนเขียนบอกว่าใสๆ  แต่ท่าทางจะเป็นใสๆในความขุ่นสินะคะ   เรื่องของวิทยาศาสน์ปะทะกับธรรมชาติ

ชอบงานคนเขียนตรงความแปลกใหม่นี่แหละค่ะ

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
ชอบผลงานของคุณ Belove ทุกเรื่องเลย ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนเขียนผลิตนิยายน่าอ่านออกมาให้พวกเราได้ยลไปนานๆนะงับ :กอด1:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                   Heart

                         หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                บทที่ 8



ร่างบางของหญิงสาวที่ค่อยๆเดินโดยใช้ไม้เท้าที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางหยุดชะงักลง

ดวงตาคมสวยที่ตอนนี้มองเห็นเพียงเลือนลางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยมาจากด้านหลัง


เสียงนั้นคุ้นเคยเสียจนมีนต้องหันหลังกลับไปแล้วพยายามเพ่งมอง

แม้สายตาจะยังโฟกัสไม่ชัดเนื่องจากจอประสาทรับภาพยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์ แต่ในความหม่นมัว

มีนกลับจำแผ่นหลังกว้างที่หันหลังให้นั้นได้อย่างแม่นยำ


ใช่..มันต้องเป็นแผ่นหลังของคนๆเดียวกับที่เดินจากเธอไปที่คลีนิคลับแห่งนั้น มีนรำพึงในใจ


ไม่รอช้า เธอรีบก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ทันกับแผ่นหลังนั้นก่อนที่มันจะสายเกินไป

ด้วยความที่สายตายังพร่ามัวและปรับระยะทางไม่ได้ประกอบกับความรีบร้อน มีนก้าวพรวดจนไม่รอให้

ไม้เท้านำทางชี้นำ และเมื่อเธอก้าวเข้าไปหาจุดหมายอย่างรวดเร็วจนเกือบชนแผ่นหลังกว้าง

ระบบเสียงเซ็นเซอร์ของไม้เท้าก็ดังขึ้นเพื่อเตือนถึงสิ่งกีดขวางตรงหน้า เจ้าของแผ่นหลังจึงสะดุ้ง

และหันหลังกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาน ร่างบอบบางของมีนจึงชนเข้ากับอกกว้าง

ของเจ้าของแผ่นหลังเข้าอย่างจัง


เสียงอุทานด้วยความตกใจจากคนที่มาพร้อมกับเจ้าของแผ่นหลังดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องเบาๆของมีน 

หญิงสาวพยายามก้มหน้าทรงตัวโดยมีมือแกร่งคว้าท่อนแขนเรียวเล็กไว้ได้ทันก่อนที่มีนจะร่วงไปกองกับพื้น

มีนจึงไม่ทันได้เห็นดวงตายาวรีที่ชะงักเมื่อเห็นคนที่เดินปรี่เข้ามาชน



“พี่สาว เป็นอะไรมากไหมคะ เจ็บตัวไหนหรือเปล่า”



เสียงใสที่ดังขึ้นในระดับต่ำกว่าสายตาถามอย่างเป็นห่วงทำให้มีนต้องเพ่งมองจึงเห็นได้ลางๆ

ว่าเจ้าของเสียงนั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้า มีนรีบคลี่ยิ้มก่อนกล่าวตอบ


“ไม่เจ็บตรงไหนเลยค่ะ ขอโทษทีนะคะที่เดินมาชน พอดีได้ยินเสียงพูดที่คุ้นหูก็เลยรีบร้อนเดินมา”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนมีแต่คุณที่เกือบล้ม”


เสียงคุ้นหูที่มาจากแผ่นหลังที่คุ้นตาเอ่ยขึ้น  ยิ่งทำให้มีนยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เธอจะส่งเสียงดัง


“เฮอคิวลิส คุณคือเฮอคิวลิสใช่ไหมคะ”


ร่างสูงกระพริบตาถี่ๆ เมื่อเอ่ยคำตอบออกมา


“ผมคงไม่ใช่คนที่คุณรู้จัก”



สาวน้อยบนรถเข็นมองผู้หญิงที่เดินมาชนอย่างพิจารณา ด้วยอุปกรณ์ที่ถือมาประกอบกับสถานที่เกิดเหตุ

เป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สังกัดอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ก็พอเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในคนที่เกิดมา

โชคร้ายเช่นเดียวกับเธอ สาวน้อยจึงยิ้มกว้างให้ก่อนเอ่ยอย่างสดใส


“พี่สาวคนสวยคะ พี่ชายแอมไม่ได้ชื่อเฮอคิวลิสค่ะ พี่ชายแอมชื่อเอก”









ศรุตก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนี้ด้วยเมื่อเขาหอบหิ้วผืนผ้าใบที่มีภาพแอ็บสแต็กใส่กรอบสวย

ขึ้นยานยนต์ไฟฟ้าขับตรงมาสู่โอลด์ทาวน์อย่างรวดเร็ว


ใจก็กระหวัดคิดไปถึงตอนที่วางพู่กันลงบนถาดสีก่อนที่จะยืนพิจารณาอย่างพึงใจ เมื่อเห็นความสวยงาม

แปลกตาแม้กระทั่งน้องสาวที่บังคับรถเข็นไฟฟ้ามาดูด้วยก็ยังมองอย่างแปลกใจ



“โห พี่เอก รูปนี้สวยมากเลยนะ พอพี่เปลี่ยนมาใช้สีโทนนี้มันดูสดใสอย่างไม่น่าเชื่อเห็นไหมแอมบอกตั้ง

หลายทีแล้วให้พี่ใช้สีสดๆบ้างพี่ก็ไม่เคยเชื่อ แล้วนี่เป็นไง พอวาดจริงๆ ก็สวยใช่ไหมล่ะ”


“มุมที่สีแปลกไปไม่ใช่ฝีมือพี่หรอกแอม”


พี่ชายพึมพำพอได้ยินดวงตายังคงจับจ้องที่ภาพวาด ศุภัคชญายิ่งแปลกใจ


“อ้าว แล้วฝีมือใครล่ะ”


ดวงตาที่เคยนิ่งสนิท บัดนี้ไหวระริกราวกับน้ำใสที่มีคลื่นกระทบเบาบางเมื่อเอ่ยชื่อคนมือบอนที่แอบช่วยจน

ได้เรื่อง


“ฝีมือนัท”



เขายิ่งไม่เข้าใจ เมื่อยิ่งมองภาพวาดครั้งใดหัวสมองก็ยิ่งว้าวุ่น

มันเหมือนมีมดตัวน้อยเข้าไปอาศัยอยู่ในโพรงไซนัสแล้วก่อกวนยุกยิก จนไม่มีสมาธิที่จะทำอย่างอื่น

นอกเหนือไปจากคิดถึงหน้าเรียวนุ่มของคนที่จับพู่กันมาแอบวาดมัน เขายังจำได้แม้แต่เสียงของลมหายใจ

แผ่วเบาและความเนียนนุ่มของใบหน้าที่ได้สัมผัส ราวกับมันได้ฝังลึกเข้าไปในส่วนฟรอนทอลโลบของสมอง

ที่มีส่วนสำคัญในเรื่องความทรงจำ



ว้าวุ่นจนเขาตัดสินใจคว้าภาพนี้เดินทางมาหาสาเหตุของมัน เพื่อที่จะมาเห็นคนที่เป็นสาเหตุของความว้าวุ่น

กำลังเข็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาจอดที่หน้าร้านแล้วเตรียมจะปิดประตูด้านหน้า


ธนัทชะงักเมื่อเห็นร่างสูงในลานสายตา หนุ่มน้อยเงยหน้ามองก่อนที่จะคลี่ยิ้มกว้าง


“พี่เอก”


เสียงนุ่มดังเข้าไปสะท้อนในชั้นหูค้อน ทั่ง โกลน สั่นไหวมากระทบที่หัวใจจนอัตราการเต้นระส่ำระสาย

ศรุตพยายามสุดชีวิตที่จะวางหน้านิ่งเมื่อเดินตรงไปหยุดหน้าร่างบางก่อนส่งกรอบภาพในมือให้



“เอาภาพที่นายมือบอนแอบวาดมาให้ ภาพแบบนี้คงขายใครไม่ได้หรอก”


ธนัทรับภาพมาจากศรุตแล้วยิ้มด้วยดวงตาที่เป็นประกายเมื่อก้มไปมอง ภาพที่เขาและชายตรงหน้า

มีส่วนร่วมในการวาดด้วยกัน หนุ่มน้อยช้อนตาขึ้นมามองด้วยดวงตาที่ใสราวกระจก



“ขอบคุณนะครับพี่เอก ผมจะเก็บไว้อย่างดีที่สุด”


อย่ามองแบบนั้นได้ไหม


ศรุตกู่ร้องในใจเมื่อสบตากับธนัท เจ้าเด็กคนนี้จะรู้หรือเปล่าว่าเขาต้องสงบสติอารมณ์มากมาย

เพียงไรที่จะซ่อนพิรุธในใจไว้


“แล้วนี่จะไปไหน”


เขาเบนความสนใจของธนัทด้วยคำถาม


“จะไปรับต้นไม้ต้นใหม่ที่ฟาร์มของคนรู้จักครับ พี่เอกไปด้วยกันไหม”


ศรุตเลิกคิ้ว


“ไปได้หรือ”


“ไปได้สิครับ รอเดี๋ยวนะ”


ธนัทวิ่งเอาภาพไปเก็บในร้าน ก่อนที่จะออกมาปิดร้านอย่างรวดเร็วแล้วก็วิ่งมาสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์

ไฟฟ้าเพื่อที่จะขี่มันมาจอดอยู่ตรงหน้าศรุต


“ขึ้นมาเลยครับพี่เอก”


ศรุตก้าวขาขึ้นซ้อนหลังอย่างเก้ๆกังๆ ธนัทหัวเราะเบาๆแล้วบิดคันเร่งให้มอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวลอยขึ้น

กลางอากาศแล้วแล่นฉิวไปสู่จุดหมาย





ธนัทบังคับให้ยานพาหนะของเขาแล่นลงสู่พื้นผิวอย่างนุ่มนวล ศรุตก้าวขาลงยืนแล้วเอ่ยถามอย่างงงๆ



“ถึงแล้วหรือ”


ธนัทส่ายหน้าเร็วๆเป็นคำตอบ พลางยิ้มขำหน้าตาเลิ่กลั่กของศรุต


“ไม่ถึงแล้วลงจอดทำไม”


“ผมอยากให้พี่เอกแวะดูทิวทัศน์ที่นี่ก่อน”


คำพูดของหนุ่มน้อยทำให้ศรุตต้องเงยหน้า กวาดสายตามองรอบตัวแล้วก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น

ที่ราบกว้างที่มีพื้นที่ต่อลงมาจากบริเวณลาดเอียงของเนินเขาที่อยู่ไกลออกไป มองเห็นอยู่ตรงหน้า

ห่างไปไม่ไกลนัก เป็นลำธารเส้นเล็กทอดตัวยาวลงมาจากเนินเขาที่เห็นลิบๆ กลางที่ราบกว้าง

มีสีเขียวทองจากผืนทุ่งหญ้า ราวกับเป็นผืนพรมกำมะหยี่ที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง



“ทุ่งหญ้าสะวันน่าเกิดใหม่ที่น้อยคนนักจะได้เห็น พี่เอกเป็นหนึ่งในนั้น สวยไหมครับ”


สวย…


ศรุตรำพึงในใจ ยิ่งสายลมพัดเอื่อยหยอกล้อกับยอดหญ้าให้เอนลู่ไปตามลมยิ่งทำให้เขามองอย่างตะลึงลาน

เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าที่หันด้านข้างให้ จมูกโด่งรั้นรับกับตาหวานที่ตอนนี้กำลังทอดสายตามองไปที่ลำธาร

ใสเบื้องหน้า สายลมร้อนพัดบางเบาละเรื่อยให้ปอยผมตกลงมาปรกหน้าผากมน ศรุตอดใจไม่อยู่ที่จะเอื้อมมือ

ไปปัดเบาๆ ให้พ้นใบหน้าหวาน


ให้ตายเถอะ!!


คนตรงหน้าจะรู้บ้างไหมว่าตอนนี้เขาต้องหักห้ามใจเท่าไหร่ ที่จะไม่เอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าแล้วดึงมาแนบชิด

คนตรงหน้าจะรู้บ้างไหมว่าเขาต้องหักห้ามตัวเอง ไม่ให้มีความรู้สึกนึกคิดราวกับเป็นหนุ่มน้อยในวัยที่ริจะมี

ความรัก!




TBC


 :n1: :n1:












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2015 18:13:24 โดย Belove »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
น้องมันจะรู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ยว่าทำให้อิพี่เอกอาการหนักขึ้นทุกวัน 55555
เขินอิพี่เอกจัง :-[ เขินแทนนัทด้วย 555
มีนแอบคิดอะไรกะพี่เอกป่ะเนี่ย -_-+ อย่านะ! ผู้ชายคนนี้ธนัทจอง! วะฮะฮ่าๆ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2015 18:48:43 โดย boboman »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                               Heart

                       หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                            บทที่ 9



มีนก้มลงมองแก้วน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้า มือเรียวค่อยๆเลื่อนมาช้าๆจนถึงแก้ว

แล้วหยิบมันขึ้นมา อีกมือหนึ่งเลื่อนมาจับที่หลอดก่อนดูดน้ำหวานใสในแก้วได้


ทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของศรุตที่นั่งอยู่ตรงข้าม หน้าขรึมยิ้มน้อยๆ

เมื่อได้รู้ว่ามีนอาการดีขึ้น  ศุภัคชญานั่งมองมีนพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

เมื่อเห็นความสวยหวานของใบหน้าที่เธอรู้สึกถูกชะตาเมื่อได้รู้จักจนชวนมานั่ง

ที่ห้องอาหารของโรงพยาบาลเมื่อรอผลตรวจ


“พี่มีน สวยจังค่ะ”


ศุภัคชญาเอ่ยปากอย่างชื่นชมเมื่อนั่งจ้องอยู่นานจนมีนอดยิ้มด้วยความเขินไม่ได้


“ขอบคุณนะคะแอม พี่แยกไม่ค่อยออกหรอกว่าความสวยเป็นยังไง พี่มองอะไรไม่เห็น

ตั้งแต่เด็กๆ”


“พี่มีนผ่าตัดเปลี่ยนตาหรือคะ”


ศุภัคชญาถามด้วยความอยากรู้ มีนพยักหน้ารับ


“ใช่ค่ะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อไม่นานนี้ที่ดับบลิวเอสโอ พี่เพิ่งมีโอกาสมองเห็นอยู่ไม่นาน

ก็เกิดอาการร่างกายไม่รับสิ่งแปลกปลอมจนเกือบตายไปแล้ว โชคดีที่ได้พบหมอที่มี

ความสามารถอย่างเฮอคิวลิส แอมเคยได้ยินชื่อไหมคะ”


โชคดีของเธอที่มีนยังมองไม่ชัด เลยไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจื่อนๆของเธอ ศุภัคชญาคิดในใจ

ก่อนหันไปสบตาคนเป็นพี่ชาย ศรุตมองตรงไปที่มีนอย่างพิจารณา


“ตอนนี้ดวงตาคุณเป็นไงบ้าง เห็นชัดหรือยัง”


เสียงนุ่มเรียบดังขึ้นจากศรุต ทำให้มีนยิ้มกว้างได้มากขึ้น


“ฉันเริ่มมองเห็นได้มากขึ้นแล้วค่ะแม้จะยังเลือนลางและมัวๆ อยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ยังมอง

เห็นแสงสว่าง ไม่ได้มืดมนเหมือนที่ผ่านมา ขอบคุณนะคะ”


ศรุตนิ่งฟัง ใบหน้าเรียบเฉยมีร่องรอยของความเมตตาฉายออกมา


“ขอบคุณสำหรับอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย”


มีนหัวเราะน้อยๆ เผยให้เห็นฟันสวยเรียงเป็นระเบียบที่ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูมีเสน่ห์


“ขอบคุณสำหรับอะไรก็ได้ค่ะ อย่างน้อยก็ความรู้สึกดีๆที่คุณมีให้ฉัน”


เสียงเตือนจากนาฬิกาดังขึ้น มีนก้มลงใช้ปลายนิ้วสัมผัสข้อความเรืองแสงที่มีอักษรนูน

ขึ้นมาสำหรับคนมองไม่เห็น


“พ่อมารับแล้ว ฉันต้องกลับก่อน พี่ไปก่อนนะคะแอมแล้วเจอกันอีกนะ”


มีนหันไปพูดกับศุภัคชญา แล้วหันมาเพ่งมองใบหน้าของศรุตอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนช้าๆ


“แล้วพบกันใหม่นะคะ คุณเอก”


มีนหันหลังกลับเดินออกไปพร้อมไม้เท้าช่วยเหลือ หญิงสาวยิ้มกว้างกับตัวเอง


“แล้วพบกันใหม่ เฮอคิวลิส”







แสงแดดจากดวงอาทิตย์ยามสายของวันส่องตรงมายังโลกจนอากาศร้อนระอุ ยิ่งในยุค

ที่มีแต่ภาวะเรือนกระจกอากาศก็ยิ่งร้อนแล้งหนักขึ้นกว่าเดิม แต่มันไม่ได้มีผลอะไรตอนนี้

โดยเฉพาะกับเขา


ท่ามกลางทุ่งหญ้าและดอกไม้ดอกเล็กที่ขึ้นแซมเป็นระยะกับลำธารที่เห็นอยู่เบื้องหน้า

สายลมพัดเอื่อยแม้จะหอบเอาลมร้อนมาบ้าง แต่เมื่อยืนอยู่เคียงข้างกับคนที่ยกมือขึ้น

ปัดปอยผมให้แล้วรีบชักมือลงก่อนที่จะหลบตาด้วยความเก้อกระดาก ที่นี่คือสวรรค์สำหรับเขา


“ชอบไหมครับ”



ธนัทเอ่ยถามทำลายความเงียบ แต่คำถามนั้นยิ่งทำให้ศรุตวางสีหน้าไม่ถูกจนธนัทถึงกับ

หัวเราะเบาๆ


“ผมหมายถึง พี่เอกชอบที่นี่ไหม”



ศรุตพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแม้จะรู้สึกว่ามันช่างยากเย็นกว่าตอนลงมีดผ่าตัดชิ้นเนื้อ

ครั้งแรกเสียอีก



“ชอบ สวยมาก นายรู้จักที่นี่ได้ไง”


“รู้จักตอนที่จะไปฟาร์มเพาะต้นไม้ที่เรากำลังจะไปนี่แหละครับ ตอนนั้นรู้จักกับเจ้าของฟาร์มใหม่ๆ

เขาชวนไปดูต้นไม้ พอผ่านมาตรงนี้ก็เลยลงมาจอดดูและก็เลยแวะมาทุกครั้งที่มาทางนี้”


ศรุตทอดสายตาไปมองรอบๆอย่างชื่นชม


“ทำไมไม่มีใครรู้จักที่นี่”


“ก็เพราะว่าที่นี่มันอยู่ไกลเกินกว่าคนในพื้นที่นิวซิตี้จะยอมเสียเวลามาชื่นชมไงครับ”


ธนัทหันไปหลิ่วตา ยักคิ้วให้ศรุต


“ผมบอกพี่เอกแล้วว่าถ้าอยากดูวิวสวยๆผมจะพามา”


ศรุตเห็นกิริยานั้นก็อดหัวเราะเบาๆไม่ได้ เขาเหลือบตามองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ข้างกาย

อย่างใส่ใจมากขึ้น


เด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรที่ซุกซ่อนอยู่ภายในมากกว่าที่เห็นเพียงแค่ร่างบางและใบหน้าที่หวาน

ยิ่งกว่าผู้หญิง มันทำให้เขาอยากค้นหาและรู้จักมากขึ้นโดยที่เขาก็ไม่รู้สาเหตุ


“นายอยู่คนเดียวหรือ มีญาติพี่น้องหรือเปล่า”


“มีสิครับพี่เอก ผมมีพ่อครับ”


“อ้าว แล้วทำไมอยู่คนเดียว พ่อนายไม่ว่าเหรอหรือมีปัญหาอะไรกัน”


ศรุตเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยเพราะเห็นธนัทขลุกอยู่กับต้นไม้ที่ร้านอยู่คนเดียวตลอดเวลา


ธนัทยิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อพูดถึงคนเป็นพ่อ


“ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอกครับออกจะรักกันมากเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับคนอื่นพ่ออาจจะ

ดูดุเข้มงวดไปบ้าง แต่กับผมพ่อเป็นพ่อที่รักและใจดีกับลูกมาก”


“อ้าว แล้วถ้าพ่อนายเข้มงวดอย่างที่นายว่า ทำไมถึงได้ยอมให้นายมาอยู่คนเดียวได้ล่ะ”


“เพราะพ่อรู้ว่าความสุขอย่างเดียวของผมคือต้นไม้ แม้ว่าพ่อจะเป็นห่วงแค่ไหนแต่พ่อก็ยอม

ให้ผมทำในสิ่งที่ผมรัก”


อยู่ๆธนัทก็หันขวับมามองจนศรุตสะดุ้งในใจ


“พี่เอก รู้จักความรักไหมครับ”


ศรุตอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำถาม


“รู้จักสิ อย่างรักยัยแอม รักการวาดรูป”


ธนัทส่ายหน้า


“รักจนรู้สึกว่าเรายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้คนที่เรารักมีความสุข แม้เราจะต้องสูญเสียอะไร

ไปบ้างเราก็ยอม พี่เคยรู้สึกอย่างนั้นไหม”


ศรุตนิ่งคิดแล้วก็ส่ายหน้า


“ทำไมจะต้องทำอย่างนั้น ฉันว่าคนเรามันก็มีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่เห็นต้องมีความรัก

โอเค.. เราอาจจะรักใครบ้างแต่ไม่เห็นต้องไปทำอะไรที่วุ่นวายเสียสละอะไรที่ยิ่งใหญ่

นายคิดหรือว่าคนที่เรารักจะดีใจถ้ารู้ว่าเราต้องทำอะไรเพื่อเขามากมาย”



ธนัทฟังความเห็นของศรุตแล้วก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ


“มันไม่ใช่สิ่งที่เราเรียกว่า ต้องทำ ครับพี่เอก”


หนุ่มน้อยหน้าหวานค้านเบาๆ


“มันเป็นสิ่งที่เรา อยากทำ ให้กับคนที่เรารัก มันคือการให้ ให้โดยที่เราไม่ได้หวังอะไรมาก

ไปกว่าความสุขของคนที่เราอยากให้”


ธนัทหันร่างมาเพื่อเผชิญหน้ากับศรุต


“ตอนนี้แค่พี่เอกยังไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร สักวันหนึ่งเมื่อพี่เอกมีความรักพี่เอกก็จะรู้ว่า

ความสุขจากการให้และทำให้คนที่เรารักมีความสุข มันมีความหมายแค่ไหน”


หนุ่มน้อยก้าวมาเพียงครึ่งก้าว เขาก็อยู่ใกล้จนแทบสัมผัสได้กับคนที่ยืนอึ้ง

ธนัทเอื้อมมือไปดึงแว่นกรอบดำที่ศรุตใส่เป็นประจำออกจากใบหน้าช้าๆ

โดยที่ศรุตก็ไม่มีสติพอที่จะเอ่ยห้าม



“ชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิดนะครับพี่เอก อะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบไขว่คว้าเพราะเราก็ไม่รู้ว่าเรา

จะมีชีวิตยืนยาวไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้ารู้แล้วว่าอะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบทำอย่างเช่นตอนนี้ที่ผมอยากจะ...”



ธนัทหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นเมื่อสบตากับดวงตาที่ปราศจากสิ่งกำบังของศรุต ดวงตาที่เต็มไปด้วย

ความสับสนและลมหายใจร้อนผ่าวที่ขาดช่วงเป็นระยะ คงมีแต่เพียงเขาที่มั่นใจ



มั่นใจที่จะเอียงหน้าไปหาริมฝีปากได้รูปของศรุตแล้วทาบริมฝีปากตัวเองลงไปแนบแน่น


โดยที่ศรุตไม่ทันได้ตั้งตัว







TBC


 :n1: :n1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2015 22:49:52 โดย Belove »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
มีนคะ..ซึ้งใจที่คุณหมอช่วยชีวิตเอาไว้อีกครั้งน่ะก็ได้อยู่หรอก แต่ถ้ามากเกินไปกว่านั้น เห็นทีเราคงจะต้องห้ามเสียแล้วล่ะค่ะ เพราะสำหรับพี่เอกน่ะ น้องนัทเขาหวงมากกกกก.. :-[ ถึงขนาดกับจูบจับจองให้พี่เอกรับรู้แล้วด้วยน้าา >\\<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เขาจูบกันแล้วเจ้าค่าเอ๊ยยย >///<
แถมอิน้องยังรุกจูบก่อนด้วย 5555
ทีนี้จะเอายังไงต่อดีล่ะคะพี่เอกกก หึหึ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เค้าจุ้บกันแล้ววววว คึคึ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                  Heart

                            หัวใจนี้มีเพียงเธอ

                                 บทที่ 10


“คุณมันดื้อที่สุด”


นายสุทัศน์ ผู้อำนวยการองค์การวิทยาศาสตร์โลก ตะคอกผ่านจอเรืองแสงด้วย

สีหน้าหงุดหงิด


องค์การของเขาสูญเสียลูกค้าชั้นดีไปอีกหนึ่งคน เมื่อบิดาของหญิงสาวที่มาผ่าตัด

เปลี่ยนดวงตาไม่มีความพึงพอใจในการแก้ไขปัญหาเมื่อบุตรสาวได้รับผลกระทบร้ายแรง

และขอปฏิเสธการรักษา


ที่เจ็บใจก็คือ ได้ข่าวมาว่าอดีตนักการเมืองคนนั้นนำบุตรสาวมารักษากับเฮอคิวลิส

แล้วอาการกลับดีขึ้นด้วย สุทัศน์หงุดหงิดจนต้องติดต่อมาหาเฮอคิวลิสอีกครั้ง


เขาไม่รู้ว่าเจ้าหมอหนุ่มที่ปกปิดหน้าตามันเป็นใคร แต่ก็ยอมรับอยู่ในใจว่าเจ้าหมอ

ที่ไม่ได้อยู่ในองค์กรแพทย์คนนี้มีฝีมือและมีทีมงานที่พร้อมมาก ถ้าเพียงแต่จะยอม

อยู่ในโอวาทบ้าง


เฮอคิวลิสนั่งมองจอเรืองแสงพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านายสุทัศน์

จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแค่ไหนที่พ่อของมีนย้ายการรักษาจากโรงพยาบาลของดับบลิวเอสโอ

เพื่อมารักษาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่นายแพทย์ชินวุฒิสังกัดอยู่ตามคำแนะนำของ

เขาเอง


องค์การวิทยาศาสตร์โลกต้องสูญเสียทั้งรายได้และชื่อเสียง นั่นอาจจะไม่ใช่จุดประสงค์ใหญ่

ของเขา จุดมุ่งหมายของเฮอคิวลิสมีเพียงเยียวยาให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความก้าวหน้า

ทางเทคโนโลยี ได้มีชีวิตรอดอยู่บนโลกร้อนๆ แห่งนี้ เมื่อผู้คนรับทราบถึงข้อเสียมากขึ้น

เขาก็จะวางมือ


“อาจไม่เท่าที่คุณดื้อ”


เขาตอบโต้ด้วยท่าทีเย็นชาเช่นเคย ยิ่งทำให้นายสุทัศน์แทบเต้น


“ความจริงคุณก็เป็นคนมีฝีมือ”


สุทัศน์พูด เมื่อระงับความเดือดดาลลงได้


“ถ้าคุณอยากจะก้าวหน้าในเรื่องงาน คุณมาทำงานให้ดับบลิวเอสโอสิ ทีนี้ ถ้าคุณอยากจะทดลอง

หรือฝึกฝีมือให้เก่งกว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ได้”


แววตาเย็นชาของคนอ่อนวัยกว่าปรากฏร่องรอยของโทสะเมื่อได้ยินการทาบทามจากผู้สูงวัย

 เฮอคิวลิสไม่นึกว่าสุทัศน์จะกล้าชวนเขาเข้าร่วมองค์กร


“ผมขอปฏิเสธ ผมไม่เคยเห็นชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งทดลองเหมือนพวกคุณ”


เขากล่าวอย่างไม่มีเยื่อใย ยิ่งทำให้สุทัศน์โมโห


“เฮอคิวลิส ผมจะคอยดู คอยวันที่คุณต้องเจอกับเหตุการณ์ที่คุณต้องสูญเสียแล้วกลับมาขอร้องผม”


“คงไม่มีวันนั้น”


เฮอคิวลิสกล่าวด้วยความหยิ่งยโสก่อนปิดการติดต่อลง










ศรุตรู้สึกเหมือนตอนทดลองวิทยาศาสตร์ในบทที่ต้องใช้ไฟฟ้าแล้วเขาเผลอไปถูกปลายสายไฟ

จนสะดุ้งเมื่อมีกระแสไฟจำนวนหนึ่งผ่านเข้ามาทางผิวหนัง


ความรู้สึกร้อนวูบมันแล่นจากริมฝีปากที่ประกบแน่นพุ่งตรงไปจุดระเบิดที่สมองจนมันสว่างวาบ

ก่อนที่ความรู้สึกนั้นมันจะวิ่งวนกลับไปกลับมาทั่วร่าง ความรู้สึกที่เนิ่นนานนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที

ในเวลาบนโลก ก่อนที่เขาจะผงะและผลักร่างบางให้ห่างออกจากตัว พร้อมกับที่ตัวเขาก็ก้าวถอยหลัง

ไปด้วยความตกใจ


ตกใจกับการกระทำที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และตกใจกับความรู้สึกของตนเอง


“นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”


ศรุตยกหลังมือขึ้นเช็ดปากด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้นที่เขาถูกเจ้าเด็กวัยรุ่นจู่โจม

ด้วยการจูบ


“ผู้ชายด้วยกันนะ ทำแบบนี้ได้ยังไง”


มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกสำหรับการจูบ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาในท่าทีที่เงียบขรึมเขามักจะถูกสาวๆ

เป็นฝ่ายจู่โจม ก่อนที่เขาจะแสดงให้ผู้หญิงเหล่านั้นรู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกแมวที่จะมาหยอกล้อแต่เขาคือ

สิงห์หนุ่มที่แข็งแรงและเชี่ยวชาญแค่ไหน


แต่มันต้องไม่ใช่กับผู้ชายด้วยกัน

แต่มันต้องไม่ใช่กับความรู้สึกที่เขาดันเคลิบเคลิ้มไปด้วยอย่างนี้


ศรุตชะงักหลังมือค้างอยู่ในอากาศเมื่อเหลือบตาขึ้นมองร่างที่เขาผลักจนเซถอยหลัง มองกลับมา

ด้วยดวงตาที่ทำให้หัวใจเขาหล่นวูบ


“ผมขอโทษ”


ยิ่งเสียงเบาที่หลุดออกมา ยิ่งทำให้ศรุตใจหาย


ดวงตาที่สดใสราวกับกระจก มาถึงตอนนี้สลดลงและหม่นเทากับปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมา

ธนัทกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก การที่ถูกผลักไสออกมาทำให้เขารู้ว่าการกระทำของเขา

มันเป็นที่น่ารังเกียจแค่ไหนในความคิดของศรุต


ถ้าอย่างนั้น การที่หนุ่มน้อยสังเกตเห็นแววตาที่เริ่มสดใสและรอยยิ้มที่ศรุตมีให้เขา

อาจจะเป็นเพียงการที่เขาเข้าใจผิดไปเองก็ได้


“ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ ผมลืมนึกไปว่าคนอื่นเขาไม่ได้คิดเหมือนกันกับผม...”


ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจประเดประดังเข้ามา จนธนัทรู้สึกแสบร้อนไปที่โพรงจมูกและร้อนชื้นที่ดวงตา


“มันไม่ใช่...”


ศรุตใจหายเมื่อมองเห็นปลายจมูกแดงก่ำและดวงตาราวกับแก้วที่เขาแอบมองบ่อยๆก็คลอไปด้วย

หยาดน้ำ


“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะนัท”


ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นคนที่ยืนคอตกอยู่ตรงหน้าเศร้าสร้อย เขาก็อยากที่จะเข้าไปดึงตัวให้เข้ามาอยู่

ในอ้อมกอดแล้วปลอบโยนเรียกรอยยิ้มกลับคืนมา ยิ่งเห็นขนยายาวกระพริบถี่ๆ ชื้นไปด้วยน้ำตา

เขาก็อยากจะประทับริมฝีปากกดทับลงไปเพื่อเช็ดมันให้สิ้นซากความเสียใจ


ธนัทพยักหน้าน้อยๆ เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่จบประโยคของเขา ดวงตาคู่เศร้าหรุบลง


“ถ้าพี่เอกรังเกียจผมก็ขอโทษอีกครั้ง เรารีบไปกันเถอะครับเดี๋ยวแดดจะแรงกว่านี้”


ธนัทก้าวตรงมาที่เขาเพื่อที่จะสวมแว่นกรอบดำคืนให้ ศรุตสบตากับธนัทผ่านการบดบังจากแว่น

คู่นี้อีกครั้ง


ร่างบางหันหลังให้ศรุตยกหลังมือป้ายแรงๆไปที่ดวงตาเพื่อเช็ดน้ำตาที่หยดลงมา ก่อนที่จะก้าวเดิน

ไปยังพาหนะ


ศรุตทนไม่ได้ กับการเข้าใจผิด


ชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิด อะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบไขว่คว้า เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิต

ยืนยาวไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้ารู้แล้วว่าอะไรคือความสุขเราก็ต้องรีบทำ


คำพูดของเด็กหนุ่มลอยเข้ามาในความคิด


ศรุตเอื้อมมือมาดึงแว่นกรอบดำที่ปิดบังสิ่งที่เขามองเห็นให้คลุมเครือแล้วเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี

แล้วเท้าของศรุตก็ก้าวเดินไปทันทีอย่างที่ใจต้องการ


เขาก้าวเร็วๆ ตามธนัทเพื่อที่จะกระชากแขนข้างหนึ่งแล้วรั้งให้ร่างบางนั้นหันกลับมาก่อนที่อีกมือ

จะจับล็อคที่ปลายคางเรียวแล้วแนบริมฝีปากของเขาไปบนปากแดงเรื่อนั้นอย่างรวดเร็ว




มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ค่อยๆแล่นจากที่จอดขึ้นกลางอากาศแล้วเคลื่อนที่ไปสู่จุดหมายโดยที่คนบังคับ

มองตรงไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ กับใบหน้าที่แดงเรื่อ


หนุ่มน้อยอยากจะให้จุดหมายอยู่ไกลออกไปอีกเมื่อรู้สึกถึงท่อนแขนที่เลื่อนมาโอบรัดรอบเอวจาก

ผู้โดยสารที่ซ้อนอยู่เบื้องหลัง







TBC

 :n1: :n1:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2015 09:04:15 โดย Belove »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คำพูดของน้องนัทสื่อไปถึงใจของพี่เอกจนได้สิน่าา.. ^_______^ หน้าบานกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเน้ออ :-[ ดีใจกับน้องนัทด้วยนะค้าาา~

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยๆๆๆ หวานๆ เขินๆ

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
ทำดีมากศรุต บางครั้งการกระทำก็เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนนะเออ อย่าซึน

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
มีนต้องชอบพี่เอกแน่ๆเลย

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
บางครั้งคิดมากไปก็ลำบากนะ   ให้ความรู้สึกชี้นำน่าจะดีกว่าในบางบริบท

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
แรกๆ เล่นเอาเราหน่วงเลยอ่ะ T^T
แต่ตอนท้ายนี่หวานเชียะ >///<
เขินวุ้ย -//-

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ชีวิตมันสั้นอยากทำอะไรก็รีบๆนะพี่เอก   :hao6:
มาต่อไวๆนะฮะรอออออ   :')

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                           Heart

                  หัวใจนี้มีเพียงเธอ
                      บทที่ 11





ความอบอุ่นแผ่ซ่านวิ่งตามเส้นเลือดเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

เมื่อริมฝีปากของศรุตประกบมาโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว


ทันทีที่แขนถูกดึงรั้งให้หยุดก้าวธนัทจึงหันร่างกลับมาตามแรงเหนี่ยว

โดยอัตโนมัติ  ใบหน้าที่หันมามองศรุตจึงเต็มไปด้วยคำถาม


จะหยุดกันไว้เพื่ออะไรถ้าในใจคิดสวนทางกัน นี่คือสิ่งที่เขาส่งผ่านดวงตาคู่หวาน

ไปให้คนที่หยุดเขาไว้


ไม่มีคำตอบจากดวงตาคู่ขรึมนอกจากปลายนิ้วจากมืออีกข้างที่เอื้อมมาจับยึดปลายคาง

ของเขาไว้แล้วเหนี่ยวเข้าหาจนใบหน้ายื่นเข้ามาในระยะประชิด ก่อนที่ศรุตจะเอียงหน้ามา

จนได้องศาแล้วก็ใช้ริมฝีปากปิดแนบจนสนิทอย่างที่หนุ่มน้อยก็ไม่คาดฝันว่าศรุตจะกล้า


สัมผัสแรกจากคนที่ธนัทใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กช่างอบอุ่นจนแทบปรับสภาพจิตใจไม่ทัน

ร่างกายของเขาจึงตอบสนองด้วยการสั่นสะท้านอย่างที่ตัวเขาเองก็ควบคุมไม่ได้ 

ราวกับศรุตจะรับรู้มือข้างที่จับกุมท่อนแขนไว้จึงเลื่อนมาที่เอวคอดแล้วโอบกระชับ

ร่างบางจนใกล้ชิด


ธนัทรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นอุ่นของศรุตแตะแผ่วเบาที่ริมฝีปากเป็นเชิงขออนุญาต

ก่อนที่หนุ่มน้อยจะสะดุ้งเมื่อมันลุกล้ำเข้ามาเกี่ยวกระหวัดในช่องปากเมื่อเขาเผลอตัว

เผยอกลีบปากรับอย่างคนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนมันจะหลุด

ออกมาข้างนอก ธนัทยืนอย่างไร้เรี่ยวแรงจนต้องใช้มือข้างหนึ่งยึดบ่ากว้างและอีกข้าง

เหนี่ยวต้นคอของศรุตเป็นหลักยึด โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้มันยิ่งปลุกเร้าอารมณ์

ของศรุตให้เตลิดจนแทบกู่ไม่กลับ ก่อนที่ทั้งสองจะสะดุ้งสุดตัวและแยกออกจากกัน

ไปยืนหายใจหอบเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณข้อความดังขึ้นจากนาฬิกาข้อมือของธนัท


ธนัทพยายามสูดลมหายใจเข้าไปเมื่อรู้สึกว่าตนเองกลั้นหายใจจนแทบหมดอากาศในร่างกาย

ซ้ำหัวสมองยังว่างโล่งจนเกือบลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก ยิ่งเงยหน้าสบตากับศรุตหนุ่มน้อยก็รีบ

หันหลังให้เพราะไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความขัดเขิน


ศรุตเองก็ต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติกลับคืน เมื่อเขาได้แต่ยืนนิ่งมองร่างบาง

ที่หันหลังให้และกดปุ่มอ่านข้อความจากนาฬิกา


นี่เขาทำมันลงไปแล้ว ทำสิ่งที่มาจากสัญชาตญาณล้วนๆ ไม่มีหลักการและเหตุผล

ใช้อ้างอิง เหมือนอย่างที่เขายึดไว้มาตลอดชีวิต เขาไม่อยากจะยอมรับว่านี่คือความสุข

ที่เขาอยากจะไขว่คว้า

ดวงตาที่เคยนิ่งขรึมเป็นนิจตอนนี้กลับมีแต่ความเก้อเขิน เมื่อเจ้าของใบหน้าแดงจัด

ที่เขาเพิ่งสัมผัสไปนั้น หันกลับมาช้าๆ ด้วยแววตาที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน


“เอ่อ...เจ้าของฟาร์มที่เราจะไป เขาส่งข้อความมาหาเพราะเห็นเราไปช้ากว่าเวลา

ที่บอกเขาไป”


ธนัทเลือกที่จะไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น


“เรา...รีบไปกันเถอะครับพี่เอก เดี๋ยวเขาจะเป็นห่วงมากกว่านี้”


แล้วหนุ่มน้อยก็หันหลังให้ศรุตอีกครั้งเพื่อเดินนำไปที่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยใบหน้าที่เจือไปด้วย

รอยยิ้มแห่งความหวามไหว ศรุตเองก็ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อได้เห็นสีหน้าของหนุ่มน้อย

ก่อนที่เขาจะเดินตามไปและซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว



มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าค่อยๆแล่นจากที่จอดขึ้นกลางอากาศแล้วเคลื่อนที่ไปสู่จุดหมาย

โดยที่คนบังคับมองตรงไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ กับใบหน้าที่แดงเรื่อ

สายลมที่พาหนะขับเคลื่อนผ่านพัดเอากลิ่นกายของคนบังคับรถลอยเข้ามา

ในประสาทการรับกลิ่นของศรุต ชายหนุ่มสูดหายใจช้าๆก่อนสอดแขนทั้งสองข้าง

ไปโอบรัดรอบเอวบางนั้นไว้


ชายหนุ่มอยากจะให้จุดหมายอยู่ไกลออกไปอีก เมื่อรู้สึกถึงท่อนแขนข้างหนึ่ง

ที่วางทาบลงมาแนบสนิทอยู่บนท่อนแขนของเขา




ศรุตหยุดยืนแล้วมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

ท่ามกลางโลกที่ร้อนและแห้งแล้งไปด้วยภาวะเรือนกระจกที่ทุกคนหนีไปอยู่ในเมืองหลวง

ที่เต็มไปด้วยสาธารณูปโภคแล้วทอดทิ้งผืนดินแตกระแหงไว้เบื้องหลังอย่างไม่เห็นคุณค่า

แต่พื้นที่ตรงหน้าเขาตอนนี้กลับปรากฏสีเขียวของพันธุ์ไม้ต่างๆแม้จะไม่ได้กว้างใหญ่

สุดสายตาแต่ก็มากพอที่จะทำให้เขาตื่นตาตื่นใจ

ไม่ใช่แค่ต้นไม้ที่เขาไม่รู้จักชื่อ สิ่งที่ทำให้คนเป็นอดีตนายแพทย์ที่ปัจจุบันดำรงชีวิต

ด้วยการวาดรูปต้องทึ่งมากไปอีก ก็คือเหล่าบรรดาหุ่นยนต์รูปร่างแปลกประหลาดทั้งหลาย

ไม่ต่ำกว่าสิบตัว ที่กำลังทำงาน บ้างก็รดน้ำต้นไม้บ้างก็แต่งกิ่งต้นไม้ ธนัทที่ยืนอยู่เบื้องหลังศรุต

คลี่ยิ้มเมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของชายหนุ่ม


เขาอยากเห็นรอยยิ้มอย่างนี้ รอยยิ้มที่สดใสที่ทำให้โลกสว่างไสวจากศรุต

หนุ่มน้อยไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ยึดมั่นกับความรู้สึกพิเศษที่มีต่อชายคนนี้

ชายคนที่ธนัทแอบมองตั้งแต่เด็ก ทั้งในเวลาที่ตื่นอยู่หรือจะเก็บไปฝันในยามนิทรา

แม้เหตุการณ์บางอย่างและเวลาจะพาให้เขาแยกจากไป แต่ศรุตก็ยังวนเวียนอยู่ใน

ความคิดคำนึงของเขาตลอดมา จนกระทั่งเขาได้มาพบเจอศรุตอีกครั้ง

แม้ในปัจจุบันนี้คนจะเชื่อวิทยาศาสตร์มากกว่า แต่หนุ่มน้อยยังเชื่อในเรื่องพรหมลิขิต

ในเมื่อเขาได้พบชายคนนี้อีกครั้ง เขาจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาตลอดคือทำทุกอย่าง

ให้ศรุตมีความสุข ธนัทจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้พลาดไป เขาก้าวมายืนเคียงข้างหันไปมอง

เสี้ยวหน้าคมด้วยรอยยิ้ม


“สวยไหมครับพี่เอก”


“สวยมาก เจ้าของที่นี่เก่งมากที่ทำได้ขนาดนี้”


ศรุตกล่าวชื่นชมจากใจ


“เดี๋ยวไว้รอชมต่อหน้าก็แล้วกันครับตอนนี้เจ้าของฟาร์มอยู่ในโรงเรือนเพาะต้นกล้า

สักพักคงออกมา ตอนนี้เราไปดูต้นไม้ที่ผมจะมารับวันนี้ดีกว่า”


ธนัทหันรีหันขวางอยู่สักครู่ก่อนที่จะยิ้มเมื่อเห็นจุดหมายที่เขาตามหาวางอยู่ใต้ร่มจากผ้าใบบังแดด

เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ศอกของศรุตเพื่อชักชวนให้เดินไปใกล้ ต้นไม้ในกระถางเป็นไม้พุ่มมีใบเป็นแฉก

ส่วนดอกมีขนาดแค่หัวแม่มือห้อยลงจากกิ่งมีหลายดอกอยู่ในกิ่งเดียวกัน สีชมพูของมันเรียกรอยยิ้มกว้าง

บนใบหน้าของศรุตได้ เขาเอื้อมมือไปแตะที่กลีบบางอย่างทะนุถนอม


“ชื่อต้นอะไร”

ศรุตถามอย่างสนใจ


“ไม่มีชื่อภาษาไทยหรอกครับ ชื่อภาษาอังกฤษชื่อว่า Bleeding Heart โลหิตแห่งหัวใจ

แล้วก็มีภาษาเยอรมัน TraenendesHerz หัวใจเจ้าน้ำตา”


ศรุตชะงักเมื่อได้ยิน สวยแต่เศร้า เขาจำกัดความ ฟังชื่อแล้วก็ใจหายใครช่างตั้งชื่อ

ให้สิ่งที่สวยงามขนาดนี้ให้ชวนหดหู่


“ไม่เลี้ยงได้ไหม”


เขาหลุดปาก ก่อนหันไปสบตากับธนัทด้วยดวงตาที่เป็นกังวล


“ชื่อของมันเศร้าเกินไป”


ยังไม่ทันที่ธนัทจะตอบรับหรือปฏิเสธเสียงตะโกนโหวกเหวกอย่างยินดีก็ดังขึ้น

ทั้งศรุตและธนัทต่างหันไปมองพร้อมกัน

ร่างผอมเก้งก้างผิวขาวเดินมาจากแปลงที่ยกร่องขึ้นปลูกต้นไม้ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ปิดบัง

เมื่อมาถึงจุดที่ศรุตยืนอยู่กับธนัท


ศรุตไม่ทันรู้สึกตัวว่าใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงคิ้วขมวดแน่นเมื่อร่างเก้งก้างนั้น

สวมกอดธนัทอย่างแนบแน่นทันทีที่ก้าวมาถึงและที่สำคัญธนัทก็กอดร่างนั้นกลับ

พร้อมหัวเราะอย่างสนิทสนม ก่อนที่จะปล่อยแล้วหันมาแนะนำ


“พี่เอกครับ นี่คือพี่ภาม วิศวกรหุ่นยนต์คนเก่งที่หันมาเอาดีด้านปลูกต้นไม้”




TBC
 :n1: :n1:








[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2015 19:30:37 โดย Belove »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
หวานเชียะ เขิน -///-
พี่เอกของหมู่เฮาเริ่มหึงแล้ววว คึๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2015 20:23:49 โดย boboman »

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
เจอกันแล้ว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แน่ะๆๆ แอบหึงสิ่ท่าพี่เอก
ที่เห็นนัทกอดคนอื่นอ่ะ หุหุ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พอรู้ใจตัวเองปุ๊บ..อาการหวงน้องนัทก็ถามหาเลยนะคะพี่เอก~ :-[

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
พี่เอกหึงนัทไม่อยากให้กอดกับคนอื่นใช่มั้ยล่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                               Heart


                          หัวใจนี้มีเพียงเธอ


                              บทที่ 12





“พี่มีน ทางนี้”


ศุภัคชญาโบกมือไปมาอย่างยินดีเมื่อเห็นมีนเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าของตึกผู้ป่วยนอก

และเมื่อร่างบางของมีนหันมาเห็นศุภัคชญารวมทั้งคนที่ยืนขรึมอยู่เบื้องหลังรถเข็นไฟฟ้า

มีนก็ยิ้มกว้างแล้วเดินมาหาอย่างรวดเร็ว ไม้เท้าเซ็นเซอร์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับมีนอีกแล้ว

ในตอนนี้ เมื่อดวงตาของเธอกลับคืนสภาพเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะมีเพียงแดดจ้าที่มีผล

หญิงสาวก็แก้ไขเพียงใส่แว่นกันแดดเวลาออกสู่สภาพแวดล้อมภายนอก


มีนหยุดยืนต่อหน้าคู่พี่น้อง ดวงตาของหญิงสาวจ้องตรงแน่วแน่ไปที่ศรุต

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนที่เธอปักใจเชื่อว่าเป็นเฮอคิวลิสชัดเจน

ขอบตาของมีนร้อนผ่าวไปด้วยความตื้นตันที่เธอยังได้รับโอกาสนี้ โอกาสที่จะได้เห็นหน้า

ของคนที่คอยให้กำลังใจในยามที่เธออ่อนแอ จนความรู้สึกดีๆเหล่านั้นมันยังหล่อเลี้ยงอยู่ในใจ

ของมีนตลอดเวลา


“สวัสดีค่ะคุณเอก สวัสดีค่ะแอม ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ”


“นั่นสิคะพี่มีน ดีใจจังที่ได้พบกันอีก แอมกับพี่เอกยังคุยกันเรื่องพี่มีนอยู่เลย”


คำพูดของศุภัคชญายิ่งทำให้มีนยิ้มสดใสเมื่อสบตากับศรุต


“ดวงตาของคุณกลับมาเป็นปกติแล้วหรือ”


ศรุตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปรานี มีนรีบพยักหน้ารับ


“ค่ะ ฉันมองเห็นชัดเจนแล้ว วันนี้ฉันถึงได้ดีใจมากที่ได้พบคุณ เพราะได้เห็นหน้า

ของคุณชัดๆเป็นครั้งแรกคุณหน้าตาดีและจิตใจดียิ่งกว่าหน้าตาเสียอีก”


ในเมื่อได้เจอกับคนดีแล้ว ฉันอยากชนะใจคุณ เฮอคิวลิสของฉัน


มีนพูดต่อในใจ


ยังไม่ทันที่ศรุตจะพูดตอบ เขาเหลือบไปเห็นนายแพทย์ชินวุฒิที่ก้มหน้าก้มตาเดิน

อยู่ตรงระเบียงทางเดิน ชายหนุ่มจึงตะโกนเรียกไว้ ชินวุฒิชะงักและเมื่อเงยหน้า

มามองศรุตที่เรียก เขาจึงเดินมาสมทบอย่างรวดเร็ว


“เฮ้ยไอ้เสือ เป็นไงบ้างวะ”


ชินวุฒิยิ้มแย้มทักทาย ศรุตยิ้มรับ


“สบายดี เอ่อ...”


ศรุตกระพริบตาให้ชินวุฒิก่อนพูดต่อ


“เฮ้ย ชิน สาวสวยคนนี้คือ มีน คนไข้ที่เคยผ่าตัดตากับดับบลิวเอสโอ มีนครับ

คนนี้คือนายแพทย์ชินวุฒิ อายุรแพทย์ที่เก่งที่สุดที่ผมเคยรู้จักมา”


ทั้งสองหันมาสบตากันแล้วก็ต้องอึ้งกับความรู้สึกที่ต่างกันไป


สำหรับมีน รู้สึกคุ้นในน้ำเสียงของนายแพทย์ชินวุฒิตั้งแต่เขาพูดคุยกับศรุต

ส่วนชินวุฒิ ได้แต่ยืนอึ้งเมื่อได้เห็นหน้าและสบตากับมีนอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก

นับตั้งแต่เคยให้การรักษาที่คลินิคลับความรู้สึกจึงเต็มไปด้วยความห่วงใย

แต่ชินวุฒิก็รู้ตัวว่าพูดอะไรมากไม่ได้นอกจากคำว่า


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มีน”





เขาหงุดหงิด

ศรุตยอมรับกับตัวเอง

ก็อาการที่ทำอะไรไม่ได้ดังใจเห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด จนเขาต้องสูดลมหายใจ

เข้าออกเพื่อควบคุมตัวเองอยู่บ่อยครั้ง อาการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เขาเห็นความสนิทสนมระหว่าง

ธนัทกับเจ้าเก้งก้างที่ชื่อภามจนถึงตอนนี้แม้จะผ่านมาสองวันแต่อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น

ซ้ำร้ายมันจะมากขึ้นทุกทีที่เวลาดำเนินไป เมื่อตลอดเวลาในหัวสมองของศรุตมีแต่ใบหน้า

ของเจ้าเด็กชื่อธนัทลอยวนเวียนอยู่ไปมา ตั้งแต่ดวงตาคู่หวานจมูกโด่งได้รูปโดยเฉพาะริมฝีปาก

แดงเรื่อที่คลี่ยิ้มทุกครั้งเวลาที่เขาแอบมอง เหมือนมันเรียกร้องให้เขาปรี่เข้าไปสัมผัสบดเบียด

และเล็มความหวานเหมือนที่เขาได้เคยลองลิ้มชิมรสมาแล้วครั้งหนึ่ง


นี่คงจะยิ้มยั่วยวนคนอื่นอย่างนี้ไปทั่วสินะ

เขาหน้าบึ้งอยู่ต่อหน้าแผ่นผ้าใบผืนขาว มือที่จับพู่กันชะงักอยู่นานแล้วเพราะผู้เป็นเจ้าของ

ไม่มีสมาธิพอที่จะจรดมันลงไปบนผืนผ้าให้เป็นรูปร่างที่สวยงามได้

ยิ่งคิดถึงตอนที่ธนัทโปรยยิ้มอวดฟันขาวเรียงตัวสวยแล้วปรี่เข้าไปกอดรัดกับภามอย่างสนิทสนม

พร้อมกับพูดคุยอย่างสนุกสนานกันอยู่สองคน ราวกับจะมองเห็นตัวเขาเป็นแค่ต้นไม้เล็กๆ

ต้นหนึ่งที่ประดับอยู่ในสวน


เขายืนกัดฟันกรอดมองภาพนั้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แม้กระทั่งตอนที่เข้าไปช่วยยกกระถางต้นไม้

หอบหิ้วกลับมาถึงโอลด์ทาวน์ และเดินกลับไปขึ้นรถขับเคลื่อนไฟฟ้าของเขาทันที โดยไม่ยอม

แม้แต่จะเอ่ยคำร่ำลา


“โธ่โว้ย!”


ศรุตใช้พู่กันจุ่มลงในจานสีเร็วๆ ปาดมันแรงๆ ไปมาบนผืนผ้า จนเกิดเป็นรอยสีที่ไม่เป็นรูปทรง

และผืนผ้าใบแทบทะลุก่อนที่เขาจะชะงักเมื่อท่อนแขนของเขาถูกดึงไว้ด้วยมือของใครบางคน

เขาหันขวับไปมองเจ้าของมือด้วยดวงตาที่โกรธเกรี้ยว ยิ่งเมื่อรู้ว่าเป็นใครศรุตรีบกระชากท่อนแขน

ของตนออกจากการเกาะกุม แล้วหันหน้ากลับกระแทกพู่กันลงในจานสีอย่างไม่สบอารมณ์


“มาทำไม ใครใช้ให้มา”


คำทักทายเสียงห้วนส่งผลให้คนมาเยือนหน้าเสีย แขนที่ถูกสลัดเมื่อครู่ลดลงแนบตัวเมื่อเอ่ยตอบเสียงแผ่ว


“ไม่มีใครใช้ให้มาหรอกครับ มาเพราะเป็นห่วง อยู่ๆ วันนั้นพี่เอกก็เงียบไป ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่า”


ศรุตแค่นยิ้ม


“เฮอะ...ห่วงอะไร ห่วงว่าจะโง่ให้หลอกจริงๆหรือเปล่างั้นเหรอ ผ่านมาสองวันเพิ่งจะคิดเป็นห่วง

ทำไมไม่รอให้ตายซะก่อนแล้วค่อยคิดได้ล่ะ”


น้ำเสียงกระแทกกระทั้นทำให้บรรยากาศตึงเครียด ความเงียบเข้ามาเยือนเมื่อประโยคนั้นจบลง

 ศรุตอดใจไว้ไม่ได้ที่จะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นใบหน้าเผือดสีของหนุ่มน้อย

ธนัทกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าค่อยๆซีดลงเมื่อได้ยินคำพูดประชดประชันนั่นตั้งแต่

ต้นประโยค และพอสิ้นสุดคำพูดจากศรุต หน้าเนียนก็แทบไม่มีสีเลือด


มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายตรงหน้า เขาไม่เข้าใจอารมณ์เดือดพล่านที่ศรุตกำลังเป็นอยู่ สิ่งที่ธนัททำได้ตอนนี้

มีแค่กระพริบตาขับไล่ความเปียกชื้นที่มาเยือนพร้อมทั้งกลั้นสะอื้นเพื่อตอบโต้ในสิ่งที่ศรุตกำลังเข้าใจผิด


“ที่เพิ่งมาเพราะผมมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการต้นไม้ลงดิน แล้วที่พี่คิดว่าผมจะหลอกอะไรพี่น่ะ ผมไม่เข้าใจ

คนอย่างผมนี่นะจะหลอกอะไรพี่ได้”


ศรุตมองหน้าเนียนที่คอยหลอกหลอนเขามาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำ

แล้วยังมีจมูกโด่งที่แดงก่ำ ริมฝีปากที่เขาจำได้ว่ามันหวานแค่ไหน ตอนนี้เจ้าตัวใช้ปลายฟันขบไว้

เพื่อห้ามอาการสั่นระริกจนแทบห้อเลือด


ฮึ…มารยาสาไถย

นี่คงใช้วิธีนี้หลอกล่อคนอื่นให้ตกหลุมพรางสินะ


“หยุดทำหน้าอินโนเซนท์เสียทีเถอะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะใช้ไอ้หน้าไร้เดียงสานี่ ไปหลอกคนอื่น

มาแล้วกี่คน แต่ขอร้องอย่ามาใช้กับฉัน”


น้ำตาที่คลออยู่หยดลงมาทันที ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง ธนัทไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดทั้งหมดจะออกมา

จากปากคนที่อยู่ในใจของเขามาตั้งแต่เด็ก หนุ่มน้อยอยากจะยกมือขึ้นทุบตีตัวเองให้มันเจ็บปวด

เผื่อว่ามันอาจจะช่วยกลบความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นในจิตใจได้

ศรุตอยากจะกัดปากตัวเองเมื่อหยุดไม่อยู่ที่จะพูดระบายโทสะออกไป ยิ่งเมื่อเห็นธนัทยืนอึ้ง

หยดน้ำใสเปรอะเปื้อนเป็นคราบอยู่บนใบหน้า ใจของเขาก็อ่อนยวบจนแทบจะถลาเข้าไปดึงร่างบาง

มาปลอบโยนในอ้อมกอด สิ่งที่รั้งเขาไว้มีเพียงเยื่อบางๆของทิฐิในใจเท่านั้น แต่เมื่อเห็นธนัทยืดตัวขึ้น

ลำคอเชิดตรง ดวงตามองมาที่เขาอย่างตัดพ้อ แล้วเป็นฝ่ายเอ่ยคำพูดเสียงแข็งใส่บ้าง ศรุตก็กลับ

เดือดดาลยิ่งกว่าเก่า


“ผมไม่รู้นะว่าทำไมพี่เอกถึงได้มองว่าผมเป็นคนหลอกลวง แต่ก็โอเค ถ้าพี่อยากให้ผมไปหาคนอื่น

เพื่อไปหลอกเค้าอย่างที่พี่กล่าวหา ผมก็จะไป”


ธนัทยกมือเช็ดน้ำตา สบตากับศรุตด้วยความน้อยใจอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังให้ศรุต

แล้วก้าวเดินจากไป ศรุตใจหายกับการกระทำของธนัท เขาทนไม่ได้ที่เห็นหนุ่มน้อยหันหลังให้เขา

จิตกรหนุ่มก้าวยาวๆ ตามหลังเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามทัน เขากระชากแขนให้ธนัทผวากลับมาตามแรง

เหนี่ยวรั้งแล้วใช้มือแกร่งบีบที่ปลายคางจนธนัทหน้าเหยเก ศรุตเค้นเสียงต่ำหนักใส่หน้าธนัทที่มองมา

อย่างตกใจ


“นายไม่มีสิทธิ์หันหลังให้ฉัน ถ้าฉันยังไม่อนุญาต”


ก่อนที่ธนัทจะร้องออกมา ศรุตก็กดริมฝีปากลงไปบนปากได้รูปอย่างรวดเร็วและรุนแรง

แม้ว่าธนัทจะพยายามเม้มปากหนีพลางใช้มือทุบไปที่แผ่นหลังศรุตก็ไม่สน

เขาขบไปที่ริมฝีปากล่างของธนัทจนห้อเลือด หนุ่มน้อยเผลอตัวอุทานด้วยความเจ็บ

ศรุตรีบใช้โอกาสนี้ส่งปลายลิ้นเข้าไปในช่องปากแล้วบดเบียดคลุกเคล้าด้วยอารมณ์คุกรุ่น

จนธนัทแข้งขาอ่อนยวบเพราะเกือบขาดอากาศหายใจ



TBC

 :monkeysad: :monkeysad:


หึงโหดไปแล้วอิพี่เอก ฮึ่ยๆๆๆ  :serius2: :serius2:






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2015 21:24:23 โดย Belove »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
หันหลังค่ะพี่เอก..หันมาให้เราลงแส้เสียดีๆ มีอย่างที่ไหนพอน้องนัทมาง้อตัวเองถึงที่ก็ว่าน้องปาวๆ ทั้งที่ยังไม่ได้สอบถามความจริงอะไรจากน้องเลยสักนิด แล้วแต่ละอย่างที่ออกมาจากปากนี่น้า สะเทือนใจคนฟังสุดๆ ไปเลย o18

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
นี่พี่เอก หึงโหดมากกกก
มาดสุขุมหายไปไหนหมด พูดแบบนี้น้องเสียใจแย่

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
แหมะ เหมือนอ่านไม่จุใจอ่ะ อยากได้ยาววววววววว อ่านกันให้ตาแฉะไปเลย :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด